Monday, 19 May 2025
THE STATES TIMES TEAM

ชลบุรี - ปันน้ำใจ สโมสรโรตารี่ มิตรภาพสัตหีบร่วมกับ ชมรมผู้สูงอายุ รพ.สิริกิติ์ มอบข้าวน้ำดื่มให้กับ รพ.อาภากรเกียรติวงศ์

วันนี้ 14 ก.ค.64 ที่โรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี สโมสรโรตารี่ มิตรภาพสัตหีบ ร่วมกับ ชมรมผู้สูงอายุ รพ.สิริกิติ์ ปันน้ำใจ นำอาหาร ขนม น้ำดื่มมามอบให้กับ บุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ โดยมี นาวาเอก ก่อพงษ์ หังสพฤกษ์ รอง ผอ.โรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ เป็นผู้รับมอบ

ในการนี้ นางรัมพาพรรณ์ อินมะโรง นายกสโมสรโรตารี่ มิตรภาพสัตหีบ พร้อมสมาชิก นาวาเอก สมศักดิ์ พรหมมาลี ประธานชมรมผู้สูงอายุ รพ.สิริกิติ์ และสมาชิก ร่วมมอบสิ่งของเพื่อเป็นกำลังใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์

สำหรับทาง สโมสรโรตารี่ มิตรภาพสัตหีบและชมรมผู้สูงอายุ รพ.สิริกิติ์ ขอเป็นกำลังใจให้กับ บุคลากรทางการแพทย์ จึงร่วมกันมอบนำอาหาร ขนม น้ำดื่ม ในครั้งนี้เพราะหวังเป็นกำลังใจ ส่งพลังเล็ก ๆ จากพวกเรา ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นด่านหน้าอยู่ในตอนนี้ อย่างไรก็ตามทาง สโมสรโรตารี่ มิตรภาพสัตหีบ และชมรมผู้สูงอายุ รพ.สิริกิติ์ ฝากความห่วงใยถึง ประชาชาชน ขอให้ประชาชนชาวสัตหีบ ระมัดระวังป้องกันตนเองจาก โควิด-19 ให้มากขึ้น สวมใส่แมสให้มิดชิด ทำความสะอาดมืออยู่บ่อย ๆ ไม่ไปในที่แออัด เราขอเป็นกำลังใจให้กับประชาชนทุกคน เราจะผ่านไปด้วยกัน


ภาพ/ข่าว  นิราช ทิพย์ศรี / นันทพล ทิพย์ศรี อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

นราธิวาส - ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ร่วมส่งกำลังใจและมอบหน้ากากอนามัย ชุดเครื่องนอน ให้กับโรงพยาบาลสนามในจังหวัดนราธิวาส

วันที่ (14 ก.ค. 64) เวลา 13.30 น. ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส นายจำนัล เหมือนดำ ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล และคณะ เดินทางมามอบหน้ากากผ้า และชุดเครื่องนอน ผ่านทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส เพื่อสนับสนุนและช่วยเหลือในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ให้กับโรงพยาบาลสนามในจังหวัดนราธิวาส โดยมี นายไพโรจน์ จริตงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นายปรีชา นวลน้อย ปลัดจังหวัดนราธิวาส นายแพทย์วิเศษ สิรินทรโสภณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส นายแพทย์วิชัย วิเชียรวัฒนชัย ผอ.โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ นายกิตติพนธ์ วุฒิวงศ์ หัวหน้าสำนักงาน ปภ.จังหวัดนราธิวาส และผู้บริหารสาธารณสุข  ร่วมรับมอบในครั้งนี้ ซึ่งประกอบด้วย ชุดเครื่องนอน 60 ชุด หน้ากากผ้า 200 ชิ้น

ทางด้านนายจำนัล เหมือนดำ ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล เปิดเผยว่า วันนี้ได้รับมอบหมายจาก หัวหน้าผู้แทนพิเศษของรัฐบาล / รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ร่วมกับทางหัวหน้าสำนักงานคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้มาแจกหน้ากากอนามัย และชุดเครื่องนอนให้กับผู้ที่อยู่ในโรงพยาบาลสนามจังหวัดนราธิวาส ไม่เฉพาะในจังหวัดนราธิวาสเท่านั้น แต่จะรวมทั้งจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งนี้ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ได้กล่าวให้กำลังใจให้กับบุคคลากรทางการแพทย์ พี่น้องประชาชน ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 และดูแลตัวเองตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

เชียงใหม่ - เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ทำโครงการวิจัยอนุรักษ์สายพันธุ์สัตว์ป่าที่สำคัญและหายากเพื่อการอนุรักษ์

เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2564 ในขณะที่ประเทศกำลังกังวลกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีที่นอกจากการป้องกันความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว และผู้ปฏิบัติงานทุกคนแล้ว ยังได้มีมาตรการต่าง ๆ ในการดูแลสัตว์ทุกชนิด และยังมีแนวทางในการอนุรักษ์วิจัย เพื่อส่งต่อพันธุกรรมของสัตว์ป่าหายากเหล่านี้ให้คงอยู่ต่อไป

