Tuesday, 24 June 2025
Hard News Team

ครม. ประกาศให้ ‘12 สิงหาคม’ เป็น ‘วันผ้าไทยแห่งชาติ’ น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ‘สมเด็จพระพันปีหลวง’

ครม.เห็นชอบประกาศให้ “12 สิงหาคม” เป็น “วันผ้าไทยแห่งชาติ” เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา สมเด็จพระพันปีหลวง 12 ส.ค. 2565 รณรงค์ให้ทุกภาคส่วนน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ทรงอนุรักษ์ ส่งเสริม สืบสานผ้าไทย

วันที่ 30 พฤษภาคม 2565 นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวภายหลังเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาลว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ วันที่"12 สิงหาคม" ของทุกปี เป็น วันผ้าไทยแห่งชาติ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เสนอ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม พุทธศักราช 2565 รัฐบาลมีนโยบายจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และแสดงออกถึงความจงรักภักดี 

โดยจัดโครงการและกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯ ที่สอดคล้องกับโครงการต่างๆ ของพระองค์ พร้อมทั้งให้มีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้เกี่ยวกับโครงการและพระราชกรณียกิจด้านต่างๆ เพื่อให้เยาวชน นักเรียน นักศึกษา และประชาชน ได้ศึกษาหาความรู้จากโครงการต่างๆ ที่ก่อให้เกิดการพัฒนา สร้างความเจริญรุ่งเรืองและความผาสุกให้กับประชาชนชาวไทย และเพื่อเฉลิมพระเกียรติที่พระองค์ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงอนุรักษ์ ส่งเสริม สืบสานผ้าไทย

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวอีกว่า การที่รัฐบาลประกาศให้วันที่ "12 สิงหาคม" ของทุกปี เป็น วันผ้าไทยแห่งชาติ เพื่อรณรงค์เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ทุกภาคส่วนได้น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่ทรงมีพระวิริยอุตสาหะ ปฏิบัติพระราชกรณียกิจในการส่งเสริมเรื่อง “ผ้าไทย” เป็นที่ประจักษ์มายาวนาน จากสิ่งทอท้องถิ่นที่สูญหายไป ให้กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง สามารถสร้างอาชีพ สร้างรายได้นำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน

ตลอดจนเป็นการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมของชาติ สืบสานและต่อยอดมรดกภูมิปัญญาผ้าไทยโดยภาครัฐ เอกชนและประชาชนบูรณาการร่วมกันเป็นพลังขับเคลื่อนมรดกภูมิปัญญาผ้าไทยให้คงอยู่คู่ชาติไทย

อีกทั้งทำให้ประชาชนเกิดความตระหนักถึงความสำคัญในการอนุรักษ์ สืบสานมรดกภูมิปัญญาผ้าไทยจากรุ่นสู่รุ่นนำไปสู่การพัฒนาต่อยอดและยกระดับผ้าไทยไปสู่เวทีโลก ขณะเดียวกันชุมชน ผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรมผ้าไทยได้รับการสนับสนุนให้เพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขัน สามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นทั้งระดับฐานรากและระดับชาติอย่างยั่งยืน และประเทศไทยมีภาพลักษณ์ที่ดีในการนำทุนทางวัฒนธรรมด้านผ้าไทยมาเพิ่มคุณค่าและมูลค่าในเชิงเศรษฐกิจสร้างสรรค์

‘อรรถวิชช์’ เสนอใช้งบปีสุดท้าย ฟื้น ‘โฉนดชุมชน’ เสริมทางเลือกให้ ‘โครงการบ้านมั่นคง’ ริมคลอง

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า...วันนี้ผมกับพี่ สมนึก จันทร์เฉิด พรรคกล้า หลักสี่ มีโอกาส เข้ารับฟังปัญหาประชาชนที่อาศัยอยู่ริมคลองเปรมประชากร เขตหลักสี่ โดยพบว่าบางชุมชน ไม่พร้อมเข้าโครงการ ‘บ้านมั่นคง’ เพราะรับภาระค่าสร้างบ้านสร้างใหม่ ที่ต้องผ่อนราว 4 แสนบาท ยาว 20 ปี ไม่ไหว

