Sunday, 22 June 2025
Hard News Team

‘โนวาแวกซ์’ เผย!! วัคซีนรุ่นใหม่ ‘ลูกผสม’ ป้อง!! ‘โควิด-ไข้หวัดใหญ่’

(20 เม.ย. 65) บริษัท โนวาแวกซ์ อิงค์ (Novavax, Inc.) ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพผู้พัฒนาและจำหน่ายวัคซีนรุ่นใหม่สำหรับโรคติดเชื้อรุนแรง จะนำเสนอข้อมูลจากการศึกษาทดลองวัคซีนลูกผสมป้องกันโควิด-19 และไข้หวัดใหญ่ และวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลของบริษัทเป็นครั้งแรกในงานประชุมวัคซีนโลก (World Vaccine Congress หรือ WVC) ที่สหรัฐฯ ระหว่างวันที่ 18-21 เมษายน 2565

นอกจากนี้จะมีการนำเสนอข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ชนิดทำจากโปรตีนส่วนหนึ่งของเชื้อที่บริษัทกำลังพัฒนาอย่าง NVX-CoV2373 ในทั้งงานประชุมวัคซีนโลกและงานประชุมจุลชีววิทยาคลินิกและโรคติดเชื้อแห่งยุโรป (European Congress of Clinical Microbiology & Infectious Diseases หรือ ECCMID) ครั้งที่ 32 ณ กรุงลิสบอน โปรตุเกส ระหว่างวันที่ 23-26 เมษายน 2565 โดยจะมีการนำเสนอข้อมูลจากบทคัดย่อและผลงานนำเสนอแปดรายการ ซึ่งรวมถึงการนำเสนอแบบบรรยายสี่รายการ ภายในงานประชุมทั้งสองงานนี้

สมุทรปราการ-ช่วยแรงงาน!! 1 พฤษภา “สภาองค์การลูกจ้างพัฒนาแรงงานแห่งประเทศไทย” เตรียมยื่น 8 ข้อ เรียกร้อง!! วอนรัฐบาลเร่งช่วยเหลือแรงงาน

ภายในห้องประชุม สภาองค์การลูกจ้างพัฒนาแรงงานแห่งประเทศไทย (สพท.) .สุขุมวิท อ.เมือง จ.สมุทรปราการ นำโดย นายมานัส โกศล ประธานสภาองค์การลูกจ้างพัฒนาแรงงานแห่งประเทศไทย เป็นประธานในการเปิดประชุม ข้อเสนอข้อเรียกร้องในวันแรงงานแห่งชาติ วันที่ 1 พฤษภาคม ประจำปี 2565 โดยมี นายภาคภูมิ สุกใส เลขาธิการสภาองค์การลูกจ้างพัฒนาแรงงานแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยคณะเจ้าหน้าที่เครือข่ายประกันสังคมคนทำงาน (คปค.) ตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมเพื่อหารือถึงข้อเสนอและข้อเรียกร้อง เพื่อช่วยเหลือแรงานทั่วประเทศโดยเตรียมยื่นเอกสารถึงท่านนายกรัฐมนตรี (พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา) ในวันที่ 1 พฤษภาคม นี้

โดยภายในที่ประชุม ผู้นำสภาองค์การลูกจ้างพัฒนาแรงงานแห่งประเทศไทย (สพท.) พร้อมด้วย คณะประธานเครือข่ายประกันสังคมคนทำงาน (คปค.) ตลอดจนคณะเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้มีข้อสรุปในการช่วยเหลือผู้ใช้แรงงาน โดยในที่ประชุมมีมติเห็นชอบพร้อมเตรียมยื่นเอกสารถึงท่าน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ถึงข้อเสนอและข้อร้องเรียน จำนวน 8 ข้อ เพื่อเป็นการช่วยเหลือแรงงาน เนื่องในวัน “แรงงานแห่งชาติ” ประจำปี 2565

