Friday, 9 May 2025
LITE TEAM

ผืนป่าตะวันออก ‘ป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่’ เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติอันล้ำค่าและสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย

ป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ เป็นแหล่งมรดกโลกแหล่งที่ 5 และเป็นลำดับที่ 2 ของมรดกทางธรรมชาติของไทย ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2548 ณ เมืองเดอร์บัน ประเทศแอฟริกาใต้ ประกอบด้วยอุทยานแห่งชาติ 4 แห่ง ได้แก่ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ปางสีดา ทับลาน ตาพระยา และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอีก 1 แห่ง คือ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ 

ครอบคลุมพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา สระบุรี นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว และบุรีรัมย์ มีพื้นที่รวมทั้งสิ้นราว 3,874,863 ไร่ หรือ 6,155 ตารางกิโลเมตร ถูกเรียกว่าเป็น ผืนป่าตะวันออก เพื่อเทียบเคียงกับ "ผืนป่าตะวันตก" บริเวณภาคตะวันตกของไทย

ป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ มีคุณค่าความสำคัญที่โดดเด่นด้านอุทกวิทยา เนื่องจาก เป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน มีฝนตกมากน้อยแตกต่างกันไปในแต่ละบริเวณ ทำให้ผืนป่าแห่งนี้มีบทบาทสำคัญในการเป็นแหล่งกักเก็บน้ำ และเป็นต้นน้ำลำธารที่ไหลหล่อเลี้ยงการดำรงชีวิตของชุมชนต่าง ๆ ในภูมิภาค

ด้านความหลากหลายทางชีวภาพ เป็นแหล่งที่มีชนิดพันธุ์ของพืชและสัตว์ที่ไม่สามารถพบได้ที่อื่นเป็นจำนวนมาก โดยในจำนวนพืชราว 15,000 ชนิดที่พบในประเทศไทย สามารถพบในแหล่งมรดกโลกนี้ถึง 2,500 ชนิด มีพืชเฉพาะผืนป่านี้ถึง 16 ชนิด มีสัตว์ป่ากว่า 800 ชนิด สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 112 ชนิด สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำกว่า 209 ชนิด นกกว่า 392 ชนิด และเงือก 4 ชนิด ใน 6 ชนิดที่พบในประเทศไทย

ด้านการท่องเที่ยวและการศึกษาเรียนรู้ แนวผาสูงยาวต่อเชื่อมกันบริเวณด้านทิศตะวันตกของผืนป่าดงพยาเย็น-เขาใหญ่ นับเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติและสภาพภูมิทัศน์ที่โดดเด่น โดยเฉพาะอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ซึ่งสภาพภูมิประเทศเป็นภูเขาสลับซับซ้อนมากที่สุดและมีฝนตกชุกที่สุด จึงพบว่ามีลำธาร และน้ำตกจำนวนมากกระจายอยู่ทั่วบริเวณ เป็นสิ่งดึงดูดให้มีผู้มาเยือนนับล้านคนในแต่ละปี การเข้าร่วมกิจกรรมนันทนาการ การศึกษาหาความรู้ และการสัมผัสกับธรรมชาติ เพื่อให้หลุดพ้นจากภารกิจประจำวันที่ต้องแข่งขันและจำเจจึงเป็นประสบการณ์ที่จะได้รับจากการมาเยือนผืนป่าแห่งนี้

นอกจากนี้ ผืนป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ยังเป็นแหล่งธรรมชาติอันสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ จึงมีโอกาสพบเห็นชนิดพันธุ์สัตว์ป่าที่สำคัญ หรือที่หายาก หรือใกล้สูญพันธุ์ อาทิ เสือโคร่ง ช้างป่า กระทิง วัวแดง ชะนีมือขาว ชะนีมงกุฎ นกกก นกแก๊ก รวมถึงจระเข้น้ำจืด ซึ่งคนทั่วไปเชื่อกันว่าได้สูญพันธุ์ไปจากประเทศไทยแล้ว

 

ที่มา : http://164.115.22.96/heritage_nature2.aspx


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ตะลอนเล่า บันเทิ้งบันเทิง กับ ‘คุณจิว จิวเวอรี่’ สนุกจนไม่อยากลุกไปไหน | กบร่อน ตะลอนเล่า EP.5

???? วันนี้เราจะพาคุณมาตะลอนเล่า ในรายการ ‘กบร่อนตะลอนเล่า’ !! 
พร้อมแขกรับเชิญพิเศษ ที่จะให้คุณสนุกจนไม่อยากลุกไปไหน พบกับ...

