Friday, 9 May 2025
Hard News Team

ลูกจ้างประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยจากงาน ไร้กังวล กองทุนเงินทดแทน ให้การดูแลค่ารักษาพร้อมเงินทดแทนเต็มที่

นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน กล่าวถึง การดูแลลูกจ้างที่ประสบอันตรายเนื่องจากการทำงาน ซึ่งดำเนินงานตามนโยบายของ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่ให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยของลูกจ้าง เมื่อลูกจ้างประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงาน จะได้รับการดูแลเรื่องค่ารักษาพยาบาล และเงินทดแทนจากกองทุน เงินทดแทนที่ลูกจ้างพึงจะได้รับอย่างเต็มที่ ซึ่งจากผลการวินิจฉัยเรื่องการประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย เนื่องจากการทำงานประจำปี 2563 มีลูกจ้างมีสิทธิได้รับเงินทดแทนไปแล้วจำนวน 25,518 ราย โดยข้อมูล ในปี 2564 (ม.ค.-เม.ย.) มีลูกจ้างที่อยู่ในข่ายได้รับเงินทดแทนแล้วจำนวน 26,673 ราย 

อย่างไรก็ดี กองทุนเงินทดแทน สำนักงานประกันสังคมในฐานะที่ดูแลจึงขอให้ลูกจ้างตระหนักถึงความปลอดภัย ในการทำงาน ทั้งนี้ รวมถึงสถานประกอบการต้องให้ความระมัดระวังความปลอดภัยในการทำงาน และหากเป็นเหตุการณ์ที่ประสบอันตราย นายจ้างมีหน้าที่ต้องยื่นแบบแจ้งการประสบอันตราย เจ็บป่วย ตายหรือสูญหาย และคำร้องขอรับเงินทดแทนตามพระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ.2537 (กท.16) ส่งให้สำนักงานประกันสังคมพื้นที่ / จังหวัด / สาขา ที่นายจ้างขึ้นทะเบียนไว้ ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ ทราบการประสบอันตราย ของลูกจ้าง กรณีลูกจ้างประสบอันตรายเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงาน สำนักงานประกันสังคม ขอแนะนำให้นายจ้าง ส่งตัวลูกจ้างเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลในความตกลงของกองทุนเงินทดแทน 

โดยที่นายจ้างไม่ต้องสำรองจ่ายค่ารักษาล่วงหน้าและสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ เท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นตามกฎกระทรวง ค่ารักษาพยาบาลที่ให้นายจ้างจ่าย พ.ศ.2563 ซึ่งค่ารักษาพยาบาลเท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นในเบื้องต้นไม่เกิน 50,000 บาท ต่อการประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย 1 ครั้ง หากมีการบาดเจ็บรุนแรงหรือเรื้อรังตามหลักเกณฑ์ ที่กำหนดในกฎกระทรวง ให้นายจ้างจ่ายค่ารักษาพยาบาลเพิ่มได้อีก 100,000 บาท รวมแล้วไม่เกิน 300,000 บาท หรือหากไม่เพียงพอ สามารถจ่ายเพิ่มขึ้นได้ รวมแล้วไม่เกิน 500,000 บาท โดยตามความเห็นของคณะกรรมการการแพทย์ และสามารถจ่ายค่ารักษาพยาบาลเพิ่มได้อีกแต่รวมทั้งสิ้นไม่เกิน 1,000,000 บาท 

โดยตามความเห็นของคณะกรรมการการแพทย์พิจารณา คณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนให้ความเห็นชอบ เว้นแต่ ลูกจ้างเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลของรัฐ ตั้งแต่เริ่มแรกจนสิ้นสุดการรักษาหรือมีเหตุสมควรที่ไม่สามารถเข้ารับการรักษาพยาบาล ในสถานพยาบาล ของรัฐตั้งแต่เริ่มแรกแต่ภายหลังได้เข้ารับการรักษาพยาบาลในสถานพยาบาลของรัฐจนสิ้นสุดการรักษาพยาบาล ให้นายจ้างจ่ายค่ารักษาพยาบาลเท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นจนสิ้นสุดการรักษาพยาบาล สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ทั้ง 12 แห่ง สำนักงานประกันสังคมจังหวัด/ สาขา/ ที่ท่านสะดวก หรือโทรสายด่วน 1506 ติดต่อสอบถามได้ตลอด 24 ชั่วโมง ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sso.go.th

"เลขา ครป.เปรียบนายกฯ เหมือนอาทิตย์อัสดง จันทร์โอชาคงอยู่ได้อีกไม่นาน จี้กองทัพปฏิรูป หยุดรับใช้ระบอบประยุทธ์และรัฐอำนาจนิยม"

นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 และเลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งคณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย กล่าวบนเวทีไทยไม่ทนออนไลน์วันนี้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ เปรียบเหมือนอาทิตย์อัสดง และจันทร์โอชาคงอยู่ได้อีกไม่นาน ท่านเหมือนอาทิตย์อัสดงที่แก่ชรา ที่มีระบบ ส.ว.ตามบทเฉพาะกาล คอยเป็นแขนขาประครองในการอยู่ในอำนาจ ดังนั้นวิกฤติบ้านเมืองที่เกิดขึ้น นอกจากพรรคร่วมรัฐบาลควรถูกประณามแล้ว ส.ว.ทุกคนก็ควรถูกประนามด้วยเช่นกัน 

เมื่อบ้านเมืองเข้าสู่วิกฤตอำนาจและกับดักรัฐธรรมนูญดุจดั่งความมืดของรัตติกาล ดวงจันทร์ที่สว่างไสวอยู่ในราตรีนั้นก็เป็นเพียงชั่วคราว เพราะบทเพลงแห่งอรุณรุ่งและอนาคตของชาติ อันหมายถึงเยาวชนคนหนุ่มสาวของสังคมไทยคือของจริง ที่กำลังจะผลิดอกเบ่งบาน เป็นดอกไม้ประชาธิปไตยที่จะมาแทนที่เผด็จการอำนาจนิยม เช่นเดียวกับกฎแห่งกาลเวลาที่จันทร์โอชาจะเป็นแค่ค่ำคืนที่เหน็บหนาวและฝันร้ายของประเทศไทยที่กำลังผ่านไป

