Thursday, 12 December 2024
Hard News Team

'เฉลิมชัย'​ เดินหน้า '5ยุทธศาสตร์'​ ฝ่าวิกฤตโควิด จับมือเอกชน เร่งพัฒนา 'แอร์คาร์โก'​ พร้อมตั้งศูนย์ตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานสินค้าเกษตรอาหาร เพิ่มศักยภาพการส่งออกเริ่มแห่งแรกที่ดอนเมืองก่อนขยายไปสุวรรณภูมิ ตั้งเป้าฮับอาเซียน

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แถลงวันนี้ (13​ มิ.ย) ว่า ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้สั่งการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งดำเนินการพัฒนาระบบการขนส่งทางอากาศ (Agriculture and Food Air Cargo Terminal: AFCT) สำหรับการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหาร ซึ่งจะมีการจัดตั้ง 'ศูนย์ตรวจสอบคุณภาพสินค้าเกษตร-อาหาร'​ โดยเริ่มโครงการนำร่องที่ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง และท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิเป็นลำดับถัดไปก่อนจะขยายโครงการไปยังท่าอากาศยานภูมิภาคที่มีความพร้อมเช่น​ เชียงใหม่, ขอนแก่น, หาดใหญ่, ภูเก็ต เป็นต้น​ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในภาคเกษตรอาหารซึ่งเป็นโอกาสของประเทศไทยภายใต้วิกฤติโควิด19

นายอลงกรณ์​ กล่าวต่อไปว่า การส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารต้องการความสะดวกรวดเร็วส่งถึงลูกค้าปลายทางทั่วโลกด้วยคุณภาพและมาตรฐานระดับสากล​ โดยคงความสดสะอาดอร่อยสามารถเพิ่มเวลาการบริโภคหรือเวลาการขาย (Shelf life) มากขึ้น

สำหรับศูนย์ตรวจสอบคุณภาพสินค้าเกษตรอาหาร ณ คาร์โกเทอร์มินัล​ ทำหน้าที่ให้บริการตรวจสอบรับรองสินค้าเกษตรอาหารเพื่อส่งออกตามเงื่อนไขของประเทศผู้นำเข้า และเป็นไปตามมาตรฐานสากล ประกอบด้วย สินค้าพืช ประมง และปศุสัตว์ โดยให้บริการกับผู้ขอรับบริการทั่วไปแบบวันสต็อปเซอร์วิสเพื่อบรรลุเป้าหมายการเป็นฮับการผลิตและขนส่งสินค้าเกษตรและอาหารของอาเซียน

“อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์การระบาดของเชื้อโรคโควิด19 ที่ได้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกและนำเข้าสินค้าเกษตรในปีที่ผ่านมา การประเมินการส่งออกอาหารของไทยในปี 2564 โดยสถาบันอาหาร คาดการณ์ว่าสินค้าอาหารของไทยจะมีมูลค่า 1.08-1.10 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.2-12.2% เทียบกับปีที่ผ่านมาที่หดตัวจากผลกระทบของโควิด19 

"ดังนั้น ภายใต้ความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์และภาคเอกชน จึงเป็นกลไกที่สำคัญในสนับสนุนการส่งออกผลิตสินค้าเกษตรและอาหารที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล และความปลอดภัยของสินค้าเกษตรไทย จะเป็นส่วนสำคัญในการรักษาความเชื่อมั่นของตลาดต่างประเทศ เพิ่มปริมาณและมูลค่าสูงขึ้น และส่งผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวมต่อไป”

นายอลงกรณ์​ กล่าวอีกว่า​ โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเดินหน้ายุทธศาสตร์ 'ตลาดนำการผลิต'​ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน ที่จะขับเคลื่อนการทำงานด้วย 5 ยุทธศาสตร์ และ 15 แนวทางนโยบายหลักโดยเฉพาะยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิตเป็นยุทธศาสตร์หลักเพื่อปฏิรูปภาคเกษตรและ การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร เพื่อตอบสนองต่อห่วงโซ่อุปทาน ที่เปลี่ยนแปลงไป และเพื่ออํานวยความสะดวกในการส่งออก และนําเข้าสินค้าเกษตร

ตำรวจเตือน!! ผู้มีรสนิยมชื่นชอบ 'สื่อลามกเด็ก'​ มีไว้ในครอบครอง-ส่งต่อ-ขาย ระวังจะติดคุกรับโทษหนัก

