Thursday, 15 May 2025
THE STATES TIMES TEAM

จันทบุรี - มูลนิธิคุณพุ่ม มอบทุนการศึกษาแก่เด็กพิเศษผ่านตัวแทนผู้ปกครอง นักเรียนเด็กพิเศษในจังหวัดจันทบุรีภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 แบ่งเบาภาระผู้ปกครอง ส่งเสริมการศึกษาของเด็กพิเศษเยาวชนไทย

วันนี้ 7 ก.ย. 64 ที่ ห้องประชุมจันทบูร ศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดจันทบุรี ศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดจันทบุรีได้จัดพิธีมอบทุนสนับสนุนการศึกษาสำหรับเด็กออทิสติกและเด็กพิการในมูลนิธิคุณพุ่ม ประจำปี 2564 โดยนายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีเป็นประธานนำหัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้ปกครองร่วมพิธีภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 เว้นระยะห่าง

โดยปีนี้เป็นการมอบทุนผ่านผู้ปกครองและนักเรียนที่เป็นตัวแทนจำนวน 25 ทุน ที่เหลือ 77 ทุน เป็นการโอนผ่านบัญชีธนาคาร รวมทั้งสิ้น 102 ทุน ทั้งนี้สืบเนื่องจากทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงมีพระกรุณาธิคุณ ประทานทุนสนับสนุนการศึกษาสำหรับเด็ก ออทิสติก และเด็กพิการในมูลนิธิคุณพุ่ม เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเด็กและเยาวชนพิการให้ตรงตามความจำเป็นเฉพาะบุคคล ได้รับการพัฒนาศักยภาพของตนเองตามพระประสงค์ และในปีการศึกษา 2563 ทรงประทานทุนให้กับเด็กออทิสติก เด็กพิการซึ่งมีฐานะยากจน และขาดโอกาสจากทั่วประเทศ จำนวน 10,633 ทุน และศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดจันทบุรี ได้รับการจัดสรรโควตา จำนวน 102 ทุน ทุนละ 5,000 บาท รวมเป็นเงิน 510,000 บาท

ซึ่งตัวแทนผู้ปกครองของเด็กนักเรียนศูนย์การศึกษาพิเศษ จังหวัดจันทบุรีที่ได้รับพระราชทานทุนฯ ได้กล่าวคำสำนึกในพระกรุณาธิคุณ และสัญญาว่าจะนำทุนที่ได้รับในครั้งนี้ ไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างคุ้มค่าที่สูงสุดเพื่อให้ผู้พิการได้รับการพัฒนาตามศักยภาพของตนเองตามพระประสงค์ของทูลกระหม่อมฯและวัตถุประสงค์ของมูลนิธิคุณพุ่มต่อไป

โอกาสนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีได้เยี่ยมชมสถานที่จัดการเรียนการสอนเตรียมพร้อมหากสถานการณ์โควิด คลี่คลายจะได้พร้อมกลับมาสอนเด็กได้ตามปกติ 


ภาพ/ข่าว จรัล บรรยงคเสนา จ.จันทบุรี / พรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

‘คุณสมบัติ’ ประธานกลุ่ม อินเตอร์ลิ้งค์ฯ จัดสัมมนา PoE "Power Over Ethernet" พร้อมทีมวิทยากรชั้นนำมาเจาะลึกเทคโนโลยี PoE

คุณสมบัติ อนันตรัมพร ประธาน กลุ่ม อินเตอร์ลิ้งค์ฯ จัดงานสัมมนา PoE "Power Over Ethernet" เทคโนโลยีการส่งไฟฟ้าในสายสัญญาณสำหรับงานภายในอาคารและภายนอกอาคาร

พร้อมนำทีมวิทยากรชั้นนำมาเจาะลึกเทคโนโลยี PoE ที่จะเข้ามาช่วยให้การเชื่อมต่อระบบของลูกค้าเป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้น โดยงานสัมมนาครั้งนี้ได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้ากลุ่มผู้บริหารไอที จากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนทั่วประเทศกว่า 350 คน

???? LIVE จากสนง.ใหญ่ อินเตอร์ลิ้งค์ กรุงเทพฯ

ก.อุตฯ ร่วมกับผู้ประกอบการญี่ปุ่น มอบวัสดุอุปกรณ์ใช้ป้องกันและรักษาโรคโควิด-19 มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท ส่งต่อ รพ.สนามพื้นที่ 7 จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด

ผู้ประกอบการในจังหวัดชิมาเนะ ของประเทศญี่ปุ่น มอบวัสดุอุปกรณ์ใช้ป้องกันและรักษาโรคโควิด-19 มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท ให้กระทรวงอุตสาหกรรม ส่งมอบให้โรงพยาบาลสนามพื้นที่สีแดงเข้ม ผ่านสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด (สอจ.)

นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวภายหลังเป็นประธาน ในกิจกรรมรับมอบวัสดุอุปกรณ์ป้องกันและรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จากบริษัท ฮิโรเสะ โปรดักส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ว่า จากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ในประเทศ ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมากและอุปกรณ์ทางการแพทย์ไม่เพียงพอ

ทางบริษัท ฮิโรเสะฯ ได้ห่วงใยคนไทยจึงให้การสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ในการป้องกันและรักษาโรคฯ จำนวน 5 รายการ ประกอบด้วย เครื่องผลิตออกซิเจน ขนาด 5 ลิตร จำนวน 18 เครื่อง หน้ากากอนามัย N95 จำนวน 8,634 ชิ้น ชุดป้องกันส่วนบุคคล หรือ PPE สำหรับบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน จำนวน 2,050 ชุด ถุงหุ้มรองเท้า จำนวน 1,800 คู่  หมวกคลุมผม จำนวน 3,600 ชิ้น รวมมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท มอบให้กระทรวงอุตสาหกรรมนำไปส่งต่อให้แก่โรงพยาบาลสนามในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม ฉะเชิงเทรา สมุทรสาคร ชลบุรี โดยให้สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด (สอจ.) ในพื้นที่นั้น ๆ เป็นผู้ประสานงานและส่งมอบ และได้ปล่อยขบวนรถ เพื่อส่งต่อวัสดุอุปกรณ์ฯ โดยเร็ว โดยเฉพาะเครื่องผลิตออกซิเจนที่มีความจำเป็นต่อผู้ป่วยอาการหนัก และในปัจจุบันเครื่องดังกล่าวมีไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้ป่วย

“นอกจากนี้ ผมได้อนุมัติงบประมาณ 8 แสนบาท เพื่อให้เจ้าหน้าที่กระทรวงฯ ส่วนภูมิภาคจัดซื้อชุดตรวจโควิด (Antigen Test Kit) และชุด PPE สำหรับใช้ปฏิบัติงานเมื่อลงพื้นที่ตรวจประเมินสถานประกอบการ ในฐานะที่กระทรวงฯ เป็นเจ้าภาพหลักในการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 ในโรงงาน ซึ่งขณะนี้มีการติดเชื้อลดลง อย่างต่อเนื่อง และจากคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 14/2564 สั่งการ ณ วันที่ 28 สิงหาคม 2564 ได้มอบหมายให้

ผมเป็น “หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการด้านการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ในส่วนที่เกี่ยวกับการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (Covid-19) ในสถานประกอบกิจการและโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งจะครอบคลุมทั้ง ภาคการค้า การบริการ และการท่องเที่ยว ที่ต่างได้รับผลกระทบจากโควิด

ขณะนี้ กระทรวงฯ ได้ยกร่างคำสั่งฯ แล้วเสร็จ และมีแผนที่จะประชุมคณะกรรมการศูนย์ฯ ในวันที่ 8 กันยายน 2564 โดยจะหารือเพื่อนิยามสถานประกอบกิจการที่ภาครัฐเข้าไปดูแล ซึ่งจะสอดคล้องกับมาตรการผ่อนคลาย และเป้าหมายของภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เดินหน้าต่อจากนี้ธุรกิจอุตสาหกรรมในยุคปกติใหม่ (New Normal) จะต้องดำเนินกิจการไปพร้อมกับมาตรการควบคุมโรค และทุกฝ่ายต้องให้ความร่วมมือปฏิบัติ ไม่ว่าจะรัฐ เอกชน รวมทั้งประชาชน” นายกอบชัย กล่าว

นายมานาบุ เทะสึโมโตะ (Mr. Manabu Tetsumoto) ประธานบริษัท ฮิโรเสะ โปรดักส์ สำนักงานใหญ่ จังหวัดชิมาเนะ ประเทศญี่ปุ่น จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ ตระหนักถึงผลกระทบจากการระบาดของโรค โควิด-19 ต่อคนไทยจึง ให้การสนับสนุนและคาดหวังที่จะช่วยเหลือผู้คนได้เป็นจำนวนมาก แม้ปัจจุบันบริษัทฯ จะมีเพียงฝ่ายขายในไทยก็ตาม ทั้งนี้ก่อนที่โรคโควิด-19 จะระบาด ตลาดสินค้าที่ทำจากไม้ในไทย มีการขยายตัวสร้างผลประกอบการที่ดี เพราะนอกจากเมืองไทยมีร้านอาหารมากมายแล้ว สินค้าของบริษัทฯ ยังตอบสนองนโยบายลดการใช้พลาสติกของรัฐบาลไทย และกระแสผู้บริโภคที่รักษ์สิ่งแวดล้อมมากขึ้น ดังนั้น หลังจากสถานการณ์โรคโควิด-19 คลี่คลายลง บริษัทฯ มีแผนที่จะลงทุนตั้งโรงงานผลิตในไทยในอีก 1- 2 ปีข้างหน้า

ทั้งนี้ บริษัท ฮิโรเสะฯ มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในจังหวัดชิมาเนะ ประกอบธุรกิจจำหน่ายและส่งออกสินค้าทุกชนิดซึ่งทำจากไม้หรือไม้ไผ่ เช่น ไม้เสียบอาหาร/ไอศกรีมแท่ง ช้อนส้อม ตะเกียบ โดยมียอดขายเป็นอันดับ 1 ของญี่ปุ่น และได้มีการขยายการลงทุนในอาเซียน คือ ประเทศเวียดนาม ฟิลิปปินส์ และไทย