‘คุณจิว จิวเวอรี่’ ในช่วง ตะลอนเล่าบันทิ้ง บันเทิง !! 

???? อย่าพลาด!! ‘กบร่อนตะลอนเล่า’ รายการที่จะเล่าพร้อมตะลอนกับทุกเรื่องราวน่าสนในเมืองไทย พร้อมทั้งยังตะลอนควงแขนแขกมากหน้าหลายตา 

ดำเนินรายการโดย กบร่อน THE STATES TIMES

.

.


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

จุดเริ่มต้นที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ทรงมีพระราชดำริที่จะ "เลิกทาส" ในวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2417

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงประกาศพระราชดำริของพระองค์ว่าจะ ‘เลิกทาส’ กลางที่ประชุมคณะที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน ณ พระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ อันเป็นสถานที่พระราชสมภพของพระองค์เอง ในวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2417

จนถึงวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2448 หรือ 31 ปีต่อมา พระองค์จึงจะทรงสามารถออก ‘พระราชบัญญัติเลิกทาส ร.ศ. 124’ อันเป็นการสิ้นสุดระบบทาสโดยถาวรไปจากสยามประเทศ

40 วัน หลังจากทรงประกาศพระราชดำรินี้ คือวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2417 รัชกาลที่ 5 ทรงออก ‘พระราชบัญญัติพิกัดเกษียณลูกทาสลูกไทย’ คือการแก้พิกัดค่าตัวทาสใหม่ เพื่อกำหนดเกณฑ์มาตรฐานของค่าตัวทาส ซึ่งมักจะมีการโก่งและขึ้นราคา เนื่องจากนายทาสมักจะนิยมสะสมทาสเพื่อแสดงศักดิ์ และบารมีของตนเอง โดยพระราชบัญญัตินี้บังคับให้ลดค่าตัวทาสลงตั้งแต่อายุ 8 ขวบ จนกระทั่งหมดค่าตัวเมื่ออายุได้ 20 ปี เมื่ออายุได้ 21 ปี ผู้นั้นก็จะเป็นอิสระ แต่จะมีผลกับทาสที่เกิดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2411 เป็นต้นมาเท่านั้น และห้ามมิให้มีการซื้อขายบุคคลที่มีอายุมากกว่า 20 ปีเป็นทาสอีก

1 เมษายน พ.ศ. 2448 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงประกาศใช้ ‘พระราชบัญญัติเลิกทาส ร.ศ. 124’ และ ‘พระราชบัญญัติลักษณะเกณฑ์ทหาร ร.ศ. 124’ ถือเป็นการเลิกระบบทาสและระบบไพร่ในสยามประเทศ โดยในส่วนของทาสนั้น ‘พระราชบัญญัติเลิกทาส ร.ศ. 124’ ให้ลูกทาสทุกคนเป็นไทตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2448 ส่วนทาสประเภทอื่นที่มิใช่ทาสในเรือนเบี้ย ทรงให้ลดค่าตัวเดือนละ 4 บาท นับตั้งแต่เดือนเมษายน พ.ศ. 2448 เป็นต้นไป นอกจากนี้ยังมีบทบัญญัติป้องกันมิให้คนที่เป็นไทแล้วกลับไปเป็นทาสอีก ทำให้วันที่ 1 เมษายนเป็นที่รู้จักกันใน ‘วันเลิกทาส’

ที่มา: https://www.gqthailand.com/culture/article/king-chulalongkorn

11 กรกฎาคม เป็นวันสมเด็จพระนารายณ์มหาราช พระมหากษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถยิ่งจนได้รับการเทิดพระเกียรติเป็น "มหาราช" 

