Tuesday, 8 July 2025
Hard News Team

'บิณฑ์ - เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์'​ ดาราคู่ขวัญ ปันสุข ให้ประชาชนชาว 'บ้านเอื้ออาทรบางใหญ่ซิตี้'​ (นนทบุรี)

(7 ส.ค.64)​ หมู่บ้านเอื้ออาทรบางใหญ่ซิตี้ ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี "นายบิณฑ์ - เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์" ดารานักแสดงชื่อดัง /นายวัฒนา ภู่โอบอ้อม (ต๋อง ศิษย์ฉ่อย) นักสนุกเกอร์ระดับโลก / นายสุรศักดิ์ ศรีเพ็ชร (เค เยาวราช) วีรบุรุษจิตอาสา / นายสุขสันต์ ไชยมาตร (ยาว ลูกหยี) นักแสดงตลกชื่อดัง พร้อมด้วยเหล่า อาสาสมัคร "มูลนิธิ ร่วมกตัญญู" จัดกิจกรรมช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณ​ "หมู่บ้านเอื้ออาทรบางใหญ่ซิตี้" นำปลากระพง (สดใหม่) มาบริการในราคาต่ำกว่าท้องตลาดมาก สืบเนื่อง ได้รับร้องขอความช่วยเหลือ "ผู้เลี้ยงปลากระพง" อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ กำลังประสบปัญหาได้รับผลกระทบจากสถานการณ์วิกฤตเชื่อไวรัสโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ และภาครัฐได้ขอร่วมถาคประชาชน ร้านค้า ร้านอาหาร งดให้บริการสำหรับลูกค้านั่งรับประทานอาหารภายในร้าน จึงไม่มีใครมาซื้อปลากระพง และประกอบด้วย "ปลากระพง" มีขนาดใหญ่ถึงเวลาที่จะต้องจับขายแล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครมาซื้อ จึงติดต่อขอความช่วยเหลือให้ “บิณฑ์-เอกพัน” รับซื้อปลากระพง ในราคากิโลกรัมละ 90 บาท จำนวนรวมๆกว่า 3,000 กิโลกรัม 

ในการนี้ "บิณฑ์ - เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์" ดาราคู่ขวัญใจประชาชนและวีรบุรุษจิตอาสา จึงเป็น"สะพานบุญ" รับซื้อ "ปลากระพง" ทั้งหมด และมีแนวความคิดที่อยากจะแบ่งปันจากบุญสู่บุญ นำปลากระพงที่รับซื้อมานั้นไปจำหน่ายต่ำกว่าราคาต้นทุนที่รับซื้อมาถึง 50% หรือ 2 กิโล 100 บาท ให้กับพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ของบ้านเอื้ออาทรต่างๆ โดยดำเนินการมาแล้วกว่า 15 แห่ง ซึ่งเจตนารมย์หลักของกิจกรรมในครั้งนี้ก็เพื่อเป็นการช่วยเหลือพี่น้อง"ผู้เลี้ยงปลากะพง" และยังสามารถเป็นสะพานบุญนำปลากระพงสดๆ ให้ประชาชนที่มีรายได้น้อย และกำลังประสบปัญหา ตกงาน ขาดรายได้ สามารถเข้าถึงการบริโภคอาหารที่มีคุณภาพดี มีประโยชน์ ราคาถูกมากๆ และสร้างรอยยิ้มให้กับคนในครอบครัวที่จะนำปลาไปประกอบอาหาร และรับประทานกันอย่างมีความสุข

อีกทั้งยังเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของกลุ่ม "ผู้เลี้ยงปลากระพง" ให้สามารถ มีเงินทุนไว้เพื่อประกอบอาชีพได้ในภายภาคหน้า 

ท้ายนี้ "นายชัยพร ภูผารัตน์" ผู้อำนวยการสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย และ "นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล" นายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทย ได้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วยและยังได้กล่าว ขอบพระคุณ คุณบิณฑ์ - เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ / กลุ่มดาราศิลปินตลก / นักกีฬาสนุกเกอร์ระดับโลก / เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู / เจ้าที่ภาครัฐ /ผู้นำชุมชน ที่ได้เสียสละ กำลังกาย กำลังทรัพย์ ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนคนไทยให้อยู่รอดปลอดภัย จากสถานการณ์ covid_19 นี้ไปด้วยกัน

