Sunday, 22 June 2025
Hard News Team

“รัฐมนตรีเฉลิมชัย” เดินหน้าจ้างแรงงานอย่างต่อเนื่อง ยอดทะลุกว่า 70,000 คน ตั้งเป้า75,000 คน หวังสร้างรายได้ทดแทนให้เกษตรกรในช่วงฤดูแล้ง

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยวันนี้ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน ได้ดำเนินการโครงการจ้างแรงงานชลประทาน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 เพื่อซ่อมแซม บำรุงรักษา ขุดลอก ปรับปรุงงานชลประทาน โครงการส่งเสริมการดำเนินงานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ก่อสร้างแหล่งน้ำ และระบบส่งน้ำเพื่อชุมชน/ชนบท แก้มลิง การจัดการคุณภาพน้ำ และโครงการป้องกันและบรรเทาภัยจากน้ำ สำหรับหลักเกณฑ์การจ้างแรงงาน จะพิจารณาจ้างแรงงานตามลำดับ ได้แก่ เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตรหรือเกษตรกรในพื้นที่สมาชิกกลุ่มผู้ใช้น้ำของกรมชลประทานในพื้นที่ และประชาชนและผู้ใช้แรงงานทั่วไปในพื้นที่ หากแรงงานที่ต้องการในพื้นที่เป้าหมายมีไม่เพียงพอจะพิจารณาจ้างเกษตรหรือแรงงานในพื้นที่ใกล้เคียงตามลำดับ

นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า สำหรับปี 2565 นี้ มีแผนจัดจ้างแรงงานทั้งสิ้น 75,000 คน วงเงินงบประมาณ 4,465 ล้านบาท ระยะเวลาการจ้างแรงงานอยู่ระหว่าง 1 - 10 เดือน วงเงินจ้างแรงงาน/คน จะอยู่ที่ประมาณ 8,700 – 87,000 บาท(ขึ้นอยู่กับระยะเวลาการจ้าง/คน) ปัจจุบันมีการจ้างแรงงานแล้ว 70,113 คน จังหวัดที่มีผลการจ้างแรงงานมากที่สุด 3 ลำดับ คือ จังหวัดสกลนคร 5,389 คน จังหวัดอุบลราชธานี 3,787 คน และจังหวัดเชียงใหม่ 3,038 คน

‘ทัพเรือ’ เต้น!! สั่งตั้งกรรมการสอบครูฝึกพิเรนทร์ บังคับทหารกินน้ำอสุจิของตนเอง เมื่อปี 64 

(29 เม.ย. 65) พล.ร.ท.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ กล่าวถึงกรณี ที่มีการเผยแพร่ภาพข่าว โดยระบุว่าเป็นค่ายทหารแห่งหนึ่งในพื้นที่สัตหีบ โดยจ่าทหารเรือ ซึ่งเป็นครูฝึกบังคับให้ทหารกองประจำการผลัดใหม่ กินน้ำอสุจิของตน รายละเอียดตามข่าวที่ได้มีการนำเสนอไปนั้น ว่า จากการตรวจสอบ พบว่าเหตุการณ์ดังกล่าว ‘เป็นเรื่องจริง’ เกิดขึ้นในเดือนตุลาคม 2564 โดยผู้ก่อเหตุคือ จ่าโท ทักษิณ หงอกพิลัย สังกัดกองร้อยบังคับการ กรมรักษาความปลอดภัย หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ซึ่งในขณะนั้นเป็นครูฝึก ให้แก่ทหารกองประจำการ โดยเหตุการณ์ดังกล่าว 

ทางผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดของ จ่าโท ทักษิณ ทราบเรื่องแล้วและได้สั่งย้าย ให้มาทำหน้าที่อื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับทหารกองประจำการ พร้อมทั้งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งหากตรวจพบว่ากระทำความผิดจริงจะต้องถูกลงทัณฑ์ทางวินัยตามความผิดสูงสุด เนื่องจากได้มีการสั่งการอย่างเข้มงวดจากผู้บัญชาการระดับสูง ไม่ให้มีการกระทำในเรื่องดังกล่าวมาแล้ว

‘บิ๊กตู่’ ปลุกทัพนักกีฬาไทยสู้ศึกซีเกมส์เวียดนาม ย้ำ!! ต้องท้าทายตัวเอง ลงสนาม ‘ต้องชนะ’

‘บิ๊กตู่’ ปลุกทัพนักกีฬาไทยสู้ศึกซีเกมส์เวียดนาม ตั้งเป้า 114 เหรียญทอง ส่งพลังท้าทายตัวเอง ชี้!! ลงสนามต้องชนะ พร้อมเกาะติดส่งกำลังใจ นำชื่อเสียงกลับประเทศ

