Thursday, 8 May 2025
THE STATES TIMES TEAM

ชัดแล้ว…. ‘ชินวรณ์ บุณยเกียรติ’ ยืนยัน ลง ส.ส.เขต ในนามประชาธิปัตย์เหมือนเดิม ส่งลูกสาวคนเล็ก ‘น้องบีท’ ลงเขตช้างกลาง 

นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความในเฟสบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า วันนี้มีข่าวประชุม ส.ส. และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดนครศรีธรรมราช ของพรรคประชาธิปัตย์  ที่พรรคให้ความเห็นชอบแล้ว 8 เขต จากทั้งหมด 9 เขต ซึ่งจะเปิดตัวเป็นทางการและดำเนินการตามพรป.พรรคการเมือง และ พรป.การเลือกตั้งต่อไป

นายชินวรณ์ โพสต์ ยืนยันว่า สำหรับผมยังลงเลือกตั้งในระบบเขต ซึ่งเป็นเขตเดิมที่มีอำเภอทุ่งใหญ่เป็นหลัก  ส่วนลูกสาวคนสุดท้อง น้องบีท นางสาวปุณณ์สิริ บุณยเกียรติ พรรคเห็นชอบให้ลงเขตเลือกตั้งบ้านเกิดที่มีอำเภอช้างกลางเป็นหลัก เพื่อร่วมกันสืบสานอุดมการณ์ และสร้างคนรุ่นใหม่เป็นส.ส.ที่มีคุณภาพของพี่น้องชาวจังหวัดนครศรีธรรมราชต่อไป 

สำหรับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. 8 ราย ประกอบด้วย ส.ส.ปัจจุบัน 4 ราย คือ 
-นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ 
-นายประกอบ รัตนพันธุ์ 
-นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล
-นายชัยชนะ เดชเดโช 

ไต้หวัน ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากไทย นับเป็นประเทศแรกในโลกที่มาเยือน หลังเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง

เพจเฟซบุ๊ก Taiwan in Thailand ได้โพสต์ข้อความ เมื่อวันที่ 13 ต.ค. ว่า ไต้หวันเปิดพรมแดนต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกครั้ง โดยกลุ่มแรกมีผู้เดินทางทั้งหมด 45 คน ออกเดินทางจากประเทศไทยถึงไต้หวันวันที่ 13 ต.ค. เวลา 00:16 น. ซึ่งถือเป็นวันแรกชั่งโมงแรกของการเปิดประเทศไต้หวันอย่างเป็นทางการ ที่ทำให้นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้กลายเป็นกลุ่มแรกของโลกที่ได้เยือนไต้หวันหลังโควิด

หลังจากนักท่องเที่ยวเดินทางถึงไต้หวัน OhBear มาสคอตประจำการท่องเที่ยว มายังสนามบินเถาหยวน เพื่อต้อนรับกลุ่มนักท่องเที่ยว มอบของที่ระลึกให้ด้วยตัวเอง ยังมีกิจกรรมจับรางวัล "Taiwan Travel: Super Package" ที่จัดขึ้นเป็นพิเศษให้เฉพาะนักท่องเที่ยวกลุ่มแรก โดยมี คุณธิดารัตน์ เป็นผู้โชคดี ผ.อ. จาง ประกาศว่า การท่องเที่ยวไต้หวันได้กลับมาอย่างเป็นทางการแล้ว ยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวทั่วทุกมุมโลกเยือนไต้หวัน !

เพื่อเป็นการต้อนรับนักท่องเที่ยวหลังจากหายไปนาน สำนักงานการท่องเที่ยวไต้หวันได้จัดให้ OhBear มาสคอตประจำการท่องเที่ยว มาทักทายผู้โดยสารในห้องโถงผู้โดยสารขาเข้าพร้อมมอบของที่ระลึกต้อนรับทีละคน - หมอนรองคอลาย OhBear และอื่น ๆ ได้แก่ บิสกิตรูป OhBear เค้กไต้หวัน หน้ากากลายลิมิเต็ดของการท่องเที่ยวฯ และ บัตรอินเทอร์เน็ต 5 วัน

ฉะเชิงเทรา-กสทช.มอบรางวัลโครงการรู้ทัน เข้าถึง เข้าใจ ภัย Fake News

ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นประธานเปิดโครงการรู้ทัน เข้าถึง เข้าใจ ภัย Fake News และกิจกรรมพิธีมอบรางวัลการประกวด VDO CLIP ภายใต้หัวข้อ "รู้คิด รู้ทัน ยับยั้ง Fake News"

