Monday, 19 May 2025
THE STATES TIMES TEAM

ตม.จว.ตาก เข้มกลางดึก สกัดจับหนุ่มไทยคาด่านตรวจ ขณะขับกระบะซุก 4 ชาวจีน หวังออกชายแดนข้ามไปเมียวดี

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.เดชา กัลยาวุฒิพงศ์ ผบก.ตม 5, พ.ต.อ.เอกกร บุษบาบดินทร์ รอง ผบก.ตม.5, พ.ต.อเศรษฐภัทร ณ สงขลา ผกก.สส.บก.ตม.5, พ.ต.อ.สัมพันธ์ เหลืองสัจจกุล ผกก.ตม.จว.ตาก และ พ.ต.ท.สุชาติ เพ็ญภู่ รอง ผกก.ตม.จว.ตาก ร่วมแถลงข่าว ดังนี้

เจ้าหน้าที่ ตม.จว.ตาก ได้ร่วมกันตั้งจุดตรวจจุดสกัดที่บ้านบ้านห้วยหินฝน ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จว.ตาก เมื่อถึงเวลาเกิดเหตุพบรถยนต์ต้องสงสัย จากการตรวจสอบพบผู้ถูกจับที่ 1 คือ นายอาทิตย์ อายุ 43 ปี สัญชาติไทย อาศัยที่ ม.8 ต.เหมืองจี้ อ.เมืองลำพูน จว.ลำพูน เป็นผู้ขับขี่ และทำการตรวจสอบภายในรถยนต์พบบุคคลต่างด้าวสัญชาติจีน คือ MR.WANG อายุ 22 ปี สัญชาติจีน พร้อมพวกรวม 4 คน จึงขอตรวจสอบเอกสารการเดินทาง จากการตรวจสอบบุคคลต่างด้าวสัญชาติจีน ทั้ง 4 ราย ปรากฏว่าไม่มีเอกสารหนังสือเดินทางหรือเอกสารที่ใช้แทนหนังสือเดินทางมาแสดง รับว่าตนเดินทางจากประเทศจีน เข้า สปป.ลาว ลักลอบเดินทางเข้าประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติทาง อ.เชียงแสน จว.เชียงราย แล้วมีคนมารับช่วงต่อมาส่งที่ปั้มแห่งหนึ่งใน อ.ดอยสะเก็ด จากการสอบถามผู้ขับขี่ ผู้ขับขี่ให้การว่า ตนรับผู้ต้องหาจากปั้มน้ำมัน พี.ที. อ.ดอยสะเก็ด จว.เชียงใหม่ เพื่อนำมาส่งในพื้นที่ อ.แม่สอด จว.ตาก โดยได้รับการว่าจ้างเป็นจำนวนเงิน 20,000 บาท เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง นำส่ง สภ.แม่สอด เพื่อดำเนินคดีต่อไป

>> ผู้ถูกจับที่ 1 ในความผิดฐาน “ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม”

>> ผู้ถูกจับที่ 2 – 5 (ช.4) ในความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” 

รถยนต์ของกลาง คือ รถยนต์ส่วนบุคคล สีเทาทะเบียนเชียงใหม่ เหตุเกิด ณ บ้านห้วยหินฝน ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จว.ตาก

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ

หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จะขอบพระคุณอย่างยิ่ง

ตำรวจสืบสวนแม่จันร่วมกันสกัดจับ 2 ชาวเขา ลำเลียงยาบ้า 100,000 เม็ด จากชายแดนเตรียมส่งให้ในพื้นที่อำเภอแม่จันได้สารภาพพ้นโทษมา 1 เดือน อยู่ในระหว่างคุมประพฤติและสวมกำไล EM ที่ข้อเท้า

เวลาประมาณ 20.30 น. วันที่ 14 ก.ค.64. เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.แม่จัน เชียงราย ภายใต้การอำนวยการสั่งการของ พ.ต.อ.ทรรศ์ธนสรณ์ จุฑารัตน์ ผกก.สภ.แม่จัน พ.ต.ท.พันชาติ สมตัว รอง ผกก.สส.สภ.แม่จัน นำโดย พ.ต.ต.อนุชาติ วงศ์ปัญญา สว สส.สภ.แม่จัน ร.ต.อ.ผดุง ท้ายเรือนคำ พร้อมกำลังชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันทำการจับกุม นายอาลอง คะหล่า อายุ 34 ปี ชาว ม.6 ต.แม่ไร่ อ.แม่จัน จ.เชียงราย และนายอาเหอะ คะหล่า อายุ 42 ปี ชาว ม.6 ต.ป่าซาง อ.แม่จัน จ.เชียงราย พร้อมด้วยของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) จำนวนประมาณ 100,000 เม็ด ห่อหุ้มด้วยถุงพลาสติกสีชมพู อีกชั้นห่อหุ้มด้วยถุงพลาสติกสีดำและห่อหุ้มด้วยถุงพลาสติกใสอีกชั้นหนึ่ง 

