Thursday, 3 July 2025
Hard News Team

อินโดฯ ไฟเขียวใช้วัคซีนโควิด 'โนวาแว็กซ์' ผลทดลองพบป้องกันติดเชื้ออาการรุนแรง 100%

อินโดนีเซีย ชาติที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อย่างหนัก กลายเป็นประเทศแรกที่อนุมัติวัคซีนใหม่ต้านโควิด-19 ที่ผลิตโดยโนวาแวกซ์ (Novavax) บริษัทยาสัญชาติสหรัฐฯ จากคำแถลงของทางบริษัทเมื่อวันจันทร์ (1 พ.ย.)

ความเคลื่อนไหวอนุมัติครั้งนี้ จะเปิดทางให้ อินโดนีเซีย ซึ่งกำลังดิ้นรนอย่างหนักในการควานหาอุปทานวัคซีนต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ให้เพียงพอสำหรับประชากร 270 ล้านคน เป็นชาติแรกที่เข้าถึงวัคซีนตัวนี้ ที่ผลิตในอินเดีย ภายใต้แบรนด์ "โนวาแว็กซ์"

วัคซีนของโนวาแว็กซ์ใช้เทคโนโลยีที่ต่างจากบรรดาวัคซีนที่ได้รับความเห็นชอบและถูกกระจายไปทั่วโลกในปัจจุบัน ไม่เหมือนกับเทคโนโลยี mRNA ของไฟเซอร์/ไบออนเทค โมเดอร์นาและเคียวร์แวค ซึ่งวัคซีน 2 เข็มของโนวาแว็กซ์ พึ่งพิงเทคนิคดั้งเดิมกว่า โดยใช้โปรตีนจากส่วนของเชื้อไวรัสที่ไม่ก่อให้เกิดโรค ผสมกับตัวกระตุ้นภูมิ ฉีดเข้าไปในร่างกายเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน

กัมพูชา – น้ำท่วมในพนมเปญส่งผลกระทบต่อ 3000 ครอบครัว

ครอบครัวชาวกัมพูชาประมาณ 3,000 ครอบครัวทางตอนใต้ของกรุงพนมเปญได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมที่เกิดจากฝนตกหนักในกัมพูชา ซึ่งครอบครัวเหล่านั้นถูกบังคับให้อาศัยอยู่ในที่พักพิงชั่วคราวและเต๊นท์ เพื่อรอให้ระดับน้ำลดลงตามถนนและบ้านเรือนของพวกเขา ผู้อยู่อาศัยยืนยันว่าพวกเขาไม่ได้เห็นน้ำท่วมใหญ่เช่นนี้มานานกว่า 20 ปีแล้ว น้ำท่วมในประเทศตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมได้คร่าชีวิตผู้คนไปเป็นจำนวนมาก และสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อบ้านเรือนและโครงสร้างพื้นฐานของพลเมือง

เสียงจาก (ชาวบ้าน) “เราอยู่ในเต็นท์ (หนึ่งสัปดาห์) เราไม่สามารถอาศัยอยู่ในบ้านของเรา บ้านบางหลังถูกน้ำพัดพัดพาไป น้ำเกือบถึงหลังคาบ้านแล้ว ฉันอาศัยอยู่ที่นี่มากว่า 20 ปี และไม่เคยเห็นน้ำท่วมแบบนี้มาก่อน อยู่กับน้ำท่วมลำบาก เราไม่มีไฟฟ้าและไม่มีน้ำสะอาด ลูกๆ ของเรากำลังเผชิญกับปัญหาต่างๆ เช่น โรค แมลง และงู ดังนั้นเราจึงพยายามปกป้องเด็กๆ ของเรา เราไม่สามารถไปทำงานหรือทำธุรกิจใด ๆ ได้เพราะน้ำขึ้นสามครั้งต่อวัน อยากจะขอให้รัฐบาลจัดระบบการเบี่ยงน้ำให้ดีกว่านี้ จะได้ไม่โดนน้ำท่วมอีก เราเสียเวลาของเราเพราะเราไม่สามารถไปทำงานหรือทำธุรกิจได้”