ตำรวจเตือน!! ผู้มีรสนิยมชื่นชอบ 'สื่อลามกเด็ก'​ มีไว้ในครอบครอง-ส่งต่อ-ขาย ระวังจะติดคุกรับโทษหนัก

จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภาค 5 ใช้เครื่องมือพิเศษจับครูอัตราจ้างโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงราย โหลดคลิปลามกเด็กนับร้อย โดยที่เจ้าตัวรับสารภาพอ้างว่าเก็บไว้ดูเล่น  

สำหรับกรณีดังกล่าว พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองผู้บังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.)​ ในฐานะรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ในเรื่อง สื่อลามกเด็ก หรือ ที่เรียกว่า Child Pornography นั้น ต่างประเทศให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างมาก​ เพราะถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิของเด็ก 

ในประเทศไทยก็เช่นกัน มีการบัญญัติไว้ใน ประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งมีอัตราโทษค่อนข้างสูงโดยหากมีในครอบครองโดยมีเจตนาเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น​ ก็ถือเป็นความผิด มีอัตราโทษจำคุกถึง 5 ปี ดังเช่นในกรณีที่มีการจับกุมดังกล่าว  

หากส่งต่อสื่อลามกเด็ก หรือ หากเป็นการประกอบการค้าเกี่ยวกับสื่อลามกเด็ก อัตราโทษก็จะยิ่งสูงขึ้นไปอีก 

สำหรับสื่อลามกเด็กคือ ภาพหรือคลิปลามกของบุคคลอายุต่ำกว่า 18 ปี ที่มีลักษณะทำให้เกิดความใคร่ทางกามารมณ์ ซึ่งจะมีกลุ่มบุคคลที่มีรสนิยมชื่นชอบสื่อลามกเด็ก พยายามเข้าถึงเว็บไซต์สื่อลามกเด็ก แล้วดาวน์โหลดเก็บไว้ในโทรศัพท์ หรือ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ บางครั้งอาจมีการส่งต่อให้กับเพื่อนหรือบุคคลในกลุ่มที่มีรสนิยมเดียวกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายทั้งสิ้น โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะมีการเพิ่มความเข้มข้นกับการบังคับใช้กฎหมายในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นการกระทำที่ไม่สมควรกับเด็กและเยาวชน 

จึงอยากจะฝากเตือนบรรดาผู้มีรสนิยมชื่นชอบสื่อลามกเด็กให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าว เพราะอาจถูกจับกุมดำเนินคดี​ ซึ่งมีอัตราโทษค่อนข้างสูง

สำหรับกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสื่อลามกอนาจารเด็ก มีดังนี้...

มาตรา 287/1 ผู้ใดครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ถ้าผู้กระทำความผิดตามวรรคหนึ่งส่งต่อซึ่งสื่อลามกอนาจารเด็กแก่ผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

และ​ มาตรา 287/2 ผู้ใด​ (1) เพื่อความประสงค์แห่งการค้า หรือโดยการค้า เพื่อการแจกจ่ายหรือเพื่อการแสดงอวดแก่ประชาชน ทำ ผลิต มีไว้ นำเข้าหรือยังให้นำเข้าในราชอาณาจักร ส่งออกหรือยังให้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พาไปหรือยังให้พาไปหรือทำให้แพร่หลายโดยประการใด ๆ ซึ่งสื่อลามกอนาจารเด็ก

(2) ประกอบการค้า หรือมีส่วนหรือเข้าเกี่ยวข้องในการค้าเกี่ยวกับสื่อลามกอนาจารเด็ก จ่ายแจกหรือแสดงอวดแก่ประชาชนหรือให้เช่าสื่อลามกอนาจารเด็ก

(3) เพื่อจะช่วยการทำให้แพร่หลาย หรือการค้าสื่อลามกอนาจารเด็กแล้ว โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆ ว่ามีบุคคลกระทำการอันเป็นความผิดตามมาตรานี้ หรือโฆษณาหรือไขข่าวว่าสื่อลามกอนาจารเด็กดังกล่าวแล้วจะหาได้จากบุคคลใด หรือโดยวิธีใดต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่หกหมื่นบาทถึงสองแสนบาท

สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอความร่วมมือมายังพี่น้องประชาชน หากพบเห็นการกระทำผิดกฎหมายดังกล่าว กรุณาแจ้งเบาะแสไปยังสายด่วน 191 และสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

Click on Clear THE TOPIC EP.2/4 จับประเด็น เน้นความรู้ ตอน ปัญหาที่ดิน คือ รากฐานของความเหลื่อมล้ำ

Click on Clear THE TOPIC EP.2/4 จับประเด็น เน้นความรู้ ตอน ปัญหาที่ดิน คือ รากฐานของความเหลื่อมล้ำ

ปัญหาการกระจุกตัวของที่ดินในมือคนมีอันจะกิน ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่มีโอกาสเข้าถึงที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน การกระจายอำนาจและวางแผนแก้ไขปัญหาที่ดินอย่างจริงจังเท่านั้น จึงจะแก้ปัญหาเรื่องนี้ ซึ่งปัญหาที่ดิน คือ รากเหง้าของปัญหาความเหลื่อมล้ำ

พบกับ มานพ คีรีภูวดล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล 

ดำเนินรายการโดย ปริม กุญชนิตา กุญชร ณ อยุธยา Host & Content Creator THE STATES TIMES

.

.

กลุ่ม อินเตอร์ลิ้งค์ฯ จัดสัมมนา Total Cabling & Networking Solution มุ่ง​ Update Solution สายสัญญาณและอุปกรณ์การเชื่อมต่อยุคใหม่

#INTERLINK

(12 มิ.ย. 2564) คุณสมบัติ อนันตรัมพร ประธาน กลุ่ม อินเตอร์ลิ้งค์ฯ จัดสัมมนา Total Cabling & Networking Solution ซึ่งเดินทางมาถึงภูมิภาคสุดท้าย​แล้ว​ ให้กับกลุ่มลูกค้าจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กว่า 100 คน

โดยนำทีมวิทยากรชั้นนำมา Update Solution สายสัญญาณและอุปกรณ์การเชื่อมต่อที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อต่อยอดไอเดียให้เกิดธุรกิจใหม่แก่ลูกค้าภาคอีสานโดยเฉพาะ

Live จากเขาใหญ่ (แล้วพบกันใหม่อีกครั้งที่งาน VIP Thank you party เร็วๆ นี้)

'ผบ.ตร.' จัดสอบวัดความรู้ตำรวจจราจรทั่วประเทศ คัดสรรเจ้าหน้าที่ให้ได้ระดับมาตรฐานสากลที่ประชาชนต้องการ

วันนี้ (12 พ.ค.64) เวลา 10.00 น. ที่กองบัญชาการศึกษา (บช.ศ.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานจราจร (ศจร.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ฯ ได้มาสังเกตการณ์ดูการทดสอบความรู้ความสามารถ ตำรวจจราจรตั้งแต่ระดับ รอง ผกก. ถึง ผบ.หมู่ ทั่วประเทศ ผ่านระบบออนไลน์ ทางเว็บไซต์ ศจร.ตร. www.tpot.police.go.th 

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ กล่าวว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ​ ได้กำหนดวิสัยทัศน์ตำรวจให้ "เป็นองค์กรบังคับใช้กฎหมายที่นำสมัย ในระดับมาตรฐานสากล เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นศรัทธา" โดยเฉพาะงานด้านจราจร ซึ่งมีระเบียบ กฎหมาย เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา รวมถึงสถานการณ์หลากหลายรูปแบบที่ต้องเผชิญกับผู้ที่ไม่เคารพกฎจราจร นำมาซึ่งความไม่ปลอดภัยบนท้องถนน และรวมถึงตัวเจ้าหน้าที่เองด้วย ดังนั้น จึงต้องมีการอบรมและทดสอบความรู้ ทั้งในข้อกฎหมาย แนวทางการปฏิบัติ และการใช้ดุลยพินิจในแต่ละเหตุการณ์ ซึ่งต้องทำให้เป็นรูปแบบมาตรฐานเดียวกัน

การทดสอบในครั้งนี้ จะมีทั้งวิชากฎหมาย และความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับงานจราจร ผู้เข้าสอบจะต้องทำข้อสอบให้ได้ 100% เต็ม ในส่วนของวิชากฎหมาย และ 70% ในส่วนของความรู้ทั่วไป​ หากสอบไม่ผ่านตามเกณฑ์ที่กำหนด จะให้โอกาสเข้ารับการทดสอบใหม่อีกครั้ง และหากยังไม่ผ่านอีก จะให้งดการปฏิบัติหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายเป็นการชั่วคราว

