Saturday, 17 May 2025
Hard News Team

กองปราบ ยื่นขอหมายจับ!! ‘เจ๊พัช กฤษอนงค์’ ข้อหา 'กรรโชกทรัพย์ - ตัวกลางเรียกรับสินบน'

(16 พ.ย. 67) พนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป. ได้เข้าสอบปากคำ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ ‘บอสพอล’ กับ น.ส.ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร หรือ บอสปัน ในเรือนจำ

เพื่อซักถามรายละเอียดทางคดีเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีที่ถูก น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ หรือ เจ๊พัช ประธานอำนวยการศูนย์ประสานงานส่งเสริมเครือข่าย-ออนไลน์ เรียกเงินเพื่อแลกกับการไม่เปิดโปงธุรกิจดิไอคอน ก่อนนำมาประมวลเรื่องราวควบคู่พยานหลักฐาน

ก่อนที่ช่วงเช้าที่ผ่านมา พ.ต.อ.มิ่งมนตรี ศิริพงษ์ ผกก.กลุ่มงานสอบสวน บก.ป. จะนำหลักฐานและคำให้การของพยานในคดีทั้งหมด เข้ายื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อขออนุมัติการออกหมายจับน.ส.กฤษอนงค์ หรือ เจ๊พัช

ในความผิดฐาน ‘กรรโชกทรัพย์’ และ ‘เป็นตัวกลางเรียกรับสินบน’ จากกรณีแอบอ้างเรียกเงินจากกลุ่มผู้ต้องหาเครือข่ายดิไอคอน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา

‘แพทองธาร’ ร่วมเวที ที่ปรึกษาธุรกิจเอเปค!! ย้ำ!! สนับสนุนการเปลี่ยนผ่าน สู่เศรษฐกิจดิจิทัล

(16 พ.ย. 67) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รายงานว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการหารือระหว่างผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคกับสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค ในช่วงอาหารกลางวัน (ABAC Dialogue with APEC Economic Leaders) โดย นายกรัฐมนตรี กล่าวในหัวข้อ ‘ประชาชน ภาคธุรกิจ และความรุ่งเรือง’ (People. Business. Prosperity.)ว่า ยินดีที่ได้มาร่วมกับสมาชิกสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค (ABAC) ซึ่งหัวข้อของการประชุมของ ABAC ในปีนี้สอดคล้องกับหัวข้อการประชุม APECของเปรูที่ว่า ‘เสริมสร้างพลัง การมีส่วนร่วม และการเติบโตอย่างยั่งยืน’ และตนสนับสนุนความคิดริเริ่มของเปรูในการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจในระบบและเศรษฐกิจโลก (the transition to the formal and global economy)

โดยแรงงานมากกว่าครึ่งของเอเปคมาจากเศรษฐกิจนอกระบบ จึงเป็นเรื่องที่ทุกประเทศต้องให้ความสำคัญ รวมทั้งบทบาทของการใช้ดิจิทัลและนวัตกรรมเพื่อสร้างการเข้าถึงอย่างครอบคลุม โดยเฉพาะ ธุรกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSMEs) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการ และกลุ่มที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจ ในกลุ่มประเทศสมาชิกอย่างมาก  

ซึ่งที่ผ่านมามีการปรับตัวกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วและมีความท้าทาย ในเรื่องต้นทุน และทักษะใหม่ ๆ ที่จำเป็น ดังนั้นการสนับสนุนผ่านโครงการเสริมสร้างศักยภาพโอกาส ในการเพิ่มทักษะและพัฒนาทักษะใหม่ๆตลอดจนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนอย่างทั่วถึงจึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่ง รัฐบาลไทยได้ปรับปรุงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อให้แน่ใจว่ามีมาตรการทางการเงินที่เหมาะสม

ซึ่งนายกรัฐมนตรียืนยัน สนับสนุนให้เอเปค พิจารณาโครงการชำระเงินดิจิทัลข้ามพรมแดนต่อไป เพื่อส่งเสริมระบบการเงินที่เสรี มีความปลอดภัยและแข่งขันได้

