Saturday, 10 May 2025
Hard News Team

คลังรับส่งออกช่วยประคองเศรษฐกิจไทย

นายวุฒิพงศ์ จิตตั้งสกุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยรายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังเดือนเมษายน 2564 ว่า เศรษฐกิจไทยยังขยายตัวได้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการขยายตัวต่อเนื่องของการส่งออกสินค้า ยังต้องติดตามผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกใหม่ที่เกิดขึ้นในเดือนเมษายน 2564 อย่างใกล้ชิดต่อไป 

ส่วนเศรษฐกิจภูมิภาคในเดือนเมษายน 2564 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากด้านการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าในหลายภูมิภาค ส่วนหนึ่งเป็นผลจากปัจจัยฐานต่ำในปีก่อน ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรมปรับลดลง เนื่องจากความกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดระลอกใหม่ที่เกิดขึ้นในเดือนเมษายน

ทั้งนี้ เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ขยายตัวที่ 65.8% ต่อปี สอดคล้องกับรายได้เกษตรกรที่แท้จริงที่ขยายตัวต่อเนื่องที่ 9.8% ต่อปี โดยมาตรการกระตุ้นการบริโภค โดยเฉพาะโครงการเราชนะ และโครงการ ม.33เรารักกัน ยังช่วยสนับสนุนกำลังซื้อของผู้บริโภคได้ในระดับหนึ่ง

ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนส่งสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน ในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สำหรับการลงทุนในหมวดการก่อสร้าง สะท้อนจากปริมาณจำหน่ายปูนซีเมนต์ลดลง 1.6%  มูลค่าการส่งออกสินค้าขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน ส่วนมูลค่าการส่งออกสินค้ารวมในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ อยู่ที่ 21,429.27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 13.1% ต่อปี สูงสุดในรอบ 36 เดือน 

“ชวน” เผย ส.ส.ให้ความร่วมมือป้องกันโควิด ในห้องประชุมสภาฯอย่างดี เตรียมหามาตรการรับมือประชุมร่วมรัฐสภา ยอมรับ พ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้าน ยังไม่ถึงสภา ปัดตอบนายกฯ ต้องยุบสภาหาก ส.ส.คว่ำ พ.ร.ก.เงินกู้

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงความร่วมมือของ ส.ส.ต่อมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 27 พ.ค. ว่าภาพรวมเป็นไปด้วยความราบรื่น ส.ส.เข้าใจมาตรการ และให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีตามกติกา เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 มีเพียง ส.ส. 2 คนที่จะขออนุญาตถอดหน้ากากอนามัยเพื่ออภิปราย แต่ไม่ได้รับอนุญาต

ส่วนการประชุมร่วมรัฐสภา ที่นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา จะมาหารือขอให้งดการประชุมรัฐสภาไปก่อนนั้น นายชวน กล่าวว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะหารือกันอีกครั้งว่า ควรจะต้องดำเนินการอย่างไร โดยเฉพาะความเห็นจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขว่า ไม่ควรอยู่หนาแน่นในห้องเดียวกันเกินกว่า 15 นาที ดังนั้นจะต้องเอาประเด็นนี้มาหารือร่วมกันด้วย เพราะหากจะไม่ประชุมร่วมรัฐสภา คงจะเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากตามรัฐธรรมนูญแล้ว ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

นายชวน ยังเปิดเผยด้วยว่า ขณะนี้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ยังไม่ส่งพระราชกำหนด (พ.ร.ก.)ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ วงเงินไม่เกิน 500,000 ล้านบาท มาถึงสภาฯ เลย แต่หากส่งมาในสัปดาห์หน้า ก็จะได้ตรวจสอบความถูกต้อง ก่อนบรรจุเข้าระเบียบวาระในสัปดาห์ถัดไป 

เมื่อถามถึงกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ยอมรับหากพ.ร.ก.กู้เงินฯ ไม่ผ่านการพิจารณาจากสภาผู้แทนราษฎร นายกรัฐมนตรีจำเป็นต้องประกาศยุบสภาตามธรรมเนียม นายชวน ปฎิเสธที่จะตอบคำถามนี้

รมว.คมนาคม เร่งแก้ปัญหารถไฟไทย-จีน ปมสถานีอยุธยาติดปมมรดก

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารการพัฒนาโครงการความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 2/2564 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ด้วยโปรแกรม "Zoom" เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินงาน ภายใต้โครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาคช่วงกรุงเทพฯ-หนองคาย ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพมหานคร-นครราชสีมาระยะทาง 250.77 กม. วงเงินลงทุน 179,412.21 ล้านบาท งานโยธาแบ่งเป็น 14 สัญญา โดยก่อสร้างแล้วเสร็จ จำนวน 1 สัญญา อยู่ระหว่างก่อสร้าง 6 สัญญา เตรียมการก่สร้าง 3 สัญญา อยู่ในขั้นตอนการประกวด ราคา 4 สัญญา

ส่วนในระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย ระยะทาง 356.10 กม มีจำนวน 5 สถานี ได้แก่ สถานีบัวใหญ่ สถานีบ้านไผ่ สถานีขอนแก่น สถานีอุดรธานี สถานีหนองคาย มีศูนย์ซ่อมบำรุง (Depot) 2 แห่ง ที่นาทา และเชียงรากน้อย มีศูนย์ซ่อมบำรุงทาง (Maintenance Base) 4 แห่ง ที่บ้านมะค่า หนองเม็ก โนนสะอาด และนาทา มีย่านกองเก็บตู้สินค้า (CY) และย่านเปลี่ยนถ่ายสินค้า (Transshipment Yard) 1 แห่งที่นาทา                                                  