การทดสอบ จะดำเนินการภายใต้มาตรการทางสาธารสุขอย่างเคร่งครัด เนื่องจากยังอยู่ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 โดยในกรุงเทพมหานครและจังหวัดที่เป็นพื้นที่สีแดง จะจัดทดสอบ ณ สถานีตำรวจ สำหรับจังหวัดอื่น จะทดสอบ ณ ที่ทำการ ภ.จว. นั้นๆ โดยมีตำรวจจราจรทั่วประเทศเข้ารับการสอบทั้งสิ้น 18,811 นาย จำนวน​ 625  สนามสอบทั่วประเทศ

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ ย้ำว่า ผบ.ตร. มุ่งเน้นให้ตำรวจจราจต้องพัฒนาองค์ความรู้ใหม่ๆ และเพิ่มพูนทักษะในการปฏิบัติงานอยู่เสมอ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุดในการอำนวยความสะดวกการจราจรแก่ประชาชน และบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่ฝ่าฝืน เพื่อลดอุบัติเหตุบนท้องถนน รวมทั้งต้องสามารถอธิบายข้อกฎหมาย ขั้นตอนการปฏิบัติ ตอบปัญหาข้อสงสัย ให้แก่ประชาชนได้อย่างถูกต้องเป็นมาตรฐานเดียวกัน 

โรงพยาบาลพญาไท 3 เสริมกำลังใจ พร้อมสร้างมาตรฐานความปลอดภัย ให้แก่ผู้รับบริการ

เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2564 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดี กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก, รองศาสตราจารย์ นายแพทย์สุวัฒน์ เบญจพลพิทักษ์ ปลัดกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจหน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่ ศูนย์การค้าเดอะมอลล์บางแค เอ็ม ซี ซี ฮอลล์ ชั้น4

โดยเครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล ภายใต้ความร่วมมือของกลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) นำทีมโดยรศ.คลินิก พญ.วารุณี จินารัตน์ ผู้อำนวยการแพทย์โรงพยาบาลพญาไท 3 และคุณณัฐชานันท์ นิธิโชติวรภัทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดโรงพยาบาลพญาไท 3 พร้อมด้วย ทีมแพทย์และพยาบาลที่ปฏิบัติหน้าที่ พร้อมด้วยผู้บริหารของกลุ่มความร่วมมือ โดยมี กฤษณา อัมพุช พร้อมด้วย นายแพทย์อภิชาต วชิรพันธ์, ศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล, รุจิรา อารินทร์, ดร.พรชัย มงคลวนิช ให้การต้อนรับ

ถือเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่และผู้ปฏิบัติงาน อีกทั้งยังสร้างความเชื่อมั่นในมาตรฐานการบริหารจัดการที่มาพร้อมความปลอดภัยให้แก่ประชาชนผู้เข้ารับบริการในครั้งนี้

ปลัด สปน. แจ้ง ขยายเวลา เวิร์ก ฟรอม โฮม ถึง 30 มิ.ย. มั่นใจ งานมีประสิทธิภาพ-ช่วยลดการแพร่ระบาด โควิด-19

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากมติคณะรัฐมนตรี ประกาศของศบค.และสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในขณะนี้ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้พิจารณาแล้วให้มีการขยายเวลาการ เวิร์ก ฟรอมโฮม ต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายนนี้ 

นายธีรภัทร กล่าวว่า โดยยึดแนวทางปฎิบัติที่ประกาศไว้เดิม แต่มีประเด็นเพิ่มเติมคือ เร่งรัดให้เจ้าหน้าที่ของสปน. ได้รับการฉีดวัคซีนให้ครบถ้วนโดยเร็ว ซึ่งขณะนี้ได้รับการฉีดวัคซีนไปแล้วประมาณ 74% อย่างไรก็ตามการดำเนินงานในขณะนี้ยังเป็นการประชุมหารือผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ซึ่งทุกการประชุมคณะกรรมการตามกฏหมาย และคณะอนุกรรมการที่เกี่ยวข้องต่างๆยังเป็นไปด้วยดี นอกจากนี้ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีปกติจะต้องติดตามงานภาคต่างๆในต่างจังหวัด ก็ปรับมาใช้ระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เพื่อติดตามงานในพื้นที่ โดยในบางภารกิจในพื้นที่ เช่น การตรวจมาตรฐานศูนย์ราชการสะดวก 300 กว่าหน่วย สปน.ได้ติดตามสถานะภาพในพื้นที่จริงผ่านระบบวิดีโอเคลื่อนที่ เพื่อดูพื้นที่จริงอย่างใกล้ชิด ได้เห็นในพื้นที่นั้นๆมีสภาพเป็นอย่างไรในเวลาที่ติดตามด้วย