ด้วยการจับกุมในครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่สืบสวน สภ. แม่จัน สืบทราบว่าจะมีการลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากจากชายแดนพื้นที่อำเภอแม่ฟ้าหลวงเพื่อมาส่งมอบให้พื้นที่อำเภอแม่จันทางเจ้าหน้าที่จึงได้ออกติดตามหาข่าวจนกระทั่งพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า เวฟ สี แดง-ขาว ทะเบียน คตจ 984 เชียงราย มี นายอาลอง คะหล่า ขับขี่มา ที่บริเวณพื้นที่ ถนนซอยข้างโรงงานดอยคำ บ.ป่าห้า ต.ป่าซาง อ.แม่จัน จ.เชียงราย ท่าทางมีพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงขอตรวจสอบพบว่าที่ข้อเท้าซ้ายของนายอาลอง มีกำไร อีเอ็ม สวมอยู่ จึงได้ทำการขอตรวจสอบอย่างละเอียด ระหว่างนั้นได้มี รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า เวฟ สี น้ำเงิน ทะเบียน 1กล 4593 เชียงราย ที่นายอาเหอะ คะหล่า ขับขี่มา เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่กำลังตรวจค้นนายอาลอง ก็แสดงท่าทางมีพิรุธเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการควบคุมตัวไว้จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบยาบ้า ซุกซ่อนอยู่ ภายในถุงพลาสติกใส อยู่ในรถจักรยานยนต์ของนายอาลอง เมื่อเปิดออกพบว่าภายในมียาบ้าของกลางจำนวนประมาณ 100,000 เม็ด 

จากการสอบสวนทราบว่าทั้งสองคนได้ นายอาลอง ให้การว่าได้พึ่งพ้นโทษจากเรือนจำมาได้ประมาณ 1 เดือนและอยู่ในช่วงคุมประพฤติจึงได้สวมกำไลอีเอ็ม ไว้ที่ข้อเท้า แต่ก็มารับจ้างขนยาบ้าโดยให้การรับสารภาพว่าได้นำยาบ้าดังกล่าวมาจากพื้นที่อำเภอแม่ฟ้าหลวงจังหวัดเชียงรายเพื่อมาส่งมอบในพื้นที่อำเภอแม่จันแต่ว่าจะมีคนโทรมาอีกครั้งว่าจะให้นำไปส่งที่ใด เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อหา "มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย” ก่อนจะนำส่งร้อยเวรสอบสวน สภ.แม่จัน ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


ภาพ/ข่าว  ณัฐวัตร ลาพิงค์

ส.ส. ก้าวไกลจี้มาตรการเยียวยาของรัฐบาลไม่ถ้วนหน้า ไม่ทั่วถึง และ ไม่ได้สัดส่วนกับความเสียหาย ชี้ต้องขยายมาตรการช่วยเหลือรายย่อยมากกว่านี้ก่อนที่จะเหลือแต่ทุนใหญ่พร้อมกลืนเศรษฐกิจ

นายวรภพ วิริยะโรจน์ และนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส. พรรคก้าวไกล ส.ส. พรรคก้าวไกล ได้ออกมาวิจารณ์มาตรการเยียวยาของรัฐบาล

นายวรภพกล่าวว่ามาตรการล่าสุด เน้นไปที่เยียวยานายจ้างและลูกจ้างในระบบประกันสังคม แต่ที่ผมมองว่ามาตรการนี้ยังตกหล่นและไม่เป็นธรรมจำนวนมากคือทั้ง ผู้ประกอบการและลูกจ้างที่อยู่นอกระบบประกันสังคม และ การเยียวยาที่น้อยกว่าผลกระทบจากมาตรการของรัฐอยู่มาก