เพื่อไม่ให้ระบบราชการเป็นเครื่องมือรับใช้ระบอบอำนาจนิยมของพล.อ.ประยุทธ์ และกับดักรัฐธรรมนูญที่พวกเขาเขียนสืบทอดอำนาจไว้ ผมจึงขอให้เพื่อนข้าราชการทั้งมวลหยุดรับใช้พล.อ.ประยุทธ์ และพวก หันมารับใช้ประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์แทน 

วันนี้กลุ่มไทยไม่ทน คณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย จึงจำเป็นที่จะต้องเคลื่อนไหวและเรียกร้องให้ข้าราชการของแผ่นดิน ที่เป็น ส.ว.โดยตำแหน่ง ลาออกจากตำแหน่ง ส.ว.ในทันที เพื่อไม่ให้ระบบราชการไปรับใช้เผด็จการระบอบประยุทธ์ และขอเรียกร้องให้ ส.ว.ที่เหลือทั้งหมดที่ไม่ใช่ข้าราชการ หยุดรับเงินเดือนเพื่อรับใช้ชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริง อย่าเห็นแก่ตัวและอย่าเห็นแก่เงินตรา เอาเปรียบประชาชนในยุคข้าวยากหมากแพง และกำลังสิ้นไร้ไม้ตอก 

ผู้บัญชาการกองทัพบก ต้องแสดงเป็นตัวอย่างให้เห็นว่า จะต้องทำกองทัพทหารอาชีพ ออกจากพวกทหารการเมืองที่หากินกับอำนาจรัฐ มาคงสถานะที่แนบแน่นกับประชาชน เป็นกำลังสำคัญของบ้านเมืองและรั้วของชาติอย่างแท้จริง ประชาชนไทยยืนตรงเคารพธงชาติ ก็เพราะเราถือว่าชาติคือแรงบันดาลใจของประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และสันติภาพ ที่บรรพชนเราต่อสู้และเสียสละร่วมกันสร้างมันขึ้นมา ทหารได้รับเกียรติและเอกสิทธิ์เป็นผู้กุมอาวุธและกําลังรบของประเทศ เป็นที่เคารพและเกรงขามในหมู่ชนทั่วไป ทหารจึงต้องปฏิบัติตนให้เหมาะสมกับที่ตนได้รับความไว้วางใจ ไม่ควรไปทําหรือเกี่ยวข้องในกิจการที่ไม่อยู่ในหน้าที่โดยเฉพาะของตน เช่น การไปเล่นการเมือง

ปัจจุบันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นตัวแทนของฝ่ายอนุรักษ์นิยม ที่ต้องการสร้างระบบราชการรวมศูนย์ไว้ที่คณะของพวกท่าน ไม่ต้องการกระจายอำนาจไปให้ประชาชน กองทัพจะต้องทบทวนประวัติศาสตร์ว่า พวกท่านเป็นทหารของประชาชน ไม่ใช่ทหารของพวกกบฎที่แอบอ้างการรักษาสถาบันกษัตริย์ แต่กลับแยกประมุขของรัฐออกจากประชาชน และแยกประชาชนออกจากสถาบันโดยสร้างความขัดแย้งขึ้นมาเพื่อรักษาอำนาจตนเอง อย่าหลงผิดเหมือนกบฏบวรเดชในอดีต

กองทัพในศตวรรธที่ 21 ต้องปรับตัวให้ทันความเป็นรัฐชาติสมัยใหม่ที่มีพลเมืองเป็นศูนย์กลาง เช่นเดียวกับนายทหารประชาธิปไตยในอดีตที่ตั้งใจรักษาชาติบ้านเมืองไว้ในสถานการณ์วิกฤตหลายยุค คุณูประการของทหารคณะราษฎรก็มีมากมาย ทั้งการรักษาสถาบัน ทำให้เกิดรัฐธรรมนูญ จัดตั้งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง จัดตั้งโรงพยาบาลของรัฐทั่วประเทศ จัดตั้งกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทย สร้างรัฐไทยที่ทันสมัยมาจนถึงวันนี้ ผลงานของเสรีไทยส่วนหนึ่ง ยังร่วมกันปกป้องชาติบ้านเมืองทำให้ประเทศไทยไม่เป็นผู้แพ้สงคราม

กองทัพจึงอย่าติดกับดักอำนาจนิยม ที่รัฐบาล 3 ป.ใช้พวกท่านเป็นฐานค้ำอำนาจอีกเลย กองทัพที่ทันสมัยจะต้องมีการปฏิรูปตนเองอยู่เสมอ เช่นเดียวกับกองทัพของเกาหลีใต้ ที่เสนอแผนปฏิรูปองค์กรทุก 5 ปี ต่อรัฐสภา โดยมีการตั้งคณะกรรมาธิการปฏิรูปกองทัพ และเป็นกองทัพใต้รัฐบาลพลเรือนอย่างแท้จริง

ดังนั้นจึงต้องแก้ไขกฎหมาย พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2551 ยกเลิกการให้อำนาจ 7 อรหันต์ภายในกองทัพแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการทหารเท่านั้น แต่ให้กลับมาสู่อำนาจของนายกรัฐมนตรีเหมือนเดิม เพื่อเป็นกองทัพภายใต้รัฐบาลพลเรือน และอยู่ภายใต้การตรวจสอบของรัฐสภาที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน

หลังรัฐประหารในปี 2549 การออก พ.ร.บ.กลาโหมนั้น เป็นการทำให้กองทัพเป็นรัฐ 2 รัฐ ที่ให้อำนาจการเลือกผู้บัญชาการเหล่าทัพเป็นของกองทัพเอง ทั้งที่กองทัพควรอยู่ใต้รัฐบาลพลเรือน และหลังการรัฐประหารครั้งใหม่ก็มีการแก้ไขกฎหมายกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภาย ในให้อำนาจหน่วยงานนี้อย่างล้นหลาม รวมถึงกฎหมายการรักษาความมั่นคงภายในด้วยเช่นกัน 