นายกรัฐมนตรียังกล่าวอีกว่า นอกจากการค้า การลงทุน และการบูรณาการทางเศรษฐกิจ ยังมีความสำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในภูมิภาค นั่นก็คือการเติบโตทางนวัตกรรมทางการเงิน และระบบการชำระเงินดิจิทัลที่จะเป็นเครื่องมือช่วยให้บรรลุเป้าหมายนี้ ได้ โดยประเทศไทย ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องและประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการวางระบบให้ประชาชนในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน สามารถชำระเงินผ่านรหัส QR code ระหว่างกันได้แล้วซึ่งจะช่วยให้การทำธุรกรรม การเงิน ข้ามพรมแดน ได้อย่างสะดวกรวดเร็วอันเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจ ของแต่ละประเทศ

‘อาจารย์อ๊อด’ ร่วมด้วย!! ช่วยแฉ ชี้!! ทนายกร่าง ทำแสบไว้หลายเรื่อง

(16 พ.ย. 67) อาจารย์อ๊อด หรือ อ.วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์เคมีชื่อดัง ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ในรายการ ‘SondhiX’ ซึ่งดำเนินรายการโดย นายนพรัฐ พรวนสุข บรรณาธิการอาวุโส สื่อเครือผู้จัดการ-News1 โดยได้พูดถึงประเด็นที่สังคมไทย กำลังให้ความสนใจ เกี่ยวกับ ทนายชื่อดัง โดยเนื้อหาในการพูดคุยกันนั้น มีดังนี้ ...

ผมก็ประกาศว่าเอาให้สุด ไม่เหมือนคุณอา (นายสนธิ) ส่วนนี้นะ คือสุดซอยของผมนี่คือจนตรอก ตรอกนี่จะเล็กกว่าซอยเอาให้จนตรอกไปเลย ไม่ว่าจะเป็นผมหรือเขานะ

ทำไมถึงแค้นขนาดนั้น?

มันเริ่มจากผมไปนั่งเป็นที่ปรึกษาให้กับ บริษัทของ ‘เสี่ยเปี๊ยก’ ที่เพชรบุรี ผู้รับเหมาก็ฟ้องเสี่ยเปี๊ยก เสี่ยเปี๊ยกก็ฟ้องผู้รับเหมา ก็ฟ้องกันไปฟ้องกันมา แล้วปรากฏว่า ผมก็มีชื่อติดไปด้วย โดนฟ้องเป็นคดีแพ่งนะครับ ไม่ใช่คดีอาญา ซึ่งผมโดนหางเลขเพราะว่าผมก็ขอลาออกไปช่วยผู้รับเหมานะครับ ก็เลยโดนกล่าวหาว่าเห้ยเราไปฮั้วกับผู้รับเหมาอะไรประมาณเนี้ย มันก็เป็นเรื่องของการผิดสัญญาธรรมดา หลังจากนั้นเนี่ยทางเสี่ยเปี๊ยก เค้าก็มีทนายเค้าอยู่ละครับมันก็เป็นเรื่องภายในอะครับ

ปรากฏว่าสํานวนฟ้องมันหลุดไปได้ยังไงไม่รู้นะครับ แล้วก็ไปถึงมือหลายคน ซึ่งมาถึงบางอ้อหลังจากที่อาจารย์อ๊อดได้มีโอกาสไปกินข้าวกับทนายตั้ม ตั้มก็บอกว่าเรื่องพี่อ๊อดน่ะมาที่ผมเยอะมากเลย อ้าวแล้วทําไมตั้มไม่ทํา ตั้มไม่ทําตั้มส่งให้คนอื่นต่อเราก็เลยถึงบางอ้อไงเพราะว่าเรื่องเนี้ยก็ไปโผล่ที่ facebook ของทนายคนนึง

โพสต์เลย อาจารย์ชื่อดังที่มีความเชี่ยวชาญด้านกัญชงกัญชาโกงหลอกนักลงทุนร้อย 150 ล้านโหตรงเป๊ะเลยนะกับคําฟ้อง

จนในที่สุดเขาก็พยายาม สโคปเข้าเรื่อยๆ ให้นึกถึงเป็น ‘อาจารย์อ๊อด วีระชัย’ เนี่ย!!

