Monday, 23 June 2025
Hard News Team

สธ. ไฟเขียว ลดวันกักตัว กลุ่มเสี่ยงเหลือ 5 วัน จ่อเสนอ ศบค. ประกาศใช้หลังสงกรานต์

คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข เห็นชอบลดวันกักตัวผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจาก 7 วัน เหลือ 5 วัน ติดตามอาการ 5 วัน จ่อเสนอ ศปก.ศบค.พิจารณาใช้หลังสงกรานต์นี้

วันนี้ (11 เม.ย.) ที่ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ โดยมี นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

นายอนุทิน กล่าวว่า ขณะนี้พบผู้ติดเชื้อในทุกจังหวัดแต่ส่วนใหญ่ไม่มีอาการหรือมีอาการน้อย ส่วนผู้ป่วยที่มีอาการมากในกลุ่มสีเหลืองและสีแดงต้องเข้ารักษาตัวใน รพ.อัตราครองเตียงประมาณ 30% ซึ่ง สธ. ได้เตรียมพร้อมยาต้านไวรัสที่จะใช้รักษาผู้ป่วยโควิด ทั้งยาฟาวิพิราเวียร์ ยาโมลนูพิราเวียร์ และยาแพ็กซ์โลวิด รวมถึงจัดหาเวชภัณฑ์ซึ่งเป็นสารภูมิคุ้มกันชนิดออกฤทธิ์ยาว หรือ Long acting antibodies

สำหรับฉีดในผู้ที่มีความเสี่ยงและมีภูมิคุ้มกันต่ำ เพื่อป้องกันไม่ให้ติดเชื้อจนมีอาการหนักด้วย ส่วนการฉีดวัคซีนโควิด ภาพรวมไปแล้วกว่า 130 ล้านโดส ครอบคลุมเข็มแรกกว่า 80% เข็มที่สอง 73% และเข็มที่สาม 35% แต่ยังมีผู้สูงอายุอายุ 60 ปีขึ้นไปและผู้ป่วยติดเตียงจำนวนหนึ่งที่เดินทางไม่สะดวกทำให้ยังไม่ได้รับวัคซีน ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาจึงมีการรณรงค์ “Save 608 by booster dose” เร่งรัดการฉีดวัคซีนให้กับผู้สูงอายุ โดยให้เจ้าหน้าที่ร่วมกับอสม. ออกสำรวจ และให้บริการฉีดวัคซีนเชิงรุกถึงบ้านโดยเร็ว เพื่อป้องกันการเสียชีวิต

เกาหลีเหนือจวก ‘ไบเดน’ ชายแก่ที่ 'สมองเลอะเลือน' หลังตราหน้า 'ปูติน' ก่ออาชญากรรมสงคราม

รัฐบาลเกาหลีเหนือกล่าวโจมตีประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ว่าเป็น “ชายแก่ที่สมองเลอะเลือน” หลังออกมาครหา วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียว่าก่ออาชญากรรมสงครามในยูเครน

ถ้อยคำวิจารณ์เจ็บแสบนี้มีขึ้นหลังจาก ไบเดน ตราหน้าผู้นำหมีขาวเป็นอาชญากรสงคราม และเรียกร้องให้นำตัว ปูติน ขึ้นศาลระหว่างประเทศเพื่อไต่สวนความผิดฐานเข่นฆ่าพลเรือนในเมืองบูชา (Bucha)

“ประมุขฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ กล่าวให้ร้ายประธานาธิบดีแห่งรัสเซีย โดยอาศัยข้ออ้างที่ไม่มีมูลความจริง” สำนักข่าว KCNA ของเกาหลีเหนือรายงานเมื่อวันเสาร์ (9 เม.ย.)

“คำพูดพล่อยๆ เช่นนี้มีแต่จะออกมาจากปากของพวกลูกหลานแยงกี้ ซึ่งถนัดเรื่องการรุกรานและวางแผนโจมตีผู้อื่น”

สื่อโสมแดงยังวิจารณ์ ไบเดน ว่าเป็น “ประธานาธิบดีที่ใครๆ ก็รู้ว่าปากไม่มีหูรูด” ทว่าไม่ได้เอ่ยชื่อออกมาตรงๆ

“สิ่งที่เราสรุปได้ก็คือ เขามีปัญหาในเรื่องกระบวนการคิด และคำพูดที่ขาดความยับยั้งชั่งใจก็คือสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความสะเพร่าของชายแก่ที่สมองเริ่มเลอะเลือน”

