Sunday, 6 July 2025
Hard News Team

“บิ๊กบี้” ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจจนท. จุดบริการต้านโควิด ใน กทม. ย้ำทหารพร้อมประสานการช่วยเหลือปชช. “บิ๊กบี้” ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ จนท. จุดบริการต้านโควิด ใน กทม. ย้ำทหารพร้อมประสานการช่วยเหลือปชช. 

พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ในขณะนี้ ที่ทุกหน่วยงานได้ปรับรูปแบบการช่วยเหลือเน้นการดูแลเชิงรุกอย่างทันต่อสถานการณ์ และความต้องการของประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดและพื้นที่ควบคุมสูงสุด 13 จังหวัด รวมทั้ง กทม.  ในส่วนของกองทัพบก พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้สั่งการให้หน่วยทหารในพื้นที่ กทม. จัดตั้ง “จุดบริการอำนวยความสะดวกประชาชน” ขึ้นในบริเวณแหล่งพักอาศัย ชุมชน ปมคมนาคม แหล่งค้าขาย หรือสถานที่ที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ รวม 53 จุด ครอบคลุมทุกพื้นที่สำนักงานเขต กทม.  มีเจ้าหน้าที่ทหารและ ฝ่ายปกครอง ร่วมกันให้การดูแล อำนวยความสะดวก  เป็นจุดรับแจ้งเรื่องเดือดร้อน ขอความช่วยเหลือในทุกเรื่องที่เกี่ยวกับสถานการณ์โควิด  ช่วยประสานส่วนราชการเพื่อส่งต่อการช่วยเหลือต่างๆ ให้คำแนะนำ การปฐมพยาบาลเบื้องต้น บริการอุปกรณ์ป้องกันเชื้อ ช่วยติดต่อเคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อ เป็นต้น

โดยผู้บัญชาการทหารบกได้เดินทางไปเยี่ยมที่ “จุดอำนวยความสะดวกประชาชนกองทัพบก” 5จุดได้แก่ วัดแก้วฟ้า, BTSหมอชิต, ชุมชนวัดมะกอก, หน้าเอเซียทรีค และชุมชนสะพานผ่านฟ้า และในช่วงกลางวันผู้บัญชาการทหารบกได้ตรวจเยี่ยม อีก 4 พื้นที่ ได้แก่ People park อ่อนนุช,หน้า รร. Hyatt Regency Bangkok Sukhumvit ,ศูนย์พักคอยรอการส่งต่อผู้ป่วยCOVID19 เขตคลองสานและสถานีรถไฟเตาปูน  โดยได้กล่าวให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ กำชับเรื่องการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วยความรวดเร็วทันต่อความเดือดร้อนของประชาชน การแบ่งโซนความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยทหาร พร้อมให้คำแนะนำการเสริมความพร้อมอื่นๆเช่น เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ “ศูนย์ประสานงานต้านภัยโควิด19 กองทัพบก”  การจัดตู้ปันสุขมีสิ่งของที่จำเป็นสำหรับผู้ที่เดือดร้อน เตรียมชุดเคลื่อนที่เร็วสำหรับการช่วยเหลือในสถานกาณ์ฉุกเฉินต่างๆที่อาจเกิดขึ้น  ที่สำคัญคือให้ความอุ่นใจกับประชาชนและชุมชนว่ามีเจ้าหน้าที่อยู่ใกล้ พร้อมดูแลช่วยเหลือเคียงข้างประชาชนในทุกเรื่อง 

ทั้งนี้ผู้บัญชาการทหารบก ยังได้ย้ำให้กำลังพลปฏิบัติตามมาตรการพิทักษ์พล การใส่อุปกรณ์ป้องกันอย่างระมัดระวัง มีอุปกรณ์ป้องกันชุดPPE ,Face shield เครื่องมือที่จำเป็นอย่างเหมาะสม เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับตนเอง ตลอดจนประชาชนในการปฏิบัติทุกภารกิจเฉพาะหน้าเร่งด่วนที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา สำหรับประชาชนที่ต้องการให้เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือดูแล สามารถแจ้งได้ทันที ตามจุดบริการที่พบเห็นทั่ว กทม.

สตูล แถลงข่าวจับยาไอซ์ มูลค่าประมาณ 6,000,000 บาท

(28 ก.ค.2564)​ นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล,​ พ.ต.อ.สมชาย ศรีศรยุทธ์ รอง ผบก.ตชด.ภาค 4,​ พ.ต.ท.ธีรศักดิ์ ศรีราชยา ผบ.ร้อย ตชด.436,​ ร.ต.อ.พรเทพ หมื่นแกล้ว รอง ผบ.ร้อย ตชด.436 สนธิกำลังกับตำรวจน้ำสตูล,​ ชุดสืบสวน สภ.เมืองสตูล,กอ.รมน.จังหวัดสตูล,​ ชุด ชปข.ร้อย ตชด.436, ตร.น้ำ สตูล,​ ชุดสืบสวน สภ.เมืองสตูล,​ ตำรวจตม.สตูล​ เข้าจับกุมผู้กระทำความผิด พรบ. ยาเสพติด