ประเทศอินโดนีเซีย ไม่น่าเชื่อจะสามารถแยกกองทัพออกมาจากการเมืองมาได้แล้วหลายปี ทั้งยังมีการแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อปฏิรูปให้ทหารถอยกลับเข้ากรมกองทำหน้าที่ของตัวเอง ทั้งที่ก่อนหน้านี้กองทัพอินโดนีเซียมีบทบาททางการเมืองมาเสมอตั้งแต่ประกาศเอกราช นายพลซูฮาร์โต ขึ้นมามีอำนาจปกครองแบบยาวนาน 32 ปี กระทั่งเมื่อเขาประกาศลาออกในปี 2541 หลังถูกนักศึกษาประชาชนรวมตัวประท้วงขับไล่ ที่สำคัญ การปฏิรูปกองทัพ ถือเป็นหนึ่งในข้อเรียกร้องสำคัญของสังคมอินโดนีเซียพร้อมกับการรื้อฟื้นระบอบประชาธิปไตยมาจนถึงปัจจุบัน

ต่อไปนี้ ผมขอเรียกร้องให้กองทัพ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ เคารพและยอมรับนับถือหลักสิทธิมนุษยชนและนิติธรรมอันเป็นรากฐานที่สำคัญของการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย เพื่อให้เป็นไปตามพันธกรณีระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนและบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะด้านสิทธิพลเมือง สิทธิทางการเมือง และสิทธิทางเศรษฐกิจสังคมและวัฒนธรรม รวมทั้งการตรากฎหมายอนุวัติการเพื่อให้อนุสัญญาต่อต้านการทรมานและอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับมีผลบังคับเป็นกฎหมายในประเทศ ยกเลิกบรรดากฎหมายที่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน ขัดหรือแย้งกับหลักสิทธิมนุษยชนและนิติธรรม

ต่อไปนี้ จะต้องไม่มีการคุกคามเข่นฆ่าประชาชนพลเมืองอีกต่อไป จะต้องไม่มีใครที่ถูกทรมาน ถูกอุ้มหายดังที่ผ่านมา โดยมีระบบกระบวนการยุติธรรมที่ไม่เลือกปฏิบัติ คุ้มครองความเป็นธรรมให้แก่ประชาชน ยุติการคุกคามนักปกป้องสิทธิมนุษยชน (Human Rights Defender) รวมทั้งนักเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องสิทธิทางการเมือง 

ไม่ว่าจะเป็นการข่มขู่ ทำร้ายร่างกาย หรือการคุกคามโดยใช้มาตรการทางกฎหมาย (Judicial Harassment and SLAPP) ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมเพื่อให้เป็นไปตามหลักการพิจารณาคดีที่เป็นธรรมตามมาตรฐานสากล โดยเฉพาะกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ที่ต้องแยกงานสอบสวนออกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือผู้บังคับใช้กฎหมาย โดยให้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของอัยการตามหลักสากล นำหลักความเป็นธรรมในระยะเปลี่ยนผ่าน (Transitional Justice-TJ) และความยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ (Restorative Justice-RJ) มาใช้ในการแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองของคนในชาติ รวมถึงการนิรโทษกรรมข้อหาความผิดทางการเมืองและทางความคิด เพื่อสร้างการปรองดองของคนในชาติต่อไป

ที่ผมเสนอมาทั้งหมดนี้ คงไม่ใช่แค่ความใฝ่ฝัน  หากเรามีรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตย ร่วมมือกับ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา พรรคการเมืองทุกพรรคและประชาชนทุกฝ่ายประสานพลังและร่วมมืออย่างจริงจังเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้า โดยร่วมกันผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง มีกลไกตรวจสอบอำนาจรัฐ องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญอย่างมีประสิทธิผล ปรับเปลี่ยนอำนาจและบทบาทของสมาชิกวุฒิสภาให้สอดคล้องกับวิถีประชาธิปไตย และการปฏิรูปกองทัพให้เป็นทหารอาชีพอย่างแท้จริงที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองดังในนานาอารยะประเทศ เพื่อให้ประเทศไทยมีเกียรติภูมิในประวัติศาสตร์การเมืองโลกและเปี่ยมด้วยพลังในก้าวสู่อนาคตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนต่อไป

กองทัพเรือ ทูลเกล้าฯ ถวาย เครื่องหมายนักทำลายใต้น้ำจู่โจม แด่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ผู้บัญชาการทหารเรือ ย้ำให้ทุกหน่วยต้องปฏิบัติงานได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ

วันที่ 27 พฤษภาคม 2564 พลเรือเอก เชษฐา ใจเปี่ยม โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า วันนี้กองทัพเรือได้จัดให้มีการประชุมหัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกองทัพเรือ โดยมีพลเรือเอก ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานการประชุม ณ กองบังคับการชุดควบคุมทหารพรานนาวิกโยธิน ที่ 3 หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานนาวิกโยธิน เขาล้าน อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด ร่วมด้วยผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพเรือ หัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกองทัพเรือ ผ่านระบบการประชุมทางไกลผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล (Video Tele Conference : VTC) 

สำหรับวาระการประชุมที่สำคัญคือ กองทัพเรือ ได้ขอพระราชทานทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเครื่องหมายความสามารถพิเศษ นักทำลายใต้น้ำจู่โจม แด่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ในโอกาสที่กองทัพเรือ ได้รับพระกรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงเป็นอาจารย์พิเศษ ทรงบรรยายหลักสูตร “การดำน้ำเพื่อการอนุรักษ์ปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย” แก่นักเรียนนายเรือชั้นปีที่ 4 อีกทั้ง ทรงนำนักเรียนนายเรือ ชั้นปีที่ 4 ฝึกการดำน้ำเพื่อการอนุรักษ์ปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย ในภาคปฏิบัติ เพื่อให้นักเรียนนายเรือซึ่งจะเติบโตเป็นนายทหารสัญญาบัตรของกองทัพเรือในอนาคต มีความตระหนักรู้ในคุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล และเป็นกำลังหลักในการปลูกฝังให้เยาวชน นักเรียน นักศึกษา ตลอดจนพี่น้องประชาชนทั้งชาวไทยและต่างชาติเห็นความสำคัญและมีส่วนร่วม ในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล

ทั้งนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงมีพระดำริให้จัดโครงการอนุรักษ์แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย ในพระดำริสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา โดยทรงมีความห่วงใยปัญหาเรื่องความเสื่อมโทรม ของทรัพยากรธรรมชาติใต้ทะเล การทำร้ายสัตว์ทะเลด้วยน้ำมือมนุษย์โดยตั้งใจหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ดังนั้น การอนุรักษ์และการสร้างจิตสำนึกในการ หวงแหนและรักษาสิ่งแวดล้อม ตลอดจนระบบนิเวศที่มีความสำคัญต่อการดำรงอยู่ของทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลไทย โดยกองทัพเรือได้ดำเนินการสนองพระดำริ และบูรณาการความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ ได้แก่ กรมประมง กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ศูนย์วิจัยโรคสัตว์น้ำ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับโครงการฯ เพื่อจัดทำและดำเนินโครงการ แผนงาน และกิจกรรมต่าง ๆ ที่สามารถตอบสนองพระดำริของพระองค์ท่านได้อย่างเป็นรูปธรรม ในการรักษาสิ่งแวดล้อมใต้ท้องทะเลไทยให้มีความยั่งยืนสืบไป

สำหรับเรื่องสั่งการในที่ประชุมหัวหน้าหน่วยขึ้นตรงและหน่วยเฉพาะกิจของกองทัพเรือในวันนี้ โฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้สั่งการให้ปรับรูปแบบในการปฏิบัติงานของหน่วยต่าง ๆ ในกองทัพเรือ ภายใต้การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงานโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภารกิจที่ต้องมีการปฏิบัติใกล้ชิดกับประชาชน และการช่วยเหลือในการบรรเทาสาธารณภัย โดยผู้บัญชาการทหารเรือ ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยต้องปฏิบัติงานได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพควบคู่ไปกับการระวังป้องกันอย่างเข้มงวด

นอกจากนั้น ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 จะมีการรับทหารกองประจำการผลัดใหม่เข้าทำการฝึกภาคสาธารณะ ซึ่งจะเป็นการรวมกำลังพลจำนวนมาก ที่เดินทางมาจากพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ ซึ่ง ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้แสดงความห่วงใย พร้อมทั้งเน้นย้ำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เกิดความปลอดภัย ไม่ให้เกิดการแพร่ระบาด ด้วยมาตรการที่เข้มแข็ง พร้อมทั้งได้เตรียมความพร้อมและกำหนดแนวทางปฏิบัติตั้งแต่เริ่มขึ้นรถ เพื่อเดินทางมายังหน่วยฝึก ซึ่งเป็นไปตามกรอบและมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข โดยมีกรมแพทย์ทหารเรือเป็นหน่วยกำกับดูแลอีกชั้นหนึ่ง ทั้งนี้กองทัพเรือได้ดำเนินการตามมาตรการต่าง ๆ โดยมุ่งหวัง เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น มั่นใจในมาตรการ และเป็นการแสดงออกซึ่งความตั้งใจจริงในการดูแลบุตรหลานของพี่น้องประชาชนเป็นสำคัญ

จากกรณีเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์อินเดีย และแอฟริกาใต้ ได้เริ่มแพร่ระบาดในประเทศไทยแล้วนั้น โฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้สั่งการให้กำลังพลทุกหน่วยให้ความสำคัญกับการระวังป้องกันตนเองมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งให้ดำรงความเข้มข้นในการลาดตระเวนตรวจการณ์ รวมทั้งการตั้งจุดตรวจ จุดสกัดตามพื้นต่าง ๆ ตลอดจนให้มีการประสานงานกับหน่วยงานอื่น ๆ ทั้งในพื้นที่ และส่วนกลาง เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานสูงสุด พร้อมทั้งกำชับไปยังกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ต้องระวังตนเองตลอดเวลา โดยขอให้ปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด

นอกจากนั้น ผู้บัญชาการทหารเรือ ยังได้แสดงความเป็นห่วงกำลังพลที่ต้องสูญเสียรายได้จากอาชีพเสริมในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเลี้ยงดูครอบครัว โดยได้มอบหมายให้หัวหน้าหน่วยขึ้นตรงและหัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจ ของกองทัพเรือทุกนาย เอาใจใส่ดูแลกำลังพลโดยใกล้ชิด รวมทั้งช่วยส่งเสริมกิจกรรมที่สามารถสร้างรายได้ให้กับกำลังพลที่ได้รับความเดือดร้อน และขอให้กำลังพลและครอบครัว ร่วมแรงร่วมใจกันฟันฝ่าวิกฤตในครั้งนี้ บนพื้นฐานการดำรงชีวิตด้วยความไม่ประมาท และมีความพอเพียง

โฆษกกองทัพเรือ กล่าวต่อไปว่าในขณะนี้ กองทัพเรือ ได้เร่งสร้างการรับรู้ประชาสัมพันธ์แก่กำลังพล ให้มีความเข้าใจในการรับการฉีดวัคซีน ตลอดจนเตรียมความพร้อมตั้งแต่ในเรื่องของการเตรียมข้อมูลส่วนตัว บัตรประชาชน และสุขภาพร่างกาย พร้อมทั้งศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ในรายการ “กองทัพเรือร่วมใจต้านภัย โควิด-19” ทางช่อง FACEBOOK และ YOUTUBE CHANNEL เพื่อให้การฉีดวัคซีนในภาพรวมของกองทัพเรือ สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วและเป็นไปตามแผนงาน เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ส่งผลทำให้ประเทศชาติผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้โดยเร็ว ทั้งนี้ ปัจจุบันศูนย์ตอบโต้ภาวะฉุกเฉินโควิด-19 กองทัพเรือ ได้ร่วมกับ สำนักงานโฆษกกองทัพเรือ คณะกรรมการจัดทำสารคดีและสื่อโทรทัศน์ กองทัพเรือ ได้ผลิตรายการ “กองทัพเรือร่วมใจต้านภัยโควิด-19” เพื่อเป็นสื่อกลางในการสร้างการรับรู้ในสถานการณ์เกี่ยวกับโรคโควิด-19 ของกองทัพเรือ