ด้าน นายมนัส โกศล ประธานสภาองค์การลูกจ้างพัฒนาแรงงานแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในฐานะประธาน สพท. และตัวแทนพี่น้องประชาชนผู้ใช้แรงงานทั่วประเทศ ทางสภาองค์การลูกจ้างพัฒนาแรงงานแห่งประเทศไทย หรือ (สพท.) พร้อมด้วย คณะเจ้าหน้าที่เครือข่ายประกันสังคมคนทำงาน หรือ (คปค.) ได้ร่วมประชุมหารือตามข้อเรียกร้องจากพี่น้องประชาชนผู้ใช้แรงงานทั่วประเทศ รวมถึงทาง (สพท.) เองได้มีมติเห็นชอบในการกำหนดข้อเสนอข้อเรียกร้องต่างๆ จำนวน 8 ข้อ เพื่อขอให้ทางรัฐบาลเร่งช่วยเหลือผู้ใช้แรงงาน โดยเอกสารดังกล่าวนั้นพร้อมที่จะยื่นถึงท่าน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในวันที่ 1 พฤษภาคม นี้ ซึ่งตรงกับ วันแรงงานแห่งชาติ ประจำปี 2565

“หนุ่มเขมรขนเอง! จับกุมชายชาวกัมพูชาลักลอบขนคนหลบหนีเข้าไทย”

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด                     

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. มอบหมายให้ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.มานัด ศรีวงษา ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.ทรงโปรด สิริสุขะ รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.ไกลเขต บุรีรักษ์ รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตี้ยสุด รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.หฤษฎ์ เอกอุรุ รอง ผบก.ตม.3 และ พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย ผกก.สส.บก.ตม.3 ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคดีดังนี้

กล่าวคือก่อนทำการจับกุมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.สส.บก.ตม.3 ได้ทำการสืบสวนทราบว่า ในเวลากลางคืนวันที่ 17 เม.ย. 65 ซึ่งเป็นห้วงเวลาหลังจากหยุดยาวสงกรานต์ และมีกลุ่มขบวนการลักลอบนำคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาเดิมทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต  โดยอาจจะใช้เส้นทางเลี่ยงการตรวจของด่านความมั่นคงในพื้นที่ จว.สระแก้ว จึงได้วางแผนและวิเคราะห์เส้นทางที่อาจใช้ในการกระทำความผิดเพื่อสกัดจับ จนต่อมาในเดียวกัน เวลา 22.30 น. ได้ตรวจพบรถยนต์กระบะต้องสงสัยขับออกจากซอยไม่ทราบชื่อ ถ.สุวรรณนุสรณ์ ด้วยความเร็วสูง จึงได้เข้าแสดงตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและขอทำการตรวจสอบ ผลการตรวจสอบพบว่ามีนายธาน อายุ 37 ปี สัญชาติ กัมพูชา เป็นผู้ขับรถ และมีบุคคลต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาอีก 5 คน โดยสารในรถมาด้วย ตรวจสอบแล้วไม่มีการเข้ามาในราชอาณาจักรอย่างถูกต้อง จึงจับกุมตัวทั้งหมดและนำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย 

การแจ้งข้อกล่าวหา นายธาน (คนขับ) แจ้งว่า   
1. ช่วยเหลือ ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ ซึ่งบุคคลต่างด้าวที่หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตให้รอดพ้นจากการจับกุม
2. เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต
3. ฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดสระแก้ว ที่ 1187/2565 ลง 1 เม.ย.2565 (ฉบับที่ 59)(ข้อ 9)
4. ร่วมกันฝ่าฝืนคำสั่งตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ฝ่าฝืนสถานการณ์ฉุกเฉิน ชุมนุมหรือมั่วสุมกัน ซึ่งไม่ถูกลักษณะและอาจจะเป็นเหตุให้โรคระบาดแพร่ออกไป

คนต่างด้าว 5 คน (ผู้โดยสาร) แจ้งว่า 

1. เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต
2. ร่วมกันฝ่าฝืนคำสั่งตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ฝ่าฝืนสถานการณ์ฉุกเฉิน ชุมนุมหรือมั่วสุมกัน ซึ่งไม่ถูกลักษณะและอาจจะเป็นเหตุให้โรคระบาดแพร่ออกไปสถานที่ วันเวลาเกิดเหตุ บริเวณปากซอยไม่ทราบซื่อ ถ.สุวรรณนุสรณ์(ขาเข้า) หมู่ 5 ต.หัวยโจด อ.วัฒนานคร จว.สระแก้ว เมื่อ 17 เม.ย. 65 เวลาประมาณ 22.30 น. 

