Wednesday, 15 May 2024
LITE TEAM

วันนี้ถูกยกให้เป็น ‘วันไทยอาสาป้องกันชาติ’ เป็นวันที่คนไทยรุ่นหลัง จะได้ร่วมรำลึกถึงเกียรติยศและความเด็ดเดี่ยวของ ‘ท้าวสุรนารีและนางสาวบุญเหลือ’ สองวีรสตรีที่ร่วมกันปกป้องอธิปไตยของชาติ ให้พ้นจากการรุกรานของข้าศึกศัตรู

ย้อนกลับไปเมื่อราวปี พ.ศ. 2369 เจ้าอนุวงศ์แห่งนครเวียงจันทน์ ได้ยกกองทัพเข้าแผ่นดินไทย จนมาถึงเมืองนครราชสีมา เจ้าอนุวงศ์สามารถกวาดต้อนผู้คนมาเป็นเชลยขึ้นไปยังเวียงจันทน์มากมาย ซึ่งในจำนวนเชลยนั้น มีคุณหญิงโม และนางสาวบุญเหลือ รวมอยู่ด้วย

ในช่วงเวลาดังกล่าว คุณหญิงโม ร่วมกับ นางสาวบุญเหลือ และหลวงณรงค์สงคราม หัวหน้าชาวเมือง ได้สร้างวีรกรรม ณ ทุ่งสัมฤทธิ์ โดยได้ออกกลอุบายเลี้ยงสุราอาหารแก่ทหารลาว จนเมื่อเมามาย จึงแย่งอาวุธโจมตีเหล่าทหารลาวเป็นการตลบหลัง

ทางด้านนางสาวบุญเหลือ ที่ต้องต่อสู้กับ เพี้ยรามพิชัย ขณะที่กำลังเสียท่าและวิ่งหนี นางสาวบุญเหลือตรงเข้าไปคว้าฟืนในกองไฟ แล้วตัดสินใจวิ่งเข้าไปบริเวณกองเกวียนที่บรรทุกกระสุนดินดำ ชั่ววินาทีที่เพี้ยรามพิชัยจะถึงตัว นางสาวบุญเหลือก็เอาฟืนจุดเข้าไปที่ถุงดินปืน เกิดระเบิดกองใหญ่ ส่งผลให้เพี้ยรามพิชัย และทหารลาวมากมาย รวมทั้งตัวนางสาวบุญเหลือ เสียชีวิตในทันที

เรื่องเล่าแห่งความกล้าหาญและเด็ดเดี่ยวในวีรกรรมของนางสาวบุญเหลือ ถูกถ่ายทอดและอยู่ในความทรงจำของลูกหลานชาวนครราชสีมาตลอดมา ต่อมาทางราชการ จึงได้ถือเอาวันที่ 4 มีนาคมของทุกปี เป็นวันไทยอาสาป้องกันชาติ ทั้งนี้ถือเป็นการร่วมสดุดีคุณหญิงโม นางสาวบุญเหลือ ตลอดจนบรรพชนที่ได้ร่วมกันเสียสละชีวิต ปกป้องแผ่นดินของชาติในอดีต

โดยปัจจุบัน นอกจากอนุสาวรีย์ย่าโม ซึ่งเป็นอนุสาวรีย์ของสามัญชนสตรีคนแรกของประเทศ ที่ตั้งอยู่ที่เมืองโคราชแล้ว ยังมีอนุสรณ์สถานนางสาวบุญเหลือ ที่ตั้งอยู่บริเวณโรงเรียนบุญเหลือวิทยานุสรณ์ อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ด้วยเช่นกัน โดยวันนี้ของทุก ๆ ปี ประชาชนจะมาร่วมกันสักการะ วางพวงมาลา และเปลี่ยนผ้าตะเบงมานตามสีแห่งปี ให้กับเหล่าวีรสตรีผู้กล้า เพื่อเป็นการสดุดีในวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ที่ได้ทำเพื่อชาติบ้านเมือง


ที่มา: https://www.dailynews.co.th/regional/785630, https://th.wikipedia.org/wiki