การเยียวยาของรัฐบาลรอบนี้คือ เยียวยาให้นายจ้างในระบบประกันสังคม 3,000 บาทต่อจำนวนลูกจ้าง และลูกจ้าง 2,500 บาทต่อราย เมื่อรวมเงินจากประกันสังคมอยู่แล้ว 7,500 บาท ลูกจ้างในระบบประกันสังคมจะได้ไม่เกิน 10,000 บาท

"สิ่งที่รัฐบาลควรทำ ที่ทางผมและพรรคก้าวไกล พยายามสื่อสารไปหลายครั้งว่า ทำไมไม่ชดเชยเยียวยา ผู้ประกอบการตามรายได้ที่ลดลงจากผลกระทบนี้ไปเลย โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษี หรือแม้แต่ผู้ประกอบการที่เคยเข้าร่วมมาตรการ คนละครึ่ง/เราชนะ เพราะรัฐบาลก็มีข้อมูลรายได้ที่ลดลงไปแล้ว ถึงจะเป็นการชดเชยเยียวยาที่เหมาะสมและเป็นธรรม จากการให้ผู้ประกอบการร่วมมือกับมาตรการของรัฐ"

นายวรภพเสนอว่ามาตรการจำเป็นเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องทำในเวลานี้คือการพักชำระหนี้ไปอย่างน้อย 3 เดือน, กำหนดห้ามขับไล่ผู้เช่า 6 เดือนในช่วงที่สถานการณ์ยังวิกฤต, รวมทั้งช่วยเติมสภาพคล่องโดยอิงกับ ประวัติการจ่ายภาษีย้อนหลัง 10 ปี มาเป็นวงเงินกู้สำหรับธุรกิจเพื่อให้ผู้ประกอบการที่มีศักยภาพและอยู่ในระบบภาษีสามารถรอดวิกฤตไปได้แน่ๆ

"ก่อนที่ SMEs จะล้มหายไปจากประเทศไทย และเหลือเพียงกลุ่มทุนใหญ่ ที่พร้อมจะกลืนกินเศรษฐกิจไทยไปมากกว่า รัฐบาลต้องขยายมาตรการช่วยเหลือรายย่อยมากกว่านี้!!" นายวรภพกล่าว

ด้านนายปกรณ์วุฒิ แสดงความคิดเห็นในเรื่องเดียวกันว่า การเยียวยาครั้งนี้ ไม่ถ้วนหน้า ไม่ทั่วถึง และ ไม่ได้สัดส่วนกับความเสียหายที่เกิดขึ้น

ทั้งทีชัดเจนว่า เป็นการเยียวยาเนื่องมาจากการประกาศ เคอร์ฟิว และ ล็อกดาวน์ ครั้งล่าสุดเท่านั้น (มันคือการ ‘ล็อกดาวน์' ครับ เลิกเล่นคำกันเสียที)  แต่หลายๆธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจกลางคืนนั้น ได้รับผลกระทบโดยตรงจากคำสั่งของรัฐมายาวนาน อย่างน้อยๆก็ 240วัน ในช่วง 15เดือนที่ผ่านมา  ซึ่งอีกสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลไม่ได้นึกถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้วในช่วงเวลาที่ผ่านมาเลย

“มาตรการนี้ ถึงแม้ว่าจะสามารถช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบได้บ้างไม่มากก็น้อย .. แต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับความเสียหายที่เกิดขึ้นมาอย่างยาวนาน และยังทิ้งกลุ่มคนกลางคืนอีกกว่า 67 จังหวัด ไว้ข้างหลัง รวมถึงยังคิดไม่ครบถ้วนถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นในห่วงโซ่อุปทาน และทำให้บางธุรกิจที่ถูกผลกระทบจริง ไม่ได้รับการเหลียวแล “ ปกรณ์วุฒิ กล่าว

ข้อดีเดียว ที่จะเกิดขึ้นจากการเยียวยาครั้งนี้ คือ จะมีการดึงแรงงานอิสระ เข้าสู่ระบบประกันสังคมได้มากขึ้น เพื่อเป็นการติดตาม และช่วยเหลือ แรงงานอิสระ ที่เป็นสัดส่วนที่สูงมากของแรงงานทั้งหมดทั่วประเทศ และในอนาคต ฐานข้อมูลเหล่านี้ จะทำให้รัฐสามารถติดตามช่วยเหลือแรงงานได้ในยามที่เกิดวิกฤติ

"ผมสนับสนุนให้แรงงานอิสระทุกคนเข้าร่วมลงทะเบียนประกันสังคม ใน ม.39 และ ม.40 ภายในเดือนกรกฎาคม 2564 เพื่อให้ได้รับความช่วยเหลือกันถ้วนหน้า ทุกคน" นายปกรณ์วุฒิกล่าวทิ้งท้าย