เฮง โสภณ – คนขายอาหาร บอกว่า “เจ้าพนักงานท้องถิ่นเตือนเรื่องอุทกภัยครั้งนี้แล้ว แต่ไม่คิดว่าน้ำจะขึ้นเร็วขนาดนี้ เราคิดว่ามันจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเหมือนปีที่แล้ว มีมากกว่า 50 ครอบครัวที่อาศัยอยู่ในเต็นท์ที่นี่”

ศรี มุจ– คนงานในโรงงาน บอกว่า “จู่ๆ น้ำก็ขึ้นมาเร็ว เราเลยไม่ได้เตรียมตัวไว้ อย่างแรก น้ำอยู่ในระดับต่ำแต่ก็มาถึงคอฉันอย่างรวดเร็ว”

‘บิ๊กตู่’ ชวน ‘โจ ไบเดน’ ร่วมประชุมเอเปคปีหน้า หลังโชว์วิชั่น แก้ปัญหาภูมิอากาศบนเวทีโลก

‘บิ๊กตู่’ เชิญ ปธน.โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ เข้าร่วมประชุมเอเปคปีหน้า ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ ด้านนายกฯ สหราชอาณาจักรชมเปาะ ไทยมุ่งมั่นแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หลัง ‘บิ๊กตู่’ ประกาศเจตนารมณ์ไทยพร้อมยกระดับการแก้ไขปัญหาภูมิอากาศอย่างเต็มที่ด้วยทุกวิถีทาง 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 21.00 น. ของวันที่ 1 พ.ย. ที่เมืองกลาสโกว์ สหราชอาณาจักร (ตรงกับเวลา 04.00 น.ของประเทศไทย) ระหว่างงานเลี้ยงรับรองผู้นำที่เข้าร่วมการประชุมระดับผู้นำในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือสมัยที่ 26 (COP26)

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พบปะพูดคุย พร้อมทั้งเชิญประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐอเมริกา ระหว่างงานเลี้ยงรับรองผู้นำ COP 26 หลังจากได้พบกันในการประชุมสุดยอดอาเซียน สัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมสอบถามถึงสถานการณ์โควิด-19 รวมทั้งเชิญประธานาธิบดีไบเดน เยือนไทยในโอกาสที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือ APEC (Asia-Pacific Economic Cooperation) ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2565

นอกจากนี้ นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ได้ทักทายพูดคุยกับพล.อ.ประยุทธ์ พร้อมกล่าวชื่นชมในความมุ่งมั่นพยายามของไทยในการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยไทยตั้งเป้าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ได้ในปี 2065 พร้อมทั้ง ขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่มาร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย 

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีของไทยได้พูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่าง ๆ กับบรรดาผู้นำประเทศต่าง ๆ ที่เข้าร่วมประชุม

โดยก่อนหน้านี้ ในช่วงเวลา 16.00 น. วันที่ 1 พ.ย. (ตามเวลาท้องถิ่นที่เมืองกลาสโกว์) พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุม โดยยืนยันว่า ไทยให้ความสำคัญสูงสุดกับการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พร้อมร่วมมือกับทุกประเทศ ทุกภาคส่วนเพื่อบรรลุเป้าหมายสำคัญของโลกเพื่ออนาคตของลูกหลานของพวกเราทุกคน

“ผมมาร่วมประชุมวันนี้ เพื่อเป็นการยืนยันว่าประเทศไทยให้ความสำคัญสูงสุดกับการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยไทยพร้อมร่วมมือกับทุกประเทศ และทุกภาคส่วนเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกันในการแก้ปัญหาครั้งสำคัญที่สุดครั้งหนึ่งของโลก เพราะภารกิจนี้คือความเป็นความตายของโลกและอนาคตของลูกหลานของพวกเราทุกคน 

ปัจจุบันไทยปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกในปริมาณเพียงประมาณร้อยละ 0.72 ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วทั้งโลก แต่ประเทศไทยกลับเป็น 1 ใน 10 ประเทศที่ได้รับผลกระทบร้ายแรงที่สุดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และนี่คือเหตุผลสำคัญที่ผมไปร่วมการประชุมสุดยอดเรื่องภูมิอากาศของสหประชาชาติที่กรุงปารีสเมื่อปี 2015 โดยไทยอยู่ในประเทศกลุ่มแรกที่ให้สัตยาบันเข้าเป็นภาคีของความตกลงปารีส คำมั่นสัญญาของไทย มิใช่คำมั่นที่ว่างเปล่า ในช่วงที่ผ่านมา ไทยได้ปฏิบัติตามคำมั่นทุกประการที่ให้ไว้กับประชาคมโลกอย่างต่อเนื่อง และมีการดำเนินการอย่างแข็งขันภายในประเทศ” 