ระยอง - สภ.เมืองระยอง เปิดตัวโครงการ “ระยอง สมาร์ท เซฟตี้โซน 4.0”ใช้ระบบกล้อง CCTV และแอพพลิเคชันแจ้งเหตุร้ายได้รวดเร็ว คุมพื้นที่ 4.4 ตารางกิโลเมตร

เมื่อวันที่ 5 ก.ย.2564 ที่ สภ.เมืองระยอง ต.ท่าประดู อ.เมืองระยอง จ.ระยอง พล.ต.ต.มานะ อินพิทักษ์ รอง ผบช.ภ.2 รรท.ผบก.ภ.จว.ระยอง เป็นประธานเปิดตัวโครงการ”สมาร์ เซฟตี้ โซน 4.0(SMART SAFETY ZONE 4.0)สู่นวัตกรรมใหม่ของความปลอดภัย ด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะสุดล้ำ และการร่วมมือภาคประชาชน “เชื่อมั่น อุ่นใจ ปลอดภัย ในชุมชน”  มี พ.ต.อ.พรัชต์ศรุต วัชรธนโยธิน ผกก.สภ.เมืองระยอง และผู้นำชุมชนในเขตรับผิดชอบ สภ.เมืองระยอง เข้าร่วมโครงการ โดยมีการปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ตำรวจ ออกรณรงค์เคาะประตูบ้านประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบอย่างทั่วถึง เพื่อเชิญชวนเข้าร่วมโครงการด้วย

พล.ต.ต.มานะ กล่าวว่า โครงการดังกล่าว เป็นนโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ที่ต้องการลดความหวาดระแวงภัยอาชญากรรมแก่พี่น้องประชาชน และเกิดความเชื่อมั่นต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้นำเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ของความปลอดภัยด้วยระบบกล้อง CCTV แอพพลิเคชั่นที่แจ้งข้อมูลอาชญากรรม เหตุด่วนเหตุร้ายได้รวดเร็วดังกล่าวมาใช้ เพื่อดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยมีสถานีตำรวจนำร่อง 15 แห่ง ซึ่ง สภ.เมืองระยอง เป็น 1ใน 3 แห่ง สังกัดตำรวจภูธรภาค 2 ที่ได้นำโครงการดังกล่าวมาใช้ดูแลครอบคลุมพื้นที่ 4.4 ตารางกิโลเมตร เขตพื้นที่เทศบาลนครระยอง เทศบาลตำบลเนินพระ และเทศบาลตำบลเชิงเนิน ประชากร 8,053 ครัวเรือน ซึ่งการนวัตกรรมดังกล่าว จะประกอบด้วย 1.การใช้ระบบกล้อง CCTV จำนวน 130 ตัว และห้อง ควบคุม CCOC  กล้องวงจรปิดที่ใช้ในงานสืบสวน จราจรและสายตรวจ 24 ชม. / 2.ตู้แดง 4.0 / 3.แอพพลิเคชั่น police I lert u / 4.โครงการฝากบ้านกับตำรวจ 4.0 / 5.ติดตั้งระบบ GPS ในรถสายตรวจ / 6.ระบบแจ้งเอกสารหายออนไลน์ / 7.การสร้าง Line official account ของโครงการ / 8.การใช้ระบบไฟฟ้าโซลาเซล และ 9.เสาไฟฟ้าอัจฉริยะ


ภาพ/ข่าว  วฐิต กลางนอก / ธีรวัฒน์ อินธิพันธ์ รายงาน

ปทุมธานี – บิ๊กแจ็ส ชูสมุนไพรไทย! ทางเลือกเสริมภูมิคุ้มกันสู้โควิด-19

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 6 มิถุนายน 2564 ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ตำบลบ้านฉาง อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี พระมหาขวัญชัย เจ้าอาวาสวัดน้ำตกหรือวัดคีรีวงก์ จ.ชุมพร , นายชูศักดิ์ ศรีราชา รองประธานมูลนิธิตามรอยบาทพระศาสดา , แถลงข่าวเปิดตัวสมุนไทยเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันในยุคไวรัสโควิด-19 ระบาดอยู่ในขณะนี้

