Thursday, 8 May 2025
THE STATES TIMES TEAM

‘เพื่อไทย’ นำโดย ‘ชลน่าน-แพทองธาร’ ลงพื้นที่ให้กำลังใจคนอุบลฯ ที่ประสบภัยน้ำท่วม  ‘แพทองธาร’ บ่นเสียดายช่วยพี่น้องไม่ได้ เหตุติดกฎเหล็ก กกต.  ขณะที่ ‘ชลน่าน’ ยันดันญัตติด่วนด้วยวาจาแก้ปัญหาน้ำท่วมหนักเข้าสภาฯ ต้น พ.ย.นี้

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 24 ต.ค. 2565 ที่ท่าอากาศยานอุบลราชธานี อ.เมือง จ.อุบลราชธานี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรคเพื่อไทย ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย น.ส.ธีรรัตน์ สําเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. โฆษกพรรคเพื่อไทย น.ส.ชญาภา สินธุไพร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย พร้อมคณะลงพื้นที่เพื่อให้กำลังใจประชาชนที่ประสบอุทกภัย ใน อ.เมือง อ.วารินชำราบ 

ทันทีที่คณะของพรรคเพื่อไทยมาถึงท่าอากาศยานฯ นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ และทิศทางการเมือง นำ ส.ส.อุบลราชธานี ส.ส.ยโสธร ส.ส.อำนาจเจริญ  อาทิ นายวรสิทธิ์ กัลป์ตินันท์ น.ส.กิตติ์ธัญญา วาจาดี  นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ นายสมคิด เชื้อคง นายเอกชัย ทรงอำนาจเจริญ  นายบุญแก้ว สมวงศ์ น.ส.สมหญิง บัวบุตร นายธนกร ไชวกุล ร่วมต้อนรับคณะของ น.ส.แพทองธาร และพรรคเพื่อไทย ท่ามกลางประชาชนร่วมต้อนรับและให้กำลังใจกับคณะของพรรคเพื่อไทย ทั้งนี้ ประชาชนยังส่งเสียงให้กำลังใจพร้อมตะโกน สู้ๆ เสียงดังสนั่นกึกก้องอาคารท่าอากาศยานอุบลราชธานี

จากนั้นเวลา 09.30 น. คณะของพรรคเพื่อไทย นำโดย นพ.ชลน่าน น.ส.แพทองธาร พร้อมคณะได้เดินทางมาถึง ศูนย์บรรเทาทุกข์น้ำท่วม เทศบาลนครอุบลราชธานี ซึ่งเป็นสถานที่ที่ให้ความช่วยเหลือด้านอาหาร ยารักษาโรค ประชาชนที่ประสบอุทกภัย ซึ่งเปิดบริการ 24 ชั่วโมง โดยมี น.ส.พิศทยา ไชยสงคราม นายกเทศมนตรีนครอุบลราชธานี พร้อมคณะรอต้อนรับและพาคณะของพรรคเพื่อไทยเดินชมศูนย์ฯ เพื่อให้กำลังใจ อาสาสมัคร ที่ทำอาหารแจกจ่ายแก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วม

จากนั้นคณะของพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ อ.วารินชำราบ พร้อมสอบถามถึงความเดือดร้อน พร้อมพบปะประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง

เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ศูนย์อพยพผู้ประสบอุทุกภัย ต.วารินชำราบ อ.วารินชำราบ จ. อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทยนำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรคเพื่อไทย ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย น.ส.ธีรรัตน์ สําเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. โฆษกพรรคเพื่อไทย น.ส.ชญาภา สินธุไพร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย พร้อมคณะ ส.ส.อุบล ราชธานี นำโดย น.ส.กิตติ์ธัญญา วาจาดี นายวรสิทธิ์ กัลป์ตินันท์ นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ นายสมคิด เชื้อคง นายเอกชัย ทรงอำนาจเจริญ ลงพื้นที่ ให้กำลังใจประชาชนที่ประสบอุทกภัย และต้องอพยพอยู่ที่ศูนย์อพยพมาเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 2 เดือน โดยมีประชาชนจาก จากหลายชุมชนมีจำนวนไม่ต่ำกว่า 600 คนปักหลักพักค้างคืน โดยประชาชนบางคนบอกว่า ปัญหาน้ำท่วมในปีนี้หนักกว่าเหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อปี 2562 

ทันทีที่ น.ส.แพทองธาร นพ.ชลน่าน และ คณะมาถึงมีประชาชนรอต้อนรับพร้อมมอบดอกไม้ ผูกผ้าขาวให้กับคณะของพรรคเพื่อไทยที่มาถึง จากนั้น คณะของ น.ส.แพทองธาร ได้ให้กำลังใจกับประชาชนและผู้สูงอายุที่อยู่บริเวณเต้นท์ภายในศูนย์อพยพ และ น.ส.กิตติ์ธัญญา ได้นำคณะของ พรรคเพื่อไทยเดินไปดูสถานการณ์น้ำท่วมภายในบ้านเรือนของ ชุมชนวัดวาริน ต.วารินชำราบ อ.วารินชำราบ ซึ่งบ้านเรือนหลายหลังคาต้องประสบน้ำท่วมสูงจมถึง 1 ชั้นของบ้าน

วัดดวงศึกชิง ส.ส.เขต 2 สงขลา ล้วนเลือดใหม่ ‘ประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย’ ท้าชิง ‘ศาสตรา พปชร.’

