Thursday, 29 May 2025
Hard News Team

กัลฟ์ (Gulf ) จับมือ สมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย (สนพท) นำยุทธศาสตร์ “ เมืองจุลินทรีย์ “ เปลี่ยนขยะเป็นประโยชน์ ลดภาวะโลกเดือด เสริมเศรษฐกิจชุมชน

(20 ต.ค. 67) สมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย (สนพท) มีกิจกรรมจัดประชุมคณะกรรมการสมาคมฯ ณ โรงแรม Cruises The Pool Access อ.แกลง จ.ระยอง นำโดย นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล นายกสมาคมฯ สนพท. และ นายนพดล แสงวิไล กรรมการ สนพท. จ.ระยอง และ มีการจับมือ ประกาศเจตนารมย์ MOU  ร่วมกับ กลุ่มบริษัทกัลฟ์ (Gulf ) และ บริษัทกัลฟ์ เอ็มทีพี แอลเอ็นจี เทอร์มินอล จำกัด (Gulf MTP ) โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3  นำโดย ดร.กฤษณ์ พงษ์เทพิน ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายชุมชนสัมพันธ์ Gulf พร้อมด้วย คณะกรรมสมาคมฯ สนพท. จังหวัดต่างๆ พร้อมร่วมขับเคลื่อนและสนับสนุน การสื่อสารเพื่อสร้างสังคมการเรียนรู้ ตามแนวทาง ยุทธศาสตร์ “ เมืองจุลินทรีย์ “ (Biobased ) เปลี่ยนขยะเป็นประโยชน์ ลดภาวะโลกเดือด รักษาฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศน์ ชุมชน โดยฐานความรู้ด้าน “ฐานชีวภาพ” และนวัตกรรมจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ สู่การพัฒนาชุมชน ท้องถิ่น และสร้างกลไกการมีส่วนร่วมของภาคคีความร่วมมือภาคส่วนในสังคม แก้ปัญหาขยะเศษอาหารจากต้นทาง และเปลี่ยนขยะเป็นประโยชน์แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชน สร้างมูลค่า คุณค่า เสริมอาชีพ รายได้ เศรษฐกิจชุมชน พร้อมกับ การแก้ปัญหาขยะล้นเมือง  ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ดิน น้ำ ป่า ระบบนิเวศ ฯลฯ และขับเคลื่อนร่วมกับภาครัฐ และ ประชาสังคม สื่อมวลชน  ฯลฯ ลดภาวะโลกร้อน ภาวะโลกเดือด ซึ่งเป็นปัญหาระดับนานาชาติ รวมทั้งประเทศไทยของเรา โดยกิจกรรมกัน ของ Gulf และ สนพท. คือ ในเดือนถัดไป คือ  ในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 จะขับเคลื่อนกิจกรรม จัดตั้งศูนย์เรียนรู้และธนาคารจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ ร่วมกับ กำนัน และคณะกรรมการชุมชน ต.ป่าป้อง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ตามแนวยุทธศาสตร์เมืองจุลินทรีย์ ฯ เพื่อฟื้นฟู “ป่าต้นน้ำและหุบเขาจุลินทรีย์” ฟื้นระบบนิเวศป่าไม้ ป้องกันไฟป่า ลดคาร์บอน และ เป็นการเสริมสร้างอาชีพ ผลิตภัณฑ์ชุมชน สู่การพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน และ ลดต้นทุนทางการเกษตร ฯลฯ

