Tuesday, 6 May 2025
THE STATES TIMES TEAM

นราธิวาส - สุไหงโก-ลก ออกกฎเหล็ก! ไม่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ห้ามเข้าโดยเด็ดขาด

นายรุ่งเรือง ธิมาบุตร นายอำเภอสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ในฐานะ ผอ.ศบค.อ.สุไหงโก-ลก มีมติออกมาตรการให้ผู้ที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก ต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 มาอย่างน้อย 1 เข็ม จากแอปพลิเคชั่นหมอพร้อม หรือ ไลน์หมอพร้อมมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจ ยกเว้นกรณีเร่งด่วนด้านการแพทย์ หรือ มีเหตุจำเป็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และหากตรวจสอบพบว่ายังไม่ได้ฉีดวัคซีนจะไม่อนุญาตให้เข้ามาในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก อย่างเด็ดขาด โดยเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 27 ต.ค. 64 เป็นต้นไป

จากการตระเวนตรวจสอบที่จุดตรวจจุดสกัด 3 แห่ง ที่มุ่งหน้าจาก อ.ตากใบ สู่เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก คือ จุดตรวจจุดสกัดบ้านน้ำตก และเส้นทางที่มุ่งหน้าจาก อ.แว้ง สู่เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก คือ จุดตรวจจุดสกัดบ้านบือเร็ง รวมทั้งเส้นทางที่มุ่งหน้าจาก อ.สุไหงปาดี สู่เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก คือ จุดตรวจจุดสกัดบุณยลาภนฤมิตร มีเจ้าหน้าที่ อส.ประจำที่ว่าการ อ.สุไหงโก-ลก เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สุไหงโก-ลก และเจ้าหน้าที่ไทยอาสาป้องกันชาติ หรือ ทสปช. แยกย้ายกันตรวจสอบประชาชนที่ขับยานพาหนะทุกชนิดผ่านจุดตรวจ ด้วยการขอตรวจสอบหลักฐานการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 จากแอปพลิเคชั้นหมอพร้อม หรือ ไลน์หมดพร้อม มายื่นยันต่อเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจ ว่าผ่านการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 มาแล้ว และมีประชาชนบางส่วนที่ยังไม่เคยผ่านการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เจ้าหน้าที่จะไม่อนุญาตให้เข้าพื้นที่เขตเทศบาลโดยเด็ดขาด แต่หากต้องการเข้ามีกิจธุระจำเป็น เจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้รอที่จุดตรวจจุดสกัด เพื่อประสานเจ้าหน้าที่สาธารณสุข อ.สุไหงโก-ลก นำวัคซีนป้องกันโควิด-19 มาบริการฉีดให้ถึงที่ แต่ทุกคนให้การปฏิเสธขอกลับภูมิลำเนา เพื่อไปฉีดวัคซีนตามโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลแต่ละแห่ง ซึ่งมีบริการออกหน่วยฉีดให้กับประชาชนทุกวัน

นอกจากนี้แล้ว ณ อาคารรื่นอรุณ เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ยังมีมาตรการเตรียมความพร้อมที่จะเปิดด่านพรมแดน 2 แห่ง คือ ด่านพรมแดน อ.ตากใบ ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับด่านพรมแดนเป็งกาลังกูโบ และด่านพรมแดนบูเก๊ะตา อ.แว้ง ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับด่านพรมแดนบูกิตบุหงา ประเทศมาเลเซีย ไปมาหาสู่กันในวันที่ 1 พ.ย. 64 ที่จะถึงนี้ เนื่องจากนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจส่วนใหญ่ จะมุ่งหน้ามาใช้บริการตามสถานประกอบการต่าง ๆ ในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก อาทิ ร้านอาหาร ตลาดสด แผงลอย สถานีขนส่งรถประจำทาง และสถานประกอบการโรงแรมต่าง ๆ ที่อาจจะสุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อและการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทางโรงพยาบาลสุไหงโก-ลก ได้ขอความร่วมมือจากเจ้าของกิจการและผู้ประกอบการต่างๆข้างต้นทุกแห่ง มาทำการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วยชุดตรวจ ATK หรือ ANTIGEN TEST KIT หากพบว่ามีผลเป็นบวก แพทย์จะประเมินอาการและให้ยาต้านเชื้อไวรัสมากินที่บ้านเป็นเวลา 5 วัน พร้อมทั้งจะมีการติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง และเมื่อผล RT – PCR ออกมาแล้ว จะประสานให้ไปพบแพทย์อีกครั้งที่คลีนิค ARI ของโรงพยาบาล