วันก่อนได้กล่าวถึงเขตเลือกตั้งที่ 1 สงขลาไปแล้ว ซึ่งโดยสรุปในเวลานี้จะเป็นการช่วงชิงกัน 3 คน ระหว่าง “น้องเพชญ บุญญามณี” ลูกชายของ “นิพนธ์ บุญญามณี” รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กับประสงค์ บุรีรักษ์ นายกฯแบน อดีตนายกเทศมนตรีเมืองเขารูปช้าง และเจือ ราชสีห์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ กรณีตัดสินใจลงเขต และย้ายพรรค

 ขอกล่าวถึงเขต 2 สงขลา ซึ่งเป็นเขตชานเมืองของนครหาดใหญ่ เขตนี้เจ้าของเก้าอี้เดิมคือ “ศาสตรา ศรีปาน” จากพรรคพลังประชารัฐ เป็นเด็กปั้นของผู้การฯชาติ เป็นลูกชายของเจ้าของโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในหาดใหญ่

“ปั้นได้ก็ทุบทิ้งได้” การเลือกตั้งครั้งหน้า พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล เพื่อนร่วมรุ่นของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินออกจากพรรคพลังประชารัฐ ไปสังกัดพรรคสร้างอนาคตไทย ของ “อุตตม สาวนายน” แล้ว และจะลงสมัครรับเลือกตั้งในเขต 2 ของสงขลา ซึ่งหมายถึงลงชนกับเด็กปั้นของตัวเองต้องเข้าใจว่า ผู้การฯชาติเป็นคนเกิดพัทลุง แต่มาเติบโตทางราชในจังหวัดสงขลา อยู่กับค่ายคอหงส์มานาน กว้างขวาง รู้จักคนมาก เคยได้รับเลือกเป็น ส.ส.สงขลาในย่านนี้มาหนึ่งสมัยในสังกัดค่ายทานตะวัน “ความหวังใหม่” เฉียดๆจะได้เป็นรัฐมนตรีมาหลายครั้ง มีชื่อติดโผมาตลอด น้อยเนื้อต่ำใจกับลุงป้อม ที่มองไม่เห็นหัวเลยย้ายพรรคหนี

ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ เจ้าถิ่นเก่า ประกาศขอคืนพื้นที่ยึดเขตนี้คืนด้วยการส่ง “นิพัฒน์ อุดมอักษร” ลงสมัครรับเลือกตั้งเขตนี้ ถามว่าแล้วนิพัฒน์คือใคร จากการสืบค้นพบข้อมูลในการแนะนะตัวกับสมาชิกพรรคในวันประชุมสาขาพรรคที่หาดใหญ่

“ผมเองเป็นชาวหาดใหญ่โดยกำเนิด เกิดที่นี่ เรียนที่นี่ ทำงานที่นี่ เห็นการเปลี่ยนแปลงของเมืองหาดใหญ่มาโดยตลอด ที่ผ่านมานอกเหนือจากการทำธุรกิจในนามบริษัท เอนกการช่าง จำกัด ผู้นำการผลิตเครื่องจักรกลเกษตรแล้ว ก็ยังทำงานส่วนรวมมาอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันยังทำหน้าที่นายกสมาคมเอสเอ็มอีจังหวัดสงขลา นายกสโมสรไลออนส์หาดใหญ่ เป็นที่ปรึกษา กรรมการชมรม สมาคม มูลนิธิฯ อีกหลายตำแหน่ง ซึ่งเป็นงานที่ทำด้วยใจเหมือนดั่งคำสอนป๋าเปรม ที่ชาวสงขลาได้ยินเป็นประจำว่า "เกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน"

ในทางการเมือง “นิพัฒน์” เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์มานานแล้ว และได้เข้ามาทำงานกับพรรคครั้งแรกในการเลือกตั้งนายกอบจ.สงขลา เมื่อปลายปี 62 ร่วมทีมฝ่ายบริหารในตำแหน่งเลขานุการฯ กับไพเจน มากสุวรรณ์ ผู้สมัครนายกอบจ.สงขลา ทีมพรรคประชาธิปัตย์ ภายหลังชนะการเลือกตั้งก็ได้รับมอบหมายให้ดูแลพื้นที่อำเภอหาดใหญ่โดยเฉพาะ และเป็นผู้ขับเคลื่อนโครงการสำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้นนั่นคือ โครงการก่อสร้างสกายวอล์คและหอชมเมืองหาดใหญ่

โครงการดังกล่าว อบจ.ได้ผู้ชนะการประมูลที่ 10.5 ล้านบาท ขณะนี้เริ่มศึกษาออกแบบแล้ว โครงการนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่คิดจะทำก็ทำได้ทันที พื้นที่บนเขาคอหงส์ ครอบคลุมหลายหน่วยงาน มีทั้งเขตป่าไม้ เขตทหาร ส่วนราชการ ท้องถิ่น การศึกษาออกแบบต้องทำอย่างรัดกุม 

“ผมได้เข้าไปดูพื้นที่ตั้งแต่เริ่มรับตำแหน่งหลายคนอาจไม่ทราบว่าการขอใช้พื้นที่เขตทหารนั้นทำได้ยาก ที่ผ่านมาได้เข้าไปพูดคุยเพื่อขอใช้พื้นที่กับแม่ทัพภาคที่ 4 ผู้บัญชาการ มทบ.42 ค่ายเสนาณรงค์”

อีกหนึ่งโครงการใหญ่คือการจัดทำห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ ณ อาคารมูลนิธิหอสมุดประชาชนหาดใหญ่ (หอสมุดซุนยัดเซน) อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยอบจ.สงขลา ได้เช่าที่ดินเพื่อที่จะทำการก่อสร้างศูนย์เรียนรู้สำหรับเด็กๆ เยาวชน ตลอดจนถึงประชาชนทั่วไป ได้ค้นคว้าหาความรู้ การอบรมคอมพิวเตอร์ การสอนการขายสินค้าผ่านออนไลน์ เป็นศูนย์เรียนรู้ในรูปแบบใหม่ทันสมัยใช้ได้ทุกคน โดยโครงการนี้ก็กำลังจะเริ่มแล้วเช่นกัน

โครงการอื่นๆ ยังมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการของบจากการยางแห่งประเทศไทย มาสร้างสนามฟุตซอลแก่โรงเรียนศรีนครมูลนิธิ จำนวน 8 แสนบาท และซื้อรองเท้าบู๊ทยางพาราแจกจ่ายแก่เกษตรกรอีก 8 แสนบาท การให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนจากสถานการณ์โควิด-19 ภายใต้ขอบเขตและอำนานหน้าที่ของอบจ.ที่สามารถทำได้ ที่ผ่านมาเน้นการลงมือทำ เน้นการลงพื้นที่ มากกว่าการสร้างภาพสร้างกระแส

นิพัฒน์ถือเป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ เลือดใหม่ของพรรคประชาธิปัตย์ที่จะเข้ามารับช่วงภารกิจเพื่อชาติต่อจากคนรุ่นก่อน เพื่อให้พรรคได้สืบทอดเจตนารมณ์ของผู้ก่อตั้ง และเป็นสถานบันทางการเมือง

