Sunday, 18 May 2025
Hard News Team

แดนมังกรต้อนรับนศ.ต่างชาติแล้ว 195 ประเทศ เร่งขยายหลักสูตรรองรับ ดึงนร.อเมริกัน 50,000 คน

เมื่อวานนี้ (14 พ.ย.67)  เฉินต้าลี่ เจ้าหน้าที่กระทรวงศึกษาธิการของจีน เปิดเผยว่า การศึกษาของจีนได้รับความสนใจจากนักเรียนนักศึกษาต่างชาติในระดับที่สูงขึ้น

เฉินระบุว่า จีนได้ลงนามข้อตกลงรับรองปริญญาบัตรและประกาศนียบัตรร่วมกับ 60 ประเทศและภูมิภาค และขณะนี้มีนักเรียนนักศึกษาจากกว่า 195 ประเทศและภูมิภาคเดินทางมาศึกษาต่อในจีน

จีนยังได้จัดตั้งหลู่ปาน เวิร์กชอป (Luban Workshop) มากกว่า 30 แห่งในเอเชีย ยุโรป และแอฟริกา เพื่อจัดฝึกอบรมวิชาชีพให้กับประชาชนกว่า 31,000 คน

ในส่วนของแผนการทางการศึกษา เฉินกล่าวว่า จีนกำลังดำเนินโครงการเชิญชวนวัยรุ่นชาวอเมริกัน 50,000 คน เดินทางมาจีนในช่วงเวลา 5 ปี ภายใต้โครงการแลกเปลี่ยนและการเรียนรู้

นอกจากนี้ จีนยังมีแผนที่จะรับนักเรียนนักศึกษาชาวฝรั่งเศสมากกว่า 10,000 คน ภายในระยะเวลา 3 ปี และเพิ่มจำนวนการแลกเปลี่ยนเยาวชนจากยุโรปไปยังจีนเป็นเท่าตัว

นายศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตเลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรือ อังก์ถัด ให้สัมภาษณ์ถึงความสัมพันธ์กับ นายสี จิ้นผิง

นายศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตเลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรือ อังก์ถัด ให้สัมภาษณ์ถึงความสัมพันธ์กับ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ว่า ตนกับท่านสี จิ้นผิงนั้น อาจจะเรียกว่าค่อนข้างจะสนิทกับท่านค่อนข้างมาก โดยสมัยหนึ่งขณะที่ตนดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และได้ไปประชุมที่ฝูเจี้ยน ในสมัยที่ท่านสี จิ้นผิง เป็นผู้ว่ามณฑลฝูเจี้ยน ท่านก็เลี้ยงต้อนรับผมเป็นอย่างดี

หลายปีผ่านไป กระทั่งท่านได้ขึ้นเป็นรองประธานาธิบดี ซึ่งขณะนั้นตนไปอยู่อังก์ถัด และทุกครั้งที่อังก์ถัดมีปัญหา ท่านเป็นรองประธานาธิบดีของจีน ก็จะหยิบยื่นมือมาช่วยตลอด เวลาจัดประชุมที่ไหนไม่ได้ ทางเมืองจีนก็จัดประชุมให้ หรือหากไม่มีเงิน ทางเมืองจีนก็พยายามนำเงินไปช่วยประเทศที่กําลังพัฒนาที่ต้องการช่วยเหลือ เป็นผู้ที่ช่วยเหลืออังก์ถัดตลอดเวลา

“ก่อนที่ท่านจะเป็นประธานาธิบดี ก็ได้ขอพบผม และขอให้ดูแลจีนเหมือนเดิม เรายังคบกันเหมือนเดิมนะ พร้อมบอกด้วยว่า ถ้าหากยังอยากอยู่ที่ยูเอ็นต่อก็บอกจีนได้เช่นกัน เพราะท่านต้องการให้ผมอยู่ช่วยต่อ”

สีจิ้นผิงถึงเปรู เปิดฉากประชุมเอเปค จับตาหารือครั้งสุดท้ายกับไบเดน

(15 พ.ย. 67) 'สีจิ้นผิง' ประธานาธิบดีจีน ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากกัสตาโว เอเดรียนเซน นายกรัฐมนตรีเปรู และคณะเจ้าหน้าที่อาวุโสคนอื่นๆ ขณะเดินทางถึงฐานทัพอากาศกายาโอในกรุงลิมา เมืองหลวงของเปรู เมื่อวันพฤหัสบดี (14 พ.ย.) ที่ผ่านมา

