Monday, 9 June 2025
Hard News Team

“บิ๊กตู่”สั่งผลักดันการท่องเที่ยว Wellness Tourism และ Medical Tourism รองรับการท่องเที่ยวในยุคโควิด-19

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า หนึ่งในแนวนโยบายของรัฐบาลภายใต้การกำกับดูแลของพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 คือ การส่งเสริมภาคการท่องเที่ยว โดยสั่งการให้ต้องดำเนินควบคู่ไปกับการปรับกลยุทธ์ของภาคการท่องเที่ยว เพื่อให้สอดรับกับความปลอดภัยทางมาตรการสาธารณสุข การลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาประเทศไทย และความต้องการของนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ 

“โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รับลูกจากการสั่งการของนายกรัฐมนตรี เตรียมส่งเสริมและการขยายการท่องเที่ยวในรูปแบบ Medical Tourism (การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์) และ Wellness Tourism (การท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพ) เพื่อเป็นการปรับกลยุทธ์การท่องเที่ยวในปี 2565 ให้สอดรับกับสถานการณ์ในปัจจุบัน จากที่ให้ความสำคัญกับปริมาณนักท่องเที่ยวเป็นหลัก เปลี่ยนมาให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวที่สร้างมูลค่าสูง หรือมีค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวที่สูงแทน อาทิ การท่องเที่ยวในรูปแบบ Medical Tourism และ Wellness Tourism ที่มีค่าใช้จ่ายต่อหัวอยู่ที่ 80,000-120,000 บาท

รวมถึงให้ความสำคัญกับคุณภาพของการท่องเที่ยวที่จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่ม (Value added) ให้กับสินค้าและบริการ ในขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขพร้อมตอบรับเตรียมดำเนินการคู่ขนานตาม ยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medial Hub) พ.ศ. 2560-2569 สนับสนุนการใช้สมุนไพรไทย เพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมสุขภาพ (Wellness) ให้กับนักท่องเที่ยวให้ได้รับความผ่อนคลายจากผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยในแต่ละท้องถิ่น อาทิ บริการนวดไทยเพื่อสุขภาพ ซึ่งยังช่วยสร้างรายได้ให้กับชุมชนในพื้นที่การท่องเที่ยวต่างๆ ด้วย “ นายธนกรกล่าว

 

‘จีน’ ยัน มาถูกทาง ตั้งการ์ดสูงคุมโควิด ชี้ หากรีบเปิดพรมแดน เสี่ยงติดเชื้อ 6 แสนคน/วัน

คิดถูกแล้วที่ยังไม่เปิดประเทศ จีนยันนโยบาย Zero-Covid มาถูกทางแล้ว หากรีบเปิดพรมแดนมีสิทธิ์เจอการระบาดระลอกใหญ่มากกว่า 6 แสนคนต่อวัน 

นักคณิตศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัยปักกิ่งเตือนว่า จีนยังไม่พร้อมที่จะเปิดประเทศในเวลานี้ หากฝืนเปิดพรมแดนอาจเสี่ยงที่จะเจอการระบาดระลอกยักษ์ ที่มีผู้ติดเชื้อสูงถึง 6.3 แสนคนต่อวันได้

ข้อสันนิษฐานนี้ มีการรับรองและตีพิมพ์ในวารสาร China CDC Weekly โดยกรมควบคุมโรคของจีน จากการศึกษาข้อมูลของทีมอาจารย์ภาควิชาคณิตศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ที่ไม่เห็นด้วยกับการเริ่มผ่อนคลายมาตรการสกัดการระบาด Covid-19 ให้เป็นศูนย์ หรือ Zero-Covid Policy และพิจารณาแผนการเปิดเมือง เปิดประเทศตามชาติตะวันตก

หากจีนจะเปิดประเทศได้อีกครั้ง ต้องแน่ใจว่าฉีดวัคซีนครบโดส ครอบคลุมประชากรเป้าหมายเรียบร้อย และมีการเตรียมพร้อมด้านการแพทย์อย่างเหมาะสมแล้วเท่านั้น เพื่อรับมือหากเกิดคลื่นการระบาดระลอกใหม่หลังเปิดประเทศอย่างในสหรัฐอเมริกา อังกฤษ สเปน หรือฝรั่งเศส