เต้ มงคลกิตติ์ โพสต์เฟซบุ๊กเตรียม ว่ายข้ามเจ้าพระยา ช่วยน้ำท่วม ด้วยหัวใจ ด้วยตัวเปล่า กางเกงในว่ายน้ำตัวเดียว ไป-กลับ ในวันที่ 8 พ.ย.65 วันลอยกระทง

นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หรือ เต้ 007 ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคไทยศรีวิไลย์ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า ช่วยน้ำท่วม ส.ส.เต้007 ONE MAN ON CHAOPHRAYA RIVER ผมฐานะ ส.ส.เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ทนเห็นพี่น้องประชาชนในหลายจังหวัดเดือดร้อนกว่าหลายล้านคน อดข้าว-อดน้ำ-เดือดร้อนทุกอย่าง เขาจะไม่ไหวกันแล้ว

ผมจึงตัดสินใจจะว่ายน้ำข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา กทม. ด้วยหัวใจ ด้วยตัวเปล่า กางเกงในว่ายน้ำตัวเดียว ไป-กลับ ในวันที่ 8 พ.ย.65 วันลอยกระทง เพื่อช่วยเหลือพี่น้องจังหวัดที่ประสบภัยน้ำท่วม 

เนื่องจากเงินรัฐบาลมีงบประมาณจำกัด ไม่เพียงพอดูแลประชาชน เงินรายได้ทั้งหมดมอบให้รัฐบาล-ผู้ว่าราชการจังหวัด ไปซื้อข้าว-น้ำ-สิ่งของจำเป็นให้ประชาชนน้ำท่วมขังนาน-ขังไม่นาน 

ว่ายข้ามโขงจบ แต่ดราม่ายังไม่จบ หลังชาวเน็ตแห่โยง ‘หมอก้อง’ ฟาด ‘หมอริท’ พูดเพื่อ??? ใช่เวลาไหม ? หลังบอก ‘โตโน่’ ว่ายน้ำ 10 รอบ ได้เงินบริจาค 1,000 ล้าน หมอ-พยาบาล ก็เหนื่อยเท่าเดิม

ก่อนหน้านี้ ‘หมอริท’ เรืองฤทธิ์ ศิริพานิช หรือ ‘หมอริท เดอะสตาร์’ ได้แสดงความเห็น ถึง ‘โตโน่’ หลังภารกิจ ‘One Man & The River หนึ่งคนว่าย หลายคนให้’ ว่ายน้ำข้ามโขง ระยะทางไปกลับ 15 กิโลเมตร เพื่อระดมทุนจัดหาเครื่องมือแพทย์ให้ โรงพยาบาล ไทย-ลาว ว่า ‘ยินดีด้วยกับการ #ว่ายน้ำข้ามโขง ของพี่ #โตโน่ภาคิน ในวันนี้นะครับ ที่ปลอดภัย และได้รับเงินบริจาคจำนวนมาก อย่างแรกต้องขอขอบคุณในน้ำใจ และความเสียสละของพี่ที่มีต่อบุคลากรทางการแพทย์ คนที่พร้อมจะเสียสละเพื่อคนอื่นแบบพี่ ไม่ได้หาได้ง่ายเลย นับถือใจจริงๆ

ในบทสัมภาษณ์มีหลายครั้งที่พี่พูดว่า ที่พี่มาว่ายน้ำครั้งนี้ เพราะหมอและพยาบาลเขาเหนื่อยกว่า เสี่ยงกว่า เลยอยากขออนุญาตฝากมุมมองไว้ซักนิดครับ เผื่อพี่อาจจะลืมมองเหตุผลพวกนี้นะครับ (ไหน ๆ คนก็สนใจโครงการพี่เยอะแล้ว) 

1.ต่อให้พี่ว่ายน้ำข้ามโขงเป็น 10 รอบ ได้เงินบริจาคมากว่า 1,000 ล้าน หมอ พยาบาล เขาก็เหนื่อยเท่าเดิมครับ ขอยกตัวอย่างในฝั่งของหมอนะครับ ระบบสุขภาพของประเทศไทยคือ ระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า แปลว่า คนไทยจะป่วยยังไง ก็มีการรักษารองรับ 
 
(ซึ่งจริงๆดีกับคนไทยในบางมุมนะ เช่น คนจนมีสิทธิ์เข้าถึงการรักษา แต่ข้อเสียก็คือ คนไทยไม่ใส่ใจสุขภาพ เกิดปัญหา เช่น ติดเหล้า ติดบุหรี่ และเกิดปัญหาสุขภาพตามมา ทำให้คนต้องมาโรงพยาบาลกันเยอะ) ซึ่งทำให้หมอต้องทำงานหนัก แต่ยังได้ค่าตอบแทนเท่าเดิม 

ซึ่งทุกวันนี้หมอไทยยังต้องทำงานเกินเวลาตามระเบียบกำหนด ทำให้เกิดภาวะสมองไหล หมอๆก็ออกนอกระบบโรงพยาบาลรัฐกันหมด หมอก็น้อยลง งานก็ยังหนัก ผลิตหมอเท่าไหร่ก็ไม่พอ ก็วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ครับ ถึงบอกว่าเงินบริจาคเยอะแค่ไหน ก็ไม่ได้ช่วยให้หมอหายเหนื่อยครับ 

2.พี่บอกว่าหมอพยาบาลเสี่ยง คำถามคือ แล้วใครปล่อยให้หมอพยาบาลทำงานภายใต้ความเสี่ยง? ถ้ารู้ว่าเขาทำงานแบบเสี่ยงอยู่ ทำไมผู้มีอำนาจโดยตรงถึงมองไม่เห็นและไม่สามารถจัดการปัญหานั้นโดยเร่งด่วนได้ หรืองบประมาณไม่เพียงพอ แล้วถ้างบไม่พอจริงๆ ทำไมไม่รายงานขึ้นไป ทำไมต้องรอเงินบริจาค? 