(29 เม.ย. 65) ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง นำคณะนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทีมชาติไทยที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ณ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เข้าพบนายกรัฐมนตรีเพื่อรับโอวาท โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า…

“ขอร่วมเป็นกำลังใจให้ทุกคนเข้าร่วมแข่งขันกีฬาซีเกมส์ และมีโอกาสสร้างผลงานอย่างเต็มสติ กำลัง และความสามารถ เพื่อนำชื่อเสียงด้านการกีฬากลับมาสู่ประเทศให้เป็นความสุขกับชาวไทยอีกครั้ง จากข้อมูลเดิม ทราบว่าการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 30 ที่ผ่านมา ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ทีมนักกีฬาไทยสามารถสร้างชื่อเสียงคว้าเหรียญกลับบ้านได้ทั้ง 318 เหรียญ เป็นเหรียญทอง 92 เหรียญ เงิน 103 เหรียญ และทองแดง 123 เหรียญ จาก 54 ชนิดกีฬา ทีมนักกีฬาทั้งหมด 980 คน เป็นอันดับที่ 3 จาก 11 ประเทศ  

“ในนามรัฐบาล และพี่น้องชาวไทย รู้สึกภาคภูมิใจ และขอขอบคุณทัพนักกีฬาไทยทุกคน รวมทั้งครูผู้ฝึกสอน เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องทุกคน ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มขีดกำลังสามารถ เต็มศักยภาพ เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย เป็นที่รู้จักและโดดเด่นในด้านการกีฬาในภูมิภาคอาเซียนเสมอมา ปีนี้เราตั้งเป้าไว้ 114 เหรียญทอง จาก 40 ชนิดกีฬา มีนักกีฬา 108 ราย และครูเจ้าหน้าที่อีก 300 กว่าคน วันนี้ขอชื่นชมนักกีฬาทุกคนทั้งหมดที่ได้รับคัดเลือกเป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งนี้”

‘พรรคสร้างอนาคตไทย’ ดันนโยบายพลังงาน ชู โซล่าเซลล์ในครัวเรือน จุดเปลี่ยน ‘ปากท้อง-ศก.ไทย’ ที่ต้องผลักดัน

‘สนธิรัตน์’ พร้อมดันนโยบาย ‘พลังงานเพื่อทุกคน’ หนุน ให้ปชช. สามารถติดตั้งโซล่าเซลล์ ผลิตไฟฟ้าใช้เองทั่วประเทศ พร้อมขายคืนส่วนเกินให้รัฐได้ หวังแก้กฎหมายการเข้าถึงพลังงาน ให้ประชาชนสามารถเป็นเจ้าของพลังงานเพื่อสร้างรายได้ ลดค่าใช้จ่าย 

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก ว่าเป็นเรื่องเดียวกับปากท้องและเศรษฐกิจฐานราก หลังตกผลึกจากการลงพื้นที่ ที่ศูนย์การเรียนรู้พลังงานทดแทนโรงเรียนเชตวัน อำเภอลอง จังหวัดแพร่ เมื่อสัปดาห์ก่อน โดยได้ผลสรุป ดังนี้…

1.) พลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานในครัวเรือน
2.) การส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งพลังงานจะช่วยต่อยอดให้เกิดรายได้ที่ชุมชนและฐานราก
3.) การเชื่อมการเข้าถึงพลังงานและการพัฒนาอาชีพท้องถิ่น จะนำมาซึ่งความเข้มแข็งทั้งในส่วนของชุมชนและเศรษฐกิจฐานรากของประเทศได้ในที่สุด

ทัวร์ลง!! 'นักเตะเมลเบิร์น ซิตี้' หลังเหยียด 'สารัช-วรชิต' ด้านกองเชียร์ 'ออสซี่' ชี้!! มันก็แค่มุกตลก

หลังการแข่งขันฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มจี นัดที่ 5 ระหว่าง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด พบ เมลเบิร์น ซิตี้ จากออสเตรเลีย จะจบลงด้วยสกอร์ 0-0 เมื่อวันพุธที่ 27 เมษายน ที่ผ่านมา

แต่เรื่องดูท่าจะยังไม่จบ โดยโลกโซเชียลได้เกิดประเด็นดรามาจากเหตุช่วงท้ายเกม เมื่อ รอสติน กริฟฟินส์ ปราการหลังของ เมลเบิร์น ซิตี้ เจ้าของส่วนสูง 187 เซนติเมตร แสดงท่าทางเหยียดความสูงของนักเตะไทยอย่าง วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ และ สารัช อยู่เย็น ที่เกิดการกระทบกระทั่งกัน

ส่งผลให้เกิดความไม่พอใจจากแฟนบอลชาวไทย ต่อพฤติกรรมของนักเตะวัย 34 ปี รายนี้ ถึงขนาดเข้าไปโจมตี และตำหนิสโมสร เมลเบิร์น ซิตี้ เป็นจำนวนมาก อาทิ...