หลังจากได้รับแจ้งจากสายข่าวว่ามีชายอายุประมาณ 30​ ถึง​ 35 ปี รูปร่างท้วมผิวดำแดงสูงประมาณ 160 -165 ซม. ซึ่งขับเรือปั่นไฟ ชื่อก.นิยมสิน19 ออกเรือหาปลาบริเวณร่องน้ำระหว่างเกาะตะรุเตากับเกาะราวี น่าจะมียาเสพติดยา​ (ไอซ์) ซุกซ่อนอยู่​ จึงขอให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบโดยด่วนๆ

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและได้รับคำสั่งให้เดินทางเข้าตรวจสอบเรือดังกล่าว​ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประชุมวางแผนที่กองร้อยตชด 436 ในการเข้าทำการตรวจค้นจับกุมและได้ประสานกับตำรวจน้ำจังหวัดสตูล​ เพื่อขอสนับสนุนเรือตรวจการณ์ 521 ของทางตำรวจน้ำเพื่อเข้าทำการตรวจสอบในวันที่ 27 กรกฎาคม 2564 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้เจอเรือปั่นไฟชื่อ​ ก.นิยมสิน19 ลอยลำอยู่บริเวณร่องน้ำเกาะแกวใหญ่หมู่ 2 ตำบลตันหยงโป อำเภอเมือง จังหวัดสตูล

จึงได้นำเรือเข้าเทียบเพื่อขอทำการตรวจสอบพบชายวัยรุ่น 1 คนนั่งอยู่บริเวณท้ายเรือดังกล่าว ลักษณะตรงตามที่สายรับแจ้งไว้เมื่อชายดังกล่าวเห็นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แสดงอาการมีพิรุธ ลุกลี้ลุกลน​ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้สอบถามชื่อของชายวัยรุ่นคนดังกล่าวทราบชื่อนายจเร หรือตี๋ แห่ชู อยู่บ้านเลขที่ 167 หมู่ 1 ตำบลเกตรี อำเภอเมือง จังหวัดสตูลเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงขอทำการตรวจค้นตัวและเรือผลการตรวจสอบพบกระสอบยาเสพติด​ (ยาไอซ์) จำนวน 3 กระสอบซุกซ่อนอยู่ในห้องเครื่องบริเวณหัวเรือปั่นไฟ ชื่อ​ ก.นิยมสิน19 ทั้งหมดจำนวน 29 ก้อนและบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกจำนวน 2 ถุงน้ำหนักรวมประมาณ 30 กิโลกรัมมูลค่ายาไอซ์ประมาณ 6,000,000 บาท​ ตรวจพร้อมทั้งยึดเรือจำนวน 1 ลำ ราคาประมาณ  4,000,000  บาท

ผู้ถูกจับกุมให้การรับสารภาพว่ายาดังกล่าวเป็นของตนจริงเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2564 ผู้ถูกจับกุมได้ออกเรือปั่นไฟไปทางทิศใต้ของเกาะหลีเป๊ะเพื่อหาปลาและเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2564 เวลาประมาณ 9.00 น ได้สังเกตเห็นกระสอบสีขาวจำนวน 5 กระสอบลอยตามกระแสน้ำำ​ จากนั้นจึงเดินเรือไปเพื่อเก็บกระสอบดังกล่าวและได้เปิดดูภายในพบยาเสพติด​ (ยาไอซ์)  ซุกซ่อนอยู่ภายในกระสอบ​ จากนั้นได้นำกระสอบดังกล่าวมาเก็บไว้ภายในห้องเครื่องบริเวณหัวเรือเพื่อนำมาไว้เสพ จนมาถูกเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ผู้ถูกจับกุมให้การยอมรับตลอดข้อกล่าวหา 

ที่ผ่านมาเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 25564 เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำร่วมกับหน่วยต่างๆ​ ได้ตรวจยึดยาไอซ์จำนวน 391 กิโลกรัม เฮโรอีน ประมาณ 390 กิโลกรัม ซึ่งยาไอซ์มีบรรจุหีบห่อ สีแดง สีเขียวอ่อนและสีเขียว มีตัวอักษรภาษาจีนบรรจุอยู่ในตะกร้าผลไม้คลองกุ้ง ตำบลตำมะลังอำเภอเมืองจังหวัดสตูล

จากการสอบถามผู้ถูกจับกุมเบื้องต้นลักษณะห่อยาไอซ์ที่จับกุมมีลักษณะเป็นถุงชาสีเขียวมีตัวอักษรภาษาจีน​ ซึ่งเหมือนกับยาไอซ์ที่มีการตรวจยึดที่ตำมะลัง เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจะได้สืบสวนเพื่อติดตามผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องต่อไป

นิตยา แสงมณี // ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสตูล

 

ไขชนวนศึก 3,000 ปี !! มูลเหตุล้างเผ่าพันธุ์ยิว ก่อนคริสตกาล... I Knowledge Times EP.5

???? รอบรู้แบบรู้ลึก ในรายการ ‘Knowledge Times’
???? ไขชนวนศึก 3,000 ปี !! มูลเหตุล้างเผ่าพันธุ์ยิว ก่อนคริสตกาล...