นายเบญจพล นาคประเสริฐ กรรมการบริหาร ปฏิบัติหน้าที่แทน ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร เปิดเผยว่า เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเป็นหนึ่งในแหล่งที่ดูแล รวบรวมสายพันธุ์ของสัตว์ป่าที่สำคัญและหายากไว้เป็นจำนวนมาก ทั้งพันธุ์สัตว์ป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ของประเทศไทยและต่างประเทศ ซึ่งในระดับนานาชาติได้มีการศึกษาวิจัย เพื่อการอนุรักษ์สัตว์ป่าเหล่านี้อยู่หลายหน่วยงาน เช่น WAZA (The world zoo and aquarium association) ได้กำหนดหน้าที่ของสมาชิกสวนสัตว์และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำในระดับโลก ให้ตระหนักถึงการรับผิดชอบต่อการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ โดยให้การสนับสนุนความรู้ด้านการวิจัยเพื่อการอนุรักษ์เชิงบูรณาการอย่างยั่งยืน ตามรายชื่อในบัญชีแดงของ IUCN (IUCN Red list) หรือ SEAZA (South East Asian Zoo Association) โดยมีเป้าหมายในการจัดการประชากรของสายพันธุ์สัตว์ป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ของภูมิภาคในสวนสัตว์อย่างยั่งยืนเพื่อการอนุรักษ์

และปัจจุบันประเทศไทยมีจำนวนสัตว์ป่าหลายชนิดที่มีการลดลงอย่างต่อเนื่องในธรรมชาติ เช่น เสือปลา กวางผา เลียงผา เสือดำ/ เสือดาว หมีหมา หมีควาย กระทิง วัวแดง สุนัขจิ้งจอกสีทอง หมาไน ฯลฯ อันเนื่องมาจากมีการบุกรุกของมนุษย์ เช่น การทำลายธรรมชาติ ทำลายถิ่นที่อยู่อาศัย เป็นต้น จึงทำให้จำนวนของสัตว์ป่าบางชนิดมีแนวโน้มที่จะสูญพันธุ์ไปจากธรรมชาติ ซึ่งการลดจำนวนลงอย่างต่อเนื่องของสัตว์ป่านั้นไม่เพียงแต่ประเทศไทยเท่านั้น ในต่างประเทศทั่วโลกก็ประสบปัญหานี้เช่นกัน ดังนั้นจึงได้มีการคิดค้นวิธีการที่จะช่วยอนุรักษ์พันธุ์ของสัตว์เหล่านี้ไว้ให้คงอยู่ต่อไป โดยใช้วิธีที่เรียกว่า “เทคโนโลยีช่วยสืบพันธุ์ในสัตว์ป่าหายาก” (Assisted reproductive technology for endangered species) ซึ่งมีอยู่หลายวิธีด้วยกัน

เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี จึงได้ร่วมกับภาควิชาศัลยศาสตร์และวิทยาการสืบพันธุ์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และศูนย์วิจัยการผสมเทียมและเทคโนโลยีชีวภาพเชียงใหม่ เลือกทำการวิจัยทางด้านการรีดน้ำเชื้อ การตรวจคุณภาพน้ำเชื้อ และการทำน้ำเชื้อแช่แข็ง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่นิยมใช้ทั่วโลก มีความปลอดภัยสูงต่อสัตว์ และสามารถพัฒนาสายพันธุ์ให้คงอยู่ได้อย่างสมดุลในธรรมชาติ ซึ่งนำไปสู่การดำเนินโครงการ “คืนม้าเทวดาสู่ยอดดอย” ที่เป็นโครงการต่อเนื่องในการวิจัยและอนุรักษ์สายพันธุ์สัตว์ป่าหายากของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีต่อไป

ทั้งนี้ ในช่วงเวลานี้เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ และดำเนินการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มงวด โดยนักท่องเที่ยวจะต้องลงทะเบียนจองการเข้าชมในช่องทางออนไลน์ล่วงหน้า ได้ที่ www.chiangmainightsafari.com


ภาพ/ข่าว  นภาพร / เชียงใหม่

นราธิวาส - ผบ.พล.ร.15 ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ น้องสุดท้องของกองทัพบก รับการฉีดวัคซีนเข็มแรก ป้องกันโควิค-19

พลตรี ไพศาล หนูสังข์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยม พร้อมทั้งสังเกตุการณ์การเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มแรก ป้องกันโควิค-19 ให้กับน้องสุดท้องของกองทัพบก ทหารใหม่ผลัดที่ 1/2564 ของหน่วยฝึกทหารใหม่ กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 151 และ หน่วยฝึกทหารใหม่ กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 151 ณ ค่ายกัลยานิวัฒนา ตำบลกะลุวอ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส สำหรับการรับทหารกองประจำการผลัด 1/2564 ที่เข้ามารายงานตัวในหน่วยฝึกทหารใหม่ระหว่าง 1-3 กรกฎาคมที่ผ่านมานี้ กองทัพบกได้เตรียมความพร้อมทั้งด้านกายภาพ อาคาร สถานที่ หลักสูตรการเรียนการฝึกมาตรการป้องกันโรคการรักษาพยาบาลที่สอดคล้องกับสถานการณ์โควิด-19 รวมทั้งแผนการฉีดวัคซีนให้กับทหารใหม่และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับหน่วยฝึกทหารใหม่ ซึ่งผู้บัญชาการทหารบกให้ความสำคัญกับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดให้กับทหารใหม่