ส่วนตัวมองว่า การบริจาคไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดีนะครับ แต่ที่มาหลักการ จุดประสงค์ของโครงการและการนำเงินไปใช้ต้องชัดเจน รวมถึงควรสนับสนุนการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุไปในตัวด้วยครับ ถ้าพี่สื่อสารจุดนี้ได้ด้วย คิดว่าคนไม่เห็นด้วยน่าจะน้อยลงนะครับ และทำให้โครงการของพี่ดูมีเหตุสมควรมากขึ้น

‘นายกฯ’ โอด เจ็บปวดเห็นปชช.เดือดร้อน ลั่น ดูแลเต็มที่ สั่งผู้ว่าฯย้ายผู้ป่วยติดเตียง ลั่น ขอสู้จนตาย วอน อย่าเทียบน้ำท่วมปี54 เหตุ สภาพอากาศเปลี่ยนไป

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 24 ต.ค. ที่วัดพิกุลทอง อ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พร้อม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เดินทางถึงวัดพิกุลทอง เยี่ยมให้กำลังใจประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม มีประชาชนมารอต้อนรับ และดีใจที่นายกฯมาเยี่ยม พร้อมขอจับมือและถ่ายรูปด้วย โดยนายกฯกล่าวว่า “มาเยี่ยม เพราะรู้ว่าพวกเราเดือดร้อน นายกฯก็เจ็บปวด ที่มาไม่ได้ทำเพื่ออะไรทั้งสิ้น ถือเป็นความเดือดร้อน ขออย่าไปเปรียบเทียบกับเหตุการณ์น้ำท่วม ปี 54 เนื่องจากสิบกว่าปีที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง โดยเฉพาะสภาพอากาศ ที่สำคัญให้ดูปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมา รัฐบาลเข้าใจความเดือดร้อนและจะเร่งแก้ปัญหา ดูแลให้ดีที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนบางส่วนโอดครวญว่า อยู่กันอย่างลำบากมาก บ้านเรือน ร้านค้า เสียหายจากน้ำท่วม บางคนเดือดร้อนเพราะมีผู้ป่วยติดเตียงอยู่ภายในบ้าน นายกฯกล่าวตอบทันที ว่า ถ้ามีผู้ป่วยติดเตียงต้องเอาออกทันที อย่าให้มีผู้ป่วยติดเตียงอยู่ข้างใน ให้เร่งไปเอาออกมา พร้อมหันไปสั่งการผู้ว่าฯสิงห์บุรี ให้ดำเนินการทันที โดยระหว่างเดินพบประชาชน ชาวบ้านให้กำลังใจ บอกให้สู้ๆ นายกฯจึงตอบกลับว่า "สู้จนตาย"

ผบ.ตร. แถลง ตำรวจ ปส. ลุยสกัดกั้นยาเสพติด ยึดยาบ้ากว่า 10 ล้านเม็ด กำชับให้ทุกหน่วยเข้ม นำผู้เสพเข้ารับการบำบัด โฟกัสชุมชน สถานศึกษา สถานบริการ

วันนี้(24 ต.ค.65) เวลา 10.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด(บช.ปส.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร./ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศอ.ปส.ตร.) , พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. , พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส. , พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2 และ พล.ต.ต.เอกภพ อินทวิวัฒน์ผบก.ขส. ร่วมแถลงผลการกวาดล้างเครือข่ายยาเสพติดพื้นที่อีสาน 2 เครือข่าย           
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ เปิดเผยว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีนโยบายเร่งรัดปราบปราม  ยาเสพติดอย่างจริงจัง นำมาซึ่งการจับกุมยาเสพติด 2 เครือข่าย
คดีแรก ตำรวจ ปส. จับกุมผู้ต้องหา 3 ราย พร้อมของกลางยาบ้า 10 กระสอบ ภายในบรรจุยาบ้า รวม 4,000,000 เม็ด อาวุธปืน 2 กระบอก รถยนต์เก๋ง 1 คัน รถตู้อีก 1 คัน รวมทรัยพ์สินกว่า 1,430,000 บาท

คดีนี้ตำรวจ ปส. ขยายผลจากการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดในพื้นที่ อ.รัตนวาปี จ.หนองคาย จนทราบว่าในวันที่ 19 ต.ค.65
จะมีการลำเลียงยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่ จ.มุกดาหาร เพื่อส่งเข้าภาคกลาง จึงวางกำลังเฝ้าระวัง กระทั่งพบรถต้องสงสัยเข้ามาในพื้นที่ อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด มุ่งหน้าไปยัง จ.มหาสารคาม จอดเติมน้ำมันที่ ปั๊ม ปตท.สาขาบรบือ จ.มหาสารคาม จึงขอตรวจค้นพบนายอดิศักดิ์ หรือเปีย ฉิมสา เป็นผู้ขับรถเก๋ง ฮอนด้าแอคคอร์ด ทะเบียน 3กฬ 9308 กรุงเทพ ภายในรถพบกระสอบยาบ้าของกลาง วางเรียงกันภายในห้องโดยสารด้านหลังและท้ายรถเก๋ง โดยมีนายอนุชา หรืออ๊อฟ แปเพ็ง     ขับรถตู้หมายเลขทะเบียน นง 2424 สมุทรปราการ ทำหน้าที่สำรวจเส้นทาง และมี น.ส.วิภาดา หรือตุ๊กตา มูลจันที นั่งมากับคนขับรถตู้ จึงได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย พร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
คดีที่สอง  จับกุมผู้ต้องหา 2 ราย พร้อมของกลางยาบ้า 16 กระสอบ บรรจุยาบ้ารวม 6,000,000 เม็ด เผยรับมาจาก อ.ธาตุพนม จ.นครพนม เตรียมส่งต่อเครือข่าย อ.วังน้อย จ.อยุธยา คดีนี้เป็นการขยายผลหลังจับกุมเครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เมื่อปี 2562 และ 2564 ที่ผ่านมา ได้ไอซ์จำนวน 825 กก. สืบสวนแล้วยังพบว่ามีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง เมื่อทราบข้อมูลรถต้องสงสัย จึงนำกำลังเข้าสกัดจับรถกระบะ ยี่ห้อโตโยตา รุ่นรีโว่  ติดแผ่นป้ายทะเบียน ณฮ -6772 กรุงเทพ ไว้ได้บริเวณสี่แยกไฟแดงธวัชบุรี ต.นิเวศน์ อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งมี  นายสุจิตต์ จาบประไพ และ นายณัฐฐมงคล ชะโลธร เป็นผู้ขับขี่และนั่งมากับรถ