เป็นเวลาเกือบ 2 ปีแล้ว ตั้งแต่จีนพบการระบาดของเชื้อ Covid-19 เป็นที่แรกของโลกที่เมืองอู่ฮั่น ก็ได้ใช้นโยบาย Zero-Covid Policy ปิดเมืองเข้มทุกที่ที่พบการระบาดมาตลอด จนสามารถสกัดการระบาดได้สำเร็จภายในระยะเวลาเพียงแค่ 3 เดือน ก็กลับมาเปิดเมืองได้อีกครั้ง และเชื่อมั่นว่าเป็นวิธีที่ได้ผลที่สุดในการสกัดการระบาดเพิ่มเป็นวงกว้างได้ 

แต่โมเดลการควบคุมโรคของจีน ไม่สามารถใช้ได้กับทุกที่ในโลก อย่างกลุ่มประเทศเสรีนิยมตะวันตก ที่การจำกัดการเดินทาง หรือกักบริเวณถือเป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของมนุษย์ จึงมักพบข่าวการประท้วงอย่างรุนแรงเมื่อรัฐบาลใช้มาตรการล็อกดาวน์อยู่บ่อย ๆ

‘ก้าวไกล’ ยินดี ‘คณะก้าวหน้า’ ชนะใจชาวบ้าน หลังคว้าชัยเลือกตั้ง อบต. 38 แห่ง ทั่วประเทศ

ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวแสดงความยินดีต่อชัยชนะของคณะก้าวหน้า หลังมีการประกาศผลการเลือกตั้ง อบต.ทั่วประเทศ โดยคณะก้าวหน้าคว้าชัยชนะทั้งหมด 38 แห่งทั่วประเทศ 

ชัยธวัช ระบุว่า นี่คือปรากฏการณ์ความตื่นตัวของการเมืองท้องถิ่น ที่พี่น้องประชาชนต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงในท้องถิ่นตนเอง ซึ่งการเมืองระดับท้องถิ่นเป็นการเมืองที่ตัวแทนของพี่น้องประชาชนสามารถใช้ความรู้ ความสามารถและงบประมาณในการพัฒนาได้อย่างเต็มที่

บังกลาเทศ - ปลาฮิลซ่า สมบัติของชาติและสัญลักษณ์ของบังกลาเทศ

Chandpur/บังกลาเทศ - Hilsa (ชื่อวิทยาศาสตร์: Tenualosa Hilsa) เป็นปลาประจำชาติของบังคลาเทศ เป็นปลาทะเลที่มาถึงแม่น้ำของบังคลาเทศและอินเดียตะวันออกเพื่อวางไข่

​​​

Hilsa เป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่ชาวเบงกาลีและในหลายพื้นที่ของอินเดีย เช่น เบงกอลตะวันตก โอริสสา ตริปุระ และอัสสัม

ในปี 2017 ปลา Hilsa ของบังกลาเทศได้รับการยอมรับว่าเป็นตัวบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์หรือผลิตภัณฑ์ GI Md. Anisur Rahman หัวหน้าเจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์ของ Md. Anisur Rahman กล่าว

ปลาชนิดนี้มีรสชาติและกลิ่นที่ยอดเยี่ยมและยังอุดมไปด้วยคุณภาพอาหาร ประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามิน และแร่ธาตุในระดับสูง รวมทั้งกรดไขมันอิสระโอเมก้า 3 กรดอะมิโนที่จำเป็น แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก และวิตามิน A, D และ B

ปัจจุบัน Hilsa พบในแม่น้ำประมาณ 100 แห่งของบังกลาเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แม่น้ำสายหลักของแอ่งปัทมาและเมกห์นา แม่น้ำสาขา ปากแม่น้ำ และพื้นที่ชายฝั่งทะเลของอ่าวเบงกอลมักแวะเวียนมาที่ฮิลซาด้วย นอกจากนั้นก็จับจากทะเลแต่ปลาทะเลไม่อร่อยเท่าปลาแม่น้ำ