โดยมี ดร.สิริภัทร ชมัฒพงษ์ คณบดีแพทย์บูรณาการ มทร.ธัญบุรี , ร.ต.อ.ดร.ตรีลุพธ์ ธูปกระจ่าง นายกเทศมนตรีนครรังสิต , นางดารา นวลสุทธิ์ แพทย์แผนไทย และประชาชนทั่วไปให้ความสนใจเข้าร่วมรับฟังการแถงข่าวสมุนไพรไทยทางเลือก ซึ่งมีส่วนผสมสมุนไพร 5 ชนิด ได้แก่ ฟ้าทลายโจร เหงือกปลาหมอ หนุมานประสานกาย พลูคาว และกระชาย ซึ่งเป็นสูตรรักษาไข้พิษไข้กาฬ ซึ่งยาสมุนไพรไทย 5 ชนิดเป็นตำรับยาวัดคีรีวงก์ เสริมภูมิต้านไข้พิษไข้กาฬ ใช้รับประทานในระหว่างที่มีโรคระบาด ใน 1 แคปซูล ประกอบด้วย ฟ้าทลายโจร 44 มิลลิกรัม , เหงือปลาหมอ 89 มิลลิกรัม , หนุมานประสานกาย 89 มิลลิกรัม , พลูคาว 89 มิลลิกลัม และกระชาย 89 มิลลิกรัม หากยังไม่ติดเชื้อให้รับประทานครั้งละ 2 แคปซูลต่อสัปดาห์ หลังอาหารหรือก่อนนอน ส่วนผู้ที่ติดเชื้อแล้ว (โดสละ 28 แคปซูล) ผู้ใหญ่ครั้งละ 2 แคปซูล วันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น หลังอาหาร ต้องรับประทานต่อเนื่อง 7 วัน เพื่อเพิ่มฤทธิ์ยาให้ดื่มน้ำหอมแดงต้ม 1 แก้วต่อ1วัน

พระมหาขวัญชัย เจ้าอาวาสวัดน้ำตกหรือวัดคีรีวงก์ จ.ชุมพร กล่าวว่า อยากให้ญาติโยมทุกท่านเปิดใจรับฟังก่อน ว่าความเป็นมาในการใช้สมุนไพรไทยมีความเป็นมาตั้งแต่อดีต อาตมาได้ทำสมุนไพรแจกให้กับชาวบ้านตั้งแต่ปี พ.ศ.2562 เพื่อให้ทานเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เนื่องจากโรคที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ตามหลักที่คนโบราณได้ใช้สมุนไพรดูแลชาวบ้านมา ซึ่งการใช้ยาสมุนไพรอย่างถูกวิธี เช่น นายก อบจ.ปทุมธานี ได้เอายาสมุนไพรทดลองใช้กับชาวบ้าน นอกจากนี้ยังมีสมุนไพรอีกหลายตำหรับ ซึ่งเป็นผลผลิตจาก แพทย์แผนไทยและพื้นบ้านทั่วประเทศ เพื่อต้องการช่วยเหลือชาวบ้าน แล้วสรุปเมื่อใช้แล้วเห็นผลว่าเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน สูตรยานี้หลวงปู่พัน จันทสิริ อดีตเจ้าอาวาสวัดบรรพตวิสัย จังหวัดชุมพร ท่านเคยได้ใช้ช่วยเหลือสงเคราะห์ชาวบ้านในสมัยเมื่อ 100 ปีที่แล้ว โดยมีสูตรสมุนไพรดังนี้ พลูคาว หนุมานประสานกาย เหงือกปลาหมอ กระชาย และฟ้าทลายโจร ซึ่งสูตรยานี้เป็นของคนไทยทั่วประเทศ ทั้งนี้เป็นหน้าที่ของเราทุกคนทั่วประเทศที่จะต้องร่วมมือร่วมใจกับ เพื่อให้ประเทศไทยของเรากลับมาสงบสุข

ส่วน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี กล่าวว่า ตนเองได้ศึกษาเรื่องยาสมุนไพรมากว่า 30 ปี ที่ผ่านมาเราใช้สมุนไพรรักษาโรคต่าง ๆ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 เราต้องนึกถึงการใช้สมุนไพร ซึ่งศาสตร์ของพระมหาขวัญชัย อัคคชโย วัดคีรีวงก์ จังหวัดชุมพร ตนจึงได้ศึกษาดู หากใช้สมุนไพรฟ้าทลายโจรอย่างเดียวตามที่สาธารณสุขจ่ายให้คนไข้โควิด-19 เพียงแต่ชะลออาการ หากมีสมุนไพรตัวอื่นร่วมด้วย เช่น หนุมานประสานกายที่มีสรรพคุณฟอกปอด และสมุนไพรตัวอื่น ๆ ทั้งนี้ยาชุดนี้ไม่ได้คุยว่ารักษาโควิด-19 ได้ เพียงแต่ว่าเป็นการเสริมภูมิในร่างกาย เราได้ทดลองกับคนไข้จำนวน 100 คน ที่ผ่านมาตรวจคัดกรองด้วยแรปบิทแอนติเจนเทส เป็นผลบวกวันละ 40-50 คน เมื่อพบว่าติดเชื้อเราได้ทำประวัติและถ่ายภาพไว้ แล้วรับยาไป แล้วต้องทาน ผ่านไป 5 วันกลับมาตรวจใหม่ ผลออกมาเป็นลบ จะให้เราเข้าใจว่าอย่างไร ตนไม่ได้บอกว่าหายหรือไม่หาย แต่บอกว่าผลเป็นลบ นอกจากนี้ยังได้เอ็กซเรย์ปอดซ้ำพบว่าปอดปกติ นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น