 

จับกุมเครือข่ายขบวนการนำพาคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิดสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง

โดย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. มอบหมายให้ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.ไพรัช พุกเจริญ รอง ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.ยศเอก รักษาสุวรรณ รอง ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.ภคยศ ทนงศักดิ์ผกก.สส.บก.ตม.6 และ พ.ต.อ.สมชาย จิตสงบ ผกก.ตม.จว.ระนอง ร่วมกันแถลงข่าว ดังนี้
 คดีจับกุมเครือข่ายขบวนการลักลอบนำพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนปราบปราม ตม.จว.ระนอง, สนธิกำลังร่วมกับ กก.สส.ภ.8,  กก.5 บก.ปคม., ส.ทท.2 กก.2 บก.ทท.3 และ เจ้าหน้าที่ทหาร ร้อย ร.2521 ฉก.ร.25

ได้รับแจ้งเบาะแสจากสายข่าวว่ามีขบวนการขนแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายจากพื้นที่ อ.กระบุรี จว.ระนอง ไปยัง จว.ชุมพร โดยใช้เส้นทางหลบเลี่ยงสายซอยหินช้าง ม.3 ต.มะมุ อ.กระบุรี จว.ระนอง แล้วนำพาเดินเท้าข้ามภูเขาเพื่อหลบเลี่ยงด่านตรวจศิลาสลักของเจ้าหน้าที่ทหารบนเส้นทางหลัก เพื่อไปส่งต่อยังพื้นที่ จว.ชุมพร จึงวางแผนให้กำลังพลซุ่มตามเส้นทางที่ได้รับแจ้งข่าว เวลาประมาณ 22.15 น. เจ้าหน้าที่พบรถยนต์กระบะ ทะเบียนจังหวัดระนอง ขับขี่ผ่านจุดที่เจ้าหน้าที่วางกำลังซุ่มดูไว้ พบนายเสนอ หรือนุ้ย เป็นผู้ขับขี่ จอดรถลงเดินสะพายปืนลูกซองยาว และใช้ไฟฉายสำรวจเส้นทางสำหรับใช้ขนแรงงานต่างด้าว ซึ่งภายหลังเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวมาซักถามให้การวกวน มีพิรุธน่าสงสัย 

ต่อมามีรถจักรยานยนต์ ทะเบียนจังหวัดระนอง ขับขี่นำทางรถยนต์กระบะสี่ประตู ทะเบียนจังหวัดชุมพร ขับขี่เข้ามา ลักษณะตรงตามที่สายรายงานเจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวขอตรวจสอบผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ แต่ได้อาศัยความมืดวิ่งหลบหนีไป (ทราบชื่อในภายหลังชื่อนายอนุรักษ์ หรือตาล) และจากการตรวจสอบในรถยนต์กระบะพบว่าผู้ขับขี่ชื่อ นายมนตรี หรือชาญ อายุ 40 ปี ที่อยู่ ต.ปากน้ำ อ.เมือง จว.ระนอง ภายในรถยนต์พบ นายจอจอทวย อายุ 18 ปี สัญชาติเมียนมา กับพวกรวม 12 คน (เป็นแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมาย) ซักถามนายมนตรียอมรับว่าได้รับการว่าจ้างจากนายจอโปนาย สัญชาติเมียนมา และเป็นผู้จัดหารถยนต์มาจอดไว้ที่ปั๊มน้ำมัน ปตท.สาขาสะพานปลา

โดยให้นำรถยนต์ไปรับแรงงานต่างด้าวที่บริเวณ ต.มะมุ อ.กระบุรี จว.ระนอง เมื่อไปถึงให้ติดต่อประสานงานกับนาย พัลลภ หรือ หนอน และนาย สิทธิพงษ์ หรือ กัปตัน ทั้งสองคนจะทำหน้าที่ดูต้นทางและรับต่างด้าวขึ้นจากเรือ และทำหน้าที่นำพาแรงงานต่างด้าวมาขึ้นรถยนต์ จากนั้นก็ขับขี่มุ่งหน้ามาที่ซอยหินช้าง ต.มะมุ อ.กระบุรี จว.ระนองโดยมีนาย อนุรักษณ์ ทำหน้าที่ขับรถ จยย. นำทาง เพื่อไปส่งให้คนมารับ พาเดินเท้าอ้อมจุดตรวจด่าน จปร. ไปยังพื้นที่ จว.ชุมพร

