Thursday, 25 April 2024
บังกลาเทศ

บังกลาเทศ - ‘ภาคการศึกษา’ เผชิญกับความท้าทายอันยิ่งใหญ่!! เนื่องจากโควิด-19 ผลักเด็กหลายล้านคนให้เป็นแรงงานเด็กในบังคลาเทศ

ตามรายงานล่าสุดของ ILO และ UNICEF บังคลาเทศกำลังเผชิญกับความท้าทายอันยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคการศึกษา เนื่องจากโควิด-19 ผลักเด็กหลายล้านคนให้เป็นแรงงานเด็กในบังคลาเทศ

การปิดโรงเรียนมานานกว่าหนึ่งปีและการลดรายได้ของครอบครัว ทำให้เด็กที่ไปโรงเรียนเสี่ยงต่อการใช้แรงงานเด็ก ด้วยค่าแรงต่ำทำให้การใช้แรงงานเด็กเป็นที่นิยมในปัจจุบัน โดยส่วนใหญ่จะทำเวิร์คช็อปริมถนน (งานซ่อม งานเชื่อม งานเฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ) , ร้านอาหารและแผงลอย, ร้านค้าขนาดเล็ก, ร้านเสริมสวย, เบเกอรี่, เคมีภัณฑ์, การเก็บขยะและการขนส่ง

Rasheda K Chowdhury กรรมการบริหารโครงการรณรงค์การศึกษายอดนิยม กล่าวว่า สิ่งที่กำลังแสดงให้เห็นอยู่ในตอนนี้คือ จำนวนเด็กที่ออกจากโรงเรียนและทำงานที่เสี่ยงอันตรายเพิ่มขึ้น ทำให้รัฐบาลมีบทบาทและความรับผิดชอบในการส่งเด็กกลับโรงเรียนตามแผนการศึกษาและแผนงาน

มีการกล่าวถึงว่า เด็กที่ยากจนและอดอยากได้รับความช่วยเหลือประมาณ 33 เปอร์เซ็นต์ ของความช่วยเหลือในบ้านในธากา นักเรียนเกรดแปดที่ทำงานในเวิร์กช็อปยังกล่าวด้วยว่า หลังจากที่โรงเรียนปิดเป็นเวลานาน เพื่อนร่วมชั้นของเขาหลายคนเริ่มทำงานในสถานที่ต่าง ๆ ท่ามกลางความยากลำบากจากการระบาดครั้งใหญ่นี้ด้วย

สถานการณ์และความยากลำบากทางการเงินผลักดันให้นักเรียนโรงเรียนชูโมนาทำงานเป็นช่างเย็บปักถักร้อย

นอกจากนี้ Ripon บอกกับ A24 ว่าเขาอยากที่จะกลับไปโรงเรียนและเรียนต่อในชั้นประถมศึกษาปีที่ 10 ของเขา แต่การปิดโรงเรียนและความต้องการใช้จ่ายของครอบครัวทำให้เขาไม่สามารถทำเช่นนั้นได้

บังกลาเทศ - หยุดชะงัก!! กระบวนการฉีดวัคซีนเนื่องจากการพึ่งพาวัคซีนของจีน

บังกลาเทศเผชิญกับความท้าทายหลายประการในการต่อสู้กับโรคระบาดใหญ่ สิ่งสำคัญคือการได้รับวัคซีนสำหรับประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ประเทศประกาศให้ปีนี้เป็นปีแห่งการฉีดวัคซีน เนื่องจากหลายประเทศบริจาควัคซีนโควิด-19 จำนวนมากให้กับบังกลาเทศ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา 

ซึ่งบริจาควัคซีนไฟเซอร์ประมาณ 16.8 ล้านโดสเป็นของขวัญ จีนเสนอวัคซีนให้บังกลาเทศเป็นของขวัญ อย่างไรก็ตามฝ่ายหลังปฏิเสธเนื่องจากการวิพากษ์วิจารณ์หลายครั้งเกี่ยวกับวัคซีนดังกล่าว จึงซื้อวัคซีน Sinopharm และ Sinovac ของจีนจำนวนมากสำหรับกรณีฉุกเฉิน แต่ยังไม่ทราบจำนวนเงินที่จ่าย 