ซึ่งคิดว่าเรามาถูกทางแล้ว เพียงแต่ว่า สาธารณสุขจะยอมรับหรือไม่ หากเปิดใจยอมรับแพทย์สมุนไพร ผู้ใหญ่ในสาธารณสุขก็โตมาจากสมุนไพร ลอกเปิดใจกัน เอาวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์มา รีบวิจัยตรงนี้ด่วน หากพบว่าสมุนไพรมีผลจริงสามารถสร้างภูมิคุ้มกันต่อต้านโควิด-19 ได้จริง สมุนไพรไทยจะเป็นสินค้าส่งออกทำเศรษฐกิจไทยฟื้นฟูขึ้นมาได้ เพราะว่าโควิ-19ได้ระบาดไปทั่วโลก ทั่วโลกก็ต้องคิดถึงสมุนไพรไทย จะเป็นสิ่งที่ทำให้พี่น้องประชาชนเกิดรายได้อย่างดี ที่ผ่านมาผมได้ทดลองภายในจังหวัดปทุมธานี ต่อจากนี้ผมจะแจกยาสมุนไพรตัวนี้ให้พี่น้องชาวปทุมธานีให้ไปทานเสริมภูมิคุ้มกันในร่างกายของพี่น้องชาวปทุมธานี ตนเองจะพาพี่น้องชาวปทุมธานีให้รอดจากสงครามไวรัสครั้งนี้ไปได้ด้วยความปลอดภัย

ทางด้าน นายเอกภพ คงมีสุข อายุ 52 ปี ชาวปทุมธานี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 13 ที่ผ่านมาพบว่าตนเองมีอาการไม่สบาย จึงได้เดินทางมาตรวจคัดกรองด้วยแรปบิทแอนติเจสเทสที่ อบจ.ปทุมธานี ผลตรวจออกมาเป็นบวก ทางอบจ.ให้ยาสมุนไพรมาทาน ผมก็ทานตามที่ฉลากแนะนำ ขณะที่ป่วยมีอาการลิ้นไม่รู้รส จมูกไม่ได้กลิ่นเลย จนอาการดีขึ้นก็คือกินข้าวแล้วรู้สึกถึงรสชาต ได้กลิ่มหมอของน้ำแกง จากนั้นวันที่ 19 ผมเข้ามาตรวจที่ อบจ.พบว่าผลออกมาเป็นลบ


ภาพ/ข่าว  สหรัฐ แก้วตา รายงาน

สระบุรี - รมช.เกษตรฯ ลงพื้นที่จังหวัดสระบุรี ส่งมอบวัคซีนป้องกันโรคลัมปีสกินจำนวน 2 หมื่นโดส ให้สหกรณ์ผู้เลี้ยงโคนม หยุดการแพร่ระบาดโรคลัมปีสกินในโคนมแบบยั่งยืนต่อไป

นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะลงพื้นที่ จังหวัดสระบุรี เพื่อส่งมอบวัคซีนป้องกันไวรัสลัมปีสกิน(Lumpy Skin Disease) ให้กับประธานชุมนุมสหกรณ์โคนมไทย-เดนมาร์ค เพื่อจัดสรรให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมที่อยู่ในพื้นที่ส่งเสริมของ อ.ส.ค. โดยมีนายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ นายชาญชัย จุลโลบล ปศุสัตว์จังหวัดสระบุรีและนายสุรักษ์ นามตะ ประธานกรรมการชุมนุมสหกรณ์นมไทย-เดนมาร์ค จำกัด นายสุชาติ จริยาเลิศศักดิ์รองผู้อำนวยการ ทำการแทนผู้อำนวยการ อ.ส.ค. ผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่จังหวัดสระบุรี ตลอดจนเกษตรกรและผู้นำภาคประชาชนเข้าร่วมงานและให้การต้อนรับ ที่ศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการเลี้ยงโคนม ฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี

โดยนางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  ได้กล่าวภายหลังเป็นประธานพิธีส่งมอบวัคซีนป้องกันโรคลัมปี สกิน (Lumpy Skin Disease) ว่าตามที่ประเทศไทยได้พบการระบาดของโรคลัมปีสกิน ในโค กระบือ เมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคม 2564 ซึ่งเป็นโรคที่เกิดเฉพาะในโค กระบือ ไม่เป็นโรคที่ติดต่อจากสัตว์สู่คนการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคในกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมที่ผ่านมาได้มีการมอบเวชภัณฑ์ยาฆ่าแมลงพร้อมถังฉีดพ่นให้กับสหกรณ์นมไทย-เดนมาร์คในเขตพื้นที่ภาคกลางจำนวน 16 สหกรณ์ ดังนั้นเพื่อให้การป้องกันโรคที่รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และเพื่อความยั่งยืนในการควบคุมโรค จึงได้จัดหาวัคซีนป้องกันโรคลัมปีสกิน ให้กับชุมนุมสหกรณ์นมไทย-เดนมาร์ค จำกัด เพื่อนำไปจัดสรรให้กับสหกรณ์ผู้เลี้ยงโคนมที่อยู่ในพื้นที่ส่งเสริมของ อ.ส.ค. อย่างทั่วถึงในครั้งนี้จำนวน 20,000 โดส ในการนำไปฉีดสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่โคนมและหยุดการแพร่ระบาดโรคลัมปีสกินในโคนมแบบยั่งยืนต่อไป