ต่อมาเวลาประมาณ 23.05 น. มีรถยนต์กระบะสีขาวทะเบียนกรุงเทพมหานคร ขับตามเข้ามา เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวขอตรวจสอบ พบนายจรัญ หรือไข่ อายุ 42 ปี ที่อยู่ ต.บางนอน อ.เมือง จว.ระนอง เป็นผู้ขับขี่ ภายในรถยนต์บรรทุก นายเมาเอเว อายุ 27 ปี สัญชาติเมียนมา กับพวกรวม 17 คน (เป็นแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมาย) ซักถามยอมรับว่าได้รับการว่าจ้างจากนางนุสรา หรือเนย ให้มารับแรงงานต่างด้าวที่ริมแม่น้ำกระบุรีในพื้นที่ ต.มะมุ อ.กระบุรี จว.ระนอง ไปส่งที่ซอยหินช้าง ต.มะมุ อ.กระบุรี จว.ระนอง ได้รับค่าจ้างเป็นเงิน 4,000 บาท/ครั้ง

และขณะที่เกิดเหตุ มีชาย 2 คนขับขี่รถจักรยานยนต์ทะเบียนจังหวัดระนองขับเข้ามา เจ้าหน้าที่แสดงตัวขอตรวจสอบ โดยทั้งสองคนได้ทิ้งรถจักรยานยนต์วิ่งหลบหนีไป จึงไล่ติดตามควบคุมตัวมาได้ 1 คน ชื่อ นายสิทธิพงษ์ หรือกัปตัน ให้การว่าชายที่นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์มาด้วยและวิ่งหลบหนีไปชื่อ นายพัลลภ หรือหนอน

ซึ่งนายสิทธิพงษ์ กับนายพัลลภ เดินทางมาจากจุดที่แรงงานต่างด้าวหลบหนีขึ้นฝั่งบริเวณป่าจาก ต.มะมุ อ.กระบุรี จว.ระนอง โดยมีภาพถ่ายแรงงานต่างด้าวขณะขึ้นฝั่งในโทรศัพท์มือถือของ นายสิทธิพงษ์ มายืนยันกับเจ้าหน้าที่ และเมื่อจัดการให้แรงงานต่างด้าวขึ้นรถยนต์กระบะแล้ว นายพัลลภ ได้ใช้ให้ นายสิทธิพงษ์ ขับรถจักรยานยนต์มาส่งที่ นายเสนอ เพื่อจะร่วมกับ นายเสนอ ในการนำพาแรงงานต่างด้าวเดินเท้าหลบเลี่ยงจุดตรวจเจ้าหน้าที่ไปส่งยังพื้นที่ 
จว.ชุมพร ต่อไป จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ไปตรวจสอบบริเวณจุดที่แรงงานต่างด้าวขึ้นฝั่ง พบนายยีซออาว อายุ 26 ปี สัญชาติเมียนมา กับพวกรวม 13 คน แอบหลบซ่อนอยู่ จึงได้ควบคุมตัว ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปากจั่น ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 

'สร้างอนาคตไทย' ดัน ‘อุตตม’ นั่งหัวหน้าพรรค พร้อมชู ‘สมคิด’ แคนดิเดต ชิงเก้าอี้นายกฯ

พรรคสร้างอนาคตไทย ประกาศจะเสนอ ‘สมคิด’ เป็นแคนดิเดตนายกฯ พร้อมดัน ‘อุตตม’ นั่งแท่นหัวหน้าพรรค เดินนโยบายด้านเศรษฐกิจ

พรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2565 โดยมีวาระสำคัญ 5 เรื่องประกอบด้วย รายงานการดำเนินกิจการของพรรคในรอบปี 2564 รายงานงบการเงิน การแก้ไขข้อบังคับพรรค การเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ และการเลือกตั้งกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.

