Friday, 16 May 2025
THE STATES TIMES TEAM

ตำรวจทางหลวงอุดรธานี จัดทำโครงการ “ตำรวจทางหลวง ห่วงใย เข้าใจ เข้าถึง” ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากวิกฤตโควิด-19

พ.ต.ท.ศิวกริช ดิษย์บุญรัตน์ สว.ส.ทล.3 กก.4 บก.ทล. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดจิตอาสา ส.ทล.3 กก.4 บก.ทล. ได้ร่วมกันซ่อมแซมประตูและหลังคาห้องน้ำให้กับประชาชนที่ยากจนและได้รับความยากลำบากในการใช้ชีวิต ซึ่งเป็นการต่อยอดจากโครงการ "Food For Friends" หลังจากเคยมอบถุงยังชีพให้กับ คุณยายเกียว ชามรัฐ อายุ 76 ปี ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

เนื่องจากประตูและหลังคาห้องน้ำผุพัง ไม่สามารถป้องกันแดดและฝนได้ ตำรวจทางหลวงอุดรธานีจึงได้ร่วมกันทำกิจกรรมจิตอาสา “ตำรวจทางหลวงห่วงใย เข้าใจ เข้าถึง” ร่วมซ่อมแซมประตู และเปลี่ยนหลังคาห้องน้ำให้กับ คุณยายเกียว เพื่อให้สามารถใช้งานได้เป็นปกติ บรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น เพื่อสามารถดำรงชีพได้ตามปกติ ต่อไป

‘กระทรวงแรงงาน’ เปิดโครงการสนับสนุน และสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน “ดวงตาแรงงาน” รุ่นที่ 2

วันที่ 24 สิงหาคม 2564 เวลา 09.00 น. นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานเปิดโครงการสนับสนุนและสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการต่อต้านการทุจริต “ดวงตาแรงงาน” รุ่นที่ 2 ในรูปแบบ Online Platform ผ่านระบบ Zoom โดยมี นายสุชาติ พรชัยวิเศษกุล รองปลัดกระทรวงแรงงาน , นางสาวภัทรพร สมันตรัฐ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงแรงงาน และนางต้องใจ สุทัศน์ ณ อยุธยา ผู้ช่วยปลัดกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย

สำหรับโครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาทักษะความรู้ให้แก่ข้าราชการ/ เจ้าหน้าที่สังกัดสำนักงานแรงงานจังหวัด อาสาสมัครแรงงานต้านทุจริต และเครือข่ายภาคประชาชน ที่เคยผ่านการอบรมด้านการป้องกับการทุจริตร่วมกับกระทรวงแรงงาน สามารถเป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้และเผยแพร่ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ด้านการป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบ สร้างเครือข่ายเฝ้าระวัง สอดส่อง และแจ้งเบาะแสการทุจริตในระดับพื้นที่

ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า กระทรวงแรงงานได้ให้ความสำคัญในการสร้างวัฒนธรรมการต่อต้านการทุจริต และมุ่งมั่นที่จะพัฒนาความร่วมมือบูรณาการการทำงานระหว่างภาครัฐและภาคประชาชน เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนและภาคีต่าง ๆ ในสังคมร่วมมือกันป้องกันการทุจริตอย่างต่อเนื่อง ผ่านกลไกการอบรมเพื่อสร้างเครือข่ายการป้องกันการทุจริตให้ทั่วถึงในระดับส่วนภูมิภาคเป็นประจำทุกปี ส่งเสริมการประชาสัมพันธ์ การเฝ้าระวัง และแจ้งเบาะแสการทุจริต โดยโครงการฯ ดังกล่าว แบ่งเป็น 2 รุ่น ๆ ละ 152 คน จาก 76 จังหวัด

ซึ่งการอบรมในวันนี้ จะนำพาผู้เข้ารับการอบรมทุกท่านเกิดการตระหนักรู้และต่อต้านกับการทุจริตในทุกรูปแบบ และขอขอบคุณท่านวิทยากร หน่วยงานภาคีเครือข่ายภาครัฐ โดยเฉพาะเครือข่ายภาคประชาชนทุกท่าน ที่มีความตั้งใจและเสียสละเวลามาเข้าร่วมการอบรมและร่วมเป็นเครือข่ายในการต่อต้านการทุจริตร่วมกับกระทรวงแรงงาน