อย่างไรก็ตามปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินโครงการศึกษา และออกแบบรายละเอียด เพื่อเชื่อมต่อทางรถไฟช่วงหนองคาย-เวียงจันทน์ ซึ่งคาดว่าออกแบบแล้วเสร็จเดือนมิ.ย. 64 และกระทรวงคมนาคมได้เตรียมจัดประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 29 เพื่อหารือร่วมกับฝ่ายจีนในการดำเนินงานในระยะต่อไป

นอกจากนี้ที่ประชุมได้มีการพิจารณาแต่งตั้งคณะอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการบริหารการพัฒนาโครงการความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย -จีน จำนวน 3 คณะ ได้แก่ คณะอนุกรรมการติดตามและเร่งรัดการขับเคลื่อนการดำเนินโครงการ, คณะอนุกรรมการพัฒนาการเชื่อมต่อ และการขนส่งข้ามแดนทางรถไฟช่วงหนองคาย-เวียงจันทน์ และ คณะอนุกรรมการปรับปรุงระบบขนส่งสาธารณะต่างๆ เพื่อทำหน้าที่เป็นระบบสนับสนุนผู้โดยสารให้กับระบบรถไฟความเร็วสูง เพื่อขับเคลื่อนดำเนิน โครงการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 

นอกจากนี้ได้มีข้อสั่งการเพิ่มเติมอีก 3 ข้อ คือ

1.) ให้กระทรวงคมนาคมหารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ในประเด็นการก่อสร้างโครงสร้างงานโยธาร่วม ช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง กับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ให้ได้ข้อสรุปเพื่อเสนอต่อ คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกต่อไป

2.) ให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาแนวทางก่อสร้างสถานีรถไฟความเร็วสูงอยุธยา ว่าสามารถดำเนินการได้ตามมติคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกหรือไม่ 

3.) ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการจัดทำแนวทางการเชื่อมโยงรถไฟระหว่างไทย -ลาว-จีนโดยพิจารณาแนวทางเลือกข้อดี - ข้อเสีย ด้านต่างๆ เพื่อหารือกับฝ่ายจีนต่อไป

พล.อ.ประวิตร ประชุม กกท. ผลักดัน "มวยไทย สู่โอลิมปิก" เร่งวัคซีนให้นักกีฬา ก่อนแข่งต่างประเทศ เชิญชวนคนไทย ส่งแรงใจเชียร์ นักกีฬา ทีมชาติไทย 

เมื่อ 28 พฤษภาคม 2564 พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษกประจำรอง นรม. เปิดเผยว่า วันนี้เวลา 10.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย(กกท.) ครั้งที่ 4/2564 โดยมีนาย พิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.กก. เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมวิจิตรวาทการ สมช. ทำเนียบรัฐบาล

ที่ประชุม ได้มีการพิจารณา เห็นชอบโครงการจัดหาระบบบริหารจัดการภายในองค์กร โดยนำระบบสารสนเทศมาใช้สนับสนุนภารกิจ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ กกท. และเห็นชอบแนวทางการขับเคลื่อน "กีฬามวยไทย สู่โอลิมปิก" พร้อมแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนฯ โดยให้มีการประสานงาน กับองค์กรทั้งภาครัฐ และเอกชน เพื่อสนับสนุนกีฬามวยไทยที่เป็นของคนไทย ให้สามารถสร้างชื่อเสียง สู่เวทีโลก รวมทั้งเห็นชอบ แนวทางการปรับปรุงองค์กร ซึ่งเป็นผลจากการประเมิน ปี 63 อาทิ การพัฒนาศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติ และศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา เพื่อต่อยอดไปสู่การเป็นศูนย์กลางการฝึกซ้อมกีฬา (Sport Training Hub) ในอาเซียน และการพัฒนากีฬาอาชีพ ที่สามารถสร้างรายได้ให้กับนักกีฬาได้ อย่างยั่งยืน เป็นต้น

พล.อ.ประวิตร ยังได้กล่าวเสริมว่า การออกกำลังกายด้วยการเล่นกีฬามีความสำคัญต่อสุขภาพร่างกายซึ่งเด็กและเยาวชนควรหันมาเล่นกีฬาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อห่างไกลยาเสพติดและสามารถพัฒนาก้าวสู่ระดับชาติ หรือเป็นอาชีพได้อีกทางหนึ่ง พร้อมทั้งเชิญชวนคนไทย ได้มีส่วนร่วมส่งเสริมการกีฬาของไทย ด้วยการติดตามผลงาน การเชียร์ และให้กำลังใจนักกีฬา ประสพความสำเร็จ และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติได้ต่อไป

พล.อ.ประวิตร ยังได้กำชับ กกท.ให้เร่งขับเคลื่อนนโยบายการพัฒนากีฬาให้บรรลุเป้าหมาย ภายใต้ New Normal อย่างเหมาะสม พร้อมทั้งเร่งจัดหาวัคซีนให้นักกีฬาและเจ้าหน้าที่ อย่างเพียงพอ ก่อนเดินทางไปแข่งขันยังต่างประเทศ โดยให้คำนึงถึงความปลอดภัย จากโควิด-19 เป็นสำคัญ

อย. เผยพิจารณาอนุมัติการขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด-19 ของ ‘ซิโนฟาร์ม’ ที่ผลิตจากประเทศจีนแล้ว จะต้องฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 28 วัน นำเข้าโดยบริษัท ไบโอจีนีเทค จำกัด