ซึ่งที่ผ่านมา ได้มีการนำเสนอมาแล้วจำนวน 3 ตอน โดยมี แพทย์แผนจีนหญิง ปรียาดา บัวสมบุญ หรือ หมอพลอย ผู้ช่วยโฆษกกองทัพเรือ เป็นพิธีกรหลัก โดยมีพิธีกรรับเชิญ อาทิ แพนเค้ก เขมนิจ จามิกรณ์, จ๊อบ นิธิ สมุทรโคจร รวมถึงแขกรับเชิญ ที่จะมานำเสนอข้อมูลข่าวสาร เกี่ยวกับสถานการณ์ COVID-19 และเรื่องราวที่น่าสนใจของกองทัพเรือ ให้แก่กำลังพลตลอดจนผู้สนใจได้รับทราบ โดยสามารถรับชมและติดตามได้ทาง FACEBOOK :  กองทัพเรือร่วมใจต้านภัยโควิด-19 https://m.facebook.com royalthainavyfightagainstcovid19/ โดยจะมีการออกอากาศเป็นประจำทุกวันศุกร์/เสาร์ ของทุกสัปดาห์

เกษตรฯ เตรียมมาตรการรับมือช่วงฤดูฝน

นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมการเกษตรได้ออกมาตรการเพื่อเตรียมความพร้อมรีบมือฤดูฝน โดยได้สั่งการให้สำนักงานเกษตรจังหวัดและสำนักงานเกษตรอำเภอในพื้นที่ดำเนินการ ทั้งติดตามข่าวสารพร้อมทำการแจ้งเตือนข้อมูลคาดการณ์พื้นที่เสี่ยง และคาดการณ์ฝนตก เพื่อให้เกษตรกรมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจ และลงพื้นที่เร่งสร้างการรับรู้ให้แก่เกษตรกรในจังหวัดพื้นที่เสี่ยง เพื่อให้เกษตรกรปรับตัวรับสถานการณ์ โดยพื้นที่ที่คาดว่าจะเสี่ยงน้ำท่วม ให้เร่งสร้างการรู้เรื่องวิธีการดูแลรักษาพืช และการจัดการความชื้นในฤดูฝน การจัดพื้นที่และการระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูก รวมทั้งการฟื้นฟูหลังพืชประสบปัญหาน้ำท่วม 

ส่วนพื้นที่ที่คาดว่าจะเสี่ยงภัยแล้ง ให้เร่งสร้างการรับรู้เรื่องการเลือกชนิดพืชและระยะเวลาการเพาะปลูก เพื่อลดความเสี่ยงจากฝนทิ้งช่วง การดูแลรักษาพืชในสภาวะฝนทิ้งช่วง และการรักษาความชื้นในแปลงเพาะปลูกพืช และการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า พร้อมประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรเบื้องต้น และเร่งดำเนินการสำรวจความเสียหายเพื่อเยียวยาตามระเบียบกระทรวงการคลัง กรณีพื้นที่เกษตรเสียหายโดยสิ้นเชิง และติดตาม เยี่ยมเยียน แนะนำ ให้กำลังใจเกษตรกรในพื้นที่อย่างใกล้ชิด

“กรมฯ ขอให้เกษตรกรติดตามข่าวสารเกี่ยวกับสภาพอากาศอย่างสม่ำเสมอ เพื่อจะได้รับมือกับสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที ทั้งนี้ กรมส่งเสริมการเกษตรได้จัดทำเอกสารคำแนะนำสำหรับเกษตรกรในการรับมือกับปัญหาดังกล่าว ได้แก่ การฟื้นฟูไม้ผลหลังน้ำลด การปลูกและดูแลรักษาพืชผักในช่วงฤดูฝน การเตรียมตัวของเกษตรกรเพื่อรับมือภัยแล้ง การรับมือฝนทิ้งช่วงในสวนไม้ดอกไม้ประดับ และการควบคุมศัตรูพืชหลังน้ำลด”

รองปลัดคมนาคมฯ ชวนฉีดวัคซีนสถานีกลางบางซื่อ จองได้แล้ววันนี้ผ่านเครือข่ายมือถือทุกระบบ

สรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม (หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านการขนส่ง) เชิญชวนมาฉีดวัคซีนที่สถานีกลางบางซื่อ วันนี้จองได้แล้ว ผ่านผู้ให้บริการมือถือทุกระบบ จองฉีดวัคซีนผ่านเครือข่ายมือถือ เพื่อฉีดวัคซีนที่บางซื่อ  โดยเริ่มจองได้ตั้งแต่ 09:00 ของวันที่ 27 พฤษภาคม 2564

AIS : https://vaccineforthais.ais.th/Reserve/Login

DTAC : https://app.dtac.co.th/vaccine/registration.html

TRUE : https://vaccine.trueid.net/

กมธ.สธ. ขอบคุณ ‘ลุงตู่’ หนุนใช้ ฟ้าทะลายโจร ควบคู่ ฟาวิพิราเวียร์ เล็งหารือต่อยอดสมุนไพรไทย ฝ่าวิกฤต พร้อมฝากประชาชน ใช้ฟ้าทะลายโจร ในปริมาณที่เหมาะสม ตามคำแนะนำของแพทย์