ลำปาง - มทบ.32 ร่วมลงนาม MOU แก้ไขปัญหาความยากจนแบบเบ็ดเสร็จ และแม่นยำ ในพื้นที่ลำปาง

วันที่ 26 ตุลาคม 2564 เวลา 14.00 น.พลตรีอโณทัย ชัยมงคล ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการ "การพัฒนาระบบสนับสนุนการทำงานเชิงพื้นที่ เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำพื้นที่จังหวัดลำปาง"  โดยมีนายสิธิชัย จินดาหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เป็นประธานในพิธีฯ พร้อมด้วย รศ.ดร.กิตติศักดิ์ สมุทธารักษ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง และผู้แทน 23 หน่วยงานในพื้นที่จังหวัดลำปาง ร่วมพิธีฯ ณ ห้องประชุมโอฬารรมย์ ชั้น 1 อาคารโอฬาร โรจน์หิรัญ มหาวิทยาลัยราชภัฎลำปาง

อินเตอร์ลิ้งค์ฯ พลิกโฉม!! ‘คุณสมบัติ อนันตรัมพร’ ประธาน บมจ. จัดงานการแข่งขันสุดยอดทักษะสายสัญญาณ และเน็ตเวิร์ค ปีที่ 9 ชิงถ้วยพระราชทาน และเงินรางวัลรวมกว่า 400,000 บาท

‘คุณสมบัติ อนันตรัมพร’ ประธาน บมจ. อินเตอร์ลิ้งค์ฯ จัดงาน Cabling & Networking Contest #9 (การแข่งขันสุดยอดทักษะสายสัญญาณและเน็ตเวิร์ค ปีที่ 9) รอบคัดเลือกภาคเหนือรูปแบบ Fully Online ผ่านระบบ Zoom

โดยมี ‘คุณประจญ ปรัชญ์สกุล’ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ให้เกียรติกล่าวเปิดงาน

โดยการสัมมนาช่วงเช้าได้รับการตอบรับอย่างดีจากนิสิต นักศึกษากว่า 600 คน และช่วงบ่ายที่แข่งขันออนไลน์พร้อมกันกว่า 30 คน เพื่อคัดตัวแทน 10 คนไปรอบชิงชนะเลิศ

 

ปทุมธานี - “บ๊กแจ๊ส” เร่งให้การช่วยเหลือ หลังเกิดเพลิงไหม้โรงงานโฟมนวนคร เสียหายไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2564 เวลา 16:15 น. พ.ต.ท.ยศวัฒน์ นิติรัฐพัฒนคุณ สว.สอบสวน สภ.คลองหลวง ได้รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้โรงงาน ในนวนคร ที่บริษัทโปลิโฟมไฮเท็คส์ จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 60/94 หมู่ที่19 ภายในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จ.ปทุมธานี ภายหลังรับแจ้งเหตุ จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ และประสานงานไปยังสถานีดับเพลิงเทศบาลเมืองท่าโขลง ,รถดับเพลิงเทศบาลเมืองคลองหลวง และบรรเทาสาธารณภัยในพื้นที่ข้างเคียงกว่า 20 คัน และรุดไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พลตำรวจโท คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกอบจ.ปทุมธานี ,นายนิติชัย วิริยานนท์ นายอำเภอคลองหลวง ,ว่าที่ร้อยตรีพิชญะ เพียราช ปลัดอำเภอคลองหลวง .พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ มิตรปราสาท ผกก.สภ.คลองหลวง, พ.ต.ท.เสกสรรค์ บัวเรือง รอง ผกก.ป.สภ.คลองหลวง ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง หน่วยกู้ชีพเทศบาลเมืองท่าโขลง เร่งให้การช่วยเหลือ ในที่เกิดเหตุเป็นภาพมุมสูง บริเวณพื้นที่เกิดเพลิงไหม้นั้น เป็นโรงงานประกอบกิจการค้า และผลิตโฟม ,เม็ดพลาสติก .พลาสติกบรรจุภัณฑ์ และฉนวนกันความร้อน ในเนื้อที่ 3 ไร่ โดยมีพนักงานทำงานอยู่จำนวน กว่า 50 คน