“อนาคตของสหรัฐฯ ดูจะมืดมนเสียแล้ว เมื่อปล่อยให้คนเช่นนี้ขึ้นมาเป็นผู้นำ”

'จรจัดสรร' ที่พักพิง 'สุนัขจรจัด' จากสถาปัตยกรรมขนาดเล็กพับเก็บได้ เซฟน้องหมา-สร้างจุดสังเกตแก่คนกลัวให้เดินเลี่ยง

ไวรัล! ที่พักพิง "จรจัดสรร" อีกทางเลือกแก้ปัญหาหมาจรจัด ด้วยการออกแบบสถาปัตยกรรมขนาดเล็ก บังแดด-กันฝนให้หมาจรจัด แลนด์มาร์กให้อาหารเป็นหลักแหล่ง และเป็นจุดสังเกตให้คนกลัวหมา หวังลดความขัดแย้งในชุมชน

หมาจรจัดเป็นปัญหาที่อยู่คู่กับสังคมไทยมานาน โดยเฉพาะความขัดแย้งในชุมชนระหว่างคนกับหมา ทั้งเรื่องความสกปรกจากการกินและคุ้ยอาหาร หรือความปลอดภัยจากการถูกกัด หรือวิ่งตัดหน้ารถ ซึ่งที่ผ่านมา แม้ว่าจะมีการรณรงค์จากทั้งหน่วยงานรัฐและ NGO ให้แก้ปัญหาตั้งแต่ต้นทาง อย่างขอให้แต่ละคนประเมินความพร้อมก่อนตัดสินใจเลี้ยง หรือขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยง แต่สุดท้ายจำนวนหมาจรจัดก็ยังไม่ได้หมดไป

กลุ่มจิตอาสาคนรักหมาแต่ละกลุ่ม ก็พยายามที่จะแก้ไขปัญหาและลดความขัดแย้งเท่าที่จะทำได้ ทั้งการจัดโครงการสุนัขชุมชนในแต่ละพื้นที่ หรือการสนับสนุนศูนย์พักพิงหมาจรจัดต่าง ๆ

ล่าสุด ในสื่อสังคมออนไลน์ มีการส่งต่อโพสต์ไวรัลเกี่ยวกับอีกหนึ่งทางเลือกในการแก้ไขปัญหาหมาจรจัดอย่าง "ที่พักพิง" โครงการจรจัดสรรเป็นงานวิจัยระดับปริญญาเอก หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาศิลปะการออกแบบเชิงวัฒนธรรม คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ที่ริเริ่มโครงการจากความเป็นคนรักหมา จึงต้องการดูแลสวัสดิภาพหมาให้ดีขึ้น

"อาจารย์ยศพร จันทองจีน" เจ้าของโครงการ ให้สัมภาษณ์กับไทยพีบีเอสว่า ที่พักพิงโครงการจรจัดสรร เป็นการสร้างสถาปัตยกรรมขนาดเล็ก ใช้อุปกรณ์เพียงแค่เหล็กและไวนิลซึ่งได้รับบริจาคจากโรงพิมพ์ แต่ช่วงนี้เหล็กราคาแพง ทำให้ราคา 1 ชุด อยู่ที่ 1,500 - 2,000 บาท โดยจรจัดสรรจะเลือกพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตจากชุมชน และไม่เกะกะขวางทาง มีอาสาสมัครคอยดูแลความเรียบร้อยและความสะอาด เพื่อเป็นการจัดการหมาจรจัดในชุมชนอย่างเป็นระบบ

“จุดประสงค์แรกเราคือ อยากหาที่บังฝนและบังแดดให้หมาจรจัดที่เขาไม่มีบ้านอยู่ เพื่อให้สวัสดิภาพชีวิตของเขาดีขึ้น”

เบื้องต้น นำร่องทำความร่วมมือกับจิตอาสากลุ่มสุนัขชุมชนเมืองทอง โดยติดตั้งที่พักพิงไปแล้ว 10 ชุด บริเวณข้างมหาวิทยาลัยศิลปากร 2 ชุด ข้างลานจอดรถอิมแพ็กอารีนา 5 ชุด และบริเวณปั๊มน้ำเมืองทอง อีก 3 ชุด ซึ่งคนในพื้นที่แจ้งว่า มีหมาเข้าไปพักเพื่อบังแดดอยู่บ้าง และเมื่อมีอาสาสมัครนำข้าวไปวางไว้ ก็มีหมาเข้าไปกินอาหารด้านในด้วย