  เวลา 13.30 น. วันที่ 14 ตุลาคม 2565 ที่ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ ฉะเชิงเทรา นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี  ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นประธานเปิดโครงการรู้ทัน เข้าถึง เข้าใจ ภัย Fake News และกิจกรรมพิธีมอบรางวัลการประกวด VDO CLIP ภายใต้หัวข้อ "รู้คิด รู้ทัน ยับยั้ง Fake News" ร่วมด้วย  รองศาสตราจารย์ ดร.ดวงพร ภู่ผะกา รักษาราชการแทนอธิการบดี ม.ราชภัฏราชนครินทร์  คณบดี คณาจารย์ นักศึกษา ผู้บริหารห้างโรบินสันฉะเชิงเทรา และแขกผู้มีเกียรติ เข้าร่วมภายในงาน
       สำหรับโครงการรู้ทัน เข้าถึงเข้าใจ ภัย Fake News ในการประกวด VDO CLIP ภายใต้หัวข้อ "รู้คิด รู้ทันยับยั้ง Fake News" ชิงโล่เกียรติยศจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ร่วมกับ สาขาวิชานิเทศศาสตร์ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฎราชนครินทร์ในครั้งนี้ เนื่องด้วยปัจจุบัน Fake News หรือ ข่าวปลอม ได้ถูกแพร่กระจายบนสื่อดิจิทัล ซึ่งถือว่าเป็นอาชญากรรมบนโลกออนไลน์ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน นักเรียน เยาวชน นักศึกษา รวมถึงผู้สูงวัย โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน ที่ถือได้ว่าอยู่ในกลุ่มของผู้ใช้ social media มากที่สุดเราจึงจำเป็นต้องสร้างองค์ความรู้และสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ผู้ใช้สื่อ social ให้ห่างไกลจากภัย  Fake News และอาชญากรรมบนโลกออนไลน์  ซึ่งเริ่มดำเนินกิจกรรมตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565 โดยมีรูปแบบกิจกรรมใน รูปแบบออนไลน์ และออฟไลน์ อาทิ การจัดรายการสตรีมสด "ถกเรื่องเล่า จากคนเล่าเรื่อง" การลงพื้นที่กิจกรรมรณรงค์รู้ทันภัย Fake News วัย Baby Boom และการจัดโครงการประกวด VDOCLIP "รู้คิด รู้ทัน ยับยั้ง Fake News" โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นเยาวชน นักเรียน นักศึกษาและประชาชนทั่วไป โดยมีวัตถุประสงค์ของโครงการ  เพื่อให้เด็กนักเรียน/นักศึกษา ประชาชนทั่วไปได้เข้าถึงความรู้ด้านการรู้เท่าทันสื่อ / เพื่อสร้างสรรค์ผลงานด้านการผลิตสื่อในการรู้เท่าทันสื่อ / เพื่อสร้างเครือข่ายและการมีส่วนร่วม การทำงานด้านการรู้เท่าทันสื่อ

ผบ.ตร.ชื่นชม จราจรบุคคโล กวาดเศษหินป้องกันอุบัติเหตุ หน่วยเตรียมเสนอชื่อรับรางวัลจราจรดีเด่นพบประวัติเคยนำส่งผู้ป่วยวูบกลางถนนส่งรพ. 

    จากรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กท่านหนึ่ง เผยแพร่ภาพจากกล้องหน้ารถ ระบุข้อความ “เมื่อเช้าขับรถมาทำงาน จอดติดไฟแดงแยกมไหสวรรค์ เห็นน้าตำรวจแกออกมากวาดหินที่หล่นบนพื้นถนน แกคงกลัวรถมอเตอร์ไซค์จะลื่นล้ม น่ารักมากๆเลยครับ #ทำดีต้องขอชื่นชมครับ  #ตำรวจดีๆมีเยอะครับ”จนมีผู้มาแชร์และแสดงความชื่นชมตำรวจนายนี้จำนวนมากนั้น
     ล่าสุด 14 ต.ค.2565 พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. เปิดเผย ตรวจสอบแล้วตำรวจจราจรในคลิปคือ ร.ต.อ.พูนศักดิ์ สัมพันธ์กาญจน์ รอง สว.จร.สน.บุคคโล ปฎิบัติเหน้าที่ร้อยเวรจราจร ได้ออกตรวจสภาพการจราจร เมื่อมาถึงแยกมไหสวรรย์ พบกองกรวดทราย ซี่งไหลมากับน้ำฝนที่ตกหนักในคืนที่ผ่านมา เมื่อน้ำแห้งแล้วก็กลายเป็นก้อนกรวดทรายกองอยู่บริเวณกลางถนนแยกมไหสวรรย์ เกรงจะเกิดอุบัติเหตุกับผู้ใช้รถใช้ถนน จึงได้นำไม้กวาดมากวาดออก จนมีประชาชนถ่ายคลิปไว้ แล้วนำไปโพสจนมีผู้เข้ามาชื่นชมจำนวนมาก ขอบคุณแทนผู้ใช้รถถนนทุกคนด้วย 
   

