Saturday, 10 May 2025
Hard News Team

‘ท็อปนิวส์’ แจง!! ถูกแอบอ้าง นำโลโก้ไปใช้ ลั่น!! จะดำเนินคดีกับบุคคลดังกล่าว ให้ถึงที่สุด

(7 ธ.ค. 67) ‘ท็อปนิวส์’ ชี้แจงกรณีมีบุคคลการทำคลิปข่าวปลอม อ้างเป็นสำนักข่าวท็อปนิวส์ และโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก ‘สมชาย ชอบชาย’ ซึ่งได้ลอกเลียนแบบ แบนเนอร์ข่าวและนำโลโก้ไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต สร้างความเข้าใจผิดให้แก่ประชาชนและทำให้สำนักข่าวท็อปนิวส์ได้รับความเสียหาย

‘ท็อปนิวส์’ ยืนยันว่า การเผยแพร่ดังกล่าว ‘ไม่เกี่ยวข้อง’ กับ ท็อปนิวส์ แต่อย่างใด 
ในการนี้ ท็อปนิวส์ จึงขอประกาศให้บุคคลหรือกลุ่มบุคคลดังกล่าวหยุดการกระทำที่ทำให้ ท็อปนิวส์ ได้รับความเสียหายในทุกรูปแบบ โดยการนำ ชื่อท็อปนิวส์ ไปใช้ แล้วเผยแพร่ข้อความให้เกิดความเข้าใจผิดต่อ ท็อปนิวส์ เราจะดำเนินการทางกฎหมายอย่างถึงที่สุด

ทั้งนี้ แฟนข่าว TOP News สามารถติดตามข่าวสารจากช่อง Facebook ทางการของเรา ดังนี้

TOP News : https://www.facebook.com/TopNewsLiveThailand

TOP News Online : https://www.facebook.com/topnewslive2021

TOP News Live : https://www.facebook.com/TopNewsLiveOfficial

โทษจำ 104 ปี ติดจริง 8 ปี ‘เสี่ยเปี๋ยง’ คนเหนือคุก..!!

(7 ธ.ค. 67) เรื่องร้อนจากแนวรบกระทรวงยุติธรรม -กรมราชทัณฑ์ ในรอบสัปดาห์หนีไม่พ้นการได้รับการพักโทษของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ เมื่อ2ธ.ค.2567 โทษติดคุกคดีจำนำข้าว 48 ปี ได้รับพระราชทานอภัยโทษ 4 ครั้ง เหลือโทษจริง 10ปี ติดมาแล้ว 7 ปี..เข้าเกณฑ์พักโทษ  จะพ้นโทษจริง  2571

ก่อนหน้านั้นภูมิ สาระผล อดีตรมช.พาณิชย์ พักโทษไปเงียบๆ เมื่อเดือนก.ย....จะพ้นโทษจริง 2569

แต่ที่เงียบเชียบ..ถ้า ‘เดอะแจ๊ค’ วัชระ เพชรทอง ไม่ออกมาปูดข่าวว่าได้รับการปล่อยตัว-พักโทษไปแล้วเมื่อ 9 ต.ค.2567 สังคมก็คงไม่ได้รับทราบกันก็คือ ‘เสี่ยเปี๋ยง’ อภิชาติ  จันทร์สกุลพร แห่งบ.สยามอินดิก้า ขนาด ‘เดอะแจ๊ค’ ออกมาเปิด..หลายคนก็ยังคิดว้าเป็นข่าวลือ เป็นไปไม่ได้  เพราะเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์นายหนึ่ง ออกมาพูดฉอด ๆ ผ่านรายการคุณ ‘หมาแก่’ ช่อง 9อสมท.ว่า..เสี่ยเปี๋ยงยังไม่ได้รับการพักโทษ..เพราะโทษสูง รวมกันถึง 104 ปี ก่อนที่สองวันต่อมา..อธิบดีคุก ต้องยอมรับว่า..พักโทษแล้ว!! 

6 ธ.ค. มีการอธิบายความ แถลงข่าวชุดใหญ่ นำโดยนายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษารมว.ยุติธรรม ชี้แจงกรณีต่าง ๆ รวมทั้งกรณีเสี่ยเปี๋ยง โดยนายสมบูรณ์อธิบายว่าการพักโทษมี 2 รูปแบบ คือ แบบปกติ นักโทษชั้นกลาง ชั้นเยี่ยม ผ่านจำคุก 2ใน 3 ของกำหนดโทษ แบบที่สอง แบบพิเศษ จำคุกมาแล้ว 1 ใน 3 และมีอาการป่วยรุนแรงตามกฎหมายกำหนด..

กรณีเสี่ยเปี๋ยงที่อายุเกิน 70 ปีแล้ว เข้ารูปแบบพิเศษ คณะอนุกรรมการลงมติ 8:0 ให้พักโทษ....

อันว่า ‘เสี่ยเปี๋ยง’ เป็นที่รู้ ๆ กันดีว่าแนบแน่นกับระบอบทักษิณแบบร่วมหัวจมท้าย..โดยคดีทุจริตเกี่ยวธุรกิจค้าข้าว,บ้านเอื้ออาทร..รวมโทษแล้ว 100 กว่าปี หากไม่พักโทษหรือลดโทษเขาจะติดคุก..พ้นโทษจริงวันที่ 21 พ.ย.2629

เอกสาร..ข้อมูลที่อยู่ในมือกรมราชทัณฑ์แต่ไม่เผยแพร่..แต่ 'เล็ก เลียบด่วน' ได้เห็นมา ขอสรุปสั้น ๆ บันทึกไว้ให้รับทราบพิจารณากัน ดังนี้..