“ที่พักพิงนี้เป็นจุดให้จิตอาสานำอาหารมาให้หมาได้แบบไม่เกะกะหรือรบกวนคนทั่วไป และเป็นสถาปัตยกรรมขนาดเล็กที่พับเก็บได้ ซึ่งจะช่วยลดความขัดแย้งของคนในชุมชน และเป็นจุดสังเกตสำหรับคนที่กลัวหมาให้เดินเลี่ยงได้”

หลังเปิดเผยภาพไปจนกลายเป็นไวรัล อาจารย์ยศพร ยอมรับว่า รู้สึกดีใจที่ทำให้ประชาชนในวงกว้างได้ตระหนักถึงปัญหาหมาจรจัดที่เป็นเรื่องใกล้ตัวมากกว่าที่คิด และหวังจะให้ทุกคนร่วมแชร์ไอเดียแก้ไขปัญหาผ่านโซเชียล รวมถึงให้หน่วยงานที่ได้มาเห็นวิธีการหนึ่งที่จะช่วยแก้ไขปัญหาหมาจรจัดและลดความขัดแย้งในชุมชนได้

“เราอยากให้เข้าใจว่า การทำโครงการนี้ ไม่ใช่ทำเพื่อให้หมาจรจัดเพิ่มขึ้น ไม่ใช่การสร้างปัญหา แต่เป็นอีกหนึ่งทางแก้ปัญหาสำหรับกลุ่มคนรักหมาที่พอจะทำได้ด้วยกำลังที่มี”

ก.แรงงาน จับมือ 12 หน่วยงาน เอ็มโอยูเชื่อมข้อมูลจัดหางานช่วยเหลือระบบเพื่อนครอบครัว

วันที่ 11 เมษายน 2565 นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ 
นายวรรณรัตน์ ศรีสุขใส รองปลัดกระทรวงแรงงาน ร่วมงานวันผู้สูงอายุแห่งชาติ และลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เรื่อง การขับเคลื่อนการให้บริการและความช่วยเหลือในระบบเพื่อนครอบครัว : Family Line โดยมี นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าว ณ ศูนย์การค้าไอคอนสยาม ถนนเจริญนคร เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร

นายวรรณรัตน์ กล่าวว่า การลงนามข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ทุกฝ่ายตกลงร่วมมือกันดำเนินการขับเคลื่อนการให้บริการและความช่วยเหลือในระบบเพื่อครอบครัว : Family Line เพื่อบูรณาการความร่วมมือในการให้คำปรึกษา ติดตาม ช่วยเหลือ จัดสวัสดิการคุ้มครองสิทธิ และส่งต่อผู้ใช้บริการและครอบครัว

รวมทั้งพัฒนาพื้นที่การเรียนรู้ออนไลน์ ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และสื่อสร้างสรรค์ด้านครอบครัว สำหรับสมาชิกครอบครัวทุกช่วงวัย ในส่วนของขอบเขตความร่วมมือของกระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางาน จะสนับสนุนบุคลากรร่วมเป็นผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาในระบบเพื่อนครอบครัว : Family Line ในประเด็นการหางาน สนับสนุนการแลกเปลี่ยนและเชื่อมโยงข้อมูลเกี่ยวกับการจัดหางาน สนับสนุนการติดตาม ช่วยเหลือ และส่งต่อผู้ใช้บริการและครอบครัว รวมทั้งสนับสนุนการพัฒนาความเข้มแข็งของสถาบันครอบครัว และการขับเคลื่อนระบบเพื่อนครอบครัว : Family Line

'หมอวรงค์' แจ้งข่าวดี!! หลังศาลอาญาแผนกคดีทุจริตรับคำร้อง ฟ้อง 'ขรก.-เอกชน' เอี่ยวทุจริตสัมปทานดาวเทียมไทยคม

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเกี่ยวกับความคืบหน้าสัญญาสัมปานดาวเทียมไทยคม ระบุว่า...