ลำปาง - “แนวหลังใส่ใจห่วงใย ในสถานการณ์โควิด ที่มีความวิกฤตในปัจจุบัน ร่วมด้วยช่วยกันจุนเจือ เพื่อให้การช่วยเหลือปวงประชา”

เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2564 เวลา 10.30 น.คุณลักขณา ชัยมงคล ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขามณฑลทหารบกที่ 32 มอบหมายให้คุณศิริรัตน์ ศรีภัทรางกูร รองประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขามณฑลทหารบกที่ 32 และสมาชิกสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขามณฑลทหารบกที่ 32 นำสิ่งของบริจาคที่รวบรวมจากผู้ประสงค์ดีรวมทั้งสมาชิกสมาคมแม่บ้านฯที่มีความห่วงใยในสถานการณ์โควิดสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่จังหวัดลำปาง นำมามอบให้ มณฑลทหารบกที่ 32 ณ กองบัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 ได้แก่ไข่ไก่ 20 แผง, น้ำดื่ม 6 แพ็ค, ข้าวสาร 4 กระสอบ, หน้ากากอนามัยผ้า 400 ชิ้น, ปลากระป๋อง 20 แพ็คและคุณจำเริญขวัญ สุภาพรรณ มอบงบประมาณให้จำนวน 3,000 บาท โดยมี พันเอกโสภณ นันทสุวรรณ รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 เป็นผู้รับมอบ

ทั้งนี้กิจกรรมวันนี้เกิดขึ้นจากความปรารถนาดี ความตั้งใจมีส่วนร่วมในการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนจากสถานการณ์โควิดในปัจจุบัน โดยสมาชิกสมาคมแม่บ้านทหารบกสาขา มณฑลทหารบกที่ 32 ได้แสดงความมีน้ำใจพร้อมใจมาร่วมมอบสิ่งของให้ ซึ่งหน่วยจะได้นำไปมอบให้หรือสร้างประโยชน์ให้กับประชาชนตามลำดับต่อไป


ภาพ/ข่าว  ภาวินันท์ บุตรหล้า รายงาน

พิจิตร - ผู้ว่าฯพิจิตร ไฟเขียวตั้งโรงพยาบาลสนาม ล่าสุดวันนี้เมืองชาละวันพบผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่ม

นายรังสรรค์ ตันเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร มอบให้ นายชูศักดิ์ ชุนเกาะ รองผู้ว่าฯพิจิตร , ดร.ธานี  โชติกคาม รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพิจิตร , นายสุบิน ศรีบุศกร รองนายก อบจ.พิจิตร และ นายชินนาอาชว์  รสิอัครศักดิ์  นายอำเภอบึงนาราง ให้ร่วมกันลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าของการสร้างโรงพยาบาลสนามที่ รพ.บึงนาราง ซึ่งก่อนหน้านี้ชาวบ้านได้ช่วยกันสร้างเพิงพักชั่วคราวให้กับผู้ที่ติดเชื้อโควิดที่เดินทางมาจาก กทม. และจังหวัดที่มีการแพร่ระบาดเพื่อใช้เป็นที่พักชั่วคราวเพื่อรอการตรวจและส่งต่อเข้ารับการรักษา ซึ่งเป็นอาคารเพิงพักคล้ายกับแคมป์คนงานก่อสร้างทำให้หลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ว่า สภาพความเป็นอยู่ดูแร้นแค้น จากนั้น นายรังสรรค์ ผู้ว่าฯพิจิตร จึงได้สั่งการและจัดหางบประมาณให้สร้างเป็นโรงพยาบาลสนามขนาด 38 เตียง มีโครงสร้างเป็นมตรฐานเป็นอาคารติดแอร์ ซึ่งสร้างความพึงพอใจให้กับชาวบ้านและผู้นำท้องถิ่นรวมถึงผู้ป่วยและผู้มาใช้บริการ