ชาวประมงและพ่อค้ามองว่า Padma Hilsa มีราคาสูงเนื่องจากมีความต้องการซื้อสูง โดยอ้างว่า Chandpur Hilsa “ดีที่สุดในบังกลาเทศ” และมีรสชาติดีกว่าภูมิภาคอื่นๆ
ถึงกระนั้นผู้ซื้อจากภูมิภาคต่าง ๆ ก็แห่กันไปที่เมืองเพื่อซื้อปลาประจำชาติของฮิลซาเท่านั้น บางคนต้องเดินทางไกลจากซิลเหตไปยังเมือง Chandpur เป็นระยะทางกว่า 300 กิโลเมตร เพื่อเอาปลาที่อร่อยนี้ไปส่งที่บ้านของพวกเขา

“เราได้ยินมาเสมอว่ารสชาติของ Chandpur Hilsa นั้นแตกต่างออกไป ฉันซื้อปลา 5 กก. เพื่อส่งไปที่บ้านของฉัน ฉันซื้อปลาขนาด 1 กิโลกรัมในราคา 1,000 รูปีต่อกิโลกรัม” Sahidul Islam บอกกับสำนักข่าว A24

‘ก้าวไกล’ ชวนจับตากม. ล้างมรดกบาปคสช. หลังฉบับประชาชน บรรจุเข้าสภา 1 ธ.ค. นี้

‘ก้าวไกล’ ชวนติดตาม ร่างกฎหมาย ‘ล้างมรดก คสช.’ ฉบับประชาชน เข้าสภา ‘โรม’ จี้ ‘ประธานสภา’ อย่าดอง ร่างฯ อนค. ให้บรรจุเข้าพิจารณาพร้อมกันด้วย ยืนยันพรรคก้าวไกลพร้อมโหวตรับหลักการการล้างมรดกบาป คสช.

รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า สัปดาห์นี้ถือเป็นอีกหมุดหมายสำคัญในการล้างมรดก คสช. เนื่องจากทางไอลอว์ในฐานะผู้ประสานงานเครือข่ายภาคประชาชนที่ต้องการ ‘รื้อมรดกคสช.’ ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรว่า ร่างพ.ร.บ.ยกเลิกประกาศและคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย พ.ศ. ....ที่ เข้าชื่อเสนอโดยประชาชน 13,409 คน ให้ยกเลิกประกาศและคำสั่งของ คสช. รวม 35 ฉบับ ได้ถึงคิวการพิจารณาและจะบรรจุในวาระการประชุมของสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2564 นี้ 

โดย รังสิมันต์ กล่าวต่อไปว่า ตนและพรรคก้าวไกลขอสนับสนุนร่างกฎหมายของประชาชนและการอภิปรายที่กำลังจะมีขึ้นในครั้งนี้อย่างเต็มที่ พร้อมกันนี้อยากเชิญชวนให้สื่อมวลชนและพี่น้องประชาชนติดตามการอภิปราย เพื่อช่วยกันส่งเสียงไปให้ถึง ส.ส. ในสภาทุกคน ให้มาร่วมกับประชาชนในการปลดอาวุธ คสช. ที่ยังคงอยู่ ถึงแม้ว่าตอนนี้ คสช. จะหมดสถานะไปแล้วในทางกายภาพ แต่ในความเป็นจริงยังมีวิญญาณร้ายสิงอยู่ผ่านประกาศคำสั่งทั้งหลายที่ได้รับการรับรองโดยรัฐธรรมนูญ มาตรา 279 ทำให้มีผลบังคับใช้ตลอดไปจนกว่าจะถูกยกเลิก ซึ่งช่องทางการยกเลิกในระบบประชาธิปไตยก็คือ การเสนอให้รัฐสภาออกพระราชบัญญัติมายกเลิก