Dr. Lelin Choudhury ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขและเวชศาสตร์ป้องกัน กล่าวว่า การที่รัฐบาลต้องพึ่งพาวัคซีนจีนเท่านั้น แทนที่จะใช้แหล่งอื่นทำให้เกิดความล่าช้าและหยุดชะงักในกระบวนการฉีดวัคซีน มีรายงานว่ารัฐบาลบังคลาเทศใช้วัคซีนไปมากกว่า 19,000 ล้านรูปี โดยได้ซื้อยาไป 21 สิบล้านโดส และวางแผนที่จะซื้ออีก 8 สิบล้านโดส

Nasima Akter – ผู้เยี่ยมชมสวัสดิการครอบครัว บอกว่า “เราได้รับการฉีดวัคซีนเป็นเวลานาน ส่วนใหญ่มาจากประเทศจีน หนึ่งคือซิโนแฟมและอีกอันคือซิโนแวค ฉันให้วัคซีน Sinovac มาระยะหนึ่งแล้ว”

Dr. Shankar Prasad Adhikari - เจ้าหน้าที่ Upazila Health and Family Planning บอกว่า "วัคซีนจีน Sinopharm และSinovac มาถึงในปริมาณมาก Sinovac กำลังทำงานเป็นเข็มแรก อันดับแรก เราเริ่มต้นด้วยวัคซีนของอินเดีย จากนั้นวัคซีนของจีน และวันนี้เราเริ่มวัคซีนไฟเซอร์สำหรับเด็ก”

Jibon Krishno Saha - ผู้ช่วยครู MM Secondary Girls School of Barishal บอกว่า “จำนวนนักเรียนของเราใน MM Secondary Girls School คือหนึ่งพันคน วันนี้เรามีสาว ๆ สองร้อยคนตามกำหนด นี่คือวัคซีน American Pfizer ที่มอบให้กับนักเรียน"

Nisha Islam – นักเรียน ARS Secondary Girls School บอกว่า “เรามาที่นี่เพื่อฉีดวัคซีน American Pfizer จาก ARS Secondary Girls School และเราต้องการตรวจร่างกายที่แข็งแรง นั่นคือเหตุผลที่เรามาที่นี่เพื่อให้ครอบครัวของเราไม่ต้องกังวล”

ศัลยแพทย์พลเรือนแห่ง Barisal บอกว่า “มีการเปิดตัววัคซีนห้าประเภทในบังคลาเทศเพื่อควบคุม Covid 19 และวัคซีนห้าประเภทกำลังทำงานใน Barisal ในหมู่พวกเขามี AstraZeneca, Sinopharm, Pfizer, Moderna และ Sinovac ก็เป็นส่วนเสริมล่าสุด จนถึงตอนนี้ไม่มีปัญหา วัคซีนที่พบมากที่สุดคือซิโนฟาร์ม และเราไม่ได้ซื้อวัคซีนไฟเซอร์ใด ๆวัคซีนไฟเซอร์ทั้งหมดที่เราให้มาจนถึงตอนนี้เป็นของขวัญและเรายังมีสต๊อกอยู่อีกมาก"

ศาสตราจารย์ Syed Abdul Hamid - Institute of Health Economics, University of Dhaka บอกว่า“เราทุกคนรู้บริบทที่นำวัคซีนจีนมาใช้ เมื่อวัคซีนไม่พร้อม สถาบันเซรามประกาศไม่สามารถจ่ายตามข้อตกลงได้ นั่นคือตอนที่เราต้องไปจีน จีนเคยขอให้พวกเขาให้ ทดลองวัคซีนแต่ไม่เห็นด้วย แต่กลับกลายเป็นว่าต้องนำวัคซีนมาจากประเทศจีนเนื่องจากไม่มีจำหน่ายจากประเทศอื่น และเพื่อนำมาในเงื่อนไขต่าง ๆ ราคาบอกไม่ได้ ฯลฯ มี เงื่อนไขต่าง ๆ แต่ที่คิดตอนนี้คือ เนื่องจากรัฐบาลจะนำเข้าวัคซีนจากจีน จะนำเข้าวัคซีนกี่โดส รัฐบาลอาจมีข้อตกลงมาตรฐานกับจีน แต่ต้องสำรวจประเทศผู้ผลิตวัคซีนเพิ่มเติม ถ้า เราได้รับวัคซีนที่ดีขึ้นและมีความฟิต จากนั้นรัฐบาลจะสามารถนึกถึงมันได้”