เมื่อวันที่ 27 พ.ค. น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส. กทม. พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) สาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร กล่าว ขอบคุณพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของสมุนไพรไทย อย่างฟ้าทะลายโจร มาสนับสนุนใช้ควบคู่กับยาฟาวิพิราเวียร์ ในการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ทั้งนี้ในส่วนของกมธ.สาธารณสุข เตรียมเชิญ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร และมหาวิทยาลัยมหิดล มาให้ข้อมูล เพื่อร่วมกันสนับสนุนแนวทางพัฒนาใช้สมุนไพรไทยในการรักษาโรค และฝ่าวิกฤตในครั้งนี้ เพราะยังมีสมุนไพรไทยอีกหลากหลายชนิดที่มีสรรพคุณทางยาต้านไวรัส ไข้หวัด และสรรพคุณที่หลากหลาย รวมทั้งยังสามารถต่อยอดให้เป็นพืชเศรษฐกิจ ในการกระตุ้นเม็ดเงิน สร้างรายได้เข้าประเทศได้ อย่างเช่น กระชายขาว ขิง พลูคาว เป็นต้น

น.ส.พัชรินทร์ กล่าววา แม้ฟ้าทะลายโจร จะมีสรรพคุณทางยาในการปรับระบบภูมิคุ้มกัน ตามที่กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก แนะนำ แต่ในทางการแพทย์ เริ่มมีการกังวลเรื่องการใช้ฟ้าทะลายโจรเกินขนาด ตนจึงอยากรณรงค์ให้ประชาชน ใช้ฟ้าทะลายโจร ในปริมาณที่เหมาะสม เพราะแม้จะมีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการ แต่ปัจจุบันยังไม่มีงานศึกษารับรองว่าสามารถใช้ในทางป้องกันโรคโควิด-19 ได้ ส่วนผู้ติดเชื้อ ก็ขอให้ใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ ก็จะทำให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้ฟ้าทะลายโจร


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit
LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

“บิ๊กตู่” ถกลับ รมต.คาดหารือหลังปรับแผนกระจายวัคซีน และชะลอการใช้แอป “หมอพร้อม" รูดซิปปัดตอบสื่อ

เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2564 ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ร่วมบันทึกเทปกล่าวอาเศียรวาท นายกรัฐมนตรีได้หารือร่วมกับครม.บางส่วนนอกรอบ อาทิ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม นางตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม นายศักดิ์สยาม ชิดชอบรมว.คมนาคม โดยคาดว่าอาจเป็นการหารือในประเด็นการปรับแผนการกระจายวัคซีนเพื่อให้เหมาะสมกับการแพร่ระบาดในแต่ละพื้นที่ หลังนายกรัฐมนตรีสั่งชะลอการใช้แอปพลิเคชัน "หมอพร้อม"

อย่างไรก็ตามภายหลังการหารือนอกรอบกว่า 30 นาที นายกรัฐมนตรีได้เดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าทันทีโดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์หรือตอบคำถามสื่อมวลชนแต่อย่างใด

“พลังท้องถิ่นไท” หนุนเงินกู้ 5 แสนล้าน แต่ต้องเร่งอนุมัติเบิกจ่ายช่วยเหลือปชช. จ่อ ยื่นร่าง พ.ร.บ.การพนัน ถูก กม. เข้าสภาฯ หวังเก็บภาษีใช้หนี้ ตั้งกองทุนช่วยเหลือเกษตรกร-นศ.

เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2564 ที่รัฐสภา นายชัชวาลล์ คงอุดม พรรคพลังท้องถิ่นไท (พทท.) กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลกู้เงินมา 5 แสนล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาการรบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทางพรรคเห็นด้วยแต่ก็อยากเสนอแนะ คืออยากให้มีร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การพนันออกมาอย่างถูกต้อง เพื่อทำให้การพนันทุกประเภทสามารถเก็บภาษีเป็นฐานสร้างรายได้ใหม่ให้กับประเทศ เหมือนกับหลายประเทศที่ได้ดำเนินการแล้ว เช่นประเทศสิงคโปร์ มาเลเซียเป็นต้น หากรัฐบาลแก้ไขให้การพนันออนไลน์ที่มีการเล่นอย่างแพร่หลายมาอยู่ในระบบที่ถูกต้องตามกฎหมายของรัฐเป็นผู้ควบคุม คาดว่ารัฐจะมีรายได้ไม่น้อยกว่า 1 ล้านล้านบาทต่อปี ซึ่งเราเป็นหนี้อยู่ประมาณ 6 ล้านล้านบาท

หากมีรายได้ส่วนนี้เข้ามาเชื่อว่าก็จะไม่ต้องไปกู้ยืมใครมาอีก และในสถานการณ์โควิด-19 จะได้ไม่ต้องเก็บภาษีห้างร้าน ซึ่งไม่สามารถเก็บได้ตามเป้าหมายแน่นอน ซึ่งเมื่อใช้หนี้แล้วในอนาคตสามารถนำไปจัดเป็นกองทุนช่วยเหลือหนี้สินให้กับเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากผลผลิตเสียหายเพราะภัยธรรมชาติต่าง ๆ และใช้หนี้สินให้กับเงินกู้เพื่อการศึกษา (กยศ.) เงินกู้นอกระบบ ให้กับนักเรียนนักศึกษา 

ด้านนายโกวิทย์ พวงงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพทท. กล่าวว่า นอกจากนี้พรรคยังขอเสนอว่าเนื่องจากการอนุมัติและการเบิกจ่ายเงินของรัฐบาลทำได้ล่าช้า ทั้งยังจ่ายให้ประชาชนได้ไม่เต็มที่ ซึ่งไม่ถึงร้อยละ 50 ของวงเงินทั้งหมด แต่หากกู้มาใหม่ขอให้ดำเนินการอนุมัติและการเบิกจ่ายให้ทันท้วงทีเพื่อเยียวยาแก้ปัญหาให้ประชาชนในส่วนของพ.ร.บ.การพนัน แต่เดิมร่างพ.ร.บ.เก่ามากแล้วจึงควรมีการปัดฝุ่น โดยพรรคพลังท้องถิ่นไทจะยื่นเสนอร่างพ.ร.บ.การพนัน ในสมัยประชุมสภานี้