พรรค ปชป. 4 จังหวัดชายแดนใต้เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.13 เขต มั่นใจได้ สส.เพิ่มแน่นอน 

        รายงานจากแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ชายแดนภาคใต้ เปิดเผยว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้ว่าที่ผู้สมัคร สส.4 จังหวัดชายแดภาคใต้เกือบครบ 100% เหลือเฉพาะเขต 2 จ.ยะลา จ.นราธิวาส เขต 1 นายวัสสันต์ ดือเระ เขต 2 นายเมธี อรุณ เขต 3 นายสุลัยมาน มะโซ๊ะ เขต 4 นายไซลี เจ๊ะหามะ และ เขต 5 นายเจะอามิง โตะตาหยง 
    จ.ปัตตานี เขต 1 นายสนิท นาแว เขต 2 นายมนตรี ดอเลาะ เขต 3  ดร.ยูนัยดี วาบา เขต 4 นายนาวี หะยีดอเลลาะ  , จ.ยะลา เขต 1 นายประสิทธิชัย พงษ์สุวรรณศิริ เขต 3 นายณรงค์ ดูดิง ยังเหลือเขต 2 ที่กำลังทำโพลอยู่คาดว่าในเดือน ต.ค.ได้ว่าที่ผู้สมัคร และ จ.สตูล เขต 1 นายซอบรี หมัดหมาน เขต 2 นายเกตุชาติ เกศา   

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เร่งบรรเทาทุกข์ชาวอุบลราชธานี จัดทีมกู้ชีพ กู้ภัย นำอุปกรณ์ และโรงครัวเคลื่อนที่ ลงพื้นที่เร่งอพยพ และเข้าช่วยเหลือในพื้นที่น้ำท่วม

ตามที่มวลน้ำในหลากหลายอำเภอของจังหวัดอุบลราชธานี ยังคงมีระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก วานนี้ (วันที่ 13 ตุลาคม 2565) นายวิเชียร เตชะไพบูลย์  ประธานกรรมการ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มอบหมายให้ทีมบรรเทาสาธารณภัย นำโดย นายสมบูลย์ ขวัญอ่วม หัวหน้าแผนกบรรเทาสาธารณภัย นำทีมกู้ภัย กู้ชีพ อาสาสมัคร พร้อมอุปกรณ์ เรือท้องแบน โรงครัวเคลื่อนที่ ถุงยังชีพบรรจุเครื่องอุปโภคบริโภค ชุดยาเวชภัณฑ์ อาหารสุนัขและแมวออกเดินทางจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่จังหวัดอุบบราชธานี พร้อมจัดทีมกู้ชีพ กู้ภัย พร้อมอุปกรณ์การช่วยเหลือ ลงพื้นที่เพื่อบรรเทาทุกข์ และอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ประสบภัยไปยังพื้นที่ปลอดภัยตามความประสงค์ของประชาชน  โดยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งจัดตั้งกองอำนวยการและโรงครัวเพื่อประกอบอาหารปรุงสุก ณ มูลนิธิการกุศลอุบลราชธานี (จีตัมเกาะ)  จังหวัดอุบลราชธานี