“หากมรดกบาปเหล่านี้ยังอยู่ ประเทศไทยจะไม่อาจกลับคืนสู่สภาวะปกติ เป็นประชาธิปไตยที่ยืนอยู่บนหลักนิติรัฐได้เลย ด้วยเหตุนี้ อดีตพรรคอนาคตใหม่จึงประกาศนโยบายเรื่องจัดการ ‘มรดกบาปคสช.’ ไว้เป็นหนึ่งในนโยบายการเลือกตั้ง 24 มี.ค. 62 และได้ดำเนินการตามนโยบายดังกล่าวผ่านกลไกของสภาผู้แทนราษฎร มีการร่างพ.ร.บ.ยกเลิกประกาศคำสั่งของหัวหน้า คสช. และได้เสนอเข้าสู่สภา โดยอาจารย์ปิยบุตร แสงกนกกุล ตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย. 62 เนื้อหาหลักใหญ่ใจความคือ ยกเลิกประกาศคำสั่งหัวหน้า คสช. ทั้งสิ้น 17 ฉบับ เนื่องจากหลายฉบับมีเนื้อหาที่กระทบสิทธิมนุษยชน ขัดหลักการความยุติธรรม ขาดหลักนิติรัฐนิติธรรม และเป็นประกาศที่ออกมาช่วง คสช. ครองอำนาจ ที่ขาดการมีส่วนร่วมประชาชน”

‘ดีพร้อม’ ยกระดับกาแฟภาคเหนือตอนบนไทย ปั้น ‘แลนด์มาร์กอาราบิก้า’ ชิงแชร์ 4 หมื่นล้าน 

ดีพร้อม ติดสปีดผู้ประกอบการ “กาแฟอาราบิก้าภาคเหนือตอนบน” โตทะลุ 5 พันล้าน พร้อมปรับแนวทางธุรกิจรับยุคชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) - เทรนด์โลกกับคาเฟ่ครบวงจร 

กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม ต้อนรับเปิดประเทศ และสอดรับนโยบายกระทรวงอุตสาหกรรมในการยกระดับกาแฟอาราบิก้าอย่างครบวงจรจากต้นสู่แก้ว (Coffee to Cup : C2C) ภายใต้อัตลักษณ์กาแฟภาคเหนือ โดยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 - ปัจจุบัน ได้ทำให้มูลค่าของตลาดกาแฟในภาคเหนือตอนบนเติบโตมากขึ้นถึง 5,000 ล้านบาท พร้อมเผยแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมดังกล่าว รับการเติบโตของธุรกิจร้านเครื่องดื่ม (คาเฟ่) รวมถึงพฤติกรรมการเว้นระยะห่าง และการปรับรูปแบบการเลือกซื้อสินค้า อาทิ การพัฒนาคุณภาพมาตรฐานเมล็ดกาแฟ การเพิ่มโอกาสในการขยายตลาด พร้อมยกระดับกาแฟอาราบิก้าภาคเหนือตอนบนให้มีมาตรฐาน และเป็นแหล่งเพาะปลูกสำคัญในระดับโลก

นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้ขับเคลื่อนนโยบายเปิดประเทศ และในช่วงที่ประเทศไทยเริ่มกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้มากขึ้น นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงได้มอบนโยบายให้ดีพร้อมเร่งฟื้นฟูภาคส่วนสำคัญทั้งด้านเกษตรกรรม อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว รวมทั้งการเข้าถึงวิสาหกิจชุมชนในหลาย ๆ พื้นที่ โดยนโยบายที่สำคัญด้านหนึ่งคือการยกระดับกาแฟอาราบิก้าให้เกิดขึ้นอย่างครบวงจร ภายใต้อัตลักษณ์กาแฟภาคเหนือ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์กาแฟที่มีคุณภาพและทำให้ภาคเหนือตอนบนเป็นแหล่งผลิตเมล็ดกาแฟที่มีชื่อเสียง ทั้งนี้ ตั้งแต่เริ่มพัฒนาอุตสาหกรรมดังกล่าวในปี 2562 จนถึงปัจจุบันได้ผลักดันทักษะของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมกาแฟในภาคการผลิตและภาคบริการให้ก้าวสู่ทิศทางที่ดีขึ้น