ว่ายข้ามโขงจบ ดรามาไม่จบ ล่าสุด ‘ตุ้ม’ ปริญญา เจริญผล โพสต์หมอยังเหนื่อยต่อไป หากยังมีรปภ. เป็นกัปตันขับเครื่องบิน

จบลงไปด้วยความเรียบร้อย สำหรับกิจกรรม ‘ONE MAN AND THE RIVER หนึ่งคนว่าย หลายคนให้’ เมื่อวันเสาร์ที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา โดย ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ หรือ ‘โตโน่ เดอะสตาร์’ ว่ายน้ำข้ามแม่โขงจากฝั่งไทยไปลาว และว่ายกลับ ระดมเงินบริจาคซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ มอบให้แก่โรงพยาบาลนครพนม และโรงพยาบาลแขวงคำม่วน สปป.ลาว โดยได้เงินบริจาคมากกว่า 60 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 23 ตุลาคม)
 

‘หมอสอง’ เผย เกือบไม่รอด โดนดักจับกลางถนน โดนขังล่ามโซ่ แถมถูกทำร้ายจิตใจอย่างหนัก กลับถึงไทยวันนี้ขอพบจิตแพทย์เป็นการด่วน 

กลายเป็นข่าวใหญ่เลยทีเดียวสำหรับ ‘หมอสอง’ นพ.นพรัตน์ รัตนวราห แพทย์ศัลยกรรมชื่อดัง หลังจากเดินทางไปท่องเที่ยวในอัฟกานิสถานและถูกลักพาตัวเรียกค่าไถ่ที่ประเทศมาลี ขณะนี้หมอสองกำลังเดินทางกลับประเทศไทย 

ส่อง 7 โปลิตยูโร ยุคใหม่ ที่ได้ชื่อว่าเป็น 7 อรหันต์แดนมังกร ผู้กุมอำนาจการบริหารสูงสุดของจีน ภายใต้ผู้นำ 'สีจิ้นผิง

รองศาสตราจารย์ ดร.ปิติ ศรีแสงนาม คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความถึงคณะกรรมการประจำกรมการเมือง หรือ โปลิตบูโร ชุดที่ 20 ของจีน ผู้กุมอำนาจทางการเมืองของจีนในปัจจุบันว่า ...

ถ้าให้สรุป 3 คำ สำหรับ PSC ชุดที่ 20 ผมจะใช้คำว่า "ทีมสีจิ้นผิง สายปฏิรูป ทีมเศรษฐกิจ"

หลังจากการประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์จีน เพื่อเปิดสมัยการประชุมที่ 20 จบลงในวันที่ 22 ตุลาคม 2022 เราก็ได้เห็นรายชื่อของคณะกรรมการของพรรคคอมมิวนิสต์จีนประเภทสมาชิกเต็ม จำนวน 205 คน และนั่นทำให้เราต้องเริ่มวางตัวศึกษาประวัติว่า ใครบ้างที่จะได้มีโอกาสสูงที่จะได้ดำรงตำแหน่ง คณะกรรมการประจำกรมการเมือง (Politburo Standing Committee: PSC) ซึ่งถือเป็นกลไกสูงสุดในการตัดสินใจของประเทศ โดยจะมีจำนวน PSC ทั้งหมด 7 ท่าน รายชื่อที่ผมพยายามจะรวบรวม และประวัติพอสังเขปของแต่ละท่าน เรียงตามลำดับหน้าที่ความรับผิดชอบ มีดังนี้

1. Xi Jinping 
ใครอยากฟังประวัติชีวิตของท่าน เชิญไปฟังตาม link นี้ได้เลยครับ https://www.youtube.com/watch?v=s7pfQVb0QiA&t=10s 

2.Li Qiang

สายตรงคุมเศรษฐกิจเซี่ยงไฮ้ ถึงแม้จะบริหารผิดพลาดในเรื่องโควิด แต่ก็ได้รับโอกาสอีกครั้ง ในฐานะว่าที่นายกรัฐมนตรี

Li Qiang เกิดเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 1959 ในมณฑลเจ๋อเจียง ปัจจุบันอายุ 63 ปี เรียนจบทางด้านวิศวกรรมการเกษตรจากมหาวิทยาลัยเจ๋อเจียง ซึ่งเป็นหนึ่งในห้ามหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของจีน

เริ่มต้นเข้าทำงานกับพรรคคอมมิวนิสต์ในปี 1983 โดยรับตำแหน่งเป็นเลขาธิการของ Communist party Youth League จนได้รับตำแหน่งเลยเลขาธิการพรรคประจำเมือง Yongkang และ Wenzhou

และในปี 2005 เขาได้เป็นคณะกรรมการประจำกรมการเมืองในระดับจังหวัด ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับเลขาธิการประจำมณฑลเจ๋อเจียงซึ่งก็คือสี จิ้นผิงในขณะนั้น 

Li Qiang จบการศึกษาระดับปริญญาโททางด้านบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัย Hong Kong polytechnic University

ในที่สุดเขาก็ได้ขึ้นเป็นรองเลขาธิการพรรคประจำมณฑลเจ๋อเจียงในปี 2011 พร้อมๆกับที่ได้รับคัดเลือกเป็นกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนในการประชุมสมัชชาสมัยที่ 18

ความใกล้ชิดกับ สีจิ้นผิง ทำให้เขาได้ร่วมคณะเดินทางไปเยือนสหรัฐอเมริกาในครั้งที่สีจิ้นผิงยังดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดี

ปี 2016 เขาได้เลื่อนตำแหน่งเป็นเลขาธิการพรรคมณฑลเจียงซู 

ก่อนที่จะได้รับการโปรโมทอีกครั้ง โดยได้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคประจำมหานครเซี่ยงไฮ้ ในปี 2017 และด้วยตำแหน่งนี้ทำให้เขาได้อยู่ในกรมการเมือง ในการประชุมสมัชชาพรรคสมัยที่ 19

