Tuesday, 1 July 2025
Hard News Team

“เลขาฯ สมช.” แจง คลาย 4 กิจกรรมก่อสร้าง ไม่ใช่สั่งย้อนหลัง สั่งตร. เอาผิดฝืนเปิดสถานบันเทิง ย้ำ ระบบรักษาตัวที่บ้านต้องรอบคอบ เผย ผู้ว่าฯ กทม. เร่งทำระบบ-เตรียมจุดพักคอย 20 จุดใน 50 เขต รับผู้ป่วยอาการไม่หนัก เล็งแบ่งวัคซีนบริจาคฉีดต่างชาติด้วย 

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ให้สัมภาษณ์ถึงการอนุมัติในหลักการอนุญาตโครงการก่อสร้าง 4 ประเภท ให้ดำเนินการต่อได้ และการเคลื่อนย้ายแรงงานในกรณีที่มีความจำเป็น โดยผ่อนคลายข้อกำหนดฉบับที่ 25 บางข้อ ว่า เป็นไปตามคำขอของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านวิศวกรรมเสนอมา โดยศปก.ศบค. หารือแล้วเห็นว่าเหมาะสม และให้ผ่อนคลาย เพราะบางกิจการถ้าปิดไซต์ก่อสร้างไปนาน ๆ อาจจะส่งผลกระทบได้ และได้เรียนให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผอ.ศบค. ทราบ ก็เห็นชอบตามนั้น ส่วนจะมีการผ่อนคลายหรือเข้มงวดมาตรการใดเพิ่มเติมหรือไม่ ต้องรอฟังจากกระทรวงสาธารณสุข ที่กำลังพิจารณาอยู่ โดยจะประเมินสถานการณ์ก่อนจะพิจารณามาตรการว่า ถ้าเข้มงวดขึ้นจะทำให้การแพร่เชื้อลดลงหรือไม่ เราต้องดูรายละเอียดให้รอบคอบ เพราะเป็นห่วงผลกระทบด้านเศรษกิจเช่นกัน เนื่องจากประชาชนที่เป็นผู้ประกอบการบางส่วนเดือดร้อน แต่ทั้งนี้ หากกระทบด้านเศรษฐกิจ แต่ถ้าทางสาธารณสุขยืนยันก็ต้องว่าตามสาธารณสุข มิเช่นนั้นในระยะยาวอาจจะกระทบกับเศรษฐกิจมากกว่าเดิม

พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ส่วนการผ่อนคลายกิจการก่อสร้างให้มีผลย้อนหลัง 28 มิ.ย. นั้น ในข้อเท็จจริง ข้อกำหนดได้ให้อำนาจ ศปก.ศบค. ไว้แล้ว ไม่ใช่
นายกฯ มาอนุมัติให้ย้อนหลัง เพราะในการประชุมเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ที่ผ่านมา ได้แจ้งนายกฯ ด้วยวาจาและนายกฯ ได้เห็นชอบแล้ว แต่ในการเขียนอนุมัติหลักการจะต้องรอบคอบ สำหรับการปรับยุทธศาสตร์ดูแลผู้ติดเชื้อได้หารือกับศูนย์ปฏิบัติการ กระทรวงสาธารณสุข กำลังพิจารณาเรื่องนี้ ปัจจุบันสิงคโปร์ และมาเลเซียก็ปรับแล้ว แต่เราไม่ได้ปรับตาม 2 ประเทศนี้ เพราะจะต้องดูเงื่อนไข และสภาพแวดล้อมของเรา รวมถึงฝ่ายวิชาการสาธารณสุข 

เมื่อถามถึงกรณีที่ นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่าควรจัดยาให้คนไข้โดยเร็ว และให้คำนึงถึงการรักษาคนที่ติดเชื้อก่อนจำนวนผู้ติดเชื้อ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า เรารับฟังมา 2 เรื่องคือ

1.) ยาฟาวิพิราเวียร์ ที่จะแจกจ่ายเร็วขึ้น ขณะที่บางพื้นที่ใช้ยาฟ้าทลายโจรช่วยในผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหรืออาการเบาบาง

และ 2.) การรักษาตัวที่บ้านได้เชิญผู้ว่ากทม.มาหารือเพื่อขอให้ กทม. เร่งรัดจัดระบบรักษาตัวที่บ้านให้มีมาตรฐาน เป็นที่ยอมรับได้

ส่วนโรงพยาบาลสนามในชุมชน จะให้ผู้ติดเชื้อในเบื้องต้น ได้รับการรักษาก่อนจะไปเข้าโรงพยาบาลสนาม โดยกทม. ต้องพยายามนำผู้ติดเชื้อเข้าระบบให้ได้ และประสาน โรงพยาบาลเอกชนรับตัวไปรักษา เพราะเงื่อนไขเดิมเมื่อตรวจแล้วถ้าพบติดเชื้อต้องรับรักษา เมื่อจำนวนเตียงจำกัด จะทำให้หนักใจที่จะรับตรวจหาเชื้อ ซึ่งประชาชนที่กังวลก็ต้องเปิดช่องทางให้ได้รับการตรวจ ปัจจุบันผู้ติดเชื้อมาจาก 3 ส่วนหลัก คือ