เปิดไทม์ไลน์ ‘นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี’ ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร จากวันแรกของการติดโควิด -19 สู่วันที่กำลังจะหายเป็นปกติ ได้เวลา #คืนปูสู่สาคร

ในความวุ่นวาย ยุ่งเหยิง ของบ้านเมืองเวลานี้ ใครรักใคร ใครไม่รักใคร ใครรบกับใคร ใครฉี่ใส่ใคร แต่เชื่อเหลือเกินว่า คนไทย #รักและส่งกำลังใจให้ ‘ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร’ อย่างแน่นอน เพราะนับตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2563 ในการแถลงสถานการณ์การระบาดของโควิด -19 ระลอกใหม่ ที่ ต.มหาชัย จ.สมุทรสาคร คนไทยก็ได้ทำความรู้จักกับนายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ในฐานะผู้ว่าฯ สมุทรสาคร ที่เป็นหนึ่งในผู้ร่วมแถลงการณ์ในวันนั้น

แต่ผ่านไปแค่สัปดาห์เดียว จาก ‘ผู้แถลงการณ์’ กลับกลายเป็น ‘ผู้ป่วย’ หลังจากลุยงานหนัก ลงพื้นที่เสี่ยง จนกลายเป็นผู้ติดโรคโควิด -19 เสียเอง และนั่นคือวันแรกที่ผู้คนต่างส่งแรงใจ ให้ ‘ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร’ หายป่วยกลับมาโดยไว แต่เรื่องกลับไม่ง่ายอย่างนั้น ด้วยวัยและร่างกาย ทำให้โควิด – 19 เข้าไปทำร้ายปอด จนทำให้เกิดอาการวิกฤติอยู่หลายครั้งหลายครา

แต่จากวันที่สิ้นหวัง ผู้คนต่างสวดมนต์ให้กำลังใจกับพ่อเมืองสมุทรสาคร ปาฏิหาริย์ก็มีจริง เมื่อทีมแพทย์สามารถรักษาร่างกายของผู้ว่าฯ ให้ค่อย ๆ กลับคืนมาอีกครั้ง และเมื่อไม่กี่วันมานี้ ข่าวดีก็เกิดขึ้นจนได้ ผู้ว่าฯ วีระศักดิ์ กลับมาเดินได้เอง พูดคุยสื่อสารได้เป็นปกติ อาการป่วยหายไปกว่า 90% ถึงตรงนี้ คงไม่มีอะไรจะดีไปกว่า การกล่าวคำว่า ขอแสดงความยินดี และขอขอบคุณทีมงานแพทย์ทุก ๆ ท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ที่ตอกย้ำให้รู้ว่า #ทีมแพทย์ไทยเก่งไม่น้อยกว่าใครในโลก

เพราะมีชื่อเล่นว่า ปู จึงเป็นที่มาของภารกิจ #คืนปูสู่สาคร แต่ก่อนที่ภารกิจนี้จะเกิดขึ้น THE STATES TIMES รวบรวมไทม์ไลน์ เพื่อย้อนกลับไปดูถึงช่วงเวลาที่ผ่านมา กว่า 2 เดือนเศษที่ต้องต่อสู้ วันนี้ใกล้ถึงเวลา #คืนปูสู่สาคร พร้อมกล่าวคำว่า ขอแสดงความยินดี อีกครั้ง

‘กองทัพอากาศ’ เป็นหนึ่งในกองทัพไทย ที่คอยปกป้องดูแลประเทศชาติ วันนี้ถือเป็นวันสำคัญ เนื่องจากเป็นวันคล้ายวันประสูติของ สมเด็จพระเชษฐาธิราช เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ ผู้ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น ‘บิดาแห่งกองทัพอากาศไทย’

สมเด็จพระเชษฐาธิราช เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ หรือ ‘ทูลกระหม่อมเล็ก’ ประสูติเมื่อวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2425 เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 23 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อมีพระชนมพรรษา 16 ปี ทรงเข้าศึกษาวิชาการทหารที่โรงเรียนนายร้อยมหาดเล็ก Corps de Pages ประเทศรัสเซีย ก่อนที่จะทรงสำเร็จการศึกษาด้านเสนาธิการทหารขั้นสูง และถูกแต่งตั้งยศเป็นพันเอกพิเศษในกองทัพบกรัสเซีย