- รักคุณ เมลเบิร์น ... วิคตอรี่
- บูลลี่ ซิตี้ ฟุตบอล คลับ
- ไหนเขาบอกประเทศว่าออสเตรเลียเจริญแล้วไง แต่ทำไมยังมีคนบางคนทำตัวต่ำๆ อยู่เลย จิตใจไม่ได้พัฒนาสินะ
- ความสูงของคุณไม่สามารถช่วยให้ทีมคุณชนะเราได้ นี่มันน่าอายขนาดไหนทีมจ่าฝูงลีกออสเตรเลีย?
- บีจี ปทุม ยูไนเต็ด vs สโมสร นักโทษ
- อย่าดูที่ความสูง ให้ดูที่ตารางคะแนน
- ไม่น่าเชื่อว่าทีม เมลเบิร์น จะยอมรับกับพฤติกรรมการเหยียดชาติพันธุ์ของผู้เล่นรายนี้ ทัศนคติของนักเตะทีมนี้ ที่มีต่อชาวเอเชียนั้นชัดเจนมาก
- ผู้เล่นของคุณไร้ซึ่งมารยาท ไม่มีน้ำใจนักกีฬา หยาบคาย สโมสรควรถูกลงโทษ

"อุตตม" เสนอทำมาตรการสร้างรายได้ควบคู่เยียวยา เพิ่มประสิทธิภาพการดูแลประชาชนและพยุงเศรษฐกิจท่ามกลางความเสี่ยงในอนาคต พร้อมยกแนวคิดให้หน่วยงานรัฐในท้องถิ่นจัดซื้อพัสดุโดยตรง เพื่อเร่งกระจายเม็ดเงินลงเศรษฐกิจฐานรากได้อย่างรวดเร็ว

นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย  โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงแนวทางการดูแลประชาชนคนไทย ที่กำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก จากภาวะต้นทุนราคาพลังงานสูง วัตถุดิบและสินค้าบริการต่างๆ ปรับราคาแพงขึ้น และมีแนวโน้มจะแพงขึ้นต่อไป แต่ขณะเดียวกันกลับต้องเผชิญกับปัญหารายได้ที่ถดถอย เนื่องจากกำลังซื้อในประเทศยังไม่ฟื้น ว่าเรื่องนี้เป็นความท้าทายทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างมาก โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 27 เม.ย. ที่ผ่านมา กระทรวงการคลังก็ได้ลดคาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจปีนี้ลงเหลือร้อยละ 3.5 จากเดิมที่ร้อยละ 4 และคาดการณ์เงินเฟ้อทั้งปีไว้ที่ร้อยละ 5 ซึ่งเกินกรอบเงินเฟ้อเดิมของประเทศที่กำหนดไว้ร้อยละ 1-3 ไปมาก รวมทั้งยังระบุว่าสถานการณ์อนาคตเศรษฐกิจประเทศ มีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนหลายประการ 

สถานการณ์ดังกล่าว ควรได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง เพราะเราไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะราคาพลังงานนั้นเป็นปัญหาจากปัจจัยภายนอก ซึ่งเราควบคุมไม่ได้ ดังนั้นจึงควรให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการภายในประเทศเอง ด้วยการดำเนินนโยบายและมาตรการที่ครอบคลุมเหมาะสม เพื่อดูแลประชาชนและผู้ประกอบการ ขณะเดียวกันก็เพื่อพยุงสถานการณ์เศรษฐกิจภาพรวมไม่ให้ทรุดหนักลงไป และมีความพร้อมรับมือกับความไม่แน่นอน รวมทั้งปัจจัยความเสี่ยงในปัจจุบัน

สำหรับการดูแลช่วยเหลือเยียวยาค่าครองชีพประชาชนเป็นเรื่องจำเป็น โดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบาง ที่ได้รับผลกระทบมาก แต่ตามที่ตนกล่าวไว้ข้างต้นว่า วันนี้นอกจากประชาชนมีปัญหาเรื่องต้นทุนพลังงานและค่าครองชีพแล้ว ยังมีปัญหาเรื่องรายได้อีกด้านหนึ่งด้วย ในภาวะเช่นนี้จำเป็นต้องใช้ชุดมาตรการที่จะสามารช่วยเหลือดูแลประชาชนได้ครบวงจร เพราะเพียงมาตรการด้านใดด้านหนึ่ง จะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพแท้จริง

