'เติร์ก' มือกีต้าร์โพสต์ขอโทษหลังถูกขุดอดีต ด้านนักร้องนำรับไม่ได้ ขอรับผิด ลาออกจากวง
เรียกว่าเป็นประเด็นท็อปปิคร้อนโลกออนไลน์ข้ามวัน จากกรณีสมาชิกของวงดนตรี Gym and Swim ได้โพสต์วิจารณ์พาดพิงผลงานของดาราและศิลปินวัยรุ่นชื่อดัง บิวกิ้น - พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล และ พีพี - กฤษฏ์ อำนวยเดชกร อีกทั้งยังมีข้อความที่พาดพิงถึงเพศสภาพ
จนกลายเป็นเรื่องราวที่วิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียลอย่างครุกรุ่น ชาวเน็ตยกทัวร์ไปลงต้นโพสต์ยับ ส่งผลให้ #แบนgymandswim พุ่งทะยานติดเทรนด์ทวิตเตอร์ข้ามวัน
โดยทางค่าย Parinam Music ต้นสังกัดของ Gym and swim ได้ออกแถลงการณ์ขอโทษถึงกรณีดังกล่าวผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจของค่ายเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องนี้ ตามที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น (https://www.facebook.com/thestatestimes/posts/598043985371399)
ต่อมา “เฉลิม” นักร้องนำวง Gym And Swim ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ประกาศยุติการเป็นสมาชิกวง หลังเพื่อร่วมวงเหยียดศิลปินอื่น ซึ่งระบุข้อความว่า
“ในวงที่ร่วมสร้างกันขึ้นมา คงปัดให้เป็นความรับผิดชอบของใครเพียงคนเดียวไม่ได้จริงๆ ตอนนี้มีเพียงความรู้สึกเสียใจอย่างมาก แต่ผมคิดว่าคำขอโทษควรมาพร้อมบทลงโทษครับ ผมคิดว่าทุกคนก็คงรู้สึกเหมือนกันว่าการรับผิดร่วมกันคือสิ่งที่สมควรกระทำ สิ่งที่จะแสดงได้ว่าผมไม่เห็นด้วย กับสิ่งเหล่านี้ทั้งในตอนนี้ และในอนาคต และจะไม่เพิกเฉยเมื่อเห็นการกระทำลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก ผมจึงขอยุติบทบาทสมาชิกวง Gym and Swim ตั้งแต่ตอนนี้ครับ”
ในขณะที่ “เติร์ก มือกีตาร์” ได้ออกมาโพสต์ขอโทษ หลังโดนขุดข้อความที่พาดพิงถึงศิลปินอื่นๆในอดีตจนถูกทัวร์ลงอย่างหนัก โดยระบุว่า “ขออนุญาตแถลงครับ ผมเติร์ก จากวง Gym and Swim ก่อนอื่นเลยต้องแจ้งว่าความเห็นที่เป็นประเด็นทุกประเด็นในขณะนี้เป็นความเห็นของผมแต่เพียงผู้เดียว มิใช่ฉันทามติ หรือความคิดเห็นใดของสมาชิกวง Gym and Swim ท่านอื่นๆ
ประเด็นเรื่องการใช้คำที่ไม่เหมาะสม ในโพสต์หนึ่งที่เกี่ยวข้อง กับ บิวกิ้น และพีพี ผมขอยอมรับว่าถ้อยคำดังกล่าวเป็นถ้อยคำที่ไม่เหมาะ และขออภัยในการใช้คำดังกล่าว ทั้งนี้ โดยส่วนตัวแล้วผมเปิดกว้างและเคารพในเรื่องเพศวิถี ที่แตกต่าง หลากหลาย และหลงใหลในวัฒนธรรม LGBTQIA+ ซึ่งเป็นความสวยงามของสังคมสมัยใหม่ และตัวผมเองก็มีเพื่อนๆ ในวัฒนธรรมดังกล่าวที่น่ารักและเป็นกัลยาณมิตรที่ดี