#กรณีนายอภิชาต..คดีที่ศาลออกหมายจำคุก เมื่อคดีถึงที่สุดมี 4 คดี

คดีที่ 1  ยักยอกทรัพย์ (ศาลแขวงสมุทรปราการ) จำคุก 3 ปีนับแต่ 27 ต.ค. 2558 -พ้นโทษแล้ว

คดีที่ 2 ยักยอกทรัพย์ จำคุก3ปี ศาลแขวงสมุทรปราการ (หักขัง1,281 วัน) นับแต่ 27 ต.ค.2561 พ้นโทษในวันเดียวกัน

คดีที่ 3 ความผิดพ.ร.บ. การเสนอราคาต่อรัฐ (คดีจำนำข้าวจีทูจี) จำคุก 48 ปี (หักขัง 422 วัน) นับแต่ 27 ต.ค.2561 กำหนดพ้นโทษ 3 ส.ค.2608 

คดีนี้ได้รับพระราชทานอภัยโทษ 5 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อปี 2562 เหลือโทษ 32 ปี,ครั้งที่2 เดือนส.ค.2563 เหลือโทษ 21 ปี 4 เดือน,ครั้งที่สาม เดือนธ.ค.2563 เหลือโทษ 14 ปี 2 เดือน,ครั้งที่สี่ เดือนก.ค.2564 เหลือโทษ 9 ปี 5 เดือน ครั้งที่ห้า เดือนธ.ค.2564 เหลือโทษ 6 ปี 3 เดือน..

คดีที่ 4 ความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ (คดีบ้านเอื้ออาทร) โทษจำคุก 50 ปี นับแต่ 29 ธ.ค.2581 พ้นโทษ 21 พ.ย.2629 ได้รับพระราชทานอภัยโทษ 3 ครั้ง ลดโทษแล้วเหลือ 14ปี 9เดือน 24 วัน  จะพ้นโทษ 7 ก.ย.2579

#ตามเอกสารสรุปว่า ปัจจุบันนายอภิชาตเหลือโทษจำคุกเพียงคดีเดียวคือคดีที่ 4 เหลือกำหนดโทษ 14 ปี 9 เดือน 24 วัน (มีหักขัง 769 วัน) แต่ได้รับพระราชทานอภัยโทษพ.ศ.2567 1ใน 7 ชั้นเยี่ยม ลดโทษ 2 ปี 1 เดือน 12 วัน เหลือโทษ 12 ปี 8 เดือน 12 วันนับแต่ 26 ธ.ค.2566 คดีนี้จำมาแล้ว 2 ปี 9 เดือน 5วัน เหลือโทษจำต่อไปอีก 9ปี 11เดือน 12 วัน จะพ้นโทษ 27 ก.ค.2577

#เอกสารสรุปว่านายอภิชาติได้รับการปล่อยตัวพักโทษ(กรณีมีเหตุพิเศษ เจ็บป่วยร้ายแรง และอยู่ระหว่างการคุมประพฤติของพนักงานคุมประพฤติ โดยมีการประชุมเมื่อวันที่ 29 มี.ค.2567 และปล่อยตัวเมื่อวันที่ 9 ต.ค.2567 ที่ ร.พ.รามาธิบดี เนื่องจากยังพักรักษาตัวอยู่ที่ร.พ.ดังกล่าว   

รวมระยะเวลาที่นายอภิชาติติดคุก 8 ปี 11 เดือน 18 วัน ก่อนที่จะได้รับการพักโทษ..โดยไม่ต้องติดกำไลอีเอ็ม

ข้อมูลทั้งหมดตามนั้น..ในขณะที่คดีทางแพ่งที่เสี่ยเปี๋ยงและใครต่อใครต้องชดใช้ความเสียหาย (คดีจำนำข้าว) ให้กับแผ่นดิน วันนี้ก็ยังมีความชัดเจน..ชัดเจนอยู่อย่างเดียวทุกปีรัฐต้องตั้งงบประมาณใช้หนี้ความเสียหายอันเนื่องจากคดีจำนำข้าวสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์...

‘ยิ่งลักษณ์’ ที่จะกลับในปีหน้าด้วยยานวิเศษ..พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ 2560, กฎกระทรวง 2563 และระเบียบราชทัณฑ์ 2566 ว่าด้วยคุกนอกเรือนจำ..ดังที่ได้นำเสนอมาก่อนหน้านี้แล้ว..ฟันธง!!

สมุทรปราการ-แน่นวัด!! แต่งตั้ง 'พระครูจาบ' เจ้าอาวาสวัดหนามแดง รูปที่ 8 คณะศิษย์ยานุศิษย์ถวายมุทิตาสักการะ

เมื่อวันที่ (6 ธ.ค.67) ที่ผ่านมา ทางคณะพระภิกษุสงฆ์วัดหนามแดง พร้อมด้วย คณะกรรมการไวยาวัจกร อุบาสก อุบาสิกา คณะศิษย์ยานุศิษย์ คณะครู เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ข้าราชการตำรวจ คณะเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสมุทรปราการ และเจ้าหน้าที่วัฒนธรรมจังหวัดสมุทรปราการตลอดจนพี่น้องประชาชนจำนวนมาก 

ร่วมในพิธีแห่และร่วมถวายมุทิตาสักการะแด่ท่าน พระครูวิทูรกิจจาทร (บุญเลิศ ปญฺญาธโร แก้วน้ำค้าง ) (พระครูจาบ) น.ธ.เอก ป.บส. พธ.บ. พธ.ม. โดยได้รับตราตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดหนามแดง รูปที่ 8 โดยคณะสงฆ์วัดหนามแดงได้จัดพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุปทานเพื่อน้อมอุทิศให้แด่อดีตเจ้าอาวาส ณ.อุโบสถวัดหนามแดง ต.บางแก้ว อ.บางพลี สมุทรปราการ 