เดิม “ยิว” เป็นชนเผ่าที่ทางมานุษยวิทยาเรียกว่า “ฮีบรู” ชาวยิวอาศัยอยู่ในดินแดนแถบตะวันออกกลางในบริเวณอียิปต์ไปจนถึงแถบประเทศอิสราเอลในปัจจุบัน 

การเกลียดชังชาว “ยิว” แท้จริงแล้วหยั่งรากลึกมาตั้งแต่สมัยก่อนคริสตกาล ไม่ว่าชาวยิวไปอยู่ที่ไหน ก็มักจะถูกต่อต้านเสมอ ด้วยสาเหตุที่เกิดจากความเกลียดชังบนความแตกต่าง ทั้งด้านแนวคิด ศาสนา เชื้อชาติ จนทำให้เกิดชนวนศึก ที่ต้องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว !! 

สาเหตุแรก เมื่อสมัยก่อนคริสตกาลเกือบ 1,000 ปี เวลานั้นศาสนาที่เป็นที่นิยมนับถือในแถบกรีก และโรมัน เป็นศาสนาแบบ ‘เทวนิยม’ คือการนับถือพระเจ้าหลายองค์ เช่น เทพซุส เทพโพไซดอน เทพอะพอลโล เป็นต้น และเมื่อศาสดาอับราฮัมบังเกิดขึ้น ทำให้ ‘ศาสนายูดาห์’ ของชาวยิว จึงถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรกที่นับถือพระผู้เป็นเจ้าองค์เดียว 

มูลเหตุนี้ทำให้ขัดกับความคิด ความเชื่อของชาวกรีกและชาวโรมันในยุคนั้น ที่นับถือเทพเจ้าหลายองค์ ช่วงประมาณ 670 ปีก่อนคริสตกาล ชาวยิวจึงถูกขับดัน เป็นเหตุการณ์ที่ยิวถูกขับไล่ออกไปครั้งแรก จนต่อมาช่วง ค.ศ. 70 ยิวก็ได้ถูกโรมันขับไล่ออกมาจนหมดสิ้นจากดินแดนตะวันออกกลาง 

สาเหตุต่อมาในยุคที่พระเยซูถือกำเนิดขึ้น ในช่วงที่ศาสนาคริสต์ยังเป็นศาสนาต้องห้าม จนถึงประมาณปี ค.ศ. 300 องค์การมิลานประกาศให้ศาสนาคริสต์ เป็นศาสนาประจำราชสำนักโรมัน ที่เรียกว่า ‘คริสตจักรโรมันคาทอลิก’ และเหตุการณ์นี้เป็นนัยที่ 2 ที่ฝังเข้าไปในจิตใจของชาวตะวันตกอย่างมาก 

โดยเฉพาะผู้นับที่นับถือศาสนาคริสต์ เนื่องจากชาวยิวต่อต้านพระเยซู ชาวยิวจึงไปปลุกปั่น และสมรู้ร่วมคิดกับทหารโรมัน จนเป็นเหตุที่ทำให้พระเยซู โดนตรึงไม้กางเขน ชาวตะวันตกจึงตราหน้าว่า ‘ยิวเป็นผู้ทรยศที่ฆ่าพระเยซู’ 

สาเหตุที่สาม ต่อมาราว ๆ ค.ศ. 1000 เกิดไข้ดำระบาด หรือ “กาฬโรค” ระบาดทั่วยุโรปครั้งใหญ่ !! เมื่อเกิดภัยพิบัติโรคระบาดเช่นนี้ จึงต้องมีการหาแพะ ? และเนื่องจากความไม่ชอบของชาวยุโรปนั้นมีอยู่แล้ว ก็เป็นการง่ายในการกล่าวหาคนกลุ่มน้อยอย่างชาวยิว โดยมีการกล่าวหาว่าชาวยิวได้วางยาพิษใส่ในน้ำพุ ซึ่งเป็นน้ำพุประจำเมืองที่ทุกคนสามารถไปใช้หรือดื่มได้ ทำให้ชาวยิวถูกจับมาขังรวมในอาคารไม้ แล้วจุดไฟเผาทั้งเป็น จนชาวยิวกว่า 2,000 คน ถูกแขวนคอ และถูกฆ่าตายในเมือง Strasbourg เพราะการระบาดของไข้ดำครั้งนี้ เชื่อว่าเกิดจากฝีมือของชาวยิว

สาเหตุต่อมา ในยุคแรกที่เกิดการธนาคารขึ้นมา ยิวได้เรียนรู้ทำอาชีพแลกเปลี่ยนเงินตรา เกิดกิจการธนาคารรับฝากเงิน เกิดอัตราการคิดดอกเบี้ย แต่ดันขัดกับหลักศาสนาอิสลามอย่างชัดเจน และชาวคริสต์เองก็ไม่ยินยอมการปล่อยเงินกู้ที่คิดดอกเบี้ย เพราะถือว่าเป็นการรีดผู้เดือดร้อน แต่สิ่งนี้เองทำให้อำนาจและอิทธิพลทางการเงินของชาวยิว เพิ่มขึ้นจนแผ่ขยายครอบคลุมเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ รวมถึงเยอรมนีด้วย

