Friday, 16 May 2025
ECONBIZ NEWS

‘ทิพานัน’ เผย ‘ภูเก็ต’ โกยรายได้ท่องเที่ยวสูงสุด ชี้!! ผลจากนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวของ ‘บิ๊กตู่’

‘ทิพานัน’ โชว์ผลสำเร็จ ‘พล.อ.ประยุทธ์’ เปิด 10 อันดับจังหวัดที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวสูงสุด ภูเก็ตคว้าแชมป์ 127,927 ล้านบาท สะท้อนมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวได้ผล กระจายรายได้ทั่วประเทศในธุรกิจเกี่ยวเนื่อง

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ผลักดันให้เริ่มใช้โครงการ ‘ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์’ เป็นจุดเริ่มต้นตามนโยบายเปิดประเทศอย่างค่อยเป็นค่อยไป จนประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี ขยายออกไปยังพื้นที่อื่น ๆ และนำมาสู่การเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบในปัจจุบัน ผนวกกับมาตรการสาธารณสุขและความร่วมมือของคนไทยและเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนส่งผลให้มีการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวแบบกลับคืนมาได้อย่างรวดเร็วแบบ ‘V-Shape’ โดยเฉพาะผลสำเร็จที่เกินความคาดหมาย จากจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย ในปี 2565 ครบ 10 ล้านคนเมื่อวันที่ 10 ธันวาคมที่ผ่านมา

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า การฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวไทยใน 10 เดือนแรกของปี 2565 ตั้งแต่เดือนมกราคม - ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา ดึงดูดเม็ดเงินเข้าประเทศเป็นจำนวนมาก โดยมีข้อมูลรายได้จากจังหวัดที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวสูงสุด 10 อันดับ ได้แก่ 

1.ภูเก็ต 127,927 ล้านบาท 
2.ชลบุรี 13,283 ล้านบาท 
3.สุราษฎร์ธานี 7,586 ล้านบาท 
4.เชียงใหม่ 4,246 ล้านบาท 
5.สงขลา 3,602 ล้านบาท  
6.พังงา 2,582 ล้านบาท  
7.เชียงราย 1,585 ล้านบาท
8.กระบี่ 1,408 ล้านบาท  
9.ประจวบคีรีขันธ์ 854 ล้านบาท  
10.หนองคาย 526 ล้านบาท

จังหวัดที่มีชาวต่างชาติเยือนมากที่สุด 10 อันดับ
1.ภูเก็ต 2,329,894 คน 
2.ชลบุรี 975,026 คน 
3.สุราษฎร์ธานี 606,812 คน 
4.สงขลา 581,808 คน 
5.เชียงใหม่ 496,111 คน
6.สมุทรปราการ 321,390 คน 
7.พังงา 317,353 คน 
8.หนองคาย 231,243 คน 
9.กระบี่ 217,526 คน 
10.หนองคาย 148,683 คน

เกาะติดโซนยอดนิยม 'กทม.-ปริมณฑล' ไตรมาส 3 'ห้วยขวาง' ยืนหนึ่งคอนโด 'บางพลี' คึกคักบ้านเดี่ยว

(14 ธ.ค. 65) นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ภาพรวมการสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยเสนอขายรวมทั้งสิ้น ณ ช่วงไตรมาส 3 ปี 2565 พบว่ามีจำนวน 198,024 หน่วย มูลค่า 984,904 ล้านบาท โดยมีจำนวนหน่วยลดลงจากไตรมาส 2 ปี 2565 จำนวน 2,188 หน่วย แต่มูลค่ากลับสูงขึ้น 8,608 ล้านบาท 

โดยเป็นโครงการบ้านจัดสรร 126,325 หน่วย มูลค่ารวม 680,615 ล้านบาท ซึ่งพบว่าบ้านจัดสรรมีการเพิ่มขึ้นทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่าต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 1 และ 2 ปี 2565 ซึ่งเพิ่มขึ้นทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวเฮ้าส์ ขณะที่โครงการอาคารชุดมีหน่วยเสนอขายจำนวน 71,699 หน่วย มูลค่ารวม 304,289 ล้านบาท ซึ่งลดลงต่อเนื่องจากไตรมาส 1 และ 2 ปี 2565

สำหรับโซนที่มีหน่วยอาคารชุดเสนอขายสูงสุด 5 อันดับแรก ประกอบด้วย...