สำหรับกิจกรรมในพื้นที่ จ.ระยอง   ดร.กฤษณ์ พงษ์เทพิน  กล่าวว่า  กลุ่มบริษัทกัลฟ์ มีนโยบายชัดเจนด้านการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม และร่วมพัฒนาฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน  กรณีตัวอย่างเช่น  ในช่วง 3 ปี (ปี 2565-2567 ) ที่ผ่านมา ได้ส่งเสริมจัดตั้งศูนย์เรียนรู้และธนาคารจุลินทรีย์  กลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มประมงเรือเล็กหาดสุชาดา ต.เนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง โดยมีการอบรมความรู้และแปรรูปผลิตภัณฑ์ จากเศษอาหาร เศษปลา ก้างปลา (ปลาเห็ดโคลน) ที่ชาวบ้านแล่เนื้อขายจะมีเศษปลา ซึ่งเดิมทิ้งเป็นขยะซึ่งจะก่อเกิดมลภาวะชุมชน ได้นำความรู้สู่ชุมชน “เปลี่ยนขยะเป็นประโยชน์” ด้วยกระบวนการหมักแบบชีวภาพ ผลิตเป็น ฮอล์โมนปลาหมัก  ปุ๋ยหมักแบบอินทรีย์  การผลิตจุลินทรีย์ก้อน (EM ball)  ปุ๋ยน้ำจากปลาทะเล  (ซึ่งราคาขายในท้องตลาดลิตรละ 120-150 บาท  ) แปรูปเป็นน้ำยาล้างจาน ล้างรถ ล้างห้องน้ำ น้ำยาเอนกประสงค์ จุลินทรีย์ ฯลฯ สามารถนำไปใช้ในการเกษตรพืชชนิดต่างๆ ปศุสัตว์ การบำบัดน้ำเสียในครัวเรือน แม่น้ำลำคลอง ป่าไม้ ป่าชายเลน ฯลฯ สามารถ การใช้ดูแลสิ่งแวดล้อมในครัวเรือนและจำหน่ายสร้างอาชีพ เพิ่มรายได้แก่ชุมชนได้จริง   เป็นต้น ปี 2565 บริษัทกัลฟ์ ร่วมกับ วิสาหกิจกลุ่มประมงเรือเล็กหาดสุชาดา ฯ เทศบาลตำบลเนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง จัดโครงการฟื้นฟูป่าชายเลนที่เสื่อมโทรม โดยนำความรู้เกี่ยวกับนวัตกรรมจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ ฯ ที่ได้จากการผลิตของวิสาหกิจชุมชนฯที่อบรมไว้ โดยใช้ปุ๋ยน้ำชีวภาพจากจุลินทรีย์ และ จุลินทรีย์บอล นำไปใช้ปรับสภาพดิน น้ำ และใช้เป็นปุ๋ยหรือธาตุอาหาร พร้อมกับฟื้นฟูจุลินทรีย์ในสภาพแวดล้อมดินน้ำป่าของป่าชายเลนฯ ช่วยย่อยเศษใบไม้ อินทรีย์วัตถุในป่าชายเลน ฯลฯ ตั้งแต่ปี 2565 ถึงปัจจุบัน มีสภาพที่ดีขึ้นพร้อมทั้งร่วมกับชุมชนและชาวประมง ปลูกป่าชายเลนเพิ่มเติม กว่า 5,000 ต้น ประสบผลสำเร็จอย่างดีมี อัตราการรอดกว่า 80 % และเจริญเติบโตมาก จากที่เริ่มปลูกกล้าใหม่มีความสูงประมาณ 30 เซนติเมตร ผ่านไป 2 ปี เศษ เติบโตดีมาก สูงกว่า 1.50 – 2.50 เมตร ใบเขียว แผ่กิ่งก้านรากแข็งแรงและปัจจุบันยังร่วมกับชุมชนฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง อีกโครงการหนึ่ง Gulf ร่วมนำยุทธศาสตร์เมืองจุลินทรีย์ ร่วมกับสื่อมวลชนและภาคประชาสังคม จ.ระยอง จัดทำโครงการ “ระยองไม่เทรวม” โครงการแยกขยะเพื่อสิ่งแวดล้อม ลดขยะเศษอาหารของเมือง โดยนำองค์ความรู้ด้านจุลินทรีย์ ฯ (ฐานชีวภาพ) มาใช้รณรงค์การแยกขยะร่วมกับชุมชน และสนับสนุนจัดตั้งศูนย์เรียนรู้และธนาคารจุลินทรีย์ ฯชุมชนเป็นต้นแบบ นำขยะเศษอาหารจากครัวเรือน และ ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า โรงแรมฯ มาผ่านกระบวนการหมักแบบชีวภาพ แปรรูปเป็นปุ๋ยหมักคุณภาพสูง ปุ๋ยน้ำชีวภาพ และการทำจุลินทรีย์ก้อน (Em ball ) ภาคชุมชนและประชาสังคม อยู่ระหว่างพัฒนาโครงการฯร่วมกับทางจังหวัดและอบจ. เพื่อรณรงค์การแยกขยะและลดขยะแปรรูปเปลี่ยนเป็นประโยชน์ในการรักษาสิ่งแวดล้อมและแก้ปัญหาขยะเศษอาหารล้นเมือง ระยอง
นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล  นายกสมาคม ฯ สนพท. กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่ได้ร่วมมือกับกลุ่มบริษัทกัลฟ์ (Gulf) เป็นแนวคิดยุทธศาสตร์ที่ดีมากสอดคล้องกับปัญหาสังคมในปัจจุบัน โดยเฉพาะปัญหาขยะ และภาวะโลกร้อน .. ถึงเวลาทีถึงเวลาที่เราทุกคน ต้องตระหนักและต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ เพื่อฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม คุณภาพชีวิตของเราทุกคน แนวคิด “ ยุทธศาสตร์ เมืองจุลินทรีย์ “ คือการใช้กลไกธรรมชาติชีวภาพในการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมให้เกิดความสมบูรณ์สมดุลสู่ความยั่งยืน “ แนวทางฟื้นฟูเสมือนการย้อนกลับไปสร้างโลกใหม่เพื่อแก้ปัญหาและสร้าง นิเวศสิ่งแวดล้อม ยั่งยืน สนพท. จะร่วมสื่อสารสร้างสังคมการเรียนรู้ร่วมกับกัลฟ์ “ โดยการสร้างองค์ความรู้แก่ชุมชน สังคม เพื่อณรงค์ให้ประชาชนตระหนักต่อปัญหาสิ่งแวดล้อม และมีความรู้ มีแนวทางปฏิบัติในตนเองและครัวเรือนได้ และจะขับเคลื่อนกลไกทางสังคมร่วมกับทุกภาคส่วน เป็นองค์กรสื่อสารเพื่อสิ่งแวดล้อมเพื่อสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตที่ดี ของประเทศไทยของเราทุกคน