และสาเหตุสุดท้าย นับเป็นโศกนาฏกรรมครั้งประวัติศาสตร์ที่เกิดจากความเกลียดชังจนนำไปสู่การทำลาย และฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่โหดร้ายที่สุด โดยเยอรมนีมีความเชื่อว่าตนเป็นผู้ที่มีชาติพันธุ์อารยันที่มีคุณค่าเหนือกว่าใคร และถือว่ายิวเป็นชนกลุ่มน้อยที่จะต้องถูกกำจัด ซึ่งจากสาเหตุนี้ รวมไปถึงสาเหตุของอิทธิพลทางเศรษฐกิจข้างต้น จึงเป็นเหตุที่ทำให้ชาวยิวถูกกำจัดอย่างรุนแรงในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จากเหตุการณ์สังหารหมู่ “ฮอโลคอสต์”

ซึ่งนาซีเยอรมนี โดยมีผู้นำคือ ‘อดอล์ฟ ฮิตเลอร์’ ฆ่าชาวยิวประมาณ 6 ล้านคน คิดเป็นสองในสามของประชากรยิวในทวีปยุโรป เหตุการณ์นี้นับเป็นหนึ่งในเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่สุดของโลก และมีจำนวนผู้เสียชีวิตมากที่สุดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

จากเหตุการณ์ทั้งหมด ทำให้ชาวยิวต้องกลับมาคืนถิ่น เป็นขบวนการที่เรียกว่า ‘ไซออนิสต์’ เป็นการเข้ามาขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออกจากพื้นที่ นับเป็นเหตุการณ์ที่เป็นจุดเปลี่ยนจนถึงทุกวันนี้ และก็ยิ่งเติม ความเกลียดชังชาวยิว ในหมู่ชาวมุสลิมเพิ่มขึ้นไปอีก 

นี่ก็คือประวัติศาสตร์ของชนชาติหนึ่ง ที่ถูกเกลียดชังมาเป็นระยะเวลา 2 - 3 พันปี นับจากที่โรมันเข้ามาขับไล่ชาวยิวออกจากดินแดนปาเลสไตน์และอิสราเอลในปัจจุบันนั่นเอง 


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดพิธีถวายราชสักการะ ถวายพระพรชัยมงคล และพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณ เพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน ​เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 69 พรรษา 28 กรกฎาคม 2564

สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนดให้มีการจัดพิธีถวายราชสักการะ ถวายพระพรชัยมงคล และพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณ เพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน เนื่องในโอกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันพุธ ที่ 28 กรกฎาคม 2564 ตั้งแต่เวลา 09.30 น. เป็นต้นไป​ ณ ห้องโถง ชั้น 1 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

โดยมีพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา, พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์, พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก และ 
พล.ต.อ.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเข้าร่วมพิธี เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ 

ทั้งนี้ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) การดำเนินกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นไปตามมาตรการทางสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด​ และเนื่องในโอกาสอันเป็นมหามงคล สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอประชาสัมพันธ์เชิญชวนข้าราชการตำรวจ และลูกจ้างในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมลงนามถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของ
แผ่นดิน ประจำปี 2564 เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว​ 28ก.ค.2564​ ตั้งแต่บัดนี้​ จนถึง 31 ก.ค. 2564 ได้ทาง... 

https://web.ocsc.go.th/forking/node/add/pledge-2564-govและเชิญชวนร่วม
ลงนามถวายพระพรผ่านทาง www.saranitet.police.go.th

กระบี่ เตรียมพร้อม พื้นที่นำร่อง (เกาะพีพี-อ่าวไร่เลย์-เกาะไหง) รองรับนักท่องเที่ยวตามแผนภูเก็ตแซนด์บอกซ์

(27 ก.ค. 64) พันตำรวจโทหม่อมหลวงกิติบดี  ประวิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ลงพื้นที่ตรวจสอบความพร้อมจุดตรวจท่าเทียบเรืออ่าวน้ำเมา และจุดตรวจท่าเทียบเรือไร่เลย์ ต.อาาวนาง จ.กระบี่ ก่อนจะเปิดรับนักท่องเที่ยวในต้นเดือนสิงหาคม โดยมี นายสมชาย  หาญภักดีปฏิมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการและเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับและรายงานการตรวจคัดกรองและปฏิบัติตามมาตรการตามประกาศจังหวัด ณ จุดตรวจคัดกรอง ดังนี้ 

ต้องมีเอกสารยืนยันว่าเป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อโควิค 19 ที่กระทรวงสาธารณสุขรับรองครบตามจำนวน หรือ Astrazeneca 1 เข็มไม่น้อยกว่า 14 วัน อ ต้องมีเอกสารยืนยันผลการตรวจไม่พบเชื้อไวรัส โควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR หรือ Rapid antigen Test ไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง ยกเว้นเด็กอายุไม่เกิน 5 ปีไม่ต้องมีผลการตรวจเชื้อและให้มีการรายงานตัวที่ด่านปลายทางของจังหวัดกระบี่ ต้องใช้มาตรการความปลอดภัยที่สร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยว ควบคู่มาตรการมาตรการการดูแลประชา ชนในพื้นที่ที่เข้าออกต้อง เข้มงวดและเป็นมาตรการฐานเดียวกัน และต้องลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ของจังหวัดกระบี่กำหนด (QT14) และแสดงอกสารรับรองความจำเป็น  เอกสารเกี่ยวกับสินค้าบริการ  การเดินทาง หรือเอกสารอื่น ณ ด่านตรวจจังหวัดกระบี่