อันดับ 1 ห้วยขวาง-จตุจักร-ดินแดง จำนวน 9,921 หน่วย มูลค่า 40,368 ล้านบาท (มูลค่าเป็นอันดับ 3) 

อันดับ 2 พระโขนง-บางนา-สวนหลวง-ประเวศ จำนวน 8,285 หน่วย มูลค่า 23,259 ล้านบาท (มูลค่าเป็นอันดับ 4)

อันดับ 3 เมืองนนทบุรี-ปากเกร็ด จำนวน 7,144 หน่วย มูลค่า16,288 ล้านบาท (มูลค่าเป็นอันดับ 6) 

อันดับ 4 ธนบุรี-คลองสาน-บางกอกน้อย-บางกอกใหญ่-บางพลัด จำนวน  6,893 หน่วย มูลค่า 21,262 ล้านบาท (มูลค่าเป็นอันดับ 5) 

สรุปสถานการณ์ตลาดน้ำมันสัปดาห์ที่ 5 - 9 ธ.ค. 65 จับตาปัจจัย ‘บวก - ลบ’ พร้อมแนวโน้ม 12 - 16 ธ.ค. 65

ราคาน้ำมันดิบ ICE Brent เฉลี่ยสัปดาห์ล่าสุดลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 5 แต่ในช่วงปลายสัปดาห์ปรับเพิ่มขึ้น หลังจากท่อ Keystone (622,000 บาร์เรลต่อวัน) ที่ขนส่งน้ำมันดิบจากเมือง Hardisty รัฐ Alberta ในแคนาดาสู่แถบ Mid-West ในสหรัฐฯ ปิดดำเนินการตั้งแต่วันที่ 7 ธ.ค. 65 โดยล่าสุดบริษัท TC Energy ผู้ดำเนินการท่อดังกล่าวรายงานการกู้คืนน้ำมันดิบรั่วไหลปริมาณ 2,600 บาร์เรล อย่างไรก็ตามมีการรั่วไหลทั้งหมด 14,000 บาร์เรล ตั้งแต่วันที่ 7 ธ.ค. 65 และขณะนี้ท่อ Keystone ยังคงปิดดำเนินการ

จับตาการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของสหรัฐฯ (FOMC) ในวันที่ 13-14 ธ.ค. 65 ซึ่ง Reuters Poll คาดการณ์ว่าจะมีมติปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Federal Funds Rate: FFR) ขึ้น 0.5% อยู่ที่ 4.25-4.5% และติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 15 ธ.ค. 65 ซึ่งกรรมการ ECB นาย Gabriel Makhlouf คาดการณ์ว่าจะมีมติขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย สำหรับการปล่อยสภาพคล่องให้ระบบธนาคารพาณิชย์ (Main Refinancing Operations Rate) อีก 0.5% อยู่ที่ 2.25%

>> ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงลบ
- Kpler รายงานยุโรปนำเข้าน้ำมันดิบทางทะเล ในเดือน พ.ย. 65 ลดลงจากเดือนก่อนหน้า 300,000 บาร์เรลต่อวัน อยู่ที่ 8.86 ล้านบาร์เรลต่อวัน

'สุริยะ' สั่งเร่งเครื่องหนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าเต็มสูบ หลังยอดจองรถไฟฟ้าในงาน Motor Expo 2022 พุ่ง!!

'สุริยะ' เผยยอดจองรถยนต์ไฟฟ้าทะลุ 5,800 คัน ในงาน Motor Expo 2022 สั่งเร่งเครื่องหนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าเต็มสูบ!

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ปลื้มกระแสตอบรับรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศมาแรง ดันยอดจองรถยนต์ไฟฟ้า ภายในงาน Motor Expo 2022 รวมทั้งสิ้น 5,800 คัน สั่งการเร่งขับเคลื่อนปัจจัยแวดล้อมให้เอื้อต่อการลงทุนเพื่อสร้างศักยภาพและความเข้มแข็งให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า หลังพบว่าประชาชนมีความต้องการซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น 