ตรวจความพร้อมรบกองพลนาวิกโยธิน

(20 ต.ค. 67) พล.ร.ต.โยธิน ธนะมูล ผู้บัญชากากองพลนาวิกโยธิน (ผบ.พล.นย.) พร้อมด้วย รอง ผบ.พล.นย., เสธ.พล.นย., รอง เสธ.พล.นย. และ หน.ฝอ.บก.พล.นย. ตรวจความพร้อมรบ พัน.ร.หนุน กจต.

เพื่อเป็นการตรวจความพร้อมของกำลังพลและยุทโธปกรณ์ ตามระดับความพร้อมรบ พ.๒ ณ ลานสวนสนาม กรม ร.1ฯ ค่ายพระมหาเจษฎาราชเจ้า อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี และตรวจความพร้อมรบ ร้อย.ฉก.นย. ณ พัน.ลว.ฯ อ.สัตหีบ จว.ชลบุรี

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ชลบุรี รายงาน 0909535645

นาวิกโยธิน จัดกิจกรรมจิตอาสา “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” เนื่องในวันนวมินทรมหาราช

(20 ต.ค. 67) พลเรือโท อภิชาติ  ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน เป็นประธานการจัดกิจกรรมจิตอาสา “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” เนื่องในวันนวมินทรมหาราช ซึ่งจัดขึ้นเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต 13 ตุลาคม 2567

เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย โดยมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่ กำลังพลหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ตลอดจนจิตอาสาภาคประชาชน คณะครูอาจารย์ และ นักศึกษา สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ ร่วมในกิจกรรม ณ บริเวณหน้าพระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาเขาชีจรรย์ ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จว.ชลบุรี

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ชลบุรี 0909535645

‘รองนายกฯ ประเสริฐ’ รุกเจรจาความร่วมมือทีมผู้พัฒนาเกมรายใหญ่ของโลก ในงาน Thailand Game Show 2024

(20 ต.ค. 67) ชี้ ‘ดิจิทัลคอนเทนท์-เกม’ คืออุตสาหกรรมแห่งโอกาส เตรียมเปิดตัว  ‘depa Esports’ ไทย เร่งผลักดันการสร้างบุคลากร Pro Player เพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศ
วันที่ 20 ตุลาคม 2567 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กระทรวงดีอี) เปิดเผยถึงการเยี่ยมชมงาน Thailand Game Show 2024 ณ  ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ว่า ตนพร้อมด้วย ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า และ ดร.วาริน รัชนานุสรณ์ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมวิสาหกิจดิจิทัลเริ่มต้น ได้เยี่ยมชมงาน Thailand Game Show 2024 เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2567 ที่่ผ่านมา ทำให้เห็นศักยภาพของอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ไทย ซึ่ง กระทรวงดีอี และ ดีป้า มุ่งให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งเร่งส่งเสริมและต่อยอดศักยภาพอุตสาหกรรมใหม่ ไม่ว่าจะเป็น  อีสปอร์ต เกม แอนิเมชัน และคาแรกเตอร์ สู่การเป็นอุตสาหกรรมแห่งโอกาส พร้อมกันนี้ยังได้สั่งการให้ดีป้า ส่งเสริมอุตสาหกรรมดังกล่าวอย่างรอบด้านเพื่อเป็นกำลังสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศต่อไป

“ปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอีสปอร์ต เกม แอนิเมชัน และคาแรกเตอร์ คือ ‘กำลังคน’ แม้ว่าประเทศไทยจะมีบุคลากรที่มีศักยภาพอยู่ไม่น้อย แต่ภาครัฐจะดำเนินการอย่างไรเพื่อเพิ่มกำลังคนในกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าว ควบคู่ไปกับการต่อยอดให้กลุ่มผู้มีศักยภาพสามารถเติบโตต่อไปเป็นนักกีฬาอีสปอร์ตระดับ Pro Player หรือแม้แต่ผู้ผลิตเกมและส่งออก ทำอย่างไรให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักมากขึ้นในตลาดโลก เป็นหมุดหมายสำคัญของดิจิทัลคอนเทนต์ในระดับภูมิภาค และนำมาซึ่งการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดด ซึ่งทั้งหมดถือเป็นโจทย์ที่ภาครัฐจะต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน และเร็ว ๆ นี้ กระทรวงดีอี โดย ดีป้า จะเปิดตัวโครงการ depa Esports ที่จะมาสร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ให้กับวงการอีสปอร์ตไทย” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี กล่าว