นอกจากนี้ นายรังสรรค์ ผู้ว่าฯพิจิตร ยังได้สั่งการให้อีก 10 อำเภอ ดำเนินการตั้งโรงพยาบาลสนามและเพิ่มเตียงอีกรวม 478 เตียง ซึ่งประกอบไปด้วย รพ.สนาม ที่ อ.ตะพานหิน อ.โพธิ์ประทับช้าง อ.สามง่าม อ.บางมูลนาก อำเภอละ 50 เตียง , อ.บึงนาราง อ.ทับคล้อ อำเภอละ 40 เตียง ,อ.วชิรบารมี อ.ดงเจริญ อำเภอละ 20 เตียง , อ.วังทรายพูน 30 เตียง , อ.สากเหล็ก 38 เตียง เพื่อเตรียมรองรับผู้ป่วยผู้ติดเชื้อโควิด ที่มีทั้งเดินทางมาจาก กทม.และจังหวัดที่มีการควบคุมสูงสุดที่ประกาศล็อกดาวน์  รวมถึงประชากรในพื้นที่จังหวัดพิจิตร ที่ติดเชื้อกันเอง

ล่าสุดของสถานการณ์พิจิตรวันนี้พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด 58 ราย แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อภายในจังหวัดพิจิตร 28 ราย และผู้ติดเชื้อโควิดที่เดินทางมาจากจังหวัดอื่น ๆ 30 ราย ทำให้วันนี้มีผู้ป่วยขอเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลต่างรวม 275 ราย ตัวเลขผู้ป่วยยืนยันสะสม 432 ราย และต้องรอลุ้นกลุ่มเสี่ยงที่กำลังรอผลตรวจอีก 437 ราย ซึ่งวันนี้พบว่ามีคลัสเตอร์ใหญ่เป็นโรงงานทำรองเท้าอยู่ที่ ต.ทะนง อ.โพทะเล เหตุเกิดจากมีพนักงานติดเชื้อโควิดแล้วแพร่ระบาดไปยังเพื่อนพนักงานด้วยกันรวมถึงชาวบ้านที่อยู่ในละแวกนั้นด้วย ซึ่งวันนี้ รพ.โพทะเลได้ส่งบุคลากรทางการแพทย์เข้าทำการ Swab หาเชื้อเชิงรุก ซึ่งคาดว่าพรุ่งนี้ก็จะรู้ผลว่ามีผู้ติดเชื้อหรือไม่มากน้อยเพียงใด


ภาพ/ข่าว  สิทธิพจน์  พิจิตร

ชลบุรี - น้ำท่วมชุมชนบางเสร่ นายกตั้ม ลุยน้ำนำทีมงานป้องกัน บรรเทาความเดือดร้อน

โดยเมื่อเวลา 11.00 น. ของวันที่ 14 ก.ค. 64 พื้นที่ ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้เกิดฝนตกกระหน่ำลงมาอย่างหนักนานติดต่อกัน ประมาณ 1 ชม. หลังกรมอุตุนิยมวิทยาได้พยากรณ์อากาศ ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70 ของพื้นที่ และฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา สระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความ เร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร จนทำให้ ในพื้นที่ชุมชนบางเสร่ เกิดน้ำท่วมขังเป็นวงกว้าง มีระดับน้ำสูงหลายเซนติเมตร

โดยบ้านเรือนประชาชนหลายครัวเรือน ที่อยู่ในพื้นที่ราบต่ำ ได้รับผลกระทบ สาเหตุจากน้ำระบายลงทะเลไม่ทัน และประกอบกับช่วงเวลาดังกล่าว น้ำทะเลหนุน ร่วมไปถึงถนนสุขุมวิทช่วงทางเข้าตลาดบางเสร่  เป็นช่วงที่กำลังก่อสร้างถนนสุขุมวิทและวางท่อระบายน้ำใหม่ ส่งผลให้ ผู้ใช้เส้นทางดังกล่าว รวมถึงชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เทศบาลตำบลบางเสร่ ต่างได้รับผลกระทบไปตาม ๆ กัน จากฝนตกในวันนี้

ล่าสุด นายชัยวัฒน์ อินอนงค์ นายกเทศมนตรีตำบลบางเสร่ ได้นำทีมคณะผู้บริหาร สมาชิกสภา และ เจ้าหน้าที่งานป้องกันและบรรเทาสาธารภัยเทศบาลตำบลบางเสร่ เดินลุยน้ำลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนและบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นก่อนลงดู ทุกสถานที่ที่เกิดปัญหาเพื่อรับทราบถึงปัญหาทันที โดยเตรียมเรียกประชุม กองช่างและส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่เกิดขึ้นเป็นการเร่งด่วน และจะได้ประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรีบดำเนินการแก้ปัญหาน้ำท่วมทางถนนสุขุมวิทที่เกิดขึ้น เพื่อแก้ไขไม่ให้เกิดขึ้นอีกในระยะยาวต่อไป