การพัฒนาดังกล่าว ยังเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้มูลค่าของตลาดกาแฟของภาคเหนือตอนบน เติบโตมากขึ้นถึง 5,000 ล้านบาท พร้อมทั้งเป็นแรงผลักดันให้การเติบโตของอุตสาหกรรมกาแฟในประเทศไทยเฉลี่ยปีละ 10-15% โดยตลาดกาแฟในประเทศไทยปี 2562 มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ราว 37,000 - 38,000 ล้านบาท ส่วนในปี 2563 ที่ผ่านมา มูลค่าของตลาดกาแฟในประเทศไทยอยู่ที่ 42,537 ล้านบาท แบ่งเป็นกาแฟสด 4,119 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 9.7 อัตราขยายตัวเฉลี่ยอยู่ที่ 5.8% ต่อปี ส่วนกาแฟสำเร็จรูปอยู่ที่ 38,418 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 90.3 และมีอัตราขยายตัวเฉลี่ยอยู่ที่ 3.8% ต่อปี นอกจากนี้ เมื่อศึกษามูลค่าในระดับโลกยังมีการคาดการณ์ว่าตลาดกาแฟในช่วงระหว่างปี 2564 - 2566 จะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องปีละ 9% และมีมูลค่าที่สูงมากถึง 191.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

นายณัฐพล กล่าวเพิ่มเติมว่า ดีพร้อมยังได้มีการศึกษาภาพรวมในตลาดกาแฟซึ่งพบว่ามีหลายปัจจัยที่เป็นตัวเร่งให้ผู้ประกอบการต้องปรับรูปแบบในการดำเนินธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการเติบโตของธุรกิจร้านเครื่องดื่ม (คาเฟ่) ที่เพิ่มขึ้นในพื้นที่ต่าง ๆ การลดบริโภคเครื่องดื่มนอกบ้านจากมาตรการล็อกดาวน์ ภายใต้สถานการณ์การระบาดโควิด-19 และเปลี่ยนพฤติกรรมมาสู่ยุคชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) การดื่มกาแฟสด - เลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากช่องทางออนไลน์และดิลิเวอรี่เพิ่มมากขึ้น จากปัจจัยดังกล่าว ดีพร้อมจึงได้มีแนวทางเพิ่มโอกาสการเติบโตของผู้ผลิตกาแฟในพื้นที่ภาคเหนือผ่านโครงการยกระดับศูนย์กลางการพัฒนาอัตลักษณ์กาแฟอะราบิก้าภาคเหนือ ด้วยแนวทางที่สำคัญดังนี้...

'3 นิ้ว' ปลุกม็อบบุกสภา!! นัดกดดัน ไฟเขียวกฎหมาย 'รื้อมรดก คสช.' 

เพจ ‘ทะลุฟ้า’ ได้แชร์เฟซบุ๊ก ‘iLaw’ ที่เชิญชวนแนวร่วมให้ร่วมงาน ‘รวมพลังประชาชน-รื้อมรดกคสช.’ ในวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เวลา 16.00 - 18.30 น. ณ สนามรัฐสภา (แยกเกียกกาย)

โดยระบุว่า เนื่องจากในวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2564 สภาเตรียมพิจารณาร่าง ‘ปลดอาวุธ คสช.’ เพื่อพิจารณายกเลิกประกาศและคำสั่ง ที่ตกค้างเป็นมรดกมาจากยุค คสช. ให้อำนาจแก่รัฐบาลทหารโดยไร้การตรวจสอบ เช่น อำนาจทหารขังคนได้ 7 วัน, การยกเว้นผังเมืองให้อีอีซี เป็นความพยายามล้างผลพวงรัฐประหารครั้งแรก และเป็นการพิจารณาร่างกฎหมายที่ประชาชนเข้าชื่อเสนอ