'โกมล​ จึงรุ่งเรืองกิจ'​ เจ้าของแบรนด์รองเท้าดัง​ 'แอโร่ซอฟ'​ มอบเงินกว่า 1 ล้านบาท ช่วยเหลือ รพ.บางพลี ฝ่าวิกฤต Covid-19

บริเวณอาคาร ช้น 1 โรงพยาบาลบางพลี  อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ พล.ต.ต.สมนึก บุรมิ ที่ปรึกษา บริษัท ซัมมิท ฟุตแวร์ จำกัด เป็นตัวแทน คุณโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานกรรมการบริหารบริษัท ซัมมิต ฟุตแวร์ จำกัด  พร้อมด้วย คุณดารุณี วงษ์ชาลี ผู้จัดการ  บริษัท ซัมมิต ฟุตแวร์ จำกัด และคณะได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลบางพลี สมุทรปราการ  เพื่อเป็นตัวแทนนำสิ่งของที่จำเป็นไปมอบให้กับบุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลบางพลี สมุทรปราการ พร้อมทั้งมอบเงินสดอีก จำนวน 1,000,000 บาท แก่ทางโรงพยาบาลบางพลีเพื่อนำไปใช้ประโยขน์ทางการแพทย์

โดยสิ่งของที่นำมามอบให้กับทางโรงพยาบาลบางพลีนั้น ประกอบไปด้วย เฟสชิว จำนวน  2,000 ชิ้น หน้ากากอนามัย จำนวน 700 กล่อง  แอลกอฮอล์ ขนาด 500 มิลลิลิตร จำนวน 400 ขวด ถุงมือทางการแพทย์ จำนวน 15 ลัง และเงินสดอีก จำนวน 1,000,000 บาท รวมถึงของใช้ที่จำเป็นอีกหลายรายการ โดยมีนายแพทย์ พิเชษฐ์ พัวพันกิจเจริญ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบางพลี สมุทรปราการ ให้การต้อนรับและเป็นตัวแทนรับมอบ พร้อมด้วย  แพทย์หญิง ธิดา สกุลพิพัฒน์ รองผู้อำนวยการด้านปฐมภูมิ โรงพยาบาลบางพลี และคณะเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลบางพลี ร่วมให้การต้อนรับ

เนื่องจาก ทางผู้บริหาร บริษัท ซัมมิต ฟุตแวร์  จำกัด โดยคุณโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานกรรมการบริหารบริษัท ซัมมิต ฟุตแวร์ จำกัด  ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าแบรนด์ดัง “แอโร่ซอฟ” ที่เห็นถึงความสำคัญของบุคลากรทางการแพทย์ ที่ยังคงปฎิบัติหน้าที่อย่างเหน็ดเหนื่อยในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงมีการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องและแพร่กระจายไปในหลายพื้นที่ จึงได้มอบเงินสด จำนวน 1,000,000 บาท พร้อมทั้งสิ่งของที่จำเป็นอีกหลายรายการนำไปมอบให้กับทางโรงพยาบาลบางพลี เพื่อส่งต่อให้กับบุคลากรทางการแพทย์เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป

อีกทั้งยังเป็นการแสดงออกถึงความห่วงใยที่มีต่อบุคลากรทางการแพทย์ และเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายในการปฎิบัติหน้าที่ดูแลรักษาผู้ป่วย เนื่องจากพื้นที่บางพลียังคงมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19  อย่างต่อเนื่องและมีจำนวนประชาชนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น   

อย่างไรก็ตาม ทางโรงพยาบาลบางพลี ต้องขอขอบคุณและขอชื่นชมในความห่วงใยและความมีน้ำใจของทางผู้บริหาร บริษัท ซัมมิต  ฟุตแวร์ จำกัด ที่มอบเงินสดและสิ่งของที่จำเป็นแก่ทางโรงพยาบาลบางพลี  สมุทรปราการ ในครั้งนี้เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

'พระบรมมหาราชวัง-ความศักดิ์สิทธิ์-รากฐานของชาติ'​ | MEET THE STATES TIMES EP.6

???? วันนี้ตามคุณหยก​ ไปหยั่งรากแห่ง 'พระบรมมหาราชวัง-ความศักดิ์สิทธิ์-รากฐานของชาติ'​
???? ตามดูอีกศูนย์รวมทางจิตใจของคนไทย​ ที่ไม่อยากให้ใครบางกลุ่มมองเป็นเพียงวัตถุฐาน​ และคิดน้อย​ กระทำการในสิ่งมิบังควร... 