พร้อมกันนี้ รองนายกรัฐมนตรี และคณะยังได้ร่วมหารือแนวทางความร่วมมือในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเกมกับบริษัทผู้พัฒนาเกมและสมาคมเกมจากต่างประเทศ อาทิ Nintendo, Konami และ Korea Game Developers Association (KGDA) โดยในการหารือกับ KGDA มีความสนใจที่จะตั้งศูนย์การพัฒนาทักษะการพัฒนาเกมเพื่อสร้างกำลังคนสู่อุตสาหกรรมเกมของประเทศไทยและระดับโลก รวมถึงการคัดเลือกนักพัฒนาเกมของไทยเพื่อไปแสดงศักยภาพของผลงานในเวทีเกมของเกาหลีใต้ โดย นายประเสริฐ ได้มอบหมายให้ ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า ประสานงานในรายละเอียดต่อไป

ทั้งนี้ ผศ.ดร.ณัฐพล ได้ร่วมให้ข้อมูลความพร้อมในด้านต่าง ๆ ของประเทศและสิทธิประโยชน์สำหรับการลงทุนในไทยเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่น ไม่ว่าจะเป็น การสร้างบรรยากาศการลงทุนในอุตสาหกรรมเกม อีสปอร์ต และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างอาคาร Digital Edutainment Complex บนพื้นที่ 20,000 ตารางเมตรในโครงการ Thailand Digital Valley อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นอาคารที่ถูกออกแบบเป็นพื้นที่ทดสอบทดลองนวัตกรรมดิจิทัล และเป็นระบบนิเวศที่จะช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอีสปอร์ตและอุตสาหกรรมเกมไทย รวมถึงการดำเนินการตามแผนพัฒนาทักษะดิจิทัลสำหรับคนไทย (Digital Skill Roadmap) โดยเร่งส่งเสริมทักษะดิจิทัลสำหรับอาชีพใหม่แห่งโลกอนาคตผ่านแผนงานทักษะดิจิทัลสำหรับอาชีพยุคใหม่ (Digital-driven Career) เป็นต้น

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการจัดแสดงผลงานจากผู้พัฒนาเกมชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศมากกว่า 50 บริษัท โดย ดีป้า ได้ร่วมนำเสนอผลงานจากนักพัฒนาเกมสัญชาติไทย ได้แก่ บริษัท รีโวลูชั่น อินดัสตรี จำกัด (เกม Airship Academy) บริษัท นานุค จำกัด (เกม Bounty Brawl) บริษัท เกมอินดี้ จำกัด (เกม BuzzDe) บริษัท ไซ สตูดิโอ จำกัด เกม Dala WBB STUDIO (เกม Falling Day) บริษัท เรดเซนเซชั่นเกมส์ จำกัด (เกม Gemcrusty และ เกม Narin) บริษัท แฟร์เพลย์ สตูดิโอส์ จำกัด (เกม Nightmare Circus และ เกม The Land Beneath Us) และบริษัท แวริซอฟต์ จำกัด (เกม Zabbworld) ภายในงาน Thailand Game Show 2024 ซึ่งจะมีไปจนถึงวันที่ 20 ตุลาคม 2567

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2567 : ‘ทำไม? ต้องเวียนว่ายตายเกิด’

จากช่องติ๊กต็อก @dhamma_tv ได้เผยแพร่คำสอนเรื่อง ‘ทำไม? ต้องเวียนว่ายตายเกิด’ จากรายการ ‘ธรรมะทำไม’ โดย ‘พระครูศรีปริยัติวิสุทธิ์ (หลวงพ่อโกวิท)’ รองเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา เจ้าอาวาสวัดด่านใน

คำถาม : นับถือศาสนาพุทธ แต่ไหว้เทพเจ้า ผิดศีลหรือไม่

พระครูศรีปริยัติวิสุทธิ์  (หลวงพ่อโกวิท) : นอกจากไม่ผิดศีลแล้วยังเป็นความใจกว้างของศาสนาพุทธ เพราะพระพุทธเจ้า ท่านสอนเรื่องเมตตา สอนเรื่องความรัก ไม่ให้แบ่งแยกเขาไม่ให้แบ่งแยกเรา

ไม่มีการแบ่งแยกความเชื่อ เพียงแต่ว่าขมวดปมความเชื่อ ขมวดปมสาระ ในทางพุทธศาสนาจะไม่บอกว่า เราเท่านั้นดีที่สุด คนอื่นไม่ดี ...พระพุทธเจ้าไม่สอนอย่างงั้น

