Thursday, 3 July 2025
Hard News Team

“ศักดิ์สยาม” เร่งเครื่องคมนาคม “บก-น้ำ-ราง-อากาศ” ประเดิมบิ๊กโปรเจ็กต์ “Land Bridge” ดันไทยสู่ฮับการขนส่งในภูมิภาคอาเซียน

“ศักดิ์สยาม” เร่งเครื่องคมนาคม “บก-น้ำ-ราง-อากาศ” ประเดิมบิ๊กโปรเจ็กต์ “Land Bridge” ดันไทยสู่ฮับการขนส่งในภูมิภาคอาเซียน พร้อมเดินเครื่องมอเตอร์เวย์ “โคราช-อุบล” และ “หนองคาย-แหลมฉบัง” พ่วงวงแหวนรอบที่ 3 คาดเห็นผลรูปธรรมภายในปี 65 พร้อมเผยความพร้อม 100% คมนาคมรับ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” ระบุแอร์ไลน์จอง Slot แล้วกว่า 80-90% หวังไทยกลับมาเป็นเสือเศรษฐกิจ

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยในการกล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “Empowering Thailand 2021 เคลื่อนอนาคตไทย ด้วยการลงทุน” วันนี้ (23 มิ.ย. 2564) ว่า กระทรวงคมนาคม ได้ผลักดันให้ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางขนส่งในภูมิภาคอาเซียน ครอบคลุมทั้งทางบก ทางราง ทางอากาศ และทางน้ำนั้น ไทยมีจุดยุทธศาสตร์ที่ตั้งอยู่ศูนย์กลางอาเซียน โดยเป้าหมายของกระทรวงคมนาคม ต้องการผลักดันโครงสร้างพื้นฐานทุกโหมดการขนส่งครบมิติ โดยเฉพาะการเชื่อมต่อโครงการให้สอดรับกับการศึกษาโครงการ MR-MAP เพื่อพัฒนาโครงข่ายโครงสร้างพื้นฐานที่ประกอบด้วยถนน และรถไฟ 

สำหรับ MR-MAP นั้น จะเชื่อมโยงภูมิภาคเข้าด้วยกัน โดยเล็งเห็นถึงการพัฒนาเชิงบูรณาการ และลดผลกระทบต่อประชาชนจากการเวนคืนที่ดินไปพร้อมกันเบื้องต้นจะนำร่อง 3 เส้นทาง ระยะทางรวม 2,620 กิโลเมตร (กม.) ได้แก่

1.เส้นทางเชียงราย (ด่านเชียงของ)-สงขลา (ด่านชายแดนมาเลเซีย) ระยะทาง 1,680 กม.

2.เส้นทางหนองคาย (ด่านหนองคาย)-แหลมฉบัง ระยะทาง 490 กม. และ

3.เส้นทางบึงกาฬ (ด่านบึงกาฬ)-สุรินทร์ (ด่านช่องจอม) ระยะทาง 470 กม. ขณะที่ อีก 6 แนวเส้นทางที่เหลือ ระยะทางรวม 2,380 กม. นั้น จะดำเนินการต่อไป เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียนต่อไป

ขณะที่ ในส่วนของทางน้ำนั้น ซึ่งยอมรับว่า ประเทศไทยมีศักยภาพในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากมีทะเลอ่าวไทย และฝั่งอันดามัน พร้อมทั้งการเชื่อมต่อการเดินทางกับมหาสมุทรอินเดีย และเชื่อมต่อโลจิสติกส์จากภาคใต้สู่ภาคกลาง โดยใช้ต้นแบบของโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้และเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน (Land bridge) เชื่อมจากท่าเรือทั้ง 2 ฝั่ง (ชุมพร-ระนอง) เพื่อลดระยะเวลาในการขนส่ง และจะเป็นเส้นทางการขนส่งที่สั้นและตรงที่สุด ไม่ต้องผ่านไปยังช่องแคบมะละกา โดยเส้นทางดังกล่าว จะเป็นเส้นทางโลจิสติกส์ที่สำคัญในภูมิภาคด้วย 

ในส่วนของโครงการ Land bridge ยังสามารถเชื่อมให้ประเทศไทยเป็นเส้นทางการขนส่งสินค้าทางเรือของโลก รวมถึงเพื่อเชื่อมฐานการผลิตจาก EEC เข้าสู่ Land bridge เพื่อส่งออกไปยังประเทศในกลุ่ม BIMSTEC ทั้งนี้ โครงการ Land bridge จะเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคต สำหรับประเทศไทยอย่างแท้จริง โดยจะเชื่อมโยงประเทศไทยกับเส้นทางการค้าของเอเชียและของโลก 

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่ออีกว่า การลงทุนเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจนั้น กระทรวงคมนาคมได้เร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณ 1.8 แสนล้านบาท ซึ่งในปัจจุบันได้เบิกจ่ายไปแล้วประมาณ 9 หมื่นล้านบาท หรือ 50% ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคม ได้ให้ความสำคัญในโครงการ Land bridge ที่จะต้องเร่งดำเนินการเป็นโครงการแรก ตามด้วยโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) เส้นทางนครราชสีมา-อุบลราชธานี และเส้นหนองคาย-แหลมฉบัง รวมถึงโครงการวงแหวนรอบกรุงเทพมหานครรอบที่ 3 เพื่อเป็นเส้นทางการขนส่งสินค้าเส้นทางใหม่ ลดปัญหาการขนส่งผ่านพื้นที่ชั้นในกรุงเทพมหานคร อย่างไรก็ตาม คาดว่าในปี 2565 จะเห็นรูปแบบที่ชัดเจน

นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า ในส่วนของนโยบาย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ได้กำหนดแนวทางการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติภายใน 120 วัน โดยจะนำร่องที่ จ.ภูเก็ต ในวันที่ 1 ก.ค. 2564 เป็นที่แรก (ภูเก็ตแซนดบ็อกซ์) ทั้งนี้ จากข้อมูลล่าสุด มีสายการบินจองตารางการบิน (Slot) แล้วประมาณ 80-90% โดยกระทรวงคมนาคมได้เตรียมความพร้อม 100% ในทุกระบบการขนส่ง ทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ อย่างไรก็ตาม เราต้องมีความเชื่อมั่นในการบริหารงานของรัฐบาลที่จะดำเนินการต่อไป

“ขอให้มั่นใจว่า หากประเทศไทยดำเนินการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ ทางบก ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ ได้ตามแผนประเทศไทยจะกลับไปเป็นเสือเศรษฐกิจของอาเซียนได้อย่างแน่นอน” นายศักดิ์สยาม กล่าว

“ผบ.ทสส.” ประชุมผบ.เหล่าทัพ รับทราบผลการปฎิบัติงาน-แก้ปัญหาโควิด-19 พร้อมสั่งการเหล่าทัพ ดูแลปชช. สนับสนุน รบ-สธ. แก้ไขปัญาโควิด-19 

ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ (บก.ทอ.) พล.ต.ธีรพงศ์ ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เป็นประธานการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ 4 โดยมี ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วม

โดยผู้บัญชาการทหารสูงสุด แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้แสดงความขอบคุณ กองบัญชาการกองทัพไทย เหล่าทัพ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ได้ทุ่มเท เสียสละทำให้ภารกิจต่าง ๆ ของรัฐบาลคลี่คลายไปได้ด้วยดี โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 การแก้ไขปัญาความมั่นคงตามแนวชายแดน การจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม การจัดรถรับ-ส่ง ในการเคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อ โควิด-19 การแจกจ่ายอาหารเพื่อสนับสนุนชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ รวมทั้งเรื่องการบริจาคโลหิต ซึ่งได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องทำให้สามารถบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนได้เป็นอย่างมาก

ทั้งนี้กองทัพได้ดำเนินการสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฏหมายตั้งแต่แนวชายแดนเข้ามาจนถึงพื้นที่ตอนใน โดยใช้กำลังป้องกันชายแดนทำการตั้งจุดตรวจ/จุดสกัดการลาดตระเวนและเฝ้าตรวจ เสริมด้วยการใช้ยุทโธปกรณ์พิเศษในการลาดตระเวนเฝ้าตรวจ เช่น โดรนลาดตระเวนทางอากาศ กล้อง CCTV และกล้องตรวจจับความเคลื่อนไหวบริเวณช่องทางตามธรรมชาติในพื้นที่เสี่ยง การใช้เครือข่ายภาคประชาชน และผู้นำหมู่บ้าน แจ้งเบาะแส และข่าวสารและตามที่ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง สั่งการให้ผู้ว่าราชการชายแดนใช้กลไกศูนย์สั่งการจังหวัดชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน (ศส.ชท.) บูรณาการการปฏิบัติร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ซึ่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด/ผู้อำนวยการกองอำนวยการปฏิบัตินโยบายชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน (ผบ.ทสส./ผอ.นชท.) ได้ประชุมมอบแนวทางในการปฏิบัติของส่วนราชการตามกลไกของ กอ.นชท. เพื่อบูรณาการและขับเคลื่อนการบริหารจัดการชายแดนฯ  

โดนเน้นย้ำให้กำลังทหารในพื้นที่กองทัพภาค ทัพเรือภาค และกองกำลังป้องกันชายแดนต่างๆ สนับสนุนการปฏิบัติของ ศส.ชท. จังหวัดทั้งในพื้นที่ชายแดนทางบก และทางทะเล โดยในระดับส่วนกลาง กอ.นชท. จะช่วยกำกับดูแลและขับเคลื่อนงานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานอื่น เช่น การบูรณาการด้านการข่าว ติดตามการสืบสวน / สอบสวน / ดำเนินคดี การนำแรงงานต่างด้าวเข้าสู่ระบบ 

ในเรื่องการเตรียมการรับทหารใหม่ที่กำลังจะเข้ามาประจำการในวันที่ 1 ก.ค. 64 นี้ กองทัพได้เตรียมมาตรการควบคุมและป้องกันโรค รองรับในรูปแบบที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทุกเหล่าทัพ โดยมีมาตรการเริ่มตั้งแต่การเตรียมความพร้อมของหน่วยฝึกและกำลังพลครูฝึก กระบวนการรับตัวทหารใหม่จากภูมิลำเนา ณ ตำบลต้นทาง การปฏิบัติและมาตรการควบคุมระหว่างการเคลื่อนย้าย จนถึงตำบลปลายทางเข้าที่ตั้งหน่วยฝึกทหารใหม่ที่กำหนด และมาตรการควบคุมการปฏิบัติในห้วงระหว่างการฝึก ทั้งนี้ หน่วยฝึกทหารใหม่ทุกหน่วยมีมาตรการที่สำคัญคือจะทำลักษณะหน่วยฝึกให้เป็น Bubble and Seal ทุกหน่วย ครูฝึกทุกคนได้รับการฉีดวัคซีนก่อนแล้วและทำการกักตัวตามมาตรฐานที่กำหนดก่อนที่ทหารใหม่จะเข้าหน่วย/ทหารใหม่ที่เข้ามา 14 วันแรกจะยังไม่ฝึก จะเป็นการเฝ้าสังเกตุอาการ และทหารใหม่จะได้รับการฉีดวัคซีนทุกคน 
   
ที่ประชุมได้รับทราบภาพรวมของการปฏิบัติการทางไซเบอร์ของกองทัพไทยในปัจจุบันที่ได้กำหนดให้มิติทางไซเบอร์เป็นมิติที่ 5 ของการรบ นอกเหนือจากมิติทางบก มิติทางน้ำ มิติทางอากาศ และมิติทางอวกาศ 
โดยศูนย์ไซเบอร์ทหาร และศูนย์ไซเบอร์เหล่าทัพ ได้ร่วมกันพัฒนาขีดความสามารถของการปฏิบัติการทางไซเบอร์ ให้มีความพร้อมในการรับมือกับภัยคุกคามในทุกรูปแบบ