โดยให้ดำเนินการฉีดวัคซีนให้ทหารใหม่ก่อนเป็นลำดับแรกเพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ลดการแพร่ระบาดหรือการสูญเสียกำลังพลโดยมอบให้ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ทบ.พิจารณาวัคซีนที่ได้รับการจัดสรรจากกระทรวงกลาโหมและรัฐบาลนำไปฉีดให้กับทหารใหม่อย่างครบถ้วน โดยเฉพาะทหารใหม่ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนก่อนเข้าประจำการ รวมถึงการจัดสรรวัคซีนสำหรับฉีดให้กับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการฝึกทหารใหม่ตามลำดับเพื่อให้ทหารใหม่และครอบครัวมีความมั่นใจว่ากองทัพบกได้ให้การดูแลด้านการควบคุมและป้องกันโรคโควิด-19 ให้กับทหารกองประจำการอย่างดีที่สุด

ทั้งนี้ พลตรี ไพศาล หนูสังข์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 ได้มอบความห่วงใย ให้กำลังใจ แก่น้อง ๆ ทหารใหม่ พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณคณะแพทย์ และพยาบาลจากโรงพยาบาลค่ายอิงคยุทธบริหาร ที่ได้เดินทางมาอำนวยความสะดวกในการฉีดวัคซีนป้องกันโควิค-19 ให้กับหน่วยฝึกทหารใหม่ภายในที่ตั้งหน่วย โดยในวันนี้ ทั้ง 2 กองพัน มียอดผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนทั้งสิ้น 249 นาย ซึ่งน้อง ๆ ทหารใหม่ ต้องผ่านกระบวนการในเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิค-19 ได้แก่ 

1.ตรวจสอบเอกสาร และกรอกข้อมูล 

2.คัดกรองวัด สัญญาณชีพ ประเมินความดันไข้ชีพจรรายการหายใจ

3. เจ้าหน้าที่ ซักประวัติกลุ่มเสี่ยง โรคประจำตัวตามเอกสาร และ ให้ผู้รับการฉีดวัคซีนเซ็นเอกสารยินยอมการขอรับการฉีดวัคซีนให้เรียบร้อย กรณีที่คนไข้มีความเสี่ยงเช่นรับประทานยามีโรคประจำตัวอื่น ๆ จะต้องพบแพทย์เพื่อประเมินซ้ำทุกราย

4. จุดบริการวัคซีน จะมีเจ้าหน้าที่ประจำจุดให้บริการ พยาบาลจะสอบถามและตรวจสอบเอกสารอีกครั้งพร้อมกับแจ้งชนิดวัคซีนที่จะฉีดให้กับผู้ป่วย และให้บริการฉีดวัคซีนกับคนไข้

5. จุดสังเกตอาการหลังฉีดวัคซีน 30 นาทีจะต้องสังเกตอาการทุกรายการสังเกตอาการตั้งแต่ระดับความรู้สึกตัว หากไม่รู้สึกตัวหรือรู้สึกไม่สุขสบายหรือมีความผิดปกติให้คนไข้ เรียกเจ้าหน้าที่ ได้ทันทีจะมีเจ้าหน้าที่ฉุกเฉิน คอยให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้นอยู่ หากเลย 30 นาทีแล้วสัญญาณชีพปกติดี จึงไป จุดถัดไป และ

6. จุดออกบัตรนัด และ ให้คำแนะนำ จุดนี้จะมีเจ้าหน้าที่แจ้งวันนัดในการฉีดวัคซีนในเข็มถัดไป พร้อมออกบัตรนัด รวมถึงการให้คำแนะนำการปฏิบัติตนหลังกลับบ้านไปแล้ว หากมีอาการผิดปกติได้ประสานโรงพยาบาลในพื้นที่ใกล้เคียงของน้อง ๆ ทหารใหม่สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่เมื่อมีอาการไม่พึงประสงค์ได้ทันที


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

“คกก.กองทุนฟื้นฟูฯ” อนุมัติเงิน 163 ล้านบาท คาดช่วยปลดหนี้เกษตรกร280 ราย

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลประชุมคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้เปลี่ยนแปลงงบประมาณจากงบดำเนินการ ประจำปี 2564 ที่คาดว่าจะเหลือจ่าย จำนวน 103 ล้านบาท และอนุมัติงบประมาณ หมวดงบเพื่อการจัดการหนี้  จำนวน 60 ล้านบาท จากกองทุนจัดการหนี้เกษตร รวม 163 ล้านบาท นำไปใช้จ่ายในการชำระหนี้เกษตรกร คาดว่าจะช่วยเหลือได้ 280 ราย

นอกจากนั้น เห็นชอบรายชื่อเกษตรกรสมาชิก ที่ทางกองทุนฟื้นฟูฯจะเข้าไปซื้อทรัพย์ที่ถูกขายทอดตลาด (NPA) จำนวน 40 ราย ยอดเงินรวม 34 ล้านบาท และอนุมัติเพิ่มรายชื่อสถาบันการเงินที่กองทุนฯสามารถเข้าไปซื้อหนี้สมาชิกกองทุนได้ คือ บริษัทบริหารสินทรัพย์ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย บริษัทบริหารสินทรัพย์แอคนรีทีพี่(ไทยแลนด์) บริษัทเงินทุนศรีสวัสดิ์ บริษัทบริหารสินทรัพย์พหลโยธิน