โดยได้รับความเมตตาจากพระเดชพระคุณ พระเทพวชิโรดม เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร ประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมด้วย คณะสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ ร่วมประกอบพิธีเจริญชัยมงคลคาถา อาทิ พระวชิรธรรมวิธาน เจ้าคณะอำเภอบางบ่อ เจ้าอาวาสวัดสุคันธาวาส พระมงคลธรรมธัช เจ้าคณะอำเภอบางเสาธง เจ้าอาวาสวัดศิริเสาธง พระศรีรัตนเมธี เจ้าคณะอำเภอบางพลี เจ้าอาวาสวัดกิ่งแก้ว พระวชิรกิจสุนทร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร พระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง เป็นต้น

ทั้งนี้ภายในพิธีถวายมุทิตาสักการะมี นายวันชัย คงเกษม อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส เป็นผู้อ่านสารตราตั้งเจ้าอาวาส ในการดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดหนามแดง มีนายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ คณะผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน บริษัท ห้างร้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางแก้ว สภ.บางพลี คณะครู นักเรียนโรงเรียนในเขตพื้นที่วัดหนามแดง และใกล้เคียง คณะศิษยานุศิษย์ และคณะสงฆ์วัดหนามแดง ร่วมเป็นสักขีพยานในการประกาศแต่งตั้งเจ้าอาวาสวัดหนามแดง รูปที่ 8 คือท่านพระครูวิทูรกิจจาทร (พระครูจาบ) เจ้าอาวาสวัดหนามแดงองค์ปัจจุบัน

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ลงพื้นที่ถิ่นทุรกันดาร 4 จังหวัด มอบรถเข็นวีลแชร์พร้อมค่าพาหนะแก่ผู้พิการด้อยโอกาสในส่วนภูมิภาค จังหวัดสระแก้ว อุตรดิตถ์ ชุมพร และนครศรีธรรมราช พร้อมมอบจักรยานให้แก่โรงเรียนในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์

ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 7 ธันวาคม 2567 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริพร กระจ่างหล้า  ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ พร้อมด้วย นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ นำทีมลงพื้นที่มอบรถเข็นวีลแชร์พร้อมค่าพาหนะ คนละ 500 บาท แก่ผู้พิการด้อยโอกาสในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสระแก้ว อุตรดิตถ์ ชุมพร และนครศรีธรรมราช รวมจำนวน 400 คัน ในโครงการ ป่อเต็กตึ๊ง สงเคราะห์สังคม รวมมูลค่าเป็นเงินทั้งสิ้น 1,160,000 บาท เพื่อบรรเทาความยากลำบากในการดำรงชีวิต และเพื่อให้ผู้พิการสามารถช่วยเหลือตนเองได้ และในโอกาสเดียวกันนี้ ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ มูลนิธิฯ ยังได้มอบจักรยานใน “โครงการ จักรยานเพื่อน้องสัญจร” ให้กับโรงเรียนในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ รวม 5 แห่ง รวมจักรยานจำนวน 100 คัน อุปกรณ์กีฬา จำนวน 5 ชุด หน้ากากอนามัย 2,500 ชิ้น 

พร้อมค่าพาหนะโรงเรียนละ 2,000 บาท คิดเป็นมูลค่า 165,950 บาท เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักเรียนที่ประสบปัญหาการเดินทางมาโรงเรียน แบ่งเบาภาระผู้ปกครอง เสริมสร้างให้นักเรียนได้ออกกำลังกาย เรียนรู้กฎจราจร การแบ่งปัน และการดูแลสาธารณสมบัติร่วมกัน รวมมูลค่าการดำเนินงานทั้งสองโครงการในครั้งนี้ทั้งสิ้น 1,325,950 บาท (หนึ่งล้านสามแสนสองหมื่นห้าพันเก้าร้อยห้าสิบบาทถ้วน)โดยมี ผู้แทนจากหน่วยงานรัฐเป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย มูลนิธิฯ /สมาคมจีนประจำจังหวัดต่างๆ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี รวมทั้ง ประชาชน เยาวชน และผู้แทนจากสถาบันการศึกษา เป็นผู้รับมอบ

ตลอดระยะเวลากว่า 114 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน 'มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต'

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และเฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

‘หมอยง’ โพสต์เฟซ!! ย้อนดู 5 ปี โควิด 19 ความสับสนของข้อมูล ในสื่อสังคมออนไลน์

(7 ธ.ค. 67) ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ยง ภู่วรวรรณ แพทย์อาวุโส นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ และหัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความ เกี่ยวกับโควิด 19 โดยมีใจความว่า ...

ย้อนดู 5 ปี โควิด 19 ความสับสนของข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์

ความสับสนของสื่อข้อมูลออนไลน์ ที่เกี่ยวกับโรคระบาด โควิด 19 เป็นบทเรียนที่สำคัญ ถึงแม้ทุกวันนี้ ก็ยังมีปัญหาอยู่ตลอด

การปล่อยข่าวร้าย ของโควิด 19 เช่นพบสายพันธุ์ใหม่ที่น่ากลัว หรือความรุนแรงของโรคต่าง ๆ นานา ทั้งที่เป็นข่าวที่ไม่จริง และแหล่งที่ออกมา จากผู้ที่หวังดีและหวังร้าย บางคนออกข่าวทุกวัน บางคนไม่ได้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้เลย ทำให้เกิดความตระหนก ทั้งที่ไม่เป็นความจริงเช่นนั้น