อยุธยา - รองผู้ว่าอยุธยา นำคณะลงพื้นที่มอบ “ถุงกำลังใจ สู้ภัยโควิด-19” จากสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางครอบครัวผู้สูงอายุที่ป่วยติดเตียงในพื้นที่อำเภอบางปะอิน รวม 123 ราย

นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มอบหมายให้นางสาวนุชนาถ ประทีปธีรานันต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย นางสาวนฤมล พงษ์สุภาพ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด นายวัชระ กระแสร์ฉัตร์ นายอำเภอบางปะอิน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ทีม พม.พระนครศรีอยุธยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่เยี่ยมกลุ่มเปราะบางครอบครัวผู้สูงอายุที่ป่วยติดเตียงของอำเภอบางปะอิน  เพื่อเป็นกำลังใจให้กับครอบครัว ดูแลสภาพจิตใจ รวมทั้งมอบถุงยังชีพ “ถุงกำลังใจ สู้ภัยโควิด-19” จากกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนกลุ่มเป้าหมายหลักคือกลุ่มเปราะบางครอบครัวผู้สูงอายุที่ป่วยติดเตียงในพื้นที่อำเภอบางปะอิน จำนวน 123 ราย  ซึ่งญาติของผู้ป่วยที่ได้รับมอบ “ถุงกำลังใจ สู้ภัยโควิด-19” ต่างขอบคุณภาครัฐที่ได้ความช่วยเหลือ ทำให้แบ่งเบาความเดือดร้อนได้ในสถานการณ์การระบาดปัจจุบันนี้

สำหรับจังหวัดพระนครศรีอยุธยาอยุธยา ได้รับการจัดสรรถุงยังชีพ “ถุงกำลังใจ สู้ภัยโควิด-19” เพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางครอบครัวผู้สูงอายุที่ป่วยติดเตียงพื้นที่ควบคุมสูงสุด และเข้มงวด จากเงินกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณะภัย สำนักนายกรัฐมนตรี จำนวนทั้งสิ้น 835 ถุง ซึ่งจะดำเนินการนำส่งมอบช่วยเหลือทั้ง 16 อำเภอ อย่างต่อเนื่องต่อไป


ภาพ/ข่าว  สุจินดา อุ่นขาว รายงานจากอยุธยา

ชลบุรี - รัฐมนตรีแรงงาน ตรวจเยี่ยมผู้ประกันตนตามมาตรา 40 เกาะสีชัง พร้อมแจกถุงยังชีพผู้สูงอายุ มอบเงิน 5 แสน ศูนย์เรียนรู้ธนาคารทะเลเกาะสีชัง

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 23 สิงหาคม ที่ศาลาอเนกประสงค์ เทศบาลตำบลเกาะสีชัง อ.เกาะสีชัง จ.ชลบุรี นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สังกัดกระทรวงแรงงานได้เดินทางตรวจเยี่ยมการรับสมัครผู้ประกันตนตามมาตรา 40 โดยมีการนำรถโมบายมาให้บริการ นอกจากนี้ยังได้พบปะผู้สูงอายุที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 พร้อมทั้งได้มอบถุงยังชีพ โดยมีนายธวัชชัย ศรีทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี พร้อมชาวเกาะสีชังให้การต้อนรับ นอกจากนี้ยังเป็นตัวแทน บริษัท คิงส์ แพ็ค อินดัสเตรียล จำกัด และผลิตภัณฑ์ตราฮีโร่ มอบเงิน 500,000 บาท ให้กับศูนย์เรียนรู้ธนาคารทะเลเกาะสีชัง โดยชุมชนเพื่อชุมชนยั่งยืน เพื่อช่วยในการอนุรักษ์สัตว์ทะเลและพืชทะเล