1.) คนเดินเข้าไปตรวจ

2.) จุดบริหารตรวจหาเชื้อของกทม. 6 จุด ในพื้นที่ 6 กลุ่มเขต

และ 3.) การตรวจเชิงรุก โดยต้องพยายามนำ 3 กลุ่มนี้เข้าระบบให้ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ทั้งระบบการกักตัวที่บ้าน ที่โรงพยาบาลสนามชุมนชน หรือที่ศูนย์พักคอย

ซึ่งผู้ว่ากทม. จะดำเนินการให้ได้ 20 จุด ใน 50 เขต ซึ่งกลุ่มนี้เป็นคนไข้สีเขียวใกล้ระดับเหลือง ที่ต้องคัดกรองไปสถานที่ที่สูงกว่า และที่โรงพยาบาลสนามหลัก ให้มากที่สุด เพื่อความปลอดภัยของประชาชน หากใครจะเข้ารักษาในระบบใดต้องดูความเหมาะสมทั้งสภาพแวดล้อม บ้านพัก และที่อยู่อาศัย ถ้าไม่รุนแรงโรงพยาบาลเอกชนจะต้องจัดตั้งวอร์รูม ประสานคนที่รักษาตัวอยู่ที่บ้าน 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามกรณีที่ยังคงมีการฝ่าฝืนและลักลอบเปิดสถานบันเทิงแบบส่วนตัวในย่านเอกมัย จะเข้าไปควบคุมอย่างไร พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า นายกฯ เน้นย้ำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ ฝ่ายความมั่นคงให้ช่วยกำกับดูแลในเรื่องดังกล่าว และจะมีบทลงโทษ โดยสัปดาห์ที่แล้ว ได้จับกุมในบางพื้นที่ ส่วนกรณีที่ลักลอบเปิดอาจจะยากในการตรวจพบ ดังนั้นถ้าประชาชนมีเบาะแสให้แจ้งมาที่ศบค. เพื่อดำเนินการต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามกรณีที่โรงพยาบาลเอกชน ระบุว่าที่ได้วัคซีนทางเลือกช้า เป็นเพราะติดขัดขั้นตอนของรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า เมื่อวันวันที่ 3 ก.ค.หน่วยงานที่รับผิดชอบได้หารือเรื่องการนำเข้าวัคซีนไฟเซอร์ และวัคซีนโมเดอร์นา ให้ศปก.ศบค. รับทราบถึงขั้นตอน ก็เห็นว่าหน่วยงานที่รับผิดชอบพยายามเร่งดำเนินการ แต่ต้องขออภัยเพราะมาตรการดำเนินการ จะต้องทำอย่างระมัดระวัง และให้ความสำคัญเรื่องกฎหมายด้วย ถ้าทำไปแล้วมีข้อผิดพลาดด้านกฎหมายหน่วยงานก็ต้องรับผิดชอบ กรณีวัคซีนไฟเซอร์ กรมควบคุมโรคได้เร่งรัดจัดหาเป็นวัคซีนหลัก ส่วนโมเดอร์นา ทางองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ได้เร่งรัดเป็นวัคซีนทางเลือก คาดว่าวันนี้ (5 กรกฎาคม) ถ้าอัยการสูงสุดตอบกลับมา ในวันที่ 6 ก.ค.จะสามารถนำเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ เพื่อเดินหน้าต่อไป

เมื่อถามถึงกรณีแพทย์บางส่วนเรียกร้องวัคซีนไฟเซอร์ เป็นเข็มที่ 3 ให้แก่บุคลากรด่านหน้ามีแนวโน้มจะเกิดขึ้นหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ต้องฟังจากกระทรวงสาธารณสุขเป็นหลัก เพราะข้อคิดเห็นของแพทย์ในกระทรวงสาธารณสุข ก็ยังมีความเห็นที่ต่างกัน 

เมื่อถามถึงที่มีแพทย์ระบุว่า หากฉีดไฟเซอร์เป็นเข็ม 3 ให้บุคลากรด่านหน้า แล้วป้องกันได้ผล จะแก้ตัวว่าวัคซีนซิโนแวคไม่สามารถป้องกันโควิดได้ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่าว่า ขอให้ถามกระทรวงสาธารณสุข ที่จะแถลงเรื่องสำคัญในช่วงบ่ายโมงวันเดียวกันนี้ จะไปตอบแทนไม่ได้ สำหรับวัคซีนที่ได้รับบริจาคมา เช่น วัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดสจากสหรัฐอเมริกานั้น เบื้องต้นอาจจะพิจารณาฉีดให้กับชาวต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทยบางส่วน หรือประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์

“รมว.ทส.” สั่งอธิบดีกรมควบคุมโรค สำรวจสาเหตุโกดังเก็บสารเคมี บางพลี ระเบิด พร้อมเร่งหามาตรการดูแลประชาชนเบื้องต้น หวั่นสารเคมีฟุ้งมีผลกระทบ” แนะ สวมหน้ากากไว้ก่อนป้องกันทั้งควันและโควิด

