ธากา/บังกลาเทศ – ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในบังคลาเทศเติบโตอย่างโดดเด่นในช่วงสองปีที่ผ่านมาอันเนื่องมาจากการพัฒนาอย่างรวดเร็วของประเทศ ส่งผลให้รายได้ต่อหัวที่เพิ่มขึ้นครั้งล่าสุดและการขยายตัวของชนชั้นกลาง ความต้องการที่อยู่อาศัยก็เพิ่มขึ้น 

ทั้งนี้จากรายงานของสมาคมอสังหาริมทรัพย์และเคหะแห่งบังคลาเทศ (REHAB Real Estate & Housing Association of Bangladesh) เผยตัวเลขจากบริษัทที่เข้าร่วมสมาคมฯ ราว 879 แห่ง โดยพบกว่ามีอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปีราว 10% ในช่วงปี 2019-2020 

ขณะที่แนวคิดในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โดยภาพรวม ก็ไม่ได้จำกัดอยู่แค่อพาร์ตเมนต์ แต่ยังรวมถึงเมืองจำลอง ห้างสรรพสินค้า และโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในรูปแบบต่างๆ โดยผลการสำรวจสำมะโนประชากรครั้งล่าสุดระบุว่าความต้องการที่อยู่อาศัยทั้งหมดของประชากรอยู่ที่ 0.8 ล้านหน่วยในปี 2020 และจะเพิ่มเป็น 1.14 ล้านหน่วยในปี 2030และหากคิดเป็นสัดส่วนของภาคที่อยู่อาศัยต่อ GDP ในบังกลาเทศแล้วนั้น ปัจจุบันมีตัวเลขอยู่ที่ 7.96% ขณะที่อุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง เช่น เหล็ก, ปูน, อิฐ, ทราย, กระเบื้องเซรามิก, สี, และอุปกรณ์ตกแต่งและอุปกรณ์อื่นๆ อยู่ที่ราว 12%

สำหรับอีกจุดเปลี่ยนสำคัญของการเติบโตในครั้งนี้ ด้าน Kamal Mahmud รองประธาน REHEB ได้กล่าวว่า ภายใต้ลดภาษีในภาคอสังหาฯ แก่ผู้ประกอบกร โดยกระทรวงพาณิชย์ฯ นั้น ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้การขายอสังหาฯ ในรูปแบบต่างๆ เพิ่มมากขึ้น 

“การริเริ่มของรัฐบาลในการลดดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นตัวเลขหลักเดียว เป็นความคิดริเริ่มที่กระตุ้นให้ภาคอสังหาฯ เติบโต ขณะเดียวกันการลดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน ภาษีการโอนที่ดิน ค่าอากรแสตมป์ ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแปลง และการแปลงเอกสารเกี่ยวกับที่ดินให้เป็นรูปแบบเป็นดิจิทัล ก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ภาคที่อยู่อาศัยฟื้นตัวอย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน” เขากล่าวเสริม

โดยจากการวิจัยของ REHAB ประมาณการณ์ตัวเลขรายได้ที่ไม่ต้องเสียภาษี มีจำนวน 3,500 สิบล้านรูปีในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามราคาวัสดุก่อสร้างที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและการขาดแคลนอุปทาน (การก่อสร้าง) อาจจะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต กระแสจากคนวงในในอุตสาหกรรมกล่าว

ที่มา: A24 News Agency

https://youtu.be/LrvGE0nj-5w