วันนี้ (28 พ.ค.) นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยว่า วันนี้คณะกรรมการ อย.ได้พิจารณาอนุมัติการขึ้นทะเบียนวัคซีนต้านโควิดของซิโนฟาร์มที่ผลิตจากประเทศจีนแล้ว ซึ่งจะต้องฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 28 วัน นำเข้าโดยบริษัท ไบโอจีนีเทค จำกัด

ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้อนุมัติวัคซีน โควิด-19 ไปแล้ว 4 ราย ได้แก่ วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า โดยบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด และที่ผลิตในประเทศโดย บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด วัคซีนโคโรนาแวค ของบริษัท ซิโนแวค นำเข้าโดยองค์การเภสัชกรรม วัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน โดยบริษัท แจนเซ่น-ซีแลค จำกัด รวมถึงวัคซีนโมเดอร์นา โดยบริษัท ซิลลิค ฟาร์มา จำกัด

นอกจากนี้ ยังมีอีก 2 ราย อยู่ระหว่างทยอยยื่นเอกสารพร้อมประเมินคำขอขึ้นทะเบียนต่อเนื่อง ได้แก่ วัคซีนโควัคซีน โดยบริษัท ไบโอจีนีเทค จำกัด และวัคซีนสปุตนิค วี โดยบริษัท คินเจน ไบโอเทค จำกัด ทั้งนี้ วัคซีนโควิด-19 ทุกรายการที่มายื่นขอขึ้นทะเบียน อย. จะพิจารณาทั้งคุณภาพ ความปลอดภัย และประสิทธิผล โดย อย. มีความพร้อมในการพิจารณาอนุมัติวัคซีนเพื่อให้คนไทยได้มีวัคซีนใช้โดยเร็ว

 

ที่มา : https://mgronline.com/qol/detail/9640000051513


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

‘ค้าปลีกไทย’ ผนึก ‘แบงก์’ ใช้ดิจิทัลแพลตฟอร์ม ช่วยคู่ค้า SMEs เข้าถึงแหล่งทุน

นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เปิดเผยว่า ในวันที่ 27 พ.ค. 64 ที่ผ่านมา ทางสมาคมผู้ค้าปลีกไทยได้มีการประชุมกับสมาชิกสมาคมและภาคีเครือข่ายกว่า 70 บริษัท ซึ่งมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่อยู่ในห่วงโซ่การค้ามากกว่า 100,000 ราย นับเป็น 40% ของมูลค่าการบริโภคค้าปลีกทั้งประเทศหรือคิดเป็น 12% ของจีดีพี ร่วมกับธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ 5 รายในเฟสแรก คือ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย และธนาคารออมสิน เพื่อเชื่อมโยงให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถเข้าถึง แหล่งเงินทุน ผ่าน Digital Factoring Platform

โดยสมาคมฯ เป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อข้อมูลของผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย เพื่อช่วยให้การพิจารณาสินเชื่อ แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและเกษตรกรได้ง่าย สะดวกและรวดเร็ว โดยเฉพาะในสภาวะวิกฤติโควิด-19 ที่เอสเอ็มอีทั่วประเทศ ขาดสภาพคล่องเป็นอย่างมาก และต้องการความช่วยเหลือ อย่างเร่งด่วน

ทั้งนี้ สมาคมผู้ค้าปลีกไทยได้เริ่มโครงการแซนด์บ็อกซ์ ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง เซ็นทรัลรีเทล (CRC) และ ธนาคารกสิกรไทย โดยการนำข้อมูลการทำธุรกิจระหว่างบริษัทฯ และซัพพลายเออร์หรือคู่ค้าเบื้องต้นกว่า 4,000 ราย ของ เซ็นทรัล รีเทล เพื่อใช้ประกอบในการพิจารณาสินเชื่อของธนาคารกสิกรไทย ผ่านแพลตฟอร์มฯ และได้อนุมัติสินเชื่อกลุ่มแรกให้กับเอสเอ็มอีมากกว่า 1,000 ราย ในวงเงินรวม 5,000 ล้านบาท ซึ่งกว่า 70% ของเอสเอ็มอีเหล่านี้ยังไม่เคยเข้าถึงแหล่งเงินทุน Soft Loan มาก่อน

สำหรับแพลตฟอร์มนี้ทำให้ธนาคารฯ สามารถพิจารณาปล่อยสินเชื่อได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น บนต้นทุนและความเสี่ยงที่ต่ำ และเอสเอ็มอีสามารถชำระหนี้แบบอัตโนมัติผ่านช่องทางดิจิทัลเพราะฉะนั้น ธนาคาร จึงสามารถเสนอสินเชื่อวงเงินที่สูงและอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ ความสำเร็จของโครงการนี้ ได้รับการสนับสนุนอย่างดียิ่งจากภาครัฐ ธนาคารแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ซึ่งจะนำต้นแบบนี้ขยายไปสู่เอสเอ็มอีมากกว่า 100,000 ราย ทั่วประเทศ ของสมาชิกสมาคมผู้ค้าปลีกไทยและภาคีเครือข่ายภายในสิ้นปี 2564

ส่วนในเฟสต่อไปจะขยายผลไปถึงสมาชิกของทุกสมาคมฯ ตั้งแต่ สมาคมศูนย์การค้าไทย สมาคมภัตตาคารไทย สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เป็นต้น นอกจากนี้ยังได้รับการร่วมมืออย่างเต็มที่จากธนาคารพาณิชย์ของรัฐและเอกชน เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถพลิกฟื้น เสริมสภาพคล่อง และได้แต้มต่อในการดำเนินธุรกิจ

 