ในรายการ MEET THE STATES TIMES

ดำเนินรายการโดย หยกTHE STATES TIMES
.

.


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

รองโฆษกรัฐบาล เผย ซุปเปอร์ไรเดอร์ ส่งยาด่วน ให้ผู้ป่วยสีเขียว เป็นอาสาสมัครช่วยสธ. เผย ชุดตรวจATKจากสวิตเซอร์แลนด์ กระจายไปหลายจังหวัด

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "แจงให้เคลียร์กับทีมโฆษกรัฐบาล" ถึงกรณีหน่วยส่งยาด่วน “super rider” (ซุปเปอร์ไรเดอร์) เป็นอาสาสมัครที่เข้ามาช่วยกระทรวงสาธารณสุขในการจัดส่งยาด่วน โดยมีหน้าที่ส่งยาให้ผู้ป่วยกลุ่มที่ไม่มีอาการหรือมีอาการน้อยเป็นกลุ่มสีเขียว ซึ่งชุดที่ส่งจะประกอบด้วย ยาพารา ยาฟ้าทะลายโจร ปรอทวัดไข้เครื่อง วัดออกซิเจนแอลกอฮอล์และหน้ากากอนามัย เป็นหนึ่งโครงการดีๆที่ประชาชนมีจิตอาสามาช่วยกัน

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องการได้รับชุดการตรวจหาเชื้อแบบแอนติเจน เทสต์ คิท (เอทีเค) มาจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ว่า ในตอนนี้มีการกระจายชุดตรวจเพื่อเตรียมให้กับผู้ที่ต้องตรวจด้วยตัวเอง โดยชุดตรวจเอทีเคส่งให้กับกทม. 200,000 ชุด จังหวัดนนทบุรีและปทุมธานีได้รับ 75,000 ชุด พระนครศรีอยุธยา, สมุทรสาคร, นครปฐม, ชลบุรี, สมุทรปราการและฉะเชิงเทรา ได้รับ 70,000 ชุด จังหวัดนราธิวาส, ปัตตานี, ยะลา และสงขลา ได้รับ 45,000 ชุด มีสำรองที่กระทรวง 150,000 ชุด รวมทั้งสิ้นครบ 1.1 ล้านชุด

รอชง “บิ๊กตู่” ไฟเขียวประกันข้าว 8.8 หมื่นล. 23 ส.ค.นี้

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์  รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติด้านการตลาด ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้เดินหน้าโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีที่ 3 ฤดูกาลผลิตปี 2564/65 พร้อมมาตรการคู่ขนานเพื่อพยุงราคาข้าวเปลือกต่อไป โดยใช้กรอบงบประมาณดำเนินการ 8.8 หมื่นล้านบาท ทั้งโครงการประกันและมาตรการคู่ขนาน โดยขั้นตอนจากนี้จะเสนอให้กับที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.)ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน พิจารณาในวันที่ 23 ส.ค.นี้ พิจารณาต่อไป 

สำหรับการดำเนินโครงการในปีการผลิตนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ตั้งงบประมาณที่ขอสูงขึ้นจากปีก่อนที่ตั้งไว้ 48,000 ล้านบาท เนื่องจากคาดการณ์ว่าปริมาณข้าวที่ออกมาในฤดูการผลิตใหม่ จะมีมากถึง 26 ล้านตัน หรือเพิ่มจากปีก่อน5% ซึ่งวงเงินนี้จะขอเอาไว้เป็นกรอบเบื้องต้นก่อน

สำหรับโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิตใหม่ เบื้องต้นยังคงประกันราคาข้าวเปลือก 5 ชนิดไว้เท่าเดิมเหมือนกับปีที่แล้ว ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลิตันละ 15,000 บาท  ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 14,000 บาทข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 10,000 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 11,000 บาท และข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 12,000 บาท 

ซูเปอร์โพล เผยประชาชน 97.4% รู้ทันม็อบ 7 ส.ค. ชี้!! 99.2% หวั่นเกิดคลัสเตอร์แพร่โควิดเพิ่มขึ้น

ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจภาคสนาม และประมวลผลข้อมูลการศึกษา เรื่อง ประชาชน รู้ทัน ม็อบ 3 นิ้ว 7 สิงหาคม กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 2,772 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 1-5 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา

ผลสำรวจพบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 97.4 รู้ทันว่า มีขบวนการอยู่เบื้องหลัง ม็อบ 3 นิ้ว ต้องการให้เกิดความรุนแรง ร้อยละ 97.2 รู้ทันว่า ม็อบ 3 นิ้ว 7 สิงหาคม ต้องการให้เกิดการขยายผลความแตกแยก เผชิญหน้ากันด้วยข้อความสร้างความเกลียดชัง (Hate Speech) ระดมคนกันมาข่มขู่ คุกคามผู้อื่น ทำร้ายผู้อื่นในโลกโซเชียล ร้อยละ 97.1 รู้ทันว่า มีความพยายามให้เกิดเผชิญหน้า ระหว่างกลุ่มคนสุดขั้ว 2 กลุ่ม คือ กลุ่มม็อบ 3 นิ้ว กับ กลุ่มปกป้องสถาบัน

ร้อยละ 97.0 รู้ทันว่า มีขบวนการออกแบบให้เกิดความรุนแรงบานปลายจากการเผชิญหน้า ดึงทหารออกมาล้อมปราบ เกิดความสูญเสีย เข้าทางเข้าเกมฝ่ายตรงข้าม และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 94.1 รู้ทันว่า กระแสที่ปั่นกันในโลกโซเชียลถูกปั่นจากต่างชาติ และมีคนรับจ้างปั่นยอดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ชี้นำผู้คนในโซเชียลมีเดียให้คล้อยตามการแบ่งขั้วสุดขั้วเพื่อเกิดการปะทะ

ที่น่าเป็นห่วง คือ ร้อยละ 99.2 กังวลต่อการเกิดคลัสเตอร์แพร่ระบาดโควิดเพิ่มขึ้น ซ้ำเติมปัญหาให้บุคลากรทางการแพทย์ไม่สามารถช่วยเหลือประชาชนได้ ร้อยละ 98.7 กังวลต่อข่าวความรุนแรง ด้วยระเบิด การเผาทำลายต่าง ๆ จะซ้ำเติมความบอบช้ำวิกฤตของชาติและประชาชน ร้อยละ 97.4 เชื่อว่ามีขบวนการท่อน้ำเลี้ยงจากต่างชาติ นักการเมือง กลุ่มนายทุน ให้กลุ่มผู้ชุมนุม ร้อยละ 97.1 ระบุ ความรุนแรง และการสูญเสียจะทำลายงบประมาณภาษีของประชาชน และร้อยละ 97.1 เช่นกัน ระบุ กังวลต่อความรุนแรงบานปลาย และความสูญเสีย

ที่น่าพิจารณา คือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 98.7 ระบุ ม็อบต้องหยุดคุกคามสถาบันหลักของชาติ ร้อยละ 98.5 ระบุ มีวิธีอื่นแก้ปัญหาชาติด้วยสันติวิธีและสร้างสรรค์มากกว่า และร้อยละ 97.5 ระบุ ไม่เห็นประโยชน์จาก การชุมนุมด้วยความรุนแรง

ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า โพลชิ้นนี้สะท้อนว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ไม่เห็นด้วยกับม็อบที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านอำนาจรัฐ และสถาบันหลักของชาติโดยมองว่า เสี่ยงต่อการเกิดคลัสเตอร์กลุ่มใหญ่แพร่เชื้อโควิดซ้ำเติมวิกฤตเดือดร้อนของประชาชนสร้างภาระความเหนื่อยยากให้กับบุคลากรทางการแพทย์ในการดูแลผู้ป่วยติดเชื้อมากขึ้น

“ที่น่าพิจารณายิ่ง คือ ม็อบนิยมความรุนแรงกำลังทำลายรากฐานของประเทศ ประชาชนไม่เห็นด้วยต่อการล่วงละเมิดสถาบัน แสดงความหยาบคาย คุกคามสถาบันฯ คุกคามผู้อื่น เบียดเบียนผู้อื่น ไม่มีสัมมาคารวะโดยยั่วยุสร้างความเกลียดชัง อาฆาตมาดร้าย อันเป็นเหตุให้เกิดความไม่พอใจของประชาชนส่วนใหญ่ และเกิดความแตกแยกสู่การเผชิญหน้าของคนในชาติสร้างความสูญเสียเข้าทางเกมแย่งชิงอำนาจของต่างชาติที่เข้ามาครอบครองทรัพยากรและผลประโยชน์ชาติของคนไทยในที่สุด” ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าว

ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวต่อว่า ประชาชนส่วนใหญ่ยังเห็นร่วมกันถึงการปลุกปั่นกระแสความเกลียดชัง และการเผชิญหน้าด้วยการบิดเบือน ดราม่า สร้างภาพ และลดทอนความน่าเชื่อถือของเจ้าหน้าที่รัฐ มุ่งหวังให้เจ้าหน้าที่ความมั่นคงขาดความน่าเชื่อถือ และชอบธรรม ในการใช้อำนาจรัฐออกมาปกป้องสถาบัน และผลประโยชน์ของชาติ

“ที่สำคัญ ประชาชนส่วนใหญ่ ไม่เห็นประโยชน์กับการสร้างสถานการณ์ และการใช้ความรุนแรง ที่นำมาซึ่งความเสียหายทางกายภาพ และจิตใจ รวมทั้งผลกระทบทางสังคม และภาระงบประมาณ ซึ่งมีผลซ้ำเติมกับวิกฤตเศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นของต่างประเทศ  นอกจากนั้นประชาชนส่วนใหญ่ ยังสะท้อนให้เห็นถึงการต่อสู้ของม็อบที่ขัดต่ออุดมการณ์ทางการเมือง และหลักการประชาธิปไตยที่สร้างสรรค์ โดยเฉพาะการไม่เคารพกฎหมาย ที่เป็นกติกาของการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขของทุกคนในสังคม” ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าว


ที่มา : https://www.naewna.com/politic/593067


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ศาลแพ่งสั่งคุ้มครองชั่วคราวข้อกำหนดฯ ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฉ.29 ชี้การระบุห้ามแพร่ข้อความสร้างความหวาดกลัว มิได้จำกัดเฉพาะเรื่องเท็จ เป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพ มีลักษณะไม่แน่ชัด รวมถึงการปิดกั้น IP Address ขัด รธน.

ศาลแพ่งสั่งคุ้มครองชั่วคราวข้อกำหนดฯ ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฉ.29 ชี้การระบุห้ามแพร่ข้อความสร้างความหวาดกลัว มิได้จำกัดเฉพาะเรื่องเท็จ เป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพสื่อ-ประชาชน มีลักษณะไม่แน่ชัด-ขอบเขตกว้าง ทำให้ไม่มั่นใจในการแสดงความเห็น-สื่อสาร รวมถึงการปิดกั้น IP Address ขัด รธน.ด้วย

จากกรณีเมื่อวันที่ 2 ส.ค. 64 ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก สื่อมวลชนและประชาชน นำโดย The Reporters, Voice, The Standard, The Momentum, THE MATTER, ประชาไท, Dem All, The People, way magazine, PLUS SEVEN และประชาชนเบียร์ พร้อมทีมทนายความจากภาคีนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน รวมตัวยื่นฟ้อง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และเป็นผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กรณีออกข้อกำหนดฉบับที่ 29 ให้อำนาจ กสทช. ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตผู้โพสต์ข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว เป็นการออกคำสั่งโดยไม่มีอำนาจ ไม่มีความจำเป็น ไม่ได้สัดส่วน และขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 พร้อมกับยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉินเพื่อคุ้มครองเสรีภาพประชาชนด้วย ต่อมาศาลแพ่งนัดฟังคำสั่งไต่สวนฉุกเฉินคดีดังกล่าวในวันที่ 6 ส.ค. 64 นั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 64 ศาลแพ่งได้ออกนั่งพิจารณาไต่สวนพยานหลักฐานแล้วมีคำสั่งอันสรุปใจความได้ว่า ข้อกำหนดฯ ข้อ 1 ที่ห้ามเผยแพร่ข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว มิได้จำกัดเฉพาะข้อความอันเป็นเท็จ ดังเหตุผลและความจำเป็นตามที่ระบุไว้ในการออกข้อกำหนดดังกล่าว ย่อมเป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของโจทก์ทั้ง 12 และประชาชนที่รัฐธรรมนูญปี 2560 บัญญัติคุ้มครองไว้ ทั้งยังไม่ต้องด้วยข้อกำหนดฯ ที่ระบุว่า จำเป็นต้องมีมาตรการที่กำหนดให้การใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกเป็นไปอย่างมีเหตุผล ถูกต้องตามข้อเท็จจริงตามกรอบที่รัฐธรรมนูญกำหนด