หลังจากนั้นนายสุชาติกล่าวว่า การเดินทางมาเกาะสีชังในครั้งนี้ เนื่องมาจาก พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีได้มีความห่วงใยประชาชน เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 สร้างความลำบากในการดำรงชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะพื้นที่สีแดงจัด 29 จังหวัด รวมทั้ง จ.ชลบุรี จึงได้เปิดให้มีการประกันตนตามมาตรา 40 เพื่อให้สิทธิพื้นฐานกับประชาชนที่ทำงานอิสระ

 

สำหรับ ผู้ประกันตนตามมาตรา 40 เป็นไปตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี ให้ความห่วงใยผู้ประกอบอาชีพอิสระ สำหรับเกาะสีชังประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมงพื้นบ้าน และอาชีพดูแลนักท่องเที่ยวสกายแลป การเดินทางมาเกาะสีชังเพื่อประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับประกันตนตามมาตรา 40 ซึ่งวันที่ 24 สิงหาคมจะหมดเขตแล้ว โดยเฉพาะอาชีพประมงจะลำบากมาก เพราะนักท่องเที่ยวไม่มาเกาะสีชัง ชาวประมงก็ขายอาหารทะเลไม่ได้ ซึ่งเป็นวงจรเศรษฐกิจบนเกาะสีชัง

ส่วนกรณีที่จะเปิดการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายสุชาติกล่าวว่า "จากการที่ทำงานทุกวันสามารถตอบคำถามได้ ไม่กังวลใจแต่อย่างใด เพราะรู้อยู่แล้วว่าเราทำอะไร ถือว่าเป็นสีสันทางการเมือง เป็นเรื่องความสวยงามในระบอบประชาธิปไตย ที่ฝ่ายค้านต้องตรวจสอบฝ่ายบริหาร ชาวบ้านที่ดูอยู่ทางบ้านจะรู้ว่าใครทำงาน ใครไม่ทำงาน"

กรณี ที่มีการลงในโลกโซเซียลเกี่ยวกับการท้าชกระหว่างรัฐมนตรีเฮ้งกับนายมงคลกิตติ์ หรือเต้ สุขสินธารานนท์ นั้น นายสุชาติกล่าวว่า ตนเองกับเต้นั้นรู้จักกัน จากการที่เต้ออกมาท้านายกรัฐมนตรีชกกันนั้น ผมมองว่าเป็นการก้าวร้าว เพราะนายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำประเทศ ตนเองก็ต้องออกมาพูดว่าสิ่งที่ออกมาทำนั้นไม่ถูกต้อง จึงได้บอกเต้ไปว่ากำลังนั้นไม่ได้มีไว้แก้ปัญหา ในเรื่องกีฬานั้นไม่เป็นไร ตนพร้อมในเรื่องกีฬา


ภาพ/ข่าว  นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี

กาฬสินธุ์ - สืบสานผ้าพื้นถิ่น ประมูลผ้าลายขอ – ผ้าไหมแพรวา ส่งเสริมผ้าไทยใส่ให้สนุก เดือนมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดกาฬสินธุ์ จัดประมูลผ้าทอลายขอ ผ้าไหมแพรวา อนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม ส่งเสริมกิจกรรมผ้าไทยใส่ให้สนุก เดือนมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ ห้องเจ้าเมืองกาฬสินธุ์ ศาลากลาง จ.กาฬสินธุ์  

สำนักงานพัฒนาชุมชน จ.กาฬสินธุ์ จัดกิจกรรมโครงการผ้าไทยใส่ให้สนุก ในเดือนมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จังหวัดกาฬสินธุ์ ประจำปี 2564 เพื่อเป็นการอนุรักษ์และสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่น อนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมการแต่งกายอันล้ำค่าภูมิปัญญาของชาวกาฬสินธุ์ ส่งเสริมผู้ผลิตผู้ประกอบการ OTOP ด้านการผลิต การตลาด และสร้างรายได้ให้กับชุมชน โดยมีนายสนั่น  พงษ์อักษร รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ เป็นประธานเปิดงาน และมีนายอุทัย สิงห์ทอง พัฒนาการ จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เข้าร่วม