มรดกแห่งธากา รู้จัก ‘เมราเดีย’ ตลาดเก่าแก่แห่งบังกลาเทศ หล่อเลี้ยงชีพชนถิ่นมากว่า 200 ปี

ธากา/บังกลาเทศ - ตลาดเมราเดีย ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงธากา ประเทศบังกลาเทศ เป็นตลาดที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 200 ปี 

ภาพจำของตลาดดังกล่าวในอดีต คือ ร่มเงาภายใต้ ‘ต้นไทรขนาดใหญ่’ ที่เติบโตแต่เก่าก่อนมากมาย ซึ่งได้รับความนิยมต่อลูกค้าที่ได้พบเห็นในแต่ละวัน ถึงแม้ในปัจจุบันภาพเหล่านั้นจะเริ่มจางหายไปตามกาลเวลาก็ตาม

อย่างไรก็ตาม ความคลาสสิกของตลาดเมราเดีย คือ เส้นทางสู่ตลาดแห่งนี้ ผ่านทาง ‘แม่น้ำนารายณ์’ (คลองรามปุระ) ซึ่งสมัยก่อนเคยเป็นทางเดียวที่จะมาที่แห่งนี้ และลูกค้าหลายๆ คนต่างก็ยืนยันว่าพวกเขาเคยไปเดินทางมายังตลาดนี้ทางเรือกันด้วย

สำหรับ ตลาดเมราเดีย นั้น ถือว่าเป็นตลาดโบราณของธากา ที่เรียกว่ารวมไว้ด้วยทุกสิ่งที่มีความจำเป็นต่อชีวิตประจำวันของผู้คน 

“ฉันคิดว่าที่นี่เป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมสำหรับสินค้าประจำวัน อาหาร หรือเสื้อผ้า มีทุกอย่างที่คุณต้องการในตลาดนี้ อีกหนึ่งความงามของสถานที่แห่งนี้คือบรรยากาศรื่นเริงและผู้คนจากทุกระดับชั้นสามารถมาที่นี่เพื่อซื้อของได้ เป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยม” ลูกค้าท่านหนึ่งได้กล่าว

บังกลาเทศ – จับตา!! อสังหาริมทรัพย์ในบังคลาเทศเติบโตอย่างต่อเนื่องจากแรงหนุนรอบด้าน

ธากา/บังกลาเทศ – ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในบังคลาเทศเติบโตอย่างโดดเด่นในช่วงสองปีที่ผ่านมาอันเนื่องมาจากการพัฒนาอย่างรวดเร็วของประเทศ ส่งผลให้รายได้ต่อหัวที่เพิ่มขึ้นครั้งล่าสุดและการขยายตัวของชนชั้นกลาง ความต้องการที่อยู่อาศัยก็เพิ่มขึ้น 

ทั้งนี้จากรายงานของสมาคมอสังหาริมทรัพย์และเคหะแห่งบังคลาเทศ (REHAB Real Estate & Housing Association of Bangladesh) เผยตัวเลขจากบริษัทที่เข้าร่วมสมาคมฯ ราว 879 แห่ง โดยพบกว่ามีอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปีราว 10% ในช่วงปี 2019-2020 

ขณะที่แนวคิดในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โดยภาพรวม ก็ไม่ได้จำกัดอยู่แค่อพาร์ตเมนต์ แต่ยังรวมถึงเมืองจำลอง ห้างสรรพสินค้า และโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในรูปแบบต่างๆ โดยผลการสำรวจสำมะโนประชากรครั้งล่าสุดระบุว่าความต้องการที่อยู่อาศัยทั้งหมดของประชากรอยู่ที่ 0.8 ล้านหน่วยในปี 2020 และจะเพิ่มเป็น 1.14 ล้านหน่วยในปี 2030และหากคิดเป็นสัดส่วนของภาคที่อยู่อาศัยต่อ GDP ในบังกลาเทศแล้วนั้น ปัจจุบันมีตัวเลขอยู่ที่ 7.96% ขณะที่อุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง เช่น เหล็ก, ปูน, อิฐ, ทราย, กระเบื้องเซรามิก, สี, และอุปกรณ์ตกแต่งและอุปกรณ์อื่นๆ อยู่ที่ราว 12%