หลังจากนั้น ช่วงประมาณ 25 ตุลาคม 2565 สื่อก็รุมกันเล่น อาจารย์ก็สู้แหลกเลย ทำให้ต้องทะเลาะกับทุกคนเลย ก็มีที่มาจาก ‘ทนายพม่า’ คนนี้แหละ ‘ดำรัฐฉาน’

ทนายคนนี้ เขาเอาไปเล่นใหญ่เลย อ.อ๊อด โกง 150 ล้าน 

ไม่ได้มีข้อเท็จจริงอะไรเลย จนในที่สุดเสี่ยเปี๊ยก ก็ไปจ้างคนนี้มาเป็นทนาย อ.อ๊อด ก็สู้เลยทีนี้ มาด่าว่าเราโกง สุดท้ายอาจารย์ก็โดนไป 44 คดี 

ส่วนใหญ่เป็นหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา คืออาจารย์อ๊อดพยายามโพสต์อธิบายครับมันก็ต้องพาดพิง แล้วเราไม่รู้ข้อกฎหมาย เราก็พูดชื่อเค้าตรง ๆ เค้าก็ฟ้องเลยแต่ศาลยกฟ้อง ก็ด้วยบอกว่าเรามีส่วนคือเราอธิบายความ ผมก็เพิ่งมารู้ข้อกฎหมายตอนหลัง เราเป็นอาจารย์เคมีไม่รู้เรื่องกฎหมาย 

มันเป็นกลยุทธ์ของเขา เพื่อที่จะหลอกให้เราไปตกหลุมพราง พอเราตอบโต้เขา ก็กลายเป็นหมิ่นประมาท จัดการเล่นเราตรงนั้น เรียกค่าเสียหายคดีละ 3 แสนบาท  วางศาลแค่ พันเดียว แต่เรียกเรา 3 แสน

เท่านั้นยังไม่พอ ใครมีเรื่องกับอ.อ๊อด ก็ไปเรียกเขามารวมกัน จะว่าความให้อีก อ.อ๊อด ก็ได้แต่ตั้งการ์ดรับอย่างเดียวเลย เหมือนนักมวยอ่ะ มาตุ๊บตั๊บ กันเต็มไปหมดเลย

จนในที่สุดผมก็ได้รับคำแนะนำที่ดีจาก ท่านอดีตศาลที่ท่านได้เกษียณไปแล้ว ผมถึงได้โต้กลับแล้วผมก็ชนะ

พฤติกรรมที่ทํากับผม ผมร่างหนังสือร้องสภาทนายความ ผมร่างก็คือขอให้สภาทนายความเนี่ยลบชื่อออกเลยนะ ผมก็เอาจากที่ให้คําสัมภาษณ์สื่อทุกวันเนี่ย ร้องต่อสภาทนายความ

ปรากฏว่าวันดีคืนดี มีหมายศาลครับมาที่บ้านบอกว่าเราไปร้องเรียนที่สภาทนายความเนี่ยร้องเท็จ

จาก ‘ทนายดํารัฐฉาน’ ฟ้องข้อหาหมิ่นประมาท แล้วก็แจ้งเท็จ ร้องเท็จ ร้องเท็จเนี่ยหนักโทษหนักนะครับ ฟ้องที่ศาลแขวงดอนเมือง 

แต่ก่อนที่หมายศาลจะมา มีจดหมายจากสํานักงานทนายเดรัจฉาน มาที่บ้านครับจะเราก็งง เอ๊ะเขามีหน้าที่อะไรส่งหมายศาลมาให้เราก่อน ก่อนที่หมายศาลจริงจะมาส่งจดหมายมาก่อน ว่าคุณถูกฟ้องนะมันเหมือนข่มขู่เราอะแต่เราก็งงมากได้รับมา แต่ว่าเผอิญอาจารย์อ๊อดเนี่ยโดนฟ้องมาเกือบทั้งชีวิต เราก็เลยเฉย ๆ นะ รับมาปุ๊บก็สู้คดีครับสู้ไปจนศาลก็ตัดสินให้เราชนะ ก็ชนะเค้าก็อุทธรณ์ ศาลไม่รับอุทธรณ์ เมื่อไม่รับอุทธรณ์ก็ไม่ถึงฎีกา คดีก็ถึงที่สุดเลย หมายความว่า เราชนะทั้งสามศาล

ทีนี้พอมาเห็นคุณอาสนธิโดนเนี่ย เราก็เลยมองแล้วว่าเอ๊ะมันคล้าย ๆ กัน เขาจะประกาศหาแนวร่วมแล้วเขาก็จะใช้ความรู้ทางกฎหมาย บิดข้อเท็จจริง แล้วเขาก็จะไม่เอ่ยชื่อ ซึ่งลักษณะนี้มันก็จะคล้ายกับของ อ.อ๊อด ไง