นายธีรภัทร กล่าวว่า ในส่วนงานศูนย์บริการประชาชน สำนักนายกรัฐมนตรี ในการรับเรื่องราวร้องทุกข์ ยังคงใช้ 4 ช่องทางเดิม คือ

1.) สายด่วนของรัฐบาล1111

2.) ตู้ปณ.1111 และ

3.) เว็บไซต์ www.1111.go.th

4.) แอพพลิเคชั่น PSC1111

เนื่องจากสถานการณ์ โควิด-19 ยังต้องคงเฝ้าระวัง การรับเรื่องราวร้องทุกข์ ยังดำเนินการไปได้ด้วยดี โดยมากกว่า 90% เรื่องได้ยุติส่วนที่เหลือเป็นเรื่องของข้อกฎหมายที่ต้องพิจารณาเป็นรายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สปน.ได้รายงานข้อเสนอแนะและเรื่องร้องทุกข์ให้นายกรัฐมนตรีทราบทุกสัปดาห์ และนายกรัฐมนตรีได้เร่งรัดทุกเรื่องในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี รวมหลายเรื่องนำไปสู่นโยบายการช่วยเหลือประชาชนในภาพรวม การช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โรคโควิด-19 และฟื้นฟูเศรษฐกิจด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมาเมื่อเจ้าหน้าที่เวิร์กฟอรมโฮม มีปัญหาอุปสรรคอย่างไรหรือไม่ นายธีรภัทร กล่าวว่า หากทุกคนมาทำงานในที่ทำงานพร้อมกัน ประสิทธิภาพย่อมดีกว่าอยู่แล้ว แต่การทำงานชีวิตวิถีใหม่ เวิร์กฟอรมโฮม บางเรื่องที่ต้องการความรวดเร็วเร่งด่วน เราก็ใช้การพูดคุยและส่งผ่านข้อมูลผ่านอีเมล และไลน์ โดยที่ไม่ได้เห็นหน้ากัน แต่ในบางครั้งการได้ทำงานแบบพบเห็นหน้ากันก็จะมีประสิทธิภาพมากกว่า อย่างไรก็ตาม จากการประเมินในเวลานี้โดยติดตามการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นๆด้วย ถือว่าประสิทธิภาพของการทำงานเป็นไปด้วยดี สามารถขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี

นายธีรภัทร กล่าวว่า ขณะนี้ทุกหน่วยงานใน สปน. ได้ปรับแผนการรายงาน ผลการทำงานต่อผู้บังคับบัญชา ซึ่งทุกหน่วยงานจะได้รายงานความคืบหน้าการทำงานมาที่ตน ว่ามีผลการทำงานอย่างไรบ้าง ในทุกสัปดาห์ โดยให้ระดับรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ตรวจราชการฯ ผู้อำนวยการสำนัก และผู้อำนวยการกอง ประชุมคอนฟอร์เรนพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของตนอยู่ตลอด โดยเมื่อวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมาตนได้ประชุมระดับผู้บริหารของสำนักนายกฯ สรุปงานผ่านวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ 2-3 ชั่วโมง 

นอกจากงานปกติแล้วยังต้องทำงานช่วยศบค.ในเรื่องการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ด้วย เช่น การบริหารจัดการหน้ากากอนามัย การสนับสนุนถุงยังชีพรายครอบครัวให้กับชาวบ้านในหมู่บ้าน 14 จังหวัดที่ต้องปิดเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 

ทั้งนี้ขอย้ำว่าปัจจุบันถึงแม้หน่วยราชการจะเวิร์กฟอรมโฮม แต่คุณภาพงานยังมีประสิทธิภาพอยู่ เป็นการช่วยลดการเดินทางและช่วยลดการแพร่ระบาดโควิด-19 ในช่วงนี้ 

จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนลดกิจกรรมที่ต้องพบปะกัน และดำเนินการตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดอีกระยะหนึ่ง รวมทั้งร่วมกันฉีดวัคซีน แล้วการดำรงชีวิตตามปกติจะได้คืนกลับมาโดยเร็ว

รมว.สุชาติ เผย รัฐ-เอกชน จับมือเดินหน้ามาตรการป้องกันควบคุมโควิดแก่ลูกจ้างในโรงงาน ขับเคลื่อนธุรกิจโดยเร็ว

นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ประชุมหารือร่วมกับ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหารือมาตรการป้องกันควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสถานประกอบกิจการโรงงาน สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ช่วยภาคธุรกิจขับเคลื่อนต่อไปได้โดยเร็ว 

ที่ห้องประชุม อก.1 ชั้น 2 อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานการประชุมหารือมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสถานประกอบกิจการโรงงาน ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (VDO Conference) โดยมี นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน นางธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย 

โดย รมว.แรงงาน กล่าวว่า รัฐบาล ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยพี่น้องแรงงานในสถานประกอบกิจการโรงงานจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งรัฐบาล โดยศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ได้มอบหมายกระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงแรงงาน เป็นเจ้าภาพ ในการขับเคลื่อนมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 สถานประกอบกิจการโรงงาน ทั้งในและนอกนิคมอุตสาหกรรม 

นายสุชาติ กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้ประกันตนมาตรา 33 จำนวน 11 ล้านคน ซึ่งกระทรวงแรงงานโดยสำนักงานประกันสังคมได้ตอบสนองนโยบายรัฐบาล โดยดำเนินการขอความร่วมมือให้นายจ้างในระบบประกันสังคมสำรวจ และกรอกข้อมูลความต้องการรับวัคซีนโควิด-19 ของผู้ประกันตนผ่านระบบ Web Service ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค.-3 มิ.ย.64 ซึ่งในการดำเนินการดังกล่าวมีผู้ประกันตนมาตรา 33 แสดงความประสงค์ขอรับวัคซีนเป็นจำนวน 6,012,662 ราย คิดเป็นร้อยละ 77.5 และในวันนี้กระทรวงแรงงานและกระทรวงอุตสาหกรรม รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีประชุมร่วมกันในวาระสำคัญพิจารณาเกี่ยวกับมาตรการเร่งรัดการฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรและแรงงานในสถานประกอบกิจการโรงงาน 

“กระทรวงแรงงาน มีความห่วงใยพี่น้องแรงงานในสถานประกอบกิจการโรงงานจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยร่วมมือกับกระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หารือแนวทางเพื่อกำหนดมาตรการเร่งรัดการฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรและแรงงานในสถานประกอบกิจการโรงงาน ซึ่งเป็นการบูรณาการร่วมกันในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสถานประกอบกิจการโรงงาน รวมทั้งสร้างภูมิคุ้มกันหมู่แก่แรงงาน ให้สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ เพื่อให้ภาคธุรกิจได้มีการขับเคลื่อนต่อไปได้โดยเร็ว” นายสุชาติ กล่าวในท้ายสุด

ตม.สุรินทร์ ตามติดเครือข่ายลอบขนต่างด้าว ดักจับขณะข้ามแดน เร่งสาวหาตัวการ

พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.), พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.กฤษฎา กาญจนอลงกรณ์ ผบก.ตม.4, และ พ.ต.อ.สำราญ กลั่นมา ผกก.ตม.จว.สุรินทร์ ร่วมแถลงข่าวจับกุม โดยมีรายละเอียด ดังนี้

ตม.จว.สุรินทร์ ร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ จับกุมบุคคลต่างด้าวสัญชาติ กัมพูชา จำนวน 8 ราย บริเวณช่องทางธรรมชาติ คะลาคะมุม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ โดยชาวกัมพูชาทั้งหมด รับว่าจะเดินทางไปรับจ้างใช้แรงงานในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยง มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อันอาจนำไปสู่คลัสเตอร์การแพร่ระบาดในวงกว้าง