นับตั้งแต่การระบาดของโควิด รัฐบาลได้ออกมาตรการบรรเทาด้านค่าครองชีพ รวมถึงมาตรการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยมาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี สภาพการปัจจุบันแตกต่างจากในอดีต มีเหตุแทรกซ้อน โดยเฉพาะสงครามยูเครน ทำให้การดูแลเศรษฐกิจและปัญหาของประชาชนมีความซับซ้อนและอ่อนไหวเพิ่มขึ้นมาก เช่น การกระตุ้นกำลังซื้อเพื่อเสริมรายได้ให้กับผู้ประกอบการนั้น จะส่งผลได้ในช่วงเวลาหนึ่งก่อนเศรษฐกิจโดยรวมจะฟื้นตัว แต่ทว่าหากเศรษฐกิจยังไม่เริ่มฟื้นตัวอย่างชัดเจน และรายได้ของผู้บริโภคและผู้ประกอบการกลับถดถอย รวมทั้งมีต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น มาตรการเดิมเพียงเท่านั้นจึงอาจไม่มีผลได้เช่นดังก่อน 
 
ดังนั้นเราจำเป็นต้องแก้ไขปัญหาเร่งด่วนเฉพาะหน้า ซึ่งตนเห็นว่ามีความจำเป็นต้องมีชุดมาตรการที่ครอบคลุม โดยเพิ่มมาตรการใหม่ที่จะช่วยเพิ่มความสามรถในการสร้างรายได้ของผู้ประกอบการโดยตรงและต่อเนื่อง ตนจึงขอแชร์แนวคิดดังต่อไปนี้ 

1.การสร้างรายได้ให้เกิดขึ้นในวงกว้างและต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อและเกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ รวมถึงฟื้นฟูเงินทุนให้ผู้ประกอบการ 

2.การช่วยให้ผู้ประกอบการรายกลางรายเล็ก ที่ขณะนี้มีปัญหาการเข้าถึงเงินกู้สินเชื่อ ให้มีเงินหมุนเวียนเพียงพอในช่วงเวลาปัจจุบัน เพื่อสามารถทำการค้าต่อไปได้ 

3.การเพิ่มปริมาณการค้าโดยใช้ประโยชน์จากตลาดแนวชายแดนให้มากขึ้น

สำหรับวันนี้ตนจะขอกล่าวถึงแนวคิดข้อแรกก่อนว่า เมื่อเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจปัจจุบันหดหาย จึงมีความจำเป็นต้องสร้างแหล่งรายได้ใหม่ขึ้นมา และแหล่งรายได้ใหม่นั้นสมควรพุ่งเป้าไปที่กลุ่มเปราะบาง รวมถึงกลุ่มคนตัวเล็กทั้งพ่อค้าแม่ขาย และเอสเอ็มอี ที่สำคัญเน้นการกระจายแหล่งรายได้นั้นให้ทั่วถึงในพื้นที่ต่างๆของประเทศ เพื่อช่วยเศรษฐกิจฐานรากให้หมุนเวียนคล่องตัวขึ้น
 
ทีมงานสร้างอนาคตไทยได้ประมวลภาพกำลังซื้อในปัจจุบัน พบว่า แม้ในภาพรวมกำลังซื้อจะหดหาย แต่ในความเป็นจริงยังมีผู้มีกำลังซื้อรายใหญ่อยู่ ประกอบด้วย 1.หน่วยงานราชการ 2.รัฐวิสาหกิจ 3.เอกชนรายใหญ่ ซึ่งยังมีความจำเป็นต้องจัดซื้อพัสดุครุภัณฑ์และอื่นๆต่อเนื่อง โดยจากการประเมินคาดว่ามีมูลค่ารวมกันสูงถึงปีละ 3 ล้านล้านบาท 

แนวทางที่เราเสนอคือ จากเดิมที่โดยปกติถือปฏิบัติ หน่วยงานดังกล่าวจะดำเนินการจัดซื้อพัสดุครุภัณฑ์ ฯลฯ ในส่วนกลาง แล้วจึงจัดส่งสิ่งที่จัดซื้อไปให้หน่วยงานของตนในพื้นที่ต่างๆเพื่อใช้งาน เม็ดเงินที่เกิดจากการจัดซื้อจึงอยู่ในส่วนกลางเป็นจำนวนมาก โดยต้องใช้เวลานานจึงจะหมุนเวียนไปสู่พื้นที่อื่นๆของประเทศ ดังนั้น หากเราทำให้เม็ดเงินจากการจัดซื้อดังกล่าว กระจายลงสู่พื้นที่ในจังหวัดต่างๆได้เร็วยิ่งขึ้น ก็จะเกิดประโยชน์ครอบคลุมเศรษฐกิจตั้งแต่ระดับฐานรากได้มากขึ้น ซึ่งรัฐบาลและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง สามารถพิจารณาดำเนินการการจัดซื้อในพื้นที่โดยตรง เพื่อให้ธุรกรรมการซื้อขายเกิดขึ้นในพื้นที่ ก็จะเป็นการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการโดยเฉพาะรายกลางรายเล็กที่มีความพร้อม เข้าถึงการเสนอขายครุภัณฑ์และอื่นๆดังกล่าวได้ ซึ่งจะเป็นการสร้างรายได้และกระตุ้นกำลังซื้อให้เกิดการหมุนเวียนของเศรษฐกิจในหลากหลายพื้นที่ของประเทศได้โดยตรง
 