วันที่ 11 กรกฎาคม เป็นวันคล้ายวันสวรรคต สมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทรงเป็นพระมหากษัตริย์องค์ที่ 27 ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ทรงมีหลายพระนาม คือ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 3 หรือ สมเด็จพระรามาธิบดีศรีสรรเพชรญ์ เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระเจ้าปราสาททองกับพระราชเทวีสิริกัลยาณี พระราชธิดาของสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2175

สมเด็จพระนารายณ์มีส่วนสำคัญในการขึ้นครองราชย์ของสมเด็จพระศรีสุธรรมราชา โดยพระองค์ได้ร่วมมือกับสมเด็จพระศรีสุธรรมราชาในการชิงราชสมบัติจากสมเด็จเจ้าฟ้าไชย ซึ่งเป็นพระเชษฐาของพระองค์ โดยหลังจากที่พระองค์ช่วยสมเด็จพระศรีสุธรรมราชาขึ้นครองราชสมบัติได้แล้วนั้น สมเด็จพระศรีสุธรรมราชาทรงแต่งตั้งให้พระองค์ดำรงตำแหน่งพระมหาอุปราชและให้เสด็จไปประทับที่พระราชวังบวรสถานมงคล หลังจากสมเด็จพระศรีสุธรรมราชาขึ้นครองราชสมบัติได้ 2 เดือนเศษ พระองค์ทรงชิงราชสมบัติจากสมเด็จพระศรีสุธรรมราชา 

สมเด็จพระนารายณ์มหาราชเสด็จขึ้นครองราชสมบัติ เมื่อวันพฤหัสบดี แรม 2 ค่ำ เดือน 12 จุลศักราช 1018 ปีวอก (ตรงกับวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2199) มีพระนามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 3 เป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่ 27 แห่งกรุงศรีอยุธยา ขณะมีพระชนมายุ 25 พรรษา หลังจากประทับในกรุงศรีอยุธยาได้ 10 ปี พระองค์จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเมืองลพบุรีขึ้นเป็นราชธานีแห่งที่ 2 เมื่อปี พ.ศ. 2209 และเสด็จไปประทับที่ลพบุรีทุก ๆ ปี ครั้งละเป็นเวลานานหลาย 

สมเด็จพระนารายณ์มหาราชเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถอย่างยิ่ง ทรงสร้างความรุ่งเรือง และความยิ่งใหญ่ให้แก่กรุงศรีอยุธยาเป็นอย่างมาก โดยทรงยกทัพไปตีเมืองเชียงใหม่ และหัวเมืองพม่าอีกหลายเมือง ทั้งมีกำลังสำคัญที่ทำให้สมเด็จพระนารายณ์นั้นสามารถยึดหัวเมืองของพม่าได้คือ เจ้าพระยาโกษาธิบดี (เหล็ก)

อีกทั้งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ รุ่งเรืองเป็นอย่างมาก โดยมีการติดต่อทั้งด้านการค้าและการทูตกับประเทศต่าง ๆ เช่น จีน ญี่ปุ่น อิหร่าน อังกฤษ และฮอลันดา มีชาวต่างชาติเข้ามาในพระราชอาณาจักรเป็นจำนวนมาก ในจำนวนนี้รวมถึงเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ ชาวกรีกที่รับราชการตำแหน่งสูงถึงที่ สมุหนายกขณะเดียวกันยังโปรดเกล้าฯ ให้แต่งคณะทูตไปเจริญสัมพันธไมตรีกับราชสำนักฝรั่งเศส ในรัชสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ถึง 4 ครั้งด้วยกัน ผู้ที่เขียนเกี่ยวกับกรุงศรีอยุธยา และสยามมากที่สุดในสมัยนี้ก็คือ มองซิเออร์ เดอ ลาลูแบร์