ในขณะที่ กองทัพบก ได้นำเสนอการปฏิบัติการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองในภาคเหนือ โดยได้จัดตั้งกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า เพื่อบูรณาการกับส่วนราชการในพื้นที่ในการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเป็นระบบส่งผลให้สถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองในปี64 ดีขึ้นตามลำดับ

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับทราบแนวคิดการปฏิบัติการสำหรับสงครามที่ใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลาง (Network Centric Warfare) ของกองทัพเรือ ที่ได้นำมาประยุกต์ใช้และพัฒนา โดยหากเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 65 จะทำให้กองทัพเรือมีระบบควบคุมการบังคับบัญชาที่มีประสิทธิภาพ ครอบคลุมพื้นที่ทั้ง 2 ฝั่งมหาสมุทร 3 พื้นที่ปฏิบัติการ และพื้นที่รับผิดชอบของกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด

สำหรับ กองทัพอากาศ ได้ยืนยันถึงขีดความสามารถด้านการข่าวกรองในการเฝ้าตรวจลาดตระเวน และการปฏิบัติการที่ใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลางสนับสนุนภารกิจการดับไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือ โดยได้จัดอากาศยานไร้คนขับ Aerostar ทำการบินลาดตระเวนค้นหาจุดเกิดไฟป่า และส่งภาพ Video Downlink แบบ Near Real Time มายังกองบัญชาการและควบคุมฯ เพื่อยืนยันเป้าหมายจุดเกิดไฟป่า ทำให้เจ้าหน้าที่ดับไฟป่าภาคพื้นสามารถเข้าพื้นที่ได้อย่างแม่นยำและรวดเร็วมากขึ้น 

ทางด้าน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค รับผิดชอบดูแลในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดที่เกี่ยวกับสินค้าควบคุมสลาก วัตถุอันตราย ขายตรง สินค้าที่ต้องได้รับมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครื่องสำอาง อาหาร และยา โดยมีการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ ของรัฐ ทั้งนี้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนสามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วน 1135 และเพจเฟซบุ๊ค กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค

กองทัพไทย โดยกองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่เคยหยุดนิ่งที่จะพัฒนาขีดความสามารถในด้านต่างๆ เพื่อมุ่งมั่นไปสู่เป้าหมายในการแก้ไขปัญหาที่สำคัญของชาติ ตอบสนองนโยบายของรัฐบาล เสริมสร้างความมั่นคงของรัฐ และเพื่อประโยชน์สุขของประเทศชาติและประชาชน

สำหรับ การประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ มีวัตถุประสงค์เพื่อบูรณาการการปฏิบัติงานร่วมกันก่อให้เกิดความประสานสอดคล้อง มีเอกภาพ เสริมสร้างความสามัคคีระหว่าง กองบัญชาการกองทัพไทย เหล่าทัพ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อันจะนำไปสู่การสร้างความมั่นคงให้กับประเทศชาติและประชาชน ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุก 2 เดือน หมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพ สำหรับการประชุมครั้งต่อไปมีกำหนดจัดขึ้นในเดือนสิงหาคม โดยมี 

“กองทัพไทย-สหรัฐฯ” ปรับลดขนาดฝึก “คอบร้าโกลด์ 2021”

ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ (บก.ทอ.) พล.อ.เฉลิมพล  ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เป็นประธานการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ  โดยมี ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วม โดยก่อนการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ได้มีการประชุมคณะผู้บัญชาการทหาร เกี่ยวกับการฝึก คอบร้าโกลด์ 2021 เมื่อเกิดสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ไม่สามารถดำเนินการฝึกเต็มรูปแบบได้ จึงได้หารือร่วมกับฝ่ายสหรัฐฯ โดยปรับรูปแบบการฝึกและลดจำนวนกำลังพลเข้ารับการฝึก ให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด โดยมีกำหนดการฝึก ดังนี้

กลุ่มการฝึกการควบคุมบังคับบัญชา จัดฝึกระหว่างวันที่ 2-13 ส.ค. 2564 ได้แก่ การฝึกฝ่ายเสนาธิการ (STAFFEX) ณ อาคารม้าแดง กองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ (กบร.กร.) และการฝึกสงครามเครือข่าย (Cyber-X) ณ อาคาร Joint Movement Control Center กบร.กร

กลุ่มการฝึกการช่วยเหลือประชาชน จัดฝึกระหว่างวันที่ 12 ก.ค.-12 ส.ค. ได้แก่ การฝึกการแก้ปัญหาบนโต๊ะในหัวข้อการช่วยเหลือและบรรเทาภัยพิบัติ (HADR-TTX) ณ โรงแรมสิรินพลา จ.ระยอง และโครงการก่อสร้าง 1 โครงการ ณ โรงเรียนบ้านใหม่ไทยพัฒนา จ.สระแก้ว

กลุ่มการฝึกภาคสนาม,ภาคทะเล จัดฝึกระหว่างวันที่ 2-13 ส.ค. ณ พื้นที่ จ.กระบี่ จ.เชียงใหม่ จ.ลพบุรี และ จ.ระยอง รวมถึงการฝึกกวาดล้างทุ่นระเบิดและการทำลาย ที่จ.สุรินทร์