ที่มา : https://www.thaipost.net/main/detail/104457?fbclid=IwAR2rXpr319wy9klc6gu-qDohjbfzXTG2kHGl5DTl_ylkKfRgjRLFmndue5Y


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

‘หมอหนู’ อนุทิน ชาญวีรกุล รมว.กระทรวงสาธารณสุข ตรวจเยี่ยมการจัดการบริการฉีดวัคซีน (นำร่อง) แก่ ‘คนพิการ’ กลุ่มบุคคลพิเศษ และครอบครัว

ณ สถาบันราชานุกูล ถนนดินแดง กรุงเทพมหานคร, นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข, พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมสุขภาพจิต, พญ.มธุรดา สุวรรณโพธิ์ ผอ.สถาบันราชานุกูล ร่วม Kick off ฉีดวัคซีนเพื่อเด็กพิเศษและครอบครัว ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยจัดคิวให้บริการตามวันเวลานัดหมาย

ในการนี้ อ.ชูศักดิ์ จันทยานนท์ นายกสมาคมผู้ปกครองบุคคลออทิซึม (ไทย) คุณสุชาติ โอวาทวรรณสกุล และครอบครัว เข้าร่วมรับการฉีดวัคซีนในครั้งนี้ด้วย เพื่อเป็นผู้นำและสร้างความมั่นใจให้ เชื่อมั่นกับ คนพิการและครอครัวคนพิการ ในการเข้ารับฉีดวัตซีนตามที่รัฐบาลจัดสรรให้ ซึ่งขั้นตอนและบริการในการฉีดวัคซีน นับเป็นมาตรฐานสูง ตั้งแต่การรับบัตรคิว การชั่งน้ำหนัก ส่วนสูง วัดความดัน วัดชีพจร ซักประวัติอาการ โรคประจำตัว การฉีดวัคซีน การเฝ้าดูอาการ 30 นาที และการรับคำแนะนำและ Scanติดตามผล พร้อมนัดวันฉีดเข็มสอง บรรยากาศเป็นเอง เหมาะสมกับเด็กพิเศษมาก ทีมงานสื่อสารกับเด็กและครอบครัว โดยท่าทีเป็นมิตรเหมือนคนในครอบครัว

โดยทราบว่า การเตรียมการระบบหลังบ้าน โดยเฉพาะการลงทะเบียน การจัดสถานที่ ออกแบบการบริการ บุคลากรของสถาบันทำงานกันอย่างทุ่มเท

ท้ายนี้ อาจารย์ชูศักดิ์ จันทยานนท์ ได้กล่าวขอบคุณกระทรวงสาธารณสุข / กรมสุขภาพ และสถาบันราชานุกูล เป็นอย่างสูง

‘ดร.กนกวรรณ วิลาวัลย์’ เตรียมผลักดัน การจัดการศึกษานอกระบบและตามอัธยาศัยสำหรับบุคคลออทิสติกและบุคคลที่มีความต้องการเป็นพิเศษ

ดร.กนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมประชุมออนไลน์ กล่าวให้กำลังใจและเปิด ‘โครงการนำร่องการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยสำหรับบุคคลออทิสติกและบุคคลที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ’ โดยอ.ชูศักดิ์ จันทยานนท์ บรรยายสรุปโครงการและเปิดประชุมทางไกล กับสมาชิกเครือข่ายอีก 10 จังหวัด ซึ่งมีผู้แทนชมรมผู้ปกครอง และผู้แทนสำนักงานสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ในพื้นที่เข้าร่วมกว่า 30 ท่านผ่านระบบ True Vroom 

ดร.กนกวรรณ กล่าวว่า มีความคาดหวังกับการศึกษานอกระบบและพร้อมสนับสนุน ทุกลมหายใจ และจะพยายามผลักดันให้ดีที่สุด ทั้งนี้ผู้ปกครองและภาคีเครือข่ายเป็นองคาพยพที่สำคัญอย่างมาก และมีความเชื่อว่า คนพิการมีความสามารถ และไม่ได้เป็นภาระสังคม ดังนั้นการศึกษากศน. ในรูปแบบที่กำลังดำเนินการขยายผล จะช่วยยกระดับและพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนพิการ และหากมีข้อขัดข้องใดๆ ให้ประสานส่งข้อมูลต่อท่านรัฐมนตรีได้ และเชื่อมั่นว่า ชาวกศน. พร้อมสนับสนุนการศึกษาคนพิการและการศึกษาบุคคลออทิสติก

จากนั้น อ.ชูศักดิ์ จันทยานนท์ สรุปว่าตามแผนงานจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ มิถุนายน 2564-กันยายน 2565 โดยจัดในรูปแบบศูนย์การเรียนนอกระบบเฉพาะทางในพื้นที่ 10 จังหวัด มี 15 ศูนย์การเรียนต้นแบบ ที่มีการทบทวนหลักสูตรแนวทางการจัดการเรียนรู้ การจัดแผนการศึกษาเฉพาะบุคคลที่เน้นบริบทของผู้เรียนในพื้นที่ ทั้งการพัฒนาทักษะชีวิต ทักษะการเรียนรู้ และพื้นฐานอาชีพ โดยผู้เรียนทั้งหมดเป็นกลุ่มที่ตกหล่นจากการศึกษาในระบบและอยู่ในชุมชนกับครอบครัว มีการฝึกอบรมครูและผู้ปกครอง เพื่อเรียนรู้ร่วมกันในรูปแบบ Online การพบกลุ่มตามสถานการณ์ และที่สำคัญ จะมีครูผู้สอนคนพิการประจำกลุ่มด้วย ในสัดส่วน 1:5 นับเป็นวิธีการที่นำมาทดลองใช้ในระบบของกศน. เป็นโครงการแรก โดยการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนการศึกษาสำหรับคนพิการ

ซึ่งจะมีจังหวัดนำร่อง จำนวน 11 จังหวัด รวม 15 แห่ง ได้แก่ ภาคกลาง จังหวัดชลบุรี, จังหวัดปราจีนบุรี และจังหวัดกรุงเทพมหานคร 5 เขต ภาคเหนือ ได้แก่ จังหวัดพิษณุโลก, จังหวัดตาก ภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดสงขลา, จังหวัดนครศรีธรรมราช, อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ จังหวัดนครราชสีมา, จังหวัดอำนาจเจริญ ,จังหวัดสกลนคร

ทั้งนี้สำนักงานกศน. ได้จัดทำ MOU ร่วมกับ ‘สมาคมผู้ปกครองบุคคลออทิซึม (ไทย)’ และภาคีเครือข่าย เพื่อสานพลังความร่วมมือต่อกัน   

อ.ชูศักดิ์ จันทยานนท์ ยังได้กล่าวขอบคุณ ‘ดร.กนกวรรณ วิลาวัลย์’ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ‘นายวรัท พฤกษาทวีกุล’ เลขาธิการ กศน.ทีมงาน ศูนย์ กศน.กลุ่มเป้าหมายพิเศษ กศน.กทม กศน.จังหวัด และ กศน. อำเภอ ที่เข้าร่วมโครงการในครั้งนี้

กระทรวงเกษตรฯ เดินหน้าตั้งสภาเกษตรอินทรีย์พีจีเอส. เป็นครั้งแรกในประเทศไทย พร้อมสร้างระบบบิ๊กดาต้าออร์กานิค ล่าสุดขยายพื้นที่เกษตรอินทรีย์เกือบ 4 แสนไร่ พร้อมเดินหน้าเกษตรกรรมยั่งยืนในเมือง จัดตั้งกลไกขับเคลื่อนทั่วประเทศแล้ว

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเกษตรกรรมยั่งยืน เปิดเผยถึงความก้าวหน้าการขับเคลื่อน โครงการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองว่า การดำเนินงานของคณะทำงานด้านเกษตรอินทรีย์ ด้านวนเกษตรและเกษตรธรรมชาติ และด้านเกษตรทฤษฎีใหม่และเกษตรผสมผสาน เพื่อการพัฒนาภาคการเกษตรไทยตาม “5 ยุทธศาสตร์เฉลิมชัย” ของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ (ประธานคณะกรรมการบริหารการพัฒนาระบบเกษตรกรรมยั่งยืน)ตามแนวทางศาสตร์พระราชา สรุปผลการประชุมเฉพาะวาระสำคัญได้ ดังนี้

1.) โครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมือง (Sustainable Urban Agriculture Development Project) มีเป้าประสงค์ในการพัฒนาเกษตรกรรมและเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเขตเมืองพร้อมกับการพัฒนาการเกษตรในเมือง (Urban Farming) ภายใต้นโยบายการพัฒนาระบบเกษตรกรรมยั่งยืน และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 17 ประการของสหประชาชาติเพื่อโลกอนาคต (UN Sustainable Development Goals : 17 aspects for future world) ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายที่ 11 การพัฒนาเมืองและชุมชนอย่างยั่งยืน (Sustainable cities and communities: Make cities inclusive, safe, resilient and sustainable)

ซึ่งในปี 2562 ประเทศไทยมีประชากรในเมืองมากกว่าในชนบทเป็นครั้งแรกตามปรากฏการณ์การขยายตัวของเมือง (Urbanization) ซึ่งก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อภาวะความไม่มั่นคงทางอาหารยิ่งขึ้น โดยอาศัยหน่วยงานภาครัฐ เอกชน เกษตรกร และภาคประชาชน ร่วมบูรณาการขับเคลื่อนพร้อมกัน เพื่อการพัฒนาและเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเมืองให้เกิดประสิทธิภาพและเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั่วประเทศ ทั้งในระดับเขต ระดับจังหวัด เขตปกครองท้องถิ่น พื้นที่อยู่อาศัย สถานที่สำคัญต่างๆ ให้เป็นแหล่งผลิตอาหารสร้างความมั่นคงทางอาหารในเมืองและเพิ่มพื้นที่สีเขียวโดยพัฒนาให้เป็นแหล่งเรียนรู้ เช่น มีการจัดทำ QR code ให้ความรู้เกี่ยวกับชนิดของพืช และสมุนไพร รวมทั้งการใช้ประโยชน์ โดยจัดตั้งกลไกการขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมือง ดังนี้

(1.) คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมือง ระดับเขต ตามการแบ่งเขตตรวจราชการของกระทรวงฯ

(2.) คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมือง ระดับจังหวัด

(3.) คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองในพื้นที่กรุงเทพมหานคร

(4.) คณะทำงานขับเคลื่อนโครงการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองในพื้นที่วัด (Green Temple)

(5.) คณะทำงานขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองในพื้นที่วิทยาลัย (Green College)

(6.) คณะทำงานขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองในพื้นที่โรงเรียน (Green School)

(7.) คณะทำงานขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองในพื้นที่มหาวิทยาลัย (Green Campus)(8.) คณะทำงานขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองในพื้นที่การเคหะแห่งชาติ

(9.) คณะทำงานขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองระดับชุมชนและท้องถิ่น (Green Community)

(10.) คณะทำงานขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในพื้นที่อาคารชุด (Green Condo)

2.) การจัดตั้งสถาบันเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณาของสำนักพัฒนาระบบบริหาร ก่อนการดำเนินการต่อไป