ในทุกวันนี้ ยังมีคนโทรมาปรึกษา และส่งมาให้ดู เช่น ใน Line หรือสื่อออนไลน์ ว่าโควิด 19 สายพันธุ์ใหม่ สายพันธุ์ B.1.1.7 ซึ่งมีอาการรุนแรง และให้ระวังช่วงปีใหม่ ผมอ่านดูแล้วก็อดขำไม่ได้ เพราะสายพันธุ์ของไวรัส จะเรียงจากอักษร A B C D และต่อมาก็ใช้อักษร 2 ตัว ซึ่งสายพันธุ์ปัจจุบันนี้เป็นสายพันธุ์ L และ K แล้ว เมื่อเห็นสายพันธุ์ B ก็แสดงว่าเป็นสายพันธุ์เมื่อ 2564 หรือสายพันธุ์อังกฤษ หรือเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เอาข่าวเมื่อ 3 ปีที่แล้ว มาวน มาปล่อย ใหม่ ซึ่งเป็นคนละกาลเวลากัน และมีการส่งต่อกันอย่างรวดเร็ว 

ดังนั้นจะเห็นได้เลยว่า การให้ข่าวหรืออะไรก็ตามแต่ จะต้องมีวันที่กำกับด้วย ผมเองยึดมั่นในเหตุการณ์และวันที่กำกับเสมอ เพราะความถูกต้องของวันนี้ อาจจะไม่ถูกต้องในปีต่อไป เช่นบอกว่าอัตราตายสูง 1% เป็นตัวเลขของเมื่อ 3-4 ปีก่อน ปัจจุบันอัตราการเสียชีวิตน่าจะเป็น หนึ่งในหมื่นของผู้ป่วยหรือผู้ติดเชื้อ และเป็น กลุ่ม 708 หรือมากกว่า จึงเปรียบเทียบกันไม่ได้เลย

เช่นเดียวกัน บุคคลที่ไม่ได้อยู่ในศาสตร์หรือสาขาเชี่ยวชาญในโรคดังกล่าว หรือเป็นเพียงอ่านหนังสือได้ ก็ให้ข้อมูลทางสื่อออนไลน์แทนที่จะใช้ความจริง แต่ใช้ความเห็น ทำให้มีความปั่นป่วน โดยเฉพาะข่าวเกี่ยวกับวัคซีนในยุคแรก เมื่อเวลาผ่านไปก็เห็นได้ชัด การรับสื่อต่างๆในขณะนี้ ก็ต้องตระหนักด้วย และการส่งต่อก็มีความสำคัญ

ยง ภู่วรวรรณ
ราชบัณฑิต สำนักวิทยาศาสตร์
ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬา
6 ธันวาคม 2567

พาณิชย์ลุยสางปัญหานอมินี เดินหน้าบังคับใช้กฎหมายเข้ม สร้างความเป็นธรรมผู้ประกอบการไทย เตรียมเรียกประชุมใหญ่ 9 ธ.ค.นี้

 

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ท่านนายกรัฐมนตรี (นางสาวแพทองธาร ชินวัตร) ห่วงใยในปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งได้รับผลกระทบจากปัญหาธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว (Nominee) ในประเทศไทย โดยส่วนหนึ่งเป็นขบวนการที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายธุรกิจผิดกฎหมายและอาชญากรรมทางออนไลน์ หลอกลวงภาคธุรกิจและประชาชน ได้แต่งตั้งให้ตนเป็นประธานคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมายเพื่อกำหนดนโยบายและมาตรการที่จำเป็นเร่งด่วนในการป้องกันและปราบปรามสินค้าและธุรกิจจากต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ซึ่งตนได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ ขึ้นมา 2 คณะ ประกอบด้วยคณะอนุกรรมการป้องกันและป้องปรามธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว (NOMINEE) และคณะอนุกรรมการส่งเสริมและยกระดับ SMEs ไทยและแก้ไขปัญหาสินค้าที่ไม่มีคุณภาพจากต่างประเทศโดยมีท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายนภินทร ศรีสรรพางค์) เป็นประธาน เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยในวันที่ 9 ธันวาคม จะเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างชาติที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ครั้งที่ 2/2567 เพื่อเร่งออกมาตรการที่จะส่งผลให้การแก้ไขปัญหาเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ทั้งในระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว

รมว. พาณิชย์ กล่าวว่า ล่าสุด 2 หน่วยงาน คือ กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ได้เปิดปฏิบัติการตรวจค้น 46 จุดทั่วประเทศ เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของนิติบุคคล 442 บริษัท ทุนจดทะเบียนรวม 1,189 ล้านบาท ความเสียหายรวมกว่า 3,600 ล้านบาทโดยผู้กระทำความผิดได้ร่วมกันจดทะเบียนนิติบุคคลเพื่ออำพรางการประกอบธุรกิจต่างๆ อาทิ ร้านค้า ร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต ธุรกิจนำเที่ยว โกดัง/คลังสินค้า ร้านรับแลกเงินตราต่างประเทศ/เงินดิจิทัล และถือครองอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย และหลายนิติบุคคลไม่มีการดำเนินกิจการอยู่จริง และมีการจดทะเบียนนิติบุคคลเพื่อเปิดบัญชีม้านิติบุคคล รับโอนเงินจากแก๊งมิจฉาชีพในคดีอาชญากรรมออนไลน์ คอลเซ็นเตอร์ และการฟอกเงิน 

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2567 กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และ CIB ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) การป้องกันและปราบปรามปัญหาการเปิดบัญชีม้าของนิติบุคคล และการใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (Nominee) เชื่อมต่อระบบข้อมูลนิติบุคคลกับระบบข้อมูลกลางของตำรวจสอบสวนกลาง (Big Data) เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในการวิเคราะห์ข้อมูลในการป้องกันปราบปรามนิติบุคคลต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องกับการใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (Nominee) และเปิดใช้บัญชีม้านิติบุคคลเพื่อมุ่งปราบปรามปัญหา ‘นอมินี’ และ ‘บัญชีม้านิติบุคคล’ ให้หมดสิ้นไปตามนโยบายของรัฐบาลซึ่งการปฏิบัติการข้างต้นเป็นผลมาจากการลงนามฯ และร่วมกันดำเนินการจนเห็นผลเป็นรูปธรรม