โดยเจ้าหน้าที่พบแสงเพลิง และกลุ่มควันสีดำขนาดใหญ่ ที่พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า สามารถมองเห็นได้จากระยะไกลกว่า 10 กิโลเมตร ทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ต้องเร่งระดมฉีดน้ำกันจ้าระหวั่น เพื่อเร่งสกัดเพลิง เพื่อไม่ให้ลุกลามโรงงานข้างเคียง แต่เชื้อเพลิงเป็นโฟมและแกนกระดาษจำนวนมาก ทำให้เพลิงลุกไหม้อย่างรวดเร็ว และป้องกันไม่ให้เพลิงลุกไหม้ ไปยังโกดังเก็บสินค้าที่อยู่ด้านใต้ โดยรถดับเพลิงต้องเร่งช่วยกันฉีดน้ำ สกัดเพลิงกระทั่งล่าสุดเวลา 17.30 น.เจ้าหน้าที่ จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ และอยูในวงจำกัด ในเบื้องต้นไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด เบื้องต้นคาดว่า ค่าเสียหายไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท

 

‘มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง’ ห่วงใยผู้ประสบภัยน้ำท่วม! จัดทีมลงพื้นที่แจกจ่ายถุงยังชีพ บรรเทาทุกข์ชาวอยุธยา - อ่างทอง กาญจนบุรี - สุพรรณบุรี และสิงห์บุรี

ระหว่างวันที่ 26 - 29 ตุลาคม 2564 นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ มอบหมายให้ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำโดย นายพินัย ศรีพนาสณฑ์ ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ จัดทีมลงพื้นที่แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำปลา และน้ำมันพืช ยาทากันยุง และยาทาน้ำกัดเท้า แก่ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อ่างทอง กาญจนบุรี สุพรรณบุรี และสิงห์บุรี รวม 5 จังหวัด รวม 2,800 ชุด  คิดเป็นมูลค่า 980,000 บาท (เก้าแสนแปดหมื่นบาทถ้วน) โดยมี สมาคม/มูลนิธิฯ แต่ละจังหวัดเป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี

โดยในวันนี้ (วันที่ 27 ตุลาคม 2564) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ ผู้ช่วยหัวหน้าแผนกสังคมสงเคราะห์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ และอาสาสมัคร ลงพื้นที่จังหวัดนำเครื่องอุปโภคบริโภคแจกจ่ายแก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี จำนวน 500 ชุด ณ เทศบาลตำบลหนองรี อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี โดยมี มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี

และในวันพรุ่งนี้ (วันที่ 28 ตุลาคม 64) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง กำหนดลงพื้นที่แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค จำนวน 600 ชุด แก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมจังหวัดสุพรรณบุรี โดยมีมูลนิธิร่วมบุญสุพรรณบุรี ร่วมกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี

 

ตำรวจ PCT จับกุม! ‘แก๊ง Romance Scam’ หลอกลงทุนผ่านแอปฯ Thai dairy เสียหายกว่า 20 ล้านบาท!!

วันนี้ (27 ต.ค.64) เวลา 10.30 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) หรือ PCT พร้อมด้วย พล.ต.ท.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ฯ, พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ฯ, พ.ต.อ.ชูศักดิ์ ขนาดนิด รอง ผบ.กต.8 จต./ หัวหน้าชุดวิเคราะห์ PCT ร่วมกันแถลงผลการจับกุมแก๊ง Roman Scam หลอกลงทุนแอปพลิเคชัน Thai dairy ผู้ต้องหา 2 คน ผู้เสียหายกว่า 50 ราย มูลค่าความเสียหายรวม 20 ล้านบาท