และในวันนี้ (วันที่ 14 ตุลาคม 2565)  นับตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา นายสมบูลย์ ขวัญอ่วม หัวหน้าแผนกบรรเทาสาธารณภัย จัดทีมเจ้าหน้าที่-อาสาสมัคร กู้ชีพ-กู้ภัย ลงพื้นที่อพยพ - เคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกจากพื้นที่ประสบภัย ไปยังพื้นที่ปลอดภัย รวมถึงจัดทีมประกอบอาหารปรุงสุกบรรจุกล่องพร้อมน้ำดื่ม ถุงยังชีพ ชุดยาเวชภัณฑ์ บรรทุกเรือท้องแบน เพื่อลงพื้นที่ออกแจกจ่าย พร้อมจัดทีมกู้ชีพนำอุปกรณ์ตรวจวัดไข้ ความดัน และชีพจร ออกตรวจสุขภาพแก่ผู้ป่วยและผู้สูงอายุเบื้องต้นในพื้นที่ประสบภัยเพื่อประเมินการให้ความช่วยเหลือในพื้นที่ประสบภัยบริเวณพื้นที่อำเภอเมือง รวมถึงลงพื้นที่สำรวจในพื้นที่ อำเภอตาลสุม และอำเภอสว่างวีระวงศ์ และพื้นที่ใกล้เคียง จังหวัดอุบลราชธานี  ในทันที โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นางสาวพิศทยา ไชยสงคราม นายกเทศมนตรีนครอุบลราชธานี  พร้อมคณะ ได้เข้าตรวจเยี่ยมโรงครัวเคลื่อนที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พร้อมให้กำลังใจทีมบรรเทาสาธารณภัยที่เข้าปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัย

นอกเหนือจากจังหวัดอุบลราชธานี ในขณะนี้ อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้จัดทีมลงพื้นที่บรรเทาทุกข์ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี พระนครศรีอยุธยา และจังหวัดพิจิตร

‘อนุชา นาคาศัย’ เผยดูเดี่ยว 13 แล้ว ชี้มีวิจารณ์เกินเลยหลายส่วนไม่เหมาะสม ต้องดูแซวตรงไปตรงมาหรือติดตลก ย้ำศิลปินที่ผ่านมาเขาไม่พูดการเมืองแบบนี้ เทียบเสียดสี “รัฐบาลทักษิณ” ไม่ได้ หากมองด้วยใจเป็นธรรม

นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปรากฏการณ์การวิพากษ์วิจารยณ์การทำงานของนายกรัฐมนตรี ในเดี่ยว 13 ว่า เป็นธรรมดาในเรื่องความคิดเห็นทางการเมืองที่มีความเห็นไม่ตรงกันเสมอ นี่คือระบอบประชาธิปไตย ดังนั้น ความคิดเห็นที่แตกต่างเป็นเรื่องธรรมดาของสังคม

ส่วนรัฐบาลพร้อมรับฟังความคิดเห็นหรือไม่ นายอนุชา ระบุว่า หากเป็นคำวิจารณ์ที่ตรงไปตรงมาไม่ประกอบด้วยอคติ เอาสนุกอย่างเดียว ก็คิดว่าไม่มีปัญหา แต่หากคำวิจารณ์นั้น ประกอบด้วยอคติ และใส่เจตคติบางอย่าง ก็ทำให้สังคมเกิดความเคลือบแคลงย่อมเป็นไปได้ เพราะเป็นศิลปิน ที่ส่วนตัวมองว่าเป็นเซเลปและสังคมติดตามให้ความสนใจ โดยเรื่องนี้ส่วนมากศิลปินจะไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมือง เพราะเป็นผู้ทรงอิทธิพลทางความคิดก็ต้องไปพิจารณาว่าอะไรเกิดขึ้นอย่างไร แต่สิ่งที่ตนกล่าวไป ทุกคนที่มีเจตนาบริสุทธิ์ เป็นเรื่องของประชาธิปไตย

ส่วนกรณีที่โน้ส อุดม มีการวิพากษ์วิจารณ์ในเดี่ยว 13 มีเจตนาบริสุทธิ์หรือติดตลกอย่างที่ว่า หรือไม่ นายอนุชา ระบุว่า มีหลายส่วนที่ตนคิดว่าไม่เหมาะสม ในฐานะที่เรามีรัฐบาล มีผู้นำ บางอย่างคิดว่าก็เกินเลยไปบ้าง

ส่วนจะมีการดำเนินคดีหรือให้ฝ่ายกฎหมายติดตามหรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า เรื่องนี้ตนเองไม่ทราบ และไม่ทราบว่า นายกรัฐมนตรี ได้มีการดูเดี่ยว 13 หรือยัง แต่ส่วนตัวได้มีการดูคร่าวๆ นิดหน่อย และเห็นในของส่วนกระแสวิเคราะห์ของสังคมที่แบ่งกันเป็นฝักเป็นฝ่าย เป็นกระแสวิจารณ์ทั้งฝ่ายเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ก็เป็นเรื่องธรรมดา