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเกิดเหตุระเบิดที่โกดังเก็บสารเคมีของ บริษัท หมองตี่ เคมีคอล จำกัด เลขที่ 87 หมู่ 15 ตำบลราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ในช่วงกลางดึกที่ผ่านมา โดยแรงระเบิดสร้างความเสียหายทั้งหมดของตัวพื้นที่โรงงานและขยายวงกว้างรัศมีหลายกิโลเมตร มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายคนว่า ตนได้รับทราบข่าวจากสื่อ ซึ่งได้ให้กรมควบคุมมลพิษทการสืบสวนข้อเท็จจริงอยู่ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร ซึ่งทราบว่ามีความเสียหายมากมาย โดยเฉพาะกับทรัพย์สินที่เกิดกับประชาชนโดยรอบ แต่สิ่งสำคัญคือมลภาวะที่เกิดขึ้นจากการระเบิดมีผลกระทบอย่างไร ตอนนี้กำลังให้อธิบดีกรมควบคุมมลพิษเร่งประสานงานกับสำนักงานในพื้นที่ ในภูมิภาคว่ามีผลกระทบอย่างไรบ้าง จะได้เร่งแก้ปัญหาต่อไป 

ผู้สื่อข่าวถามว่าเบื้องต้นได้แนะนำให้ประชาชนป้องกันตัวเองอย่างไรก่อนหรือไม่ เพราะมีควันออกมาจำนวนมาก นายวราวุธ กล่าวว่า ช่วงนี้เป็นช่วงโควิด คงต้องขอความร่วมมือให้ใส่หน้ากาก อย่างน้อยก็กันฝุ่นละออง เพราะตอนนี้ยังไม่ทราบว่าสารเคมีตัวใดบ้างที่มีผลกระทบทางด้านมลภาวะ แต่หากมีสิ่งผิดปกติอะไรก็ขอให้ประชาชนแจ้งมาได้ที่สำนักงานสิ่งแวดล้อมภูมิภาค ซึ่งทางกรมควบคุมมลพิษจะได้เร่งประสานงานและหามาตรการที่จะให้ประชาชนป้องกันตัวเองในระยะแรกก่อน

"วราวุธ" มองความขัดแย้ง ระหว่างพรรคพปชร. - ภท. เป็นเรื่องธรรมดาทุกรัฐบาลหลังทำงานเกินครึ่งทาง ยินดีหักเงินเดือน เปรียบ  "เอาเนื้อหนูไปปะเนื้อช้าง"  ก็ยอม

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะ ประธานคณะกรรมการยนโยบายและ ยุทธศาสตร์ พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านเตรียมญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ถือเป็นสิทธิ์ของฝ่ายค้านในการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ และเป็นเรื่องปกติของระบอบรัฐสภา เมื่อเปิดสมัยประชุมฝ่ายค้านก็มีเอกสิทธิ์ที่จะยื่นอภิปราย

ทั้งนี้ ก็ต้องมาดูเนื้อหาว่าฝ่ายค้าน มีข้อมูลรายละเอียดอย่างไร อย่างตนทำงานในรัฐบาล ก็เห็นแต่ละฝ่ายทุ่มเททำงาน เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาต่าง ๆ อีกทั้งมีข้อจำกัดอย่างไรบ้าง บางท่านไม่ได้อยู่ในวงทำงาน ก็อาจมีความคิดหรือแนวคิดที่แตกต่างกันไป ก็ต้องมีการพูดคุยรับฟังและชี้แจงในสภา 

เมื่อถามว่าความระหองระแหงของพรรคร่วมรัฐบาล จะเป็นจุดบอดในฝ่ายค้านโจมตีได้หรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า จุดบอดถือเป็นเรื่องปกติของทุกรัฐบาล เราอยู่กันมาสองปีแล้ว ซึ่งถ้านับกันจริง ๆ เราเลยจุดครึ่งทางของรัฐบาลชุดนี้ ดังนั้น ก็เป็นเมือนการนับถอยหลังสำหรับทุก ๆ รัฐบาล 

"ที่ผมพูดอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลนี้ เรานับถอยหลังแล้ว แต่เป็นที่ทุกรัฐฐบาล จะเจอเหมือนกัน เมื่อทำงานไปสักพักหนึ่ง ก็ยอมมีเรื่องที่ว่า การทำงานมีความเห็นที่แตกต่างกัน ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องปกติ ที่ฝ่ายค้านจะนำเรื่องเหล่านี้ มาแตกให้เป็นรายละเอียดในการอภิปราย เพื่อให้ประชาชนได้เห็น ถือเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยที่มีฝ่ายตรวจสอบและฝ่ายทำงาน ก็ต้องว่ากันไปตามฝ่ายนิติบัญญัติ" นายวราวุธ กล่าว 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันมองความขัดแย้งกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และ ภูมิใจไทย (ภท.) ทวีความรุนแรงขึ้นทุกวันอย่างไร นายวราวุธ กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติที่ตนเห็นมาทุกยุคทุกสมัย ความขัดแย้งในพรรครัฐบาลเป็นเรื่องธรรมดา โดยเฉพาะในสถานที่เกิดโควิด-19 ที่มีความซับซ้อนและ ละเอียดอ่อนในการแก้ปัญหา หลายประเทศก็มีปัญหาที่แตกต่างกันไป ซึ่งประเทศไทยก็ไม่แตกต่างจากประเทศอื่น และเชื่อว่า เมื่อเทียบกันหลายประเทศแล้ว มาตรการในการแก้ไขของประเทศไทย มีประสิทธิภาพไม่แพ้ในหลายประเทศเลย แต่แน่นอนว่ามีบางประเทศทำได้ดีกว่าเรา แต่ประเทศที่ทำแย่กว่าเราก็มีเช่นกัน ซึ่งวิธีแก้ไขปัญหาในปัจจุบัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม และ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข พยายามกันอย่างเต็มที่ แน่นอนมีความเห็นที่แตกต่าง ก็เป็นสิทธิ์ที่ฝ่ายค้านจะนำประเด็นมาอภิปราย