ครั้นเมื่อเสด็จกลับเมืองไทย ทูลกระหม่อมเล็กทรงได้รับตำแหน่งทางการทหารสูงขึ้นเป็นลำดับ โดยเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ.2449 ได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยทหารบก โดยหนึ่งในพระภารกิจของพระองค์คือการเผยแพร่ความรู้ทางการทหารชั้นสูงให้กับนักเรียนนายทหาร รวมถึงทรงจัดการโรงเรียนนายร้อยให้มีระเบียบแบบแผน และมีความทันสมัย เทียบเท่าตะวันตก

ในช่วงปี พ.ศ.2454 ขณะทรงดำรงตำแหน่งเสนาธิการทหารบก ทรงเห็นความจำเป็นที่ประเทศไทยจะต้องจัดหาอากาศยานไว้ป้องกันประเทศ จึงทรงดำริจัดตั้งกิจการการบินขึ้น พร้อมให้มีการคัดเลือกนายทหาร 3 นายไปศึกษาวิชาการบินที่ประเทศฝรั่งเศส ต่อมาทรงทรงย้ายที่ตั้งแผนกการบินมาที่อำเภอดอนเมือง เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2457 และทรงยกฐานะแผนกการบิน เป็นกองบินทหารบก ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาสู่การเป็น ‘กองทัพอากาศไทย’ ในเวลาต่อมา

ตลอดพระชนชีพ สมเด็จพระเชษฐาธิราช เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถฯ ทรงทำนุบำรุงส่งเสริมกิจการบิน ทั้งในกิจการทหารและกิจการพลเรือน ทรงวางรากฐานแนวทางเสริมสร้างกำลังทางอากาศของประเทศไทยอย่างจริงจัง จนกระทั่งได้มาเป็นกองทัพอากาศไทยดังเช่นในปัจจุบัน ทั้งนี้ กองทัพอากาศไทยจึงได้ยกย่องพระองค์ว่าเป็น ‘พระบิดาแห่งกองทัพอากาศไทย’ เพื่อเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ในการส่งเสริมกิจการของกองทัพ ให้เจริญก้าวหน้ามาจนถึงวันนี้


ที่มา: https://th.wikipedia.org/wiki/สมเด็จพระเชษฐาธิราช_เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ_กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ

วันนี้ในอดีต เป็นอีกหนึ่งวันสำคัญของประเทศไทย และถูกบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์ตลอดระยะเวลากว่า 87 ปี โดยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ทรงสละราชสมบัติ รวมเวลาในการครองราชย์ 9 ปี

ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช เป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 โดยคณะราษฎร ที่นำโดย นายปรีดี พนมยงค์ และพันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา ต่อมา พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ไปประทับยังประเทศอังกฤษ โดยทรงแต่งตั้ง สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระนริศรานุวัดติวงศ์ เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์

ระหว่างช่วงเวลาดังกล่าว พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงติดต่อราชการกับรัฐบาล ที่มีพันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา เป็นนายกรัฐมนตรี ผ่านทางผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ซึ่งปรากฏข้อขัดแย้งต่าง ๆ ที่ไม่สามารถหาข้อยุติกันได้ กระทั่งเมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2477 จึงทรงมีพระราชหัตถเลขา ประกาศสละราชสมบัติ ส่งมายัง เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะผู้แทนรัฐบาล มีใจความส่วนหนึ่งว่า...

“...ข้าพเจ้ามีความเต็มใจที่จะสละอำนาจอันเป็นของข้าพเจ้าอยู่แต่เดิม ให้แก่ราษฎรโดยทั่วไป แต่ข้าพเจ้าไม่ยินยอมยกอำนาจทั้งหลายของข้าพเจ้าให้แก่ผู้ใด คณะใดโดยเฉพาะ เพื่อใช้อำนาจนั้นโดยสิทธิขาด และโดยไม่ฟังเสียงอันแท้จริงของราษฎร...บัดนี้ ข้าพเจ้าเห็นว่า ความประสงค์ของข้าพเจ้า ที่จะให้ราษฎรมีสิทธิออกเสียง ในนโยบายของประเทศไทยโดยแท้จริงไม่เป็นผลสำเร็จ