ก้าวไกล-ก้าวหน้า  จับมือร่วมรำลึก 14 ตุลา 'เจี๊ยบ' เผยทั้งชนะและแพ้ ประชาธิปไตยไม่ตรงปก หากไม่เปลี่ยนโครงสร้างใหญ่ ด้าน 'ช่อ' เผยไล่เผด็จการคนหนึ่งไป คนใหม่ก็มา

อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.พรรคก้าวไกล พร้อมด้วยพรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า เดินทางไปยังอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา แยกคอกวัว ร่วมรำลึกเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ของประเทศไทย วัน 14 ตุลา มหาวิปโยค ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2516 โดยมีมวลชนจำนวนมหาศาลเข้าร่วมต่อต้านเผด็จการในเวลานั้น  โดยกิจกรรมวันนี้มีทั้งญาติวีรชนเหตุการณ์ ประชาชน นักกิจกรรมต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย นักการเมืองเข้าร่วมงาน
.
อมรัตน์เป็นตัวแทนจากพรรคก้าวไกล กล่าวถึงเหตุการณ์ 14 ตุลา โดยเริ่มต้นด้วยการคารวะผู้เสียสละในเหตุการณ์ 14 ตุลา ก่อนจะกล่าวถึงใจความสำคัญของเหตุการณ์ดังกล่าว ว่าเป็นทั้ง 'ชัยชนะ' และ 'ความพ่ายแพ้' โดยที่กล่าวเช่นนั้นเพราะว่าเหตุการณ์ 14 ตุลา สามารถขับไล่เผด็จการที่ครองอำนาจไว้ได้ แต่ขณะเดียวกันภายในเวลา 3 ปีเท่านั้นเผด็จการกลับมาของอำนาจและกลับมามีบทบาทในช่วงเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งครั้งของความรุนแรงที่ก่อโดยรัฐ ที่ปัจจุบันยังไม่มีผู้กระทำผิดได้รับโทษ
.
อมรัตน์ยังได้ไล่เรียงถึงเหตุการณ์ความรุนแรงต่างๆ ที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็น 14 ตุลา 2516, 6 ตุลา 2519 หรือเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ จนถึงเหตุการณ์ความรุนแรงเมื่อปี 2553 ซึ่งทั้งหมดสะท้อนให้เห็นว่า เราไม่สามารถขับไล่เผด็จการและมีชัยชนะเบ็ดเสร็จเด็ดขาดได้ เป็นเพราะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางการเมืองความคิดของประชาชนทั้งหมดได้ ดังนั้นการขับไล่เผด็จการยังไม่เพียงพอต่อการเปลี่ยนแปลงประเทศแต่ต้องเป็นการเปลี่ยนแปลงในระดับโครงสร้างและในระดับรัฐบาล
.
"เราต้องเปลี่ยนที่โครงสร้างของประเทศ เอากองทัพออกไปจากการเมืองยุติการเข้ามาของอำนาจนอกรัฐธรรมนูญ หรือ มือที่มองไม่เห็นหยุดการแทรกแซงทางการเมืองจากองคาพยพที่ไม่เกี่ยวข้อง" อมรัตน์กล่าว

ผู้ว่าสุพรรณฯ ทำหนังสือชี้แจงด่วนที่สุดถึงปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมมอบหมายให้นิติกรชำนาญการ สำนักงานจังหวัดสุพรรณบุรี รวบรวมหลักฐานเพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับ ‘แอ๊ด คาราบาว’ ปมด่ากราดบนเวที

กรณีมีผู้ใช้บัญชีติ๊กต็อกรายหนึ่ง โพสต์คลิปเหตุการณ์ช่วงหนึ่งขณะ ‘น้าแอ๊ด คาราบาว’ ศิลปินเพลงเพื่อชีวิตชื่อดังเมืองไทย ระเบิดอารมณ์ออกมาบนเวทีคอนเสิร์ต ถึงกับสวดยับ ‘บิ๊กข้าราชการ’ อย่างดุเดือด จนบรรดาคนดูถึงกับตกใจสอบถามกันว่าเกิดอะไรขึ้น บางคนอัดคลิปช่วงขณะเกิดเหตุการณ์บนเวทีเอาไว้ โดยน้าแอ๊ด มีทีท่าค่อนข้างโมโหอย่างมาก จนถึงกับเปรยออกมาว่า ‘เล่นไม่ได้แล้วโมโห’ ซึ่งหลายคนไม่เคยเห็นมาก่อน นั้น