นอกจากนี้ สมเด็จพระนารายณ์มิใช่เพียงทรงพระปรีชาสามารถทางด้านการทูตเท่านั้น หากทรงเป็นกวีและทรงอุปถัมภ์กวีในยุคของพระองค์อย่างมากมาย กวีลือนามแห่งรัชสมัยของพระองค์ก็ได้แก่ พระโหราธิบดี หรือพระมหาราชครู ผู้ประพันธ์หนังสือจินดามณี ซึ่งเป็นตำราเรียนภาษาไทยเล่มแรก และตอนหนึ่งของเรื่องสมุทรโฆษคำฉันท์ (อีกตอนหนึ่งเป็นพระราชนิพนธ์ของสมเด็จพระนารายณ์) กวีอีกผู้หนึ่งคือ ศรีปราชญ์ ผู้เป็นปฏิภาณกวี เป็นบุตรของพระโหราธิบดี งานชิ้นสำคัญของศรีปราชญ์ คือ หนังสือกำศรวลศรีปราชญ์ และอนุรุทรคำฉันท์ด้วยพระปรีชาสามารถดังได้บรรยายมาแล้ว สมเด็จพระนารายณ์จึงได้รับการถวายพระเกียรติเป็น มหาราช พระองค์หนึ่ง

ในช่วงปลายรัชกาล ก่อนที่สมเด็จพระนารายณ์จะสวรรคตนั้น เกิดเหตุการณ์วุ่นวายมากมายขึ้นในแผ่นดินกรุงศรีอยุธยา ในปี พ.ศ. 2231 ปลายรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์ฯ พระเพทราชา ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้สำเร็จราชการ ขณะที่สมเด็จพระนารายณ์ฯ ประทับอยู่ที่ลพบุรี และทรงประชวรหนัก พระเพทราชาได้กำจัดพระปีย์ พระโอรสบุญธรรมในสมเด็จพระนารายณ์ฯ แล้วจับเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ประหารชีวิต และได้ส่งกำลังไปควบคุมทหารฝรั่งเศสที่ประจำอยู่ที่ป้อมบางกอก คือ ป้อมวิชัยดิษฐ์ในปัจจุบัน โดยพระองค์เสด็จสวรรคตเมื่อ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2231 ณ พระที่นั่งสุทธาสวรรย์ พระนารายณ์ราชนิเวศน์ จังหวัดลพบุรี รวมครองราชสมบัติเป็นเวลา 32 ปี มีพระชนมายุ 56 พรรษา

 

ที่มา : https://th.wikipedia.org/wiki


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2478 พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าภูมิพลอดุลยเดช ทรงได้รับการสถาปนาฐานันดรศักดิ์ เป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช

ในช่วงที่สถานการณ์บ้านเมืองในประเทศไทยระส่ำระสายหลัง ปี 2475 นั้น มีหลายเหตุการณ์ที่เหล่าบรรดาคณะราษฎร์แย่งอำนาจกันจนแผ่นดินไร้ที่พึ่ง ประชาชนหมดหวังกับสภาพการเมืองอันวุ่นวาย พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล สมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช เสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 8 แห่งราชวงศ์จักรี 

ซึ่งได้สถาปนาฐานันดรศักดิ์ให้กับพระอนุชาเป็น “สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลเดช” เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2478 จากนั้นยุวกษัตริย์และพระอนุชา ก็ทรงกลับไปศึกษาต่ออีก 3 ปี จนกระทั่งเดือนพฤศจิกายน 2481 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ก็เสด็จนิวัตประเทศไทยพร้อมกับพระอนุชา เป็นเวลา 2 เดือน โดยประทับที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต

ด้าน สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลเดช เสด็จกลับไปศึกษาต่อที่สวิตเซอร์แลนด์จนถึง ปี 2488 ทรงเข้ารับประกาศนียบัตรทางอักษรศาสตร์จากโรงเรียนฌีมนาซกลาซิกก็องตอนาลเดอโลซาน และต่อมาได้ทรงเข้าศึกษาต่อ ณ มหาวิทยาลัยโลซาน แผนกวิทยาศาสตร์ แล้วเสด็จนิวัตประเทศไทยเป็นครั้งที่ 2 ประทับ ณ พระที่นั่งบรมพิมาน ในพระบรมมหาราชวัง