ถ้าจำกันได้ ผมเคยฟ้องคุณยิ่งลักษณ์และคณะ กรณีดาวเทียมไทยคม ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ซึ่งต่อมาศาลได้พิจารณาแล้ว ส่วนของนักการเมืองต้องไปยื่นผ่านป.ป.ช.ก่อน ถ้าจะมาฟ้องศาลทุจริต ต้องแยกพิจารณาเฉพาะข้าราชการและเอกชน

ทางทีมกฎหมายจึงตัดสินใจ ฟ้องเฉพาะข้าราชการและเอกชนผู้เกี่ยวข้อง ผ่านศาลทุจริต เฉพาะส่วนที่ทำให้ประเทศชาติเสียหาย และมีหลักฐานประกอบชัดเจน เช่นไม่ปฏิบัติตามสัญญาสัมปทานดาวเทียม เนื่องจากข้าราชก็เป็นปัจจัยสำคัญ ในการตอบสนองการทุจริตที่เกิดขึ้น

พวกเราจึงตัดสินใจฟ้องปลัดกระทรวงดีอีเอส เป็นจำเลยที่ 1 เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นจำเลยที่ 2-4 และเอกชนผู้เกี่ยวข้องรวมทั้งสิ้น 29 ราย ดังต่อไปนี้

นางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ที่ ๑
นายภุขพงค์ โนดไธสง ที่ ๒
นางปียนุช วุฒิสอน ที่ ๓
นางวรรณพร เทพหัสดิน ณ อยุธยา ที่ ๔
บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ที่ ๕
นายสมประสงค์ บุญยะชัย ที่ ๖
นายบุญชัย ถิราติ ที่ ๗
พลอากาศเอก มานัต วงษ์วาทย์ ที่ ๘
ดร.ปรเมธี วิมลศิริ ที่ ๙
นายสมชาย จิณโณวาท ที่ ๑๐
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ตร.ปารีณา ศรีวนิชย์ ที่ ๑๑
นายสุพร หลักมั่นคง ที่ ๑๒
นายเอนก พนาอภิชน ที่ ๑๓
นายอนันต์ แก้วร่วมวงศ์ ที่ ๑๔
บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ที่ ๑๕
นายกานต์ ตระกูลฮุน ที่ ๑๖
นายสมชาย ศุภธาดา ที่ ๑๗
นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย ที่ ๑๘
นางสาวมานิดา ชินเมอร์แมน ที่ ๑๙
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ที่ ๒0
นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล ที่ ๒๑
นางสาวจีน โล เงี้ยบ จง ที่ ๒๒
นายอาเธอร์ หลาน เต้าอี้ ที่ ๒๓
นายคณิต วัลยะเพ็ชร์ ที่ ๒๔
นางวรางค์ ไชยวรรณ ที่ ๒๕
นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ที่ ๒๖
นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ ที่ ๒๗
นางสาวบังอร สุทธิพัฒนกิจ ที่ ๒๘
นายสมิทธ์ พนมยงค์ ที่ ๒๙

ทอท.คาดสงกรานต์คนนั่งเครื่องบิน 1 ล้านคน

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ทอท. เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2565 ซึ่งจะมีวันหยุดยาวหลายวัน อาจได้เห็นภาพบรรยากาศการเดินทางที่คึกคักของประชาชนมากขึ้นจากปีก่อน โดย AOT คาดปริมาณการจราจรทางอากาศ ณ สนามบินทั้ง 6 แห่งระหว่างวันที่ 11 – 17 เมษายน 2565 จะมีเที่ยวบินประมาณ 9,310 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 14.48% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นเที่ยวบินภายใน ประเทศประมาณ 6,820 เที่ยวบิน ลดลง 2.79% และเที่ยวบินระหว่างประเทศประมาณ 2,490 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 123.14% 

ทั้งนี้คาดว่าจะมีผู้โดยสารใช้บริการประมาณ 1 ล้านคน เพิ่มขึ้น 103.07% แบ่งเป็นผู้โดยสารภายในประเทศประมาณ 843,220 คน เพิ่มขึ้น 62.08% และผู้โดยสารระหว่างประเทศประมาณ 238,800 คน เพิ่มขึ้น 1,798.07% 

อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาจากประมาณการปริมาณการจราจรทางอากาศในช่วงเทศกาลสงกรานต์ มีตัวเลขที่น่าสนใจคือเที่ยวบินและผู้โดยสารระหว่างประเทศที่สนามบินดอนเมือง และภูเก็ต มีปริมาณที่เพิ่มสูงขึ้นมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยที่สุวรรณภูมิคาดว่าจะมีเที่ยวบินระหว่างประเทศประมาณ 1,790 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 70.52% และมีผู้โดยสารระหว่างประเทศประมาณ 160,300 คน เพิ่มขึ้น 1,179.37% 

'ทุเรียนไทย' ในตลาดจีน กำลังสั่นคลอน หลัง 'จีน-เพื่อนบ้านอาเซียน' รุมแย่งตลาด

รายงานจาก Reporter Journey ได้เปิดเผยถึงสถานการณ์ทุเรียนไทยในตลาดจีน ที่เริ่มจะไม่สดใสเหมือนเก่า หลังจากทางจีน รวมถึงหลายประเทศเพื่อนบ้านในย่านอาเซียนเข้ามาเป็นผู้เล่นที่กำลังสะเทือนบัลลังก์เบอร์ 1 ตลาดทุเรียนในจีนจากไทย ว่า...