ภาพ/ข่าว  นิราช ทิพย์ศรี / นันทพล ทิพย์ศรี อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

กระบี่ - กำหนดมาตรการลานเทปาล์มน้ำมันคุณภาพ 18 % ขึ้นไปปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเพื่อขับเคลื่อนนโยบายเมืองแห่งปาล์มน้ำมันคุณภาพ

พันตำรวจโท หม่อมหลวงกิติบดี ประวิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เปิดเผยว่า จังหวัดได้ติดตามการดำเนินงานตามโครงการขับเคลื่อนนโยบายเมืองแห่งปาล์มน้ำมันคุณภาพ และตรวจกำกับลานเทปาล์มน้ำมันในพื้นที่จังหวัดกระบี่ โดยกำหนดมาตรการเพื่อให้ลานเทรับซื้อปาล์มน้ำมันคุณภาพ (18 % ขึ้นไป) ได้ปฏิบัติ ดังนี้ ลานเทปาล์มน้ำมันต้องมีทำเลที่ตั้งที่เหมาะสม พื้นที่ปฏิบัติงานมีจำนวนพื้นที่ใช้สอยที่เหมาะสม และถูกสุขลักษณะของพื้นที่ปฏิบัติงาน เครื่องชั่งได้มาตรฐานเหมาะสมกับการใช้งานตามกฎหมายกระทรวงพาณิชย์ ไม่มีอุปกรณ์ใด ๆ ในการแยกลูกร่วง โดยรางทะลายปาล์มเป็นรางทึบ ไม่มีตะแกรง หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ในการแยกลูกร่วง  มีป้ายแสดงราคาที่ชัดเจน และถูกต้องตามกฎหมายกระทรวงพาณิชย์  รับซื้อปาล์มทะลายและปาล์มร่วงในราคาเดียวกัน, รับซื้อปาล์มทะลายที่มีคุณภาพตาม มกษ.5402 โดยไม่ซื้อปาล์มดิบ และปาล์มที่ไม่มีคุณภาพ  ขนส่งปาล์มถึงโรงานภายใน 24 ชม. นับตั้งแต่รับทะลายปาล์ม ไม่กระทำการใด ๆ ที่เร่งให้ปาล์มสุกเร็วโดยผิดแผกไปจากธรรมซาติ เช่น ไม่รดน้ำ บ่มปาล์ม ใช้สารเคมี อื่นๆ ที่เร่งให้ปาล์มสุกเร็วขึ้น รวมทั้งมีสิ่ง อำนายความสะดวกอื่น ๆ อาทิ แสงสว่าง อุปกรณ์เครื่องมือ กล้องวงจรปิด ฯลฯ และได้รับการรับรองมาตรฐาน RSPO    

สำหรับลานเทที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการที่จังหวัดกำหนด และออกตรวจสอบกรณีที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวได้กำหนดโทษ ดังนี้  ลานเทปาล์มน้ำมันไม่ปิดป้ายแสดงราคาสินค้าและบริการ หากฝ่าฝืนมีความผิดตาม พรบ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2552 มาตรา 28 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หากลานเทปาล์มน้ำมันไม่แจ้งปริมาณสถานที่เก็บและไม่จัดทำบัญชีคุมสินค้าน้ำมันปาล์มและผลปาล์มน้ำมัน หากฝ่าฝืนมีความผิดตาม พรบ. ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2442 มาตรา 24(5) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมี่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกไม่เกินวันละสองพันบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนหรือจนกว่าจะมีการแจ้ง ลานเทปาล์มน้ำมันต้องประทับแสดงเครื่องหมายคำรับรองของสำนักงานกลางหรือสำนักงานสาขาที่เครื่องชั่งตวงวัดทุกเครื่อง หากฝ่าฝืนมีความผิดตาม พรบ. มาตรการชั่งตวงวัด (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2557 มาตรา 7 ต้องระวางโทษจำคุกไม่กินสามปีและปรับไม่เกินหนึ่งแสนสองหมื่นบาท ห้ามแก้ไขหรือดัดแปลงส่วนประกอบของเครื่องชั่งหรือโปรแกรมที่ใช้กับเครื่องช่างโดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์หรือระบบอื่นที่คล้ายคลึงกันหรือกระทำด้วยวิธีการใด ๆ เพื่อให้ความเที่ยงของเครื่องชั่งผิดเกินอัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด หากฝ่าฝืนมีความผิด ตาม พรบ. มาตราชั่วตวงวัด (ฉบับที่ 3 ) พ.ศ. 2557 มาตรา 75 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิดเจ็ดปี และปรับไม่เกิดสองแสนแปดหมื่นบาท