สำหรับอีกจุดเปลี่ยนสำคัญของการเติบโตในครั้งนี้ ด้าน Kamal Mahmud รองประธาน REHEB ได้กล่าวว่า ภายใต้ลดภาษีในภาคอสังหาฯ แก่ผู้ประกอบกร โดยกระทรวงพาณิชย์ฯ นั้น ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้การขายอสังหาฯ ในรูปแบบต่างๆ เพิ่มมากขึ้น 

บังกลาเทศกำลังชั่งใจต่อข้อเสนอนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงราคาถูกจากรัสเซีย แม้มีความกังวลว่ามันอาจผลักให้พวกเขากลายเป็นศัตรูกับตะวันตก หลังทุนสำรองระหว่างประเทศลดลงเรื่อย ๆ 

ที่ผ่านมา บังกลาเทศซื้อน้ำมันจากบรรดาประเทศในตะวันออกกลางเป็นส่วนใหญ่ ภายใต้สัญญาระยะยาวมากมายระหว่างหน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม เวลานี้ราคาน้ำมันซื้อขายกันที่ราว ๆ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาเชื้อเพลิงที่พุ่งสูงกำลังก่อหายนะแก่บังกลาเทศ ดังนั้น บรรดาเจ้าหน้าที่บังกลาเทศจึงมองว่าเงื่อนไขต่างๆ ของรัสเซียจึงน่าสนใจไม่น้อย

Russneft บริษัทน้ำมันรัสเซีย เปิดเผยเมื่อเร็วๆ นี้ว่าจะเปิดทางให้บังกลาเทศซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงกลั่นในราคา 59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในนั้นรวมถึงค่าขนส่ง นอกจากนี้ รัสเซียยังเสนอจัดหาน้ำมันดิบป้อนแก่บังกลาเทศด้วย แต่ทางบังกลาเทศไม่มีศักยภาพด้านการกลั่น

ตัวอย่างน้ำมันเชื้อเพลิงรัสเซียจะถูกส่งถึงท่าเรือจิตตะกอง ของบังกลาเทศ ในสัปดาห์นี้ และทางสำนักงานปิโตรเลียมแห่งชาติบังกลาเทศ (Bangladesh Petroleum Corporation หรือ BPC) จะเข้าตรวจสอบคุณภาพเชื้อเพลิงเป็นลำดับต่อไป

ความร่วมมือระหว่างบังกลาเทศกับรัสเซียอาจรวมถึงสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ด้วย โดยเมื่อวันพุธ (24 ส.ค.) เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำบังกลาเทศ บอกกับผู้สื่อข่าวว่า มีการพูดคุยกันในเรื่องข้าวสาลีกับปุ๋ยรัสเซีย พร้อมเผยว่าการหารือเกี่ยวกับข้าวสาลี 300,000 ตันและปุ๋ย 100,000 ตัน อยู่ในขั้นที่มีความคืบหน้า

นายกรัฐมนตรีดิเนช กุนาวาร์เดนา ได้ออกคำสั่งระหว่างประชุมร่วมกับสภาเศรษฐกิจระดับสูงของรัฐบาลเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ให้บรรดาเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจทบทวนแนวโน้มของการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงรัสเซีย

"สืบเนื่องจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ประชาชนกำลังทุกข์ทรมานเพราะว่าราคาน้ำมันโลกที่เพิ่มสูงขึ้น มันกำลังกลายเป็นปัญหา" นายกรัฐมนตรีกล่าว "ในสถานการณ์ปัจจุบัน อินเดีย และประเทศอื่นๆ กำลังซื้อน้ำมันจากรัสเซีย ดังนั้น เราจำเป็นต้องดูว่าเราสามารถซื้อได้หรือไม่ และต้องหาทางออกสำหรับเรื่องนี้"

‘บังกลาเทศ’ ทดลองวิ่งรถไฟสินค้าบนสะพานฝีมือ ‘จีน’ ตอกย้ำความสำเร็จโครงการ ‘หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง’