อาจารย์อ๊อตเป็นที่ปรึกษา แล้วก็ถูกฟ้องพ่วงไปกับผู้รับเหมาเป็นเรื่องของการผิดสัญญาการก่อสร้าง แต่ไปบอกคนอื่นว่า อาจารย์ชื่อดัง ม.เกษตร หลอกลงทุน จนอาจารย์ต้องตกเป็นจำเลยของสังคม 

เขาจะถล่มใคร คนๆ นั้นต้องตายภายใน 3 วัน 7 วัน คือไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดอะ
เป็นภัยสังคมนะอย่างนี้

เพราะว่าไม่ได้สู้ตามกระบวนการปกติ

ไปด่าคนอื่นว่าใช้ศาลเตี้ย ตัวเองน่ะเป็นศาลเลยเอาโซเชียลตัดสินเขาจนเขาต้องเข้าโรงพยาบาลคือเขาจะผิดจะถูกอะไรต้องให้ศาลตัดสินใช่ไหมครับแล้วที่สําคัญเนี่ยเขาจะยียวนกวนประสาท อาจารย์อ๊อด ต้องตั้งสติ ต้องไม่ตอบโต้เขา แต่ก็ยังงงอยู่ว่าทำไมเขาถึงกร่างได้ แล้วเขาก็ทำแบบนี้กับทุกคน แล้วก็บิดเล็กบิดน้อยทั้งจิตวิทยาทั้งโซเชียลทั้งกฎหมาย

เอาให้สุดซอย และสุดตรอก จนตรอกเลยละกันนะ

คุณอาสนธิบอกว่า ‘คลานเข่า’ มาที่บ้านพระอาทิตย์ ก็ไม่เปิดให้ ของอาจารย์อ๊อดเนี่ย คลานมาหน้า ม.เกษตร อาจารย์ ‘เตะเสย’ เลยนะ!!

สมุทรปราการ-เทศบาลตำบลแพรกษา จัดใหญ่!! จัดเต็ม!! นฤมิตสายนที ประเพณีลอยกระทง ประจำปี 2567

เทศบาลตำบลแพรกษา จัดงาน 'นฤมิตสายนที ประเพณีลอยกระทง' ประจำปี 2567 โดยการสนับสนุนของนาง อรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา และทาง ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรปราการ สมัยที่ 25 ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา ร่วมผลักดันและให้การสนับสนุนงานในครั้งนี้

โดยงานนฤมิตสายนที ประเพณีลอยกระทง ประจำปี 2567 ถูกจัดขึ้นภายในสวนสาธารณะเทศบาลตำบลแพรกษา ต.แพรกษา อ.เมือง สมุทรปราการ บนพื้นที่กว่า 20 ไร่ ภายในงานยังได้รับเกียรติจาก ท่านชยชัย แสงอินทร์ รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน พร้อมด้วย นายสุจินต์ วาจากิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ นายเฉลิม ประสาททอง ท้องถิ่นจังหวัดสมุทรปราการ 

นายสุขุม นามวิเศษ ผู้พิพากษาอาวุโสประจำศาลจังหวัดพระประแดง นายปรีชา เปล่งผิว อดีตเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรปราการ ว่าที่ ร.ต.ลมบล บุญมานะ ผู้อำนวยการโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สวนกุหลาบวิทยาลัยสมุทรปราการ และ นายเมธากุล สุวรรณบุตร สมาชิกสภา อบจ.สมุทรปราการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท S.MILES Group ตลอดจนแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ร่วมในงาน นฤมิตสายนที ประเพณีลอยกระทง ประจำปี 2567

ซึ่งงานดังกล่าวถูกจัดขึ้นเป็นระยะเวลา 3 คืน เริ่มตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายน - 15 พฤศจิกายน 2566 โดยทางเทศบาลตำบลแพรกษาได้จัดให้มีการประกวดธิดาโรงงาน การประกวดหนูน้อยแพรกษา การเดินแบบชุดผ้าไทยจากนักเรียนโรงเรียนมัธยมแพรกษาวิเทศศึกษา (PWS) การแสดงจากน้องๆ หนูๆ โรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา 