ทั้งนี้ ยังมีผู้ประกอบการภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ ส่วนราชการ ประชาชน ได้ร่วมประมูลผ้าลายพระราชทานลายขอเจ้าฟ้า  ผ้าไหมแพรวา ผ้าทอพื้นถิ่นที่มีเอกลักษณ์ของจ.กาฬสินธุ์  โดยมีผู้ประมูลผ้าไหมแพรวาลายน้ำหยาด ราคาสูงสุด ที่ 68,000 บาท ผ้าซิ่นแพรวาลายขอเจ้าฟ้า ลำดับที่ 2 ประมูลได้ที่ 20,000 บาท  ผ้าซิ่นแพรวาลายขอเจ้าฟ้าฯ ลำดับที่ 3 ประมูลได้ที่ 15,000 บาท ซึ่งมีผู้ประมูลผ้าไหม ผ้ามัดหมี่ ผ้าลายขอเจ้าฟ้า และ ผ้าพื้นถิ่นในครั้งนี้ จำนวน 20 ผืน รวมมูลค่า จำนวน 167,500 บาท

นอกจากนี้ จ.กาฬสินธุ์ยังได้สร้างแรงจูงใจผู้แต่งกายผ้าไทยที่โดดเด่นประกวดในเพจ จังหวัดกาฬสินธุ์โอทอปเซ็นเตอร์ เพื่อให้ประชาชนร่วมโหวต ซุปเปอร์โมเดล ผู้ที่แต่งชุดผ้าไทยรับรางวัลในระดับจังหวัด และมีกิจกรรมเดินแบบ "ผ้าไทยใส่ให้สนุกในเดือนมหามงคล"

อย่างไรก็ตาม จ.กาฬสินธุ์ มีผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ประเภทผ้าและเครื่องแต่งกายจำนวน 1,148 กลุ่ม/ราย มีผลิตภัณฑ์จำนวน 1,524 ผลิตภัณฑ์ ผลการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ้า ในภาพรวมสามารถจำหน่ายได้ 109,692,676 บาท ผลการจำหน่ายผ้าลายขอเจ้าฟ้าจำนวน 6,375,000 บาท


ภาพ/ข่าว  ณัฐพงษ์  ประชากูล จ.กาฬสินธุ์

'คาร์ม็อบขอนแก่น' ปิดถนนหน้ากองบัญชาการตำรวจภูธรถาค 4 ก่อนปาสีใส่ป้ายกองบัญชาการฯ ขณะที่กำลังตำรวจชุดควบคุมฝูงชนได้นำโล่ออกมาบังจนเกิดเหตุชุลมุนเกิดขึ้น

เมื่อเวลา 18.30 น.วันที่ 22 ส.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าคณะราษฎรขอนแก่นได้กำหนดจัดกิจกรรมคาร์ม็อบ คู่ขนานกับการจัดกิจกรรมที่กรุงเทพฯและในอีกหลายจังหวัด โดยได้เคลื่อนขบวนออกจากหน้าตึกสำนักงานอธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น และขับไปตามถนนสายต่าง ๆ ภายในเขตเทศบาลนครขอนแก่น จนกระทั่งมาถึงหน้ากองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 กลุ่มผู้ชุมนุมได้ปิดถนนทุกช่องการจราจรพร้อมนำรถเครื่องขยายเสียงมาจอดที่บริเวณหน้าป้าย เพื่อปลุกระดมให้ผู้ชุมนุมนำถังบรรจุถุงสีที่เตรียมไว้มาเทหน้าป้ายโดยมีกำลังตำรวจออกมายืมเป็นแนวเพื่อดูแลความสงบ

จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้นำถุงบรรจุสีปาใส่ป้ายกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค4 พร้อมกับปาประทัดแบบควัน โดยทาง พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนได้นำโล่ออกมากันผู้ชุมนุมไม่ให้ปาสีใส่ ทำให้เกิดเหตุชุลมุนปะทะเล็กน้อยแต่ก็ยังควบคุมสถานการณ์จนทรงตัวได้ ขณะที่ความเสียหายจะมีป้ายกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 และเครื่องแบบชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใส่มาปฏิบัติหน้าที่