จนกระทั่งในวันที่ 9 มิถุนายน 2489 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ในวัย 21 ชันษา เสด็จสวรรคตอย่างกะทันหัน ณ พระที่นั่งบรมพิมาน ภายในพระบรมมหาราชวัง ในวันเดียวกัน ซึ่งในขณะนั้น พระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช พระชนมพรรษา 18 พรรษา ทางรัฐสภาได้ลงมติเป็นเอกฉันท์อัญเชิญพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชขึ้นทรงราชย์สืบราชสันตติวงศ์ต่อไป และทรงเฉลิมพระปรมาภิไธยว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช แต่เนื่องจาก พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในขณะนั้นยังทรงพระเยาว์ และต้องทรงศึกษาต่อ ณ ต่างประเทศรัฐบาลจึงได้แต่งตั้งผู้สำเร็จราชการ บริหารราชการแผ่นดินแทนพระองค์

ในวันที่ 5 พฤษภาคม 2493 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกตามโบราณขัตติยราชประเพณี ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ในพระมหาราชวัง เฉลิมพระปรมาภิไธยตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร” และได้พระราชทานพระปฐมบรมราชโองการเป็นสัจวาจาว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขของมหาชนชาวสยาม” 

โดยตลอดระยะเวลาการครองราชย์ กว่า 70 ปี พระองค์ทรงประกอบพระราชกรณียกิจมากมาย ได้พระราชทานโครงการนานัปการมากกว่า 4,000 โครงการ และด้วยพระปรีชาสามารถรอบด้าน ทรงได้รับการสดุดีและการทูลเกล้าฯ ถวายปริญญากิตติมศักดิ์เป็นจำนวนมากทุกสาขาวิชาการ ทั้งยังมีพระอัจฉริยภาพด้านดนตรีอย่างสูงส่ง ทรงพระราชนิพนธ์เพลงอันไพเราะนับแต่พระเยาว์จนถึงปัจจุบันรวม 47 เพลง และทรงได้รับยกย่องเป็น “อัครศิลปิน” ของชาติอีกด้วย

 

ที่มา : http://www.bizpromptinfo.com


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

9 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 ‘ไมค์ ไทสัน’ ถูกปรับ 3 ล้าน ดอลลาร์ พร้อมถูกแบน หลังเหตุการณ์ฉาวระดับโลก กัดใบหู อีแวนเดอร์ โฮลิฟิลด์ จนแหว่ง​ บนสังเวียนผ้าใบ

เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 ‘ไมค์ ไทสัน’ เจ้าของฉายามฤตยูดำ ถูกปรับเงิน 3 ล้านดอลลาร์ พร้อมถูกยึดใบอนุญาตชกมวย สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ฉาวระดับโลกบนสังเวียนผ้าใบ ด้วยการกัดเข้าที่ใบหู ‘อีแวนเดอร์ โฮลิฟิลด์’ ในการชกชิงแชมป์โลกรุ่น เฮฟวี่เวทยกที่ 3

ซึ่งชนวนเหตุ เริ่มขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1996 ไมค์ ไทสัน หรือที่ทั่วโลกรู้จักเขาในฉายา มฤตยูดำ ต้องพบกับความพ่ายแพ้เป็นครั้งที่ 2 ด้วยน้ำมือของ อีแวนเดอร์ โฮลีฟิลด์ ด้วยการถูกน็อกในยก 11 พร้อมกับทำให้ ไทสัน เสียเข็มขัดแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวตของสมาคมมวยโลก (WBA) ไปแบบสุดเจ็บช้ำ ซึ่งจากความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ ทำให้ไทสันพยายามที่จะขอรีแมตช์เพื่อแย่งแชมป์โลกคืนมา และในที่สุดทั้งคู่ก็ตกลงดวลกำปั้นกันอีกครั้งในวันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ. 1997 ที่สังเวียน เอ็มจีเอ็ม แกรนด์ ลาสเวกัส พร้อมกับมีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลก

เมื่อเริ่มยกแรก โฮลีฟิลด์ คู่ปรับเดินหน้าเข้าใส่ทันที และทำได้ดีจนกระทั่งเข้าสู่ยกที่ 2 โฮลีฟิลด์ ได้เอาหัวไปโขกไทสันจนบริเวณตาขวาบวมขึ้นมา แต่กรรมการ มิลล์ เลน ไม่ได้ลงโทษใด ๆ เนื่องจากมองว่าเป็นอุบัติเหตุ ซึ่งจากอุบัติเหตุครั้งนี้ก็ทำให้ ไทสัน เริ่มออกอาการหัวเสีย