ทั้งข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัวตามข้อกำหนดฯ ดังกล่าวนั้น มีลักษณะไม่แน่ชัดและขอบเขตกว้าง ทำให้โจทก์ทั้ง 12 ประชาชน และผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนไม่มั่นใจในการแสดงความคิดเห็นและสื่อสารตามเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 34 วรรคหนึ่ง และ 35 วรรคหนึ่ง บัญญัติคุ้มครองไว้ นอกจากนี้ยังเป็นการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอันเกินแก่สมควร ไม่ต้องด้วยมาตรา 26 วรรคหนึ่ง แห่งรัฐธรรมนูญ

ทั้งข้อกำหนดฯ ดังกล่าว ไม่ได้กำหนดหลักเกณฑ์หรือแนวทางในการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อมิให้มีการปฏิบัติที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่โจทก์ทั้ง 12 หรือประชาชนเกินสมควรแก่เหตุ ตามความในมาตรา 9 วรรคสอง แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ส่วนข้อกำหนดฯ ข้อ 2 ที่ให้อำนาจระงับการให้บริการอินเทอร์เน็ตแก่เลขที่อยู่ไอพี (IP Address) ที่มีการเผยแพร่ข้อความหรือข่าวสารในอินเทอร์เน็ตที่ฝ่าฝืนข้อกำหนดฯ ไม่ปรากฏว่ามาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ให้อำนาจนายกรัฐมนตรีออกข้อกำหนดให้ดำเนินการระงับการให้บริการอินเทอร์เน็ต จึงเป็นข้อกำหนดที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย อินเทอร์เน็ตมีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 และรัฐสั่งปิดพื้นที่ หรือล็อกดาวน์จำกัดการเดินทาง หรือการพบปะระหว่างบุคคล ทั้งข้อกำหนดฯ ข้อดังกล่าวมิได้จำกัดเฉพาะการระงับการให้บริการอินเทอร์เน็ตสำหรับการกระทำครั้งที่เป็นเหตุแห่งการระงับให้บริการอินเทอร์เน็ตเท่านั้น แต่ยังระงับการให้บริการอินเทอร์เน็ตในอนาคตด้วย ปิดกั้นการสื่อสารของบุคคล และเป็นการปิดกั้นสุจริตชนผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเผยแพร่ข้อความหรือข่าวสารดังกล่าว ไม่ต้องด้วยมาตรา 36 วรรคหนึ่ง แห่งรัฐธรรมนูญ

การให้ข้อกำหนดฯ ทั้ง 2 ข้อดังกล่าว มีผลบังคับใช้ต่อไป อาจทำให้เกิดความเสียหายที่ยากแก่การเยียวยาแก้ไขในภายหลังได้ กรณีมีเหตุจำเป็นเห็นเป็นการยุติธรรม และสมควรในการนำวิธีชั่วคราวก่อนพิพากษามาใช้เพื่อเป็นการระงับการบังคับใช้ข้อกำหนดฯ ทั้ง 2 ข้อดังกล่าว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254 (2) มาตรา 255 (2) (ง) ประกอบมาตรา 267 วรรคหนึ่ง และการระงับการบังคับใช้ข้อกำหนดดังกล่าว ไม่น่าเป็นอุปสรรคแก่การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินของรัฐ หรือแก่ประโยชน์สาธารณะ เพราะยังมีมาตรการทางกฎหมายหลายฉบับ ให้สามารถดำเนินการเกี่ยวกับการเผยแพร่ข้อความหรือข่าวสารที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายผ่านช่องทางสื่อสารต่าง ๆ อีกทั้งรัฐสามารถใช้สื่อวิทยุและโทรทัศน์ในการกำกับเป็นเครื่องมือในการให้ความรู้เพื่อการรู้เท่าทัน สร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง และตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือนแก่ประชาชนได้ด้วย

จึงมีคำสั่งห้ามจำเลยดำเนินการบังคับใช้ข้อกำหนดฯ ตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ฉบับที่ 29 เป็นการชั่วคราว จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา


ที่มา : https://www.isranews.org/article/isranews-news/101245-invesisra-212.html


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

สมอ. โต้กลับบริษัท เอเจฯ เหตุบิดเบือนข้อเท็จจริงกรณีถูกจับนำเข้าสินค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต และแอบนำของกลางที่ยึดอายัดไว้ไปจำหน่าย ยืนยันค่าปรับ 7.5 ลบ.