สีจิ้นผิงเดินทางถึงกรุงลิมาของเปรู เพื่อเยือนสาธารณรัฐเปรูอย่างเป็นทางการ และเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 31 ตามคำเชิญของดินา โบลัวร์เต ประธานาธิบดีเปรู

สีจิ้นผิง ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจาก กัสตาโว เอเดรียนเซน นายกรัฐมนตรีเปรู และเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นๆ เมื่อเดินทางถึงฐานทัพอากาศกายาโอในกรุงลิมา เมืองหลวงของเปรู เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา

การเดินทางครั้งนี้ของสีจิ้นผิงมาถึงกรุงลิมาในฐานะแขกของรัฐบาลเปรู โดยเขาจะเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 31 ซึ่งจัดขึ้นที่เปรู รวมถึงการเยือนเปรูอย่างเป็นทางการตามคำเชิญของประธานาธิบดีดินา โบลัวร์เต นอกจากนี้ เขายังมีกำหนดเข้าร่วมพิธีเปิดท่าเรือน้ำลึกแห่งใหม่ที่จีนลงทุนสร้างในเปรู

ในช่วงการต้อนรับ ประธานาธิบดีสีได้รับเกียรติจากการจัดทหารกองเกียรติยศและกองทหารม้าของเปรูที่ทำเนียบรัฐบาลในกรุงลิมา ซึ่งขบวนรถของประธานาธิบดีสีได้เดินทางไปยังทำเนียบรัฐบาลหลังจากการต้อนรับจากกองทหารม้า โดยทางเปรูได้ปูพรมแดงตั้งแต่ทางขึ้นบันไดหน้าทำเนียบ จนไปถึงจุดที่รถของประธานาธิบดีสีมาจอดเทียบ โดยประธานาธิบดีโบลัวร์เตเดินมาต้อนรับสีจิ้นผิงด้วยตัวเองและนำทางไปยังทำเนียบรัฐบาลเพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับ

ในขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์ **เอล เปรูอาโน** ของรัฐบาลเปรู ได้เผยแพร่บทความจากประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ซึ่งระบุว่า จำเป็นต้องร่วมมือกันในการสร้างและบริหารท่าเรือชานเคย์ โดยให้ 'จากชานเคย์สู่เซี่ยงไฮ้' กลายเป็นเส้นทางแห่งความมั่งคั่ง เพื่อส่งเสริมการพัฒนาและความร่วมมือระหว่างจีนกับเปรู และจีนกับประเทศในลาตินอเมริกา

จากรายงานของสื่อสหรัฐฯ หลังเสร็จสิ้นการประชุมเอเปค ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงมีกำหนดพบปะหารือเป็นการส่วนตัวกับประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นการพบกันครั้งสุดท้ายก่อนที่ไบเดนจะลงจากตำแหน่ง

ทั้งนี้ มีรายงานจากสื่อสหรัฐว่าหลังเสร็จสิ้นการประชุมเอเปค ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง มีกำหนดพบปะหารือเป็นการส่วนตัวกับประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐ ซึ่งจะถือเป็นการซึ่งจะถือเป็นการพบกันครั้งสุดท้ายก่อนที่ไบเดนจะลงจากตำแหน่ง

‘พีระพันธุ์’ เร่งเดินหน้ากฎหมายคุมราคาพลังงานไทย หมดยุคปรับราคาขึ้น - ลงรายวัน สร้างความเป็นธรรมทุกฝ่าย

วันที่ (14 พ.ย.67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นประธานการประชุมคณะทำงานเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กำกับการประกอบกิจการค้าน้ำมันและก๊าซ  ซึ่งเป็นกฎหมายที่จะสร้างประวัติการณ์ใหม่ในการกำกับดูแลราคาพลังงานเชื้อเพลิงของไทย และจะเป็นกลไกสำคัญในการ "รื้อ" ระบบกำหนดราคาน้ำมันให้มีความชัดเจนและเป็นธรรมมากขึ้น ทั้งฝั่งผู้ซื้อและผู้ขาย โดยจะนำระบบ Cost Plus ซึ่งเป็นการคำนวณราคาน้ำมันตามต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่แท้จริง มาใช้แทนระบบอ้างอิงราคาน้ำมันต่างประเทศ ทำให้ราคาน้ำมันในประเทศไม่ต้องเปลี่ยนแปลงรายวันอีกต่อไป