เมื่อเข้าสู่ยกที่ 3 ไทสัน ดูจะฟิวส์ขาดอย่างชัดเจน เพียงแค่ 40 วินาทีสุดท้ายก่อนหมดยก ในขณะที่ทั้งคู่กำลังคลุกวงในอยู่ ไทสันที่ฟิวส์ขาดจนฉุดไม่อยู่ ก็ได้สร้างเหตุการณ์ช็อกโลก ไทสันแอบคายฟันยางและกัดเข้าที่ใบหูข้างขวาของ โฮลีฟิลด์ จนขาดติดปาก ก่อนจะถ่มลงพื้นเวที ทำเอา โฮลีฟิลด์ กระโดดไปทั่วด้วยความเจ็บปวดปนช็อกที่ไม่คิดว่าจะมาเจออะไรแบบนี้บนสังเวียน และการชกก็ต้องหยุดลงไปหลายนาทีเพื่อปฐมพยาบาล 

โดยเมื่อแพทย์ได้ห้ามเลือดและดูบาดแผลแล้วก็ยังอนุญาตให้ชกได้ กรรมการจึงประกาศหักคะแนนไทสัน 2 แต้ม จากการทำผิดกติกาก่อนจะให้ชกกันต่อ แต่ดูเหมือนไทสันจะยังไม่หนำใจ เพราะเขาได้ทิ้งรอยแผลที่หูอีกข้าง ด้วยการกัดไปอีกหนึ่งรอบ ก่อนระฆังจะหมดยก ซึ่งกรรมการ มิลล์ เลน ก็ได้ ปรับให้ไทสันแพ้ฟาลว์ในการกัดหูรอบที่สอง

 

ที่มา : https://www.komchadluek.net/news/sport/284942


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

วันนี้เป็นวันคล้ายวันมรณภาพ ท่านพุทธทาสภิกขุ ครบรอบ 28 ปี

พระธรรมโกศาจารย์ (เงื่อม อินทปัญโญ) หรือรู้จักในนาม ท่านพุทธทาสภิกขุ เป็นชาวอำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี เกิดเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2449 เริ่มบวชเรียนเมื่ออายุได้ 20 ปี ที่วัดบ้านเกิด จากนั้นได้เข้ามาศึกษาพระธรรมวินัยต่อที่กรุงเทพมหานคร จนสอบได้เปรียญธรรม 3 ประโยค ท่านได้ตัดสินใจมาปฏิบัติธรรมที่อำเภอไชยา ซึ่งเป็นภูมิลำเนาเดิมของท่านพร้อมปวารณาตนเองเป็น พุทธทาส เนื่องจากต้องการถวายตัวรับใช้พระพุทธศาสนาให้ถึงที่สุด

ท่านพุทธทาสภิกขุได้บวชเรียนตามประเพณี เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2469 ที่โรงอุโบสถวัดอุบล หรือวัดนอก ก่อนจะย้ายมาประจำอยู่ที่วัดพุมเรียง มีพระอุปัชฌาย์คือ พระครูโสภณเจตสิการาม (คง วิมาโล) รองเจ้าคณะเมืองในสมัยนั้น และมีพระปลัดทุ่ม อินทโชโต เจ้าอาวาสวัดอุบล และ พระครูศักดิ์ ธมฺรกฺขิตฺโต เจ้าอาวาสวัดวินัย หรือวัดหัวคู เป็นพระคู่สวด ท่านพุทธทาสภิกขุได้รับฉายาว่า อินทปญฺโญ ซึ่งแปลว่าผู้มีปัญญาอันยิ่งใหญ่

ผลงานเด่นของทาสพุทธทาสคืองานหนังสือ อาทิ หนังสือพุทธธรรม ตามรอยพระอรหันต์ และคู่มือมนุษย์ และยังมีผลงานอื่น ๆ อีกมากมายนับไม่ถ้วน ซึ่งล้วนเป็นประโยชน์ต่อชนรุ่นหลังในการศึกษาศาสนาพุทธเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ ท่านยังเป็นพระสงฆ์ไทยรูปแรกที่บุกเบิกการใช้โสตทัศนูปกรณ์สมัยใหม่สำหรับการเผยแพร่ธรรมะ