‘จักรทิพย์ ชัยจินดา’ ใส่เกียร์ถอย ไม่ลงเลือกตั้งชิงผู้ว่าฯ กทม. แล้ว คาดหลีกทางให้ผู้ว่าฯ อัศวิน ลงชิงต่อ

เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 มีกระแสข่าวว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา หรือ ‘บิ๊กแป๊ะ’ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตัดสินใจไม่ลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครแล้ว หลังจากที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปลายปี 2563 และลงพื้นที่หาเสียงอย่างหนัก ขณะเดียวกันผลโพลหลายสำนักชี้ว่า ‘บิ๊กแป๊ะ’ ติดอันดับ 1 ใน 3 ผู้ว่าฯ กทม. ที่คนกรุงเทพฯ อยากเลือกมากที่สุด

ทั้งนี้ มีรายงานว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ประกาศต่อหน้ากลุ่ม สมาชิกสภากทม. หรือ ส.ก. ที่ให้การสนับสนุนว่า ไม่ลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. แล้ว

โดยตัวแปรสำคัญในเรื่องนี้ อาจเกี่ยวข้องกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ที่แต่แรกนั้นแม้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ จะประกาศว่าลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่ากทม. ในนามอิสระ แต่ก็มีแรงสนับสนุนจากพรรคพลังประชารัฐ ทั้งการยอมรับว่าได้รับการชักชวนจาก บิ๊กป้อม - พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ 

“โฆษกรัฐบาล” เผย รัฐบาลไฟเขียวเปิดเหมือง “คิงส์เกต” แลกเลื่อนแถลงคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ ยัน คณะกรรมการฯระงับข้อพิพาทฯ ยึดประโยชน์ประเทศเป็นหลัก อ

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุว่า กรณีที่บริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดตเต็ด ลิมิเต็ด เจ้าของเหมืองอัครา เลื่อนการแถลงคำชี้ขาดของ อนุญาโตตุลาการ กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ใช้กฎหมายมาตรา 44 ที่ 72/2559 ของคสช. ระงับการทำเหมืองแร่ทองคำชาตรี จากเดิมในวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา เป็นวันที่ 31 ม.ค. 2565 โดยระหว่างนี้กำลังเตรียมการเปิดเหมืองทองคำชาตรี บริเวณรอยต่อของ จ.พิจิตร จ.พิษณุโลก และ จ.เพชรบูรณ์

แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลกำลังมีการเจรจาแลกเปลี่ยนอะไรที่ไม่อยากให้ประชาชนรับทราบใช่หรือไม่ ว่า ขณะนี้ทั้ง 2 ฝ่ายอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อหาข้อยุติร่วมกัน ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ต้องดำเนินการควบคู่ไปกับกระบวนการอนุญาโตตุลาการ ที่สำคัญ เป็นไปตามคำแนะนำของอนุญาโตตุลาการที่ต้องการให้ทั้ง 2 ฝ่ายเจรจากัน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อทุกฝ่าย ซึ่งไม่ได้หมายความว่าประเทศไทยจะแพ้คดีในชั้นอนุญาโตตุลาการ เพราะหากคณะกรรมการดำเนินการระงับข้อพิพาทระหว่างราชอาณาจักรไทยกับบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ด สามารถเจรจาจนได้ข้อยุติได้นั้น ย่อมจะเป็นผลดีมากกว่าการให้คณะอนุญาโตตุลาการออกคำชี้ขาด

นายธนกร กล่าวว่า ยืนยันว่ารัฐบาลชุดนี้จะรักษาประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง จะไม่ให้เกิดความเสียหายเหมือนกรณีทุจริตจำนำข้าวอย่างแน่นอน เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ กำชับหนักแน่นว่า จะไม่ปล่อยให้เกิดการทุจริตในรัฐบาลชุดนี้เด็ดขาด ทางที่ดี นพ.ชลน่านควรเรียกอดีตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยกลับมารับผิดชอบความผิดของตัวเองก่อนจะดีกว่า ถึงแม้จะอ้างว่าไม่ได้กระทำความผิดเอง แต่ก็ปล่อยให้รัฐมนตรีในรัฐบาลตัวเองทุจริต จนถูกศาลตัดสินจำคุกในที่สุด