ภายใต้ระบบใหม่นี้จะมีการกำหนดราคามาตรฐานอ้างอิงเป็นราคากลางในแต่ละเดือนว่า ราคาน้ำมันเฉลี่ยแต่ละเดือนควรจะเป็นเท่าไร ถ้าหากผู้ประกอบการมีต้นทุนสูงกว่าราคากลางที่กำหนด ก็ต้องมาพิสูจน์ว่ามีต้นทุนที่สูงขึ้นจริงเพราะอะไร จึงจะปรับราคาได้ และให้ปรับได้เดือนละครั้งไม่ใช่ปรับรายวัน โดยคิดเป็นราคาเฉลี่ยในระยะเวลาที่กำหนดแทนการปรับราคารายวัน

3 ใน 4 มหาวิทยาลัยอังกฤษวิกฤต เหตุค่าเทอมแพง นศ.ต่างชาติแห่ไปเรียนที่อื่น

(15 พ.ย. 67) หน่วยงานกำกับดูแลการศึกษาระดับสูงเตือนให้มหาวิทยาลัยต้อง ‘เร่งดำเนินการ’ และพิจารณาการควบรวมกิจการหรือแบ่งปันต้นทุนเพื่อความอยู่รอดของสถาบันการศึกษา

มหาวิทยาลัยในอังกฤษกำลังเผชิญวิกฤติทางการเงิน โดยเกือบ3 ใน 4 คาดว่าจะประสบปัญหาขาดทุนในปีหน้า จากการคาดการณ์ของสำนักงานกำกับดูแลการศึกษาระดับสูง (OfS)

ข้อมูลจากสำนักงาน OfS ระบุว่า ในภาคการศึกษาหน้าหลายสถาบันจำเป็นต้องดำเนินการอย่าง 'กล้าหาญและเปลี่ยนแปลง' เพื่อชดเชยรายได้ที่คาดว่าจะลดลงถึง 3.4 พันล้านปอนด์ในปี 2025-26 ซึ่งมหาวิทยาลัยอาจต้องพิจารณาการควบรวมกิจการหรือการแบ่งปันต้นทุนระหว่างกัน

เซอร์เดวิด เบฮาน ประธาน OfS กล่าวว่า มหาวิทยาลัยควรทำงานร่วมกันให้มากขึ้น เช่น ไม่จำเป็นต้องมีการเปิดสอนหลักสูตรซ้ำซ้อนกันในมหาวิทยาลัยที่อยู่ในพื้นที่เดียวกัน "การที่มหาวิทยาลัยในเมืองเดียวกัน หรือภูมิภาคเดียวกัน แข่งขันกันในด้านหลักสูตรที่เปิดสอนนั้นไม่เหมาะสม" 

การตัดสินใจของรัฐบาลที่จะเพิ่มค่าเล่าเรียนสำหรับนักศึกษาภายในประเทศอีก 285 ปอนด์ เป็น 9,535 ปอนด์ต่อปี จะเพิ่มรายได้ 371 ล้านปอนด์ แต่การจ่ายเงินประกันแห่งชาติที่เพิ่มขึ้นก็จะทำให้รายได้ลดลง 430 ล้านปอนด์ ซึ่งนับเป็นการปรับเพิ่มครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2016 โดยการปรับเพิ่มครั้งนี้เป็นผลพวงมาจากภาวะเงินเฟ้อ

โจ เกรดี้ เลขาธิการสหภาพการศึกษามหาวิทยาลัยและวิทยาลัยกล่าวว่า "การเพิ่มค่าเล่าเรียนที่ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน"

ซูซาน แลพเวิร์ธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ OfS กล่าวว่า รายงานความยั่งยืนทางการเงินของมหาวิทยาลัยแสดงให้เห็นถึงความท้าทายที่พวกเขากำลังเผชิญในอนาคต