'ทุเรียน' ผลไม้ยอดฮิตครองใจผู้บริโภคจีน และตลาดยังคงมีความต้องการบริโภคทุเรียนมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี อย่างปี 2564 ที่ผ่านมา ไทยมีเนื้อที่ปลูกทุเรียน 854,986 ไร่ เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ร้อยละ 7.20 ให้ผลผลิต 1,201,458 ตัน โดยกว่า 8 แสนตัน ส่งออกมาตลาดจีน เรียกได้ว่าผลผลิตเกือบร้อยละ 70 ป้อนสู่ตลาดจีนอย่างต่อเนื่อง

ในขณะที่จีนเริ่มปลูกทุเรียนเองในมณฑลไห่หนาน เพื่อเป็นการตอบสนองต่อความต้องการในตลาดได้อย่างเต็มที่ โดยจีนได้ทดลองปลูก ทุเรียนเองตั้งแต่ปี 2558 โดยเริ่มจากสวนเงาะหัวเซิ่งเป่าถิง เขตปกครองตนเองชนชาติหลี และเหมียวเป่าถิง (Baoting li and Miao Autonomous Country) ในมณฑลไห่หนาน ปลูกทุเรียนจำนวนราว 40 ต้น และต้นทุเรียนได้ออกดอกและติดผลแล้วเมื่อปี 2562 และได้ให้ผลติดต่อกันมาเป็นเวลา 3 ปี

ในช่วงหลายปีมานี้ ทางสวนเงาะหัวเซิ่งเป่าถิงยังได้ทยอยขยายการเพาะปลูกทุเรียนจำนวน 200 หมู่ หรือราว 83 ไร่ (2.4 หมู่ เท่ากับ 1 ไร่) สิ่งที่น่าสนใจคือ ความสำเร็จของการปลูกทุเรียนในครั้งนี้เป็นพลังขับเคลื่อนสู่การพัฒนาการเพาะปลูกทุเรียนในจีนอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้เกษตรกรและผู้ประกอบการชาวจีนหันมาลงทุนเพาะปลูกทุเรียนในเชิงพาณิชย์กันมากขึ้น

ปัจจุบันการเพาะปลูกทุเรียนในมณฑลไห่หนานจะกระจุกตัวอยู่ที่อำเภอและเมืองทางตอนใต้ของไห่หนาน เช่น เป่าถิง, ซานย่า, เล่อตง และหลิงสุ่ย เป็นต้น

สถิติจากสำนักวิจัยไม้ผลเขตร้อน สถาบันวิทยาศาสตร์การเกษตรมณฑลไห่หนาน พบว่า ขณะนี้ มณฑลไห่หนานมีพื้นที่ เพาะปลูกทุเรียนจำนวนกว่า 30,000 หมู่ หรือประมาณ 12,500 ไร่ โดยทุเรียนที่ปลูกในมณฑลไห่หนานเป็นพันธุ์ต้นกล้าที่มาจากไทย, มาเลเซีย และเวียดนาม ซึ่งอยู่ระหว่างการทดลองและพิจารณาเพื่อเลือกสายพันธุ์ทุเรียนที่ดีและเหมาะแก่การเพาะปลูกในประเทศจีน