กนง. มีมติเอกฉันท์คงดอกเบี้ย 0.50% รับโควิดระบาด

นายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส ผู้ช่วย ผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50% ต่อปี โดยประเมินว่าการระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ ทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้าลงและไม่ทั่วถึงมากขึ้นเทียบกับประมาณการเดิม อีกทั้งในระยะข้างหน้ายังมีแนวโน้มเผชิญความเสี่ยง จึงเห็นว่า การเร่งดำเนินมาตรการทางการเงิน โดยเฉพาะสินเชื่อฟื้นฟู รวมถึงการปรับปรุงโครงสร้างหนี้จะช่วยภาคธุรกิจและครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบได้ตรงจุดมากกว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำ ดังนั้นคณะกรรมการฯ จึงเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในการประชุมครั้งนี้ และพร้อมดำเนินนโยบายการเงินที่มีจำกัดในจังหวะที่เกิดประสิทธิผลสูงสุด 

ทั้งนี้ยังประเมินว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้มีแนวโน้มขยายตัว 1.8% และขยายตัว 3.9% ในปี 2565 โดยปรับลดลงจากประมาณการเดิมตามแนวโน้มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ปรับลดลง และอุปสงค์ในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดระลอกที่สาม ด้านตลาดแรงงาน โดยเฉพาะภาคบริการและผู้ประกอบอาชีพอิสระมีความเปราะบางมากขึ้นและอาจฟื้นตัวได้ช้า

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยยังมีแรงสนับสนุนเพิ่มเติมจากแนวโน้มการใช้จ่ายภาครัฐที่สูงขึ้นจาก พ.ร.ก. กู้เงินล่าสุดและการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวดีตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเร่งขึ้นชั่วคราวในไตรมาสที่ 2 ปี 2564 จากฐานราคาน้ำมันดิบที่อยู่ในระดับต่ำในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลักและข้อจำกัดด้านอุปทานมีผลจำกัดต่ออัตราเงินเฟ้อไทย ด้านการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในระยะปานกลางยังยึดเหนี่ยวอยู่ในกรอบเป้าหมาย 

นางแองเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี เข้ารับวัคซีนของโมเดอร์นาเป็นวัคซีนต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เข็มที่ 2 หลังจากเข็มแรกที่เธอฉีดนั้นเป็นของแอสตราเซเนกา

บีบีซี/เอเอฟพี รายงานว่า นางแองเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี เข้ารับวัคซีนของโมเดอร์นาเป็นวัคซีนต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เข็มที่ 2 หลังจากเข็มแรกที่เธอฉีดนั้นเป็นของแอสตราเซเนกา จากการเปิดเผยของโฆษกรัฐบาลในวันอังคาร (22 มิ.ย.) โดยการตัดสินใจมีขึ้น ในขณะที่พวกผู้เชี่ยวชาญยังอยู่ระหว่างทำการศึกษาเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนเข็ม 1 กับเข็ม 2 ต่างยี่ห้อกัน

ผู้นำวัย 66 ปีรายนี้ ได้เข้ารับวัคซีนเข็มแรกซึ่งเป็นของแอสตราเซเนกาในเดือนเมษายน ราว 2 สัปดาห์หลังจากเจ้าหน้าที่เยอรมนีแนะนำให้ใช้วัคซีนตัวดังกล่าวกับบุคคลอายุ 60 ปีขึ้นไป และล่าสุดโฆษกของรัฐบาลเปิดเผยว่าไม่กี่วันที่ผ่านมา นางแมร์เคิล เข้ารับวัคซีนเข็มสองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยฉีดวัคซีนของโมเดอร์นา ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าการใช้วัคซีนโควิด-19 ต่างยี่ห้อกันอาจเป็นความคิดที่ดี แต่ยังเร็วเกินไปที่จะพูดได้อย่างมั่นใจ

อย่างไรก็ตามในเดือนมีนาคม ทางเยอรมนีและอีกหลายประเทศในยุโรป ได้ระงับฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกา หลังมีรายงานพบเคสลิ่มเลือดอุดตันหลายเคส ก่อนกลับมาใช้อีกรอบ แต่จำกัดการใช้เฉพาะกับบุคคลที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ขณะที่สำนักข่าว Deutsche Welle รายงานว่าเยอรมนีเตรียมอนุญาตฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาแก่ประชากรวัยผู้ใหญ่ทุกช่วงอายุ

หลังจากเริ่มต้นอย่างช้าๆ โครงการฉีดวัคซีนแก่ประชาชนของเยอรมนียกระดับความรวดเร็วขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยจนถึงตอนนี้มีประชากรมากกว่าครึ่งประเทศที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 โดสแรกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

สำหรับสถานการณ์การฉีดวัคซีน 2 เข็มที่ต่างชนิดกัน ทางด้านรอยเตอร์สระบุว่า ในบางประเทศกำลังศึกษาวิจัยความเป็นไปได้ของการฉีดวัคซีนเข็ม 1 กับเข็ม 2 ต่างชนิดกัน สืบเนื่องจากปัญหาขาดแคลนวัคซีนและเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกัน ในนั้นรวมถึงรัฐออนแทรีโอและควิเบกของแคนาดา ที่บอกว่ามีแผนใช้วัคซีนต่างยี่ห้อในอนาคตอันใกล้นี้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการส่งมอบวัคซีนแอสตราเซนเนกาและข้อกังวลเกี่ยวกับภาวะลิ่มเลือดอุดตันที่เกิดขึ้นน้อยมาก

ขณะที่ผลการศึกษาหนึ่งในสหราชอาณาจักร พบว่าบุคคลวัยผู้ใหญ่ดูเหมือนจะมีผลข้างเคียงเล็กน้อยถึงปานกลาง หลังได้รับวัคซีน 2 เข็มต่างยี่ห้อกัน ระหว่างแอสตราเซนเนกาและไฟเซอร์

 

 

ที่มา : https://mgronline.com/around/detail/9640000060517


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เผยแผนลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก 5 ปี สนับสนุน BCG Model สร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม มั่นใจปี 64 ลดมลพิษได้เกินเป้าที่ตั้งไว้