สำหรับอ่าวไร่เรย์ มีการฉีดวัคซีน 100%  ของคนในพื้นที่ ซึ่งสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว  มาตรการของจังหวัดจะเกิดสำเร็จได้ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนและประชาชนในพื้นที่ เพื่อร่วมกันสร้างความปลอดภัยในพื้นที่ได้มากขึ้น โดยผ่านการซักซ้อมอย่างถี่ถ้วนเป็นระบบภายใต้การดำเนินงานของศูนย์ปฏิบัติการ กรณีเกิดการณ์ติดเชื้อโควิค การช่วยเหลือการดูแลรวมถึงคนพื้นที่ก็จะเป็นเรื่องที่ต้องช่วยกันคิดช่วยกันดูแลอย่างทั่วถึง

ข้อมูลข่าว / ภาพ
มโนธรรม ใจหาญ จ.กระบี่ รายงาน 

นนทบุรี​ อำนวย น้อมรับคำสั่งไม่เลื่อนออกรางวัล หวั่นติดเชื้อคลัสเตอร์ใหม่

นนทบุรี อำนวยน้อมรับคำสั่งไม่เลื่อนออกรางวัลหวั่นติดเชื้อคลัสเตอร์ใหม่

นายอำนวย กลิ่นอยู่ ประธานสมาพันธ์คนพิการผู้ค้าสลากประเทศไทย น้อมรับคำสั่งกองสลาก หลังสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลออกมายืนยันไม่เลื่อนการออกรางวัลงวดประจำวันที่ 1 ส.ค.2564 ตามเดิม ส่วนงวดวันที่ 1 ก.ย.2564 ตัวแทนจำหน่ายต้องลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ ขณะที่นายอำนวยหวั่นการติดเชื้อคลัสเตอร์ใหม่ จากการค้าขายสลาก

หลังได้รับหนังสือขอเลื่อนการออกสลาก จากประธานสมาพันธ์คนพิการผู้ค้าสลากประเทศไทย นายธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการและโฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ออกมาชี้แจงว่า สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลยังคงออกรางวัลงวดประจำวันที่ 1 สิงหาคม 2564 และงวดวันที่ 16 สิงหาคม 2564 ตามปกติ

หลังมีการประกาศไม่เลื่อนออกรางวัล งวดวันที่ 1 และ 16 สิงหาคม 2564 จากคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล สมาพันธ์คนพิการผู้ค้าสลากประเทศไทยได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2 ยอมรับคำสั่งดังกล่าวแต่ยังคงเป็นห่วงการรวมตัวของผู้ค้าขายสลาก เนื่องจากอาชีพผู้ค้าสลากยังคงกระจายการจำหน่ายไปยังหลายพื้นที่ และสุ่มเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อไปสู่ผู้ซื้อสลากและประชาชนจึงขอให้เลื่อนการออกสลากออกไปเพื่อระงับยับยั้งการระบาดของเชื้อโควิด-19

นายอำนวยกล่าวว่า ตนขอแถลงการณ์วิงวอนให้สำนักงานสลาก ทราบว่าการที่ต้องออกไปขายสลากอาจเป็นจุดทำให้เป็นการแพร่กระจายของเชื้อโรคได้เนื่องจากว่าถ้าทางเราไม่รับสลาก ตามที่สำนักงานสลากกำหนดซึ่งในงวดที่สำนักงานสลากกำหนดเป็นงวดวันที่ 16 สิงหาคม เราก็อาจจะถูก ตัดสิทธิ์ได้ฉะนั้นก็เลยจำเป็นจะต้องน้อมรับแต่ว่าในความเห็นของเรา แม้ว่าจะขาดรายได้ ทางเราก็ไม่อยากจะเป็นจุดที่แพร่กระจายเชื้อโควิด เพราะว่าการขายในตลาดไม่ได้มีแต่ทางเราเท่านั้น มีคนขายหลายหมื่นถึงแสนคนถ้าคนเหล่านี้ เคลื่อนที่ออกไปอาจจะเป็นพาหะนำโรคไปก็ได้และอาจจะเป็นพาหะนำเชื้อไปสู่สังคมและครอบครัว อยากฝากคณะกรรมการกองสลากว่ากรุณานึกถึงสิ่งเหล่านี้ด้วยคำสั่งของศูนย์ศบค.ออกมาแล้วว่า ให้งดการรวมตัวงดการเคลื่อนที่และออกจากบ้านโดยไม่จำเป็น 

ภาพ-ข่าว กำพลศิลป์ วงษ์เดือน
ผู้สื่อข่าวนนทบุรี

“เฉลิมชัย” พอใจตัวเลขส่งออกสินค้าเกษตรเติบโตสูงสุดในรอบ​ 10​ ปี ผลไม้ครองแชมป์ขยายตัวสูงสุด​ 185% สั่งเร่งเครื่องปฏิรูปข้าวครบวงจรหวังทวงแชมป์คืน พร้อมปรับกลยุทธ์แก้ปัญหา​ ”มังคุด” ฝ่าวิกฤตโควิด19