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวถึงงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 39 หรือ Motor Expo 2022 ที่ปิดฉากลงไปเมื่อวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา มีผู้เข้าชมงานสูงถึง 1.3 ล้านคน และมียอดจองรถยนต์ภายในงานรวมทั้งสิ้น 36,679 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.1 จากปีที่ผ่านมา คิดเป็นมูลค่ากว่า 50,000 ล้านบาท โดยเป็นยอดจองรถยนต์ไฟฟ้ามากถึง 5,800 คัน คิดเป็นร้อยละ 15 ของยอดรวมจองรถยนต์ แบ่งเป็น BYD 2,714 คัน ORA 1,212 คัน MG 600 คัน Neta 827 คัน Mine 32 คัน Volt  210 คัน Pocco 30 คัน Porsche 70 คัน Mercedes-Benz 30 คัน และอื่น ๆ 75 คัน 

โดยส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยด้านราคาน้ำมันที่ยังคงผันผวน มาตรการอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้าของภาครัฐทำให้มีราคาลดลง ประกอบกับค่ายรถยนต์ต่าง ๆ มีการเปิดตัวรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ ๆ ที่แนะนำในช่วงงานหลายรุ่น ขณะที่ผู้บริโภคเริ่มให้ความเชื่อมั่นในมาตรฐานมากขึ้น รวมถึงแคมเปญกระตุ้นยอดขายของแต่ละค่ายที่อัดโปรโมชันแบบจัดเต็ม 

นอกจากนี้ ในปีที่ผ่านมาเริ่มเห็นสัญญาณการลงทุนจากค่ายรถต่าง ๆ เข้ามาประกอบกิจการรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า โดยอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย มียอดการผลิตรถยนต์ตั้งแต่เดือนมกราคม – ตุลาคม 2565 กว่า 1,534,754 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2564 ร้อยละ 12.36 ทำให้คาดการณ์ว่าสิ้นปี 2565 ประเทศไทยจะสามารถผลิตรถยนต์ได้มากกว่า 1.75 ล้านคัน ได้อย่างแน่นอน

ทั้งนี้ ทางกระทรวงอุตสาหกรรม ได้หารือร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ สมาคมยานยนต์ไทย สมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกำหนดวิสัยทัศน์ให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนที่สำคัญของภูมิภาค โดยกำหนดเป้าหมายในปี 2568 การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศรวม 225,000 คันต่อปี คิดเป็นร้อยละ 10 ของการผลิตรถยนต์ทั้งหมด และในปี 2573 การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศรวม 725,000 คันต่อปี คิดเป็นร้อยละ 30 ของการผลิตรถยนต์ทั้งหมด ซึ่งจะทำให้ภายในปี 2573 สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไม่น้อยกว่า 200,000 ล้านบาท และสร้างความต้องการแรงงานยานยนต์สมัยใหม่ประมาณ 30,000 อัตราต่อปี

สะพัด ‘ไลน์แมน วงใน’ เล็งซื้อกิจการฟู้ดแพนด้า คาดมูลค่าประมาณ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานอ้างแหล่งข่าววงในว่า ไลน์แมน วงใน บริษัทยูนิคอร์นธุรกิจส่งอาหารอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อเข้าครอบครองกิจการฟู้ดแพนด้าของบริษัทเดลิเวอรี ฮีโร่ เซาท์อีสต์เอเชีย ประเทศไทย 

"ตอนนี้ไลน์แมน วงใน ซึ่งมีฐานดำเนินงานอยู่ในกรุงเทพฯ กำลังพิจารณาทำข้อตกลงเข้าซื้อกิจการที่มีมูลค่าประมาณ 100 ล้านดอลลาร์แต่มูลค่าการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้อาจเปลี่ยนไปเนื่องจากมีแนวโน้มที่มูลค่าจะเปลี่ยนไป จากการถดถอยของตลาดในวงกว้างกว่าเดิม และมุมมองภายในต่อธุรกิจที่ขาดทุน" แหล่งข่าววงในที่ปฏิเสธเปิดเผยชื่อ กล่าว

ทั้งนี้ บริษัท ไลน์แมน วงใน เป็นบริษัทในเครือของไลน์ คอร์ป และจีไอซี กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของสิงคโปร์ 