นายพิชัย เสริมว่า ตนได้สั่งการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเพิ่มความเข้มงวดด้านการจดทะเบียนธุรกิจอย่างรัดกุมเพื่อป้องกันปัญหาบัญชีม้านิติบุคคลที่อาจจะเกิดขึ้นและปิดโอกาสไม่ให้มิจฉาชีพนำความน่าเชื่อถือจากการจดทะเบียนนิติบุคคลไปใช้หลอกลวงประชาชน รวมถึงติดตามตรวจสอบนิติบุคคลที่เข้าข่ายกลุ่มเสี่ยงในการเป็นนอมินี และร่วมมือกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเพื่อลงโทษผู้กระทำความผิด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากปัญหานี้อย่างทันท่วงที ลดปัญหาทางสังคม และลดการทำลายเศรษฐกิจในประเทศไทยได้อย่างเป็นรูปธรรม

ผบ.ตร.ชื่นชมตำรวจดี 'ผู้กองวัลลภ' สายตรวจใจดี สภ.หนองใหญ่ 8 ปี สละเงินส่วนตัวช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ ภ.2 ยกย่อง 'ทำดีมีรางวัล'

(7 ธ.ค.67) พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (รรท.ผบช.ภ.2) เปิดเผยถึงกรณี สื่อมวลชน และโซเชียลมีเดีย ชื่นชม ร.ต.อ.วัลลภ ทัศนาธนพงษ์ รอง สว.(ป.) สภ.หนองใหญ่ หัวหน้าสายตรวจตำบลคลองพลู สภ.หนองใหญ่ จว.ชลบุรี ใช้เงินส่วนตัวซื้อสิ่งของแบ่งปันผู้ป่วยยากจนในพื้นที่ ขณะออกตรวจความเรียบร้อยเป็นประจำตลอด 8 ปี โดยมีรอยยิ้มและความสุขใจของชาวบ้านเป็นสิ่งตอบแทน ว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ( ผบ.ตร. ) ฝากข้อความชื่นชมในการทำความดี เป็นตำรวจที่ต้องเชิดชู ยกย่อง 

“ผบ.ตร.ฝากข้อความ ชื่นชม ร.ต.อ.วัลลภฯ เป็นตำรวจทำดี ที่ควรถือเป็นแบบอย่าง และให้การสนับสนุน โดยในส่วนของตำรวจภูธรภาค 2 จะเชิญ ร.ต.อ.วัลลภฯ มามอบรางวัล 'ทำดีมีรางวัล' ชื่นชมในความมีหัวใจผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ที่เสียสละเงินส่วนตัวเพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้แก่ประชาชน เป็นตำรวจสายตรวจที่ไม่เพียงแต่ตรวจตราระวังภัยอาชญากรรม ยังสอดส่องดูแลความเป็นอยู่ สุข ทุกข์ ใส่ใจทุกความเดือดร้อนของประชาชน สร้างความรัก ความศรัทธาจากประชาชน โดยจะช่วยสนับสนุนการทำความดีต่อไปด้วย” พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าว

รรท.ผบช.ภ.2 กล่าวด้วยว่า เมื่อวานนี้ (6 ธันวาคม 2567) พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ได้เดินทางไปที่ สภ.หนองใหญ่ พบกับ พ.ต.อ.กฤษณ์ มาสุข ผกก.สภ.หนองใหญ่ และได้พูดคุยสอบถาม ร.ต.อ.วัลลภฯ ถึงการออกตรวจและไปช่วยเหลือดูแลประชาชน พร้อมชื่นชม และมอบเงินรางวัล จำนวน 10,000 บาท และกำลังพูดคุยหารือกับคณะ กต.ตร. ของจังหวัด เพื่อนำสิ่งของไปร่วมช่วยเหลือเข้าร่วมโครงการของ ร.ต.อ.วัลลภฯ ต่อไป

วธ.ชวนประชาชนร่วมงานฉลองต้มยำกุ้ง - เคบายา มรดกวัฒนธรรมของมนุษยชาติ พร้อมต่อยอดเศรษฐกิจวัฒนธรรม สร้างงาน สร้างรายได้ เสริมความมั่นคงทางเศรษฐกิจ  

ระหว่างวันที่ 6-8 ธันวาคม 2567 กระทรวงวัฒนธรรม ชวนพี่น้องชาวไทยร่วมงานฉลอง ต้มยำกุ้ง - เคบายา มรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ชิมฟรีต้มยำกุ้ง ปรุงโดยเชฟตุ๊กตา และเชฟเมย์ เชฟกระทะเหล็ก  ร่วมด้วยนางสาวไทย (ดินสอสี) ปี 67 พร้อมรองอันดับ ๑ และ อันดับ ๒ เดินแฟชั่นโชว์ชุด เคบายา สวยงามประทับใจชาวไทยและต่างชาติ สร้างกระแสให้ทุกภาคส่วนร่วมสืบสานต่อยอดมรดกวัฒนธรรมให้ยั่งยืน