“บิ๊กตู่” ติดตามการเริ่มเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว 1 พ.ย. รับทราบปัญหารถรับส่งโรงแรมAQ และSHA+ ไม่เพียงพอ กำชับหน่วยงานเกี่ยวข้องเร่งแก้ไข 

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ระหว่างการปฏิบัติภารกิจร่วมประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (COP26) ที่ประเทศสหราชอาณาจักร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ติดตามความเรียบร้อยเกี่ยวกับการดำเนินการของหน่วยต่างๆที่เกี่ยวข้องในกับการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว ที่ตั้งแต่วันที่1 พ.ย. 2564 นักท่องเที่ยวจาก 63 ประเทศสามารถเดินทางเข้าประเทศไทยโดยไม่ต้องกักตัว ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้รับรายงานจากนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคมซึ่งได้นำคณะลงพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ(ทสภ.)

เพื่อตรวจเยี่ยมการดำเนินการของส่วนงานต่างๆ และประชุมออนไลน์ร่วมกับผู้บริหารของท่าอากาศยานระหว่างประเทศอีก 6 แห่ง ที่อยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) (ทอท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ กองบังคับการตรวจคนเข้าเมืองสำนักงานศุลกากร เพื่อรับฟังบรรยายการสรุปการดำเนินงานของแต่ละท่าอากาศยานและหน่วยงาน ซึ่งพบว่าการให้บริการของแต่ละหน่วยเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และอยู่ภายใต้มาตรฐานการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

“ก่อนเดินทางเข้าร่วมประชุม COP26 ที่สหราชอาณาจักร นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายรมว.คมนาคม ได้ตรวจความพร้อมการให้บริการด้านคมนาคม โดยเฉพาะทางอากาศที่เป็นช่องทางหลักที่ประเทศไทยเปิดให้นักท่องเที่ยวจาก 63 ประเทศ เดินทางเข้าไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และกำชับทุกหน่วยงานให้ร่วมกันดูแลให้การเปิดประเทศครั้งนี้ช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจ ประชาชนกลับมามีรายได้ได้ต่อเนื่อง ซึ่งภาพรวมนายกรัฐมนตรีพอใจกับให้บริการคัดกรองอำนวยความสะดวกให้ผู้เดินทางผ่าน ท่าอากาศยานต่างๆที่เป็นไปอย่างราบรื่น” น.ส.ไตรศุลี กล่าว 

'รมว.เฮ้ง' กำชับนายจ้างพาแรงงานข้ามชาติ ดำเนินการตามมติครม.ภายในกำหนด 

กระทรวงแรงงาน แนะแนวทางการดำเนินการตามมติครม. 29 ธ.ค. 63  มติครม. 13 ก.ค. 64 มติครม. 28 ก.ย. 64 และกลุ่มคนต่างด้าว 3 สัญชาติ ที่ใบอนุญาตทำงานสิ้นสุดโดยผลของกฎหมาย เพื่ออยู่ทำงานได้ถึง 13 ก.พ. 66

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน  ให้ความสำคัญกับเรื่องการบริหารจัดการการทำงานของแรงงานข้ามชาติอย่างยิ่ง โดยมีมติครม.เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 63 มติครม.เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 64 และมติครม.เมื่อวันที่ 28 ก.ย. 64 เพื่อเปิดโอกาสให้นายจ้าง/สถานประกอบการดำเนินการขออนุญาตทำงานให้แรงงานข้ามชาติสามารถทำงานได้โดยถูกต้องตามกฎหมาย ภาครัฐสามารถให้ความคุ้มครองและความช่วยเหลือได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนแรงงานข้ามชาติได้รับสิทธิประโยชน์ตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งเป็นการสนับสนุนการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทั้งสำหรับคนต่างด้าว 3 สัญชาติ ที่อยู่ในประเทศไทย แรงงานไทยในสถานประกอบการ ตลอดจนชุมชนโดยรอบ