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แถลงวันนี้(28 ก.ค.)ว่า ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แสดงความพอใจที่สินค้าเกษตรมีส่วนช่วยเศรษฐกิจสามารถสร้างรายได้เข้าประเทศในเดือนมิถุนายน 71,473.5 ล้านบาท โดยมีอัตราการขยายตัวสูงถึง 59.8% 

นับเป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบ 10 ปี และเป็นการขยายตัว 9 เดือนต่อเนื่องโดยผลไม้ครองแชมป์การส่งออกที่อัตราเติบโตสูงสุดถึง 185.10% โดยราชาแห่งผลไม้คือทุเรียนขยายตัว 172% และราชินีแห่งผลไม้คือมังคุดขยายตัว 488.26% เป็นการทำลายสถิติการส่งออกในอดีตที่ผ่านมา ตามมาด้วย การส่งออกยางพาราขยายตัว 111.9% มันสำปะหลังขยายตัว 81.5%

สำหรับการส่งออกข้าวที่มีตัวเลขติดลบทั้งปริมาณและมูลค่านั้น รัฐมนตรีเกษตรฯ.ถือเป็นวาระเร่งด่วนในการแก้ปัญหาและได้สั่งการให้กระทรวงเกษตรฯ​ เร่งปฏิรูปข้าวแบบครบวงจรเพื่อสร้างศักยภาพใหม่หวังที่จะทวงแชมป์กลับคืนมาโดยใช้​ "5​ ยุทธศาสตร์ปฏิรูปเกษตร​ 4.0” เป็นหัวใจของการพัฒนาโดยนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาสร้างการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่การผลิต การแปรรูปและการตลาดภายใต้ยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิตโดยบูรณาการความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับกระทรวงพาณิชย์ สมาคมชาวนาและทุกภาคีภาคส่วน

นอกจากนี้ยังสั่งการให้คณะกรรมการบริหารจัดการผลไม้(Fruit Board)ปรับแผนกลยุทธ์รับมือกับผลกระทบจากโควิด19

โดยเฉพาะลำไยภาคเหนือและผลไม้ภาคใต้ช่วงฤดูพีคสูงสุดในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม​ ซึ่งเริ่มเห็นผลกระทบจากมาตรการโควิด19​ รุนแรงมากขึ้น​ เช่น​ มังคุดในภาคใต้​ แม้ความต้องการของตลาดยังสูงอยู่แต่กลไกการค้าและการขนส่งเพื่อส่งออกติดขัดอย่างมากทำให้การนำมังคุดจากสวนไปสู่ตลาดจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุดเกิดปัญหาตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคมเป็นต้นมาและให้ฟรุ้ทบอร์ดออก​ 7​ มาตรการเพิ่มเติมเพื่อเร่งแก้ไขปัญหาโดยด่วน

นายอลงกรณ์​ กล่าวต่อไปว่า 
ระหว่างวันที่​ 28-29​ กรกฎาคมนี้ นายสินิตย์  เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์และนายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการผลไม้(ฟรุ้ทบอร์ด)และคณะได้ลงพื้นที่จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานีและนครศรีธรรมราชเพื่อเร่งรัดการแก้ไขปัญหามังคุดราคาตกต่ำตามข้อสั่งการของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพาณิชย์และดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

สำหรับตัวเลขการส่งออกเดือนมิถุนายน 2564 มีมูลค่า 23,699.43 ล้านเหรียญสหรัฐฯหรือ 738,135.34 ล้านบาท ขยายตัวสูงถึง 43.82% ถือเป็นการเติบโตสูงสุดในรอบ 11 ปี โดยมีสินค้าสำคัญที่มีอัตราการขยายตัวสูงสุด5อันดับแรกได้แก่ 1.ผลไม้ขยายตัว 185.10% 2.อัญมณีและเครื่อง ด้วยมูลค่า ประดับ ขยายตัว 90.48% 3.รถยนต์และอุปกรณ์ชิ้นส่วนยานยนต์ ขยายตัว 78.5% 4.เครื่องจักรกล ขยายตัว 73.13% และ5.เคมีภัณฑ์ขยายตัว 59.82% ประการสำคัญคือ ตลาดหลักและตลาดรองมีอัตราการขยายตัวทุกตลาดโดยตลาดหลักขยายตัว 41.2% ประกอบด้วยจีน ญี่ปุ่น สหรัฐฯ สหภาพยุโรป  CLMV อาเซียน เป็นต้น ส่วนตลาดรองขยายตัว 49.5% ได้แก่ เอเชียใต้ อินเดีย ศรีลังกา บังกลาเทศ ตลาดตะวันออกกลาง แอฟริกา ลาติน ออสเตรเลีย เป็นต้น

(กระบี่)​ ร.15 พัน.1 จัดกิจกรรม 'มีแล้วแบ่งปัน'​ มอบหน้ากากอนามัยและสเปรย์แอลกอฮอล์ให้ชาวคลองท่อม