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี นิด้าโพล เสนอ ส.ส. และ รัฐมนตรีบริจาคเงินเดือนในสภาวะวิกฤติแพร่ระบาดโควิด-19 นายวราวุธ กล่าวว่า ถ้าเป็นนโยบายก็ไม่ขัดข้อง ถ้าออกมาเป็นแนวทางเชื่อว่า ส.ส. และรัฐมนตรี ก็พร้อม แต่ในความเป็นจริงแล้ว ส.ส. มีรายจ่ายค่อนข้างมากมาย โดยเฉพาะภาษีสังคมต่าง ๆ  

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะยอมเสียสละสักร้อยละ 30 จะยอมหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า ถ้านับจำนวนส.ส. และครม. ที่มีก็ไม่ได้เยอะอะไร ถ้าตัดออกมาจากเงินเดือนและ เงินที่ได้รับ ก็เหมือนเอาเนื้อหนูไปปะเนื้อช้าง แต่ก็มีผลกระทบทางด้านจิตใจ ถ้าทุกฝ่ายเห็นตรงกัน ทุกคนก็พร้อมไม่น่ามีปัญหาอะไร พร้อมที่จะหักเงินเดือนตัวเอง 

“ดรุณวรรณ รองโฆษก ปชป.” แจง สิ่งที่เพจครูต้องมีคือความรู้ และการแสวงหาความจริง ย้ำ ปชป. ช่วยประสานหาเตียงมา 3 เดือนกว่า ตั้งใจช่วยกันโดยไม่เคยให้ร้ายใคร

นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และโฆษกประจำตัวรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ โพสต์ที่เฟซบุ๊กส่วนตัว ชี้แจงกรณีที่ เพจ LG and Friends โพสต์ถึงพรรคประชาธิปัตย์ ว่า 

การด่าคนอื่นที่กำลังนั่งทำงานอยู่มันง่ายมาก แค่พิมพ์ไม่กี่ประโยค ก็สร้างความเกลียดชังได้ คนเป็นครูสิ่งแรกที่ต้องมีคือความรู้ และปัญญาในการแสวงหาความจริง หากคนที่ทำหน้าที่สอนคนอื่นทำเยี่ยงนี้ก็น่าห่วงเยาวชนที่กำลังเห็นคนเหล่านี้เป็นต้นแบบ

ปล. 1 ดิฉันและทีมจิตอาสาของพรรค ทำงานช่วยหาเตียงมา 3 เดือนกว่าแล้วค่ะ และส่งเสียงมาตลอด ตั้งใจช่วยกันจริง ๆ โดยไม่เคยให้ร้ายใคร ยกเว้นข้อเสนอที่เป็นประโยชน์ ครูจะลองใช้วิธีนี้บ้างก็ดีนะคะ สร้างสรรค์กว่าเยอะ

ปล. 2 เคยเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชมครูแต่วันนี้ ต้องทบทวนใหม่เช่นกัน

ปล. 3 และกล้าพอที่จะเอาสิ่งที่ครูต่อว่าพวกเรารุนแรงแบบไม่รับผิดชอบ มาแชร์หน้า fb ส่วนตัวแบบไม่ตัดต่อ

ปล. 4 หากอยากรู้ว่าพวกเราทำอะไรกันอยู่ มาคุยกันได้ค่ะ จะเล่าให้ฟัง แต่ยาวนิดนะ

ผู้ว่าสมุทรสาครเดือด! ขู่พิจารณาปิดรพ.เอกชน หลังทิ้งตัว ไม่ตรวจโควิดอ้างเตียงเต็ม พร้อมโยนให้รพ.สมุทรสาคร รับแห่งเดียว

5 ก.ค. 64 นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าสมุทรสาคร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หากยังทิ้งตัวต่อไป หากรพ.เอกชนยังยืนยันไม่รับตรวจ อ้างว่าเตียงเต็ม ผมคงต้องเสนอกรรมการระดับจังหวัด พิจารณา ปิด ต่อไป

ทั้งนี้ นายวีระศักดิ์แชร์โพสต์ของผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ แม่เอ๋ นักทรัพยากรบุคคล โรงพยาบาลสมุทรสาคร ที่โพสต์ข้อความว่าสภาวะที่เอกชนทิ้งตัว รพ.อื่น ๆ ทิ้งตัว คนไข้ไปตรวจตามสิทธิ์ที่ตัวเองมีไม่ได้