สมอ. โต้กลับบริษัท เอเจ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) เหตุบิดเบือนข้อเท็จจริงกรณีถูกจับนำเข้าสินค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต และแอบนำของกลางที่ยึดอายัดไว้ไปจำหน่าย หลังถูกดำเนินคดีแล้วจึงมาขออนุญาต ยืนยันค่าปรับ 7.5 ลบ. เป็นไปกรอบของตามกฎหมาย เนื่องจากมีพฤติกรรมไม่ยำเกรงต่อกฏหมายและกระทำผิด 2 ข้อหา โดยกรรมการผู้มีอำนาจต้องร่วมรับผิดด้วยกับบริษัทอีก 2 ท่าน

6 ส.ค.64 นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) แถลงข้อเท็จจริงกรณีที่บริษัท เอเจ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรี ให้ตั้งกรรมการสอบเลขาธิการ สมอ. ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบนั้น

สมอ. ขอเรียนชี้แจงว่า เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2562 บริษัทฯ ได้ยื่นขอตรวจปล่อยสินค้าจำนวน 3 รายการ ได้แก่ หม้อทอดไร้น้ำมัน, เตาแม่เหล็กไฟฟ้า และเตาปิ้งย่าง รวม 5,898 หน่วย ผ่านระบบ National Single Window (NSW) ซึ่ง สมอ. ได้ดำเนินการตรวจปล่อยสินค้าดังกล่าวจากศุลกากร เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกและลดภาระค่าเช่าโกดังให้กับบริษัทฯ พร้อมทั้งยึดอายัดสินค้าทั้งหมดไว้ที่คลังสินค้าของบริษัทฯ เนื่องจากสินค้าทั้ง 3 รายการยังไม่ได้รับใบอนุญาต

ต่อมาได้ตรวจสอบพบว่าบริษัทฯ มีการโฆษณาจำหน่ายหม้อทอดไร้น้ำมันบนเว็บไซต์ www.ajthai.com, www.24catalog.com และ www.lazada.com จึงเข้าตรวจควบคุมสินค้าที่อายัดไว้ และได้ตรวจนับสินค้า พบว่ามีสินค้าสูญหายทั้ง 3 รายการ รวมทั้งสิ้น 2,805 หน่วย จึงได้ดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยคณะกรรมการเปรียบเทียบปรับ ซึ่งประกอบด้วย ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ เลขาธิการ สมอ. มีมติเห็นชอบให้ปรับบริษัทฯ โทษฐานกระทำความผิดตามมาตรา 21 นำเข้าสินค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นเงิน 2 ล้านบาท และความผิดตามมาตรา 36 ฐานมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่ไม่ได้รับใบอนุญาตเป็นเงิน 5 แสนบาท รวมเป็นเงิน 2.5 ล้านบาท รวมทั้งปรับกรรมการผู้มีอำนาจอีก 2 ท่าน ท่านละ 2.5 ล้านบาท รวมเป็นเงินค่าปรับทั้งสิ้น 7.5 ล้านบาท โดยกำหนดให้ชำระภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ

ทั้งนี้ เป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาของผู้มีอำนาจเปรียบเทียบ พ.ศ. 2562 โดยหากเป็นความผิดครั้งแรก ให้ปรับไม่เกิน 20% ของมูลค่าของกลางซึ่งมีมูลค่ากว่า 12.5 ล้านบาท พร้อมทั้งส่งเรื่องให้สถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรสาคร สอบสวนดำเนินคดีบริษัทฯ กรณีแอบนำของกลางที่ยึดอายัดไว้ไปจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต สำหรับของกลางที่บริษัทร้องขอให้ปล่อยคืนนั้น ไม่สามารถดำเนินการให้ได้ เนื่องจากยังเป็นคดีความอยู่กับ สภ.เมืองสมุทรสาคร และบริษัทฯ ยังไม่ได้ชำระค่าปรับ อีกทั้งยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าของเป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่ โดย สมอ. สรุปไทม์ไลน์การดำเนินการ ตามแนบ