สำนักตำรวจแห่งชาติ เตือนภัยการเรียกค่าไถ่ข้อมูล (Ransomware) ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีการเรียกค่าไถ่ข้อมูลหรือ Ransomware ว่า ในปัจจุบันที่เทคโนโลยีพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดสิ่งใหม่ ๆ ที่สร้างสรรค์ประโยชน์ให้กับโลกอย่างมากมาย แต่ในอีกมุมหนึ่ง ก็ทำให้เกิดอาชญากรรมรูปแบบใหม่ขึ้นมา และหนึ่งในอาชญากรรมที่กำลังแพร่ระบาดไปทั่วโลกนั่น

คือ การเรียกค่าไถ่ข้อมูลหรือ Ransomware ซึ่งไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป ตัวอย่างเหตุการณ์ที่เกิดเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม ข้อมูลจากสื่อต่างประเทศได้ระบุว่า บริษัทไอทีหลายร้อยแห่งในสหรัฐอเมริกา ถูกกลุ่มแฮกเกอร์จากรัสเซียเข้าโจมตีและมีการเรียกค่าไถ่ข้อมูลกว่า 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และโดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19

ที่หลายคนต้องทำงานผ่านคอมพิวเตอร์และสื่อออนไลน์ รวมถึงบริษัทต่าง ๆ ต้องมีการป้องกันและพร้อมรับมือกับอาชญากรรมรูปแบบดังกล่าว ไม่เช่นนั้นท่านอาจจะตกเป็นเหยื่อได้โดยง่าย

รูปแบบของการเรียกค่าไถ่ข้อมูลหรือ Ransomware จะแฝงตัวมาในรูปแบบของอีเมลล์ที่แนบลิงค์มาด้วย หรือลิงค์ที่แอบแฝงอยู่ในโฆษณาบนเว็บไซต์ต่าง ๆ เมื่อเหยื่อกดเข้าไปที่ลิงค์ดังกล่าว ก็จะเป็นการรับเอามัลแวร์เข้ามาในเครื่องคอมพิวเตอร์โดยไม่รู้ตัว จากนั้นมัลแวร์ก็จะแพร่กระจายไปยังข้อมูลต่าง ๆ เมื่อมัลแวร์ได้แพร่กระจายไปครอบคลุมข้อมูลที่บรรดาแฮกเกอร์ต้องการแล้ว ก็จะล็อคข้อมูลดังกล่าว ไม่ให้ผู้ใช้งานเข้าถึงข้อมูลได้ และจะปรากฎข้อความขึ้นมาแจ้งว่าข้อมูลเหล่านี้ได้ถูกล็อคไว้ หากต้องการปลดล็อคจะต้องจ่ายเงิน ไม่เช่นนั้นจะลบข้อมูล แต่ในช่วงหลังเริ่มมีการข่มขู่ว่าจะปล่อยข้อมูลสู่สาธารณะหรือนำไปประมูลขาย เป็นต้น

ผู้ที่กระทำลักษณะดังกล่าวอาจจะเข้าข่ายความผิดฐานข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และความผิดฐานเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ และมาตรการนั้นมิได้มีไว้สําหรับตน มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 หรือกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีนโยบายให้ทุกหน่วยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมถึงกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีให้เป็นหน่วยงานหลัก ในการเฝ้าระวัง สืบสวนปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญกรรมทางเทคโนโลยีอย่างจริงจังต่อเนื่องและเร่งสร้างการรับรู้ให้กับพี่น้องประชาชน ให้ทราบถึงพิษภัยและรูปแบบการกระทำความผิดต่าง ๆ และเร่งทำการสืบสวนปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อเป็นการจำกัดความเสียหาย, ตัดโอกาสในการกระทำความผิดที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอฝากประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชนถึงแนวทางการป้องกันการถูกเรียกค่าไถ่ข้อมูลหรือ Ransomware โดยต้องสำรองข้อมูลที่สำคัญอยู่เสมอและเลือกใช้โปรแกรมป้องกันไวรัสที่มีคุณภาพ หมั่นตรวจสอบและอัพเดทซอฟต์แวร์ รวมถึงอัพเดทระบบปฏิบัติการและแอปพลิเคชันต่าง ๆ ด้วย และควรหลีกเลี่ยงการกดลิงก์หรือไฟล์ที่แนบมากับอีเมลล์ที่ไม่รู้จัก หรือลิงก์น่าที่สงสัยต่าง ๆ นอกจากนี้หากพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งไปยัง Call Center ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ชลบุรี - สวนนงนุชพัทยา ประกอบพิธีเปลี่ยน “ธงมนตรา” 9 ผืน จากประเทศภูฏาน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งโชคลาภ

วันนี้ (14 ก.ค. 64)  เวลา 09.00 น. นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา พร้อมด้วยผู้บริหารสวนนงนุชพัทยา ได้ร่วมกันประกอบพิธีเปลี่ยน “ธงมนตรา” จากประเทศภูฎาน จำนวน 9 ผืน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งโชคลาภ

นายกัมพล กล่าวว่า ที่ได้รับมอบธงมนตรามาจากสถานทูตภูฎาน ประจำประเทศไทย “เมื่อปี พ.ศ.2561” อย่างไรก็ตามต้องขอขอบคุณ สถานทูตภูฎาน ประจำประเทศไทย ที่มอบธงมนตราและจะทำการเปลี่ยนธงตามอายุการใช้งาน สำหรับธงมนตรา ของประเทศภูฎาน ถือเป็นธงแห่งโชคลาภ โบกสะบัดปัดสิ่งที่ดีให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวในสวนนงนุชพัทยา

ธงมนตรา เป็นธงที่จารึก บทสวดมนต์ไว้บนธง ธง 5 สี หมายถึง 5 ธาตุ ซึ่งจะพัดผ่านสายลม นำสิ่งดี ๆ มาสู่ชีวิต ดังนั้นนักท่องเที่ยวที่ได้มีโอกาสเข้ามาท่องเที่ยว ณ สวนนงนุชพัทยา นอกจากจะได้เข้าชมความสวยงามของสวนนงนุชพัทยาอย่างหลากหลายแล้ว  

ทั้งนี้ จากการที่สวนนงนุชพัทยา ทำการเปลี่ยนธงมนตราในวันนี้ เพื่อสื่อถึงความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประเทศแล้ว สวนนงนุชพัทยา ยังคงพัฒนาสวนต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ สำหรับเยาวชนและบุคคลที่สนใจได้เข้ามาเยี่ยมชมอีกด้วย

ยะลา - เบตง เทศบาลเมืองเบตง เปิดจองคิวฉีดวัคซีนทางเลือก ซิโนฟาร์ม เพื่อจะได้เปิดเมืองทำให้เศรษฐกิจเดินหน้า ประชาชนจำนวนมากแห่จองคิวฉีด

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 14 ก.ค.64 ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เทศบาลเมืองเบตง อ.เบตง จ.ยะลา ประชาชนจำนวนมากได้แห่มายืนคอยต่อแถวตั้งแต่ช่วงเช้า ก่อนที่ทางเทศบาลเมืองเบตง จะเปิดให้ประชาชนจองคิวฉีดวัคซีนทางเลือก ซิโนฟาร์ม ในเวลา 09.00 น.ทำให้บริเวณรอบอาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา แน่นไปด้วยผู้คน จนแทบจะหาที่จอดรถไม่ได้  แต่ก็มีประชาชนบางส่วนที่ผิดหวัง ต้องกลับออกมาก่อน เพราะไม่ได้มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตเทศบาลเมืองเบตง จึงไม่สามารถลงทะเบียนจองคิวฉีดวัคซีนได้

นายสกุล เล็งลัคน์กุล นายกเทศมนตรีเมืองเบตง เปิดเผยว่า เทศบาลเมืองเบตง ได้เปิดให้พี่น้องประชาชนที่มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตเทศบาลเมืองเบตง จองคิวฉีดวัคซีนทางเลือก ระหว่างวันที่ 14-16 ก.ค.64 ซึ่งเป็นวัคซีนที่ทางเทศบาลเมืองเบตง สั่งจากทางราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ โดยส่งผ่านโรงพยาบาลศูนย์ยะลา จากนั้นโรงพยาบาลเบตงก็จะไปนำมาฉีดให้กับพี่น้องประชาชน วัตถุประสงค์ของการจัดหาวัคซีนตัวเลือกในครั้งนี้ เพื่อต้องการให้ประชาชนในเขตเทศบาลเมืองเบตงได้รับการฉีดวัคซีนเกินร้อยละ 70 ของประชากร เมืองเบตง เพื่อจะได้เปิดเมืองต้อนรับนักท่องเที่ยว และทำให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้

สำหรับหลักเกณฑ์ของผู้มีสิทธิลงทะเบียนจองวัคซีนตัวเลือก ต้องเป็นประชาชนที่มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตเทศบาลเมืองเบตง ต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป ไม่เป็นผู้ที่เคยจอง หรือฉีดวัคซีนหลัก ของทางรัฐบาล ถึงจะสามารถลงทะเบียนจองได้ ผู้ที่เคยจอง หรือฉีดวัคซีนหลัก ของทางรัฐบาลแล้วจะไม่สามารถลงทะเบียนวัคซีนของเทศบาลเมืองเบตงได้  เนื่องจากเทศบาลเมืองเบตง ได้รับความร่วมมือจากทางโรงพยาบาลเบตง ให้ใช้ระบบการลงทะเบียนฉีดวัคซีน (MOPH IC) ของทางโรงพยาบาลเบตง เพื่อป้องกันความซ้ำซ้อนสำหรับกลุ่มบุคคลที่อาศัยอยู่ในทะเบียนบ้านเดียวกัน สามารถส่งตัวแทนมาลงทะเบียนได้ โดยแนบสำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของแต่ละบุคคลมาด้วย เพื่อลดความแออัดตามมาตรการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

ส่วนขั้นตอนการลงทะเบียนจองนั้น หลังจากรับบัตรคิวแล้ว ให้นำบัตรประจำตัวประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้านแสดงต่อเจ้าหน้าที่ จากนั้นเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบสิทธิการลงทะเบียนในระบบ MOPH IC และแจ้งผลการตรวจสอบสิทธิ กรณีมีสิทธิ จะได้รับการกรอกเอกสารลงทะเบียนจองฉีดวัคซีนทันที

ทั้งนี้จะสามารถฉีดวัคซีนได้เมื่อไหร่นั้นขึ้นอยู่กับการจัดส่งวัคซีนของทางราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ หากส่งวัคซีนมาให้ไว ทางเทศบาลก็จะเร่งรีบฉีดให้พี่น้องประชาชนอย่างรวดเร็ว โดยทางเทศบาลเมืองเบตงจะแจ้งให้ประชาชนทราบอีกครั้ง