3.) การจัดทำระบบฐานข้อมูลกลางเกษตรอินทรีย์ (Organic Big Data Center) โดยสามารถเข้าชมได้ที่ https://organicmoac.ldd.go.th ข้อมูลปัจจุบัน ณ วันที่ 25 พฤษภาคม 2564มีพื้นที่เกษตรอินทรีย์ในฐานข้อมูลออนไลน์ รวมทั้งสิ้น 397,037.24 ไร่

4.) ความก้าวหน้าการจัดตั้งคณะกรรมการบริหารสภาเกษตรอินทรีย์ พี จี เอส แห่งประเทศไทย ขณะนี้พร้อมดำเนินการจัดตั้งโดยมี องค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ ประกอบด้วย ประธานกรรมกําร 1 คน กรรมการและ เลขานุการ 1 คน โดยการคัดเลือกจากคณะกรรมการบริหารสภาฯ และกรรมการ จํานวน 20 คน แบ่งเป็น ผู้แทนองค์กรจัดระบบ (3 แห่ง) เกษตรกรเกษตรอินทรีย์ PGS 4 ภาค (8 คน), ผู้แทนสถาบันการศึกษา (4 แห่ง), ผู้ประกอบการด้านการผลิตเกษตรอินทรีย์ และจําหน่ายเกษตรอินทรีย์ PGS 4 แห่ง, เกษตรกรรุ่นใหม่ประเทศไทย (1 คน), สมาคม ผู้บริโภคอินทรีย์ไทย 1 แห่ง และผู้แทนภาครัฐ (1 แห่ง) โดยมีอํานาจหน้าที่หลัก ได้แก่ การกําหนดกรอบเกษตรอินทรีย์ระบบกํารรับรองแบบมีส่วนร่วม จัดระบบการกํากับดูแล และติดตาม การเทียบเคียง การยอมรับกระบวนกํารรับรองเกษตรอินทรีย์แบบมีส่วน ร่วม รวมทั้งสื่อสาร ประชําสัมพันธ์ จัดทําฐานข้อมูลเกษตรอินทรีย์ระบบกํารรับรอง แบบมีส่วนร่วม

5.) ความก้าวหน้าโครงการ 1 ตำบล 1 กลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่ ขณะนี้มีผลดำเนินโครงการไปแล้ว โดยมีเป้าหมาย 4009 ตำบล 648 อำเภอ 75 จังหวัด จำนวนเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ 29,706 ราย และมีจ้างงานจำนวน 14,076 ราย

6.) คู่มือสำหรับประชาชนในการปฏิบัติตามข้อตกลงบันทึกความเข้าใจการส่งเสริมการปลูกไม้เศรษฐกิจในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม โดยที่ประชุมมอบหมายให้จัดทำคู่มือสำหรับประชาชนในเรื่องการส่งเสริมไม้เศรษฐกิจเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่

7.) นิยามใหม่ “วนเกษตร” ซึ่งผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการบริการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนแล้วจะทำให้การพัฒนาวนเกษตรขยายตัวเพิ่มขึ้นหลังจากติดกรอบนิยามเดิมมาเป็นเวลานานหลายปี

8.) เรื่องกํารจัดตั้งสถาบันเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ (องค์การมหาชน)

มีความคืบหน้าหลังจากคณะกรรมการบริหารการพัฒนาระบบเกษตรกรรมยั่งยืนเห็นชอบในหลักการเมื่อวันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมาขณะนี้ปลัดกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ ได้มอบให้สํานักพัฒนาระบบบริหาร สํานักงาน ปลัดกระทรวงเกษตรพิจารณาดำเนินการต่อไปแล้ว


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

‘บิ๊กตู่’ ย้ำเร่งกระจายฉีดทุกคน วอนอย่าขยายข่าวทำคนสับสน แจงสถานการณ์เปลี่ยนต้องปรับแผนตลอด คงไม่ต้องขอโทษ ลั่นไม่มีวัคซีนการเมือง ยันไม่มีปัญหาระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 28 พ.ค. ที่ศูนย์การค้า เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ตรวจเยี่ยมจุดบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 นอกสถานพยาบาล ภายใต้ความร่วมมือระหว่างกรุงเทพมหานครและหอการค้าไทย ดำเนินการโดยศูนย์การค้าเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ และโรงพยาบาลบางปะกอก 1 พร้อมด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และหน่วยงานเกี่ยวข้อง โดยนายกฯ ได้ตรวจเยี่ยมตามจุดให้บริการต่างๆ พร้อมทักทายเจ้าหน้าที่ และประชาชนที่เข้ามารับบริการ พร้อมสอบถามอาการหลังการฉีดวัคซีน ซึ่งนายกฯ กล่าวว่า เป็นยังไงบ้าง เจ็บนิดเดียวเดี๋ยวก็หาย สังเกตอาการไม่มีอาการอะไรเลยใช่ไหม วันนี้วัคซีนยังต้องรอ ซึ่งขึ้นอยู่กับวัคซีน ขณะนี้มีอยู่แค่ไหนก็แค่นั้น แต่เดี๋ยวจะทยอยฉีดให้กับทุกคน ขอบคุณและเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ เหน็ดเหนื่อยกันหน่อยตอนนี้ ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้กล่าวให้กำลังใจนายกฯ ด้วย

จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวภายหลังการตรวจเยี่ยม ว่า วันนี้ตนได้เห็นความพร้อมเพียงในเรื่องการเตรียมการตามมาตรฐานสาธารณสุขอย่างครบถ้วน ขอขอบคุณผู้ให้บริการเจ้าของสถานที่ รวมถึงผู้ที่บริจาคสิ่งของดูแลช่วยเหลือให้กับผู้ที่ได้รับเข้าฉีดวัคซีน โดยจะเห็นได้ว่าขณะนี้การบริหารวัคซีน การฉีดวัคซีนจะกระจายเร่งทำให้มากยิ่งขึ้นตามปริมาณวัคซีนที่ได้กระจายไป และมีหลายกลุ่มที่มีความจำเป็นที่ต้องได้รับความเร่งด่วนในการฉีดวัคซีน ดังนั้นขอให้ฟังที่ตนพูด อย่าไปฟังที่อื่นพูดเพราะจะทำให้เกิดความไม่เข้าใจหรือเข้าใจผิดไป และต้องให้ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่บ้าง เพราะทำงานแบบนี้เหนื่อย เสียสละและอดทน ซึ่งปกติการบริหารก็ยากอยู่แล้วเพราะคนจำนวนมาก ถ้าหากทำให้สับสนไปเรื่อยๆ ขยายข่าวไปเรื่อยๆ ก็จะเกิดความสับสนมากยิ่งขึ้น ท้ายที่สุดก็จะมาลงที่เจ้าหน้าที่ จึงขอให้นึกถึงหัวใจของเจ้าหน้าที่บ้าง ตนขอแค่นั้น

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในส่วนการให้บริการถือว่าเป็นการฉีดที่จะต้องบริหารวัคซีนที่ได้รับทั่วกรุงเทพฯ 25 จุด ตามจำนวนที่มอบไปตามห้วงระยะเวลาที่กำหนด ส่วนการบริหารวัคซีน จะบริหารเป็นเดือน โดยจะให้ทุกคนได้ฉีดมากที่สุดในเดือนนั้น โดยเป้าหมายจะฉีดให้ได้ในเดือนธ.ค.และย้ำว่าทุกอย่างเป็นไปตามกำหนด แต่ยอมรับว่า การทำงานเพื่อคนหมู่มากในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา คงไม่ต้องขอโทษ เพราะบางอย่างจำเป็นต้องมีความอ่อนตัวในการบริหารบ้าง ซึ่งการทำงานมีแนวทางกำหนดไว้ล่วงหน้าว่าสถานการณ์จากระดับ 1234 แล้วจะทำอย่างไร

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทั้งนี้การบริหารวัคซีนการจัดหาสถานที่ฉีด จำนวนผู้ฉีด การกระจายวัคซีน ทุกอย่างจะต้องมีการปรับแต่ทุกคนจะได้รับการฉีดวัคซีนอย่างแน่นอน ตนขอยืนยัน ขออย่าไปพูดว่าคนนั้นไม่ได้ฉีด คนนี้ได้ฉีด ขอความร่วมมือกับสื่อด้วย เรื่องใดที่ไม่เกิดประโยชน์ขอความกรุณาอย่าไปแพร่ในสื่อทุกชนิดเพื่อลดความขัดแย้ง เพราะไม่ใช่เรื่องสนุกที่จะไปทะเลาะเบาะแว้งกัน ตนไม่อยากให้ใครทะเลาะกันทั้งสิ้นไม่ว่าฝ่ายใดก็ตาม เราต้องไปด้วยกัน การทำสิ่งดีๆ เพื่อสิ่งดีๆ ถือเป็นกุศลต่อตนเองทำให้ประเทศชาติฟื้นตัวขึ้น ช่วยกันทำความดี ตนบังคับใครไม่ได้อยู่แล้ว

จากนั้นนายกรัฐมนตรี รับมอบของที่ระลึก พร้อมกล่าวว่า ฝากความคิดถึงทุกคน ทั้งบุคคลากรทางการแพทย์ ซึ่งต้องเหนื่อยหน่อย แต่ทั้งหมดเป็นกุศล ไม่ต้องทำอะไรอย่างอื่น ทำบุญก็อย่างหนึ่ง ทำบุญกับพระกับอะไรก็ว่าไป ส่วนทำกุศลทำให้กับคนที่เขายากลำบาก นั่นแหละกุศลแรง จากนั้นนายกฯ ชูสองนิ้วให้กับประชาชนที่ต่อคิวรอฉีดวัคซีน พร้อมกล่าวว่า เดินหน้าไปด้วยกันนะ เราต้องชนะไปด้วยกันทุกคน เราต้องเดินหน้าไปด้วยกันทุกคน ก่อนขึ้นรถเดินทางกลับเข้าปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาล

เมื่อถามว่า จะมีการแจ้งความเอาผิดกับบริษัท แอคแคป แอสเซ็ทส์ จำกัด ที่อ้างว่าเคยติดต่อกับรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่จะดำเนินการต่อไป คงไม่ต้องมาถามล่วงหน้า

เมื่อถามว่าแผนการกระจายวัคซีนแอสตราเซนเนกาที่จะเข้ามาในเดือนมิ.ย. ยังคงเหมือนเดิมหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วัคซีนทั้งหมดที่จะเข้ามาในเดือนมิ.ย. จะกระจายภายในเดือนมิ.ย. ทั้งหมด โดยจะกระจายไปให้ได้มากที่สุดและได้มอบนโยบายไปแล้ว ซึ่งได้บอกไปแล้วว่า เราจำเป็นต้องกระจายวัคซีนเป็นรายเดือน ไม่เช่นนั้นก็ต้องวางแผนไป 6 เดือน แล้วจะได้ตามนั้นหรือไม่หล่ะ เพราะวัคซีนมาเป็นช่วงๆ ในแต่ละเดือนและการกระจายไปตามจุดต่างๆ จึงจำเป็นจะต้องวางแผนตรงนี้ ถ้าไม่มีการแพร่ระบาดขึ้นมาใหม่ก็คงเป็นไปตามแผนได้ แต่ในเมื่อมีการแพร่กระจายและมีการระบาดสูงในบางพื้นที่ จึงจำเป็นต้องมีการปรับในการนำวัคซีนเข้าไปในแต่ละพื้นที่