เมื่อวันที่ 16 ก.ย. 66 สำนักข่าวซินหัว, ธากา รายงานว่า บังกลาเทศประสบความสำเร็จในการทดลองเดินรถไฟสินค้าบนช่วงหนึ่งของทางรถไฟ ที่ก่อสร้างภายใต้แผนริเริ่ม ‘หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง’ (BRI) และบนสะพานปัทมา ซึ่งเป็นสะพานขนาดใหญ่ที่สุดในบังกลาเทศที่ก่อสร้างโดยจีน

‘ซัยยิด อาเหม็ด’ ผู้อำนวยการโครงการทางรถไฟฟาริดปูร์ของการรถไฟบังกลาเทศ แถลงข่าวว่ารถไฟพร้อมตู้สินค้า 5 ตู้ บรรทุกก้อนหินหนัก 350 ตัน ทดลองวิ่งที่ความเร็วสูงสุด 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากสถานีบังกาของเขตฟาริดปูร์ในช่วงเช้าวันเสาร์ (16 ก.ย.) ถึงสถานีมาวา และวิ่งกลับสถานีบังกา

เมื่อสัปดาห์ก่อน รัฐบาลบังกลาเทศเปิดตัวรถไฟโดยสารขบวนแรกสำหรับช่วงหนึ่งของทางรถไฟสายใหม่นี้ โดยทางรถไฟยาว 172 กิโลเมตรเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญที่สุดที่ก่อสร้างโดยบริษัท ไชน่า เรลเวย์ กรุ๊ป ลิมิเต็ด (CREC) และรับทุนจากธนาคาร เพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศจีน (China Exim Bank)

‘บังกลาเทศ’ เจอ ‘ไข้เลือดออก’ เชื้อเด็งกีระบาดหนัก คร่าชีวิตไปกว่า 1,000 ศพ สูงสุดเป็นประวัติการณ์

(5 ต.ค. 66) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขของบังกลาเทศเปิดเผยว่า มีผู้เสียชีวิตจากโรคไข้เลือดออกจำนวน 11 รายเมื่อวานนี้ ส่งผลให้จำนวนผู้เสียชีวิตตั้งแต่ต้นปีนี้อยู่ที่ 1,017 ราย ขณะที่มีผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาลในช่วงเวลาเดียวกันเพิ่มขึ้นอีก 2,564 ราย

จำนวนผู้เสียชีวิตในปีนี้สูงกว่าเกือบ 4 เท่าของปีที่แล้ว ซึ่งมีจำนวน 281 ราย และทำให้ปีนี้เป็นปีที่บังกลาเทศได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดจากไข้เลือดออกนับตั้งแต่เริ่มมีการแพร่ระบาดในปี 2543

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขบังกลาเทศ กล่าวว่า การระบาดระลอกล่าสุดเล่นงานพวกเขาโดยไม่ทันตั้งตัว มีสาเหตุจากเชื้อเด็งกีสายพันธุ์ที่แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งหมอหลายคนระบุว่า อาการของผู้ป่วยไข้เลือดออกในช่วงไม่นานมานี้ทรุดลงเร็วกว่าเมื่อเทียบกับ 2 ปีที่ผ่านมา โดยทั้ง 64 เขตทั่วประเทศตรวจพบผู้ติดเชื้อเด็งกีครบทั้งหมดแล้ว

ขณะเดียวกันผู้ป่วยจำนวนมากกำลังล้นทะลักโรงพยาบาล เช่น ในกรุงธากามีผู้ติดเชื้อเด็งกีหลายร้อยคนกำลังรอรับการรักษา ท่ามกลางปัญหาการขาดแคลนสารละลายสำหรับให้ทางหลอดเลือดดำ ซึ่งสำคัญมากต่อการรักษาผู้ป่วยเด็งกีที่มักเกิดอาการขาดน้ำ

‘จีน’ บริจาค ‘ห้องเรียนอัจฉริยะ’ แห่งที่ 2 ให้ ‘บังกลาเทศ’ หวังส่งเสริมวิทยาศาสตร์-เทคโนโลยีแก่ ‘นร.-นศ.’ ในท้องถิ่น