และการไหว้เทพเจ้า ยังอยู่ในหลักการทําบุญข้อที่ 5 ที่ว่าด้วย การประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตน “วุฑฒาปะจายิโน, จัตตาโร ธัมมา วัฑฒันติ, อายุ วัณโณ สุขัง พะลัง” ซึ่งใจความสำคัญ คือ “อะปะจายะนะมัย” หมายถึงการประพฤติอ่อนน้อมต่อสิ่งที่สูงกว่า ต่อบุคคลผู้สูงกว่า

ดังนั้น เมื่อเราเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดี มีใจกว้าง การจะไหว้เทพเจ้าในวัดจีน หรือเทพเจ้าในวัดแขก ไม่ถือว่าเป็นเรื่องผิด และพระพุทธเจ้าไม่ได้ห้าม

‘พีระพันธุ์’ สวมบท ‘พี่ตุ๋ย’ คุยเรื่องอนาคตพลังงาน ในวันหยุด พาน้องๆ ล้อมวงคุย!! นั่งโต๊ะทำงาน สนุกสนานเป็นกันเอง

(19 ต.ค.67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้เปิดกระทรวงพลังงาน ซึ่งตรงกับวันหยุดราชการ เพื่อพานักเรียน เยาวชน ของสภานักเรียน ที่มีความสนใจในด้านพลังงานของไทย เข้าศึกษาดูงานในสถานที่จริงและเพื่อเป็นการเรียนรู้ข้อมูลด้านพลังงาน พร้อมเป็นทูตพลังงานในอนาคต

โดยในช่วงเช้า เป็นการบรรยายให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับพลังงาน โดย ดร. ประเสริฐ สินเสริมสุขสกุล หัวหน้ากลุ่มน้ำมันและก๊าซปิโตรเลียมเหลว และน.ส.กนกวรรณ เส้งประถม นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ สำนักงานนโยบายและแผน กระทรวงพลังงาน

จากนั้น นายพีระพันธุ์ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้พูดคุยล้อมวงกับนักเรียน เยาวชน โดยสวมบทบาท พี่ตุ๋ย ที่มาชวนพูดคุยบอกเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับกระทรวงพลังงาน ตั้งแต่ประวัติศาสตร์ด้านพลังงานทั้งของโลกและของประเทศไทย ซึ่งบรรยากาศเต็มไปด้วยความเป็นกันเองและสนุกสนานในความรู้ที่นักเรียน เยาวชน ได้รับโดยตรงจากรัฐมนตรีที่ดูแลกระทรวง ซึ่งนายพีระพันธุ์ ในบทบาท พี่ตุ๋ย ได้อธิบายเรื่องที่ยากของการทำงานด้านพลังงานให้เข้าใจด้วยภาษาที่ง่ายและสนุกสนาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกองทุนน้ำมัน การสำรองน้ำมันของประเทศ อีกทั้งยังได้อธิบายถึงปัญหาการทำงานในฐานะของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน 

นอกจากนี้ นายพีระพันธุ์ ยังได้อธิบายถึงการเตรียมการออกกฎหมายเพื่อประชาชน ในการลดขั้นตอนการติดตั้งอุปกรณ์โซลาร์เซลล์ เนื่องจากที่ผ่านมานั้น ภาครัฐออกกฏหมายควบคุมที่มีความซับซ้อน และยุ่งยาก

ซึ่งหลังจากนี้ เมื่อมีการออกกฎหมายฉบับที่กำลังดำเนินการนั้น ประชาชนสามารถทำการติดตั้งได้โดยที่ไม่ต้องผ่านขั้นตอนการขออนุญาตที่มีหลายขั้นตอนแบบในอดีตที่ผ่านมา และจะส่งผลดีกับการใช้พลังงานทางเลือก 

หลังจากนั้น นายพีระพันธุ์ ได้ พาเยาวชนของสภานักเรียนเยี่ยมชมพื้นที่ของ บ้านพิบูลธรรม ซึ่งเป็นอาคารที่ทำการของกระทรวงพลังงาน เป็นหนึ่งในโบราณสถานที่ได้รับการขึ้นทะเบียนโดยกรมศิลปากร รวมทั้งยังได้เปิดห้องทำงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่ไม่ได้เปิดให้ได้ชมบ่อยครั้ง และยังพานักเรียนนั่งร่วมโต๊ะทำงาน พร้อมกับเปิดร่างกฎหมายด้านพลังงานที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการเตรียมความพร้อมนำเสนอ ให้นักเรียน เยาวชน ได้ชมเป็นกลุ่มแรกของประเทศอีกด้วย 

อย่างไรก็ดี นับตั้งแต่ นายพีระพันธุ์ เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ตั้งสมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน และดำรงตำแหน่งต่อเนื่องในรัฐบาลของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้ใช้บ้านพิบูลธรรม เป็นที่ทำการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน

สำหรับประวัติของบ้านพิบูลธรรม เดิมชื่อว่า บ้านนนที สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 ช่วงปี 2240 ซึ่งเป็นตัวอาคารที่ 1 ที่อยู่ใกล้กับคลองผดุงกรุงเกษม จนในรัชสมัยต่อมารัชกาลที่ 6 พระราชทานเงินเพื่อก่อสร้างบ้านหลังนี้ให้มีอาคารเพิ่มเติม เป็นส่วนอาคารที่ 2 พระราชทานให้กับเจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี (หม่อมราชวงศ์ปุ้ม มาลากุล) เสนาบดีกระทรวงวัง สร้างประมาณ พ.ศ. 2456 อันเป็นปีที่เจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ โปรดเกล้าฯ เป็นเจ้าพระยา

ที่บ้านหลังนี้มีชื่อว่าบ้านนนทีนั้น ตั้งตามชื่อวัวพระนนทิการ ซึ่งเป็นเทวพาหนะของพระอิศวร ซึ่งเป็นตราประจำเสนาบดีกระทรวงวัง คือตราพระมหาเทพทรงพระนนทิการ เจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดีอยู่ที่บ้านหลังนี้จนถึงแก่อสัญกรรมเมื่อ พ.ศ. 2485

จะเห็นว่าสไตล์การออกแบบส่วนใหญ่มีความประณีตงดงามด้วยฝีมือสถาปนิกชาวอิตาลี เนื่องจากเป็นยุคที่ไทยกำลังเปิดรับอารยธรรมตะวันตกเข้ามาในหลายๆ ด้าน

จนกระทั่งเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2484 บ้านนนทีถูกระเบิดเสียหายอย่างหนักเกินกว่าจะซ่อมแซม เจ้าของบ้านจึงขายให้รัฐบาล ช่วงเวลานั้นจอมพล ป. พิบูลสงครามได้อนุมัติให้ซื้อไว้ในปี พ.ศ. 2498 และปรับปรุงซ่อมแซมเพื่อใช้เป็นสถานที่รับรองแขกเมือง และขนานนามใหม่ว่า ‘บ้านพิบูลธรรม’

ต่อมาในปีพ.ศ. 2501 จึงมอบให้เป็นที่ทำการของการพลังงานแห่งชาติและเคยเป็นที่ทำการของกระทรวงพลังงาน ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน 

4 แลนด์มาร์กไทย ได้รับการประกาศเป็น ‘แหล่งท่องเที่ยวยั่งยืน’ ของโลก ผ่านเกณฑ์!! คุณภาพ มีความสร้างสรรค์ ครอบคลุมทุกด้านของความยั่งยืน

(19 ต.ค. 67) Green Destinations ได้ประกาศรายชื่อ Green Destinations Top 100 Stories ประจำปี 2024 โดยมี 4 แหล่งท่องเที่ยวที่ อพท. พัฒนาตามแนวทางเกณฑ์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลก (GSTC) ได้รับการประกาศให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวยั่งยืน 100 แห่งของโลก ได้แก่

- เวียงภูเพียงแช่แห้ง จังหวัดน่าน นำเสนอแนวปฏิบัติที่ดีในประเภท Culture & Tradition ประเด็นกลไกการยกระดับงานประเพณีท้องถิ่น ‘เทศกาลหกเป็ง’ สู่เทศกาลที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยว 

-  เมืองโบราณอู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี นำเสนอแนวปฏิบัติที่ดีในประเภท Destination Management ประเด็นการฟื้นฟูแหล่งเสื่อมโทรมเมืองโบราณอู่ทอง ด้วยพลังศรัทธาภาคประชาสังคม สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน 

- เมืองเก่าสงขลา จังหวัดสงขลา นำเสนอแนวปฏิบัติที่ดีในประเภท Thriving Communities ประเด็นการฟื้นคืนเมืองเก่าสงขลาให้กลับมามีชีวิต 

- เชียงคาน จังหวัดเลย นำเสนอแนวปฏิบัติที่ดีในประเภท Thriving Communities ประเด็น เมื่อคูปองอาหารเช้ากลายเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจเชียงคาน

ในปี 2024 มีผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมรับการคัดเลือกกว่า 170 รายชื่อแหล่งท่องเที่ยวจาก 45 ประเทศ โดยมีเรื่องราวที่ส่งเข้าประกวด 129 เรื่อง ขณะที่การคัดเลือกเรื่องราวจะถูกประเมินโดยทีมผู้ประเมิน ของ Green Destinations ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญจากแต่ละประเทศและพันธมิตร เกณฑ์การคัดเลือกพิจารณาจากคุณภาพของเรื่องราว ความสามารถในการถ่ายทอด ความคิดสร้างสรรค์ และการครอบคลุมทุกด้านของความยั่งยืน