ทั้งนี้เราอาจมีข้อกังวลว่า การจัดซื้อในท้องถิ่นมีโอกาสที่งบประมาณจะรั่วไหลมากนั้น ผมคิดว่า หากภาครัฐมีนโยบายทำเรื่องนี้อย่างชัดเจน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถหารือร่วมกันกำหนดวิธีบริหารจัดการที่รัดกุมและโปร่งใสให้มีประสิทธิภาพและคล่องตัว เพื่อให้ดำเนินการสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้

บก.ทท. ทำพิธีรับกำลังพล กองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจ ไทย/เซาท์ซูดาน ผลัดที่ 2 ชุดที่ 2 กลับประเทศไทย

กองบัญชาการกองทัพไทย จัดพิธีรับกำลังพล กองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจ ไทย/เซาท์ซูดาน ผลัดที่ 2 ชุดที่ 2 จำนวน 135 นาย ที่เสร็จสิ้นการปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพ ณ สาธารณรัฐเซาท์ซูดาน (UNMISS) และเดินทางถึงประเทศไทยโดยเครื่องบินเช่าเหมาลำขององค์การสหประชาชาติ โดย พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.)  มอบหมายให้ พล.ท.ชิดชนก  นุชฉายา เจ้ากรมยุทธการทหาร เป็นผู้แทนอ่านสารต้อนรับกำลังพล ของผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในพิธีรับกำลังพล ผลัดที่ 2 กลับประเทศไทยหลังเสร็จสิ้นการปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพของสหประชาชาติในสาธารณรัฐเซาท์ซูดาน (UNMISS) ณ สนามบินนานาชาติดอนเมือง กรุงเทพฯ จากนั้นจะเข้ากักกันตนเป็นระยะเวลา 5 วัน ตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุขในการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID 19) ณ โรงแรมนนทบุรี พาเลซ จ.นนทบุรี

ทั้งนี้ กำลังพล กองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจ ไทย/เซาท์ซูดาน ผลัดที่ 2 ชุดที่ 2 จำนวน 135 นาย ได้จบการปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพ United Nations Mission in South Sudan:UNMISS โดยได้เดินทางจากเมืองจูบา สาธารณรัฐเซาท์ซูดาน  กลับสู่ประเทศไทย

สำหรับ กองร้อยทหารช่างของไทย ได้รับการยอมรับจากสหประชาชาติและองค์การต่าง ๆ ในความเป็นมืออาชีพ โดยเฉพาะคุณสมบัติพิเศษที่ไม่สามารถหาได้จากชาติใด ๆ ได้แก่ การปฏิบัติงานทางการช่างที่มีประสิทธิภาพ ที่ได้รับการมอบหมายจากฝ่ายวิศวกรรมประจำภารกิจ ตลอดจนการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาพัฒนาเพื่อความมั่นคงอย่างยั่งยืน ให้แก่ประชาชนชาวสาธารณรัฐเซาท์ซูดาน ควบคู่ไปกับการปฏิบัติภารกิจทางยุทธวิธี 

ทั้งนี้ กองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจ ไทย/เซาท์ซูดาน ผลัดที่ 2 จัดกำลังพลและยุทโธปกรณ์สนับสนุนการซ่อมบำรุงอากาศยานปีกหมุน (เฮลิคอปเตอร์) ให้กับหน่วยบินรวันดา (Rwanda Aviation Unit, RWAN AVN​) ซึ่งเป็นภารกิจสุดท้าย ก่อนที่จะส่งมอบการปฏิบัติภารกิจให้กับกองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจ ไทย/เซาท์ซูดาน ผลัดที่ 3 เพื่อสนับสนุนภารกิจรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ ณ สาธารณรัฐเซาท์ซูดาน (UNMISS) 

'รสนา' จี้!! 'ม.ศิลปากร' ตั้งกก.สอบสวน 'อธิการบดี' หลังโพสต์ 'ภาพแอร์โอสเตส-ข้อความ' ไม่เหมาะสม

น.ส.รสนา โตสิตระกูล ผู้สมัครผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ได้โพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับ อธิการบดี ม.ศิลปากร ที่ส่อแสดงถึงพฤติกรรมการล่วงละเมิดทางเพศ ระบุว่า...