คืออะไรที่ รพ.สมุทรสาคร ต้องมารับอะไรแบบนี้ ด้านหน้า ARI ยาวเหยียด ด้านหลังต้นโพธิ์ก็เพียบ เราต้องรับชะตากรรมที่รพ.อื่น ๆ ไม่รับคนไข้ตามสิทธิ์ตัวเองแบบนั้นหรา แต่เวลาคุณเลือกประกันสังคมคุณเลือกเอกชน คุณบอกเราบริการไม่ดี

คนที่มีความอยากตรวจ เสี่ยงปลาย ๆ หรือไม่มีอาการ คนที่ว่าคนในหมู่บ้านเป็น ถ้าทำได้สังเกตอาการไว้ อย่าเอาตัวเองไปแกล้งว่าเสี่ยงเลยคะ เพราะไม่รับรองว่าการไปยืนใกล้ ๆ กับคนที่เขาเสี่ยงจริง ๆ หรือคนมีอาการ มันไม่มีอะไรจะการันตีว่าคุณจะปลอดภัย

...แต่สงสัยทำไมหรา เตียงหายาก เตียงเต็ม รพ.อื่น ๆ เลยไม่รับตรวจ #นี่คือเหตุผลที่ใครหลายคนบอก แต่เราเป็น รพ.รัฐ และเป็นรพ.ศูนย์ที่อยู่ใจกลาง ติดเขตทุกที่ กทม. นครปฐม แม่กลอง ทำให้ต้องรับมือกันสารพัด ซึ่งไม่มีข้ออ้างว่าเราจะไม่รับคุณ ให้กลับไปตามสิทธิ์ ก็มีข้อร้องเรียน ข้อสงสัย คำจิก คำด่า ที่ไม่รู้ว่าใครจะมาเข้าใจเรา พี่ ๆ หรือเด็ก ๆ ที่ทำหน้าที่ต้องนี้ทุกคนคงเหนื่อยคงล้าเกินจะเยียวยาทั้งกายใจ ใครจะสงสารพวกเค้ามั้ง

เรารับภาระ ทั้ง รพ.สนาม ทั้งจุดตรวจคัดกรอง ทั้งจุดวัคซีน มีตรงไหนที่ไม่เสี่ยงบ้าง ตอนนี้คนไม่พอแต่ละจุด ต้องขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่สายสนับสนุนแบ็คออฟฟิศมาช่วยหนุนหลัง

#เมื่อไหร่มันจะจบ #อยากสื่อให้ผู้รับบริการเข้าใจ #ใจเย็นๆ #ใจเขาใจเรา #โควิดมันร้าย

#ขออนุญาตินำภาพจากเพื่อนๆในเฟสมาประกอบนะคะ cr. รูปภาพ

 

 

ที่มา : https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=3063593460630875&id=2321609178162644

https://www.facebook.com/photo?fbid=10219613485877031&set=pcb.10219613478596849

https://www.thaipost.net/main/detail/108629


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“เกศปรียา” ชี้ “รัฐบาล” จงใจพยายามฆ่าประชาชนไทย ในการเลือกวัคซีนด้อยคุณภาพในการป้องกันโรคโควิด-19

เกศปรียา แก้วแสนเมือง รองเลขาธิการพรรคเพื่อชาติ ตั้งข้อสังเกต ว่า ทำไมรัฐบาลถึงต้องเจาะจงเอางบประมาณหลายหมื่นล้านบาทไปจัดซื้อวัคซีนเพียง 2 ยี่ห้อ มาเพื่อการต่อสู้กับสถานการณ์โรคระบาด รัฐบาลไม่รู้ข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนมาก่อนเลยเหรอ หรือว่ารู้ประสิทธิภาพของวัคซีนแต่จงใจจัดซื้อเพียง 2 ยี่ห้อ เพราะวาระซ่อนเร้น

จนมาถึงวันนี้ตนเห็นเอกสารสรุปการประชุมจากสื่อ เลยถึงบางอ้อว่า รัฐบาลรู้ว่าวัคซีนที่สั่งซื้อมาไม่มีประสิทธิภาพในการป้องกัน แต่ไม่รู้จะแก้ตัวยังไง เลยไม่ยอมฉีดวัคซีนที่มีประสิทธิภาพป้องกันได้ดีให้กับบุคลากรด่านหน้าอย่างกลุ่มในวงการแพทย์ ที่รัฐบาลออกมาหาผลประโยชน์ว่าต้องให้กำลังใจนักรบชุดขาวเป็นระยะเวลาจะสองปีแล้ว 

พฤติกรรมแบบนี้ คือ เหมือนคนปากหวานก้นเปรี้ยว พูดเอาดีแต่แท้จริงไม่เคยปรารถนาดีกับใคร แม้แต่คนที่ช่วยเหลือเสี่ยงตายเพื่อตนเองและประเทศชาติอย่างนักรบชุดขาว แทนที่จะฉีดวัคซีนที่มีคุณภาพป้องกันเชื้อโรคได้ให้ เพราะเป็นผู้เสียสละอยู่ด่านหน้ามีโอกาสสัมผัสเชื้อโรคสูง กลับตัดสินใจรักษาอำนาจตนเองต่อไป เพราะไม่รู้จะแก้ตัวให้วัคซีนชิโนแวคที่ตัดสินใจสั่งซื้อมาฉีดจนเป็นวัคซีนหลักที่คนไทยได้รับเวลานี้ 