(วันที่ 6 ธันวาคม 2567 เวลา 18.00 น.) กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม จัดพิธีเปิด งานฉลองต้มยำกุ้งและเคบายา มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ ในโอกาสที่ ยูเนสโก ได้ประกาศขึ้นทะเบียน 'ต้มยำกุ้ง' (Tomyum Kung) และ “เคบายา” เป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ (Representative List of the Intangible Cultural Heritage of Humanity : RL) ประจำปี 2567 ในพิธีเปิดงาน นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ให้เกียรติเป็นประธาน โดยมี นายประสพ เรียงเงิน อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม พร้อมผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม ร่วมด้วย Ms. Soohyun Kim ผู้อำนวยการองค์การยูเนสโก กรุงเทพมหานคร เชฟชุมพล เชฟระดับมิชลิน และเป็นผู้ทำอาหารไทยเสิร์ฟในเวทีเอเปค 2022 (APEC 2022) พร้อมคณะทูตานุทูต 8 ประเทศ ประกอบด้วย ฟิลิปปินส์ สวิตเซอร์แลนด์ แคนาดา เมียนมา จีน สิงคโปร์ กัมพูชา และมาเลเซีย ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ Quartier Avenue ชั้น G ศูนย์การค้า เอ็มควอเทียร์

นางสาวสุดาวรรณ ประธานได้กล่าวแสดงความยินดี ในงานฉลองต้มยำกุ้งและเคบายา ว่า เป็นเรื่องน่ายินดียิ่งที่ องค์การศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม แห่งสหประชาชาติหรือยูเนสโก ได้ประกาศขึ้นทะเบียน “ต้มยำกุ้ง” และ “เคบายา” เป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ครั้งที่ 19 ณ เมืองอะซุนซิออง สาธารณรัฐปารากวัย เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ที่ผ่านมา  ประเทศไทยได้เข้าเป็นภาคีสมาชิกอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ค.ศ. 2003 เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2559 และได้ดำเนินการร่วมกับชุมชนเสนอรายการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ซึ่งปัจจุบัน มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของไทย ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนจากยูเนสโก เป็นมรดกวัฒนธรรมฯ รวม 6 รายการ คือ “โขน” ปี พ.ศ. ๒๕๖๑ “นวดไทย” ปี พ.ศ. ๒๕๖๒ “โนรา” ปี พ.ศ. ๒๕๖๔ และ “สงกรานต์” ปี พ.ศ. ๒๕๖๖ และในปี 2567 คือ ต้มยำกุ้ง และ เคบายา

นางสาวสุดาวรรณ กล่าวอีกว่า ในวาระแห่งการฉลองการประกาศขึ้นทะเบียน “ต้มยำกุ้ง” และ “เคบายา” เป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ในนามของรัฐบาลและประชาชนไทย ขอประกาศเจตนารมณ์ในการรักษาและสืบทอด รายการมรดกภูมิปัญญาฯ “ต้มยำกุ้ง” และ “เคบายา” โดย ๑.ประเทศไทย จะร่วมกันธำรงรักษา ถ่ายทอด และสร้างสรรค์มรดกภูมิปัญญา ให้มีการปฏิบัติและสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ด้วยมาตรการส่งเสริมและรักษาที่เหมาะสม รวมทั้งให้ความเคารพและยอมรับต่อวิถีปฏิบัติของทุกชุมชน ๒.จะส่งเสริมให้เกิดความตระหนักรู้ถึงคุณค่า และความสำคัญของมรดกภูมิปัญญา ในฐานะตัวแทนมรดกวัฒนธรรมฯ ซึ่งสะท้อนความหลากหลายทางวัฒนธรรม ความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ และบ่อเกิดของการพัฒนาที่ยั่งยืน ๓.จะเปิดโอกาสอย่างทั่วถึงแก่คนทุกเชื้อชาติ ทุกเพศ ทุกภาษา และทุกศาสนา ให้ร่วมกันส่งเสริม รักษา และสืบทอดมรดกภูมิปัญญา ทั้ง 2 รายการ ในทุกพื้นที่ของประเทศไทย โดยเคารพต่อธรรมเนียมปฏิบัติของชุมชน ด้วยความร่วมมือช่วยเหลือซึ่งกันและกัน 

“รัฐบาลและประชาชนไทย จะร่วมกันดำเนินการในทุกวิถีทางอย่างเต็มความสามารถ ให้เจตนารมณ์ทั้ง ๓ ข้อ บรรลุผลสัมฤทธิ์ เพื่อสนับสนุนให้มรดกภูมิปัญญา “ต้มยำกุ้ง” และ “เคบายา” ดึงดูดให้ผู้คนจากทุกมุมโลกเข้ามาในประเทศ  ช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศ เสริมสร้างขีดความสามารถของประชาชนในการให้บริการ ด้วยการพัฒนาแรงงาน ส่งเสริมอาชีพ กระตุ้นเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อสร้างรายได้ให้กับครัวเรือน และส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนวัฒนธรรม” รมว.วธ.กล่าว 