อย่างไรก็ตามขณะนี้กลุ่มผู้ชุมนุมยังคงจัดกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์อย่างต่อเนื่อง โดยได้กล่าวปราศรัยบนรถเครื่องเสียงจากแกนนำกลุ่มต่าง ๆ ท่ามกลางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบคอยดูแลความสงบเรียบร้อยและให้ปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรการการป้องกันโรคอย่างเข้มงวด

กลุ่มขันอาสา กลุ่มล้านนาปลดแอก และกลุ่มราษฎรลำปาง จัดกิจกรรม Carsmob ไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตจากโควิดและเรียกร้องวัคซีนและนายกรัฐมนตรีต้องลาออก

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 22 ส.ค.2564 ที่ จ.ลำปาง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณสวนสาธารณะห้าแยกหอนาฬิกา อ.เมือง จ.ลำปาง กลุ่มขันอาสา กลุ่มล้านนาปลดแอกและกลุ่มราษฎรลำปาง จำนวนกว่า 300 คน นำโดย เกียรติ ลำปาง แกนนำกลุ่มล้านนาปลดแอก และผู้ประสานงาน ร่วมกันจัดกิจกรรม Carsmob ไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตจากโควิดและเรียกร้องวัคซีนไฟเซอร์ให้กับทุกคนและนายกรัฐมนตรีต้องลาออก โดยมีป้าเป้า วรวรรณ แซ่อั้ง อายุ 67 ปี ขวัญใจผู้ชุมนุมเดินทางมาเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วยและปฎิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด

ก่อนเริ่มขบวนมีการตรวจคัดกรองป้าเป้าด้วยวิธี  Antigen Test Kid (ATK) และยืนยันผลการตรวจเป็นลบก่อนปล่อยขบวนรถยนต์ รถจักรยานยนต์ที่เข้าร่วมกว่า 100 คันที่เดินทางมาร่วมกิจกรรมพร้อมบีบแตร ชูสามนิ้ว และชูป้ายไล่ประยุทธ์ ไปตามถนนฉัตรไชย เลี้ยวซ้ายไปถนนตวงรัตน์ เลี้ยวขวาไปถนนไมตรีถึงบริเวณหน้าสถานีรถไฟนครลำปาง เลี้ยวขวามาตามถนนฉัตรไชยถึงจุดเริ่มต้นบริเวณสวนสาธารณะฯรวมระยะทางไป-กลับประมาณ 10 กม.โดยป้าเป้าขึ้นรถแห่ปราศัยนำขบวนดังกล่าวด้วย บรรยายกาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

ป้าเป้า กล่าวว่า อยากจะพูดให้ทุกคนฟัง ทำไมถึงต้องสู้ เพราะสงสารเด็กคิดว่า ประเทศนี้เขากดขี่เราบังคับเรา ไม่เคยอยู่ข้างประชาชน อยากกู้ก็กู้แต่ประชาชนพวกเราต้องหาใช้หนี้โดยที่เราไม่ได้กินเงินภาษีเราเลย ประยุทธ์ต้องออกไป คนเราถ้าอยู่ดีกินดีใครจะออกมาไล่ ไม่มีประเทศไหนในโลกที่เอาภาษีมาซื้ออาวุธฆ่าประชาชน

ทางด้าน เกียรติ ลำปาง ผู้ประสานงานกลุ่มฯ กล่าวว่า เรามาร่วมตัวกันวันนี้มีวุตถุประสงค์