รวมถึงการแสดงจากกลุ่มผู้สูงอายุการแสดงบาสโลป นอกจากนี้ เทศบาลตำบลแพรกษาได้ให้ความสำคัญมุ่งเน้นการอนุรักษ์ผ้าไทยให้ประชาชนสวมใส่ผ้าไทย จัดให้มีกิจกรรมร่วมกันระหว่างกลุ่มผู้สูงอายุ อีกทั้ง การจัดงานในครั้งนี้ยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับชุมชน มีการจำหน่ายอาหารจำนวนกว่า 50 ร้านค้า ชมการแสดงจากนักร้องและศิลปินชื่อดัง อาทิ น้ำแข็ง ทิพวรรณ ลำไย ไหทองคำ และ กวาง กมลชนก โดยให้ประชาชนเดินทางเข้ามาชมฟรีตลอดงาน 3 คืนเต็ม ซึ่งในปีนี้มีพี่น้องประชาชนในเขตพื้นที่ รวมถึงพี่น้องประชาชนพื้นที่ใกล้เคียงต่างให้ความสนใจเดินทางมาร่วมงานและร่วมกิจกรรมกับทางเทศบาลตำบลแพรกษาเป็นจำนวนมาก

สมุทรปราการ-วัดบางพลีใหญ่กลาง จัดใหญ่!! งานสืบสานประเพณีลอยกระทง ประจำปี 2567 

ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ประธานฝ่ายสงฆ์ นำคณะสงฆ์วัดบางพลีใหญ่กลางประกอบพิธีพิจารณากองผ้าป่าสามัคคีที่ทางญาติโยมได้นำมาถวายให้กับทางวัดบางพลีใหญ่กลาง ประจำปี 2567

ณ บริเวณลานกิจกรรมหน้าวิหารหลวงปู่กิ่ม วัดบางพลีใหญ่กลาง ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี สมุทรปราการ โดยนาย ชาติชาย เตรยาวรรณ ประธานฝ่ายฆราวาส จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย พระสงฆ์ประกอบพิธีพิจารณากองผ้าป่าสามัคคี พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา จากนั้น ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ได้นำองค์พระพุทธรูปพระพุทธเมตตามหาลาภ มอบให้กับนายชาติชาย เตรยาวรรณ ในฐานะประธานฝ่ายฆราวาส

ต่อมาท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) พร้อมด้วย คณะไวยาวัจกรวัดบางพลีใหญ่กลาง นำโดย นายฉะโอด รุ่งเรือง อดีตนายก อบต.บางพลีใหญ่ ประธานไวยาวัจกร นายขจิตเวช แก้วน้อย นายอำเภอบางพลี พ.ต.อ. ไพโรจน์ เพ็ชรพลอย ผกก.สภ.บางพลี ดร.วีร์สุดา รุ่งเรือง นายก อบต.บางพลีใหญ่ 

ร่วมเป็นสักขีพยานในการใส่สลากจับของรางวัล อาทิ ทองคำหนัก 1 บาท และทองคำหนัก 1 สลิง ทีวี ตู้เย็น พักลม จักรยาน รวมถึงของรางวัลใหญ่ๆ อีกหลายรายการ มูลค่านับล้านบาท นำมาจับฉลากภายในงานสอยดาวงานลอยกระทง ประจำปี 2567 ของทางวัดบางพลีใหญ่กลางสร้างความคึกคักและสร้างความฮือฮาแก่ผู้ที่เดินทางมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก

ภายในงานยังได้มีการจำหน่ายกระทงประดิษฐ์ โดยคณะนักเรียนและกลุ่มแม่บ้าน อสม. นอกจากนี้ ยังมีการจำหน่ายสินค้าและอาหารให้ประชาชนที่เดินทางมาร่วมงานได้ชิม ช็อป 

อย่างไรก็ตาม เงินที่ได้จากการทำบุญทั้งหมดรวมถึงการจับฉลากสอยดาวในปีนี้ ทางคณะสงฆ์วัดบางพลีใหญ่กลางจะนำไปเป็นทุนการศึกษาช่วยเหลือเด็กนักเรียน รวมถึงไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการเผาศพไร้ญาติโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด

‘กรณ์’ ประทับใจ ได้ไปดู!! ‘ลิซ่า’ โชว์ ชู!! สวย เก่ง เป็นกันเอง ไม่ทิ้งความเป็นไทย

(16 พ.ย. 67) นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้โพสต์เฟซบุ๊ก เกี่ยวกับ ‘ลิซ่า’ โดยมีใจความว่า ...