รมช.มนัญญาฯ กล่าวด้วยว่า "ตนในฐานะผู้ดูแลกำกับ อ.ส.ค. มีความห่วงใยต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคล้มปีสกินในฟาร์มโคนมของเกษตรกรอย่างมาก ที่ผ่านมาได้กำชับให้ อ.ส.ค. และเกี่ยวข้องเข้มงวด กวดขันและจัดส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่อเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดในการป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคลัมปีสกินในพื้นที่การเลี้ยงโคนมทั้งภายใต้การดูแลของ อ. ส. ค.และฟาร์มทั่วไป เพื่อไม่ให้เกษตรกรมีความเดือดร้อนและได้รับความเสียหายจากสัตว์ที่ส้มตาย ล่าสุดมติคณะรัฐมนตรีก็ได้อนุมติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 64 งบฯกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อควบคุมโรคลัมปีสกิน ในโค-กระบือ วงเงินงบประมาณจำนวน684,218,000 บาท ทราบว่ากรมปศุสัตว์ได้นำเข้าวัคซีนลัมปีสกิน ระหว่างเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2564 แล้ว รวม 360,000 โดส และเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2564 อีกจำนวน 137,000 โดส จากแผนที่เตรียมจัดสรรทั้งหมด 5 ล้านโดส ซึ่งหากวัคซีนได้รับการจัดสรรไปยังเกษตรกร และสหกรณ์ฯ อย่างทั่วถึงก็จะช่วยให้การแพร่ระบาดค่อยๆ ลดลงอย่างแน่นอน ทุกวันนี้ประชาชนมีความเดือดร้อนจากปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (COVID-19) อยู่แล้ว กระทรวงเกษตรฯไม่อยากให้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคลัมปีสกินในโคนมเข้ามาซ้ำเติมความเดือดร้อนของเกษตรกรซ้ำเข้าไปอีก การส่งมอบวัคซีคจำนวน 2 หมื่นโดส ในวันนี้จึงถือเป็นการส่งมอบกำลังใจให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมและหยุดการแพร่ระบาดโรคลัมปีสกิน ในโคนม

ขอนแก่น - "ทม.ศิลา" มอบถุงยังชีพให้ครอบครัวผู้ติดโควิด-19 เพื่อใช้ชีวิตกลับเป็นปกติในสังคมต่อไป

รองนายกฯ พร้อมประธานสภาฯ ทม.ศิลา พร้อมด้วยผญบ.อสม.บ้านหนองกุง ร่วมมอบถุงยังชีพให้ครอบครัวผู้ติดเชื้อโควิด ที่ได้รับการรักษาหายป่วยแล้วพร้อมใช้ชีวิตปกติในสังคมต่อไป

เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2564 นายกรวิทย์ ติวเฮือง รองนายกเทศมนตรีเมืองศิลา ,นายสุริยนต์ ติวเฮือง ประธานสภาเทศบาลเมืองศิลา พร้อมด้วยผญบ.,อสม.บ้านหนองกุง ม.2  ม.17 ลงพื้นที่ เยี่ยมและมอบถุงยังชีพ ข้าวสารอาหารแห้งให้ครอบครัวผู้ติดเชื้อโควิด -19 ที่ได้รับการรักษาหายป่วยแล้ว พร้อมใช้ชีวิตปกติในสังคมต่อไป โดยมีผู้ที่ได้รับผลกระทบจากคนในครอบครัวที่ติดเชื้อโควิค -19 ที่ได้ทำการรักษาจนหายดี แล้วมารับมอบ

นายกรวิทย์ ติวเฮือง รองนายกเทศมนตรีเมืองศิลา กล่าวว่าจากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชนทุกช่วงวัย โดยต้องปรับตัวต่อมาตรการต่าง ๆ ในการป้องกันตนเองและการใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท ขณะที่ยังมีประชาชนกลุ่มเปราะบางหลายพื้นที่ที่ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ และมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย โดยเฉพาะในพื้นที่ ต.ศิลา ซึ่งในการลงพื้นที่ในวันนี้จึงเป็นการติดตามและให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ประชาชนกลุ่มเปราะบาง และครอบครัวผู้ติดเชื้อโควิด - 19 ที่ได้รับการรักษาหายป่วยแล้วให้พร้อมใช้ชีวิตปกติในสังคม ต่อไป อย่างไรก็ตาม ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนทุกคน ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด ไม่ประมาท โดยสวมหน้ากากอนามัยและหมั่นล้างมือเป็นประจำ เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 หากทุกคนร่วมมือกัน มั่นใจว่าจะผ่านวิกฤตินี้ไปได้แน่นอน

ศรีสะเกษ!แถลงข่าวผลการจับกุม ‘เครือข่ายยาเสพติด’ พบยาบ้า 243,045 เม็ด ยึดทรัพย์มูลค่าประมาณ 19,928,070 บาท

เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2564 ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ นายวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ  นายสำรวย เกษกุล  รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ พล.ต.ต. สันติ เหล่าประทาย   ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ  พันเอก ณัฐพงศ์ จินดาเวช  รองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดศรีสะเกษ  และคณะ   ได้ร่วมก้นแถลงข่าวผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ ภายใต้ยุทธการ พิฆาตทรชน คนค้ายา อีสานใต้ และ ยุทธการ 238 พิทักษ์นครลำดวน  ในห้วงระหว่างวันที่  19 กรกฎาคม 2564 ถึงวันที่ 4 กันยายน 3564    

โดยมีนายนพ พงศ์ผลาดิสัย  ปลัดจังหวัดศรีสะเกษ  / นายทนงค์ วีระแสงพงศ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดศรีษะเกษ / นายวิชัย เลิศภัทรนันท์ แรงงานจังหวัดศรีสะเกษ / ว่าที่ รต.สิทบบัดถ์ สิทธิบัวครี ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดศรีสะเกษ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด เจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครองจังหวัดศรีสะเกษ และสื่อมวลชนจังหวัดศรีสะเกษ เข้าร่วมรับฟังการแถลงผลการจับกุม

โดยมีผลการจับกุมรวมทั้งสิ้น 885 คดี ได้ผู้ต้องหา 913 คน ของกลาง ยาบ้า 243,045 เม็ด /กัญชาสด 57 ต้น 2,069 กรัม  ไอซ์ 481.56 กรัม กระท่อม 3,754 กรัม และอาวุธปืน 51 กระบอก  ตรวจยึดทรัพย์ตาม พ.ร.บ.มาตรการฯจำนวน 23 รายการ รวมมูลค่าประมาณ 19,928,070 บาท  ทั้งนี้เพื่อเป็นข้อมูลในการดำเนินการปราบปราม จับกุม ทำลายเครือข่ายผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และเพื่อลดปัญหายาเสพติดให้สังคมมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติดและปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดศรีละเกษ ต่อไป

นายวัฒนา พุฒิชาติ  ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ  กล่าวว่า   ตามนโยบายรัฐบาลโดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งมีมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 ได้กำหนดให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ที่ต้องดำเนินการอย่างจริงจังทั้งระบบ โดยเร่งรัดการแก้ไขปัญหายาเสพติด ให้ความสำคัญกับกระบวนการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด รวมถึงการร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ปราบปรามแหล่งผลิตและเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด ทั้งพื้นที่แนวชายแดนและพื้นที่ตอนใน โดยให้เป็นการแก้ไขปัญหาภายในของประเทศด้วยกฎหมายไทยและหลักสากล ซึ่งจังหวัดศรีสะเกษได้กำหนดให้วาระที่ 2 ของ 10 วาระเร่งด่วนในการพัฒนาจังหวัด เป็นเรื่องการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด  

พล.ต.ต. สันติ เหล่าประทาย   ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า  ตร.ภาค 3 จึงขอความร่วมมือมายังพี่น้องประชาชน ให้ความร่วมมือแจ้งเบาะแสข้อมูล ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดทั้งผู้เสพ ผู้ค้า โดยแจ้งข้อมูลผ่าน สายด่วนยาเสพติด 1594 , สายด่วน 191, Application Police I lert U และ เบอร์สายด่วน 1386 ป.ป.ส. กระทรวงยุติธรรม (https://www.oncb.go.th/) ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดศรีสะเกษ สายด่วน 1567 ทั้งนี้เพื่อเป็นข้อมูลในการดำเนินการปราบปราม จับกุม ทำลายเครือข่ายผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด เพื่อลดปัญหายาเสพติดให้สังคมมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด และปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดต่อไป


ภาพ/ข่าว  บุญทัน ธุศรีวรรณ ศรีสะเกษ

สงขลา - ม.อ. ลงนาม ศอ.บต. หนุนนักเรียนจังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าเรียนคณะทรัพย์ฯ พร้อมสร้างเกษตรกรยุคใหม่

มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดย คณะทรัพยากรธรรมชาติ ร่วมกับ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “โครงการพิเศษรับนักเรียนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าศึกษา ณ คณะทรัพยากรธรรมชาติ” โดยมี ผศ. ดร.นิวัติ แก้วประดับ อธิการบดี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ นายชนธัญ แสงพุ่ม รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ ผศ. ทวีศักดิ์ นิยมบัณฑิต รักษาการแทนคณบดีคณะทรัพยากรธรรมชาติ ร่วมลงนาม ณ ห้องประชุม 260 อาคาร 2 ชั้น 2 คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ เมื่อวันที่ 3 ก.ย. 64

​ผศ. ทวีศักดิ์ นิยมบัณฑิต รักษาการแทนคณบดีคณะทรัพยากรธรรมชาติ กล่าวว่า การลงนามในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการเข้าศึกษาในระดับปริญญาตรี ณ คณะทรัพยากรธรรมชาติ ม.อ. แก่นักเรียนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 และนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 6 ควบคู่ศาสนา ที่เป็นต้นแบบดีเด่นด้านการเกษตร จากโครงการสนองแนวพระราชดำริฯ “ครัวโรงเรียนสู่ครัวบ้าน” ของ ศอ.บต. ซึ่งเป็นนักเรียนที่ผ่านการคัดเลือกในระดับจังหวัด และเข้ารับรางวัล จากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