ล่าสุดนายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี ได้โพสต์คลิปชี้แจงผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า เป็นเรื่องเข้าใจผิด การจัดงานอนุสรณ์ดอนเจดีย์ประจำปี 65 จังหวัดเตรียมจะจัด เพราะจัดมาต่อเนื่องทุกปี แต่ช่วงโควิดเว้นวรรคจะจัด 18 ม.ค.-1 ก.พ. แต่เจอปัญหาโควิดมาตั้งแต่ปี 64 จึงไม่ได้จัด เลื่อนมาเลย คาดว่าปีนี้ 65 จัดงานมีสัญญากับเอกชนไว้ ก่อนตัวเองจะเข้ามารับตำแหน่ง แต่ถึงเวลาจริง ไม่สามารถจัดได้เพราะสถานการณ์โควิดรุนแรงมากขึ้น เลยคิดว่าต้องเลื่อน จึงได้คุยกับคณะกรรมการเลื่อนไปเป็นช่วงประมาณเดือน มี.ค. รูปแบบการจัดงานเหมือนเดิม มีการแสดงยุทธหัตถี ออกร้านโอทอป แสดงนิทรรศการของอำเภอ แต่ในส่วนคอนเสิร์ต ซึ่งไม่ใช่งานของจังหวัด ภาคเอกชนดูแลมีการล้อมรั้ว เก็บบัตรผ่านประตูเอง ไม่เกี่ยวกับบัตรผ่านประตูของทางจังหวัด พร้อมเตรียมพยานหลักฐานแจ้งความดำเนินคดี

ความคืบหน้าเมื่อ วันที่ 14 ต.ค.65 นายปรีชา ทองคำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยความจริงกรณีของแอ๊ด คาราบาว ด่าผู้ว่าฯ สุพรรณบุรี บนเวทีคอนเสิร์ต ที่ อ.สองพี่น้อง เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2565 ว่าเรื่องทั้งหมดเกิดจากกรณีแอ๊ดโกรธ ที่ไม่ถูกจ้างมาเล่นงานอนุสรณ์ดอนเจดีย์

ความจริงคือ

1. ผู้ว่าฯ ย้ายมาสุพรรณฯ เมื่อ 1 ต.ค.2563

2. ปี 2564 ไม่มีการจัดงานอนุสรณ์ดอนเจดีย์เนื่องจากสถานการณ์โควิด

3. ปี 2565 สถานการณ์โควิดผ่อนคลายลง มีการจัดงานอนุสรณ์ดอนเจดีย์ แต่ก็หลังจากช่วงเวลาปกติ ที่เคยจัดระหว่าง 18 ม.ค. - 1 ก.พ. เป็นช่วงเดือนมีนาคม 2565

4. ช่วงของการจัดงาน สุพรรณฯ เป็นพื้นที่สีส้ม งดการจัดการแสดงมหรสพ แต่ที่จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่สีฟ้า ก็มีการจัดงานดอนเจดีย์ และจ้างแอ๊ดไปเล่น แอ๊ดก็มีการกล่าวบนเวทีด่าผู้ว่าสุพรรณฯ ว่าไม่ให้แอ๊ดไปเล่นดนตรีที่สุพรรณฯ ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย

5. การจัดงานอนุสรณ์ดอนเจดีย์ที่สุพรรณบุรี มีการประมูลพื้นที่จำหน่ายสินค้า โดยมีเงื่อนไขให้ผู้ชนะประมูลพื้นที่เป็นคนจัดหามหรสพ (ยกเว้นปี 2565 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ผู้ว่าฯ คนปัจจุบันเข้ามารับผิดชอบการจัดงานฯ และเป็นปีที่คณะกรรมการจัดงานฯ มีมติให้งดจัดมหรสพ เนื่องจากให้เป็นไปตามมติ ศบค. ที่ให้กำหนดโซนพื้นที่ตามสีต่างๆ และสุพรรณฯ เป็นพื้นที่สีส้ม จึงไม่สามารถจัดมหรสพได้ แต่พื้นที่สีฟ้าสามารถจัดได้)