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าววงในระบุว่า ยังไม่มีการตัดสินใจขั้นสุดท้ายในการเจรจาเพื่อซื้อกิจการครั้งนี้และการเจรจาอาจจะล่ม ส่วนตัวแทนจากไลน์แมน วงในและไลน์ คอร์ป ปฏิเสธให้ความเห็น เช่นเดียวกับตัวแทนจากบริษัทเดลิเวอรี ฮีโร่ และฟู้ดแพนด้า ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นต่อรายงานข่าวนี้เช่นกัน

การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้อาจช่วยให้ไลน์แมน วงใน อยู่ในฐานะที่สามารถแข่งขันได้ดีขึ้นในอุตสาหกรรมแพลตฟอร์มส่งอาหารในประเทศไทย โดยไทยซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่สุดอันดับสองของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มองว่าไลน์เป็นแอปพลิเคชันที่ได้รับความนิยมสูงสุด

ไลน์แมน วงใน เป็นผู้นำแพลตฟอร์มออนดีมานด์และข้อมูลร้านอาหารของไทย เกิดจากการควบรวมกิจการระหว่างไลน์แมนและบริษัทวงใน เมื่อปี2563 ด้วยเงินลงทุนมูลค่า 110 ล้านดอลลาร์

ข่าวการเจรจาเพื่อซื้อกิจการครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่เดลิเวอรี ฮีโร่ ซึ่งมีฐานดำเนินงานอยู่ในเยอรมนีพยายามดำเนินการต่างๆเพื่อให้บริษัทสามารถทำกำไรได้ภายในปี 2565 โดยนาย Niklas Oestberg ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร(ซีอีโอ)เดลิเวอรี ฮีโร่ กล่าวในช่วงการประชุมทางโทรศัพท์เมื่อเดือนที่แล้วว่า ขณะที่บริษัทมีฐานดำเนินงานที่แข็งแกร่งในหลายประเทศเช่น มาเลเซีย และฟิลิปปินส์  บริษัทอาจตัดสินใจถอนตัวจากบางตลาดที่บริษัทไม่ได้อยู่อันดับ 1

“เราไม่ได้ต้องการขายธุรกิจของเราในตลาดอาเซียน แต่อาจเป็นตลาดในภูมิภาคอื่น  เรากำลังอยู่ระหว่างหารือ” ซีอีโอเดลิเวอรี ฮีโร่ กล่าว

เสน่ห์ ‘โรบัสต้า’ กาแฟถิ่นแห่งปลายด้ามขวานที่ถูกยกระดับ รสเยี่ยมจนแบรนด์ใหญ่ไล่คว้า จากฝีมือโรงคั่วฟาฏอนี

วันนี้ (13 ธ.ค. 65) เพจเฟซบุ๊ก ‘SEED Thailand’ ได้เผยแพร่บทความเกี่ยวกับพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ หรือ ‘กาแฟท้องถิ่น Robusta ปลายด้ามขวาน’ ที่คนรุ่นใหม่ให้การตอบรับดี โดยมีเนื้อหาดังนี้

เวลาพูดถึง ‘กาแฟ’ หลายคนอาจจะมองว่าผลผลิตที่ดีต้องมาจากภาคเหนือเท่านั้น และหลายคนก็อาจจะยังไม่ทราบว่าพื้นที่ ‘3 จังหวัดชายแดนภาคใต้’ สามารถปลูกกาแฟได้และมีการปลูกไปแล้วในหลายพื้นที่และแต่ละพื้นที่ก็จะมีรสชาติสัมผัส ที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งถือเป็นลักษณะเฉพาะตัวของแต่ละพื้นที่ 

กาแฟ Robusta ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้เริ่มปลูกกันมาสักระยะหนึ่งแล้วเพราะว่ากาแฟเป็นพืชทางเลือกหนึ่งที่เหมาะสมในการเพาะปลูกในพื้นที่ โดยเฉพาะสายพันธุ์ Robusta ซึ่งได้มีการสนับสนุนการเพาะปลูกแล้วในหลายพื้นที่ และปัจจุบันเกษตกรก็ได้ผลผลิตกันแล้ว

โดยกาแฟท้องถิ่น Robusta ปลายด้านขวาน เป็นผลิตภัณฑ์ที่มาจากหลากหลายพื้นที่ในจังหวัดชายแดนใต้ ได้แก่ อ.เบตง จ.ยะลา, อ.ธารโต จ.ยะลา, ต.บันนังสาเรง อ.เมือง จ.ยะลา, อ.ยะหา จ.ยะลา, อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส, อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี

'รมว.เฮ้ง' ห่วงผู้ประกอบการภูเก็ตขาดแคลนแรงงาน สั่งกรมการจัดหางานเร่งช่วยเหลือ หลังท่องเที่ยวฟื้น

กระทรวงแรงงาน จัดแรงงานหนุนภูเก็ต เตรียมการ 3 ด้าน สนับสนุนการทำงานแบบพาร์ทไทม์ในกลุ่มนักเรียน นักศึกษา จัดนัดพบแรงงานในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พร้อมประสานการเคลื่อนย้ายแรงงานอย่างเป็นระบบ ย้ำเดินตามนโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาล คาดการณ์แล้วปลายปีท่องเที่ยวบูมแน่  

(13 ธ.ค. 65) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าวภูเก็ตขาดแคลนแรงงานหนักหลังธุรกิจท่องเที่ยวกลับมาเติบโตแบบก้าวกระโดดว่า เรื่องนี้เป็นผลพวงจากการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ได้ให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจภายหลังโควิด-19 คลี่คลายลง ซึ่งล่าสุดประสบความสำเร็จอย่างมาก และได้มีการเฉลิมฉลองที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยครบ 10 ล้านคน ตามเป้าหมายส่งเสริมตลาดต่างประเทศของปี 2565 เมื่อวันที่ 10 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งการที่นักท่องเที่ยวจะเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยในช่วงเดือนธันวาคม 2565 และช่วงปีใหม่เป็นจำนวนมากนั้นเป็นเรื่องที่รัฐบาลคาดการณ์ไว้แล้ว 

อย่างไรก็ตามการขาดแคลนแรงงานในจังหวัดภูเก็ตกว่า 17,000 อัตรานั้น ทางกรมการจัดหางาน ได้สำรวจความต้องการจากหอการค้าจังหวัดภูเก็ต สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต สภาอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับข้อมูลจากสำนักงานจัดหางานจังหวัดภูเก็ต พบว่ามีความต้องการแรงงานในสถานประกอบการธุรกิจการโรงแรมและการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต จำนวน 405 แห่ง และมีตำแหน่งงานว่าง (กิจการโรงแรมและการท่องเที่ยว) ทั้งสิ้น 8,772 อัตรา ซึ่งที่ผ่านมากรมการจัดหางาน ได้เตรียมการรับมือสถานการณ์ขาดแคลนแรงงานแล้ว

CCP ผนึก WHALE LOGISTICS GROUP แตกไลน์ธุรกิจฟรีโซนโลจิสติกส์ ตั้งเป้ารายได้ 100 ลบ.

CCP จับมือพันธมิตร WHALE LOGISTICS GROUP จัดตั้ง บริษัท ชาลี ท็อป โลจิสติกส์ โซลูชั่น จำกัด ให้บริการการบริหารจัดการคลังสินค้า เขตปลอดอากร (Free Zone) ในโซนแหลมฉบัง และเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) พื้นที่รวม 22,000 ตร.ม. บนที่ดินทำเลศักยภาพกว่า 10 ไร่ รองรับความต้องการ กลุ่มลูกค้า Import-Export , Transit Shipment , ธุรกิจ E-Commerce , ผู้ประกอบการ / โรงงาน ที่ต้องการจัดตั้งเขตปลอดอากร (Free Zone) และอื่นๆ เผยแผนเพิ่มพื้นที่ให้บริการอย่างต่อเนื่อง 

นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) (CCP) เปิดเผยว่า บริษัทได้ร่วมลงทุนกับ บริษัท ปลาวาฬ โลจิสติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด  ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกลุ่มบริษัทในเครือ WHALE LOGISTICS GROUP  ผู้เป็น Professional Logistics Provider  ลำดับต้นๆ ในโซนแหลมฉบัง และเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จัดตั้ง บริษัท ชาลี ท็อป โลจิสติกส์ โซลูชั่น จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจให้บริการคลังสินค้าด้วยระบบที่ทันสมัย ในเขตปลอดอากร (Free Zone)  มีมูลค่าการลงทุนมากกว่า 400 ล้านบาท  โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นแบ่งเป็น CCP 60 %  และ บริษัท ปลาวาฬ โลจิสติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด  40 %   