ทางชาวบ้านยินดีรื้อถอนส่วนที่รุกล้ำคลองสาธารณะ โดยพร้อมจดทะเบียนเป็นสหกรณ์ออมทรัพย์ เก็บเงินกันเองเพื่อซ่อมแซมบ้าน และพัฒนาพื้นที่ส่วนกลาง ถังส้วม บ่อบำบัด ต่างๆ แต่ขอไม่รื้อปลูกใหม่ทั้งหลังได้หรือไม่ ซึ่งจะทำให้เงินผ่อนถูกลงถึง 1ใน 4 ของโครงการบ้านมั่นคงในปัจจุบัน

ทั้งสายคลองเปรมประชากร คลองลาดพร้าว มีหลายประเภท ส่วนที่ยังอยู่ในวัยทำงาน ก็สามารถรื้อบ้านทั้งหลัง สร้างใหม่ได้ ภายใต้โครงการบ้านมั่นคง แต่ส่วนที่พ้นวัยทำงานประจำแล้ว ให้ผ่อนแบบบ้านใหม่ทั้งหลัง เค้าไม่ไหว แต่เค้าพร้อมจะปรับปรุงซ่อมแซมบ้าน และพัฒนาพื้นที่ส่วนกลาง บ่อส้วม บ่อบำบัด จ่ายค่าเช่าแก่กรมธนารักษ์ แบบนี้เค้ารับไหว ซึ่งมันก็คือโครงการ ‘โฉนดชุมชน’ ที่ ปชป.เคยหาเสียงไว้ และเคยทำจริงแล้ว 1 โครงการในเขตกทม.ยุคนายกอภิสิทธิ์

คลัง เปิดขายพันธบัตร 'ออมเพิ่มสุข' 5.5 หมื่นล้าน ขายผ่านวอลเล็ตแอปฯเป๋าตัง ดอกเบี้ยสูง 3.6%

กระทรวงการคลัง เตรียมเปิดจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ รุ่นออมเพิ่มสุข วงเงิน 55,000 ล้านบาท ให้แก่ประชาชน พร้อมจ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน โดยจำหน่ายให้กับประชาชนผ่านวอลเล็ต สบม. บนแอปพลิเคชันเป๋าตัง เริ่มวันที่ 13 มิถุนายน 2565 และจำหน่ายผ่านธนาคารตัวแทนจำหน่ายทั้ง 4 แห่ง ทั่วประเทศ เริ่มวันที่ 15 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป

30 พ.ค. 2565 – นางแพตริเซีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ตลาดตราสารหนี้ของไทยรวมถึงสินทรัพย์ในทุกตลาดทั่วโลกได้รับผลกระทบจากความผันผวนและความกังวลจากสถานการณ์โลก สบน. จึงเสนอขายพันธบัตรออมทรัพย์ซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย เพื่อเป็นทางเลือกในการออมการลงทุนและปรับพอร์ตการลงทุนสำหรับนักลงทุน จำหน่าย 2 รุ่นอายุ อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นร้อยละ 2.50 ต่อปี ซึ่งผู้ลงทุนจะมีรายรับสม่ำเสมอจากดอกเบี้ยและได้รับเงินต้นคืนเมื่อครบกำหนด โดยเงื่อนไขการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ รุ่นออมเพิ่มสุขเป็นดังนี้

1. รุ่นออมเพิ่มสุขบนวอลเล็ต สบม. วงเงิน 10,000 ล้านบาท ให้แก่ประชาชน 2 รุ่น ได้แก่ รุ่นอายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันไดเฉลี่ยร้อยละ 2.90 ต่อปี และรุ่นอายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันไดเฉลี่ยร้อยละ 3.60 ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ซื้อได้ตั้งแต่อายุ 15 ปีขึ้นไป (ผู้เยาว์จะต้องลงทะเบียนในวอลเล็ต สบม. บนแอปพลิเคชันเป๋าตัง และไปยืนยันตัวตนพร้อมผู้ปกครองเพื่อกรอกเอกสารให้ความยินยอม ณ สาขาธนาคารกรุงไทยสำหรับการซื้อครั้งแรก) ลงทุนได้ตั้งแต่ 100 บาท – 10 ล้านบาท จำหน่ายตั้งแต่วันที่ 13–30 มิถุนายน 2565 ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเป๋าตังเพื่อลงทะเบียน ยืนยันตัวตน และเติมเงินเข้าวอลเล็ต สบม. ผ่านพร้อมเพย์จากทุกธนาคาร หรือผูกบัญชีธนาคารกรุงไทยกับ วอลเล็ต สบม. รวมถึงเติมเงินด้วย Wallet ID ได้ที่เคาน์เตอร์ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา เพื่อเตรียมซื้อพันธบัตรได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลการใช้งานวอลเล็ต สบม. ได้ที่ Call Center โทร. 02-111-1111 หรือที่ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ นายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ นำประชาชนชาวตรังร่วมปลูกจิตสำนึก "จิตอาสารักษ์ป่าชายเลนหาดปากเมงเฉลิมพระเกียรติ" ณ จังหวัดตรัง ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