6. จากข้อ 5 เมื่อการจัดมหรสพเป็นหน้าที่ของผู้ชนะการประมูลพื้นที่จำหน่ายสินค้า ผู้ว่าฯ จึงไม่เกี่ยวข้องกับการจ้างวงดนตรีต่างๆ มาแสดงในงานฯ แต่อย่างใด

7. จากการสอบถามผู้ชนะการประมูลพื้นที่ว่า ทำไมไม่จ้างแอ๊ดมาเล่น ได้รับคำตอบว่าเคยจ้างแอ๊ดมาเล่นในงานอนุสรณ์ดอนเจดีย์ โดยการเปิดเวทีพิเศษเป็นบางวัน เพื่อเป็นการกระตุ้นให้มีคนมาเที่ยวงานอนุสรณ์ดอนเจดีย์มากขึ้น มีการปิดกั้นพื้นที่การแสดง และเก็บบัตรเข้าชมการแสดง ปรากฏว่าค่าจ้างวงคาราบาวสูงมาก เก็บรายได้ไม่คุ้มกับค่าจ้าง โดยขาดทุนเป็นเงินหลักแสน ขณะที่ดนตรีเพื่อชีวิตอื่นๆ ยังพอมีกำไรบ้างเล็กน้อย เพราะไม่ได้หวังกำไรมาก จุดประสงค์เพียงเพื่อดึงดูดคนให้มาเที่ยวชมงาน แต่ถ้าขาดทุนเป็นแสน จึงไม่คุ้มกับการจ้าง

8. จากข้อ 7 การที่แอ๊ด คาราบาว อยากมาเล่นที่สุพรรณบุรี เป็นเรื่องของธุรกิจ ไม่ใช่เรื่องของคนสุพรรณอยากมาเปิดการแสดงที่สุพรรณแต่อย่างใด จึงเป็นสิทธิ์ของผู้ว่าจ้าง ว่าจะจ้างการแสดงของวงดนตรีคณะใดเช่นกัน

9. ไม่ใช่แอ๊ดเป็นคนสุพรรณคนเดียว ผู้ว่าฯ ก็เป็นคนสุพรรณฯ เช่นกัน เกิดที่อำเภอศรีประจันต์...รอผู้ว่าฯ แถลง และแจ้งความดำเนินคดีกับแอ๊ดฯ ในขั้นตอนต่อไปครับ
 

‘ทิพานัน’ แจ้งเตือนประกาศใช้มือถือขณะขับรถต้องเชื่อมต่ออุปกรณ์ไร้สายมีผลบังคับใช้แล้ว ช่วยลดอุบัติเหตุ เพื่อความปลอดภัยของสังคม ฝ่าฝืนมีโทษปรับ 400-1,000 บาท

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยกรณีราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่อง ’หลักเกณฑ์และวิธีการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้ขับขี่ขณะขับรถ พ.ศ. 2565’ ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับความปลอดภัยการใช้รถใช้ถนน เพื่อลดการสูญเสียและการบาดเจ็บของพี่น้องประชาชน ซึ่งในปัจจุบันผู้ขับขี่รถมีการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่หรือโทรศัพท์มือถือขณะขับขี่ โดยเป็นหนึ่งในสาเหตุให้เกิดการเกิดอุบัติเหตุจำนวนมาก

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงมีประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้ขับขี่ขณะขับรถ พ.ศ. 2565 ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 43 (9) แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ให้ผู้ขับขี่ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถได้ตามหลักเกณฑ์และวิธีการดังต่อไปนี้

1.ใช้อุปกรณ์เชื่อมต่อแบบไร้สาย อุปกรณ์เสริมสำหรับการสนทนาหรือระบบกระจายเสียง จากเครื่องโทรศัพท์ โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องถือหรือจับโทรศัพท์เคลื่อนที่

2.ใช้อุปกรณ์เสริมพิเศษสำหรับยึดหรือติดโทรศัพท์เคลื่อนที่ไว้กับส่วนหน้าของตัวรถทุกครั้ง ก่อนการขับรถ ทั้งนี้ ต้องไม่บดบังทัศนวิสัยหรือเสียความสามารถในการขับรถ กรณีผู้ขับขี่มีความจำเป็นต้องถือ จับ หรือสัมผัสโทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อใช้งานโดยประการใด ๆ ให้ผู้ขับขี่หยุดหรือจอดรถในสถานที่สำหรับจอดรถอย่างปลอดภัย ก่อนใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ดังกล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top