“ผมขอสรุปโดยง่าย สำหรับแรงงานข้ามชาติทั้ง 3 สัญชาติ ที่ประสงค์จะทำงานในประเทศไทย หากยังดำเนินการในขั้นตอนใดไม่สำเร็จก็ให้เร่งดำเนินการ โดยติดต่อได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทั่วประเทศ หรือสำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 1- 10 ที่เป็นสถานที่ตั้งของสถานประกอบการ สำหรับกลุ่มมติครม. 29 ธ.ค. 63 ที่ถือ บต.48 มีการชำระค่าธรรมเนียมและยื่นขออนุญาตทำงานผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ภายในวันที่ 13 ก.ย. 64 ที่ผ่านมา ควรเร่งติดต่อขอรับใบอนุญาตทำงานให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด 
สำหรับกลุ่มมติครม. 13 ก.ค. 64 ที่ถือบัตรชมพู ต้องยื่นเรื่องขอต่อใบอนุญาตทำงานก่อนที่ใบอนุญาตทำงานเดิมหมดอายุ ภายใน 31 มี.ค. 65 กลุ่มที่ถือ บต. 23 ต้องยื่นแจ้งขอเปลี่ยนเป็นใบอนุญาตทำงานก่อนที่ใบอนุญาตทำงานเดิมหมดอายุ ซึ่งหากยังไม่ได้ตรวจสุขภาพต้องดำเนินการให้ทัน ภายใน 31 มี.ค. 65 ในส่วนกลุ่ม MoU ต้องขอต่อใบอนุญาตทำงานก่อนที่ใบอนุญาตทำงานเดิมสิ้นสุด เพื่ออยู่และทำงานต่ออีก 2 ปี

และกลุ่มที่ใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าวสิ้นสุดลงโดยผลของกฎหมาย ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 64 จนถึงวันที่ 3 ส.ค. 64 นายจ้างต้องยื่นคำขออนุญาตทำงานแทนคนต่างด้าวและชำระค่าธรรมเนียม ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป – 1 ธ.ค. 64 ตรวจและทำประกันสุขภาพ ตรวจลงตราวีซ่า รวมทั้งขอหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางฉบับใหม่กรณีเอกสารเดิมหมดอายุ ภายใน 1 ส.ค. 65  ซึ่งถ้าเอกสารประจำตัวหมดอายุ ต้องทำเล่มใหม่และตรวจลงตรากับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ภายใน วันที่ 1 ส.ค. 65 เพื่อได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรและทำงานในประเทศไทย ไม่เกินวันที่ 13 ก.พ. 66

สำหรับการเข้าตรวจสถานประกอบการตามมติครม.วันที่ 28 ก.ย. 64 นั้น มีผลบังคับใช้ตามประกาศกระทรวงมหาดไทยและประกาศกระทรวงแรงงาน ตั้งแต่ 1 พ.ย. 64  ซึ่งกระทรวงแรงงานจะลงพื้นที่ตรวจสถานประกอบการเป็นเวลา 30 วัน เพื่อให้คำแนะนำนายจ้างและแรงงานข้ามชาติ ในการขออนุญาตทำงานให้แก่ลูกจ้าง เพื่อเข้าสู่ระบบการจ้างงานตามกฎหมายต่อไป ซึ่งกระทรวงแรงงานขอให้นายจ้าง/สถานประกอบการให้ความสำคัญและดำเนินการภายในกำหนดเพื่อประโยชน์ของท่านและลูกจ้างในความดูแล” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว

“แรมโบ้” อัด “เพื่อไทย” หนุนม็อบสามกีบคิดล้มล้างสถาบัน กล้าเสนอแก้ ม.112และ116 ก็ต้องชัดเจนแล้ว จะได้ป่าวประกาศบอกประชาชนคนไทยทั่วประเทศว่า อย่าไปเลือกพรรคหนักแผ่นดินที่คิดล้มล้างสถาบันฯ