เมื่อคืนก่อนประทับใจมากกับการได้ไปดู Lisa ออก mini-concert + fan meet ในงานที่จัดโดย Dentiste

ผมเป็นคนชอบ K-Pop อยู่แล้ว (ในระดับหนึ่ง..) แต่ไม่เคยเป็นแฟน Black Pink ผมไม่คุ้นกับดนตรีที่มีการ choreographed หรือ synthesise มากเกินไป แต่ก็ชอบในพลังและลีลาการเต้น คือเป็นโชว์ที่สนุก แต่ให้เปิดฟังเฉยๆคงไม่ใช่ (เว้น Psy ที่ยังฟังไม่เบื่อ)

แต่กับลิซ่าผมยอมเลย ออร่าการเป็น personality ระดับโลกชัดเจนมาก และไม่ใช่เพียงเพราะสวย เก่ง แต่เป็นเพราะบุคลิกนิสัยที่ทำให้แฟนๆ รู้สึกเป็นกันเองกับเขา ไม่มีอัตตาความเป็น Diva เหมือนนักร้องดังๆ บางคน ลิซ่าอายุเท่ากับลูกสาวผม ผมเลยมองเขาในฐานะผู้เป็นพ่อ และมีความรู้สึกปลื้มใจแทนคุณแม่และพ่อเลี้ยงของลิซ่า บนเวที ลิซ่าเล่าว่าบินเข้าไทยปุ๊บก็รีบดอดไปหาคุณแม่ทันที และมีอีกช่วงที่แฟนๆขอให้เธอเต้นท่าหนึ่ง แต่ลิซ่าปฏิเสธแบบอายๆว่า ’ท่านั้นไม่ได้คะ คืนนี้คุณแม่มาดูด้วย‘ 

ช่วงที่ผมว่าน่ารักที่สุดคือช่วงที่เขาคัดแฟนคลับที่แต่งตัวเด่นๆขึ้นเวที ช่วงนี้ทำให้เห็นว่าทำไมลิซ่าถึงเป็นที่รักของแฟนๆ ลิซ่าสามารถทำให้ทุกคนที่ขึ้นเวทีรู้สึกเป็นบุคคลสำคัญของเธอในช่วงเวลานั้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ 

สุดท้ายคือ ลิซ่าที่ไม่ใช่ ‘ลิซ่า แบลคพิงค์‘ สามารถแสดงออกถึงความเป็นไทยได้อย่างเต็มที่ (ในฐานะนักแสดงอีกด้วย) ตรงนี้มีผลต่อคะแนนนิยมชมชอบประเทศบ้านเกิดของเธออย่างมาก

ขอบคุณ Dentiste อีกครั้งนะครับ นอกจากสินค้าคุณภาพระดับโลกแล้ว การเลือกลิซ่าเป็น presenter แต่แรกๆ สะท้อนวิสัยทัศน์ที่แหลมคมมากของผู้ตัดสินใจ

‘โอลิมปิก ลียง’ ถูกปรับตกชั้นไปเล่น ‘ลีก เดอซ์’ หลังมีหนี้สินมหาศาล!! เกือบ 20,000 ล้านบาท

(16 พ.ย. 67) หน่วยงานกำกับดูแลวงการฟุตบอลฝรั่งเศส สั่งปรับตกชั้น โอลิมปิก ลียง สโมสรชั้นนำในศึก ลีก เอิง ฝรั่งเศส เป็นการชั่วคราว เมื่อวันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ฐานกระทำผิดกฎทางการเงินอย่างร้ายแรง

นอกจากถูกสั่งให้ลงไปเล่นใน ลีก เดอซ์ แล้ว ลียง ยังโดนห้ามซื้อ-ขายนักเตะอีกด้วย ซึ่งถ้าหากพวกเขาไม่สามารถชำระหนี้ได้หมดเมื่อสิ้นสุดฤดูกาลปัจจุบัน ก็จะถูกปรับตกชั้นจากเวที ลีก เอิง อย่างเป็นทางการ 

ทั้งนี้ ตามรายงานระบุว่า ตอนนี้ ลียง มีหนี้สินเพิ่มจาก 458 ล้านยูโร (ประมาณ 16,946 ล้านบาท) เป็น 508 ล้านยูโร (ประมาณ 18,796 ล้านบาท) เรียบร้อย 