และเมื่อข้าพเจ้ารู้สึกว่าบัดนี้เป็นอันหมดหนทางที่ข้าพเจ้าจะช่วยเหลือหรือให้ความคุ้มครองแก่ประชาชนได้ต่อไปแล้ว ข้าพเจ้าจึงขอสละราชสมบัติและออกจากตำแหน่งพระมหากษัตริย์แต่บัดนี้เป็นต้นไป ข้าพเจ้าขอสละสิทธิของข้าพเจ้าทั้งปวง ซึ่งเป็นของข้าพเจ้าในฐานที่เป็นพระมหากษัตริย์ แต่ข้าพเจ้าสงวนไว้ซึ่งสิทธิทั้งปวงอันเป็นของข้าพเจ้าแต่เดิมมาก่อนที่ข้าพเจ้าได้รับราชสมบัติสืบสันตติวงศ์…”

ภายหลังจากมีพระราชหัตเลขาสละราชสมบัติ คณะรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร จึงได้อัญเชิญเสด็จพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล พระราชนัดดาในสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ซึ่งเป็นเจ้านายเชื้อพระบรมวงศ์พระองค์ที่ 1 ในลำดับพระราชสันตติวงศ์แห่งกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พ.ศ. 2467 ขึ้นทรงราชย์สืบพระราชสันตติวงศ์ต่อไป


ที่มา: https://www.matichonacademy.com/content/culture/article_38342

https://th.wikipedia.org/wiki, https://www.silpa-mag.com/this-day-in-history/article_1746

พีค of the week EP.8

มาแล้วจ้า! กำลังพูดถึง ‘วัคซีนป้องกันโควิด - 19’ ที่เดินทางมาถึงเมืองไทยเรียบร้อยเมื่อสัปดาห์ก่อน ข่าวนี้สร้างแรงกระเพื่อมให้ผู้คนในสังคมไม่น้อย ยังไม่นับว่า หากใครติดตามการรายงานยอดผู้ติดเชื้อโควิด - 19 มาตลอด จะทราบดีว่า สัปดาห์ก่อน ตัวเลขยอดการติดเชื้อลดลงเป็นลำดับ ซึ่งจัดว่าน่ายินดี

เรียกว่าตลอดทั้งสัปดาห์ มีเรื่องน่ายินดี และเรื่องให้พูดถึงกันมากมาย The States Times สรุปหัวข้อเด่นๆ ประเภทที่สร้างแรงกระเพื่อมในสังคม จับรวมมาไว้ให้ชมกันในคลิปนี้ ตามไปชม! Let’s go!! 

.

 

‘ข้าวไทย’ เป็นสินค้าส่งออกของประเทศมายาวนาน แต่หากจะสืบย้อนกลับไป ว่าเมืองไทยเริ่มมีการพัฒนา ‘พันธุ์ข้าว’ อย่างจริงจังเมื่อไร เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2450 หรือวันนี้เมื่อ 114 ปีที่แล้วนี่เอง

ตามประวัติศาสตร์ ประเทศไทยมีการศึกสงครามมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา มาจนถึงรัตนโกสินทร์ตอนต้น รวมเวลากว่า 550 ปี จนเมื่อเข้าสู่ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว บ้านเมืองมีความเจริญรุ่งเรือง มีการติดต่อค้าขายกับต่างประเทศมากขึ้นเป็นลำดับ

โดยสินค้าส่งออกชนิดหนึ่งที่มีการค้าขายจนกลายเป็นของสำคัญ นั่นคือ ข้าว ทว่า ‘ข้าวไทย’ ในยุคสมัยดังกล่าว มีเมล็ดพันธุ์ที่ปะปนกันอยู่มากมาย ทั้งข้าวพันธ์ดีไปจนถึงพันธ์คุณภาพต่ำ ส่งผลให้มีราคาต่ำกว่าข้าวจากประเทศเพื่อนบ้าน