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า กนอ.ได้ดำเนินงานการพัฒนาอุตสาหกรรมเชิงนิเวศเพื่อส่งเสริมให้เกิดระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และระบบเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) ภายใต้นโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG Model) ซึ่งสอดคล้องตามกรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ.2561-2580) ในยุทธศาสตร์ที่ 5 ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และแผนวิสาหกิจ กนอ. (พ.ศ.2561-2565) ในยุทธศาสตร์ที่ 2 พัฒนาและบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วมและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสู่ความยั่งยืน (Green Strategy) โดย กนอ. ตั้งเป้าลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในนิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศให้ได้ 2.5 ล้านกิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (kgCO2e) ภายใน 5 ปี (2564-2568) หรือปีละ 500,000 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (kgCO2e)

สำหรับปี 2564 กนอ. ได้จัดทำแนวทางเพิ่มค่าประสิทธิภาพเชิงนิเวศเศรษฐกิจ (Eco-Efficiency) เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบาย BCG Model ของรัฐบาล โดยคาดว่าจะสามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ คือประมาณกว่า 700,000 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (kgCO2e) จากการให้บริการสาธารณูปโภคของนิคมอุตสาหกรรม/ท่าเรืออุตสาหกรรมที่ กนอ. ดำเนินการเอง รวมทั้ง กนอ. สำนักงานใหญ่ โดยเป็นการดำเนินงานผ่านแผนงานการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกของ กนอ.

อาทิ การติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปบนอาคารสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมบางปูและนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง การติดตั้งโซล่าเซลล์ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดและท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด การนำวัสดุที่ไม่ใช้แล้วและของเสียอุตสาหกรรมกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ การสนับสนุนให้โรงงานเก็บสถิติก๊าซเรือนกระจกเบื้องต้นและขึ้นทะเบียนคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร (CFO) เพื่อลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเพื่อสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ กนอ. ยังมีโครงการสนับสนุนส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรเพื่อให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และโครงการส่งเสริมสนับสนุนโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Factory) ที่ดำเนินงานเพื่อสนับสนุนให้เกิดเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) อีกด้วย

“แนวคิดการปรับปรุงประสิทธิภาพเชิงนิเวศมีเป้าหมายหลัก คือ เพื่อสร้างความยั่งยืนของทรัพยากร พัฒนาชุมชนและเศรษฐกิจฐานราก ยกระดับการพัฒนาอุตสาหกรรมภายใต้เศรษฐกิจ BCG ให้สามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืน และสามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก ซึ่งทั้งหมดต้องก่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพมาก ส่งเสริมการเกิดเครือข่ายในระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ที่นำทรัพยากรมาใช้อย่างคุ้มค่า ยืดอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์ พัฒนาสินค้าและบริการ การนำของเสียที่อยู่ท้ายสุดของห่วงโซ่อุปทานมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าและบริการใหม่ และปลดปล่อยของเสียให้เหลือน้อยที่สุด สร้างสมดุลระหว่างวัตถุดิบ การนำไปใช้ และผลผลิตในกระบวนการที่ก่อให้เกิดของเสียในโรงงานและนิคมอุตสาหกรรม ส่งเสริมกิจกรรมความร่วมมือต่างๆ ระหว่างโรงงานทั้งในและนอกพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม สร้างการเกื้อกูลพึ่งพากันและกันในรูปแบบเครือข่ายได้ในที่สุด” นายวีริศ กล่าวทิ้งท้าย


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘เดฟ เลดั๊ค’ หยามไทยอีก หลังโดนแบนห้ามเข้าประเทศ

ตามที่ เดฟ เลดั๊ค นักมวยจอมเกรียนชาวแคนาดา เจ้าของแชมป์เลธเหว่ยโลก (มวยพม่าคาดเชือก) ได้ออกมาดูหมิ่นศิลปะแม่ไม้มวยไทย รวมถึงยกเอาประวัติศาสตร์เรื่องนายขนมต้มให้เป็นประเด็นเสียหาย ก่อให้เกิดความไม่สบายใจกับบรรดาคนทำมวย และแฟนมวยไทยเป็นอย่างมาก จนต่อมาประเทศไทยเคลื่อนไหวสั่งแบนไม่ให้ เดฟ เลดั๊ค เข้าประเทศไทย ส่วนประเทศเมียนมา ลงดาบถอด เดฟ เลดั๊ค ออกจากการเป็นแชมป์มวยเลธเหว่ยโลก (มวยพม่าคาดเชือก) อีกด้วย

ล่าสุด จากการตรวจสอบที่ IG ส่วนตัวของ เดฟ เลดั๊ค พบว่า มีการขึ้นภาพปกข้อข่าวจากสำนักข่าว “มติชนออนไลน์” เรื่อง การลงโทษห้าม เดฟ เลดั๊ค เข้าไทย พร้อมกับแสดงความเห็นเป็นภาษาอังกฤษที่แปลความหมายดังนี้

“โดนสั่งห้ามเข้าไทยอย่างเป็นทางการ ทั้งประเทศแบนแย่จริงๆ กระทรวงวัฒนธรรมไทยขึ้นบัญชีดำผม ไม่ให้เข้าประเทศไทย แถมยังเตรียมฟ้องร้องผมที่ออกมาพูดความจริง 555 ก่อนอื่นเลย ทำไมผมถึงอยากไปที่ประเทศไทยด้วยล่ะ ทั้งหมดมันเกิดขึ้น เพราะผมเป็นคนเดียวในโลกที่กล้าออกมาเผยถึงนิทานพื้นบ้านจอมปลอมของนายขนมต้ม ผมขอย้ำว่าเรื่องนี้เป็นการแต่งขึ้นแน่นอน แถมยังไม่เคารพประวัติศาสตร์ของเมียนมาด้วย ซึ่งคนไทยยังคงจัดงานเฉลิมฉลองทุกปี”