"ฉันทราบว่ามหาวิทยาลัยรับรู้ถึงความเสี่ยงเหล่านี้และกำลังพยายามหาวิธีแก้ไข การแข่งขันในการรับสมัครนักศึกษาในสหราชอาณาจักรที่เข้มข้นขึ้น ทำให้มหาวิทยาลัยบางแห่งเสียเปรียบ และต้องปรับแผนการรับนักศึกษาเสียใหม่ อีกทั้งการลดลงอย่างรวดเร็วของการสมัครวีซ่านักศึกษาต่างชาติก็ส่งผลกระทบอย่างมากเช่นกัน" แลพเวิร์ธกล่าว

ตัวเลขที่เผยแพร่โดยกระทรวงมหาดไทยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา พบว่าจำนวนวีซ่านักศึกษาต่างชาติของอังกฤษในปีนี้ลดลง 16% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของวปี 2023 ขณะที่ OfS คาดว่านักศึกษาระดับปริญญาตรีในสหราชอาณาจักรจะมีจำนวนต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้

รายงานจาก OfS ยังแสดงให้เห็นว่า มหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ที่เน้นการวิจัย เช่น กลุ่มรัสเซล (Russell Group) มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สวนทางขณะที่มหาวิทยาลัยขนาดเล็กหรือมหาวิทยาลัยที่พึ่งพารายได้จากการสอนกำลังประสบปัญหาด้านเงินทุน

การคาดการณ์ของ OfS ชี้ว่า 72% ของสถาบันการศึกษาระดับสูงอาจอยู่ในภาวะขาดทุนภายในปี 2025-26 และ 40% อาจมีเงินสดสำรองไม่ถึง 30 วัน

รายงานของ OfS สอดคล้องกับรายงานข่าวจากเอเอฟพี ที่ระบุว่า ในปี 2020 มหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรมีนักศึกษาต่างชาติลงทะเบียนเรียนเกือบ 760,000 คน โดยนักศึกษาส่วนใหญ่มาจากประเทศอินเดีย, จีน และไนจีเรีย อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นมา จำนวนวีซ่านักศึกษาได้ลดลงถึง 5% และระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงกันยายนที่ผ่านมา คำร้องยื่นขอวีซ่านักศึกษาสำหรับสหราชอาณาจักรลดลงถึง 16% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

การลดลงของจำนวนนักศึกษาต่างชาติเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้สถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาหลายแห่งเกิดความกังวล เนื่องจากนักศึกษาต่างชาติเป็นกลุ่มที่จ่ายค่าเล่าเรียนสูงกว่านักศึกษาชาวอังกฤษ

องค์กร Universities UK หรือ 'UUK' ซึ่งเป็นตัวแทนของสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษา 141 แห่งของสหราชอาณาจักร ออกมาเตือนในที่ประชุมเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาว่า เงินทุนต่อนักศึกษาอยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2547 โดยทุกมหาวิทยาลัยรู้สึกถึง 'วิกฤติทางการเงิน' อย่างต่อเนื่องตั้งแต่รัฐบาลชุดก่อนหน้านี้ในกรุงลอนดอนเริ่มใช้ข้อจำกัดการออกวีซ่านักศึกษาเมื่อปีที่แล้ว

‘Vitalik Buterin’ ผู้ก่อตั้งเหรียญคริปโต Ethereum โผล่โหนรถไฟฟ้าที่ไทย หลังเข้าร่วมงานที่ศูนย์สิริกิติ์

เมื่อวันที่ (13 พ.ย.67 ) เพจ Stocker Day ได้สร้างกระแสฮือฮาบนโลกโซเชียล หลังจากโพสต์ภาพและข้อความที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Vitalik Buterin ผู้ก่อตั้ง Ethereum ซึ่งเป็นหนึ่งในเหรียญคริปโตเคอร์เรนซีที่มีมูลค่าตลาดสูงถึงกว่า 300,000 ล้านดอลลาร์ หรือ ประมาณ 10 ล้านล้านบาท โดยในโพสต์ระบุว่า มีผู้พบเห็น Vitalik กำลังโดยสารรถไฟฟ้า BTS ในกรุงเทพฯ หลังมาร่วมงาน DevCon 7 ที่ ศูนย์สิริกิติ์ โดยระบุข้อความว่า

“มีคนเจอ Vitalik Buterin ผู้ก่อตั้ง Ethereum อยู่บน BTS ถ้าไม่รู้จักมาก่อน ก็คงไม่รู้นะว่านี่คือ founder ของเหรียญคริปโตมูลค่าตลาดกว่า $300B ติดดินเว่ออ ปล. เสื้อแกก็น่ารักเกินนน”

อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่ Vitalik Buterin เลือกเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ โดยก่อนหน้านี้ เคยมีภาพของ  Vitalik Buterin ที่มีชาวเน็ตพบเห็นว่า เขากำลังนั่งรอขึ้นรถไฟฟ้า MRT ที่สถานีรถไฟฟ้า MRT King Albert Park ในประเทศสิงคโปร์ 

เป็นที่น่าสังเกตว่า Vitalik Buterin มีวิถีชีวิตและการเดินทางที่เรียบง่าย ซึ่งมักจะมีคนพบเห็นเขาเดินทางโดยใช้ในระบบขนส่งสาธารณะ แม้เขาจะเป็นมหาเศรษฐีอายุน้อยที่มีทรัพย์สินมหาศาล แต่ยังคงมีสไตล์การใช้ชีวิตที่ไม่หรูหราจนเกินไป

Vitalik Buterin มักสวมเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นแบบสบาย ๆ ซึ่งทำให้เขาดูเป็นกันเองและเข้าถึงง่าย เป็นภาพที่ตรงกันข้ามกับภาพลักษณ์ของมหาเศรษฐีส่วนใหญ่

อย่างไรก็ตาม ชาวเน็ตจำนวนไม่น้อยได้แสดงความเป็นห่วงต่อความปลอดภัยของ Vitalik Buterin ผู้ก่อตั้ง Ethereum โดยกังวลว่า การเดินทางด้วยรถสาธารณะในลักษณะนี้ อาจทำให้เขาตกเป็นเป้าหมายของผู้ไม่หวังดีได้ หลายคนชี้ว่า หากข้อมูลส่วนตัวหรือทรัพย์สินดิจิทัลของเขาถูกชิงไป เช่น กระเป๋าเงินคริปโต (Crypto Wallet) ที่มักใช้เก็บสินทรัพย์คริปโตมูลค่ามหาศาล อาจก่อให้เกิดความเสียหายทั้งส่วนตัวและวงกว้างในโลกคริปโต

พบซากพะยูนถูกตัดหัว ลอยในทะเลภูเก็ต คาดถูกนำไปทำเครื่องรางตามความเชื่อ

โลกออนไลน์แห่แชร์ภาพสุดสะเทือนใจ พบซากพะยูนถูกตัดหัวอยู่บริเวณใกล้ท่าเทียบเรือบ้านบางโรง อ.ถลาง จ.ภูเก็ต คาดถูกนำไปทำเครื่องรางของขลังตามความเชื่อ

เมื่อวันที่ (14 พ.ย. 67) มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก 'Theerasak Saksritawee' ได้โพสต์ภาพสุดสะเทือนใจพบซากพะยูนตายลอยขึ้นอืดถูกตัดหัวขาด อยู่บริเวณใกล้ท่าเทียบเรือบ้านบางโรง ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ซึ่งคาดว่าการตัดหัวพะยูนนั้นต้องการเขี้ยว เพื่อนำไปทำเครื่องรางของขลังตามความเชื่อ

โดยผู้โพสต์ระบุข้อความว่า "เกิดขึ้นจริงๆ แล้ว กับซากพะยูนไร้หัว ท่าเรือบางโรง ภูเก็ต (14/11/2024) !!!! ต้องจริงจังเต็มกำลังกับเรื่องนี้แล้วสิ !!!!

ขอความร่วมมือหลายๆ อย่างจากทุก ๆ คน ช่วยเป็นหูเป็นตาสอดส่องช่วยดูแลพวกเขาให้ปลอดภัยด้วย ใครอยากมาช่วยเป็นอาสาสมัครนักวิทยาศาสตร์พลเรือนก็สามารถติดต่อมาร่วมงานกันได้ และตอนนี้ถ้าเป็นไปได้อยากให้ลดผลกระทบต่อพวกเขาให้มากที่สุดเพราะสถานการณ์ถึงขั้นวิกฤติ จึงอยากขอความร่วมมือละเว้นการลอยกระทงลงทะเล"

อย่างไรก็ตาม มีชาวเน็ตแห่คอมเมนต์สุดเศร้ากันเป็นจำนวนมาก เช่น ปกติไม่แช่งใครเลย แต่อันนี้ขอสาปแช่งคนทำ สิ่งใดทำลงไปขอให้ได้รับผลกรรมนั้นเหมือนกัน, สงสารน้องจับใจค่ะ ความเชื่อบ้าๆ บอๆ แต่ทำลายอีกชีวิต, ความเชื่อที่งมงายและโง่เขลา มาเบียดเบียนสัตว์ น่าสงสารพะยูนมากค่ะ

หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ให้การต้อนรับคณะสโมสรไลออนส์สากล เข้าเยี่ยมชมศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กองทัพเรือ  

เมื่อวานนี้ (14 พ.ย.67) นาวาเอก วิวัฒน์ ขวัญสูงเนิน รองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง เป็นผู้แทน ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ให้การต้อนรับ คณะสโมสรไลออนส์สากลที่นำคณะผู้เข้าร่วมการประชุมไลออนส์สากล ภาคพื้นเอเชียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 

โดยมีกิจกรรมเข้าฟังบรรยายงานอนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กองทัพเรือ ชมบ่ออนุบาลเต่าทะเล เยี่ยมชมโรงพยาบาลเต่าทะเล ร่วมปล่อยเต่าทะเลคืนสู่ธรรมชาติ ณ ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กองทัพเรือ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

มูลนิธินักศึกษาพระปกเกล้าฯ และกลุ่ม SEED Thailand ร่วมหารือ ‘นายกสมาคมมิตรภาพจีน-ไทย’ ถึงความร่วมมือในอนาคต

มูลนิธินักศึกษาสถาบันพระปกเกล้าเพื่อสังคมและเยาวชน SEED Thailand ให้การต้อนรับนายกสมาคมมิตรภาพจีน-ไทย พร้อมคณะ

เมื่อวานนี้ (14 พ.ย.67) มูลนิธินักศึกษาสถาบันพระปกเกล้าเพื่อสังคม โดยศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานมูลนิธินักศึกษาสถาบันพระปกเกล้าเพื่อสังคม นายกรรณภว์ ธนภรรคภวิน ที่ปรึกษามูลนิธิฯ และ ดร.ดาวน้อย สุทธินิภาพันธ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วยเครือข่ายเยาวชน SEED Thailand ให้การต้อนรับ Mr. Yang Wanming นายกสมาคมมิตรภาพจีนไทย และคณะ ในโอกาสหารือพูดคุยการดำเนินงานด้านเยาวชนระหว่างประเทศไทยและจีนร่วมกันในอนาคต เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-จีน

ในการนี้ Mr.Yang Wanming ได้กล่าวทักทายผู้บริหารมูลนิธิฯ และตัวแทนเยาวชน SEED Thailand ที่ให้การต้อนรับ ว่า “การทำงานของสมาคมให้ความสำคัญในด้านวัฒนธรรม เศรษฐกิจและการศึกษา แต่หน้าที่หลักที่สำคัญคือการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างเยาวชนในประเทศจีน และต่างประเทศ ให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ความสัมพันธ์ระหว่างเยาวชนกับต่างประเทศ ต้องมีการดำเนินกิจกรรมร่วมกันให้ต่อเนื่องจึงจะประสบความสำเร็จ ทั้งนี้ เนื่องด้วยเยาวชน SEED Thailand และมูลนิธินักศึกษาสถาบันพระปกเกล้า ได้มีการจัดโครงการศึกษาดูงาน ณ ประเทศจีนอย่างต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลา 2 ปี Mr.Yang Wanming ยืนยันว่ารัฐบาลจีนยินดีให้การสนับสนุนการศึกษาดูงานของเยาวชนไทยอย่างต่อเนื่องทุกปี” 

ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร. บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานมูลนิธินักศึกษาสถาบันพระปกเกล้าเพื่อสังคม ได้หารือถึงประเด็นการต่อยอดการศึกษาของเยาวชนไทยและจีน โดยเฉพาะการนำองค์ความรู้ของจีน หลักแนวคิดต่าง ๆ มาปลูกฝังเยาวชนให้เกิดการต่อยอดในทุกด้าน นอกจากนี้ยังสนับสนุนให้สถาบันการศึกษาของประเทศจีนร่วมมือกับสถาบันการศึกษาในประเทศไทย ร่วมมือกันพัฒนาสถานที่การเรียนรู้ในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในประเทศไทยอีกด้วย เพราะการศึกษาเป็นเสมือนสิ่งสำคัญที่สุดของเยาวชน ดังนั้นจึงต้องมีการสนับสนุนเยาวชนให้มีการศึกษาในทุกระดับ 