สำหรับ โอลิมปิก ลียง ถือเป็นสโมสรยักษ์ใหญ่ของวงการฟุตบอลเมืองน้ำหอม และประสบความสำเร็จอย่างมากช่วงต้นยุค 2000 ที่พวกเขาคว้าแชมป์ ลีก เอิง ได้ถึง 7 สมัย (2000/01, 2002/03, 2003/04, 2004/05, 2005/06, 2006/07 และ 2007/08)

16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2446 121 ปี "คฑาจอมพล" องค์แรกของประเทศไทย กองทัพบกจัดทำ ทูลเกล้าฯ ถวายรัชกาลที่ 5

เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2446 กองทัพบกได้จัดทำพระคทาจอมพลขึ้นเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ในฐานะองค์จอมทัพไทย ในพระราชพิธีทวีธาภิเษก ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยมีพระคทาจอมพล

พระราชพิธีทวีธาภิเษกเป็นการสมโภชการครองราชย์ของ รัชกาลที่ 5 ที่ยืนยาวเป็นสองเท่าของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 พระบรมชนกนาถ โดยพระคทาจอมพลองค์แรกนี้มีรูปทรงกระบอก ยาว 35 เซนติเมตร ยอดคทาเป็นรูปหัวช้างสามเศียรลงยาสีขาว เหนือหัวช้างเป็นรูปพระเกี้ยว ส่วนปลายคทามีรูปทรงกระบอกตัด องค์คทาทำจากทองคำหนัก 40 บาท ใต้หัวช้างประดับลายนูนรูปหม้อกลศ

พระคทาจอมพลองค์นี้ทรงใช้ในพระราชพิธีต่าง ๆ ตลอดรัชกาล และต่อมาได้รับการใช้สืบทอดโดยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7

หมีขาวโชว์เจ็ทขับไล่ล่องหน งาน China Airshow เซ็นสัญญาขายต่างชาติรายแรก แต่ไม่เผยผู้ซื้อ

เว็บไซต์โกลบอลไทมส์ ของจีนรายงานว่า ที่งานมหกรรมการบินและอากาศยานนานาชาติจีน (China Airshow) ที่เมืองจูไห่ มณฑลกวางตุ้ง มีการเปิดเผยว่า รัสเซียได้ลงนามสัญญาจัดหาเครื่องบินรบเจเนอเรชั่นที่ 5 รุ่น Su-57 ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องบินขับไล่ stealth รุ่นที่ 5 ของโลก ให้กับคู่สัญญารายหนึ่งที่เป็นต่างชาติ แต่ไม่ได้มีการระบุรายละเอียดว่าใครเป็นผู้ซื้อเครื่องบินรบรัสเซียรุ่นนี้

ในสัญญาซื้อขายระบุว่า เครื่องบิน Su-57 ที่ขายให้ต่างชาติจะใช้ชื่อรุ่นว่า Su-57E ('E' หมายถึงการส่งออก) นาย Alexander Mikheev หัวหน้าบริษัท Rosoboronexport ยืนยันว่าได้ลงนามสัญญาฉบับแรกสำหรับการส่งออกเครื่องบิน Su-57 แล้ว แม้ว่าข้อมูลระบุตัวตนของผู้ซื้อจะยังคงเป็นความลับอย่างเคร่งครัด แต่การประกาศครั้งนี้ยิ่งตอกย้ำความสนใจที่เพิ่มขึ้นในเครื่องบินขับไล่รุ่นที่ 5 ของรัสเซีย

Mikheev เน้นย้ำว่าสัญญานี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่กว้างขึ้นของรัสเซียในการนำอาวุธประเภทใหม่และเทคโนโลยีทางการทหารเข้าสู่ตลาดต่างประเทศ รวมถึง Su-57 ที่มีเทคโนโลยีขั้นสูง นอกจากนี้ เขายังเน้นย้ำว่ารัสเซียได้รับความไว้วางใจจากพันธมิตร ซึ่งขณะนี้ต่างก็กระตือรือร้นที่จะซื้ออาวุธที่ 'เชื่อถือได้และได้รับการพิสูจน์แล้ว'