จากนั้น นายอุตตม สาวนายน ได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ กล่าวถึงอุดมการณ์ ว่า เป้าหมายสูงสุดในการตั้งพรรคสร้างอนาคตไทยเพื่อการแก้ปัญหาให้ประชาชน โดยเฉพาะเรื่องปากท้องและเศรษฐกิจ ถึงเวลาแล้วที่ประชาชนจะมีพรรคการเมืองที่เป็นทางเลือก ที่อาสาเสนอทางออก โดยรวบรวมผู้คนจากหลายภาคส่วนที่มีประสบการณ์ทำงานจากภาคเอกชนและภาครัฐมาประกอบกับคนรุ่นใหม่ เพราะหากบ้านเมืองดี คนที่อยู่ในการเมืองทุกวันนี้สามารถแก้ไขปัญหาได้ เราทุกคนคงไม่เข้ามาทำการเมือง เพราะการตั้งพรรคไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เชื่อว่าทุกคนต้องการสร้างการเมืองใหม่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และความรู้ ความสามารถบวกกับประสบการณ์ที่มีมาหล่อหลอมร่วมกัน ไม่ใฝ่หาอำนาจ เปิดกว้างให้ประชาชนแสดงความเห็น ทั้งที่สอดคล้องและเห็นต่าง เพื่อประโยชน์สูงสุดให้บ้านเมือง 

พรรคจะไม่แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนหรือพวกพ้อง กล้าตัดสินใจในสิ่งที่ถูกต้อง ประชาชนพึ่งได้ ถึงเวลาที่พวกเราจะผลักดันให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากวิกฤติที่กำลังเผชิญ ให้กลับมาเป็นประเทศที่ทันสมัยได้อีกครั้ง พัฒนาได้อย่างเต็มศักยภาพทุกพื้นที่ ไม่จำกัดเฉพาะในเมือง บนพื้นฐานของความเสมอภาค ในโอกาสและความยุติธรรมสู่อนาคตที่มั่นคงร่วมกัน

“จากปัญหาวิกฤติที่ชะงักงัน ที่เกิดจากการเข้ามาแล้วสืบทอดอำนาจทำให้เกิดวิกฤต ซึ่งเราจะยืนเคียงข้างประชาชนและปฏิเสธการเมืองเช่นนั้น เราจะทำงานการเมืองโดยยึดประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก ยึดระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และสร้างระบบประชาธิปไตยที่แท้จริง หยุดประชาธิปไตยเทียมที่ยึดผลประโยชน์บางกลุ่ม ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศ” นายอุตตม กล่าว

ค้นบริษัทหัวหมอ ปลอมใบรับรองการทำงานมากกว่า 60 บริษัท เพื่อนำไปขอวีซ่าสถานทูต...พบลูกค้าใช้บริการเพียบ!!!

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. มอบหมายให้ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง ผกก.1 บก.สส.สตม. และ พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าว ดังนี้

เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.สตม. ได้รับแจ้งจากสายลับ (ขอปิดนาม) แจ้งว่า มีบริษัทรับทำเอกสารปลอมเพื่อขอวีซ่า ซึ่งเปิดรับทำวีซ่าเพื่อใช้ในการเดินทางไปประเทศ มีการปลอมเอกสารใบรับรองการทำงานของบริษัทต่าง ๆ จำนวนมาก เพื่อใช้นำไปยื่นขอวีซ่าที่สถานทูตต่าง ๆ เจ้าหน้าที่ บก.สส.สตม. จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายค้นบริษัทดังกล่าว

ต่อมาศาลแขวงดอนเมือง อนุมัติหมายค้น ให้เข้าตรวจค้นบริษัทดังกล่าว ในวันที่ 1 เมษายน 2565 เจ้าหน้าที่ บก.สส.สตม. จึงทำการเข้าตรวจค้นบริษัทดังกล่าวตามหมายค้น พบว่ามีคนไทยทำงานอยู่ในบริษัท 7 คน จากการตรวจค้น พบตราประทับของบริษัทต่าง ๆ จำนวน 42 อัน, คอมพิวเตอร์ จำนวน 5 เครื่อง, เอกสารสำหรับการยื่นขอวีซ่าไปยังสถานทูตต่าง ๆ มากกว่า 100 คน        

จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า บริษัทดังกล่าว ได้ประกาศหาลูกค้าที่ต้องการยื่นขอวีซ่าผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยคิดค่าธรรมเนียมในราคาที่แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ จากนั้นเมื่อมีลูกค้ามาใช้บริการ ก็จะช่วยลูกค้าจัดเตรียมเอกสารบางรายการที่ลูกค้าไม่มี สำหรับขอวีซ่า

ซึ่งพบว่าเอกสารบางส่วนที่บริษัทฯ จัดเตรียมให้ลูกค้าเป็นเอกสารใบรับรองการทำงานปลอมของบริษัทต่างๆ มากกว่า 60 บริษัท โดยใช้ คอมพิวเตอร์และตราประทับ ตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.สตม. ตรวจพบสำหรับทำเอกสารปลอมขึ้นมา เพื่อให้ลูกค้านำไปยื่นขอวีซ่ากับสถานทูตต่างๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.สตม. จึงได้ทำการตรวจยึดสิ่งของไว้เป็นของกลาง และประสานงานไปยังบริษัทต่าง ๆ เพื่อทราบถึงเหตุการณ์ดังกล่าว เพื่อร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับบริษัทฯ และผู้เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 

‘หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์’ ยืนยัน!! ทำบุญครบรอบวันเกิดพรรคทุกปี มี 3 ศาสนา ‘อิสลาม -พราหมณ์ -พุทธ’ วอนหยุด!! แชร์ข้อมูลเท็จ เพราะเข้าข่ายผิดกฎหมาย

(20 เม..65) ที่ โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพมหานคร นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นการแชร์ข้อมูลอันเป็นเท็จในโลกโซเชียลต่อกรณีการกล่าวหาด้วยข้อความอันเป็นเท็จต่อพิธีทำบุญครบรอบ 76 ปีพรรคประชาธิปัตย์ ว่า...

ขอเรียนชี้แจงในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คือประเด็นที่มีการแชร์กันในโซเชียลมีเดียที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อพรรคประชาธิปัตย์ ในกรณีที่เกี่ยวข้องกับการทำบุญครบรอบวันเกิดของพรรคในวันที่ 6 เมษายน ที่ผ่านมา โดยระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์จัดพิธีทำบุญเฉพาะศาสนาอิสลามและไม่มีพิธีทางศาสนาพุทธ ตนในฐานะหัวหน้าพรรค กราบเรียนชี้แจงว่า ไม่เป็นความจริงทั้งสิ้น เพราะการทำพิธีทางศาสนาในวันเกิดครบรอบของพรรคที่ผ่านมา เราทำทั้ง 3 ศาสนา คือมีทั้งพิธีพุทธ พราหมณ์ และอิสลาม

ซึ่งได้ปฏิบัติต่อเนื่องเหมือนกันทุกๆ ปีเพราะฉะนั้นการที่มีการโพสต์ข้อความและมีการแชร์ในโซเชียลโดยการทำแบนเนอร์ ถือว่าทำให้เกิดความเข้าใจผิด และทำให้พรรคประชาธิปัตย์ได้รับความเสียหาย จึงขอเริ่มต้นด้วยการขอความกรุณาว่าไม่ควรจะมีการแชร์เพราะอาจจะเข้าข่ายการกระทำที่ผิดกฎหมายและเกิดความเข้าใจผิดของประชาชนที่มีต่อพรรคประชาธิปัตย์

'สื่ออาวุโส' ติง!! 'ไฮโซลูกนัท' ข่มตำรวจด้วยสถานภาพ ยิ่งตอกย้ำอภิสิทธิ์และความไม่เท่าเทียมด้วยเงิน

เฟซบุ๊ก Pravit Rojanaphruk ของนายประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวอาวุโส เครือหนังสือพิมพ์ข่าวสด โพสต์ข้อความระบุว่า...