รมว.วธ.กล่าวทิ้งท้ายว่า กระทรวงวัฒนธรรม มีแผนในการส่งเสริมและต่อยอดมรดกวัฒนธรรม หลังจากยูเนสโก ขึ้นทะเบียน ต้มยำกุ้ง - เคบายา แล้ว ด้วยการขับเคลื่อน Soft power ด้านอาหาร และ ด้านแฟชั่น ตามนโยบายของรัฐบาล โดยกระทรวงวัฒนธรรม จะนำเศรษฐกิจทางวัฒนธรรม กระตุ้นให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ และสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ทั้งในระดับชุมชนและระดับประเทศ ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ละคร เกม รายการโทรทัศน์ รวมถึงสื่อออนไลน์ ให้สอดแทรกเนื้อหา ต้มยำกุ้ง เพื่อสร้างกระแสความนิยมในวงกว้าง และบูรณาการกับภาคธุรกิจ-การท่องเที่ยว ในการนำ ต้มยำกุ้ง เป็นเมนูหลัก เมนูอาหารต้องชิม เมื่อมาเที่ยวเมืองไทย บรรจุลงในโปรแกรมการท่องเที่ยว และเป็นเมนูอาหารที่ต้องระบุไว้ในรายการอาหารขึ้นโต๊ะผู้นำ รวมทั้งผู้เข้าร่วมในการประชุมที่จัดในประเทศไทย หรือที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ เชิญชวนให้ผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยวและการบริการ เช่น โรงแรม ภัตตาคาร ร้านอาหาร ร่วมจัดแคมเปญพิเศษในการส่งเสริมการขายเพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายเมนูต้มยำกุ้ง รวมถึงยอดขายวัตถุดิบต่างๆ  และยังเป็นการสร้างการรับรู้ถึงคุณค่าและสาระของเมนูต้มยำกุ้งไปสู่ประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติอีกด้วย และในส่วน ภาคชุมชน ส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนโดยมุ้งเน้นบูรการร่วมกับหอการค้า สมาคม ชุมชน เครือข่ายในพื้นที่ ที่มีวัฒนธรรมการแต่งกายเคบายา ร่วมจัดแคมเปญพิเศษในการส่งเสริมการขาย ด้วยการเชิญชวนประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติสวมใส่ ชุดเคบายา พร้อมถ่ายรูปท่องเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ เพื่อเป็นการสร้างสีสันไปพร้อม ๆ กับการส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ของชุมชนอีกด้วย

ทั้งนี้ บรรยากาศในพิธีเปิดงานฉลองฯ เริ่มด้วยการแสดงทางวัฒนธรรม การแสดงแฟชั่นโชว์ ชุดเคบายา โดย นางสาวพนิดา เขื่อนจินดา (ดินสอสี) นางสาวไทย ปี ๒๕๖๗ พร้อมด้วยรองนางสาวไทย อันดับ ๑ และ อันดับ ๒ และผู้แสดงจากสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์  จากนั้น ประธานกล่าวแสดงความยินดี และได้สาธิตสาธิตการทำต้มยำกุ้ง    พร้อมให้ผู้เข้าร่วมพิธีเปิดได้ชิมฟรี  ทั้งนี้ ภายในงานมี นิทรรศการ นำเสนอองค์ความรู้เกี่ยวกับ “ต้มยำกุ้ง และเคบายา” สาธิตการปรุง/ประกอบอาหารต้มยำกุ้ง ให้ประชาชนชิมฟรี โดยเชฟตุ๊กตา (ร้านบ้านยี่สาร) เชฟกระทะเหล็ก ในวันที่ 6 ธ.ค. และพบเชฟเมย์ พัทรนันท์ ธงทอง เชฟกระทะเหล็ก 7-8 ธ.ค. นี้  นอกจากนี้ ยังมีการสาธิตการปักและจัดทำชุดเคบายา พร้อมซุ้มอาหารและจำหน่ายเครื่องแต่งกายเคบายา จากจังหวัดภูเก็ต พังงา ระนอง กระบี่ ตรัง และสตูล  ผู้ที่มาเที่ยวงานยังได้อิ่มอร่อยกับร้านอาหารที่ได้รับการขึ้นบัญชีมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ระดับชาติ อีก 20 บูธ ตลอดทั้ง 3 วัน 

ภายในงานยังมีนิทรรศการให้ความรู้รายการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของประเทศไทยที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโก (UNESCO) จำนวน 4 รายการ ได้แก่ โขน (2561) นวดไทย (2562) โนรา (2564) และสงกรานต์ (2566) รวมด้วยการแสดงทางวัฒนธรรม สร้างสีสัน ระหว่างวันที่ 6-8 ธันวาคม 2567 เวลา 10.00 – 21.00 น. ณ Quartier Avenue ชั้น G ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ ถ.สุขุมวิท เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร

นอกจากนี้ ยังได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรฝั่งแพลตฟอร์มเดลิเวอรี แกร็บ ประเทศไทย ในการร่วมฉลองต้มยำกุ้งมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ ผ่านการมอบโค้ดส่วนลดเมื่อสั่งเมนูต้มยำกุ้งผ่านแกร็บฟู้ด เพียงใส่โค้ด 'TOMYUM' รับส่วนลดสูงสุด 30 บาท เมื่อสั่งขั้นต่ำ 100 บาท ระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 6 - 25 ธันวาคม 2567  ทั้งนี้ ร้านค้าที่เข้าร่วมในแคมเปญ ประมาณ 24,000 ร้าน’

‘หมูเด้ง’ คว้ารางวัล ‘คนมีสไตล์แห่งปี’ ของ New York Times พี่เบนซ์ เผย!! กำลังโตเป็นสาว ถ้าได้เป็นของกิน จะดีมากเลย

(7 ธ.ค. 67) เรียกได้ว่า ไม่มีแผ่ว สำหรับ น้องหมูเด้ง ล่าสุดเพจ ขาหมู แอนด์เดอะแก๊ง โพสต์ภาพน้อง พร้อมข้อความระบุ หนังสือพิมพ์ฝรั่ง เขาประกาศว่า หนูเด้ง ได้รางวัล อะไรสักอย่าง…แต่หนูไม่สันทัด ภาษาปะกิด … แฟนๆ ท่านใด อ่านแล้ว สรุปให้ฟังหน่อยนะ : รางวัล อะไร ให้มาก็รับหมดแหละ แต่ช่วงนี้กำลังโตเป็นสาว … ขอเป็นของกินได้จะดีมากเลยนะคะ