“ผมยืนยันแล้วกันว่า ทุกคนจะได้รับการฉีดอย่างแน่นอน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

เมื่อถามว่าประชาชนที่ลงทะเบียนผ่านระบบหมอพร้อม จะยังได้รับการฉีดวัคซีนหรือไม่นายกฯ กล่าวว่า ขอยืนยันว่าได้ฉีดทุกคน 100 เปอร์เซ็นต์ได้ฉีดทั้งหมด ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นการลงทะเบียนผ่านระบบหมอพร้อมหรือแอปพลิเคชันอื่นๆ ที่จะทำให้รวดเร็วมากขึ้น โดยเมื่อวานเพียงวันเดียวได้ 1 ล้านกว่าราย

เพียงแต่วันนี้ต้องทำให้ระบบหมอพร้อมรองรับคนที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันอื่นด้วย เพื่อนัดและติดตามผลการฉีดวัคซีน ทุกคนจะต้องได้รับการติดตามจากการเข้ารับการฉีดวัคซีน นี่คือการรับผิดชอบและการออกใบรับรอง รัฐบาลทำขนาดนี้ ส่วนจะมีความยุ่งยากหรือไม่อย่างไร ก็ต้องไปเก็บกันเอาเอง ขอร้องว่าอย่าไปคิดเพียงชั้นเดียวมันไม่ได้

เมื่อถามว่า ในบางจังหวัดยังไม่มีแอปพลิเคชันเป็นของตัวเอง จะดำเนินการอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทุกจังหวัดมีหมดอยู่แล้ว กระทรวงมหาดไทยยืนยันแล้ว ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดดำเนินการร่วมกับสำนักงานสาธารณสุข (สสจ.)และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ตามฉีดกันให้ทั้งหมดแล้ว

เมื่อถามถึงวัคซีนทางเลือก เช่น วัคซีนซิโนฟาร์ม มีความคืบหน้าอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ก็มีบริษัทเข้ามาติดต่อเป็นทางการแล้วกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งอย.ขึ้นทะเบียนแล้ว และอยู่ระหว่างการเจรจานำเข้า โดยต้องเข้าตามช่องทางที่ถูกต้องเป็นไปตามกฎหมายตามมาตรการ ถ้าไม่เข้าตามช่องก็มาไม่ได้ จะมาพบใครก็ไม่ได้ เพราะตนไม่ได้มีหน้าที่ตรงนั้น เพราะเป็นหน้าที่ของอย. และองค์การเภสัชกรรม (อภ.)

เมื่อถามว่า ได้รับรายงานกรณีอังกฤษพบ โควิด-19 สายพันธุ์ไทยแล้วหรือยัง นายกฯ กล่าวว่า “มันก็มีทุกสายพันธุ์นั่นแหละ ถ้ามันจะเกิด อย่าไปกังวลให้มากนักเลย วันนี้ขอให้ฉีดวัคซีนกันให้ได้เสียก่อน ซึ่งถ้าเป็นก็รักษาได้ ขอให้ดูแลตัวเองป้องกันตัวเองถ้าไม่ดูแลตัวเอง ถ้าไม่ช่วยกันทำอะไรก็ไม่สำเร็จ อย่าไปจับผิดเล็กน้อย ถ้าถามมา ก็ตอบไปว่ารักษาได้ วัคซีนที่มีอยู่ก็ป้องกันได้

เมื่อถามว่าในส่วนของวัคซีนการเมืองที่ยังมีความเห็นต่างกันในพรรคร่วมรัฐบาลจะทำอย่างไร นายกฯ ได้หันหน้าไปมองนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ที่ยืนอยู่ข้างๆ ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยพร้อมกล่าวว่า “ไม่มีปัญหาอะไรหรอก ผมเข้าใจกันหมดทุกประการ ผมยืนยันตรงนี้ ต่อหน้านายอนุทิน เมื่อวานนี้ผมก็คุยกับพรรคประชาธิปัตย์และพรรคชาติไทยพัฒนา ก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไรจะมีปัญหาก็เพราะมีคนยุแยงตะแคงรั่วอยู่แถวนี้นั่นแหละ ไม่เห็นมีปัญหาตรงไหน การจะปรับเปลี่ยนอะไรต่างๆ ผมก็ปรับเปลี่ยนตามข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุข ว่า อะไรดี อะไรใช่หรือไม่ใช่ อะไรต้องปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ ผมก็ฟังในส่วนของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งอยู่ใกล้ชิดกับประชาชนในทุกระดับ ด้านสาธารณสุขเราก็ต้องฟัง ซึ่งข้อมูลทั้งหมดก็เข้าสู่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ที่มีผมเป็นผอ.แล้วผมจะไปสั่งอะไรได้หรือไม่ ไม่ใช่ว่าผมจะไปเข้าข้างใครทั้งนั้นแหละ ผมต้องบูรณาการในการทำงานจากข้อกำหนดทุกประการ นี่คือหน้าที่ของผมตามข้อมูลที่หลายฝ่ายเสนอขึ้นมา ก็แค่นั้นเองอย่าไปตีกัน บ้านเมืองวุ่นวายพออยู่แล้ว หยุดๆ กันเสียบ้าง


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top