ทั้งนี้ เมื่อ 25 พ.ย. 64 iLaw ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรว่า ร่าง พ.ร.บ. ที่เคยเข้าชื่อเสนอโดยประชาชน 13,409 คน เพื่อเสนอให้ยกเลิกประกาศและคำสั่งของ คสช. รวม 35 ฉบับ ที่ขัดต่อสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตย ถึงคิวการพิจารณาและจะได้รับการบรรจุในวาระการประชุมของสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2564 จึงขอให้ผู้เสนอกฎหมายเตรียมตัวเพื่อไปนำเสนอในวันดังกล่าวด้วย

ร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ มีชื่อเต็มว่า ร่างพ.ร.บ.ยกเลิกประกาศและคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย พ.ศ. …. หรือเรียกเป็นชื่อเล่นว่า ร่าง #ปลดอาวุธคสช ที่เสนอให้ยกเลิกประกาศและคำสั่ง ซึ่งออกมาโดยการอ้างอำนาจการเป็นรัฏฐาธิปัตย์เมื่อเข้าทำรัฐประหาร และอำนาจพิเศษจาก “มาตรา 44” ซึ่งต่อมาแม้ คสช. จะหมดสถานะไปแล้วแต่ประกาศคำสั่งทั้งหลายยังได้รับการรับรองโดยรัฐธรรมนูญ มาตรา 279 ให้มีผลบังคับใช้ตลอดไปจนกว่าจะถูกยกเลิก และช่องทางการยกเลิกในระบบประชาธิปไตยก็คือ การเสนอให้รัฐสภาออกพระราชบัญญัติมายกเลิก

ตัวอย่างของประกาศและคำสั่งที่เสนอให้ยกเลิก เช่น คำสั่งหัวหน้า คสช. ฉบับที่ 3/2558, 5/2558 และ 13/2559 ที่ให้อำนาจทหารเอาคนไปกักขังเป็นเวลาเจ็ดวัน, ประกาศ คสช. ฉบับที่ 26/2557 ให้ตั้งคณะกรรมการชุดพิเศษเพื่อสั่งปิดกั้นเว็บไซต์ได้โดยไม่ต้องขอหมายศาล, คำสั่งหัวหน้า คสช. ฉบับที่ 47/2560 ที่ให้ยกเว้นการใช้ผังเมืองในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี), ประกาศ คสช. ฉบับที่ 97/2557 ที่ให้ควบคุมเนื้อหาในสื่อมวลชน, ประกาศ คสช. ฉบับที่ 37/2557 ที่ให้เอาพลเรือนขึ้นศาลทหาร, ประกาศ คสช. ฉบับที่ 40/2557 ที่ให้การไม่มารายงานตัวกับ คสช. เป็นความผิด ฯลฯ

Apple ซุ่มเงียบ พัฒนารถยนต์ไร้คนขับ ตั้งเป้าเปิดตัวเต็มรูปแบบภายในปี 2025

สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า Apple นั้นกำลังเร่งมือกับโปรเจกต์รถยนต์อย่างเต็มที่ และเล็งไปที่ก้าวต่อไปอย่าง ยานยนต์ไร้คนขับ แบบเต็มรูปแบบ (Fully Autonomous Vehicle) โดยมีแผนจะเปิดตัว รถยนต์ไฟฟ้าอัตโนมัติ ภายในปี 2025

ก่อนหน้านี้ มีข่าวลือหนาหูมากว่า Apple ให้ความสนใจที่จะผลิต ยานยนต์ไร้คนขับ แบบจริงจัง โดยมีข้อมูลเป็นจำนวนมากที่ระบุว่า Apple ได้เริ่มเดินหน้าคุยกับทางผู้ผลิตรถยนต์หลายยี่ห้อ เพื่อที่จะนำเทคโนโลยีจากแบรนด์รถยนต์ต่าง ๆ มาพัฒนาและต่อยอด Project Titan และยานยนต์ของบริษัท

ปัจจุบัน Apple ได้แต่งตั้งและมอบหมายงานด้านยานยนต์และรถยนต์ไร้คนขับให้กับทาง Kevin Lynch ผู้บริหารด้านซอฟต์แวร์ของ Apple Watch เป็นผู้ดูแล โดยวางแผนว่าโปรเจกต์จะสำเร็จภายในเวลา 4 ปี

คอนเซปต์ยานยนต์ไร้คนขับที่ Apple ตั้งใจจะพัฒนานั้น มีประมาณนี้

เป็นรถที่ไม่มีพวงมาลัย

ไม่มีคันเร่ง

ภายในจะถูกออกแบบให้ผู้นั่งได้รับความสะดวกสบายมากที่สุด คล้ายกับรถของ Canoo Inc.