ถ้าคุณมีวิธีคิดที่เห็นแก่อำนาจและประโยชน์ส่วนตน โดยอำมหิตกับประชาชนทั้งประเทศ เปรียบได้กับการเจตนาพยายามฆ่าประชาชนไทย คุณไม่สมควรเป็นตัวแทนประชาชนไทยแล้ว 

นอกจากจงใจพยายามฆ่าประชาชน รัฐบาลยังบริหารวัคซีนผิดพลาดร้ายแรง กรณีไปซื้อวัคซีนที่ประสิทธิภาพไม่ดีเท่าที่ควรมาฉีดให้ประชาชน ผลที่ตามมามันคือการทิ้งเงินเป็นหลายหมื่นล้านบาท (ที่สำคัญเงินเหล่านั้นเป็นเงินของคนทั้งชาติ) โดยที่เศรษฐกิจก็ยังคงเดินหน้าไม่ได้ ต้องปิดต่อเพราะควบคุมโรคไม่ได้ 

จนปัจจุบันภาคเอกชนทนไม่ไหวต้องลงทุนซื้อวัคซีนคุณภาพทางเลือกที่สามารถป้องกันโรคได้มาฉีดเอง ตีเป็นมูลค่าตามข่าวจากยอดจองวัคซีน ทางเลือก ประมาณ 9 ล้านคน คิดค่าวัคซีนคนละ 3000 บาท ก็คิดเป็นมูลค่าประมาณ 27,000,000,000 บาท ประชาชนต้องลงทุนกันเองขนาดนี้เพื่อต้องการให้เศรษฐกิจกลับมาทำมาหากินได้ แบบนี้เราจะต้องมีรัฐบาลแย่ๆที่บริหารไม่ได้เรื่องคณะนี้ไว้ทำอะไร 

อยากบอกว่าถ้าพวกคุณกระหายอยากมีอำนาจ การตัดสินบริหารจัดการต้องมองภาพรวม จริงอยู่อาจจะมีวาระซ่อนเร้นในการใช้งบประมาณมาโดยตลอด แต่เรื่องที่ควรจะคิดได้ว่า ถ้ายึดเอาความเห็นแก่ตัวสูงสุดของกลุ่มตนเป็นที่ตั้งแล้วประเทศชาติพังเละเทะขนาดนี้ควรตัดสินใจทำมั้ย หรือความเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนสูงจนหน้ามืดตามัว

จังหวัดแม่ฮ่องสอน จ่อเดินหน้าเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่กรีนซีซันนี้ หลังปลอดโควิด-19 ในพื้นที่มานานกว่า 45 วัน วางแผนดันเส้นทางเที่ยวเชื่อมโยงทั้งโซนเหนือถึงโซนใต้ ชูแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ขณะที่ชาวบ้านรุมค้านกระหึ่มโซเชียลฯ

นายสิธิชัย จินดาหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า ขณะนี้จังหวัดแม่ฮ่องสอนได้ร่วมกับผู้ประกอบการท่องเที่ยว หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และททท.สำนักงานแม่ฮ่องสอน ออกสำรวจความเป็นไปได้และความพร้อมเพื่อจะเปิดการท่องเที่ยวของแม่ฮ่องสอนอีกครั้ง หลังจากปลอดจากโควิด-19 มาแล้วเกินกว่า 45 วัน

เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวที่ถือว่าเป็นรายได้หลักที่สำคัญของจังหวัด ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 มาหลายระลอก

มุ่งเน้นการท่องเที่ยวแบบเชื่อมโยงต่อเนื่องทั้ง 7 อำเภอ เริ่มตั้งแต่ช่วงหน้าฝน ที่จะชูการท่องเที่ยวในเทศกาล Green Season ให้สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวแม่ฮ่องสอนประสานความร่วมมือไปยังพื้นที่ทั้งโซนเหนือที่อำเภอปายและโซนใต้ที่อำเภอแม่สะเรียง ให้เตรียมความพร้อมทั้งด้านที่พักและแหล่งท่องเที่ยวให้พร้อมรับกับการท่องเที่ยว

โดยเฉพาะการเปิดแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ ที่น่าสนใจนอกเหนือจากแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวรู้จักกันดีอยู่แล้ว รวมถึงการท่องเที่ยวและการค้าชายแดนที่บ้านแม่สามแลบ อำเภอสบเมย ที่เกิดเหตุความไม่สงบก่อนหน้านี้ และมีผู้คนรู้จักกันมากขึ้น ซึ่งในขณะนี้สถานการณ์กลับมาอยู่ในความสงบ ที่ตั้งของหมู่บ้านก็สวยงาม ทัศนียภาพริมแม่น้ำสาละวินจะเป็นจุดขายที่สำคัญที่หลายคนอยากเดินทางไปเที่ยวชม

ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้เน้นย้ำให้ทุกฝ่ายต้องมีแผนในการเปิดการท่องเที่ยวอย่างรัดกุมที่สุด ออกมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 สอดคล้องกับข้อกำหนดและคำสั่งของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ที่ออกประกาศตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฉบับที่ 25 ซึ่งได้พิจารณาในทุกมิติอย่างรอบคอบและมีความพร้อมในทุก ๆ ส่วน รวมถึงได้รับความร่วมมือของพี่น้องประชาชน ทำให้จังหวัดแม่ฮ่องสอน ปลอดจากการพบผู้ติดเชื้อมาเป็นระยะเวลา 45 วัน

“เชื่อมั่นว่าแม่ฮ่องสอนจะสามารถเปิดเมืองเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่จะหลั่งไหลเข้ามาท่องเที่ยวในช่วงฤดูฝนหรือกรีนซีซั่น ภายใต้เงื่อนไขหลักคือการปฏิบัติตามมาตรการของจังหวัด”

และเพื่อเป็นการคัดกรอง-สกัดโรคระบาด ก็จะจัดตั้ง 4 จุดคัดกรองนักท่องเที่ยว และพี่น้องประชาชนต่างถิ่นก่อนเข้าพื้นที่ ประกอบไปด้วย จุดตรวจด่านแม่ปิง อำเภอปาย จุดตรวจด่านแม่อูคอ อำเภอขุนยวม จุดตรวจหน้าถ้ำ อำเภอแม่สะเรียง และจุดตรวจแม่สวด อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่ง 4 จุดนี้จะเป็นด่านแรกที่เจ้าหน้าที่คัดกรองผู้ที่เดินทางเข้ามาในจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยให้ลงทะเบียนข้อมูลการเดินทางรวมถึงการสแกน QR Code สวัสดีแม่ฮ่องสอน

ส่วนกรณีผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัดนั้น ให้อยู่ภายใต้เงื่อนไขของจังหวัดแม่ฮ่องสอนยังไม่ถึงขั้นต้องมีมาตรการกักตัว 14 วัน ให้สังเกตอาการในที่พักของตนเองตามจำนวนวันที่อยู่ในจังหวัด โดยทุกภาคส่วนทุกฝ่ายจะร่วมกัน ในการติดตามเฝ้าระวังกลุ่มบุคคลที่เดินทางเข้ามาในจังหวัดแม่ฮ่องสอน

ทั้งนี้ หากการปฏิบัติถูกต้องตามมาตรการ และมีศักยภาพจะสามารถสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนชาวแม่ฮ่องสอน นักท่องเที่ยวจะส่งผลให้กำกับควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้

อย่างไรก็ตาม หลังมีกระแสข่าวแม่ฮ่องสอนเตรียมเปิดการท่องเที่ยวแพร่สะพัดออกไป ก็มีการแสดงความคิดเห็นผ่านโซเชียลมีเดียกันอย่างกว้างขวาง ส่วนมากยังไม่เห็นด้วยที่จะเปิดการท่องเที่ยวและให้ผู้คนเดินทางมาจากจังหวัดต่าง ๆ เข้ามาในพื้นที่ในขณะนี้ เพราะยังไม่มั่นใจกับการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 แม้จะปลอดจากผู้ป่วยมาหลายวันแล้วก็ตาม ต่างให้ความเห็นตรงกันว่าเป็นเพราะความโชคดีของจังหวัดแม่ฮ่องสอนที่มีพื้นที่อยู่ห่างไกล ไม่เป็นเส้นทางผ่านเข้าออกของผู้คนมากนัก จึงอยากให้จังหวัดพิจารณาถึงผลกระทบให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจ

 

 

ที่มา : https://mgronline.com/local/detail/9640000064923


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“บิ๊กช้าง” สั่งเร่งระดมกำลัง และลำเลียงโฟมเข้าช่วยดับไฟจากโรงงานสารเคมี พร้อมให้กำลังพลช่วยอพยพปชช.

ที่กระทรวงกลาโหม พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า กระทรวงกลาโหม โดยทุกเหล่าทัพ ได้จัดส่งกำลังพล ยานพาหนะ รถดับเพลิงโฟมและสารเคมี ชุดเผชิญเหตุสารเคมี อากาศยานไร้คนขับ รวมทั้งรถพยาบาล พร้อมเจ้าหน้าที่แพทย์สนามและทหารสารวัตร เข้าพื้นที่เสริมการทำงานของ จว.สมุทรปราการแล้วที่ผ่านมา ในการควบคุมเหตุเพลิงไหม้โรงงานสารเคมี หมิวนี้ เคมีคอล จำกัด และเกิดเหตุระเบิดที่สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง

โดย พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ได้กำชับสั่งการทุกเหล่าทัพ ให้เร่งเข้าไปสนับสนุน จ.สมุทรปราการ เคลื่อนย้ายประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยงไปยังพื้นที่ปลอดภัยที่กำหนด และให้ระดมขนย้ายโฟมดับเพลิงที่มีอยู่ของทุกเหล่าทัพ เร่งเข้าไปสนับสนุนการดับไฟและการควบคุมมลพิษจากสารเคมีในพื้นที่ จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย โดยให้จัดชุดเผชิญเหตุสารเคมีสนับสนุนการทำงานร่วมกับ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมกันนี้ให้เตรียมเครื่องมือกลสายช่างสนับสนุนการฟื้นฟูพื้นที่ต่อเนื่องกันไป เพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตปกติโดยเร็ว