ด้วยเหตุนี้ ในหลวงรัชกาลที่ 5 จึงทรงโปรดให้มีการประกวดพันธุ์ข้าวขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ที่เมืองธัญบุรี (รังสิตในปัจจุบัน) มีชาวนาส่งข้าวเข้าประกวดถึง 324 ราย รวมข้าวได้ 165 พันธุ์ ซึ่งข้าวที่ได้รับรางวัลที่ 1 มีชื่อว่า ‘ข้าวปิ่นทอง’

จากการประกวดในครั้งนั้น ทำให้มีการจัดแบ่งพันธุ์ข้าวอย่างมีมาตรฐานยิ่งขึ้น หลังจากนั้นจึงมีการประกวดพันธุ์ข้าวเรื่อยมา โดยนอกจากจะเป็นการพัฒนาสายพันธุ์ข้าวให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไปแล้ว ภายหลังยังมีการแจกจ่ายขยายพันธุ์ข้าวพันธุ์ดี เพื่อให้ประชาชนได้นำไปปลูกต่อไป รวมทั้งยังได้ตั้งพันธุ์ข้าวมาตรฐานเอาไว้ด้วยกัน 8 พันธุ์ ได้แก่ พวงเงิน ขาวทดลอง ทองระย้าดำ จำปาซ้อน ปิ่นแก้ว บางพระ น้ำดอกไม้ และนางตานี ซึ่งต่อมายังได้มีพันธุ์ข้าวอื่น ๆ เกิดขึ้นจากสถานีพันธุ์ข้าว และวิวัฒนาการมาจนถึงปัจจุบัน


ที่มา:

http://brrd.ricethailand.go.th/index.php/2016-07-15-05-29-43/136-2017-05-04-02-32-02

http://www.thairiceexporters.or.th/features/Thai%20rice%20center%20of%20modern%20rice%20varieties.htm

นักท่องเที่ยวบ่ย่านอากาศร้อนขึ้นบันได 1,049 ชั้น กราบนมัสการหลวงปู่ขาว และรอยพระพุทธบาทบนยอดเขาภูพานคำขอนแก่น พร้อมชมทิวทัศน์บนยอดเขาที่มองเห็นทัศนียภาพของเขื่อนอุบลรัตน์ที่สวยงาม

นักท่องเที่ยวบ่ย่านอากาศร้อนขึ้นบันได 1,049 ชั้น กราบนมัสการหลวงปู่ขาวและรอยพระพุทธบาทบนยอดเขาภูพานคำขอนแก่น พร้อมชมทิวทัศน์บนยอดเขาที่มองเห็นทัศนียภาพของเขื่อนอุบลรัตน์ที่สวยงาม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักท่องเที่ยวจำนวนมากจากทั้ง จ.ขอนแก่น และ จากจังหวัดใกล้เคียง ต่างพากันเดินทางมาที่วัดพระพุทธบาทภูพานคำ อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น เพื่อกราบนมัสการหลวงปู่ขาวและรอยพระพุทธบาท เพื่อความเป็นสิริมงคลให้กับตัวเองและครอบครัวในช่วงวันหยุดติดต่อกันหลายวัน โดยทุกคนต่างพากันเดินขึ้นบันไดที่สูงถึง 1,049 ขั้น เพื่อทดสอบกำลังร่างกาย แม้สภาพอากาศวันนี้จะร้อนจัดก็ตาม แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อนักท่องเที่ยว ที่เดินทางมาไม่ขาดสาย

ซึ่งบนยอดเขาภูพานคำ ภายในวัดพระพุทธบาทภูพานคำนั้น มีพระพุทธรูปสีขาวองค์ใหญ่ตั้งตระหง่าน โดยภายใต้ฐานพระพุทธรูปเป็นพระอุโบสถสำหรับการให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปทำบุญ ถวายสังฆทานและกราบสักการะพระพุทธรูปเพื่อขอพรและเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ภายใต้การป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มงวด

ขณะเดียวกันนอกจากจะได้กราบสักการะขอพรสิ่งศักดิ์แล้ว หลายคนอดไม่ได้ที่จะเก็บภาพทิวทัศน์ที่สวยงามบนยอดเขาซึ่งเมื่อมองลงมาจะเห็นเขื่อนอุบลรัตน์อย่างสวยงามอีกด้วย