มาพร้อมแผงหน้าจอสัมผัส คล้ายกับมี iPad ขนาดใหญ่ อยู่ที่แผงคอนโซลของรถ ใช้แทนพวงมาลัยและคันเร่ง

ที่นั่งโค้ง นั่งสบายสไตร์รถลีมูซีน

มาพร้อมกับโหมดฉุกเฉิน ให้ผู้นั่งสามารถดึงการควบคุมคืนจาก AI ได้ในกรณีเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น

ไทยรักษา แจงภาพ ‘ร้านราดหน้า’ ไม่รับสลิ่ม ยันภาพหลานเจ้าของร้าน โดนตัดแปะข้อความ

เพจ ‘ไทยรักษา’ ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า จากที่มีภาพข้อความ ของร้านราดหน้า ที่ศรีราชา ชลบุรี ประกาศว่าไม่รับลูกค้าสลิ่ม พร้อมกับชู "สามนิ้ว" ด่าสลิ่มอย่างหยาบคาย ที่ถูกแชร์อยู่ตามกลุ่มต่าง ๆ อยู่ในตอนนี้นั้น 

ตอนนี้เราได้ทราบแล้วว่า เป็นภาพของหลานเจ้าของร้านราดหน้านั้นเอง แต่อาศัยอยู่คนละบ้าน ซึ่งเจ้าของร้านเป็นคุณลุง มีอายุมากแล้ว และทางร้านไม่ได้เกี่ยวข้องกับข้อความในภาพ 

โดยทางเจ้าของร้าน ได้แจ้งกับไทยรักษาว่า ภาพที่มีการชู "สามนิ้ว" เป็นภาพของหลานเจ้าของร้านจริง แต่ข้อความที่ประกาศไม่รับลูกค้าสลิ่มนั้น เป็นข้อความตัดแปะ แล้วมีคนนำไปลงในกลุ่มเฟซบุ๊ก ทำให้ตอนนี้ร้านได้รับผลกระทบอย่างหนัก

ตอนนี้คุณลุงเครียดมาก เลยได้ไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน เพราะในภาพตัดต่อมีข้อความพาดพิงถึงชื่อร้าน และถูกแชร์ให้เข้าใจผิดไปไกลแล้ว แม้แต่ลูกค้าประจำยังเข้าไปทักในเพจว่าจะแบนร้าน 

ขอออกตัวก่อนว่า โพสต์นี้ เราไม่ได้ต้องการมาแก้ตัวให้คนที่ชู "สามนิ้ว" ในภาพ เพราะเราไม่แคร์คนพวกนี้อยู่แล้ว ถึงจะเป็นการตัดต่อข้อความ แต่ภาพชูสามนิ้วก็คือภาพจริง 

‘ไพศาล’ เตือนอย่าประมาท ‘คณะก้าวหน้า’ หลังชนะเลือกตั้ง 38 อบต. จาก 196 คิดเป็น 20%

วันที่ 29 พ.ย. 64 นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า คณะก้าวหน้าแพ้เลือกตั้ง อบต.? ได้เพียง 38 อบต. จากจำนวนที่ส่งสมัครทั้งหมด 196 อบต. หรือประมาณ 20% (ซึ่งต้องนับว่าไม่น้อย) เพราะอะไร?

ผลสำรวจโพลเป็นการสำรวจคนเมือง และเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่กำลังตื่นตัวทางการเมือง จึงได้รับความนิยมมากแต่ในการเลือกตั้งอบต. จริงนั้น เป็นการเลือกในระดับหมู่บ้านตำบล ซึ่งแทบไม่มีเยาวชนคนรุ่นใหม่เลย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top