(28 ก.ค. 64) พ.อ.ธนพล นุ้ยสุข ผบ.ร.15 พัน.1 จัดกำลังพลลงพื้นที่ตั้งจุดบริการมอบหน้ากากอนามัยและสเปรย์แอลกอฮอล์แบบพกพาสำหรับล้างมือให้กับพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนที่สัญจรไป-มาในพื้นที่ตลาดสดเทศบาลตำบลคลองท่อมใต้ อ.คลองท่อม จ.กระบี่

ทั้งนี้เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2564 รวมถึงเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (Covid-19) 

และเพื่อเป็นการลดการสัมผัส ทางหน่วยได้นำโต๊ะมาวางหน้ากากอนามัย และให้ประชาชนหยิบ ตามมาตรการในการป้องกันโรค Covid-19 ต่อไป

"อย่างไรก็ตาม เราจะร่วมเป็นกำลังใจให้ประชาชนร่วมฝ่าฟันวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ไปได้ด้วยกัน" พ.อ.ธน​พล​ กล่าว

ข้อมูลข่าว / ภาพ
มโนธรรม ใจหาญ จ.กระบี่ รายงาน 

สกพอ. จับมือ BOI TARA และ TRUE เดินหน้ายกระดับภาคอุตสาหกรรมไทยสู่ industry 4.0 ด้วยเทคโนโลยี 5G ในพื้นที่อีอีซี

(27 ก.ค. 64) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) สมาคมผู้ประกอบการระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ไทย (TARA) และ บริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จัดงานสัมมนาออนไลน์ (Webinar) ในหัวข้อ “Smart Industry 4.0 & Digital Transformation Technology by 5G” เป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์และแนวทางการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี 5G ในภาคอุตสาหกรรมแก่ผู้ประกอบการในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

ดร.ชิต เหล่าวัฒนา ที่ปรึกษาพิเศษด้านพัฒนาการศึกษา บุคลากร และเทคโนโลยี สกพอ. เปิดเผยว่า ความสำคัญในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในภาคอุตสาหกรรม ในแง่มุมด้านการเชื่อมโยงและวิเคราะห์ข้อมูลภายในโรงงานเพื่อพัฒนาสู่ industry 4.0 และแนะนำเพิ่มเติมถึง ศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน หรือ SMC (Sustainable Manufacturing Center) ซึ่งเป็นโครงการนำร่องภายใต้การพัฒนาเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) โดย SMC จะทำหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการในเชิงเทคนิค ซึ่งจะเป็นหนึ่งในหน่วยงานสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาด้าน industry 4.0 ในพื้นที่ EEC

โดยงานสัมมนาในครั้งนี้ ได้ประชาสัมพันธ์ถึงแนวทางการส่งเสริมการลงทุนด้าน industry 4.0 และ digital transformation จาก BOI เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการเล็งเห็นถึงความคุ้มทุนและตัดสินใจลงทุนด้านเทคโนโลยีดิจิทัลได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ในด้านของสมาคมผู้ประกอบการระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ไทย หรือ TARA ได้มาพูดถึงจุดประสงค์ของสมาคมที่จะเป็นศูนย์กลางของผู้ซื้อและผู้ขาย สร้างความร่วมมือกันระหว่างสมาชิกของสมาคม หน่วยงาน และองค์กรอื่น ๆ ทั้ง ภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ รวมถึงวิชาชีพอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ ภายในงาน ทาง TrueBusiness ได้ยกตัวอย่างการนำเทคโนโลยีด้าน 5G และนวัตกรรมเพื่อส่งเสริมธุรกิจรูปแบบต่าง ๆ อาทิ AI unmanned vehicle, การเชื่อมต่อข้อมูลอุปกรณ์ IoT และส่งข้อมูลไปเก็บเพื่อประมวลผลบนระบบ cloud ด้วยโครงข่าย 5G ซึ่งจะช่วยผู้ประกอบการในการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตได้ อีกทั้ง TrueBusiness เองเป็นผู้เชี่ยวชาญที่สามารถให้คำแนะนำแก่องค์กรที่สนใจนำเทคโนโลยีไปปรับใช้ในการผลิตและดำเนินการต่าง ๆ รวมถึงให้บริการออกแบบและติดตั้งโซลูชันตั้งแต่ต้นจนจบตามความต้องการของแต่ละธุรกิจ

ทั้งนี้ สกพอ. พร้อมร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและเอกชนในการสนับสนุนการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมไทยสู่ industry 4.0 ด้วยเทคโนโลยี 5G อย่างเต็มที่ โดยตั้งเป้าหมายในการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์เรื่อง industry 4.0 & 5G แก่ผู้ประกอบการในเขตพื้นที่ EEC อย่างต่อเนื่อง และจะขยายผลสู่ระดับประเทศในลำดับต่อไป


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

กระทรวงสาธารณสุข ยืนยัน วัคซีนไฟเซอร์จากสหรัฐฯ จะจัดสรรให้บุคลากรด่านหน้าก่อน 5 แสนโดส ที่เหลือจัดสรรให้กลุ่มเสี่ยง