สภามหาวิทยาลัยศิลปากรต้องรับผิดชอบอย่างไร? ต่อกรณีอธิการบดี มศก.แสดงพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศ !!??

กรณีอธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากรแอบถ่ายรูปแอร์โฮสเตส อ้างเอาไปอวดเพื่อนให้น้ำลายไหล ตามที่ปรากฏเป็นข่าวนั้น ทำให้ที่ปรึกษานโยบายของดิฉันที่เคยเป็นอดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยเดียวกันแสดงความละอายใจแทน เห็นว่าการกระทำเช่นนี้เป็น sexual harassment ชัดเจน แต่เจ้าตัวยังไม่เข้าใจ ซ้ำกล่าวปัดความรับผิดชอบ ซึ่งเท่ากับเป็นการประจานให้สาธารณชนทั่วไปอาจเข้าใจผิดว่า บรรดาคนในมหาวิทยาลัยศิลปากรที่เป็นพรรคพวกเพื่อนฝูงของอธิการบดีคนนี้ เป็นคนมักมากในกามคุณ ขนาดเห็นรูปถ่ายผู้หญิงสวยๆ ก็น้ำลายไหลแล้ว นับเป็นการดูถูกคนในมหาวิทยาลัยศิลปากรมากทีเดียว แต่ที่สำคัญคือการถ่ายภาพพนักงานบนเครื่องบินขณะปฏิบัติหน้าที่ น่าจะเป็นความผิดทางกฎหมายหรือความผิดทางอาญาด้วยหรือไม่

ขอตั้งคำถามว่าระบบของมหาวิทยาลัยมีสิ่งที่เรียกว่าประมวลจริยธรรมของเจ้าพนักงานที่ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารระดับสูงหรือไม่ และผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบต่ออธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากรโดยตรงก็คือ สภามหาวิทยาลัยศิลปากร ซึ่งเป็นผู้พิจารณาแต่งตั้งบุคคลผู้จะมาดำรงตำแหน่งอธิการบดี และกฎหมายระบุไว้ชัดเจนว่า สภามหาวิทยาลัยเป็นผู้บังคับบัญชาของอธิการบดี มีหน้าที่ติดตามตรวจสอบและประเมินอธิการบดี ทั้งการพิจารณาให้ความดีความชอบและลงโทษได้ถึงขั้นถอดถอนออกจากตำแหน่งอธิการบดี ซึ่งในอดีตเคยมีตัวอย่างที่อดีตอธิการบดีบางท่านถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง เพียงเพราะทำงานกับคณบดีไม่ได้ โดยที่ไม่ปรากฏความผิดในตำแหน่งหน้าที่ของอธิการบดีแต่อย่างใด 

ดิฉันในฐานะผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งขอเรียกร้องให้สภามหาวิทยาลัยศิลปากรอันเป็นสภาของสถาบันอุดมศึกษาที่เป็นหลักแห่งความดี ความงาม และความจริงของประเทศไทย โปรดได้พิจารณาสอบสวนกรณีการล่วงละเมิดทางเพศของผู้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีดังกล่าว ให้เป็นที่กระจ่างชัดแก่สาธารณชนโดยไม่ชักช้า เพราะกรณีอื้อฉาวเช่นนี้จะปล่อยเลยตามเลยไม่ได้โดยเด็ดขาด !? ด้วยเหตุผลดังนี้...

1.) ตำแหน่งอธิการบดี เป็นตำแหน่งบริหารสูงสุดของสถาบันการศึกษา จึงควรทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี แต่กลับมีพฤติกรรมที่ขาดจริยธรรม

2.) พฤติกรรมแบบนี้บ่งบอกถึง การไม่ให้เกียรติผู้หญิง และมีแนวคิดไปปลุกเร้าเพื่อนร่วมงานให้มีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ ซึ่งความคิดแบบแสวงหาประโยชน์ทางเพศเช่นนี้ หากมีช่องจังหวะไหนเป็นโอกาสแสวงหาประโยชน์ได้ ก็จะกระทำเฉกเช่นบุคคลนี้ที่ถือโอกาสล่วงละเมิดสิทธิส่วนตัวของผู้หญิง เช่น การแอบถ่ายภาพ บางราย ก็อาจ ก้าวล่วงไปถึง การลวนลาม อนาจาร หรือ กระทำชำเราเด็กและผู้หญิงเมื่อมีโอกาส ถือเป็นบุคคลอันตรายที่สถาบันการศึกษาต้องเข้มงวดเอาจริงเอาจังในการเอาผิด

บิ๊กป้อม นั่งหัวโต๊ะ คปต. ย้ำ ลดเหตุรุนแรง-เร่งพัฒนาคุณภาพชีวิตพี่น้อง 3 จชต. 