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงพรรคเพื่อไทย ประกาศพร้อมนำข้อเสนอแก้กฎหมายมาตรา 112 และ 116 เข้าสู่วาระการประชุมรัฐสภา โดยระบุว่าการที่จะเสนอแก้กฎหมาย 2 มาตรานี้เข้าสภาฯ ถือเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพียงเพราะผลประโยชน์ และสำหรับปกป้องการกระทำความผิดของบางกลุ่มหรือพรรคการเมืองบางพรรคเท่านั้น การกระทำเช่นนี้จะทำให้คนไทยที่รักสถาบันหูตาสว่างขึ้นว่าพรรคเพื่อไทยที่แท้ก็คืออีแอบที่เกี่ยวข้องเรื่องการคิดจาบจ้วงก้าวล่วงของม็อบสามกีบและคณะราษฎรตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาอย่างนั้นใช่ไหม

ขณะเดียวกัน ม.112 และ116 ตนเองพูดมาตลอดว่าไม่เคยไปใช้รังแกใคร มีแต่คนกลุ่มนี้วิ่งเข้าใส่เพื่อท้าทาย ม.112 และ116 ทำผิดกฎหมายฝ่าฝืนตั้งใจเย้ยฟ้าท้ากฎหมายบ้านเมืองเองจึงต้องมีความจำเป็นต้องคงไว้ ถ้ายกเลิกกฎหมายมาตราดังกล่าว รับรองได้เลยว่า คนชั่วๆคนเลวๆ คนหนักแผ่นดินพวกนี้จะเหิมเกริมก้าวร้าวจนเป็นบ้านเมืองเกิดกลียุค ลุกเป็นไฟ กลายเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนอย่างแน่นอน 

นายเสกสกลยังตั้งข้อสังเกตว่าการที่พรรคเพื่อไทยออกมาสนับสนุน เสนอแก้กฎหมาย ม.112 และ116 นั้น อาจเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้อาจสนับสนุนกลุ่มเคลื่อนไหวม็อบ 3 นิ้วอยู่เบื้องหลัง แต่พอรู้ว่าจะเคลื่อนไหวไม่สำเร็จจึงออกมาเปิดเผยตัวและใช้ความเป็นนักการเมือง ใช้สภาฯ เป็นช่องทางในการแก้ไขกฎหมายแทน

นอกจากนี้ตั้งแต่ได้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวนายใหญ่ นายทักษิณ ชินวัตร เป็นประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมของพรรคด้วย พรรคเพื่อไทย จึงทำให้พรรคเพื่อไทยรีบเสนอแก้กฎหมาย เพื่อเป็นการเอาใจนายใหญ่ด้วยหรือไม่ หรือนายใหญ่สั่งมา ต้องกล้าเอาความจริงออกมาพูด

“บิ๊กตู่”กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมระดับผู้นำ COP26 ประกาศเจตนารมณ์ไทยพร้อมยกระดับการแก้ไขปัญหาภูมิอากาศอย่างเต็มที่ด้วยทุกวิถีทาง ย้ำต้องหยุดทำร้ายธรรมชาติเพราะไม่มีโลกใบที่สองเหมือนโลกนี้อีกแล้ว 

ที่ศูนย์การประชุม The Scottish Event Campus พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมระดับผู้นำ (World Leaders Summit) ในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change Conference of the Parties: UNFCCC COP) (COP26)

นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุม โดยยืนยันว่า ไทยให้ความสำคัญสูงสุดกับการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พร้อมร่วมมือกับทุกประเทศ ทุกภาคส่วนเพื่อบรรลุเป้าหมายสำคัญของโลกเพื่ออนาคตของลูกหลานของพวกเราทุกคน“ผมมาร่วมประชุมวันนี้ เพื่อเป็นการยืนยันว่าประเทศไทยให้ความสำคัญสูงสุดกับการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยไทยพร้อมร่วมมือกับทุกประเทศ และทุกภาคส่วนเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกันในการแก้ปัญหาครั้งสำคัญที่สุดครั้งหนึ่งของโลก เพราะภารกิจนี้คือความเป็นความตายของโลกและอนาคตของลูกหลานของพวกเราทุกคน ปัจจุบันไทยปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกในปริมาณเพียงประมาณร้อยละ 0.72 ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วทั้งโลก แต่ประเทศไทยกลับเป็น 1ใน 10 ประเทศที่ได้รับผลกระทบร้ายแรงที่สุดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และนี่คือเหตุผลสำคัญที่ผมไปร่วมการประชุมสุดยอดเรื่องภูมิอากาศของสหประชาชาติที่กรุงปารีสเมื่อปี ๒๐๑๕ โดยไทยอยู่ในประเทศกลุ่มแรกที่ให้สัตยาบันเข้าเป็นภาคีของความตกลงปารีส
 คำมั่นสัญญาของไทย มิใช่คำมั่นที่ว่างเปล่า ในช่วงที่ผ่านมา ไทยได้ปฏิบัติตามคำมั่นทุกประการที่ให้ไว้กับประชาคมโลกอย่างต่อเนื่อง และมีการดำเนินการอย่างแข็งขันภายในประเทศ” 
 