(4 ธ.ค.66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สถานเอกอัครราชทูตจีนในบังกลาเทศได้บริจาคห้องเรียนอัจฉริยะแก่บังกลาเทศเป็นแห่งที่ 2 ภายใต้โครงการการพัฒนาผู้มีความรู้ความสามารถมิตรภาพจีน-บังกลาเทศ โดยมีการจัดพิธีเปิดห้องเรียนดังกล่าวที่โรงเรียนมัธยมปลายและวิทยาลัยโซฟีร์ อุดดิน ในเมืองซิลเหต เมื่อวันอาทิตย์ (3 ธ.ค.) ที่ผ่านมา

เหยาเหวิน เอกอัครราชทูตจีนประจำบังกลาเทศ กล่าวว่า ฝ่ายจีนหวังว่าห้องเรียนอัจฉริยะนี้จะช่วยส่งเสริมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของคนรุ่นใหม่ในท้องถิ่น พร้อมเรียกร้องนักเรียนนักศึกษาตั้งใจเล่าเรียนเพื่อมีส่วนส่งเสริมการบรรลุเป้าหมายสมาร์ต บังกลาเทศ (Smart Bangladesh) ตามที่รัฐบาลบังกลาเทศคาดหวัง

ดร. โรชิด อาเหม็ด ผู้อำนวยการโรงเรียนฯ กล่าวขอบคุณสถานเอกอัครราชทูตจีนสำหรับการบริจาคห้องเรียนอัจฉริยะนี้ รวมถึงการสนับสนุนฉันมิตรจากประชาชนชาวจีนแก่นักเรียนนักศึกษาของโรงเรียน

รายงานระบุว่า ห้องเรียนอัจฉริยะนี้มีระบบจัดการการเรียนรู้ขั้นสูงด้วยหัวเหว่ย ไอเดียฮับ (Huawei IdeaHub) ซึ่งจะช่วยให้ครูและนักเรียนมีแพลตฟอร์มการเรียนการสอนทั้งในห้องเรียนและทางออนไลน์ขั้นสูง โดยหัวเหว่ยประจำภูมิภาคเอเชียใต้ (Huawei South Asia) เป็นหุ้นส่วนทางเทคนิคในโครงการนี้

พานจวิ้นเฟิง ประธานหัวเหว่ยประจำภูมิภาคเอเชียใต้ และซีอีโอหัวเหว่ยประจำบังกลาเทศ กล่าวว่า หัวเหว่ยประจำภูมิภาคเอเชียใต้จะเดินหน้าช่วยเหลือการสร้างความเป็นดิจิทัลแก่ภาคการศึกษาของบังกลาเทศต่อไป

อนึ่ง ก่อนหน้านี้สถานเอกอัครราชทูตจีน และหัวเหว่ยประจำภูมิภาคเอเชียใต้ ได้บริจาคห้องเรียนอัจฉริยะแห่งแรกแก่โรงเรียนและวิทยาลัยเทคนิครัฐบาลจันทปุระของบังกลาเทศ เมื่อเดือนมีนาคมของปีนี้

สตม.แถลงผลจับกุมบังกลาเทศ 7 คนหลบหนีเข้าเมืองเพื่อทำงานประเทศมาเลเซีย

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม., พล.ต.ต.ทรงโปรด สิริสุขะ ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.ศุภโชค หยงสตาร์ รอง ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ธวัชชัย นรินรัตน์ ผกก.1 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.พิสิษฐ์ ศรีอ่อน ผกก.2 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐพงษ์ แก้วยอด ผกก.4 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชูวงศ์ อุทัยสาง ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม., พ.ต.ท.กฤตกรอิชณน์ คงขำ สว.ตม.จว.ปัตตานี ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้ 

ขยายผลจับกุมขบวนการขนแรงงาน ตม.จว.ปัตตานี สนธิกำลัง กก.สส.บก.ตม.6, สภ.สายบุรี จว.ปัตตานี, กก.6 บก.ปคม., กก.3 บก.ปส.1 จับกุมนายเลาะ (นามสมมติ) อายุ 56 ปี บุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดปัตตานี ในฐานความผิด “รู้ว่าคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร, ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุมจากพนักงานเจ้าหน้าที่” สถานที่จับกุมในพื้นที่ อ.หนองจิก จว.ปัตตานี  นำตัวส่ง พงส.สภ.สายบุรี จว.ปัตตานี ดำเนินการตามกฎหมาย  