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ( คปต.) ครั้งที่ 1/65  ที่ห้องประชุมสมช. เพื่อร่วมกันลดเหตุรุนแรงให้ชัดเจน และเร่งพัฒนาฟื้นฟูเศรษฐกิจ คุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ โดยที่ประชุมรับทราบ การดำเนินงานที่สำคัญ ประกอบด้วย 1. การแก้ไขปัญหาของกลุ่มบุคคลผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฏร หรือ คนไร้สัญชาติในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้(จชต.) ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจพิสูจน์ความสัมพันธ์ จำนวน 1,675 คน  โดย พล.อ.ประวิตรได้สั่งการให้ ศอ.บต. เข้าไปหนุนเสริม การทำงานของ มท.ให้รวดเร็วและรอบคอบขึ้น

2.การขับเคลื่อนงานของ คกก.ผู้แทนพิเศษของรัฐบาลในการแก้ปัญหา จชต.ในด้านต่างๆ ทั้งการรับฟังและเสริมสร้างความร่วมมือในการปฏิบัติงานและสร้างสภาพแวดล้อมหนุนเสริมกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุข  การสร้างความร่วมมือกับต่างประเทศในการสนับสนุนการแก้ปัญหา การเสริมสร้างและพัฒนาอาชีพ มุ่งเน้นแรงงานในพื้นที่ไปทำงาน ณ ประเทศซาอุดิอาระเบีย พร้อมติดตามการพัฒนาเศรษฐกิจระดับพื้นที่ ผ่านกลไกสภาสันติสุขตำบล รวมทั้งขับเคลื่อนบูรณาการการศึกษาด้วยสื่อนวัตกรรมและการเรียนการสอนหลักสูตรอิสลามศึกษาตอนต้น ไม่ให้มีความซ้ำซ้อน มีมาตรฐานและเป็นไปตามความต้องการของคนในพื้นที่ 3.ความคืบหน้าโครงการเช่าระบบป้องกันความปลอดภัยเขตเมือง ด้วยระบบกล้องวงจรปิดในพื้นที่ 6 อำเภอ โดย กอ.รมน.ภาค 4 สน.บูรณาการระบบกล้องของทุกหน่วยงาน การเชื่อมโยง การปรับจุดติดตั้งให้เหมาะสมและการติดตามการซ่อมบำรุงไม่ให้ชำรุด

" ธรรมนัส” รับ ทาบ "มิ่งขวัญ-  ธีระชัย" ร่วมทีมศก.เตือน เปิดสภาฯ ระวังมือที่มองไม่เห็น ซ่อนมีดอยู่ข้างหลัง ลั่น หากเกิดอุบัติเหตุการเมือง ใช้รธน.ม. 272 วรรคสอง ดัน"นายกฯคนนอก"แก้วิกฤต ยก "บิ๊กป้อม"เป็นผู้นำประเทศได้ เหน็บ “เสี่ยเฮ้ง” ต้องเรียนรู้อีกเยอะ 

ที่ทำการพรรคเศรษฐกิจไทย อาคารยูทาวเวอร์ ถนนศรีนครินทร์  ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า  ส.ส.พะเยา ในฐานะเลขาธิการพรรคเศรษฐกิจไทย  ให้สัมภาษณ์ ถึงการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรค ว่า วันนี้ไม่มีวาระพิเศษ และไม่มีไฮไลต์อะไร ส่วนเรื่องทีมเศรษฐกิจของพรรค เมื่อถึงเวลาและเรามีความพร้อมจะเปิดตัวทั้งหมด โดยเป็นคนที่เป็นมืออาชีพ และจะเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ทั้ง400 เขตเลือกตั้ง ส่วนกรณีที่มีข่าวทาบทามนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจใหม่ และ นาย
ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรมว.คลัง มาเป็นทีมเศรษฐกิจของพรรคเศรษฐกิจไทย ยืนยันว่า ทางพรรคได้ทาบทามไปจริง แต่ยังไม่ถึงเวลาเปิดตัวอย่างเป็นทางการ  รวมทั้งอาจจะมีคนอื่นเพิ่มเติมอีกด้วย ส่วนจะเป็นใครนั้นของดีไม่ควรเปิดเผยก่อน มิฉะนั้น ก็จะไม่เป็นของดี  ส่วนกรณีที่มีชื่อนายทนง พิทยะ อดีตรมว.คลังนั้น พรรคไม่เคยทาบทาม 
 