สำหรับพระพุทธบาทภูพานคำตั้งอยู่บริเวณไหล่เขาภูพานคำ อ.อุบลรัตน์ เป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลองในมณฑป และ หลวงพ่อพระใหญ่ หรือพระพุทธอุตรมหามงคลอุบลรัตน์เป็นองค์พระคอนกรีต เสริมเหล็ก สีขาว อยู่บนฐานดอกบัวสีชมพู ความสูงขององค์พระ 14 เมตร โดยสร้างแล้วเสร็จเมื่อ พศ. 2514 ปัจจุบันเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวขอนแก่นให้ความเคารพนับถือและกราบขอพรทุกวัน

พาทัวร์ 'มองช้าง คาเฟ่' คาเฟ่ที่มี 'ช้าง' แห่งเดียวในพัทยา ! | Aon On Air EP.8

Aon On Air EP. นี้ อ้อนจะพาทุกคนไปเที่ยวสวนสัตว์ เอ้ย ! คาเฟ่ที่รวบรวมสัตว์มากมายหลากหลายชนิด ให้เพื่อน ๆ ได้ถ่ายรูป มีโซนสวย ๆ มากมาย นั่นก็คือที่ "มองช้าง คาเฟ่" นั้นเอง มีอะไรที่น่าสนใจในคาเฟ่นี้บ้าง ไปชมกันได้เลยค่า

.

มองช้าง คาเฟ่ ⏰ เปิดบริการ ทุกวัน 10:00 น.- 19:00 น. ???? https://goo.gl/maps/VZ5LZsixcoamchgx9

.

.

 

 

วันนี้เมื่อ 13 ปีก่อน ทักษิณ ชินวัตร เคยเดินทางกลับมาที่ประเทศไทยเป็นหนแรก หลังถูกรัฐประหาร พร้อมเหตุการณ์สำคัญ การก้มลงกราบยังพื้นของสนามบิน กลายเป็นภาพข่าวดัง ที่ถูกบันทึกเอาไว้ตามหน้าสื่อต่าง ๆ ทั่วประเทศ

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 เวลา 09.45 น. ทักษิณ ชินวัตร เดินทางจากฮ่องกง มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ด้วยเครื่องบิน TG 603 โดยเป็นการเดินทางกลับมาประเทศไทยเป็นครั้งแรก หลังจากรัฐบาลโดยการนำของตัวเอง ถูกรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549

เมื่อเดินทางมาถึง เจ้าตัวได้สวมกอดกับครอบครัว และทักทายบุคคลต่าง ๆ ที่มาต้อนรับ พร้อมกับก้มลงกราบกับพื้นหน้าทางออกของสนามบิน ซึ่งภาพนี้ได้กลายเป็นภาพข่าวใหญ่ของสื่อและหนังสือพิมพ์ทุกฉบับของประเทศในเวลานั้น

กล่าวถึง ทักษิณ ชินวัตร ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนนตรีประเทศไทย เมื่อ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 จนถึง 19 กันยายน พ.ศ. 2549 โดยหลังจากถูกรัฐประหารจากคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งมี พล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตผู้บัญชาการทหารบกเป็นหัวหน้าคณะ เจ้าตัวก็ได้ทำการลี้ภัยในต่างประเทศเป็นเวลา 1 ปี 5 เดือน กระทั่งเดินทางกลับเมืองไทยอีกครั้งเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

โดยระหว่างเวลาดังกล่าว ทักษิณ ชินวัตรก็ได้เข้ามอบตัวที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณีตกเป็นจำเลยในคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษก ร่วมกับคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา (ในขณะนั้น) ซึ่งศาลอนุมัติให้ประกันตัว แต่หลังจากนั้นทั้งสองคนได้ขออนุญาตศาลฎีกาฯ เดินทางออกนอกประเทศ โดยให้เหตุผลเพื่อเดินทางไปปฏิบัติภารกิจประเทศจีนและญี่ปุ่น ระบุวันเดินทางระหว่างวันที่ 31 กรกฎาคม - 10 สิงหาคม พ.ศ. 2551