“ผมไม่ได้สร้างความเกลียดชังระหว่างประเทศ แต่กลับเป็นทางไทยที่มีการจัดงานแบบนั้นทุกปี พี่น้องชาวเมียนมาของผมไม่กล้าที่จะขอให้ยุติเรื่องราวจอมปลอมเหล่านั้น สิ่งที่แน่ชัดคือประเทศไทยแพ้สงครามในปี 1767 ดังนั้นพวกเขาจึงแต่งเรื่องราวให้รู้สึกดีขึ้น ผมไม่สนใจเรื่องที่พวกเขาแบนผมเข้าประเทศไทย แต่ถ้าประเทศไทยเคารพเพื่อนบ้านอย่างเมียนมาจริงๆ กระทรวงวัฒนธรรมของประเทศไทย ควรยกเลิกการกล่าวถึง นายขนมต้ม และงดจัดงานเฉลิมฉลองให้กับตัวละครนั้นในวันมวยไทยแห่งชาติ”

 

ที่มา : https://www.matichon.co.th/sport-slide/news_2787197

https://www.instagram.com/p/CPs76rhp4gn/


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

กระทรวงเกษตรฯ เร่งฟื้นเศรษฐกิจฝ่าวิกฤติโควิด ‘เฉลิมชัย’ เห็นชอบพิมพ์เขียววิสัยทัศน์ฮาลาล (Thailand Halal Blueprint) พร้อมเสนอ ครม. ดันไทยฮับฮาลาลโลก หวังเจาะตลาดฮาลาล 48 ล้านล้านบาท

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการส่งเสริม สินค้าและผลิตผลการเกษตรมาตรฐาน “ฮาลาล” (ฮาลาลบอร์ด-Halal Board) แถลงวันนี้ (23 มิ.ย.) ที่กระทรวงเกษตรฯ ว่า ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ลงนามเห็นชอบ “วิสัยทัศน์ นโยบายและแผนพัฒนาสินค้าและผลิตผลการเกษตรมาตรฐานฮาลาล” แล้วโดยสั่งการให้กระทรวงเกษตรฯ เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบต่อไปโดยเร็ว นับเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยมีวิสัยทัศน์ นโยบาย แผนและโครงการขับเคลื่อนอย่างเป็นระบบครบวงจร เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรอาหารฮาลาลของไทยสู่เป้าหมายฮับฮาลาลโลก

โดย ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ย้ำว่า “ในยุคโควิด เราต้องแสวงหาตลาดใหม่ๆ สำหรับสินค้าเกษตรและอาหาร เพื่อสร้างโอกาสในวิกฤติและตลาดฮาลาลคืออนาคต” ซึ่งในปี 2563 ที่ผ่านมา ตลาดอาหารและเครื่องดื่มฮาลาลทั่วโลก มีมูลค่าสูงถึง 1,533,280 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (48 ล้านล้านบาท) โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 20% คิดเป็นมูลค่าเพิ่มปีละ 560 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (16.8 ล้านล้านบาท) และประเมินว่ามูลค่าตลาดจะเพิ่มขึ้นเป็น 2,285,190 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (68 ล้านล้านบาท) ภายใน 5 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ ยังไม่รวมตลาดที่ไม่ใช่มุสลิม (non-Muslim market)

“ด้วยศักยภาพของประเทศไทยในฐานะประเทศผู้ส่งออกสินค้าอาหารอันดับ 2 ของเอเชียและอันดับ 11 ของโลกในปี 2562 และภายใต้ “5 ยุทธศาสตร์ปฏิรูปภาคเกษตรฯ” ของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ บนความร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สถาบันมาตรฐานฮาลาลแห่งประเทศไทย สถาบันฮาลาล มอ.สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หอการค้า ศูนย์ AIC (Agritech and Innovation Center) และทุกภาคีภาคส่วนจะเป็นฐานการขับเคลื่อนสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างมีพลังและพลวัตร เมื่อเป้าหมายชัด นโยบายชัด ความร่วมมือแข็งแกร่ง”

ดร.วินัย ดะห์ลัน ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประธานคณะอนุกรรมการจัดทำวิสัยทัศน์และนโยบายการส่งเสริมสินค้าและผลิตผลการเกษตรมาตรฐาน “ฮาลาล” กล่าวว่า วิสัยทัศน์และนโยบายการส่งเสริมสินค้าและผลิตผลการเกษตรมาตรฐานฮาลาล มีเป้าหมายให้ไทยเป็นประเทศผู้นำในการผลิต การแปรรูป การส่งออกและการพัฒนาสินค้าเกษตร และอาหารฮาลาลที่ได้รับความเชื่อมั่นในระดับสากล และเข้าสู่ตลาดโลกด้วยมาตรฐานฮาลาลไทย โดยใช้หลักศาสนา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ภายในปี 2570 ผ่านการขับเคลื่อนการดำเนินงานที่กำหนดทั้งหมด 5 แนวทาง ได้แก่

(1) การเพิ่มศักยภาพหน่วยงานรับรองมาตรฐานฮาลาล

(2) การสร้างความเชื่อมั่นให้กับสินค้าเกษตรและอาหาร ด้วยมาตรฐานฮาลาลไทย วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม

(3) การเสริมสร้างองค์ความรู้ในการผลิต และการบริหารจัดการตั้งแต่ระดับฟาร์มจนถึงผู้บริโภค

(4) การเพิ่มศักยภาพทางตลาด และโลจิสติกส์

(5) การยกระดับความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคทั้งใน และต่างประเทศ

ทั้งนี้ วิสัยทัศน์ดังกล่าวเปรียบเสมือนพิมพ์เขียวฮาลาลไทย (Thailand Halal Blueprint) ฉบับแรกที่มีความสมบูรณ์ประกอบด้วยเป้าหมาย วิสัยทัศน์ แผนปฏิบัติการ (Action Plan) โครงการและงบประมาณเป็นแผนแม่บทสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาลของไทยให้มีศักยภาพในการแข่งขันระดับโลก