1.เพื่อเรียกร้องวัคซีน

2.แสดงความไว้อาลัยผู้เสียชีวิตจากโควิด แล

3.พลเอกประยุทธ์ต้องลาออก

เนื่องจากที่ผ่านมา มีโรคระบาดแต่ประชาชนเข้าถึงวัคซีนไม่ได้มันคืออะไร เรื่องนี้เกิดมาปีครึ่งแล้วลูกหลานเรายังไม่ได้ฉีดวัคซีน ไปโรงเรียนไม่ได้ พ่อค้าแม่ค้าขายของไม่ได้ไม่มีรายได้มันกระทบกันไปหมด วัคซีนคือโอกาส รัฐบาลต้องเปิดให้คนไทยเข้าถึงวัคซีนอย่างทั่วถึงโดยเร็วที่สุด ซึ่งทุกวันนี้มีคนเสียชีวิตทั่วประเทศ รัฐบาลไม่ทำอะไ ถ้ายังเพิกเฉยเราก็จะจัดกิจกรรมเข้มข้นต่อไปอีก เพราะทุกวันนี้มีผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่ไม่มีวัคซีนให้ประชาชน จึงฝากถึงพลเอกประยุทุธ์  ท่านอยู่มา 7 ปีครึ่งแล้วลาออกเถอะครับ อยู่มาเกือบ 8 ปี ประเทศมีหนี้มากมายมหาศาล ท่านยังจะอยู่ต่ออีกเหรอ ลาออกเถอะครับเพื่อให้คนอื่นที่มีความสามารถเข้ามาเป็นนายกฯแทนและต้องมาจากเสียงประชาชน ไม่ใช่จากการเลือกของ สว.


ภาพ/ข่าว  วินัย / ลำปาง รายงาน

กระบี่ - ตำรวจน้ำ ส่งต่อบุญเพื่อชาวเล ฝ่าวิกฤติโควิด-19 บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ผู้ได้รับผลกระทบที่มีบ้านพักอาศัยอยู่ริมทะเล

ตำรวจน้ำ กองกำกับการ 9 โดย พ.ต.อ. จตุรวิทย์ คชน่วม ผกก.9 ฯ ได้กล่าวว่าด้วยปัจจุบันได้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID -19) ที่มีการแพร่ระบาดไปทั่วโลก ส่งผลกระทบต่อชีวิตของประชาชนเป็นวงกว้างทั่วทั้งประเทศ โดย พล.ต.ต. สมควร พึ่งทรัพย์ ผบก.รน. ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญและให้ ทุกหน่วยช่วยเหลือประชาชน อย่างเต็มที่

ในส่วนของตำรวจน้ำจังหวัดกระบี่ ตรัง และสตูล จึงได้มีมาตรการ เร่งด่วนในด้านต่าง ๆ เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด โดยเฉพาะประชาชนที่มีบ้านพักอาศัยอยู่ริมทะเล ประกอบอาชีพประมง เดินทางโดยเรือเป็นปกติชีวิต ซึ่งการเข้าไปช่วยเหลือเป็นไปด้วยความยากลำบากต้องอาศัยเรือเป็นหลักตำรวจน้ำ เล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าว จึงได้จัดทำโครงการการช่วยเหลือประชาชน(ชาวเล) ที่ได้รับผลกระทบ กรณีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID -19)

เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผู้ได้รับผลกระทบที่มีบ้านพักอาศัยอยู่ริมทะเล และต้องกักตัวเป็นเวลา 14 วัน ตลอดทั้งสนับสนุนมาตรการตามประกาศของคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดกระบี่ ตรัง และสตูล ณ บริเวณบ้านคลองหิน หมู่ที่ 7 ตำบลไสไทย อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ จำนวน 40 ครัวเรือน สิ่งของต่าง ๆ ที่เรานำไปส่งต่อให้ประชาชน ส่วนหนึ่งมาจากการร่วมกันของข้าราชการตำรวจน้ำกองกำกับการ 9ฯ ที่ได้ร่วมกันทำบุญในครั้งนี้และได้รับการสนับสนุน จากพล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้ร่วมสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ ยาฟ้าทะลายโจร อุปกรณ์ป้องกันและเครื่องอุปโภคบริโภค เพื่อแจกจ่ายให้ประชาชนที่กักตัว ตามโครงการฯ ในยามวิกฤตแบบนี้ขอเป็นส่วนเล็ก ๆ ส่วนหนึ่งในการที่จะช่วยเหลือประชาชน ให้ฝ่าวิกฤตนี้ไปด้วยกัน


ภาพ/ข่าว  นิตยา แสงมณี / ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสตูล

สระบุรี – รับมอบเครื่องช่วยหายใจและชุดถังออกซิเจน จากผู้มีจิตกุศลบริจาคช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19

วันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม 2564 เวลา 09.00 น. ณ บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดสระบุรี ตำบลตะกุด อำเภอเมือง จังหวัดสระบุรี / นายสมภพ สมิตะสิริ พร้อมด้วย นายเอกพร จุ้นสำราญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี / นายพลวรรธน์  เทียนชัยมงคล ปลัดจังหวัดสระบุรี รับมอบเครื่องกำเนิด oxygen ชนิดไฟฟ้า ขนาด 10 L จำนวน 1 เครื่อง ราคาประมาณ 42,000 บาท และถังบรรจุ oxygen พร้อมหัวจ่าย จำนวน 4 ถัง ราคาประมาณ 5,500 บาท/ถัง รวมมูลค่าทั้งสิ้น 64,000 บาท  จากนางรพีพร เหลืองอร่ามรัตน์ เจ้าของคอนโดเลควิว สระบุรี ที่มีความประสงค์มอบเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19 ในจังหวัดสระบุรี ที่มีอาการรุนแรงและต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ

สำหรับจังหวัดสระบุรี ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ยืนยัน ณ วันที่ 22 สิงหาคม 2564 จำนวน 348 ราย ผู้ติดเชื้อเข้าข่าย 136 ราย มีผู้เสียชีวิต 4 ราย มีผู้ป่วยติดเชื้อยืนยันสะสม 16,894 ราย ผู้ติดเชื้อเข้าข่ายสะสม 2,147 ราย ผู้ป่วยรักษาหายสะสม 12,734 ราย ผู้ป่วยเสียชีวิตสะสม 147 ราย กำลังรักษาในโรงพยาบาล สีเขียว 954 ราย สีเหลือง 789 ราย สีแดง 77 ราย รักษาอาการที่ศูนย์โควิดชุมชน 96 แห่ง 1,960 ราย แยกรักษาที่บ้าน 2,380 ราย ยอดรวมการรับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 147,369 ราย เข็มที่ 2 จำนวน 66,965 ราย


ภาพ/ข่าว  ดำรงค์ ชื่นจินจินดา รายงาน

นราธิวาส - ผบ. ฉก.นราธิวาส ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการจรยุทธ์ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจแก่ทหารและพี่น้องประชาชนในพื้นที่ อ.สุไหงโกลก

พลตรี ไพศาล หนูสังข์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส พร้อมด้วยพันเอก เฉลิมพร ขำเขียว รองผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส  เดินทางลงพื้นที่ เป็นประธานการประชุมติดตามผลการปฏิบัติตามแผนยุทธการ 46421 ควบคุมพื้นที่รอบเขาตะเว และหมู่บ้านเชิงเขา ณ ที่ทำการทางยุทธวิธี หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส  กองร้อยทหารพราน 4811 ตำบลริโก๋ อำเภอสุไหงปาดี โดยมี พันเอกกำธร ศรีเกตุ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส , พันเอก เอกพล เลขนอก ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 48 , พันเอก จิรวัฒน์ จุฬากาญจน์ ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 49 และส่วนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม

จากนั้น ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยม ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการจรยุทธ์ (ชป.จรยุทธ์) ของกองร้อยทหารพราน ที่ 1005 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 10 บ้านปะดังยอ ตำบลมูโน๊ะ อำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส โดยได้เน้นย้ำการปฏิบัติในการ รปภ.พื้นที่ให้มีความปลอดภัย และการติดตามพฤติกรรมกลุ่มเครือญาติ ผกร. ทำลายเครือข่ายโครงสร้างหมู่บ้าน Support site จนทำให้ไม่สามารถช่วยเหลือ กลุ่ม ผกร. และเป็นแหล่งพักพิงได้ ตลอดจนทำลายความพยายามก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่

พร้อมทั้งเน้นย้ำการปฎิบัติให้เป็นตามนโยบาย/สั่งการของ พลโทเกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ในการรักษาความปลอดภัยพื้นที่ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชน และให้กำลังพลเพิ่มความระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมทั้งยังเน้นย้ำให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 พร้อมมอบเครื่องบริโภค เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับกำลังพล ชุดปฏิบัติการจรยุทธ์(ชป.จรยุทธ์) ในการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top