ทั้งนี้ แหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับการประกาศรายชื่อ จะได้เข้าร่วมฉลองความสำเร็จในพิธีที่จะจัดขึ้นในงานประชุมระดับโลก Green Destinations Global Conference 2024 ณ สาธารณรัฐชิลี ในเดือนธันวาคม 2567 นี้

ช่างแต่งหน้าที่อินโดนีเซีย เนรมิตเพื่อนสาว ให้กลายเป็น ‘หมูเด้ง’ ถอดแบบมาเป๊ะเวอร์ ‘จมูก-ปาก-ใบหู’ น่ารักน่าเอ็นดู เรียกเสียงฮือฮา

(19 ต.ค. 67) ‘ฮาเบล’ (Habel) อาร์ตติส-ช่างแต่งหน้าฝีมือยอดเยี่ยมจากประเทศอินโดนีเซีย เนรมิตเพื่อนสาวสุดน่ารักให้กลายเป็น ‘หมูเด้ง’

งานนี้ทำเอาโซเชียลฮือฮา เพราะฝีมือการแต่งหน้าของเธอขั้นเทพจริง ๆ ถอดแบบ ‘หมูเด้ง’ มาเป๊ะเวอร์ ไม่ว่าจะช่วงจมูก ปาก และใบหูที่เธอเนรมิตขึ้นใหม่ รวมทั้งลงสีผิว ออกมาน่ารัก น่าเอ็นดูสุด ๆ เรียกเสียงชมอย่างล้นหลาม

ฮาเบล เล่าถึงลุกส์นี้ว่า “ฉันเลือก หมูเด้ง เป็นแรงบันดาลใจในการแต่งหน้าครั้งนี้ เพราะฉันเห็นหน้าเจ้าหมูเด้งเยอะมาก ๆ ในโซเชียลมีเดีย และนางแบบที่ฉันเลือกมาแต่งหน้าในครั้งนี้ ก็มีใบหน้าที่สมบูรณ์แบบซึ่งเหมาะกับการออกแบบลุกส์แต่งหน้าของฉัน”

พร้อมเสริมว่า “การแต่งหน้าทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงครึ่ง ส่วนที่ยากที่สุดในการแต่งลุกส์นี้ก็คือ การติดกาวและเกลี่ยวัสดุโฟมลาเท็กซ์บนใบหน้าของนางแบบ”

ทั้งนี้เธอทิ้งท้ายถึงแฟน ๆ ชาวไทยว่า “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อ ฮาเบล ฉันเป็นช่างแต่งหน้าจากอินโดนีเซีย ฉันชอบออกแบบลุกส์แต่งหน้าที่ดูตลกและน่ารัก บางครั้งฉันก็แต่งหน้าแบบจริงจัง-สมจริงด้วย ฮ่า ๆ และขอบคุณที่ชอบการแต่งหน้าของฉันนะคะ”

ทัวร์ลง!! ถล่มยับ ‘แม่ค้าขายปลาหมึก’ ขอซื้อไม้เดียว ไม่ยอมย่างให้ บังคับต้องซื้อ 2 ไม้ขึ้นไป ลูกค้าเผย!! แค่อยากลองชิม เป็นครั้งแรก

(19 ต.ค. 67) สมาชิก TikTok @intylertilleyโพสต์คลิป ขณะไปซื้อปลาหมึกไข่ 1 ไม้ จิ้มน้ำจิ้มเลย แต่แม่ค้ากลับบอกว่าไม้นึงไม่ย่างนะคะ เพราะมันต้องย่างใหม่คะ พี่เขาขายเป็นเจ็ดไม้ เขาไม่ขายหนึ่งไม้ สองไม้สามไม้ก็ได้ แต่ถ้าไม้นึงไม่ย่างเนาะ ด้านเจ้าของคลิปก็บอกเอาสองไม้ก็ได้ ไม้ละ 15 บาท พี่เขาไม่ขายให้หนึ่งไม้ เราก็ซื้อสองไม้ ราคา 30 บาท

โดยระบุข้อความว่า หมึกไข่แท้ไม้ละ 15 บาท เกือบไม่ได้กินแล้ว ต้องซื้อสองไม้ขึ้นไปพี่เขาจะขายให้ อินไม่รู้จริง ๆ ค่ะ อยากลองกินไม่เคยกินหมึกไข่ นี่เป็นครั้งแรก ซื้อเยอะก็กลัวกินไม่หมดเพราะไทเลอร์ไม่กินด้วย หมึกไข่อร่อยค่ะ