ภาพ/ข่าว  มโนธรรม ใจหาญ จ.กระบี่ รายงาน

สตม. รวบคู่สามีภรรยา ขับรถซุก 2 สาวเวียดนาม หวังออกชายแดนแม่สอด ขยายผลได้หลักฐานเด็ดรวบเพิ่ม 2 หนุ่มใหญ่พานั่งเครื่องจากชายแดนใต้บินเข้ากรุง

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.เดชา กัลยาวุฒิพงศ์ ผบก.ตม 5, พ.ต.อ.เอกกร บุษบาบดินทร์ รอง ผบก.ตม.5, พ.ต.อเศรษฐภัทร ณ สงขลา ผกก.สส.บก.ตม.5 และ พ.ต.ท.จักกราวุฒิ สุภาภรณ์ประดับ สว.ตม.จว.กำแพงเพชร ร่วมแถลงข่าว ดังนี้

ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดกำแพงเพชร และ สภ.เมืองกำแพงเพชร ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายกฤตภาส์ และ น.ส.ธนาวดี พร้อมของกลางรถยนต์ทะเบียนหนองบัวลำภู ซึ่งใช้เป็นพาหนะในการขับนำคนต่างด้าวสัญชาติเวียดนามหลบหนีเข้าเมือง จำนวน 2 คน คือ MISS.DO อายุ 28 ปี และ MISS.NGUYEN อายุ 24 ปี เดินจาก กทม. - อ.แม่สอด จว.ตาก ส่ง พงส.สภ.เมืองกำแพงเพชร ดำเนินคดี

พฤติการณ์ ตามวันเวลาเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม พบนายกฤตภาส์ และ น.ส.ธนาวดี ขับรถยนต์ของกลางนำคนต่างด้าวสัญชาติเวียดนามดังกล่าวเดินทางจาก กรุงเทพฯ ไป อ.แม่สอด จว.ตาก จึงจับกุม ส่ง พงส.สภ.เมืองกำแพงเพชร จากนั้นได้ทำการขยายผลโดยซักถามคนต่างด้าวทราบว่าคนต่างด้าวได้หลบหนีเข้ามาตามช่องทางธรรมชาติชายแดนมาเลเซีย-ไทย ด้าน อ.สะเดา จว.สงขลา จากนั้นได้มีชายไทย 2 คน พามาที่สนามบินหาดใหญ่ ซื้อตั๋วโดยสารให้ และโดยสารเครื่องสายการบินแอร์เอเชีย (FD3111) มาส่งคนต่างด้าวถึง ทอ.กรุงเทพฯ โดยนั่งอยู่แถวด้านหน้า จากการตรวจสอบรายชื่อผู้โดยสารและภาพจากกล้องวรจรปิดภายในสนามบินทราบว่าชาย 2 คนดังกล่าวคือ นายสุภชัย และนายโชคอนันต์ จึงได้ให้คนต่างด้าวชี้ยืนยันภาพถ่าย และนำพยานหลักฐานทั้งหมดส่งให้ พงส.สภ.เมืองกำแพงเพชร เพื่อดำเนินคดีกับนายสุภชัย และนายโชคอนันต์ฯ ซึ่งต่อมา พงส. ได้ยื่นคำร้องและศาลจังหวัดกำแพงเพชรได้อนุมัติหมายจับที่ จ.119/2564 และ จ.120/2564 ลง 23 มิ.ย. 64 ให้จับกุมนายสุภชัย และนายโชคอนันต์ มาดำเนินคดี  

                               

ต่อมาเจ้าหน้าที่ ตม.จว.กำแพงเพชร ได้ร่วมกับ บก.ปพ.บช.ก., กก.สส.บก.ตม.6 และ ตม.ทอ.หาดใหญ่ บก.ตม.2 จับกุมตัวนายสุภชัย และนายโชคอนันต์ ส่ง พงส.สภ.กำแพงเพชร ดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันช่วยซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใด ๆ ให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ

หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จะขอบพระคุณอย่างยิ่ง

‘ดร.นฤมล’ รมช.แรงงาน ร่วมมอบครุภัณฑ์และวัสดุทางการแพทย์แก่ รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ เพื่อใช้ในการดูแลผู้ป่วยโรคโควิด-19