ศาลฝรั่งเศสพิพากษา 'นักศึกษา 4 คน' มีความผิดและสั่งลงโทษ ตามข้อกล่าวหาปลุกปั่นความเกลียดชังทางเชื้อชาติบนสื่อสังคมออนไลน์

เมื่อวันพุธ (26 พ.ค.) ศาลฝรั่งเศส พิพากษาว่า นักศึกษา 4 คน มีความผิดและสั่งลงโทษ ตามข้อกล่าวหาปลุกปั่นความเกลียดชังทางเชื้อชาติบนสื่อสังคมออนไลน์ ด้วยการโพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์ต่อต้านคนเอเชีย กรณีกล่าวโทษคนจีนต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

นักศึกษา ทั้ง 4 คน ซึ่งอายุระหว่าง 19 ถึง 24 ปี และไม่มีประวัติอาชญากรรม ถูกศาลอาญากรุงปารีสสั่งลงโทษให้ร่วมศึกษาเพื่อเสริมสร้างความเป็นพลเมือง (Civic Education) เป็นเวลา 2 วัน และจ่ายเงินชดใช้แก่ฝ่ายโจทก์ 7 คน รายละ 250 ยูโร (ราว 9,500 บาท) และปรับเงินสูงสุด 1,000 ยูโร (ราว 38,000บาท)

อย่างไรก็ตามจำเลยอีกคน นักศึกษารายที่ 5 ถูกพบว่าไม่มีความผิด

นักศึกษาเหล่านี้โพสต์ข้อความเป็นทวิตเตอร์ หลังจากประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ประกาศบังคับใช้ข้อจำกัดหยุดอยู่บ้านอันเข้มงวดรอบที่ 2 เมื่อวันที่ 29 ตุลาคมปีก่อน

ไวรัสโควิด-19 อุบัติขึ้นครั้งแรกในจีน และมีความกังวลในบรรดาประเทศตะวันตกทั้งหลายเกี่ยวกับความรู้สึกต่อต้านคนเอเชียอันมีต้นตอจากโรคระบาดใหญ่

"เอาผมไปไว้ในกรงกับชาวจีนสักคน ผมต้องการเล่นสนุกกับเขา ขยี้เขา ผมต้องการเห็นทุกความหวังในดวงตาของเขาค่อย ๆ มอดลงต่อหน้าผม" หนึ่งในนักศึกษาเขียนบนทวิตเตอร์ ซึ่งข้อความดังกล่าวถูกหยิบยกขึ้นมาอ่านในศาลในช่วงต้นของการพิจารณาคดีเมื่อเดือนมีนาคม

คำพิพากษาของศาลระบุว่าทั้ง 4 คนถูกพบว่ามีความฐานปลุกปั่นประชาชนความเกลียดชังทางเชื้อชาติ

ซอค แลม ทนายความของสมาคมคนหนุ่มสาวจีนในฝรั่งเศส ระบุว่า คำพิพากษาดังกล่าวนับเป็นสัญญาณที่น่ายินดีที่ศาลจริงจังกับวาทกรรมแห่งความเกลียดชังบนสื่อสังคมออนไลน์

อย่างไรก็ตาม เขาเรียกบทลงโทษครั้งนี้ว่า ค่อนข้างเบาและเหมือนเป็นเพียงการลงโทษเชิงสัญลักษณ์ ซึ่งเขาแสดงความกังวลว่ามันอาจกลายตัวสนับสนุนให้บางคนแสดงพฤติกรรมเยี่ยงนี้ต่อไป

ผลการศึกษาของสถาบันศึกษาภูมิประชากรศาสตร์แห่งชาติฝรั่งเศส (INED) พบว่าโรคระบาดใหญ่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นำมาซึ่งขอบเขตใหม่ของการเหยียดเชื้อชาติต่อต้านคนเอเชีย ขณะที่ผู้สันทัดกรณีกล่าวหาตำรวจเพิกเฉยไม่ยอมจัดการกับภัยคุกคามที่มีต่อประชาคมชาวจีนในฝรั่งเศส

 

(ที่มา:เอเอฟพี)
https://mgronline.com/around/detail/9640000050966


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit
LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

“ศิริกัญญา" ชี้ พ.ร.ก.แพ่งและพาณิชย์ ช่วยลูกหนี้เป็นธรรมมากขึ้น แม้ล่าช้ารอนานกว่า 100 ปี ด้าน "ธีรัจชัย" เปรียบเหมือนน้ำผึ้งอาบยาพิษ  จี้ ส่งศาลรธน.ตีความชอบด้วยรธน.หรือไม่

น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ต้องขอชมเชยการแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เพราะเป็นการช่วยเหลือลูกหนี้ให้ได้รับความเป็นธรรมไม่ว่าจะเป็นการคำนวนดอกเบี้ยผิดนัดชำระหรือปรับลดอัตราดอกเบี้ย ทั้งที่ไม่ได้กำหนดไว้ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน

เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยนโยบาย อัตราดอกเบี้ย เงินฝาก เงินกู้ ปรับลดลงแล้ว แต่ต้องบอกว่าเป็นความเป็นธรรมที่มาล่าช้า ประชาชนต้องรอเกือบ 100 ปี ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์กำหนดอัตราดอกเบี้ยที่ไม่ได้บรรจุไว้ในสัญญาที่ 7.5 เปอร์เซ็นต์ ออกมาตั้งแต่ปี 2468 โดยเฉพาะการคำนวนดอกเบี้ยผิดนัดที่ผิดนัดงวดเดียว แต่ถูกคิดดอกเบี้ยผิดนัดจากเงินต้นที่เหลือทั้งหมด ถือว่าเอารัดเอาเปรียบลูกหนี้ ต้องมีลูกหนี้แบกรับภาระที่ไม่เป็นธรรม ความเสียหายที่เกิดขึ้นมาก่อนใครจะรับผิดชอบ