ขณะที่ชาวเน็ตแห่เข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก อาทิ แม่ค้าวีนอะไรคะ, แม่ค้าควรพูดว่า สัก2ไม้ มั้ยลูก อร่อยนะ, ไม่แปลกใจทำไมยังเต็มถาดอยู่, ไม้เดียวไม่ขาย มีเหตุผลอะไรทำไมไม่ขาย, เข้าใจทั้งสอง ในมุมแม่ค้า1ไม้ไหนจะค่าถุงค่าน้ำจิ้มค่าถ่าน แทบไม่ได้อะไร ในมุมลูกค้าอยากลองแค่ไม้เดียวพอ แต่เป็นเรา ๆ จะซื้อ2ไม้เกรงใจ5555 เป็นต้น ซึ่งคลิปดังกล่าวมีคนเข้าไปดูแล้วกว่า 7.1 ล้านครั้ง

เปิดประวัติ ‘ไฮโซเคลวิน’ หนุ่มหล่อ อินเลิฟของ ‘บอสมิน’ เป็นแค่เพื่อนมา 12 ปี ก่อนจะข้ามเฟรนด์โซน มาเป็นแฟน

(19 ต.ค. 67) จากกรณีนางเอกดัง ‘มิน พีชญา’ ผู้หญิงหนึ่งเดียว ในกลุ่มดาราคนดัง ที่ถูกจับกุมเป็นผู้ต้องหา คดี ‘ดิไอคอนกรุ๊ป’ ล่าสุดในโลกออนไลน์ หลายคนก็พากันพุ่งเป้าไปที่หนุ่มหล่อ ‘เคลวิน ตีรวัฒนานนท์’ หวานใจของสาวมิน พร้อมบอกขอให้รักสาวมินและเคียงข้างเธออย่าหนีไปไหน

‘เคลวิน ตีรวัฒนานนท์’ คือใคร ทำงานอะไร มีธุรกิจยิ่งใหญ่แค่ไหน กวาดรายได้ต่อปีเท่าไหร่

ประวัติ ‘เคลวิน ตีรวัฒนานนท์’
ชื่อเล่น : เค
ชื่อจริง : เคลวิน ตีรวัฒนานนท์
อายุ 34 ปี
พื้นเพเป็นคน เชียงใหม่
จบการศึกษา คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
ปัจจุบันทำอาชีพ นักวิทยากร 2 ภาษาในเมืองไทย
เป็นนักธุรกิจ ตำแหน่ง 'Marketing Director (MD)' ของ SCG Home Khonkaen
ไลฟ์สไตล์ ชอบตีกอล์ฟ, ท่องเที่ยว,นักชิม โดยเฉพาะ ร้านอาหารที่ได้รับรางวัล Michelin Star

จุดเริ่มต้นความรักของหนุ่ม เคลวิน และนางเอกสาว มิน พีชญา เริ่มจากการเป็นเพื่อน ทั้งคู่เป็นเพื่อนกันนานกว่า 12 ปี ก่อนที่ฝ่ายชายสามารถก้าวข้ามเฟรนด์โซนมาได้ ซึ่งเส้นทางรักก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ต้องเอาชนะใจนางเอกสาว มิน พีชญา หนักมาก

กระทั่งในที่สุดทั้งคู่ก็เปิดตัวว่าคบหาดูใจกัน ยิ่งเพิ่มดีกรีความหวานให้คู่รักคู่นี้เพิ่มขึ้นไปอีก

เปิดธุรกิจ เค เคลวิน ตีรวัฒนานนท์
ข้อมูลจาก creden data ฐานข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ผ่านระบบวิเคราะห์ข้อมูลบริษัทครบวงจร พบว่า เค เคลวิน ตีรวัฒนานนท์ เป็นกรรมการบริษัท 1 แห่ง รวมทั้งถือหุ้น 1 รายการ มูลค่าหุ้นทั้งหมด 54,459 บาท โดยมีรายละเอียดดังนี้

บริษัท มานนา ฮาร์ทเมด จำกัด

จดทะเบียนเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2564
พบรายชื่อนายเคลวิน ตีรวัฒนานนท์ เป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริษัท ถือหุ้นจำนวน 1,000 หุ้น (50.00%) มูลค่าหุ้น 54,459 บาท และมี น.ส.มิน พีชญา เป็นกรรมการร่วมด้วย และถือหุ้นจำนวน 980 หุ้น (49.00%) มูลค่าหุ้น 53,370 บาท
ดำเนินธุรกิจการผลิตผลิตภัณฑ์อาหารอื่น ๆ ซึ่งมิได้จัดประเภทไว้ในที่อื่น
ปัจจุบันทุนจดทะเบียน 200,000 บาท
โดยมีผลประกอบการย้อนหลังดังนี้

ปี 2565 รายได้ 11,575 บาท ขาดทุน 74,651 บาท
ปี 2566 รายได้ 2,398 บาท ขาดทุน 16,431 บาท
ปี 2566 สินทรัพย์รวม 141,000 บาท หนี้สินรวม 32,082 บาท


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top