นายอลงกรณ์ ยังเปิดเผยด้วยว่า ในการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมสินค้าและผลิตผลการเกษตรมาตรฐาน “ฮาลาล” ครั้งที่ 3/2564 เมื่อวันที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา คณะอนุกรรมการส่งเสริมการผลิตและการลงทุนเกี่ยวกับสินค้าและผลิตผล การเกษตรมาตรฐาน “ฮาลาล” และคณะอนุกรรมการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจเพื่อส่งเสริมการค้าและผลิตผลการเกษตร มาตรฐาน “ฮาลาล” ในพื้นที่ชายแดนใต้ ได้รายงานความก้าวหน้าของโครงการส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตรฮาลาล 3 โครงการ และตั้งเป้าหมายจะขยายอีก 5 โครงการ ในยะลา ปัตตานี และนราธิวาส โดยความร่วมมือกับ ศอบต. อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ 3 จังหวัดภาคใต้ เป็นฮับของอุตสาหกรรมฮาลาลภายใต้แนวทางระเบียงเศรษฐกิจฮาลาล (Halal Economic Corridor)

“ที่ประชุมยังให้ขยายการส่งเสริมสนับสนุนการลงทุนอุตสาหกรรมเกษตรอาหารฮาลาลในภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคตะวันออก โดยเฉพาะในจังหวัดชายแดนที่เป็นเมืองท่าหน้าด่าน เช่น อุดรธานี เชียงราย ตาก กาญจนบุรี เป็นต้น โดยประสานกับโครงการ 1 กลุ่มจังหวัด 1 นิคมอุตสาหกรรมเกษตรอาหารภายใต้ความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรฯ กับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และศูนย์ AIC เพื่อขยายฐานการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำกลางน้ำ ปลายน้ำไปทุกภาคทั่วประเทศ ฟื้นเศรษฐกิจฝ่าวิกฤติโควิด สร้างงานสร้างอาชีพสร้างผลิตภัณฑ์สร้างตลาดใหม่ๆ ให้มากที่สุดเร็วที่สุด

รวมทั้งเห็นควรขยายความร่วมมือกับสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (สคช.) ในการพัฒนามาตรฐานคุณวุฒิวิชาชีพฮาลาล ตลอดจนการขยายผลการเรียนการสอนหลักสูตรการบริหารจัดการฮาลาล และโครงการโรงเชือดแพะต้นแบบมาตรฐานฮาลาลของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.-หาดใหญ่) สำหรับผู้ประกอบการและเกษตรกร นอกจากนี้ที่ประชุมยังรับทราบรายงานผลการแก้ไขปัญหาเนื้อวัวปลอม ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ และได้มีการติดตามผลอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค นับเป็นมาตรการป้องกันและปราบปรามประสบผลสำเร็จแต่ก็ต้องเฝ้าระวังต่อไป”


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ซินแสเข่ง ชี้ 89 ปี เปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิ.ย. 2475 กับ 24 มิ.ย. 2564 ดวงชะตาเมืองต่างกันฟ้ากับดิน คนคิดทำลายบ้านเมืองระวังเจอผลร้ายเข้าตัว

นายชนม์ทรรศน์ ฤทัยผ่อง หรือ ‘ซินแสเข่ง’ ผู้อำนวยการสถาบันโหราศาสตร์พยากรณ์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ได้วิเคราะห์ผ่าดวง 89 ปี 24 มิถุนายน 2475 จุดเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองของประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่ ตู่ นายจตุพร พรพมพันธุ์ แกนนำไทยไม่ทน จะถือฤกษ์ประกาศกร้าว 24 มิถุนายน 2564 เชิญชวนร่วมขบวนขับไล่รัฐบาลพลเอกประยุทธ จันทร์โอชา ขอบอกว่า…

“ผลตกดวงไม่แตกแยกเหมือนยุคปี 2475 ถึงวันจะตรงกัน แต่ยามที่ถอดออกมาดวงจะต่างกัน ในยุคนั้นเป็นฤกษ์ยามแห่งการปะทะ แตกแยกไม่ปรองดอง ก่อให้เกิดการสาดซัดทำลาย ในฤกษ์ยามนั้นก่อให้เกิดการปะทะกับดวงเมืองของปีศักราช 2325 ทำให้สถานการณ์ในยุคนั้นทำให้คณะที่เรียกตนเองว่า ‘คณะราษฎร’ กระทำสำเร็จ”

ซินแสเข่ง กล่าวต่ออีกว่า แต่ยุควันเวลาเปลี่ยนไป ราศีวันเดือนปีก็ไม่เกื้อหนุน ไม่ก่อให้เกิดการทำลายที่จะทำให้ดวงบ้านดวงเมืองมีผลกระทบ หรือทำให้ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในรัฐบาล คงมีบ้างที่ทำให้ผู้นำประเทศอาจจะมีเหตุให้หงุดหงิดรำคาญใจ ในการกระทำอันไร้จิตสำนึก ไร้สาระของกลุ่มผู้นำไทยไม่ทน และหากจะก่อให้เกิดความรุนแรง ก็อาจจะทำให้มีเหตุเจ็บเนื้อเจ็บตัวกันเปล่าๆ ซ้ำยังอาจต้องคดีอีกด้วย เพราะดวงผู้นำไทยไม่ทน มีแต่ดวงคิดร้ายเบียดเบียนและเป็นศัตรูต่อบ้านเมืองตลอดเวลา