เลขาธิการ สมอ. กล่าวเพิ่มเติมว่า “สมอ.ตระหนักและให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของประชาชนอย่างถึงที่สุด สินค้าใดที่ไม่ได้มาตรฐานแล้วหากประชาชนนำไปใช้แล้วเกิดอันตรายถึงแก่ชีวิต เราจะไม่มีการอะลุ่มอล่วยอย่างเด็ดขาด เนื่องจากชีวิตคนไม่สมควรที่จะไปแลกกับความมักง่าย และความเห็นแก่ได้ของผู้ประกอบการที่ไร้จิตสำนึกในความรับผิดชอบต่อประชาชน จึงขอให้เป็นกรณีตัวอย่างสำหรับผู้ประกอบการรายอื่น หากทำหรือนำเข้าสินค้าที่ สมอ. ควบคุมโดยไม่ได้รับอนุญาต ก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างถึงที่สุดแบบนี้ทุกราย” เลขาธิการ สมอ. กล่าว


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

คนเสื้อแดงปากน้ำ ประกาศไม่เข้าร่วมม็อบบุกวัง 7 ส.ค. นี้ ย้ำ จะเข้าร่วมคาร์ม็อบ 'บก.ลายจุด' เป็นหลัก

นายวรชัย เหมะ อดีตส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง ให้สัมภาษณ์กรณีเคยประกาศรวมตัวคาร์ม็อบเพื่อชุมนุมร่วมกับแนวร่วมกลุ่มต่าง ๆ วันที่ 7 ส.ค. ว่า...

เนื่องจากการชุมนุมวันที่ 7 ส.ค.ไม่ได้ดำเนินการในรูปแบบคาร์ม็อบ ทราบมาว่า การเคลื่อนขบวนคาร์ม็อบจากทั้งกลุ่มของนายสมบัติ บุญงามอนงค์ (บก.ลายจุด) และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ยังไม่เกิดขึ้นวันที่ 7 ส.ค. หากดำเนินการเรื่องดังกล่าวจะมีคาร์ม็อบเพียงสายเดียวจากสมุทรปราการ ซึ่งจะไม่สามารถแสดงพลังได้เต็มที่ อยากให้การเคลื่อนขบวนคาร์ม็อบเกิดขึ้นหลายสายพร้อมกัน เพื่อให้เห็นถึงพลังประชาชนที่ต้องการขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม

"ดังนั้นจึงขอเลื่อนการเคลื่อนขบวนคาร์ม็อบจากสมุทรปราการออกไปก่อน และจะประสานงานกับคาร์ม็อบสายต่าง ๆ เพื่อรวมพลังการขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ ในคราวเดียวกันต่อไป" นายวรชัย กล่าว


ที่มา : https://www.thaipost.net/main/detail/112389


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

แกะมูลค่าเหรียญโอลิมปิก 2020 รู้หรือไม่ เหรียญรางวัลโอลิมปิก 2020 มีมูลค่าเท่าไหร่?

???? แกะมูลค่าเหรียญโอลิมปิก 2020

???? รู้หรือไม่ เหรียญรางวัลโอลิมปิก 2020 มีมูลค่าเท่าไหร่?

????เหรียญทอง มูลค่า 800 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 26,660 บาท) ทำจากเงินบริสุทธิ์ชุบทองคำหนัก 6 กรัม น้ำหนักรวม 556 กรัม

????เหรียญเงิน มูลค่า 450 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 14,960 บาท) ทำจากเงินบริสุทธิ์ น้ำหนัก 550 กรัม

????เหรียญทองแดง มูลค่า 5 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 160 บาท) ผสมระหว่างทองแดง 95% กับสังกะสี 5% น้ำหนัก 450 กรัม

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่านักกีฬาส่วนใหญ่ไม่มีวันขายต่อให้มันจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นไปแค่ไหน เพราะเป็นสิ่งที่มีความหมายและย้ำว่าพวกเขาเคยเป็นเลิศในเวทีโลกจากการการันตีโดยเหรียญเหล่านี้

หมายเหตุ : เหรียญรางวัล โอลิมปิก 2020 ออกแบบโดย จุนอิจิ คาวานิชิ ศิลปินชื่อดังของญี่ปุ่น ผลิตจากขยะอิเล็กโทรนิกส์ จำพวกซากโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ มาหลอมรวมเป็นเหรียญทอง เหรียญเงิน และเหรียญทองแดง


ที่มา : https://mgronline.com/infographic/detail/9640000077076


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top