โดยการใช้ถ้อยคำดังกล่าวนั้นมีลักษณะเป็นการไม่ให้เกียรติความหลากหลายทางเพศวิถีอย่างแท้จริง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความอ่อนด้อยทางวุฒิภาวะในการสื่อสาร
ซึ่งผมขอน้อมรับคำติ และขออภัยผู้่่ที่เกี่ยวข้องทุกท่านในประเด็นนี้เป็นอย่างสูงครับ
โดยผมจะนำประสบการณ์และบทเรียนในครั้งนี้ไปปรับปรุง วิธีคิดและการแสดงออกของผมให้มีความเหมาะสมต่อไปในอนาคต เพื่อเป็นการพัฒนาสังคมและวัฒนธรรมต่อไป เพื่อให้สังคม และวัฒนธรรมนี้พัฒนาไปในทางที่ดีมากยิ่งขึ้น
ประเด็นที่สองที่ต้องการจะพูดถึง คือการวิพากย์ไลน์อัพของมิวสิคเฟสติวัลนั้น ความคิดเห็นดังกล่าวเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผม ซึ่งการการแสดงออกมาโดยประชดประชันและขาดความยั้งคิด ซึ่งก่อให้เกิดความรำคาญใจ หรือไม่สบายใจ ส่วนนี้ผมขออนุญาตขออภัยในการแสดงความคิดเห็นโดยใช้ถ้อยคำดังกล่าวอีกครั้งหนึ่งครับ
ขอแสดงความนับถือ เติร์ก”
จากนั้นเจ้าตัวก็ได้โพสต์ข้อความขอโทษทางทวิตเตอร์อีกครั้ง แต่ก็มิวายถูกต่อว่าต่อการกระทำที่ไม่เหมาะทั้งเรื่องราวที่เป็นประเด็นอยู่ตอนนี้และเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา กระทั่งล่าสุดทวิตเตอร์แอคเคาท์ส่วนตัวก็ “เติร์ก” ได้ปลิวจากโซเชียลไปแล้ว
“ตอนนี้เรื่องไปไกลมากๆ แล้วจนได้มีการขุดทวิตเก่าๆ เมื่อ 10 ปีที่แล้วของผม ที่มีถ้อยคำที่ผมเองก็อยากจะลืมมันไปด้วยซ้ำครับ เพราะกลับมาอ่านตอนนี้ มันน่ารังเกียจมากๆ เพราะในอดีตผมขอยอมรับเลยว่า ผมเป็นเด็กที่นิสัยไม่ดีคนนึง ที่เคยมีความคิดเหยียดเพศ และความคิดที่คึกคะนองตามวัย
เรียกได้ว่าเป็นจุดอ่อนของผมจุดนึง ซึ่งกว่าผมจะได้รู้ซึ้งถึงการใช้ตรรกะความคิด และการให้เกียรติเพื่อนมนุษย์ แบบที่ควรจะเป็นก็หลังจากที่ผ่านการเรียนรู้ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งใช่ครับมันยังคงมีนิสัยเสียๆ ที่ติดมาจากอดีต ซึ่งเห็นได้จากเหตุการณ์ล่าสุดที่้เกิดขึ้นครับ
ผมยอมรับครับว่าผมในอดีต คือคนที่ไม่ควรจะได้รับการให้อภัยใดๆ ทั้งสิ้น เพราะตัวผมเองในตอนนี้ก็รับความคิด และทัศนคติตัวเองตอนนั้นไม่ได้เลยเช่นกัน ทุกทวีตที่ทุกท่านรีทวีตกลับมามันทำให้ผมเจ็บปวดทุกครั้ง ที่เห็นความคิดตัวเองในตอนนั้น ผมรู้สึกผิดในทุกทวีตที่เกิดขึ้นในอดีต
แต่ใช่ครับ ผมอยากเป็นคนที่ดีขึ้นในทุกๆ วัน ผมแก้ไข อดีตไม่ได้แล้ว แต่ในอนาคตผมจะต้องเป็นคนที่ดีกว่านี้ให้ได้ครับ”
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการออกมาชี้แจงแล้ว แต่ประเด็น #แบนgymandswim ก็ยังคงเป็นที่ถกกันสนั่นอยู่ในโลกออนไลน์