“เปรียบเทียบระหว่าง ดวงเมือง 21 เมษายน 2325 ดวงเมืองในยุคนั้นราศีกำลังยังมั่นคงตลอดเวลา แต่ด้วยฤกษ์ยามที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในวันที่ 24 มิถุนายน 2475 เป็นฤกษ์ที่แรงจนทำให้ดวงเมืองมีผลเป็นลบ ทำให้ดวงเมืองปะทะกับฤกษ์ยามของคณะราษฎรในยุคนั้นด้วย ทั้งยามของวันและยามของปีที่มีผลปะทะกับดวงเมือง จึงทำให้เป็นผลพวงเกิดการเปลี่ยนแปลงสำเร็จ แต่ถ้าเทียบกับฤกษ์ยามวันที่ 24 มิถุนายน 2564 ต่างกันราวฟ้ากับดิน นรกกับสวรรค์ เพราะเต็มไปด้วยเจ้าทุกข์ และตกดวงแห่งครูบาอาจารย์ที่มีแต่ความหวังดีที่จะคลุมบ้านเมืองให้ปลอดภัยจากหายะนะของกลุ่มคิดทำลายบ้านเมืองให้วิบัติ” ซินแสเข่ง กล่าว

 

ที่มา: https://www.posttoday.com/politic/news/656211


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

"ไบโอเทค" เผยผลวิจัยต่างประเทศ ฉีด AZ เข็มแรก ตามด้วย mRNA เข็ม 2 กระตุ้นภูมิดี รับมือไวรัสโควิดกลายพันธุ์ได้ทุกตัว

ห้องปฏิบัติการไวรัสวิทยาและเซลล์เทคโนโลยี เผยผลวิจัยในเยอรมนี การฉีดวัคซีนโควิดเข็ม 2 แบบ mRNA ต่อจาก AZ ในเข็มแรกสามารถสร้างภูมิคุ้มกันสูงมากกันโควิดกลายพันธุ์ได้ทุกตัว

เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. เพจ "Virology and Cell Technology Lab - BIOTEC" ของห้องปฏิบัติการไวรัสวิทยาและเซลล์เทคโนโลยี ได้ออกมาโพสต์ข้อความน่าสนใจเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 ในหัวข้อ "เข็มแรก AZ เข็มสอง Pfizer...การใช้วัคซีนให้มีประสิทธิภาพสูงสุด?" โดยทางเพจได้ระบุข้อความว่า

"จากปัญหาเรื่องลิ่มเลือดอุดตันที่พบได้ในคนที่ฉีดวัคซีน AZ ทำให้หลายประเทศในยุโรป โดยเฉพาะเยอรมนี เริ่มจำกัดการใช้วัคซีน AZ เฉพาะผู้สูงอายุมากกว่า 60 ปี ทำให้คนวัยหนุ่มสาวที่ได้ AZ เข็มแรกไปแล้ว อาจต้องไปใช้เข็มสองในรูปแบบอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง mRNA vaccine ของ Pfizer ผลการทดสอบจากเยอรมัน ในเรื่องการใช้วัคซีนแบบสลับเข็มจึงเห็นออกมาเรื่อยๆ ผลการทดลองครั้งนี้มาจากทีม Hannover Medical School ซึ่งมีผลการทดลองที่น่าสนใจหลายเรื่องครับ

กลุ่มที่ทำการศึกษาแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ

1.) AZ เข็มเดียว

2.) AZ สองเข็ม

3.) AZ แล้วตามด้วย Pfizer

โดยการให้เข็มที่ 2 ทำในวันที่ 73-74 วัน หรือ 10 อาทิตย์หลังเข็มแรก ทีมวิจัยนำตัวอย่างที่ได้จากอาสาสมัครเหล่านั้นมาตรวจหาภูมิคุ้มกันทั้งในรูปแบบของแอนติบอดียับยั้งไวรัสสายพันธุ์ต่างๆ (Wuhan, Alpha, Beta และ Gamma แต่ไม่มี Delta) ตลอดจนดูการ กระตุ้นของ T cell ด้วย

ข้อมูลมีค่อนข้างเยอะนะครับ แต่สรุปสาระสำคัญได้ คือ การใช้ mRNA เป็นเข็มที่สองต่อจาก AZ สามารถกระตุ้นการสร้างแอนติบอดีทั้ง IgG และ IgA ได้สูงมาก (ซึ่งสอดคล้องกับหลายงานวิจัยก่อนหน้านี้) โดย NAb ในระบบสองเข็มต่างชนิดเมื่อทดสอบกับไวรัสกลายพันธุ์ 3 ชนิด ยังสูงเพียงพอในการยับยั้งได้ โดย Beta อาจจะมีลดลงมาบ้างแต่ไม่มากนัก แต่ที่น่ากังวลสำหรับข้อมูลนี้คือ AZ 2 เข็ม ดูเหมือนจะมี NAb สูงพอสำหรับ Wuhan และ Alpha แต่เมื่อทดสอบกับ Beta และ Gamma ผลออกมาไม่ค่อยดีเลย... อีกข้อมูลนึงที่คิดว่าน่าสนใจคือ NAb จาก AZ เข็มเดียว ดูใช้ได้อยู่สำหรับ Wuhan แต่น้อยเกินไปที่ยับยั้งไวรัสกลายพันธุ์ที่ทดสอบทุกตัวเลย

ข้อมูลของ T cell ดูสอดคล้องกับ NAb ครับ การ boost ด้วย mRNA เข็มสองสามารถกระตุ้น CD4 และ CD8 ได้สูงกว่า AZ 2 เข็มอย่างชัดเจน ซึ่งแอบแปลกใจเล็กๆ ว่า ทำไม AZ 2 เข็มกระตุ้น T cell ได้น้อยกว่าที่คาดไว้มาก

สรุปแบบง่ายๆ คือ การใช้ mRNA vaccine boost เป็นเข็มที่ 2 สามารถกระตุ้นภูมิได้สูงมาก และน่าจะเป็นวิธีที่จะรับมือไวรัสกลายพันธุ์ได้ทุกตัว"

ที่มา : https://mgronline.com/onlinesection/detail/9640000060668

https://www.facebook.com/avctbiotec/posts/352193916476550


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top