สุโขทัย – ไม่ทอดทิ้ง อบจ.สุโขทัย ร่วมใจธอส. ส่งมอบบ้านให้แก่ผู้ด้อยโอกาส อยู่ดีมีสุข

นายมนู พุกประเสริฐ นายก อบจ.สุโขทัย พร้อมด้วยนายสมพร นกหงส์ สมาชิกสภา อบจ.สุโขทัย อ.เมืองสุโขทัย เขต 4 นางกิตติพร ชุ่มชื่น ผอ.กองพัสดุและทรัพย์สิน และบุคลากรในสังกัด อบจ.สุโขทัย ร่วมพิธีส่งมอบบ้าน ตามโครงการ “สร้าง ซ่อม ที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ด้อยโอกาส ผู้ยากไร้ ผู้สูงอายุ และผู้พิการ” ในพื้นที่จังหวัดสุโขทัยประจำปี 2564

โดยธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) สนับสนุนงบประมาณจำนวน 204,000 บาท และ อบจ.สุโขทัย เป็นผู้ประสานงานในการก่อสร้างและซ่อมแซมที่อยู่อาศัยตามโครงการดังกล่าว ให้แก่ นางแฉล้ม อาจวง เนื่องจากบ้านพักอาศัยเดิมมีสภาพเก่าทรุดโทรม อยู่กันหลายคน และไม่มีความปลอดภัย มีความเสี่ยง และไม่คุ้มแดด ลม และฝน เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายคนในครอบครัวได้ และสุขภาพจิตวิตกกังวนของคนในครอบครัว ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุโขทัย(อบจ.สุโขทัย) โดยนายมนู พุกประเสริฐนายก อบจ.หลังได้ทราบข้อมูลจากพื้นที่ จึงได้ดำเนินการประสานไปยัง ธนาคาร ธอส. เพื่อให้ความช่วยเหลือร่วมกัน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของครอบครัวนี้ รวมทั้งผู้ด้อยโอกาส ที่มีข้อมูล เพื่อให้มีที่อยู่อาศัยที่ปลอดภัย สุขลักษณะ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ณ หมู่12 ต.บ้านสวน อ.เมือง จ.สุโขทัย เมื่อ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา


ภาพ/ข่าว  สุริยา ด้วงมา จ.สุโขทัย

ชลบุรี - กองทัพเรือเร่งแก้ไขปัญหาการให้บริการไฟฟ้าในพื้นที่อำเภอสัตหีบ แจงดำเนินการของกิจการไฟฟ้า สวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ เป็นส่วนหนึ่งของความมั่นคงทางทหาร เช่นเดียวกับความมั่นคงด้านพลังงานเชื้อเพลิงปิโตรเลียม ที่ถือเป็นยุทธปัจจัย

วันนี้ (14 กรกฎาคม 2564) พลเรือเอก เชษฐา โฆษกกองทัพเรือ ชี้แจงกรณีที่ ผู้ใช้บริการไฟฟ้าในพื้นที่อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ร้องเรียนถึงกรณีการเกิดปัญหา ไฟตกและไฟดับบ่อยครั้ง ซึ่งกระทบต่อคุณภาพชีวิตและความปลอดภัย ของประชาชนในพื้นที่ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ มีการปรับปรุงแก้ไข โดยเรียกร้องให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเข้ามาดำเนินกิจการแทน ผู้ให้บริการรายเดิมนั้น โฆษกกองทัพเรือได้ชี้แจงว่า

ปัจจุบัน หน่วยงานที่ให้บริการไฟฟ้าในพื้นที่อำเภอสัตหีบจังหวัดชลบุรี คือ กิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ ซึ่งก่อตั้งด้วยเหตุผลความจำเป็นทางยุทธปัจจัยด้านปิโตรเลียม พลังงานไฟฟ้า พร้อมทั้งสาธารณูปโภคอื่น ๆ ที่ทุกฐานทัพ หรือเขตปลอดภัยทางทหารของเกือบทุกชาติในโลก ต่างต้องดำรงความพร้อมให้แก่กำลังทหารและยุทโธปกรณ์ โดยก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2483   เริ่มต้นได้สร้างเป็นโรงกำเนิดไฟฟ้า ประกอบด้วยเครื่องกำเนิดไฟฟ้า จำนวน 3 เครื่อง เครื่องละ 275 กิโลวัตต์ เดินเครื่องจำหน่ายไฟฟ้าให้กับหน่วยราชการทหาร ฐานทัพเรือ ตลอดจนหน่วยราชการฝ่ายพลเรือน และตลาดสัตหีบ ซึ่งในขณะนั้น บ้านเรือนราษฎรยังเบาบาง มีเฉพาะหน่วยงานทางทหารเป็นส่วนใหญ่ และในพื้นที่ดังกล่าวยังไม่มีไฟฟ้าใช้ อยู่ในสภาวะกันดารด้วยเหตุที่การไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึง

ต่อมาในปี พ.ศ. 2509 Officer Incharge Construction Center (O.I.C.C.) ของ ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เข้ามาช่วยเหลือด้านกิจการทหารของประเทศไทย โดยได้เพิ่มขีดความสามารถในการจำหน่ายกระแสไฟฟ้า ทำให้ฐานทัพเรือสัตหีบ กองทัพเรือ บริการกระแสไฟฟ้าให้แก่ประชาชนในตำบลสัตหีบได้เพิ่มมากขึ้น จนกระทั่งในปี พ.ศ.2510 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้ขยายเขตจำหน่ายไฟฟ้ามาถึงอำเภอสัตหีบ โดยได้ตั้งสถานีไฟฟ้าย่อยที่ 1 ขึ้นที่ตำบลบางเสร่ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี กองทัพเรือ จึงได้ยกเลิก การเดินเครื่องกำเนิดไฟฟ้า และได้ซื้อกระแสไฟฟ้าจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย มาใช้ในหน่วยราชการทหาร และจำหน่ายให้แก่ประชาชนบริเวณใกล้เคียงที่มาร้องขอใช้บริการ

ทั้งนี้ กองทัพเรือ ได้รับสัมปทานให้ประกอบกิจการไฟฟ้าในการดำเนินการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากกระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ 14 มกราคม 2514 เป็นต้นมา มีการต่ออายุสัมปทานมาแล้วจำนวน 4 ครั้ง ครั้งละ 10 ปี โดยมีข้อกำหนดและเงื่อนไขตามสัมปทานประกอบกิจการไฟฟ้าซึ่ง กองทัพเรือ ได้รับจากกระทรวงกระทรวงมหาดไทยให้สัมปทานประกอบกิจการไฟฟ้า จำนวน 4 ครั้ง ในปี พ.ศ.2513, 2524, 2533 และ2541 และกระทรวงพลังงานให้สัมปทานประกอบกิจการไฟฟ้า จำนวน 1 ครั้ง ในปี พ.ศ.2550 มีวัตถุประสงค์เพื่อจำหน่ายกระแสไฟฟ้าแทน การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ในเขตปลอดภัยในราชการทหารของฐานทัพเรือสัตหีบ กองทัพเรือ และประชาชน ในเขตที่ได้รับสัมปทาน โดยมีอาณาเขต ดังนี้ ทิศเหนือจรดเขตบ้านอำเภอ ทิศใต้จรดกรมปืนต่อสู้อากาศยาน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน กองทัพเรือ ทิศตะวันออกจรดเขตคลองบางไผ่ ทิศตะวันตกจรดเขตฝั่งตะวันออกทั้งหมด   

การดำเนินการของกิจการไฟฟ้า สวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ มีวัตถุประสงค์เป็นตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ประชาชน ได้มีกระแสไฟฟ้าใช้อย่างทั่วถึง และถูกต้องตามประกาศคณะกรรมการกํากับกิจการพลังงาน (กกพ.) เรื่อง มาตรฐานของสัญญาให้บริการไฟฟ้า พ.ศ.2558 และเรื่อง มาตรฐานของสัญญาให้บริการผู้ใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ พ.ศ.2561 ซึ่งในประกาศดังกล่าวได้ให้นิยาม ผู้ให้บริการไฟฟ้าว่า หมายถึง การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กิจการไฟฟ้า สวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ (กิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัตหีบ) ผู้รับใบอนุญาตจำหน่ายไฟฟ้าเอกชนหรือผู้รับใบอนุญาตอื่นที่ กกพ. กำหนด

โฆษกกองทัพเรือกล่าวต่อไปว่า สำหรับ กิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ ได้รับใบอนุญาตจำหน่ายไฟฟ้าและใบอนุญาตระบบจำหน่ายไฟฟ้าจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน โดยกองทัพเรือยังคงมีความจำเป็นในการดำเนินการคือการไฟฟ้าเพื่อความมั่นคงและปลอดภัยในราชการทหาร เช่นเดียวกับความมั่นคงด้านพลังงานเชื้อเพลิง หรือการปิโตรเลียมและสาธารณูปโภคที่สำคัญอื่น ๆ อีก โดยเฉพาะในเขตฐานทัพ ท่าเรือ และเนื่องจากเขตอำเภอสัตหีบเป็นเขตปลอดภัยในราชการทหาร ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณเขตปลอดภัยในราชการทหารแห่งกองทัพเรือ ในท้องที่อำเภอบ้านค่าย อำเภอบ้านฉาง อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง และอำเภอบางละมุง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พ.ศ.2536 โดย กิจการไฟฟ้า สวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ มีฐานทัพเรือสัตหีบเป็นหน่วยดูแลรับผิดชอบ 