3. Zhao Leiji

ผลงานที่สำคัญที่สุดของ Zhao Leiji คือ การเป็นเลขาธิการของคณะทำงานปราบปรามคอรัปชั่น Central Commission for Discipline Inspection (CCDI) ที่เกิดขึ้นในยุคของ สี จิ้นผิง และปราบปรามคดีคอรัปชั่นได้อย่างเป็นรูปธรรม หาคนผิดมาลงโทษได้ถึง 650,000 กรณี จากที่มีข้อสงสัยร่วม 2 ล้านกรณี และมีมากกว่า 84,000 กรณี ที่ผู้ทำผิดยอมสารภาพ โดยเกือบทั้งหมดเกิดขึ้นจากการนำเอาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี โดยเฉพาะ AI และ Big Data เข้ามาประยุกต์ใช้

Zhao Leiji เกิดเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 1957 ที่เมือง Xining มณฑล Qinghai ปัจจุบันอายุ 65 ปี เขาเริ่มต้นเป็นสมาชิกพรรคตั้งแต่ปี 1975 ในช่วงปลายของการปฏิวัติวัฒนธรรม และเมื่อเหตุการณ์เลวร้ายจบลง เขาก็เข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ในวิทยาลัย ongnongbing xueyuan ที่สอนเกษตรกร/ทหาร/นักศึกษา ไปพร้อมๆ กัน เมื่อผมไปเรียนที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง นักศึกษาจากวิทยาลัยนี้ก็ยังมีอยู่ พวกเขาจะทำการฝึกทั้งวิชาทหาร เดินแถว ออกกำลังกาย สวนสนาม เรียนทำการเกษตร และธุรกิจการเกษตร ควบคู่กับ การเรียนปรัชญาการเมืองคอมมิวนิสต์ และระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม เพื่อจบการศึกษาจะได้กลับไปทำงานให้พรรคเพื่อพัฒนาพื้นที่ต่างๆ โดย Zhao Leiji เมื่อจบจากมหาวิทยาลัยปักกิ่งก็กลับไปทำหน้าที่สมาชิกพรรคที่ Qinghai

ปี 1999 เขาได้รับตำแหน่งเลขาธิการพรรคประจำเมืองบ้านเกิด ก่อนที่จะขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดในระดับมณฑล นั่นคือ เลขาธิการพรรคประจำมณฑล Qinghai และเมื่อเขาควบคุมนโยบายของมณฑลได้อย่างเต็มที่ ผลงานการพัฒนาเศรษฐกิจที่เน้นการขยายโอกาสให้กลุ่มชาติพันธุ์ และเคร่งครัดเรื่องการลงทุนที่ต้องเป็นมิตรกับสภาวะแวดล้อม ร่วมกับการส่งเสริมการค้า การลงทุนอย่างเต็มที่ ทำให้ในระหว่าง ปี 2003 – 2007 ผลผลิตมวลรวมของมณฑล ปรับตัวสูงขึ้นถึง 300%

และเมื่อเขาได้รับการสนับสนุนให้ไปเป็นเลขาธิการพรรคที่มณฑล Shaanxi ในปี 2007 เขาก็ทำให้ในปี 2008 Shaanxi กลายเป็นมณฑลที่ GDP ขยายตัวสูงที่สุดในประเทศจีน ด้วยอัตรา 15% ผลงานที่เข้าตานี้เองทำให้เขาได้เข้ามาเป็นกรมการเมืองในปี 2012 การประชุมสมัชชาพรรคที่ 18 โดยควบคุมดูแลการจัดตั้งของพรรค และในปี 2017 การประชุมสมัชชาพรรคที่ 19 เขาก็ขึ้นมาดำรงตำแหน่ง PSC ที่ดูแลคณะทำงานปราบปรามคอร์รัปชัน Central Commission for Discipline Inspection (CCDI)

4.Wang Huning

Wang Huning คือ มันสมองและกุนซือที่ทำหน้าที่วางหมากทางการเมืองมาแล้วตลอด 3 ยุคผู้นำที่ผ่านมา ทั้ง เจียง เจ้อหมิน, หู จินเทา และ สี จิ้นผิง ผู้สังเกตการณ์เรื่องจีนหลายท่านขนานนามเขาว่าคือ China’s Kissinger

เขาเกิดเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 1955 ที่มหานครเซี่ยงไฮ้ ปัจจุบันอายุ 67 ปี Wang Huning เริ่มเรียนวิชาภาษาฝรั่งเศสที่มหาวิทยาลัย Shanghai Normal University และด้วยผลคะแนนดีเลิศ เขาได้รับข้อเสนอพร้อมทุนการศึกษาให้เรียนต่อในมหาวิทยาลัยระดับแนวหน้าของจีนทันที นั่นคือ มหาวิทยาลัย Fudan โดยเขาเลือกเรียนสาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และจบปริญญาโทได้วุฒิกฎหมาย ในปี 1981 และเริ่มต้นการเป็นรองศาสตราจารย์ที่มีอายุน้อยที่สุดของจีนในขณะนั้น ก่อนที่จะได้เป็นศาสตราจารย์ เป็นผู้อำนวยการภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และคณบดีคณะนิติศาสตร์ ของมหาวิทยาลัย Fudan ในปี 1995

Wang Huning เริ่มเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนตั้งแต่ปี 1984 และเป็นคณะทำงานร่างนโยบายด้านทฤษฎีการเมืองให้กับการประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์จีนสมัยที่ 13 (1987-1992) และทำงานด้านวิชาการให้พรรคมาโดยตลอด จนได้รับเลือกเป็นสมาชิกคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนในปี 2002 

ในสมัยการประชุมสมัชชาพรรคที่ 16 เขาได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่ง Secretariat of the CPC หรือเทียบเท่ากับ เลขานุการด้านกิจการการเมืองของผู้นำรุ่นที่ 4 หู จินเทา โดย Wang Huning ร่วมกับ Ling Jihua และ Chen Shiju คือ 3 บุคคลที่ร่างนโยบายให้กับพรรคคอมมิวนิสต์และประเทศจีนในขณะนั้น