เมื่อวันที่ 29 พ.ค. 65 เวลา 15.00 น.พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะนายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ ประธานในพิธีนำประชาชนชาวจังหวัดตรังเข้าร่วมในโครงการ "จิตอาสารักษ์ป่าชายเลนหาดปากเมงเฉลิมพระเกียรติ" เพื่อระลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 

โดยภายในงานมี ผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐ ภาคีเครือข่ายเอกชน ข้าราชการ นักเรียนนักศึกษา ตลอดจนประชาชนจิตอาสา รวมกันกว่า 2500 คน เข้าร่วมโครงการอย่างพร้อมเพรียง ณ พื้นที่หาดปากเมง หมู่ 4 ต.ไม้ฝาด อ.สิเกา จ.ตรัง

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า กิจกรรมจิตอาสารักษ์ป่าชายเลนหาดปากเมงเฉลิมพระเกียรตินี้ ทางสมาคมชาวปักษ์ใต้ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับ สมาคมชาวตรัง จัดโครงการดังกล่าวเพื่อระลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน ตามพระราชปณิธานในการสืบสาน รักษาและต่อยอดพระราชกรณียกิจของพระราชบิดา ผสานร่วมกับแนวคิดเรื่องจิตอาสา ประกอบกับวันที่ 3 มิถุนายน 2565 เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จึงเป็นโอกาสอันดีที่จะทำกิจกรรมจิตอาสาเพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีและถวายเป็นพระราชกุศล ด้วยการบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคมส่วนรวม และร่วมกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญของประเทศ 

‘ชาวสหรัฐฯ’ ร้อง!! ขอไบเดน “ทำอะไรสักอย่าง” หลังพบปี 65 โศกนาฏกรรมกราดยิงพุ่งกว่า 200 ครั้ง

ประชาชนในเมืองอูวัลเด (Uvalde) รัฐเท็กซัส ตะโกนร้องขอให้ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แก้ปัญหาความรุนแรงด้านปืน ระหว่างที่ผู้นำสหรัฐฯ กำลังเดินทางเยือน ไว้อาลัยต่อผู้เสียชีวิต 21 คน รวมถึงเด็กประถม 19 คน จากเหตุกราดยิงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บริเวณจุดไว้อาลัยหน้าโรงเรียนประถมร็อบบ์ สถานที่เกิดเหตุ ที่มือปืนวัย 18 ปี บุกกราดยิงใส่เด็กนักเรียนด้วยปืนไรเฟิล AR-15 โดยไบเดนชมภาพเหล่าผู้เสียชีวิต และวางพวงมาลาด้วยท่าทีสำรวม และอย่างเงียบๆ

สำหรับตัว ไบเดน เอง เคยสูญเสียบุตรชายไปด้วยโรคมะเร็งในวันเดียวกัน เมื่อ 7 ปีก่อน และสูญเสียภรรยาคนแรกและทารกหญิง จากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เขาจึงเป็นคุณพ่อที่เคยผ่านการสูญเสียยิ่งใหญ่มา และภาพจากสื่อแสดงให้เห็นไบเดนเหมือนปาดน้ำตา ระหว่างดูภาพเด็กๆ ที่เสียชีวิตด้วย

ฉะนั้นเมื่อฝูงชนได้ตะโกนออกมาว่า “ทำอะไรบางอย่าง” ผู้นำสหรัฐฯ จึงตอบกลับไปทันทีว่า “เราจะทำ เราจะทำ” ก่อนที่ไบเดนจะเดินทางไปพูดคุยกับญาติผู้เสียชีวิต และเจ้าหน้าที่ที่เข้ารับมือเหตุกราดยิง