พระธรรมโกศาจารย์ (เงื่อม อินฺทปญฺโญ) ได้ละสังขารอย่างสงบ ณ สวนโมกขพลาราม เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2536 สิริรวมอายุ 87 ปี 67 พรรษา

หลังจากท่าพุทธทาสภิกขุมรณภาพไปแล้ว ในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2548 องค์การยูเนสโก ประกาศยกย่องให้ท่านพุทธทาสภิกขุเป็นบุคคลสำคัญของโลก ด้านส่งเสริมขันติธรรม สันติธรรม วัฒนธรรม ความสัมพันธ์และความเข้าใจอันดีของมวลมนุษย์

 

ที่มา : http://www.buddhadasa.org/ประวัติพุทธทาสภิกขุ.html
https://th.wikipedia.org/wiki/พระธรรมโกศาจารย์_(เงื่อม_อินฺทปญฺโญ)


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 แหวน ฐิติมา ร็อกเกอร์เสียงทรงพลัง เจ้าของเพลงฮิตมากมาย เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งกระดูก

“แหวน ฐิติมา สุตสุนทร” เกิดเมื่อวันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2505 เธอจบจากโรงเรียนราชชินีบน และระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนสตรีวิทยา ระดับอุดมศึกษา คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 

เส้นทางในวงการบันเทิงของเธอนั้นเริ่มต้นมาจากการทำกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยหลายอย่าง เช่น เป็นนักแสดงละครเวทีของมหาวิทยาลัย เป็นนักร้องในวงลูกทุ่ง และได้เป็นดรัมเมเยอร์ในงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ในปี 2554 เธอเข้าร่วมประกวดร้องเพลงมณเฑียรทองและได้รับรางวัลชนะเลิศ พร้อมกับได้ร้องเพลงกับวงโอเรียลเต็ลฟังค์ของเต๋อ เรวัต พุทธินันท์

งานเพลงชุดแรกของฐิติมา ปี พ.ศ. 2527 ชุด ฉันเป็นฉันเอง ถือเป็นการแนะนำตัวของแหวน "ฐิติมา สุตสุนทร" กับแฟนเพลง มีเพลงฮิต เช่น ไดอารี่สีแดง ผู้หญิงคนนี้ เชิ้ตแขนยาวไทสีเทา และงานชุดฉันเป็นฉันเอง ประสบความสำเร็จด้านยอดขายอย่างมาก ปี พ.ศ. 2529 "เรามีเรา" ทำให้แฟนเพลงทั้งประเทศรู้จักนักร้องที่ชื่อ แหวน ฐิติมา และเพลงเรามีเรา เป็นเพลงที่ดังมากในยุคนั้น และถือเป็นเพลงที่อมตะของวงการเพลงไทยเพลงหนึ่งเลย เส้นทางการเป็นนักร้องของแหวนเปรียบเสมือนเส้นกราฟที่ ค่อย ๆ ไต่ระดับความนิยมไปสู่จุดสูงสุดทีละน้อย ๆ จากชุด 1 ไล่เลียงมาจนถึงชุดที่ 4 สัญญิงสัญญา ที่มีเพลงร็อกเกือบทั้งอัลบั้ม โดยเฉพาะเพลง ฟ้ายังมีฝน ยึกยัก สัญญิงสัญญา งานชุด สัญญิงสัญญา ถือว่าประสบความสำเร็จในด้านยอดจำหน่ายมาก กว่า 900,000 ตลับ และโปรโมทชุดสัญญิง สัญญา ข้ามปี ทำ MV ชุดนี้ถึง 7 เพลง และก็มีงานเพลงอย่างต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้