ผู้สื่อข่าวถามเรื่องนายกฯสำรองมีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะเกิดขึ้น ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ทราบ ยังไม่ได้มองไปถึงจุดนั้น โดยมองไปแค่จุดเดียวคือเรื่องการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเมื่อไหร่ก็ตาม เราต้องเตรียมพรรคให้พร้อม ส่วนเรื่องนายกฯสำรอง ตนไม่ทราบ 

เมื่อถามถึงกรณีมีบางคนเสนอชื่อให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)เป็นนายกฯ จะเป็นได้หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส  กล่าวว่า อยู่ที่ตัวพล.อ.ประวิตร หากถามว่าสามารถเป็นนายกฯได้หรือไม่ ความจริงก็เป็นได้ตลอดเวลา แต่ทุกอย่างอยู่ที่ตัวท่าน 

เมื่อถามย้ำว่า นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ระบุว่าให้ พล.อ.ประวิตร มาเป็นนายกฯ เพื่อแก้วิกฤต ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า นายอดุลย์ คงมีความคิดที่อยากให้บ้านเมืองเกิดความสมานฉันท์และเดินหน้าแก้ไขปัญหาในทุกๆเรื่อง ก็น่าจะเป็นทางออกที่ดี 

เมื่อถามว่าถึงกรณีที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และเกิดอุบัติเหตุการเมืองในสภาฯ มองเรื่องบัญชีนายกฯอย่างไร ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ในความคิดเห็นของตน คงใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 272 วรรค 2 สำหรับบุคคลที่จะเข้ามาแก้ไขในสถานการณ์นี้ได้ เมื่อถามย้ำว่านากยฯคนนอกคิดว่าใครมีความเหมาะสม ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ยังไม่ทราบ เมื่อถามอีกว่า พล.อ.ประวิตร จะเข้ามากุมบังเหียนรัฐบาลได้หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เราไม่สามารถไประบุได้ ต้องฟังเสียงส่วนใหญ่ 

เมื่อถามถึงกรณีที่เสนอให้ใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 272 วรรค2 หมายความว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะไม่ได้ รับการสนับสนุนในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะถึงใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เรายังไม่ทราบว่าฝ่ายค้านจะยื่นญัตติในเรื่องใด ตนคิดว่าไวเกินไปที่จะพูดเรื่องนี้ และยังไม่รู้ว่าฝ่ายค้านจะยื่นเมื่อไหร่  

เมื่อถามว่าหากให้ร.อ.ธรรมนัส วิเคราะห์เสียงในสภาฯขณะนี้เป็นอย่างไร  ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า "ตอนนี้ต้องพูดว่า มือที่มองไม่เห็นเยอะ  สภาฯยังไม่เปิดก็ยังไม่รู้ และเดี๋ยวสภาฯเกิดก็จะรู้ เพราะตอนนี้ทุกคนต่างซ่อนมีดไว้ข้างหลังตัวเองหมด จึงยังไม่รู้อะไรเป็นอะไร" 

เมื่อถามกรณีที่พรรคเล็ก นัดกินข้าว และพูดคุยกับนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงานในฐานะผอ.พรรคพลังประชารัฐ ว่า ตนมีประสบการณ์เรื่องนี้เยอะ แต่ไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ 

เมื่อถามว่า บอกว่ามีประสบการณ์กับพรรคเล็กเยอะคือด้านไหน ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า อย่าลืมว่า3-4 ปีที่ผ่านมา ตนเป็นคนดีลเรื่องพวกนี้ ฉะนั้นคิดว่ารู้ดีมากกว่าใคร มากกว่าคนที่พยายามเสนอตัวเป็นตัวกลางในการเคลียร์เรื่องนี้   เมื่อถามย้ำว่าการที่นายสุชาติ พูดถึงเรื่องกล้วยในวงรับประทานอาหารกับพรรคเล็กเหมือนจะเป็นการเหน็บไปถึงใครหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส หัวเราะพร้อมก่อนว่า” ผมว่ารัฐมนตรีเฮ้ง ต้องเรียนรู้อะไรอีกเยอะ มันไม่ง่ายอย่างที่คิด" 

ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคเพื่อไทยมั่นใจว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ จะเป็นหนังม้วนใหญ่ ที่ล้มรัฐบาลได้ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ช่วงปิดสมัยประชุมสภาฯ เราไม่รู้ว่าแต่ละพรรคไปหารืออะไรกันบ้าง แต่ถ้าเปิดประชุมสภาในวันที่22พ.ค.นี้ ก็จะรู้ ไม่มีความลับ ตอนนี้ยังไม่รู้เพราะแต่ละพรรคซ่อนความไม่ดีเอาไว้ 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top