“สิระ”ย้อนถาม "เต้ มงคลกิตติ์” ทำไมอยากเป็นลูกน้องโจร เย้ย "ทักษิณ"กลับมาก็ทประโยชน์อะไรไม่ได้ 

นายสิระ เจนจาคะ ส.ส. กทม.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ โพสต์เฟตบุ๊คส่วนตัวระบุถึงเวลาที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องกลับประเทศแล้ว พร้อมเสนอตัวเป็นลูกมือทุกหน้าที่ว่า ตนตั้งคำถามว่าวันนี้นายมงคลกิตติ์ เป็นผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นตำแหน่งอันทรงเกียรติ ที่ประชาชนเลือกเข้ามาให้ทำงาน เหตุใดวันนี้จึงเสนอตัวไปเป็นลูกน้องโจร เป็นลูกน้องมิจฉาชีพ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าการที่ออกมาเสนอตัวเป็นลูกน้องของผู้ต้องหาหนีคดี ถือเป็นการกระทำที่ขัดจริยธรรม ส.ส.หรือไม่ 

นายสิระ ยังกล่าวว่า ถึงแม้นายทักษิณ จะกลับมา ก็ไม่สามารถทำประโยชน์อะไรให้กับบ้านเมืองได้ เพราะตามรัฐธรรมนูญปี 2560 นายทักษิณ ถือว่าขาดคุณสมบัติทั้งการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีและส.ส เพราะมองว่าปัญหาของโควิด- 19 ไม่ใช่เพียงแค่รัฐบาลอย่างเดียวที่จะแก้ไขได้ประชาชนทุกคนต้องให้ความร่วมมือ และเมื่อประชาชนให้ความร่วมมือแล้วภาครัฐต้องเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างเร็วที่สุด 

"รมต.อนุชา" ลั่น รพ.สนามชัยนาท พร้อมรับ ผู้ป่วย โควิด-19 คนในพื้นที่ และจว.ใกล้เคียง

นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางมาตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลสนามองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยนาท ต.เขาพลอง อ.เมืองชัยนาท จ.ชัยนาท โดยมีนายสมบูรณ์ ศิริเวช ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท พร้อมด้วยนายนที มนตริวัต,นางศุภรินทร์ เสนาธง รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท, พลตำรวจตรีวรณัฏฐ์ ผันผ่อน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยนาท หัวหน้าส่วนราชการจังหวัดชัยนาทที่เกี่ยวข้อง และบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ร่วมในงาน

นายอนุชา ได้พบปะพูดคุยให้กำลังใจผู้ป่วยที่มารับการรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลสนาม จำนวน 15 คน ผ่านระบบวีดิโอคอล ภายในศูนย์บัญชาการโรงพยาบาลสนาม โดยกล่าวว่า วันนี้ได้มาตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลสนามขององค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยนาท ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจแทนพี่น้องชาวจังหวัดชัยนาทที่ได้เห็นความร่วมมือภาคส่วนราชการ จัดสร้างโรพยาบาลสนามขึ้นมารองรับประชาชนชาวชัยนาทที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดโควิด-19  ซึ่งระบาดเป็นระลอกที่สาม มีความรุนแรงและมีการกระจายของเชื้อเป็นวงกว้าง ถึงแม้ว่าตอนนี้สถานการณ์จังหวัดชัยนาทจะไม่รุนแรงแต่เตียงโรงพยาบาลหลักของรัฐมีอยู่จำนวนจำกัด ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีในการบริหารจัดการเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ในอนาคต เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก้ไขปัญหาให้กับชาวชัยนาท รวมถึงพี่น้องประชาชนจังหวัดใกล้เคียงที่ติดเชื้อโควิด-19 ประสบปัญหาหาเตียงรักษาไม่ได้ 

นายอนุชา กล่าวว่า ฝากถึงพี่น้องประชาชนชาวชัยนาท และพี่น้องประชาชนจังหวัดใกล้เคียง ที่กำลังประสบกับความเดือดร้อนเรื่องเตียงรักษาผู้ป่วย ซึ่งในหลายพื้นที่มีข้อจำกัดในเรื่องการดูแลผู้ป่วยไม่ทั่วถึงเนื่องจากผู้ป่วยที่มีจำนวนมาก อยากให้ติดต่อขอกลับมารักษาตัวในโรงพยาบาลสนามจังหวัดชัยนาท ที่เบอร์โทรศัพท์ 0629936162 หรือสาธารณสุขจังหวัดชัยนาท และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดชัยนาท จังหวัดชัยนาทยินดีที่จะต้อนรับ และดูแลเป็นอย่างดี พร้อมมอบความรัก ความอบอุ่น และความห่วงใยให้คนชัยนาทและพี่น้องประชาชนจังหวัดใกล้เคียงอย่างดีที่สุด ดั่งคนในครอบครัว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top