ปี 2012 ที่ สี จิ้นผิง ขึ้นมาดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคสมัยแรกใน การประชุมสมัชชาพรรคที่ 18 Wang Huning ได้รับคัดเลือกเข้าเป็นสมาชิกกรมการเมือง และขึ้นเป็น คณะกรรมการประจำกรมการเมือง (Politburo Standing Committee: PSC) ในปี 2017 การประชุมสมัชชาพรรคที่ 19 โดยถือเป็น PSC คนแรกที่ไม่เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ไม่เคยดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคประจำมณฑล และขึ้นมาด้วยความเป็นสายวิชาการล้วน ๆ (แทบจะเรียกได้ว่าไม่เคยไปประจำการในต่างจังหวัดเลยด้วยซ้ำ)

ปี 2020 เขาคือ รองหัวหน้าคณะทำงานควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่มีนายกรัฐมนตรี หลี่ เคอเฉียงเป็นหัวหน้า และในปี 2021 เขาคือ ผู้ร่างเอกสารการทบทวนประวัติศาสตร์จีนครั้งที่ 3 ที่เป็นการสร้างความชอบธรรมเพื่อประกาศว่า สี จิ้นผิง คือผู้นำคนแรกของยุคที่ 3 ของจีน ที่มีเป้าหมายการสร้างความมั่งคั่งรุ่งเรืองร่วมกัน (Common Prosperity 共同富裕 Gòngtóng fùyù) ต่อจากยุคแรกที่จีนยืนขึ้นมาได้ ในยุคของประธานเหมา และยุคที่ 2 ที่คนจีนพอมีพอกิน ภายใต้การนำของผู้นำรุ่นที่ 2-5 เติ้ง เสี่ยวผิง, เจียง เจ๋อหมิน, หู จินเทา และสี จิ้นผิงใน 2 สมัยแรก

และในเมื่อ แนวคิดนำในยุคอนาคตของจีน คือ ความมั่งคั่งรุ่งเรืองร่วมกัน (Common Prosperity) Wang Huning จึงเป็นอีก 1 คนที่ต้องจับตา 

5.Cai Qi

เกิดเมื่อวันที่ 5 ธันวาคมปี 1955 ณ มณฑลฟูเจี้ยน อายุ 66 ปี จบการศึกษาในระดับปริญญาตรี (เศรษฐศาสตร์การเมือง) โท (กฎหมาย) และ เอก (เศรษฐศาสตร์การเมือง) จากมหาวิทยาลัย Fujian Normal University

Cai Qi เข้าพรรคในปี 1975 โดยทำงานในระดับจังหวัดในมณฑล Fujian จนขึ้นสู่ตำแหน่งระดับผู้บริหารจังหวัด และย้ายมาทำงานที่มณฑล Zhejiang ในระดับรองเลขาธิการพรรคประจำจังหวัดในช่วงต้นทศวรรษ 2000 ซึ่งก็เป็นช่วงเดียวกันกับที่ สี จิ้นผิง เข้าสู่ตำแหน่งเลขาธิการพรรคประจำมณฑลเจ๋อเจียง ซึ่งนั่นทำให้ Chi Qi ถูกพิจารณาว่าเป็นหนึ่งในกลุ่ม New Zhijiang Army หรือ ขุนพลของสี จิ้นผิง ที่ทำงานด้วยกันมาร่วม 20 ปี ตั้งแต่สมัยที่พวกเขาเป็นผู้บริหารระดับมณฑล 

ปี 2014 Cai Qi ได้รับการโปรโมทให้เข้ามาทำงานส่วนกลางด้านความมั่นคง ในกรุงปักกิ่ง โดยดำรงตำแหน่งเบอร์ 2 ของ National Security Commission (เทียบได้กับ สมช.) และในปี 2016/2017 เขาได้รับตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงปักกิ่ง ซึ่งเป็นตำแหน่งในระดับเลขาธิการพรรคประจำมณฑล และงานสำคัญที่สุดที่เขาได้รับผิดชอบคือเป็นแม่งานในการจัดมหกรรมกีฬาที่สำคัญที่สุดของโลก นั่นคือ กีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่จะเกิดขึ้นในปี 2022 รวมทั้งยังเป็นหัวหน้าคณะทำงานควบคุมการระบาดของโควิด-19 ของกรุงปักกิ่ง ซึ่งถือว่ามีผลงานดีเยี่ยมในทั้ง 2 หน้าที่

อีกหนึ่งมิติที่น่าสนใจของ Cai Qi คือ เขาเป็น active user ของ Weibo (เทียบเท่ากับ Twitter ในโลกตะวันตก) โดยใช้นามในโลก Social Media ว่า Cai Qi, a Bolshevik (แต่ตอนเปิด Account ใช้ชื่อว่า Qianshui ซึ่งแปลว่า นักดำน้ำ) โดย Cai Qi มีผู้ติดตามมากกกว่า 10 ล้านคน โดยหลายๆ ครั้งเขากล่าวขานถึง สี จิ้นผิง ในโลก Social Media ด้วยคำว่า “Xi Dada” ซึ่งแปลว่า คุณพ่อสี และ “Boss Xi!”

6. Ding Xuexiang

Ding Xuexiang เกิดวันที่ 13 กันยายน 1963 ในมณฑลเจียงซู ปัจจุบันอายุ 60 ปี เขาจบการศึกษาในสาขาวิศวกรรมศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Yanshan University ในปี 1982 เริ่มต้นชีวิตการเมือง โดยการเป็นสมาชิกพรรคในปี 1984 และเริ่มต้นทำงานในมหานครเซี่ยงไฮ้ ในปี 1982 ณ Shanghai Research Institute of Materials ในระหว่างทำงานเขาเรียนต่อจนจบปริญญาโทด้านการบริหารจัดการภาครัฐ จากมหาวิทยาลัย Fudan และด้วยประสบการณ์ทำงานด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีมาโดยตลอด ทำให้ในปี 1999 เขาได้รับตำแหน่ง Deputy Director ของ Shanghai Municipal Science and Technology Commission และได้รับตำแหน่งสูงสุดในมหานครเซี่ยงไฮ้ Secretary of the Political and Legal Committee of the Shanghai Municipal Party Committee

Ding Xuexiang ได้รับคัดเลือกเป็นกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนในปี 2012 และขึ้นเป็นกรมการเมืองในปี 2017 โดยเขาเป็นหนึ่งในกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่ได้รับการสนับสนุนและมีบทบาทในพรรคสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในวันที่จีนต้องการเป็นผู้นำเรื่องวิทยาศาสตร์ในเวทีโลก