นอกจากที่กล่าวแล้วปัจจุบันยังมีภารกิจที่กองทัพเรือได้รับมอบหมายจากรัฐบาลสำหรับการเตรียมการรองรับโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ที่ต้องดูแลสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาซึ่งเป็นทั้งสนามบินเชิงพาณิชย์และสนามบินทางทหารในพื้นที่เดียวกัน และท่าเรือจุกเสม็ดที่เป็นทั้งท่าเรือพาณิชย์และท่าเรือทางทหารที่สำคัญอีกด้วยซึ่งจะทำให้ยิ่งต้องเพิ่มมาตรการต่าง ๆ ในเขตปลอดภัยทางทหาร ที่กองทัพเรือดูแลและถือเป็นพื้นที่ทางความมั่นคงทางทหารที่สำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจาก เป็นที่ตั้งของหลาย ๆ หน่วยขนาดใหญ่  ทั้งหน่วยกำลังรบและหน่วยสนับสนุนต่าง ๆ อันได้แก่ กองเรือยุทธการ ฐานทัพเรือสัตหีบ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน กรมสรรพาวุธทหารเรือ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง กรมอู่ทหารเรือ อู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช และโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ซึ่งรับผิดชอบทั้งกำลังทางบก กำลังทางเรือ อากาศยาน ตลอดจนยุทโธปกรณ์พาหนะ และเครื่องมืออุปกรณ์รวมถึงการส่งกำลังบำรุงต่าง ๆ และเขตเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ  ไม่ใช่เพียงการมีขีดความสามารถทางความมั่นคงด้านไฟฟ้านี้ไว้สำหรับหน่วยขนาดเล็กๆ โดยการไฟฟ้า นับได้ว่าเป็นอีกยุทธปัจจัยหนึ่งที่กองทัพเรือต้องควบคุมให้ดำรงไว้ให้มีใช้ได้อย่างต่อเนื่องในพื้นที่สำคัญด้านความมั่นคง พื้นที่ปลอดภัยทางทหารของกองทัพ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเขตที่เป็นฐานทัพ  และทั้งนี้ กองทัพเรือโดยกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือได้มีการปรับปรุงและพัฒนาระบบจำหน่าย   การบริหารจัดการและการให้บริการผู้ใช้ไฟฟ้ามาอย่างต่อเนื่องตามมาตรฐานที่ผู้ให้บริการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายกำหนด

จากปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นที่ทำให้ผู้รับบริการไฟฟ้าในพื้นที่ ได้รับความเดือดร้อนนั้น โฆษกกองทัพเรือกล่าวว่า กองทัพเรือไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้สั่งการให้กิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือเร่งแก้ไขและ ดำเนินการพัฒนาปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง  พร้อมทั้งได้มีการส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบอุปกรณ์ต่าง ๆ อยู่เป็นประจำ เพื่อปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ที่มีความชำรุด รวมถึงได้ทำการวิเคราะห์ หาสาเหตุของไฟฟ้าขัดข้องจากอุปกรณ์ตรวจจับที่มีความทันสมัย

สำหรับเหตุการณ์ไฟฟ้าดับเป็นบริเวณกว้างติดต่อกันเมื่อช่วงวันที่ 8 - 11 กรกฎาคม 2564 บริเวณซอยจามจุรี ถึงกิโลเมตรที่ 6 ในพื้นที่อำเภอสัตหีบนั้น มีสาเหตุมาจากเหตุฝนฟ้าคะนอง ทำให้อุปกรณ์ชำรุด อีกทั้งระบบจำหน่ายบริเวณดังกล่าว เป็นพื้นที่ต้นไม้ชุกทำให้กระทบกับอุปกรณ์แรงสูงและช่วงเวลาฝนตกทำให้มีความเสี่ยงในการดำเนินการ และระบบตรวจจับไม่สามารถ แจ้งพิกัดได้ เนื่องจากสายไฟฟ้าไม่ได้ขาดออกจากกัน ซึ่งจะสามารถตรวจสอบได้ง่ายกว่า ดังนั้นเจ้าหน้าที่จึงต้องทำการวิเคราะห์ และกำหนดตำแหน่งเข้าตรวจสอบ จึงไม่สามารถดำเนินการตรวจสอบสาเหตุไฟฟ้าดับบริเวณดังกล่าวได้ และเมื่อวันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม 2564 กิจการไฟฟ้าฯ ได้ดำเนินการ ตรวจสอบสายส่งไฟฟ้าบริเวณดังกล่าว พบว่าบริเวณดังกล่าวต้นไม้ชุกและส่งผลกับอุปกรณ์แรงสูง อีกทั้งในพื้นที่ใกล้เคียงมีอุปกรณ์ไฟฟ้าแรงสูงชำรุดจึงได้เร่งดำเนินการแก้ไข และมีความจำเป็นต้องดับไฟในบางส่วนเป็นการชั่วคราว ทั้งนี้จะดำเนินการดับไฟอีกครั้งในวันพุธที่ 14  กรกฎาคม 2564 ระหว่างเวลา 12.00 -  13.00 น.  เพื่อซ่อมทำอุปกรณ์แรงสูงที่ชำรุดบริเวณสถานีไฟฟ้าแรงสูง พร้อมทั้งได้มีการแจ้งกับผู้ใช้บริการในพื้นที่แล้ว ในการนี้กิจการไฟฟ้าฯ ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้ และขอยืนยันว่าจะเร่งดำเนินการและพัฒนาศักยภาพของกิจการไฟฟ้าฯ ในทุกรูปแบบเพื่อสร้างความพึงพอใจในการให้บริการแก่พี่น้องประชาชน  โดยคำนึงถึง ความพึงพอใจของผู้ใช้บริการเป็นสำคัญ โดยกองทัพเรือได้ดำเนินการพัฒนาโครงข่ายระบบไฟฟ้าในพื้นที่สัตหีบให้มีเสถียรภาพมาอย่างต่อเนื่องด้วยการสร้างสถานีไฟฟ้าแรงสูง 3 พร้อมทั้งปรับปรุงสถานีที่ 1และ 2 ในปี 2561 - 2563 และจะดำเนินการก่อสร้างสถานีไฟฟ้าแรงสูง4 เชื่อมกันทุกสถานีให้แล้วเสร็จในปี 2566


ภาพ/ข่าว  สมนึก เชื้อสนุก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top