จากกรณีที่มีข่าวว่าวัคซีนไฟเซอร์ล็อตที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา จำนวน 1.5 ล้านโดส ที่จะเข้าไทยในเดือนกรกฎาคมนี้ ต่อมามีการประกาศว่าจะฉีดให้แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเป็นลำดับแรก ประมาณกว่า 5 แสนโดส

ซึ่งระหว่างนั้น มีกระแสข่าวให้สับสนว่า การฉีดให้บุคลากรข้างต้นอาจจะเหลือ 2-3 แสนโดส และกล่าวหาว่ามีการขโมยวัคซีน กลายเป็นเรื่องใหญ่ที่สังคมวิจารณ์

รวมทั้งล่าสุด ยังมีบางกลุ่มไปยื่นจดหมายเปิดผนึก ต่อสถานทูตสหรัฐอเมริกาเพื่อขอให้ตรวจสอบการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ (Pfizer) จำนวน 1.5 ล้านโดส อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ทางกระทรวงสาธารณสุข โดย นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ ที่ปรึกษาระดับกระทรวง และโฆษกกระทรวงสาธารณสุขได้ออกมายืนยันแล้วว่า...

วัคซีนไฟเซอร์ล็อตแรก จำนวน 1.54 ล้านโดส จะเข้ามาภายในเดือนกรกฎาคมนี้ เริ่มฉีดต้นเดือนสิงหาคม 2564 ในกลุ่มบุคลากรการแพทย์และสาธารณสุข บุคลากรด่านหน้า ไม่น้อยกว่า 5 แสนโดส ที่เหลือจัดสรรไปยังกลุ่มเสี่ยง พื้นที่เสี่ยงอื่น ๆ และเพื่อควบคุมการระบาดในพื้นที่

“ข่าวการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ให้กับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ด่านหน้าเหลือ 2 แสนโดสนั้น ขอย้ำไม่เป็นความจริง การจัดสรรวัคซีน กระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญของบุคลากรด้านการแพทย์และด่านหน้า เพื่อธำรงรักษาระบบสาธารณสุขของประเทศรับมือกับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 บุคลากรด่านหน้าทุกคนต้องได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน”

เท่ากับว่า ไม่มีการขโมยวัคซีนไฟเซอร์ เพราะวัคซีนที่นอกเหนือจากการจัดสรรให้แพทย์ พยาบาล บุคลากร สาธารณสุขด่านหน้าแล้ว อีกส่วนจะถูกจัดสรรไปให้กับ กลุ่มผู้สูงอายุ, ผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง, หญิงตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป, ชาวต่างชาติ เน้นผู้สูงอายุและผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง และ คนไทยที่จำเป็นต้องเดินทางไปต่างประเทศ คือ นักเรียน, นักศึกษา, นักกีฬา และนักการทูต ซึ่งเป็นไปตามการรายงานของ พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าวไว้เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา

เท่ากับวัคซีนไฟเซอร์ ที่กำลังจะมาถึงนั้น ทีมสาธารณสุข เป็นกลุ่มที่ได้รับมากที่สุดกว่า 5 แสนโดส ก่อนจะกระจายให้กลุ่มอื่น ๆ ตามที่ระบุไว้ข้างต้น

ดังนั้น ขอย้ำว่า "ไม่มีการขโมยวัคซีนจากมือแพทย์ พยาบาล และบุคลากรด่านหน้าอย่างแน่นอน"

สำหรับเรื่องนี้ ทางด้าน ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และที่ปรึกษาด้านการสื่อสาร ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ได้เคยโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก Warat Karuchit แจกแจงไปเมื่อ 25 ก.ค. 64 ความว่า...

สธ.แถลง อย่างเป็นทางการแล้วครับ ก็ประมาณที่เราพูดกันไป สำหรับวัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดส

1.) ยืนยันว่า ข่าวที่ว่าวัคซีนไฟเซอร์สำหรับบุคลากรการแพทย์ เหลือแค่ 2 แสนโดส เป็น "ข่าวปลอม"

2.) อย่างน้อย 5 แสนโดส จัดสรรให้กับบุคลากรทางการแพทย์ บวกด้วย จำนวนที่เกิน

3.) เป็นความสมัครใจ ไม่มีการบังคับฉีดยี่ห้ออะไรทั้งสิ้น

4.) ผลการทดสอบประสิทธิผล พบกว่า SV+SV+AZ สูงกว่าทุกแบบ รวมทั้ง PZ+PZ ด้วย

5.) ไม่มีการเรียกเก็บเงินใด ๆ ทั้งสิ้น

6.) นอกจากบุคลากรทางการแพทย์ วัคซีนไฟเซอร์ล็อตนี้จะจัดสรรไปยังกลุ่มเสี่ยง พื้นที่เสี่ยง (และกลุ่มอื่น ๆ เช่น ชาวต่างชาติ) ไม่มี VIP หรือ VVIP ใด ๆ

7.) ไม่มีวัคซีนหายใด ๆ ทั้งสิ้น (ยังไม่มา จะหายได้ไง?!)


ที่มา : https://mgronline.com/politics/detail/9640000073407

https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=4802334673115467&id=100000169455098


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top