7. Li Xi

Li Xi เกิดเดือนตุลาคม 1956 ในมณฑล Gansu ปัจจุบันอายุ 65 ปี เริ่มเป็นสมาชิกพรรคในปี 1982 เขาทำงานให้กับพรรคจนได้รับตำแหน่งเลขาธิการพรรคประจำจังหวัด Zhangye ก่อนที่จะย้ายมาเป็นเลขาธิการพรรคประจำเมือง Yan’an มณฑล Shaanxi ในปี 2006 Yan’an ถือเป็นเมืองที่มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์พรรคคอมมิวนิสต์จีน เพราะที่นี่คือจุดหมายปลายทางของการเดินทัพทางไกลในช่วงสงครามกลางเมือง ก่อนการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน

ปี 2011 เขาได้รับสนับสนุนให้ไปทำหน้าที่ผู้อำนวยการฝ่ายจัดตั้งองค์กรของพรรคคอมมิวนิสต์ มหานครเซี่ยงไฮ้ และเจริญเติบโตจนได้รับตำแหน่งรองเลขาธิการพรรคประจำมหานครเซี่ยงไฮ้ ก่อนที่จะถูกส่งกลับไปที่เมือง Liaoning มณฑล Gansu อีกครั้งเพื่อนำเอาประสบการณ์ที่เซี่ยงไฮ้ไปพัฒนาเมืองในพื้นที่ยากจนห่างไกล และได้รับตำแหน่งเลขาธิการพรรคประจำเมือง Liaoning ในปี 2015

ด้วยผลงานการพัฒนาเมืองที่โดดเด่นทำให้เขาได้เลื่อนตำแหน่งเป็นเลขาธิการพรรคประจำมณฑลกวางตุ้งซึ่งเป็นมณฑลที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของประเทศจีน โดยเขาเข้ามารับตำแหน่งต่อจากอีก 1 ดาวรุ่งของพรรค นั่นคือ Hu Chunhua 

ตำแหน่งเลขาธิการพรรคประจำมณฑลกวางตุ้ง เป็นอีก 1 ตำแหน่งที่มักจะเป็นเส้นทางของผู้ที่จะขึ้นมาเป็นผู้นำระดับสูงของจีน ไม่ว่าจะเป็น อดีตเลขาธิการพรรค Zhao Ziyang, Xi Zhongxun คุณพ่อของสี จิ้นผิง, อดีตรองนายกรัฐมนตรี Zhang Dejiang และอดีตกรรมการถาวรกรมการเมืองอย่าง Li Changchun และ Wang Yang ก็เคยดำรงตำแหน่งนี้มาก่อน
และด้วยตำแหน่งเลขาธิการพรรคประจำมณฑลกวางตุ้ง จึงทำให้ Li Xi ได้ขึ้นมาเป็นกรมการเมืองในปี 2017 ในการประชุมสมัชชาพรรคสมัยที่ 19

‘ชัยวุฒิ’ ลั่น ยังเร็วไป พท.ตั้งเงื่อนไขร่วมรัฐบาลไม่เอา ‘บิ๊กตู่’ ชี้ ให้รอดูเลือกตั้ง มั่นใจ ‘พปชร.’ ยังเป็นพรรคแกนนำ เชื่อ ‘นายกฯ’ ไม่เป็นสมาชิกพรรค ไม่ใช่จุดอ่อน หวังปชช.ยังเลือก ยัน ไม่ทิ้งพปชร.ซบพรรคอื่น

เมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่สนามกีฬาอบจ.สิงห์บุรี นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ให้สัมภาษณ์กรณีที่พรรคเพื่อไทยยื่นข้อเสนอให้พรรคที่จะจับมือร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล โดยตั้งเงื่อนไข ไม่เอาพล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา พรรคพปชร.รับได้หรือไม่ ว่า  เรื่องแบบนี้ตอบกันไม่ได้หรอก

ผู้สื่อข่าวถามว่าการยื่นเงื่อนไข หากไม่มีการเสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม  ก็อาจจะจับมือ กับพรรคเพื่อไทยได้ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า มองว่าเรื่องนี้ยังเร็วไปที่จะคุย ที่จะจับมือกันจัดตั้งรัฐบาล ต้องรอผลการเลือกตั้งก่อน รวมไปถึงเสียงส.ส.ในสภา และนโยบายของแต่ละพรรค แต่โดยหลักการของพรรคพปชร.จะเน้นทำงานเพื่อประชาชนและทำตามนโยบายที่คิดว่าเป็นประโยชน์ต่อประชาชน อะไรที่สร้างปัญหาให้กับประชาชน หรือสร้างความแตกแยก เราจะไม่เอาด้วยอยู่แล้ว 

เมื่อถามย้ำว่าฟังจากเงื่อนไขแล้วสามารถรับเงื่อนไขได้หรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมารับหรือไม่ เมื่อถึงเวลาเลือกตั้งแล้วค่อยมาคุยกันอีกทีดีกว่า แต่ถ้าเป็นพรรคใหญ่ที่จะจับมือร่วมกับรัฐบาลคงเป็นไปได้ยาก เพราะการเมืองต้องรอการตรวจสอบ แต่ตนมั่นใจว่าพรรคพปชร.ยังเป็นพรรคใหญ่  เพราะขณะนี้ยังเป็นอยู่  

เมื่อถามว่าหากพล.อ.ประยุทธ์ ไม่สมัครเป็นสมาชิกพรรคพปชร. ถือเป็นจุดอ่อนหรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ขออย่าใช้คำว่าไม่ชัดเจน เพราะพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค และวันนี้ก็ยังเป็นอยู่ ส่วนแคนดิเดตนายกฯในการเลือกตั้งครั้งหน้า จะมีใครบ้าง คงยังไม่ถึงเวลา และต้องดูอยู่ว่าในอนาคตจะเป็นอย่างไร โดยพล.อ.ประยุทธ์ สามารถสมัครเป็นสมาชิกพรรค พร้อมผู้สมัคร ส.ส.ได้เนื่องจากยังมีเวลาอยู่


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top