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ฯ เปิดเผยว่าผู้เสียหายทั้ง 53 ราย ได้รับข้อความชักชวนร่วมลงทุนทำธุรกิจหารายได้เสริมที่บ้าน โดยเป็นลิงค์เข้าแอปพลิเคชันไลน์ Open chat ซึ่งในนั้นจะมีคนร้ายซึ่งเป็นแอดมินชวนให้ร่วมลงทุนต่าง ๆ เช่น การอ่านโฆษณาของแบรนด์สินค้า เช่น Lazada , Alibaba ฯลฯ ผ่านแอปพลิเคชัน Thai dairy และต้องโอนเงินตามแพ็คเกจที่คนร้ายให้มา จากนั้นภายใน 10 นาที จะให้ผลตอบแทนกลับไป 10-20% แล้วแต่แพ็คเกจ

โดยในช่วงแรก ๆ ที่ลงทุนน้อย ๆ จะได้กำไรจริง แต่เมื่อลงเป็นจำนวนมากแล้ว ไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ ซึ่งคนร้ายจะให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารต่าง ๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT สืบสวนจนทราบว่าคนร้ายรับซื้อบัญชีมาจากที่ต่าง ๆ กว่า 127 บัญชี หลายธนาคาร และรวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถออกหมายจับคนร้ายที่เป็นคนกดเงินจากบัญชีต่าง ๆ ได้จำนวน 2 ราย และยังขยายผลจนสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มได้อีก 1 ราย ซึ่งพบว่ามีการกระทำในลักษณะนี้ในแอปพลิเคชันอื่นด้วย

 

 

ตำรวจ PCT จับผู้ต้องหา Hybrid scam หลอกซื้อขายทองคำ มูลค่าความเสียหาย 25 ล้านบาท

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) หรือ PCT พร้อมด้วย พล.ต.ท.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ฯ, พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ฯ ,พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม. ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหา Hybrid Scam เครือข่ายแก็งค์หลอกลงทุนซื้อขายทองคำ จำนวน 12 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 25 ล้านบาท 

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ฯ เปิดเผยว่า มีกลุ่มคนร้ายได้หลอกลวงผู้เสียหายให้ร่วมลงทุนซื้อขายทองคำผ่านแอพพลิเคชั่น MetaTrader5 และแพลทฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ โดยคนร้ายได้ใช้โปรไฟล์เป็นชาวต่างชาติหน้าตาดีมาพูดจาจนผู้เสียหายหลงเชื่อร่วมลงทุนผ่านโบรกเกอร์ปลอม โดยใชเงินลงทุนต่ำและได้รับผลกำไรสูงในระยะเวลาอันสั้น มูลค่าความสียหายรวมกว่า 25 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT ได้สืบสวนจนสามารถจับกุม น.ส.กมลทิพย์ (สงวนนามสกุล) กับพวกรวม 12 ราย ในข้อหา “ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น , ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ” ซึ่งขณะนี้ได้ขยายผลจนสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 11 ราย

ตำรวจ PCT รวบม้ากดเงิน!! แก๊งคอลเซนเตอร์ หลอกลวงสร้างความเสียหายกว่า 13 ล้านบาท

วันที่ 26 ต.ค.64 เวลา 10.30 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) หรือ PCT พร้อมด้วย พล.ต.ท.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ฯ, พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ฯ , พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม. และ พ.ต.อ.สถิตย์ พรหมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม. ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายแก๊ง Call center 5 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 13 ล้านบาท 

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ฯ เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่ามีผู้เสียหายจำนวนมากถูกคนร้ายโทรศัพท์เข้ามาหาผู้เสียหายโดยอ้างว่าเป็นข้าราชการระดับสูง หรือ นายตำรวจระดับสูง และแจ้งว่าผู้เสียหายมีส่วนร่วมกับคดีค้ายาเสพติดและฟอกเงิน ถ้าไม่อยากถูกดำเนินคดีให้โอนเงินมายังบัญชีธนาคารของคนร้าย ซึ่งมีผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินไป  มูลค่าความเสียหายทั้งสิ้นกว่า 14 ล้านบาท จึงได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการเทคนิคและสืบสวนที่ 1  PCT สืบสวนสอบสวนจนพบว่าเครือข่ายแก๊ง Call center แบ่งหน้าที่กันเป็น 5 กลุ่ม ดังนี้