เรื่องนี้ผมติง #ลูกนัท Nat Thanakitamnuay แล้วเมื่อวานตรงๆ กับเจ้าตัว ว่าไม่ว่าจะทะเลาะกับผู้อื่นรวมถึงตำรวจอย่างไร ไม่ว่าใครผิดใครถูก (ผมเข้าใจว่าลูกนัทโกรธตำรวจมาก และรู้สึกถูกตำรวจหลอก) แต่เราก็ไม่ควรเอาสถานะทางการเงิน (เช่นรถเฟอร์รารี) มาขู่ตำรวจครับ ว่าถ้าเฉี่ยวรถแล้วจะมีปัญญาซ่อมไหม มิเช่นนั้นอาจมิต่างจาก #ปริญญ์ ที่สังคมกำลังห่วงว่าจะเอาเงินฟาดหัว "เหยื่อ" ให้เงียบไหม

นี่คือการตอกย้ำความไม่เท่าเทียมเสมอภาคทางสังคม (แน่นอนครับว่าลูกนัทมิใช้ผู้ต้องหาข่มขืน)

ลูกนัทขู่ตำรวจทำนองว่าถ้าตำรวจขับชนรถเฟอร์รารีเขาที่ขวางเสียหาย จะมีปัญญาจ่ายค่าซ่อมไหม? ตร.ทำงานกี่ปีถึงจะซื้อรถแบบนี้ได้? ส่วนใหญ่ทำงานทั้งชีวิตก็ไม่มีปัญญา 

นายกฯเชิญชวนร่วมกิจกรรม “ใต้ร่มพระบารมี 240 ปี กรุงรัตนโกสินทร์” ไหว้พระขอพรเสริมสิริมงคล รวมทั้งเรียนรู้สืบสานมรดกศิลปวัฒนธรรมของชาติ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แบะ รมว.กลาโหม โพสต์ข้อความบนเฟซบุ้คส่วนตัวว่า วานนี้ (19 เม.ย.65 ) ได้ร่วมกิจกรรมประชาสัมพันธ์งาน “ใต้ร่มพระบารมี 240 ปี กรุงรัตนโกสินทร์” ที่กำหนดจัดงานตั้งแต่วันที่ 20-24 เม.ย.ศกนี้ เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณและเทิดพระเกียรติพระมหากษัตริย์ไทยแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนพาลูกหลานมาเที่ยวชมวัง พิพิธภัณฑ์ เข้าวัดไหว้พระขอพรเสริมสิริมงคล รวมทั้งเรียนรู้สืบสานมรดกศิลปวัฒนธรรมของชาติผ่าน 20 แหล่งเรียนรู้รอบเกาะรัตนโกสินทร์ ซึ่งผมเชื่อว่าความภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์และความเป็นไทย จะช่วยหลอมรวมจิตใจไทยให้เป็นหนึ่งเดียว อีกทั้งก่อให้เกิดความรัก ความหวงแหนสมบัติของชาติที่บรรพบุรุษของเรา ได้ปกป้องรักษาไว้ให้เราในวันนี้ และลูกหลานในวันข้างหน้า 

กิจกรรมดีๆ เหล่านี้ ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมวัฒนธรรมของไทยให้เป็นที่รู้จักทั่วโลก โดยผมได้มอบนโยบายในการแปลง "มรดกทางวัฒนธรรม" มาสร้าง "มูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ" จากระดับท้องถิ่นสู่เวทีระดับโลก ทั้ง "5F" คือ (1) Food-อาหาร (2) Film-ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ (3) Fashion-การออกแบบแฟชั่นไทย (4) Fighting-ศิลปะการป้องกันตัวแบบไทย (5) Festival-เทศกาลประเพณีไทย นอกจากนี้ ยังมีนโยบาย "วัฒนธรรมกินได้" ที่มุ่งเน้นส่งเสริมให้เกิดการรวมตัวกันในชุมชน แสวงหาจุดเด่น-จุดแข็ง-จุดขาย ที่เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น ศิลปะหัตถกรรมพื้นบ้าน สินค้าและผลิตภัณฑ์จากชุมชน อาหารการกิน รวมทั้งการแสดงที่เป็นเอกลักษณ์ในแต่ละภูมิภาค จัดเป็นตลาดนัด-ตลาดชุมชน ช่วงเสาร์-อาทิตย์ หรือช่วงเทศกาลต่างๆ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและเสริมสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานราก ให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ กระจายความเจริญไปสู่ท้องถิ่น ทุกอย่างเกิดจาก "ความร่ำรวยทางวัฒนธรรม" ของเรา ที่เป็นอันดับต้นๆ ของโลก ที่รัฐบาลผลักดันมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อต่อยอด สร้างมูลค่าเพิ่ม และประทับตราแบรนด์ “Thailand” ให้ตราตรึงในใจชาวโลก ทุกครั้งที่นึกถึง