ความคิดเห็นของ Mikheev เกิดขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากที่แหล่งข่าวรัสเซียรายอื่น ๆ รายงานว่ามีความสนใจอย่างมากใน Su-57 จากลูกค้าต่างประเทศ เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน TASS เปิดเผยว่าสำนักงานความร่วมมือทางเทคนิคการทหารของรัฐบาลกลาง (FSMTC) ได้รับคำขออย่างเป็นทางการในการซื้อเครื่องบินรบหลายบทบาทของรัสเซียจากลูกค้ารายหนึ่งที่ไม่ได้เปิดเผย

สำหรับงาน Airshow China 2024 รัสเซียได้ส่งเครื่องบิน Su-57 จำนวนสองลำมาจัดแสดงในงาน โดยหนึ่งลำมีการแสดงการบิน และอีกหนึ่งลำถูกนำมาแสดงในรูปแบบสถิติเพื่อให้ตัวแทนทางทหารจากทั่วโลกและสื่อมวลชน 

Mikheev กล่าวกับ Global Times ว่า "Airshow China เป็นหนึ่งในงานแสดงอวกาศที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นเหตุการณ์สำคัญสำหรับ Rosoboronexport เพราะที่จูไห่ คือที่ที่บริษัท บริษัท Rosoboronexport ของรัสเซีย ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2000 ได้แสดงผลิตภัณฑ์ของตนเป็นครั้งแรก นั่นคือเหตุผลที่เรารู้สึกยินดีที่ได้จัดการแสดงแรกของ Su-57E ที่นี่ ซึ่งเครื่องบินของเราสามารถแสดงให้พันธมิตรหลักของรัสเซียได้เห็นและชื่นชม"

มิคเฮฟ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากเรื่องบิน Su-57 เราได้นำเสนอขีปนาวุธนำวิถีล่าสุดและระเบิดอากาศสำหรับเครื่องบินเจ็ทรุ่นที่ 5 และเฮลิคอปเตอร์สำหรับการโจมตีด้วย

'ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ' ตรวจการดูแลความปลอดภัยบริเวณพื้นที่จัดงานลอยกระทงริมแม่น้ำเจ้าพระยา ภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

(15 พ.ย.67) เวลา 17.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางตรวจความพร้อมในด้านการรักษาความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยวในเทศกาลประเพณีลอยกระทง ประจำปี 2567 พร้อมด้วย พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว , พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล , พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล , พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ , พ.ต.อ.ศราวุฒิ ลิจฉวีราช รองผู้บังคับการตำรวจน้ำ และคณะ ร่วมลงเรือตรวจการณ์ ตรวจความเรียบร้อยการดูแลพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ร่วมงานลอยกระทงตามสถานที่จัดงานริมน้ำ

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะ ตรวจความพร้อมการดูแลความปลอดภัยพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยว ที่เดินทางมาร่วมงานลอยกระทงที่เอเชียทีค ก่อนลงเรือตรวจการณ์ กองบังคับการตำรวจน้ำ ที่บริเวณท่าเรือเอเชียทีค ริเวอร์ฟร้อนท์ ตรวจความพร้อมตลอดแม่น้ำเจ้าพระยา ไปยังสถานที่จัดงานลอยกระทงที่ไอคอนสยาม และท่าน้ำรัฐสภา (เกียกกาย) จากนั้นเดินทางไปยังวัดเสมียนนารี พระอารามหลวง ถ.กำแพงเพชร 6 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร เพื่อตรวจความเรียบร้อยการดูแลความปลอดภัยบริเวณพื้นที่จัดงานประเพณีลอยกระทง

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า วันนี้ได้ลงเรือตรวจการณ์พร้อมด้วยตำรวจนครบาล ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจน้ำ และตรวจความเรียบร้อยบริเวณสถานที่จัดงานลอยกระทง พบว่ามีพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินทางมาร่วมงานลอยกระทงตามสถานที่จัดงานต่าง ๆ จำนวนมาก ได้กำชับตำรวจว่าวันนี้เป็นโอกาสดีอีกหนึ่งโอกาสในการดูแลพี่น้องประชาชน ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จัดทำแผนไว้แล้ว และกำชับให้ตำรวจบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ในการดูแลพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยว ให้ร่วมงานประเพณีลอยกระทงด้วยความสุขและปลอดภัย สำหรับภาพรวมการดูแลความสงบเรียบร้อย และความปลอดภัยในสถานที่จัดงานลอยกระทงในวันนี้ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top