ตามนโยบายของ ผบก.ตม.4 ได้สั่งการเน้นย้ำให้ ตม.จังหวัด ในสังกัด บก.ตม.4 เพิ่มความเข้มในการป้องกันการลักลอบขนคนต่างด้าวเข้าเมือง และจับกุมขบวนการลักลอบขนคนต่างด้าว โดยให้มีผลการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ผกก.ตม.จว.สุรินทร์ จึงสั่งการให้ชุดสืบสวน ตม.จว.สุรินทร์ สืบสวนหาข่าวติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มนายหน้าขนแรงงานต่างด้าวที่อยู่ในพื้นที่ จ.สุรินทร์ ร่วมกับหน่วยงานความมั่นคง

ในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งได้รับรายงานจากสายข่าวว่า จะมีการลักลอบพาบุคคลต่างด้าว สัญชาติ กัมพูชา เดินเท้าเข้ามาผ่านช่องทางธรรมชาติคะลาคะมุม จึงประสานหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ วางกำลังดักซุ่มจนกระทั่งพบกลุ่มบุคคลต่างด้าวจำนวน 8 ราย จึงแสดงตัวเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ เข้าจับกุม ตรวจสอบแล้ว ไม่พบเอกสารสำคัญประจำตัว หรือหนังสือเดินทาง สอบถามหนึ่งในกลุ่มบุคคลต่างด้าวได้ความว่า ตนกับพวกอีก 7 คน ต้องการเดินทางไปหางานทำในพื้นที่จังหวัดชั้นใน จึงติดต่อกับนายหน้ารับพาคนต่างด้าวข้ามมาฝั่งไทย โดยผ่านช่องทางธรรมชาติ เมื่อเดินมาถึงบริเวณถนนหลวง จะมีรถตู้มารับพาไปส่งยังพื้นที่จังหวัดชั้นในต่อไป จึงควบคุมตัวไปผลักดันส่งกลับต่อไป ทั้งนี้ ตม.สุรินทร์ กำลังเร่งสืบสวนขยายผลหาตัวการนำพาแรงงานดังกล่าว

สตม.ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตราย ต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน อันทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

คลังฟันร้านค้าหัวหมอโกงเราชนะอีกเป็นร้อยราย

น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังได้ตรวจพบธุรกรรมที่เข้าข่ายฝ่าฝืนหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขของโครงการเราชนะ จึงได้ทำการระงับสิทธิ์ชั่วคราวการเข้าร่วมโครงการของผู้ประกอบการเพิ่มเติม จำนวน 120 ราย และขอให้ผู้ประกอบการที่ถูกระงับสิทธิ์ชั่วคราวดังกล่าวชี้แจงข้อเท็จจริงมายังสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ภายในวันที่ 25 มิ.ย.2564 ตามข้อความแนะนำที่ปรากฏขึ้นในแอปพลิเคชันถุงเงิน หากพ้นระยะเวลาดังกล่าวแล้ว กระทรวงการคลังจะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

ทั้งนี้กระทรวงการคลังจะเข้มงวดในการติดตามตรวจสอบประชาชนและผู้ประกอบการที่กระทำการเข้าข่ายผิดหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขของโครงการอย่างใกล้ชิด โดยจะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เป็นต้น ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงและขยายผลการสืบสวนสอบสวนเพื่อดำเนินคดี และขอความร่วมมือจากประชาชนและผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการของกระทรวงการคลังปฏิบัติตามหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขของแต่ละโครงการอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เสียสิทธิ์การเข้าร่วมโครงการหรือมาตรการอื่นของรัฐในอนาคต และถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

สำหรับความคืบหน้าของโครงการเราชนะ ณ วันที่ 11 มิ.ย. 2564 พบว่า มีมูลค่าการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยแล้วกว่า 267,113 ล้านบาท และมีผู้ได้รับสิทธิ์ในโครงการเราชนะที่ใช้จ่ายจนครบวงเงินสิทธิ์แล้ว จำนวน 22.3 ล้านคน ซึ่งเป็นการใช้จ่ายผ่านผู้ประกอบการร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นที่มีแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ร้านค้าคนละครึ่งที่ตกลงยินยอมเข้าร่วมโครงการเราชนะ รวมถึงผู้ประกอบการร้านค้าและผู้ให้บริการที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเราชนะ จำนวนทั้งสิ้นมากกว่า 1.3 ล้านกิจการ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top