แหวน ฐิติมา ตรวจพบว่าเป็นมะเร็งลำไส้ในปี พ.ศ. 2554 โดยทำการรักษาและผ่าตัดลำไส้ เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช จนหายเป็นปกติ หลังจากนั้นเข้าสู่ปีที่ 4 ตรวจพบมะเร็งที่เต้านม โดยทำการรักษาผ่าตัดเต้านม ฉายแสง และให้คีโม กว่า 25 ครั้ง ที่โรงพยาบาลศิริราช จนหายเป็นปกติอีกครั้ง แต่เมื่อประมาณ มีนาคม พ.ศ. 2560 นี้เองได้ตรวจพบเชื้อมะเร็งได้ลามไปถึงกระดูก เชิงกราน จนทำให้ป่วยหนักและร่างกายทรุดและเสียชีวิตอย่างสงบเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 สิริอายุได้ทั้งสิ้น 56 ปีที่โรงพยาบาลศิริราช

 

ที่มา : https://th.wikipedia.org/wiki/ฐิติมา_สุตสุนทร


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

วันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2428 “ หลุยส์ ปาสเตอร์” ผู้คิดค้นวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า สำเร็จเป็นคนแรกของโลก

หลุยส์ ปาสเตอร์ (Louis Pasteur) นักเคมี และนักจุลชีววิทยาชาวฝรั่งเศส นอกจากจะโด่งดังจากความสำเร็จในการคิดค้นกระบวนการถนอมอาหารโดยการใช้ความร้อนที่อุณหภูมิต่ำกว่า 100 องศาเพื่อฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ หรือที่เรียกว่ากระบวนการ “พาสเจอร์ไรเซชัน (Pasteurization)” แล้ว ยังเป็นผู้คิดค้นวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าสำเร็จเป็นคนแรกของโลกอีกด้วย

วันที่ 6 กรกฎาคม 1885 โจเซฟ เมสเตร์ (Joseph Meister) เด็กชายวัย 9 ขวบ ผู้มีบาดแผลจากการถูกสุนัขกัดถึง 14 รอย และกำลังอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ใกล้ความตายเต็มทน ได้เดินทางมาพร้อมกับแม่ของเขาจากแคว้นอัลซาส ชายแดนของประเทศฝรั่งเศสมายังกรุงปารีสเพื่อพบกับหลุย ปาร์สเตอร์ ซึ่งในขณะนั้นได้ทำการทดลองวัคซีนป้องกันไวรัสพิษสุนัขบ้ามาได้ระยะหนึ่ง หากแต่ยังไม่เคยทดลองใช้วัคซีนดังกล่าวกับมนุษย์

แม้หลุยส์ ปาสเตอร์จะไม่มั่นใจว่าวัคซีนดังกล่าวจะใช้ได้ผลกับคนหรือไม่ก็ตกลงใจฉีดวัคซีนให้กับเด็กชาย ด้วยความรู้สึกสงสารแม่ของเด็กชายที่ร้องไห้ด้วยความเศร้าใจที่จะต้องมองดูลูกชายของตนเสียชีวิตไปต่อหน้าต่อตา หลังจากเสร็จสิ้นการฉีดวัคซีน ปาสเตอร์เฝ้าติดตามอาการของเด็กชายอย่างใกล้ชิดด้วยความกังวลใจอยู่กว่า 3 อาทิตย์ กระทั่งเด็กชายมีอาการดีขึ้นเรื่อย ๆ จนหายดีเป็นปกติ

ในเวลาต่อมาเมื่อสถาบันวิทยาศาสตร์ได้เผยแพร่ข่าวความสำเร็จในการทดลองใช้วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ผู้คนนับร้อยที่ได้รับเชื้อพิษสุนัขบ้าก็แห่แหนกันมาขอรับวัคซีนที่ห้องทดลองของปาร์สเตอร์ผู้เป็นความหวังเดียวของพวกเขา

 

ที่มา : https://www.silpa-mag.com/this-day-in-history/article_18081


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ตะลอนเล่าบันเทิ้งบันเทิง กับ ‘จิว จิวเวอรี่’ | กบร่อน ตะลอนเล่า EP.1

รายการ ‘กบร่อนตะลอนเล่า’ รายการที่จะเล่าพร้อมตะลอน

EP.1 ตะลอนเล่า เรื่องบันเทิ้งบันเทิง!! ประจำวันจันทร์ที่ 5 กรกฎาคม 2564

แขกพิเศษ ‘จิว จิวเวอรี่’

ดำเนินรายการโดย กบร่อน THE STATES TIMES

.

.


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top