​ผศ. ดร.นิวัติ แก้วประดับ กล่าวว่า ภารกิจการสร้างคนที่มีคุณภาพเป็นหนึ่งใน 3 ภารกิจหลักของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ นั่นคือ การสร้างคนที่มีคุณภาพ สร้างความรู้และนวัตกรรมเพื่อใช้ในการพัฒนาพื้นที่ภาคใต้และประเทศ และการสร้างความเป็นนานาชาติให้เกิดขึ้นในประเทศซึ่งเป็นด่านหน้าของอาเซียน การพัฒนากำลังคนจึงเป็นสิ่งสำคัญไม่ใช่แค่ในพื้นที่ แต่รวมถึงประเทศในภูมิภาคอาเซียน

นักเรียนที่จะเข้ามาศึกษาที่คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ภายใต้โครงการพิเศษรับนักเรียนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าศึกษา ณ คณะทรัพยากรธรรมชาติ ถือเป็นเกษตรกรยุคใหม่ ใช้ความรู้ความสามารถที่หลากหลายโดยใช้ดิจิทัลเป็นพื้นฐาน สาขาวิชาของคณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มีชื่อเสียงระดับต้นๆ ของประเทศ ขอให้นักเรียนที่จะเข้ามาศึกษาเชื่อมั่นในคุณภาพและโอกาสที่จะได้รับในวันข้างหน้า โดยเฉพาะความรู้เชิงปฎิบัติที่จะสอนให้นักศึกษาทำงานเป็น ทำงานได้ รู้จักรับผิดชอบต่อสังคมและครอบครัว เพื่อจะออกไปเป็นกำลังสำคัญของประเทศต่อไป

พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร กล่าวว่า มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และ ศอ.บต. ทำงานร่วมกันมากมาย โครงการนี้ถือเป็นหนึ่งโครงการนำร่องของภาคใต้ และมีความสำคัญ ภายใต้โครงการสนองแนวพระราชดำริฯ “ครัวโรงเรียนสู่ครัวบ้าน” ของ ศอ.บต. นักเรียนที่เข้าร่วมโครงการเป็นเยาวชนที่มีศักยภาพและรักการเกษตร เราจะผลักดันเยาวชนเหล่านี้ให้เข้าสู่มหาวิทยาลัยที่ศึกษาด้านการเกษตรโดยเฉพาะ เพื่อกลับไปพัฒนาบ้านเกิด เป็นเกษตรกรต้นแบบ และเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงของเกษตรยุคใหม่ ทำให้สังคมเห็นว่าอาชีพการเกษตรเป็นอาชีพที่มั่นคงอาชีพหนึ่ง เชื่อมั่นว่ามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์จะสามารถบ่มเพาะ พัฒนาศักยภาพของเยาวชนเหล่านี้ให้มีศักยภาพต่อไป

สุรินทร์ - บริษัท น้ำตาลสุรินทร์ จำกัด ร่วมทำดีกับโครงการ “แยกขวดช่วยหมอ” เพื่อผลิตชุด PPE สู้โควิด-19

เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2564 ที่ คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล นายพัฒน์  เสถียรถิระกุล และนางสาววัชรนันท์  พิริยพูล ผู้บริหารรุ่นใหม่จาก KI Sugar Group (บริษัท น้ำตาลสุรินทร์ จำกัด) ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์สู้วิกฤตโควิด-19 ด้วยการมอบขวด PET จำนวน 130 กิโลกรัม ให้กับ PTT GC (YOUเทิร์น) และสนับสนุนทุน 100,000 บาท ให้กับมูลนิธิทันตแพทยศาสตร์มหิดล

โดยมี ศ.คลินิกเกียรติคุณ ทพ.นิติพันธ์  จีระแพทย์ นายกสมาคมศิษย์เก่าทันตแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล และคณะเป็นผู้รับมอบ เพื่อรวบรวมขวด PET นำไปผลิตเป็นชุด PPE ใช้สนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ให้สามารถทำงานได้อย่างปลอดภัย ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 และนำไปบริจาคในพื้นที่ที่ขาดแคลนต่อไป  “โครงการแยกขวดช่วยหมอ” เป็นภารกิจระดมขวด PET เพื่อนำไปผลิตเป็นชุดป้องกันส่วนบุคคล (PPE) ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ดำเนินการโดย YOUเทิร์น by PTT GC นำขวด PET ไปแปรรูปเป็นเส้นใย ถักทอเป็นผืนผ้าแล้วเคลือบสะท้อนน้ำ และมูลนิธิทันตแพทยศาสตร์มหิดล จัดสรรทุนในการตัดเย็บเป็นชุด PPE สำเร็จรูป ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ 


ภาพ/ข่าว  ปุรุศักดิ์ แสนกล้า 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top