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ไทยได้กำหนดเป้าหมาย NAMA (นา-มา) เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ในภาคพลังงานและขนส่งอย่างน้อยร้อยละ 7 ภายในปี 2020 แต่ทว่าในปี 2019 ไทยสามารถลดก๊าซเรือนกระจกได้แล้วร้อยละ 17 ซึ่งเกินเป้าหมายที่เราตั้งไว้กว่า 2 เท่า และก่อนเวลาที่ได้กำหนดไว้มากกว่า 1 ปี นอกจากนี้ไทยยังเป็นประเทศแรก ๆ ที่จัดส่ง NDC (เอ็น ดี ซี) ฉบับปรับปรุงปี 2020 และจัดทำแผนงานต่าง ๆ ในระดับประเทศ และระดับท้องถิ่น ล่าสุด ไทยได้ส่งยุทธศาสตร์ระยะยาวในการพัฒนาแบบปล่อยก๊าซเรือนกระจกระดับต่ำให้กับ UNFCCC โดยไทยเป็นประเทศแรก ๆ ที่จัดทำยุทธศาสตร์นี้
 
“วันนี้ผมจึงมาพร้อมกับเจตนารมย์ที่เป็นความท้าทายอย่างยิ่งว่าประเทศไทยจะยกระดับการแก้ไขปัญหาภูมิอากาศอย่างเต็มที่และด้วยทุกวิถีทาง เพื่อให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี 2050 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ได้ในปี 2065 และด้วยการสนับสนุนทางด้านการเงินและเทคโนโลยีอย่างเต็มที่และเท่าเทียม รวมถึงการเสริมสร้างขีดความสามารถจากความร่วมมือระหว่างประเทศ และกลไกภายใต้กรอบอนุสัญญาฯ ผมมั่นใจว่าประเทศไทยก็จะสามารถยกระดับ NDC ของเราขึ้นเป็นร้อยละ 40 ได้ ซึ่งจะทำให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิของไทยเป็นศูนย์ได้ภายในปี 2050 

ก.อุตฯ รับเลื่อนคำชี้ขาดคดีเหมืองทองเป็น 31 ม.ค. 65 เหตุต้องเจรจาระงับข้อพิพาท ยันไทยยังไม่แพ้

กระทรวงอุตสาหกรรม ยืนยันอนุญาโตตุลาการในคดีข้อพิพาทเหมืองทอง เลื่อนการออกคำชี้ขาดจากกำหนดการเดิม 31 ตุลาคม 2564 ออกไปเป็นวันที่ 31 มกราคม 2565 เนื่องจากการเจรจาระงับข้อพิพาทของทั้งสองฝ่ายมีแนวโน้มและทิศทางที่ดี 

นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมและประธานคณะกรรมการดำเนินการระงับข้อพิพาทระหว่างราชอาณาจักรไทยกับบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ด เปิดเผยว่า กรณีข้อพิพาทระหว่างประเทศไทยกับบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ด ประเทศออสเตรเลีย ผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ผู้ถือประทานบัตรเหมืองแร่ทองคำ จังหวัดพิจิตรและเพชรบูรณ์ ที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาของคณะอนุญาโตตุลาการ และโดยที่ปรากฏเป็นข่าวว่า บริษัท คิงส์เกตฯ ได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับความคืบหน้าในการพิจารณาข้อพิพาท และการขอเลื่อนการออกคำชี้ขาดจากกำหนดการเดิม 31 ตุลาคม 2564 ออกไปเป็นวันที่ 31 มกราคม 2565 นั้น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top