สำหรับเหตุกราดยิงในโรงเรียนครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 10 ปี ของสหรัฐฯ นับตั้งแต่การกราดยิงที่โรงเรียนประถมศึกษา ‘แซนดี ฮุก’ ในเมืองนิวทาวน์ รัฐคอนเนตทิคัต ซึ่งคร่าชีวิตนักเรียน 20 ราย และครู 6 ราย เมื่อปี 2555 และกระตุ้นให้ทุกฝ่ายในสหรัฐออกมาเรียกร้องการปฏิรูปกฎหมายปืนอีกครั้ง เนื่องจากนับตั้งแต่ต้นปีนี้ สหรัฐฯ เผชิญกับเหตุกราดยิงมามากกว่า 200 ครั้งแล้ว

อย่างไรก็ตาม สมาคมปืนไรเฟิลแห่งชาติ ( เอ็นอาร์เอ ) ซึ่งเป็นล็อบบี้ยิสต์อาวุธปืนใหญ่ที่สุด และทรงอิทธิพลสูงสุดในอเมริกา เดินหน้าวิจารณ์การปฏิรูปกฎหมายปืน เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ โดยยืนยันว่า การตรวจสอบประวัติของผู้ใช้งาน จะเป็นการลดความเสี่ยงของการเกิดอาชญากรรมได้มากกว่า

‘ไทยภักดี’ ซัดก๊วนปลุกยกเลิกเลขไทย ที่แท้กลุ่มเดียวกับรื้อมาตรา 112

(30 พ.ค.65) นายปฏิยุทธ ทองประจง กรรมการบริหารพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า... 

แค่ผมโพสต์ว่า ตอนเด็กผมโคตรภูมิใจมาก เมื่อเขียนเลขไทยได้ แต่ก็แปลกใจที่มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งเข้ามาบูลลี่ผม

แคปโพสต์บางโพสต์ที่ผมโพสต์ มีเลขอารบิก คือ นโยบายไทยภักดี ลดค่าครองชีพประชาชน ผลิตปุ๋ยยูเรีย 750 บาท ไฟฟ้าชุมชน 2.50บาท ก๊าซหุงต้มกิโลกรัมละ 7 บาท อินเทอร์เน็ตเดือนละ 49 บาท เอามาเป็นประเด็นบูลลี่ผม

เอาจริง ๆ นะครับ เราเกิดเป็นคนไทย เราก็รักอะไรที่เป็นไทย เลขไทย ภาษาไทย ใครๆ ก็รัก ส่วนเลขอารบิก อะไรที่ไม่เป็นทางการเราก็นำมาใช้สลับกับเลขไทยเป็นปกติ

เอาประเด็นยกเลิกเลขไทย ยกเลิกภาษาไทย มาเป็นประเด็นเพื่อสร้างความแตกแยก และเปลี่ยนแปลงการปกครอง คนไทยรู้ทัน อย่าคิดทำครับ

ยกเลิก มาตรา ๑ กฎหมายรัฐธรรมนูญ ยกเลิก ม.๑๑๒ ยกเลิกผู้ว่าฯ นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ล้วนแล้วเป็น กลุ่มคนกลุ่มเดียวกันครับ


ที่มา: https://www.thaipost.net/x-cite-news/151448/?fbclid=IwAR0M1oih2sNaPPL6DW7BcWY_WF-1DvCYFQkeejhe7-7K3wMaHdE7iddYn78

'เป๊ปซี่' ประกาศขึ้นราคา 1-2 บาท เริ่ม 1 มิ.ย.นี้ หลังต้นทุนการผลิตพุ่งสูง

ด้วยปัจจัยหลายอย่างในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น เงินเฟ้อ โรคระบาดอย่างโควิด-19 หรือแม้กระทั่งสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่กำลังดำเนินอยู่ ปัจจัยเหล่านี้กำลังกดดันซัปพลายเชนทั่วโลก ส่งผลให้วัตถุดิบและต้นทุนการผลิตของสินค้าหลายรายการพุ่งสูงขึ้น