กระทั่งเมื่อถึงวันนัดไปรายงานตัวต่อศาลฎีกาฯ ในวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2551 ทั้งทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ไม่มารายงานตัว ภายหลัง ผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้อ่านคำพิพากษาลับหลัง ตัดสินให้จำคุกนายทักษิณ ชินวัตร 2 ปี ส่วนคุณหญิงพจมาน ยกฟ้อง

นับถึงปัจจุบัน ทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้กลับมายังประเทศไทยอีกเลย และหลบหนีคดีจากคำพิพากษาของศาลมาแล้วกว่า 13 ปี


ที่มา:

https://th.wikipedia.org/wiki/ทักษิณ_ชินวัตร

https://news.thaipbs.or.th/content/265543

ย้อนเวลากลับไปราว 50 - 60 ปีก่อน เพลงไทยที่เรียกตัวเองว่า ‘เพลงไทยลูกกรุง’ ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยหนึ่งในนักร้องที่จัดว่าอยู่ในระดับหัวแถวของแนวเพลงดังกล่าวนี้ มีชื่อของ ‘สุเทพ วงศ์กำแหง’ รวมอยู่ในนั้น

กว่า 60 ปีที่ขับขานบทเพลงให้ผู้คนได้รับฟัง ปฏิเสธไม่ได้ว่า นี่คือตัวอย่างของการเป็นนักร้องคุณภาพอย่างแท้จริง

เรืออากาศตรี สุเทพ วงศ์กำแหง เป็นชาวจังหวัดนครราชสีมาโดยกำเนิด เมื่อเข้าสู่วัยหนุ่ม ได้เข้ารับราชการเป็นทหารอากาศ สังกัดกองพันต่อสู้อากาศยาน ต่อมาในช่วงปีพ.ศ. 2498 ก็ได้เข้ามาประจำอยู่ที่วงดุริยางค์ทหารอากาศ ครั้นเมื่อออกจากราชการกองทัพอากาศแล้ว สุเทพก็ได้เข้าร่วมกับคณะชื่นชุมนุมศิลปิน มีโอกาสร้องเพลงทั้งในรายการวิทยุและโทรทัศน์จนมีชื่อเสียงเพิ่มขึ้น

สุเทพ วงศ์กำแหง กลายเป็นนักร้องที่โด่งดังมาก ๆ จากการได้ร้องเพลงคู่กับ สวลี ผกาพันธ์ นักร้องหญิงแห่งยุคในเวลานั้น จนทั้งคู่กลายเป็นนักร้องทรงพลังที่มีแฟนเพลงติดตามผลงานกันมากมาย และด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ชวนฟัง เจ้าตัวจึงได้รับการขนานนามว่า ‘เป็นนักร้องเสียงขยี้แพรฟองเบียร์’

สุเทพ วงศ์กำแพง มีผลงานเพลงอมตะมากมาย อาทิ รักคุณเข้าแล้ว เธออยู่ไหน บ้านเรา เสน่หา ซึ่งหลาย ๆ บทเพลงก็ยังถูกศิลปินรุ่นหลัง ๆ ในวันนี้ นำไปร้องคัฟเวอร์กันอยู่เสมอ ตลอดเส้นทางอาชีพนักร้อง สุเทพ วงศ์กำแหง ได้รับรางวัลการันตีมากมาย อาทิ รางวัลแผ่นเสียงทองคำพระราชทาน รางวัลเสาอากาศทองคำ และรางวัลอันทรงเกียรติอย่าง รางวัลศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ในปีพ.ศ. 2533

กระทั่งเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ พงศ. 2563 นักร้องเจ้าของฉายา เสียงขยี้แพรฟองเบียร์ท่านนี้ ก็ได้เสียชีวิตลงในบ้านพักย่านวัฒนา กรุงเทพฯ ด้วยวัย 86 ปี แม้ตัวจะจากไป แต่น้ำเสียงและบทเพลงอันเป็นอมตะ ของนักร้องที่ชื่อ ‘สุเทพ วงศ์กำแหง’ ก็จะยังคงอยู่ ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาและรับฟังกันตลอดไป


ที่มา: https://th.wikipedia.org/wiki/สุเทพ_วงศ์กำแหง


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top