1. คนร้ายระดับสั่งการ จำนวน 2 ราย

2. คนร้ายทำหน้าที่เป็นม้าถอนเงิน จำนวน 2 ราย

3. คนร้ายทำหน้าที่จัดการทางการเงินหรือ โพยก๊วน จำนวน 1 ราย

4. คนร้ายทำหน้าที่จัดหาบัญชีและเปิดบัญชีธนาคาร จำนวน 4 ราย

5. คนร้ายที่ติดต่อหลอกลวงผู้เสียหาย อยู่ระหว่างสืบสวน น่าเชื่อว่าตั้งอยู่ต่างประเทศ

จากนั้นจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานส่งให้ สน.พญาไท ซึ่งเป็นท้องที่เกิดเหตุรับคำร้องทุกข์ ดำเนินการขออนุมัติศาลออกหมายจับคนร้ายมาดำเนินคดี ซึ่งศาลอาญา ได้อนุมัติหมายจับคนร้ายจำนวน 8 ราย จับกุมได้แล้ว 5 ราย ส่วนที่เหลือจะเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีโดยเร็ว จากการตรวจค้นพบ บัตรอิเลกทรอนิกส์ จำนวน 32 ใบ , เครื่องบันทึกข้อมูล Chip Card จำนวน 1 เครื่อง , คอมพิวเตอร์จำนวน 1 เครื่อง โดยผู้ต้องหาแต่ละคนรับว่าตนเองมีหน้าที่ตามคำสั่งของหัวหน้า เช่น ให้ไปถอนเงินจากบัญชี , ให้จัดหาบัญชี , ให้ฝากเงินไปยังบัญชีอื่นๆต่อ โดยผู้ต้องหาจะได้รับส่วนแบ่งจากเงินที่ถอนออกมา 2 – 3 % แล้วแต่หน้าที่ เจ้าหน้าที่ชุดเทคนิคและสืบสวนที่ 1 จึงได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย พร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

‘สำนักงานตำรวจแห่งชาติ’ เตือนภัย!! มิจฉาชีพหลอกชักชวนให้ลงทุนแชร์ลูกโซ่ ออมเงินและปล่อยเงินกู้ ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ สร้างความเสียหาย

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนภัยกรณีที่มีเหล่ามิจฉาชีพหลอกชักชวนให้ลงทุนบนโลกออนไลน์ ในลักษณะตั้งวงแชร์ออนไลน์ กลุ่มออมเงิน และลงทุนปล่อยเงินกู้

เนื่องด้วยการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ประชาชนต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำกิจกรรมหรือธุรกรรมต่าง ๆ โดยหันมาทำผ่านสื่อสังคมออนไลน์หรือแอพพลิเคชั่นมากขึ้น ผนวกกับการที่ประชาชนอยู่บ้านมากขึ้นและมีการหารายได้เสริมกันมากขึ้น จึงมีเหล่ามิจฉาชีพอาศัยช่องว่างดังกล่าวในการกระทำความผิด ด้วยการโฆษณาผ่านช่องทางต่าง ๆ หรือการชักชวน  ทั้งทางสื่อสังคมออนไลน์และการบอกกันปากต่อปากให้มาร่วมลงทุนแชร์ลูกโซ่ ซึ่งมักจะมีข้อเสนอในลักษณะที่ให้ผลตอบแทนสูง ง่าย ไม่ซับซ้อน ยิ่งโอนลงทุนมากยิ่งได้เงินมาก และมุ่งเน้นไปที่การชักชวนให้คนอื่นมาลงทุนต่อ โดยจะมีข้อเสนอพิเศษให้ สำหรับผู้ที่ชวนคนอื่นมาลงทุนเพิ่มได้ ก็จะได้เงินตอบแทน ทำให้มีผู้เสียหายหลงเชื่อเป็นจำนวนมาก

ดังเช่นกรณีปรากฎบนสื่อสังคมออนไลน์ เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 64 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เข้าควบคุมตัวท้าวแชร์ลูกโซ่หญิง วัย 20 ปี ตามหมายจับ หลังถูกแจ้งความดำเนินคดีว่ามีพฤติกรรตั้งวงแชร์ลูกโซ่ จัดตั้งกลุ่มออมเงิน และปล่อยเงินกู้ โดยเสนอผลตอบแทนสูง โดยผู้ต้องหาได้เปิดกลุ่มไลน์และเฟซบุ๊ค พร้อมมีข้อความชักชวนว่า “โอนไวจ่ายจริง” จนมีผู้หลงเชื่อเข้ามาร่วมลงทุนจำนวนมาก มีวงเงินตั้งแต่ 200-1,000,000 บาท มีผู้ร่วมลงทุนทั่วประเทศมากกว่า 1,400 คน รวมมูลค่าความเสียหายมากกว่า 100 ล้านบาท