วันที่ 15 กรกฎาคม 2564 เวลา 10.30 น. ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนางสาวธนพร ศรีวิราช ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมมอบครุภัณฑ์และวัสดุทางการแพทย์ เพื่อใช้ในการดูแลผู้ป่วยโรคโควิด-19 และเป็นกำลังใจให้บุคลากรของโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ สำนักงานการแพทย์ กรุงเทพมหานคร

ศาสตราจารย์ นฤมล กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ทำให้โรงพยาบาลเริ่มขาดแคลนอุปกรณ์การแพทย์ในการรับมือกับวิกฤติโควิด ในวันนี้ตนเองพร้อมด้วยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้เดินทางไปมอบครุภัณฑ์และวัสดุทางการแพทย์ให้แก่โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือชีวิตผู้ที่ติดเชื้อที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงอุปกรณ์ป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อและไม่ให้แพร่กระจายไปยังผู้ป่วยอื่น ๆ นอกจากอุปกรณ์ทางการแพทย์แล้ว จะได้มอบข้าวกล่องเพิ่มเติมให้อีกจำนวน 200 กล่อง ให้โรงพยาบาลนำไปส่งต่อให้แก่ทีมแพทย์ พยาบาล บุคลากรผู้ปฏิบัติงานดูแลผู้ป่วย ในฐานะที่ต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างหนัก เพื่อร่วมเป็นขวัญกำลังในในการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป

“ขอเป็นกำลังใจให้ทีมบุคลากรทางการแพทย์ในการปฏิบัติหน้าที่บุคลากรด่านหน้าทุกท่าน รวมถึงฝากความห่วงใยไปยังพี่น้องประชาชนทุกคนให้ดูแลตัวเองตามมาตรการที่ภาครัฐกำหนดอย่างเคร่งครัด เพื่อที่เราจะได้ผ่านวิกฤติในครั้งนี้ไปด้วยกัน” รมช. แรงงาน กล่าวทิ้งท้าย

ลำปาง - พ่อเมืองลำปาง ร่วมให้กำลังใจส่งนักรบชุดขาวดูแลผู้ป่วยโควิด-19 เดินทางปฏิบัติงานที่โรงพยาบาลสนามบุษราคัม เมืองทองธานี

ที่ จ.ลำปาง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริวณลานอนุสาวรีย์ฯ ร.พ.ลำปาง นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง พร้อมด้วย นายแพทย์ประเสริฐ กิจสุวรรณรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำปาง นายแพทย์พงษ์ศักดิ์ โสภณ ผอ.รพ.ลำปาง พร้อมคณะผู้บริหาร พยาบาล และเจ้าหน้าที่ รับมอบโอวาทและข้อเสนอแนะในการทำหน้าที่ปฏิบัติภารกิจดูแลผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 เพื่อเป็นขวัญกำลังใจก่อนออกเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ พร้อมทั้งเสริมกำลังใจ แก่ทีมแพทย์พยาบาล ในการไปปฏิบัติงานที่ ร.พ.สนามบุษราคัม เมืองทองธานี จำนวน 13 ราย ระหว่างวันที่ 14-28 ก.ค. 2564

โดยการปฏิบัติภารกิจดังกล่าว ทีมนักรบเสื้อขาวของ จ.ลำปางชุดนี้ จะประกอบไปด้วย บุคลากรแพทย์ จาก ร.พ.แจ้ห่ม และ ร.พ.แม่ทะ จำนวน 2 คน เภสัชกร จาก สสจ.ลำปาง 1 คน พยาบาลวิชาชีพซึ่งล้วนเป็นบุคลากรของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขในพื้นที่ จำนวน 10 คน จาก ร.พ. แม่พริก สบปราบ ห้างฉัตร เถิน เกาะคา เสริมงาม แม่เมาะ วังเหนือ เมืองปาน  และ ร.พ.งาว รวมทั้งหมด จำนวน 13 คน โดยทีมเจ้าหน้าที่ชุดนี้ เป็นทีมพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญด้านการดูแลผู้ป่วยหนัก จะเป็นกำลังเสริมคอยให้การสนับสนุน หรือ สับเปลี่ยนหมุนเวียนกับบุคลากรทางการแพทย์ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ในโรงพยาบาลสนามบุษราคัม เมืองทองธานี


ภาพ/ข่าว  ภาวินันท์ บุตรหล้า รายงาน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top