>> มาเลเซียส่งทุเรียนมูซานคิงท้าชน แถมจีนปลูกเองทุน 400 ล้าน

แม้ว่าไทยจะเป็นเพียงประเทศเดียวที่จีนอนุญาตให้ส่งออกทุเรียนสดก็ตาม แต่ไทยก็ยังมีคู่แข่งในตลาดที่สำคัญอย่างมาเลเซีย โดยตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม 2562 เป็นต้นมา จีนได้อนุญาตให้มาเลเซียนำเข้าเนื้อทุเรียนแช่แข็งและทุเรียนติดเปลือกแช่แข็งทั้งลูกมายังจีนได้ ทำให้ทุเรียนพันธุ์มูซานคิงจากมาเลเซียได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในตลาดจีน และยังพบว่ามีผู้ประกอบการจีนลงทุนทำสวนเพาะปลูกทุเรียนพันธุ์มูซานคิงแล้วเมื่อปี 2562 ซึ่งเป็นสวนทุเรียนพันธุ์มูซานคิงขนาดใหญ่สวนแรกของจีน ตั้งอยู่ ณ ตำบลจื้อจ้ง ในอำเภอเล่อตง มณฑลไห่หนาน มีพื้นที่ขนาด 3,300 หมู่ หรือ 1,375 ไร่ ลงทุนโดยบริษัท Hainan Rouminghongxinhuolongguo ด้วยเงินทุนมูลค่ากว่า 80 ล้านหยวน (ประมาณ 400 ล้านบาท) และคาดว่าผลผลิตในแต่ละหมู่จะสูงถึง 2,500 กิโลกรัม

นอกจากสวนดังกล่าวจะปลูกทุเรียนพันธุ์มูซานคิงแล้ว บางส่วนยังทำการเพาะปลูกทุเรียนพันธุ์หมอนทอง และพันธุ์โอวฉี (หนามดำ) นอกจากนี้ บริษัทดังกล่าวยังได้ลงนามความร่วมมือในด้านการ เพาะปลูกทุเรียนพันธุ์มูซานคิงกับทางรัฐบาลมาเลเซียอีกด้วย

สำหรับผลผลิตทุเรียนพันธุ์มูซานคิงในสวนคาดว่าจะสามารถออกจำหน่ายสู่ท้องตลาดจีนได้ประมาณปี 2566 นี้ ซึ่งนอกจากการวางจำหน่าย ภายในประเทศแล้ว ทางบริษัทฯ ยังมีเป้าหมายที่จะส่งออกทุเรียนพันธุ์มูซานคิงไปต่างประเทศอีกด้วย

'คนสวนหลวง' ร้อง ‘เพื่อไทย’ รัฐละเลยปัญหาความเดือดร้อน ปล่อยขยะในลำคลองเน่าเหม็น น้ำรอระบาย ไฟฟ้าส่องสว่างในชุมชนยังขาดแคลน

วิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาค กทม.และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง ส.ก., ดนุพร ปุณณกันต์ เลขานุการการเลือกตั้ง ส.ก., ขัตติยา สวัสดิผล อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ, ธกร เลาหพงศ์ชนะ สมาชิกพรรคเพื่อไทย และ ปิยะวรรณ จระกา ผู้สมัคร ส.ก. เขตสวนหลวง เบอร์ 1 ร่วมลงพื้นที่ชุมชนโมราวรรณ1 ซอยอ่อนนุช 49 เขตสวนหลวง พบปะรับฟังพี่น้องประชาชนในงาน ‘สวนหลวงพูด เพื่อไทยฟัง’

งานนี้มีแกนนำและชาวบ้านในชุมชนโมราวรรณ1, ชุมชนหมู่บ้านฮอลีวู้ด, ชุมชนภูมิสุข และชุมชนอื่น ล้อมวงคุยนโยบายเลือกตั้งผู้สมัคร ส.ก. โดยมีตัวแทนของพรรคเพื่อไทยรับฟังความคิดเห็น ตอบคำถามและรับฟังข้อเสนอแนะเกี่ยวกับนโยบายลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ กระจายความมั่งคั่งให้คนกรุงเทพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายกองทุนพัฒนาชุมชน 200,000 บาทต่อปีของพรรคเพื่อไทย

ขณะเดียวกัน ชาวสวนหลวงได้ร้องเรียนกับพรรคเพื่อไทย ถึงปัญหาการกำจัดขยะทั้งในชุมชนและในคลองพระโขนง ซึ่งอยู่ติดกับชุมชน เนื่องจากหน่วยงานเกี่ยวข้องมาเก็บขยะเพียงสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ทำให้เกิดปัญหาขยะหมักหมมก่อให้เกิดเชื้อโรค พร้อมร้องเรียนปัญหาไฟฟ้าส่องสว่างในชุมชนยามค่ำคืน ซึ่งที่ผ่านมาไม่ได้รับการสนใจแก้ไขจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเสนอขอให้มีภาครัฐควรมีอินเทอร์เน็ตฟรีให้ประชาชน เนื่องจาก 2 ปีที่ผ่านมา ลูกหลานในชุมชนต้องเรียนออนไลน์ ผู้ปกครองต้องค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเดือนละ 500-1,000 บาท

วิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาค กทม. กล่าวว่า การเลือกตั้ง ส.ก.คราวนี้ พรรคเพื่อไทยมีนโยบายประชาธิปไตยกินได้ คือนโยบายกองทุนพัฒนาชุมชน 200,000 บาท ซึ่งเป็นนโยบายการกระจายอำนาจจากส่วนกลาง กระจายการตัดสินใจโครงการ และกระจายทรัพยากรคืองบประมาณไปสู่ชุมชน เนื่องจากที่ผ่านมา งบประมาณแต่ละปีจะกระจุกตัวอยู่ที่ผู้บริหาร ไม่รู้ว่าผู้บริหารเอาเงินไปทำอะไร พอมีปัญหาเร่งด่วนที่จำเป็นต้องใช้เงิน ผู้บริหาร กทม.ไม่สามารถนำงบประมาณไปตอบสนองแก้ไขปัญหาให้พี่น้องอย่างทันท่วงที เราจึงมีนโยบายกองทุนพัฒนาชุมชน 200,000 บาท เพื่อให้ชุมชนสามารถตัดสินใจใช้จ่ายเงินเพื่อใช้พัฒนาชุมชนได้อย่างมีประโยชน์มีประสิทธิภาพและทันท่วงทีต่อสถานการณ์

‘อนุทิน’ รับมอบ ‘แพ็กซ์โลวิด’ ล็อตแรก คาดส่งให้ผู้ป่วยสูงวัยที่ติดโควิดหลังสงกรานต์

เมื่อวันที่ 11 เมษายน ที่ กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เป็นประธานพิธีส่งมอบยาแพ็กซ์โลวิด (Paxlovid) ระหว่างกระทรวงสาธารณสุข โดย นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ และ น.ส.เด็บบราห์ ไซเฟิร์ท กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ในจำนวนการจัดซื้อ 50,000 คอร์ส รวม 1.5 ล้านเม็ด กำหนดทยอยส่งมอบให้ครบภายในเดือนเม.ย. ซึ่งมีองค์การเภสัชกรรม (อภ.) เป็นผู้รับจัดเก็บและกระจายยาลงพื้นที่แต่ละจังหวัด

นายอนุทิน กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการเข้าถึงยารักษาโควิด-19 ที่มีประสิทธิผล มีข้อมูลทางวิชาการหรือผลการศึกษาวิจัยที่มีคุณภาพเพียงพอในการสนับสนุนการตัดสินใจเชิงนโยบาย เพื่อพิจารณาเลือกและจัดหายาที่เหมาะสมในการนำมาใช้กับผู้ติดเชื้อโควิด ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีการใช้ยาต้านไวรัสรักษาผู้ป่วยโควิด ได้แก่ ยาฟาวิพิราเวียร์ ยาเรมเดซิเวียร์ ยาโมลนูพิราเวียร์ และยาตัวใหม่ที่กำลังนำมาใช้ คือ ยาแพ็กซ์โลวิด ที่ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อใช้รักษาโควิดโดยตรง ไม่ใช่เป็นเพียงยาต้านไวรัสทั่วไป ซึ่งปัจจุบันพบว่าผู้ติดเชื้อที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไปส่วนหนึ่งยังมีอัตราการเสียชีวิตอยู่ คณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้ สธ. โดยกรมการแพทย์ ดำเนินการจัดซื้อจัดหายาที่มีประสิทธิภาพเพื่อลดอัตราการเสียชีวิตลง ทั้งนี้ ไม่ใช่เป็นทางเลือกแต่เพื่อสร้างความมั่นคงทางยา ให้ประชาชนมั่นใจว่าเรามียาครบถ้วนและเพียงพอต่อการดูแลผู้ป่วยทุกอาการ โดยจะกระจายยาลงไปยังแต่ละจังหวัด ในโรงพยาบาลศูนย์ และให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเป็นผู้บริหารจัดการยาต่อไป

“แม้เราจะมียาดีอย่างไร สู้กับการไม่เจ็บป่วยไม่ได้ ฉะนั้นขอให้ประชาชนยังคงมาตรการสวมหน้ากาก เว้นระยะห่างและล้างมือ ลดเข้ากิจกรรมเสี่ยง และฉีดวัคซีนให้ครบทุกคน” นายอนุทินกล่าว