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยประชาชนและตระหนักถึงพิษภัยจากการหลอกลวงของมิจฉาชีพในลักษณะดังกล่าว ซึ่งเป็นการสร้างความเสียหายซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน จึงได้กำชับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีมาตรการและดำเนินการป้องกันปราบปรามตามขั้นตอนของกฎหมาย และเน้นย้ำว่าจะต้องดำเนินการเอาผิดและกวาดล้างกลุ่มมิจฉาชีพอย่างเด็ดขาด

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล โดยสั่งการไปยังทุกหน่วยงานในสังกัด ให้ทำการสืบสวนสอบสวนปราบปรามจับกุมกลุ่มมิจฉาชีพ เร่งทำการจับกุมบุคคลตามหมายจับ รวมถึงขยายผลไปถึงเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างจริงจังต่อเนื่อง และให้สถานีตำรวจทั่วประเทศอำนวยความสะดวกในการรับแจ้งความจากประชาชน เพื่อให้มีผลการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน

การกระทำลักษณะดังกล่าวนอกจากจะเป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน ยังเข้าข่ายความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน มีโทษจำคุก      ไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และความผิดฐานฉ้อโกง มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในฐานความผิดดังกล่าวเป็นความผิดต่อส่วนตัว ผู้เสียหายจะต้องเข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนในท้องที่ เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด รวมถึงเตรียมหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น หลักฐานการโอนเงิน บันทึกการสนทนา รายการเดินบัญชีธนาคาร เป็นต้น เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการดำเนินคดี

 

‘สำนักเลขานุการในหม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์’ จัดพิธีสวดเจริญพุทธมนต์เนื่องในวันคล้ายวันประสูติ ถวาย "หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์" 88 พรรษา และเสด็จประทานรางวัล "เทพมเหศักดิ์" ประจำปี 2564

วันที่ 26 ตุลาคม 2564 ณ เรือนไทยเพชรไพลิน มหาวิทยาลัยธนบุรี แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม กรุงเทพฯ เวลา 08.30 น. หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ (พระราชปนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ) เสด็จเป็นประธาน กราบอาราธนานิมนต์พระคุณเจ้าสวดเจริญพระพุทธมนต์ เนื่องในวันคล้ายวันประสูติ วันที่ 24 ตุลาคม 2564 (ครบรอบ 88 ชันษา) และทรงกรุณาถวายภัตตาหารเช้าแก่ พระมหาเถรานุเถระ ในการนี้ได้รับเมตตาจาก "พระเดชพระคุณเจ้าประคุณสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ " กรรมการมหาเถรสมาคม,เจ้าอาวาสวัดโสมนัสราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร เป็นองค์ประธานในพิธีฝ่ายสงฆ์ พร้อมด้วย พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระเทพปัญญามุนี เจ้าอาวาสวัดอาวุธวิกสิตาราม / พระราชกิตติมงคล ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสมนัสราชวรวิหาร ตลอดจนพระมหาเถระจำนวน ๙ รูป ร่วมสวดเจริญพระพุทธมนต์ถวาย

หลังจากนั้นเวลา 10.39 น. หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ เสด็จเป็นองค์ประธาน ในพิธีประทานรางวัล ประกาศเกียรติคุณผู้สนับสนุนส่งเสริมการจ้างงานคนพิการ รางวัล "เทพมเหศักดิ์ " ประจำปี 2564 แด่ ผู้ ผู้สนับสนุนส่งเสริมการจ้างงานคนพิการ  ประทานให้เพื่อเป็นขวัญ กำลังใจ และเป็นแรงขับเคลื่อนการดำเนินงานกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับคนพิการ 

จากนั้น "นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล" นายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทย ประธานจัดงานฯ ขอประทานอนุญาต"กราบทูลถวายรายงานวัตถุประสงค์โครงการฯ

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top