สำหรับที่มาของการจัดตั้ง บริษัท ชาลี ท็อป โลจิสติกส์ โซลูชั่น จำกัด นั้น  เนื่องจากผู้บริหารทั้ง 2 บริษัท มองเห็นโอกาสในการเติบโตของธุรกิจจากแนวโน้มความต้องการใช้คลังสินค้าในเขตปลอดอากร (Free Zone)  ที่มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่พื้นที่และผู้ให้บริการที่มีความเป็นมืออาชีพนั้นมีไม่เพียงพอ อีกทั้งแหลมฉบัง และเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ยังเป็นทำเลยุทธศาสตร์สำคัญของธุรกิจนำเข้า-ส่งออก ผนวกกับปัจจัยเสริมจากภาครัฐที่ต้องการสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นแหล่งรองรับการลงทุนและการผลิตที่สำคัญของอาเซียน  จึงเป็นที่มาของความร่วมมือในครั้งนี้ 

นอกจากนี้ บริษัทฯ มีความพร้อมของที่ดิน บนทำเลที่มีศักยภาพจำนวนมาก เพื่อพัฒนาสร้างคลังสินค้าและพื้นที่ลานจัดเก็บสินค้า รวมทั้งยังมีความเชี่ยวชาญด้านงานคอนกรีตรูปแบบต่างๆ สำหรับก่อสร้าง คลังสินค้า นิคมอุตสาหกรรม จึงทำให้สามารถบริหารจัดการควบคุมต้นทุนการก่อสร้างคลังสินค้าให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และใช้ระยะเวลาที่รวดเร็ว  

'สุริยะ' เอื้อ!! 'คนตัวเล็ก-เอสเอ็มอี-วิสาหกิจชุมชน' คลอด 'มอก.เอส' อนุมัติอู่รถแปลงเครื่องยนต์เป็นอีวี

(13 ธ.ค.65) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม ได้เร่งรัดให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) จัดทำมาตรฐานยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) และที่เกี่ยวข้องออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้ออกประกาศมาตรฐานอุตสาหกรรมเอส (มอก.เอส) ซึ่งเป็นมาตรฐานที่กำหนดขึ้นเพื่อให้การรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์และบริการของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี หรือวิสาหกิจชุมชนที่ต้องการเครื่องหมายการันตีสินค้าหรือบริการ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภค จำนวน 2 มาตรฐาน

ได้แก่ 1. การบริการดัดแปลงรถยนต์ไฟฟ้าและ 2. การบริการดัดแปลงรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า หลังผู้บริโภคให้ความสนใจเปลี่ยนมาใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันผู้บริโภคบางส่วนเลือกที่จะนำรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ที่มีอยู่ไปดัดแปลงให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าหรือรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อรถไฟฟ้าคันใหม่ จึงนับว่าเป็นโอกาสที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่อยู่ในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ หรือ อู่ซ่อมรถต่าง ๆ จำนวนหลายร้อยรายในประเทศ จะได้มีโอกาสพัฒนาศักยภาพการให้บริการจนสามารถสร้างโอกาสเติบโตทางธุรกิจดัดแปลงรถยนต์สันดาปเป็นรถยนต์ไฟฟ้าได้

รูดม่าน Motor Expo โกยยอดจองกว่า 4 หมื่นคัน สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในงานราว 5.1 หมื่นลบ.

ปิดฉากมอเตอร์เอ็กซ์โป 2022 ไปเป็นที่เรียบร้อย โดยยอดจองรถในงานของปีนี้รวมทั้งหมด 42,768 คัน แบ่งเป็นรถยนต์ 36,679 คัน จักรยานยนต์ 6,089 คัน มากกว่าปี 2021 ที่มียอดจองรวมอยู่ที่ 31,583 คัน

ทั้งนี้ยอดจองท็อป 3 ได้แก่ โตโยต้า อันดับ 1 จำนวน 6,064 คัน, อันดับ 2 ฮอนด้า 3,252 คัน และ อันดับ 3 BYD 2,714 คัน

ส่วนรถยนต์หรูที่มียอดจองสูงสุด ได้แก่ อันดับ 1 MERCEDES-BENZ 1,597 คัน, อันดับ 2 BMW 1,234 คัน และ อันดับ 3 VOLVO 330 คัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top