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นอกจากการส่งเสริมการพัฒนาสิ่งใหม่ๆ แล้ว รัฐบาลก็ได้อนุรักษ์สิ่งเก่าที่เป็นมรดกของชาติ ควบคู่กันไปด้วย เช่น การประสานขอรับมอบโบราณวัตถุ-ศิลปวัตถุของไทย ที่อยู่ในต่างประเทศ โดยช่วงปี พ.ศ.2557 ถึงปัจจุบัน ได้รับคืน 10  ครั้ง รวม 759 รายการ จากทั้งหมด 1,090 รายการ รวมทั้งนโยบายของรัฐบาลที่ทำงานอย่างใกล้ชิดกับ "ยูเนสโก" (องค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ) เพื่อพิทักษ์และอนุรักษ์ไว้ซึ่ง "มรดกของชาติ" ให้คงอยู่ชั่วลูกชั่วหลาน โดยการเสนอขึ้นทะเบียนมรดกโลกในหลากหลายสาขา ได้แก่

1. "แหล่งมรดกโลก" เช่น ผืนป่าแก่งกระจาน (ขึ้นทะเบียนฯ พ.ศ.2564) และยังมีอีก 4 แห่งที่ได้ขึ้นบัญชีเบื้องต้น และอยู่ระหว่างกระบวนการเสนอให้ที่ประชุมพิจารณา คือ (1) อนุสรณ์สถาน-ภูมิทัศน์วัฒนธรรมของเชียงใหม่ นครหลวงของล้านนา (2) พระธาตุพนม (3) กลุ่มศาสนสถานปราสาทพนมรุ้ง-ปราสาทเมืองต่ำ-ปราสาทปลายบัด และ (4) เมืองโบราณศรีเทพ 

2. "มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้" เช่น โขน (พ.ศ.2561) นวดไทย (พ.ศ.2562) และโนรา (พ.ศ.2564) และอยู่ในระหว่างการเสนอให้ "เทศกาลสงกรานต์" ขึ้นทะเบียนเช่นกัน

นายกฯ ยินดีศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ ยกเลิกคำเตือนห้ามประชาชนเดินทางเข้าไทย และอีก 89 ประเทศ  เป็นสัญญาณหนุนภาคการท่องเที่ยว สอดคล้องกับแนวนโยบายรัฐบาลที่จะมีการผ่อนคลายมาตรการเพิ่มเติม   

เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 65 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มีความยินดีที่ได้รับทราบกรณีที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (Centers for Disease Control and Prevention : CDC) สหรัฐอเมริกา  ได้ยกเลิกคำเตือนห้ามประชาชนเดินทางมายังประเทศไทยและอีก 89 ประเทศ โดยเป็นการปรับลดคำเตือนจากกลุ่มประเทศที่มีความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระดับสูงสุด ระดับ4 มาอยู่ในระดับ3 ซึ่งเป็นระดับที่มีคำแนะนำให้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ก่อนเดินทางเท่านั้น  

นายกรัฐมนตรีเห็นว่าการ ยกเลิกคำเตือนห้ามเดินทางของสหรัฐฯ ดังกล่าวเป็นปัจจัยบวกและสนับสนุนต่อภาคการท่องเที่ยวของไทย เนื่องจากนักท่องเที่ยวสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่สำคัญ ซึ่งตั้งแต่ต้นปีถึงสิ้นเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่สหรัฐฯ ยังมีคำเตือนประชาชนห้ามเดินทางมายังประเทศไทย แต่นักท่องเที่ยวจากสหรัฐฯ ยังติด 1 ใน 5 ประเทศที่เดินทางเข้ามาในไทยมากที่สุด รองจากสิงคโปร์ เยอรมนี สหราชอาณาจักร และ ฟิลิปปินส์ 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top