ขณะที่นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายเรียกร้องให้ประธานสภาฯ ส่งพ.ร.ก.ฉบับดังกล่าวส่งศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ตีความว่า การให้อำนาจกระทรวงการคลัง เพื่อขึ้นดอกเบี้ยโดยไม่ผ่านกระทรวงนั้น ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 26 หรือไม่ ซึ่งกรณีที่ให้อำนาจกระทรวงการคลังออกพระราชกฤษฎีกา ปรับเพิ่มดอกเบี้ยได้ นั้นประชาชนได้รับผลกระทบและตนมองว่าอาจเป็นการช่วยเหลือนายทุน

“พ.ร.ก.ฉบับนี้  เหมือนจะดี แต่ไม่ดี เหมือนน้ำผึ้งอาบยาพิษ เพราะการให้อำนาจกระทรวงการคลังพิจารณาปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย ว่าจะลดลงหรือเพิ่มขึ้นให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจของประเทศ เป็นพระราชกฤษฎีกา ทุก ๆ 3 ปีเท่ากับสามารถขึ้นดอกเบี้ยได้ตามอำเภอใจ เช่น ร้อยละ 7 เท่ากับเขียนเช็คเปล่าให้กระทรวงการคลังไปดำเนินการ ประชาชนไม่ได้รับประโยชน์ มีแต่โทษกับโทษ ทั้งกระบวนการออกกฎหมายของรัฐบาลชุดนี้ใช้วิธีปิดปากสภาฯ ไม่สามารถแก้ไขได้ในสภาฯเลย” นายธีรัจชัย กล่าว

ด้านนายเกียรติ สิทธีอมร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า การที่บอกว่าประชาชนได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง สะท้อนสภาพการณ์ปัจจุบัน เอสเอ็มอีจะได้ประโยชน์ลดการฟ้องร้อง เพราะภาระดอกเบี้ยลดลง โดยเฉพาะดอกเบี้ยผิดนัด ซึ่งตนสนับสนุนการดำเนินการเรื่องนี้ แต่ไม่สะเด็ดน้ำเพราะยังมีปัญหาอยู่มาก ซึ่งประชาชนตั้งความหวังสูงเพราะเห็นข้อความที่ยื่นเข้า ครม.ทำให้คนคาดหวังว่าดอกเบี้ยลงทันที เพราะมาตรการที่ใช้ออกเป็น พ.ร.ก.คือต้องรวดเร็ว เข้มข้น เป็นธรรมและทั่วถึง ถ้วนหน้า ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ดอกเบี้ยไม่ลดลงเลย ส่วนต่างดอกเบี้ย 3 เปอร์เซนต์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แนะนำ แต่จากตัวเลขเมื่อ 2 วันที่ผ่านมาพบว่าประเทศไทยมีส่วนต่างดอกเบี้ย 5.2 เปอร์เซนต์ และทุกประเทศในภูมิภาคนี้มีตั้งแต่ 1-4.6 เปอร์เซนต์ และในเอเชียแปซิฟิก เราแชมป์ แต่เป็นแชมป์ที่เป็นภาระแก่ประชาชน และค่าเฉลี่ยไม่สะท้อนปัญหาคนจน คนมีน้อยได้ดอกเบี้ยเงินฝากน้อย จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้สูง คนมีมากได้ดอกเบี้ยเงินฝากสูง จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้น้อยกว่า

นายเกียรติ กล่าวต่อว่า ฉะนั้นรัฐบาลต้องไม่หลงเอาค่าเฉลี่ยมาเป็นเกณฑ์ในการออกแบบนโยบายหรือมาตรการของรัฐ เพราะส่วนต่างดอกเบี้ยไม่ลงเลย ทั้งที่ชาวบ้านเข้าใจว่าดอกเบี้ยจะลง และคนที่ได้ประโยชน์จาก พ.ร.ก.ฉบับนี้มีน้อยมาก และแก้ปัญหาสินเชื่อในระบบได้เพียง 0.1 เปอร์เซนต์เท่านั้น แล้วอย่างนี้ถือว่าเร่งด่วนอย่างไร หากเป็นเช่นนั้นขอเสนอให้ออกพ.ร.ก.อีกฉบับหนึ่งได้ โดยให้ครอบคลุม หรือจะให้มีเวลาภายใน 3 ปีให้ลงมาเหลือ 3 เปอร์เซนต์ ตนก็ไม่ว่าและจะให้การสนับสนุน จึงขอให้คิดให้ดี เพราะวันนี้แก้ได้ไม่ถึง 1 เปอร์เซนต์ และกระทรวงการคลัง และธปท.รับปากได้หรือไม่ว่าจะไปแก้ประกาศที่ยกเว้น เปิดช่องให้เขาใช้เกินมาตรา 654 คือเพดานเงินกู้ที่สูงสุด

ด้านนายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย อภิปรายว่าการออก พ.ร.ก.ฉบับนี้ไม่มีประโยชน์อะไรเลย การปรับวิธีการคิดดอกเบี้ยผิดนัด เหมือนกับว่าจะช่วยให้ลูกหนี้ขนาดใหญ่มีอำนาจต่อรองมากขึ้น จะทำให้มีผลกระทบต่อประเทศในเรื่องที่เขามีเงินแต่คิดดอกเบี้ยน้อย เมื่อผิดนัด แต่สถาบันการเงินทำอะไรเขาไม่ได้ ซึ่งจะมีผระกระทบต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจ ตนไม่อยากบอกว่า พ.ร.ก.ฉบับนี้ประชาชนจะได้ประโยชน์ขนาดไหน ถ้าจะกล่าวหากันแบบที่เขาชอบใช้กันตนมีความรู้สึกว่ากฎหมายฉบับนี้ไม่ได้เอื้อให้กับนายแบงค์  แต่เป็นการเอื้อให้บรรดานายทุนผู้เป็นลูกหนี้ของแบงค์ เอื้อประโยชน์ให้นายทุนที่กู้เงินธนาคาร ยิ่งกว่าประชาชนทั่วไป ดังนั้น ถ้าจะเป็นที่จะออก พ.ร.ก.อีกฉบับให้ชัดเจนก็น่าจะเป็นประโยชน์กว่า


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top