ทั้งนี้ นายอนุทิน ได้ตอบคำถามกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าทำไมจัดซื้อยามาในปริมาณเพียง 50,000 คอร์ส ว่า ประเทศไทยรักษาผู้ป่วยมากกว่า 2 ล้านคน แต่ละคนมีอาการต่างกันไป ซึ่งส่วนใหญ่จะอาการไม่รุนแรง ฉะนั้นขอให้มั่นใจว่ายาแต่ละขนานที่แพทย์ให้มาจากหลักวิชาการ เราไม่ต้องไปบอกแพทย์ว่าเราจะรับยาอะไร ผู้ป่วยจะต้องเชื่อแพทย์ที่จะจ่ายยาที่เหมาะสมที่สุดกับผู้ป่วย ยืนยันว่าไม่ได้ซื้อน้อย เพราะไม่ได้ซื้อเพียงครั้งเดียว หากพบว่ามีความจำเป็นเราก็พร้อมจะจัดซื้อเพิ่มให้เหมาะสมเพียงพอ

“ไม่มีคำว่าขี้เหนียว เก็บรักษาเอาไว้เพื่อใครคนใดคนหนึ่ง ทุกอย่างเป็นไปตามการรักษาโดยดุลยพินิจของแพทย์ ทั้งยาทุกชนิดที่นำมาใช้กับผู้ป่วยทั้งต้านไวรัสหรือยาแก้ไอ ลดน้ำมูกทั่วไป ยาฟ้าทะลายโจร ไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้ยาแพ็กซ์โลวิดหรือฟาวิพิราเวียร์ทุกคน ยิ่งไม่ได้รับ ก็ต้องถือว่าผู้ป่วยมีสุขภาพดี อาการไม่รุนแรง เป็นสิ่งที่น่ายินดี เพื่อให้เราเก็บยาไว้รักษาผู้ที่มีความจำเป็น” นายอนุทินกล่าว

นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ข้อมูลจากการศึกษาวิจัยยาแพ็กซ์โลวิดในผู้ป่วย 1,379 คน พบว่า ช่วยลดความเสี่ยงการนอนโรงพยาบาล (รพ.) หรือเสียชีวิตลงได้ 88% เมื่อผู้ป่วยได้รับยาภายใน 5 วันนับตั้งแต่เริ่มมีอาการ โดยกลุ่มที่ได้ยานอน รพ. 0.77% และไม่มีผู้เสียชีวิต ส่วนกลุ่มที่ได้รับยาหลอก นอนรพ. 6.31% และมีผู้เสียชีวิต 13 คน ถือว่ามีประสิทธิผลสูง ซึ่งยาแพ็กซ์โลวิด จะนำไปใช้รักษาผู้ติดเชื้อที่มีอาการเล็กน้อยถึงปานกลาง และมีความเสี่ยงเกิดอาการรุนแรง เช่น คนอายุมากกว่า 60 ปี มีภาวะอ้วน เป็นเบาหวาน เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นโรคไตเรื้อรัง ภูมิต้านทานร่างกายต่ำ เป็นต้น เพื่อช่วยลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตหรือการรักษาตัวในรพ.

'นายกฯ' ยินดีไทยแชมป์ฟุตซอลอาเซียน 2022 สมัยที่ 16 พร้อมผลักดันการกีฬาไทยสู่ความสำเร็จในระดับนานาชาติ

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แสดงความยินดีและภูมิใจอย่างยิ่งกับฟุตซอลทีมชาติไทยที่สามารถคว้าแชมป์ฟุตซอลอาเซียน 2022 สมัยที่ 16 ได้สำเร็จ หลังจากเอาชนะทีมชาติอินโดนีเซีย ในการแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์อาเซียน 2022 (AFF Futsal Championship) รอบชิงชนะเลิศ ณ อินดอร์สเตเดียม หัวหมาก เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา พร้อมชื่นชมและขอบคุณนักกีฬาและผู้ที่มีส่วนร่วมทุกภาคส่วน โดยยินดีผลักดันศักยภาพการกีฬาของไทยเพื่อต่อยอดความสำเร็จในระดับนานาชาติ

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทีมชาติฟุตซอลไทยคว้าชัยชนะได้อย่างต่อเนื่อง เอาชนะทีมชาติเวียดนามในรอบรองชนะเลิศ และได้รับชัยชนะจากการแข่งรอบชิงชนะเลิศกับทีมชาติอินโดนีเซียด้วยสกอร์ 5-3 (ลูกโทษ) และสกอร์รวม 7-5 คว้าแชมป์อาเซียน 2022 ถือเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมของทีมชาติไทย และเป็นการรักษาแชมป์ฟุตซอลอาเซียน เป็นผลสำเร็จต่อเนื่องถึง 16 สมัย 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top