สืบเนื่องจากการขยายผลจากการจับกุม เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2566 ตม.จว.ปัตตานี สนธิกำลังร่วมกับ สภ.สายบุรี จว.ปัตตานี ทหารพราน 44 และฝ่ายปกครอง ขณะตั้งจุดตรวจความมั่นคง ด่านตรวจตอกอ อ.สายบุรี จว.ปัตตานี ได้จับกุมนายเจ๊ะอารง (นามสมมติ) อายุ 64 ปี พร้อมด้วยของกลางรถยนต์ยี่ห้ออีซูซุ และโทรศัพท์ จำนวน 2 เครื่อง ในฐานความผิด “รู้ว่าคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุมจากพนักงานเจ้าหน้าที่” และจับกุมคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง สัญชาติบังกลาเทศ จำนวน 7 ราย ในฐานความผิด “เข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” โดยคนต่างด้าวทั้งหมดนั้นเดินทางมาจากประเทศบังกลาเทศมายังประเทศกัมพูชาด้วยสายการบิน และใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านเพื่อจะไปทำงานที่ประเทศมาเลเซีย โดยจะมีนายหน้าที่ประเทศกัมพูชา ให้ความช่วยเหลือนำคนต่างด้าวฯ ลักลอบเข้าประเทศไทย มายังจุดพักคอย ซึ่งเป็นบ้านพักที่อยู่ตามแนวชายแดนฝั่ง อ.อรัญประเทศ จว.สระแก้ว โดยเสียค่าใช้จ่ายต่อหัวรายละ 100,000 ถึง 140,000 บาท จากการสืบสวนขยายผลพบว่านายเลาะ เป็นหนึ่งในขบวนการขนแรงงานข้ามชาติที่จะเดินทางไปทำงานที่ประเทศมาเลเซีย 

โดยทำหน้าที่เป็นผู้ขับรถยนต์ตู้ลักลอบขนชาวบังกลาเทศจากบ้านพักคอย อ.อรัญประเทศ จว.สระแก้ว ไปส่งต่อให้นายเจ๊ะอารง(นามสมมติ) ในพื้นที่ อ.ยะหริ่ง จว.ปัตตานี เพื่อนำชาวบังกลาเทศลักลอบออกทางช่องทางธรรมชาติไปประเทศมาเลเซีย พนักงานสอบสวน ได้รวบรวมพยานหลักฐาน และศาลจังหวัดปัตตานีได้อนุมัติหมายจับนายเลาะ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมสืบทราบว่านายเลาะ ได้เดินทางไปในพื้นที่ อ.หนองจิก จว.ปัตตานี จึงได้ไปสืบสวนติดตามตรวจสอบพบนายเลาะ จึงได้แสดงหมายจับและจับกุมตัวนำส่ง พงส.สภ.สายบุรี จว.ปัตตานี ดำเนินการตามกฎหมาย ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ทั้งนี้นายเลาะ บุคคลเฝ้าระวังที่เป็นตัวการสำคัญในฐานข้อมูลขบวนการลักลอบนำพาฯ พื้นที่ บก.ตม.6 ที่พบความเคลื่อนไหวในช่วงปี 2564 จากการจับกุมเครือข่ายลักลอบนำพาฯ แรงงานชาวเมียนมา ในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง โดยทำหน้าที่ประสานงานและเคลื่อนย้ายคนต่างด้าวฯ จากพื้นที่ จว.ปัตตานี ไปยังชายแดนไทย-มาเลเซีย ด้าน จว.นราธิวาส ก่อนที่ในปัจจุบันจะผันตัวมาลักลอบนำพาฯ ชาวบังกลาเทศ จาก จว.สระแก้ว ไปประเทศมาเลเซีย และพบว่าผู้ครอบครองรถตู้ที่ใช้กระทำความผิด มีความเกี่ยวข้องกับอดีตผู้ต้องหาในเครือข่ายลักลอบขนคนต่างด้าวฯ ของเครือข่ายนายละมอร์(นามสมมติ) ที่ลักลอบขนแรงงานชาวเมียนมาในปี 2564

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ www.immigration.go.th จะกขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top