หลังโพสต์ดังกล่าวถูกแชร์ออกไป มีพี่ๆ FC หมูเด้ง เข้ามาแสดงความดีใจกับน้องจำนวนมาก พร้อมเฉลยในคอมเมนต์ว่า รางวัลตามข่าวเป็นรางวัลที่ให้กับคนหลากหลายสาขา ชื่อรางวัล ‘คนมีสไตล์แห่งปี’ ของ New York Times แถมยังบอกอีกว่า มันแน่นอนอยู่แล้ว ดูแฟชั่นของเด้งก่อน!!!!!!, รางวัล ทั้งโลกพร้อมใจละลายหลงรักในความตะมุตะมิ แต่เกรี้ยวกราด น่ารักใจละลายไปเลย, ‘ฮิปโปแคระผู้ขโมยหัวใจและชอบงับพี่เลี้ยง (พ่อเบนซ์)’

‘ชุมชนบ่อสวก’ จ.น่าน คว้ารางวัล ‘ชุมชนท่องเที่ยวยอดเยี่ยมโลก’ เผย!! มีความโดดเด่น ด้านการจัดการแหล่งท่องเที่ยว อย่างยั่งยืน

(7 ธ.ค. 67) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกรัฐบาล เปิดเผยว่า องค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (UN Tourism) ได้มอบรางวัลให้แก่ ชุมชนตำบลบ่อสวก จังหวัดน่าน ของประเทศไทยได้รับรางวัลชุมชนท่องเที่ยวยอดเยี่ยมโลก (Best Tourism Village 2024) ซึ่งถือว่าเป็นแห่งแรกของประเทศไทย ที่สะท้อนความสำเร็จในการบูรณาการความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ชุมชนและภาคีเครือข่ายมาร่วมกันพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล และมีความโดดเด่นด้านการจัดการแหล่งท่องเที่ยวโดยชุมชนอย่างยั่งยืนของไทย

“บ่อสวกมีความหมายถึงบ่อเกลือที่นักท่องเที่ยวเมื่อไปเยือนจังหวัดน่านมักจะแวะชมเสมอ นอกจากนี้ยังมีชื่อเสียงเรื่องแหล่งโบราณคดีเตาเผาเครื่องปั้นโบราณ ศิลปะพื้นบ้าน และภูมิปัญญาท้องถิ่น มีกิจกรรมที่น่าสนใจให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้วิถีชุมชนผ่านงานหัตถกรรมพื้นบ้าน ที่หลากหลาย” นายจิรายุ กล่าว

นายจิรายุ กล่าวว่า ทั้งนี้ตามนโยบายของรัฐบาลที่ให้ระดับท้องถิ่นช่วยกันนำเสนอและผลักดัน เพื่อให้ประเทศไทยเข้าสู่เป้าหมายการเป็น Tourism Hub ที่สำคัญของโลก ซึ่งการคว้ารางวัลชุมชนท่องเที่ยวยอดเยี่ยมโลก (Best Tourism Village 2024) จากองค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (UN Tourism) ของชุมชนตำบลบ่อสวก จังหวัดน่าน ครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าไม่ว่าจะเป็นระดับหมู่บ้าน ระดับตำบล อำเภอ หรือจังหวัดล้วนแต่มีศักยภาพ สามารถเป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำของโลกได้ หากทุกภาคส่วนร่วมมือร่วมใจสนับสนุนจะสามารถพลิกโฉมประเทศด้านการท่องเที่ยวได้แน่นอน

นายจิรายุ กล่าวอีกว่า สำหรับ โครงการประกวดรางวัล Best Tourism Villages by UN Tourism หรือองค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ ได้เริ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2563 มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นสู่มาตรฐานสากล ลดความเหลื่อมล้ำ ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ ส่งเสริมพลังของสตรีและเยาวชน รวมถึงการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการพัฒนา รวมทั้งยังเน้นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและวัฒนธรรม ซึ่งมีหลักเกณฑ์การประเมินชุมชนเพื่อพิจารณาเป็นชุมชนท่องเที่ยวยอดเยี่ยมโลก Best Tourism Village ด้วยกัน 9 ประเด็น ได้แก่ 1) การจัดการทรัพยากรทางธรรมชาติและวัฒนธรรม 2) การส่งเสริมและอนุรักษ์ทรัพยากรทางวัฒนธรรม 3) การยกระดับเศรษฐกิจชุมชนอย่างยั่งยืน รวมถึงการกระจายรายได้และการสร้างงาน สร้างอาชีพให้กับชุมชน 4) การจัดการสังคมวัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างเป็นธรรมและทั่วถึง 5) การจัดการสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากทั้งการท่องเที่ยวและการดำรงชีวิต 6) การพัฒนาศักยภาพด้านการท่องเที่ยวและการบูรณาการห่วงโซ่คุณค่าทางการท่องเที่ยว 7) การมีธรรมาภิบาลและให้ความสำคัญกับการพัฒนาพื้นที่เพื่อการท่องเที่ยวและชุมชนท้องถิ่น 8) ระบบสาธารณูปโภคและการเชื่อมต่อสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการท่องเที่ยวและชุมชนท้องถิ่น และ 9) การบริการสุขภาพ สุขอนามัยและความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวและชุมชนท้องถิ่น

“รัฐบาลขอเชิญชวนผู้นำท้องถิ่นองค์การปกครองท้องถิ่น และส่วนราชการต่างๆ ได้ค้นหาสิ่งดีๆ ตามแนวทางของสหประชาชาติด้านการท่องเที่ยวเพื่อนำเสนอในการประกาศสถานที่ต่าง ๆ ในประเทศไทยต่อไป ซึ่งเชื่อว่า ในทุกพื้นที่ของประเทศไทยที่มีอยู่กว่า 74,000 หมู่บ้าน กว่า 800 อำเภอมีสถานที่ท่องเที่ยว ที่ให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกได้รับรู้ว่าประเทศไทยเที่ยวได้ทุกหมู่บ้าน ทุกตำบล ทุกอำเภอ” นายจิรายุ กล่าวทิ้งท้าย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top