จุดมุ่งหมายของการหารือในวันนี้เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านต่าง ๆ ระหว่างเยาวชนไทยและจีนในอนาคต และการที่เยาวชนไทยเดินทางไปศึกษาดูงานในประเทศจีน ทำให้เกิดการเรียนรู้วัฒนธรรมจีนที่ถูกต้อง รู้จักความเป็นอยู่ของประชาชนในทุกระดับ ปัจจุบันประเทศจีนมีความพร้อมด้านการศึกษา วัฒนธรรม เทคโนโลยี การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำ จีนพร้อมต้อนรับเยาวชนจากเครือข่ายเยาวชน SEED Thailand ในอนาคต และมุ่งหวังว่ามูลนิธินักศึกษาพระปกเกล้าเพื่อสังคมจะร่วมสร้างกิจกรรมแลกเปลี่ยนระหว่างเยาวชนไทยและจีนอย่างต่อเนื่อง โดยทางสมาคมฯ พร้อมให้การสนับสนุน

ทั้งนี้ มูลนิธินักศึกษาสถาบันพระปกเกล้าเพื่อสังคม และเครือข่ายเยาวชน SEED Thailand ระบุถึงความยินดีที่จะร่วมการดำเนินงานสนับสนุนเยาวชนร่วมกับสมาคมจีน-ไทยในอนาคต เยาวชนของทั้ง 2 ประเทศ จะดำเนินการร่วมกันในช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูต 50 ปี ในปีที่จะถึงนี้ และเยาวชนของเครือข่าย SEED Thailand ที่ได้ไปศึกษาดูงาน ณ ประเทศจีนทั้ง 2 ปีที่ผ่านมา จะนำองค์ความรู้ที่ได้ไปศึกษามาต่อยอดการทำงานเพื่อพัฒนาบ้านเกิด ประเทศชาติของตัวเองต่อไป

อเมริกันแห่แบน X หลังมักส์ร่วมครม.ทรัมป์ หันใช้ Bluesky แทน

(15 พ.ย. 67) หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ชาวอเมริกันกว่า 115,000 รายพากันยกเลิกบัญชี X และหันไปใช้ Bluesky แทน ท่ามกลางความกังวลเรื่องการแพร่กระจายข้อมูลเท็จและข้อกำหนดการใช้งานใหม่ของ X ที่อาจทำให้เกิดปัญหาทางกฎหมาย โดย Bluesky มีจำนวนผู้ใช้ใหม่เพิ่มขึ้นถึง 2.5 ล้านคนในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ยอดรวมผู้ใช้งานทะลุ 16 ล้านคน 

Bluesky ซึ่งก่อตั้งโดยแจ็ค ดอร์ซีย์ หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Twitter เน้นการเป็นแพลตฟอร์มแบบกระจายศูนย์ที่ให้ความสำคัญกับความโปร่งใสและการปกป้องข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ ผู้ใช้สามารถโพสต์ข้อความ รูปภาพ และโต้ตอบกับผู้อื่นได้คล้ายกับ X 

ความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของ Bluesky เกิดขึ้นหลังจากที่องค์กรและบุคคลสำคัญ เช่น สำนักข่าว The Guardian และอดีตผู้ประกาศข่าว CNN ดอน เลมอน ประกาศเลิกใช้ X เนื่องจากกังวลเรื่องการควบคุมเนื้อหาที่หละหลวม การแพร่กระจายข้อมูลเท็จในช่วงเลือกตั้ง และการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดการให้บริการใหม่ของ X ที่อาจส่งผลต่อข้อกฎหมาย 

แม้ Bluesky จะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น แต่จำนวนผู้ใช้รวมยังตามหลัง Threads ซึ่งมีผู้ใช้งานรายเดือน 252 ล้านคน และ X ที่มีผู้ใช้งาน 317 ล้านคน นักวิเคราะห์เชื่อว่า X ยังคงมีความได้เปรียบในฐานะช่องทางสื่อสารสำคัญของทรัมป์ ซึ่งมีอิทธิพลด้านเครือข่าย ทำให้การเติบโตของแพลตฟอร์มใหม่อย่าง Bluesky เป็นเรื่องที่ท้าทาย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top