ทางออกที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ คือ เหล่าผู้ผลิตต้องมีการปรับ “ขึ้นราคา” สินค้า เพื่อให้กิจการของตัวเองดำเนินต่อไปได้ แบบไม่ขาดทุน

ส่งผลให้ของใช้ในชิวิตประจำวันหลายอย่างแพงขึ้น ไม่เว้นแม้แต่สินค้าที่ต้องขายให้ถูกที่สุดอย่าง “มาม่า” ก็มีการปรับราคาขึ้นมาก่อนหน้านี้

และล่าสุด “เป๊ปซี่” เจ้าตลาดเครื่องดื่มโคล่าเมืองไทย ที่เป็นที่ ก็ได้รับผลกระทบจากปัญหานี้เช่นกัน 
จึงได้มีการประกาศขึ้นราคาขายปลีกทุกไซซ์ 1-2 บาท ต่อขวดและกระป๋อง

ซึ่งการขึ้นราคาดังกล่าว มีสาเหตุมาจากต้นทุนของวัตถุดิบหลักที่นำมาผลิตแพ็กเกจจิง อย่าง “ขวดพลาสติก-กระป๋องอะลูมิเนียม” ที่มีการปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง

โดยการปรับขึ้นราคาดังกล่าว จะส่งผลให้ไลน์เป๊ปซี่แบบกระป๋อง/ขวด ที่มีราคาตั้งแต่ 10 / 12 / 15 บาท 
ปรับขึ้นมา 1 บาท เป็น 11 / 13 / 16  บาท ตามลำดับ

ส่วนขนาดอื่น ๆ ที่มีราคาตั้งแต่ 20 บาทขึ้นไป จะมีการรับราคาขึ้น 2 บาทต่อขวด

การปรับขึ้นราคาดังกล่าว จะมีผล ณ วันที่ 1 มิ.ย 65 เป็นต้นไป

“อนุทิน” เผย “อุ๊งอิ๊ง”ลุยอีสานใต้ ไม่แปลก ชี้ นับถอยหลังลต. ต้องเร่งหาเสียง เชื่อสุดท้ายปชช. ตัดสินที่นโยบาย

 เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 30 พ.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย จะลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ของพรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะขณะนี้เหลือเวลาอีก 9-10 เดือน เป็นเวลาเหมาะสมที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องทางการเมืองต้องเริ่มรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง สร้างความนิยมต่อประชาชน อย่าไปมองว่าเป็นพื้นที่ของคนนู้นคนนี้ เพราะเป็นพื้นที่ของประชาชน จึงอยู่ที่การตัดสินใจของประชาชน หากใครมีโอกาสและมีเวลาก็ต้องเร่งลงพื้นที่เพื่อชี้แจงและสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน เพื่อที่จะให้เลือกกลับมาเป็นตัวแทน

ผู้สื่อข่าวถามว่า  การที่น.ส.
แพทองธาร ชินวัตร หรือ อุ๊งอิ๊ง หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ลงพื้นที่ จะปลุกกระแสคนรุ่นใหม่ได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องมองเป็นนโยบายของแต่ละพรรคการเมือง แต่ละพรรคก็มีดี ส่วนคนที่จะตัดสินใจคือประชาชน ดังนั้นทุกพรรคต้องเร่งสร้างนโยบายที่ประชาชนเห็นแล้วว่าจับต้องได้ พูดแล้วทำ

อุตตม เสนอยกระดับแก้หนี้เกษตรกร เป็นวาระแห่งชาติ พร้อมชูภาคอีสานเป็นเขตเศรษฐกิจใหม่

อุตตมโพสต์หลังลงพื้นที่อีสาน พบปัญหาหนี้สินเกษตรกรทวีความรุนแรง เสนอให้รัฐบาลยกเรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ พร้อมเร่งพัฒนาอีสาน เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ เร่งโครงการรถไฟฟ้าไทยจีนเชื่อมโยงทั้งภาค

นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์เฟซบุ๊กถึงการลงพื้นที่ภาคอีสาน 4 จังหวัดเป็นครั้งแรกของคณะผู้บริหารพรรค ซึ่งเริ่มจากจังหวัดหนองบัวลำภู - สกลนคร - มุกดาหาร และอุบลราชธานี ในระหว่างวันที่ 26-28 พ.ค. ที่ผ่านมาว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ นอกจากเพื่อไปนำเสนอแนวคิดแนวนโยบายของพรรคต่อพี่น้องประชาชนแล้ว พรรคยังได้เปิดตัวแนะนำผู้แสดงเจตจำนงที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ในนามพรรค และที่สำคัญที่สุดคือตั้งใจไปรับฟังปัญหาและแนวทางการพัฒนาพื้นที่จากคนในพื้นที่โดยตรง เพื่อนำข้อมูลที่ได้กลับมาจัดทำเป็นนโยบายดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนในภาคอีสานต่อไป

โดยในการลงพื้นที่ครั้งนี้ พบว่าประเด็นปัญหาหนี้สินเกษตรกรเป็นเรื่องที่พูดถึงมากที่สุด แม้หลายสิบปีที่ผ่านมาฝ่ายการเมืองได้หยิบยกขึ้นมาพูดหาเสียงทุกครั้ง แต่มาจนถึงทุกวันนี้ ปัญหาหนี้สินไม่ได้ทุเลาเบาบางลง แต่กลับหนักหน่วงขึ้น เพราะสถานการณ์โควิดที่กระทบกับการหารายได้ และค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นจากราคาสินค้าต่างๆ ที่กำลังขยับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เกษตรกรชักหน้าไม่ถึงหลังจึงต้องกู้หนี้ยืมสินเพิ่ม

“ผมเชื่อว่า ปัญหาหนี้สินไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการพักชำระหนี้ให้เกษตรกรแค่ปีสองปี เพราะในที่สุดแล้วหนี้สินเหล่านั้นก็กลับมาใหม่อยู่ดี แต่เราต้องแก้ด้วยการสร้างโอกาสในการหารายได้เพิ่มให้เกษตรกรควบคู่ไปกับการปรับโครงสร้างหนี้ให้ยืดระยะเวลาออกไปอย่างเหมาะสม สอดคล้องกับความสามารถในการหารายได้ที่เพิ่มขึ้น เพื่อให้เกษตรกรมีโอกาสตั้งหลักใหม่ได้อย่างแท้จริง หลุดพ้นจากวงจรการเป็นหนี้สินแบบเดิมๆ”

‘ชวน’ ยันสภาฯ พร้อมสอบ ‘จริยธรรม’ ปมคลิป ‘เต้007’ ขู่กระทืบ ‘ทนายเดชา’

(30 พ.ค.65) ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือ ‘ทนายเดชา’ เตรียมร้องสอบจริยธรรมนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ ภายหลังมีคลิปเสียงโทรศัพท์แสดงพฤติกรรมข่มขู่ให้เลิกวิพากษ์วิจารณ์คดีแตงโม ว่า วันนี้ (30 พฤษภาคม 2565) ในช่วงบ่ายทางคณะกรรมการจริยธรรม สภาผู้แทนราษฎร จะมีการประชุมเรื่องที่มีการร้องเรียนให้ตรวจสอบจริยธรรมของนายมงคลกิตติ์ ที่มีการร้องเรียนมาก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน โดยเรื่องของทนายเดชายังไม่ได้มีการยื่นร้องเรียนมา

“อะไรที่เป็นเรื่องส่วนตัว แต่หากไปทำผิดต่อจริยธรรมนักการเมือง ทางคณะกรรมการจริยธรรม สภาผู้แทนราษฎร จะต้องดำเนินการตรวจสอบ แม้กระทั่งคำพูดที่ไม่เหมาะสมก็สามารถร้องเรียนได้ โดยจะต้องมีคนร้องเรียนเข้ามาก่อน จากนั้นคณะกรรมการจริยธรรม สภาผู้แทนราษฎร จะส่งเรื่องให้อนุกรรมการฯที่เป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพสูง และมีความตรงไปตรงมา ตรวจสอบว่ามีเรื่องอะไรร้องเรียนมาบ้างด้วยความเป็นธรรม” ประธานสภาฯ กล่าว

ขณะที่ด้าน ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม โพสต์เฟซบุ๊ก ‘รณณรงค์ แก้วเพ็ชร์’ ระบุว่า "ทำงานมาเป็นสิบๆปีเจอคนขู่มาก็เยอะ ทั้งตำรวจ ทหาร มาเฟีย มือปืน ถ้ากลัวคงไม่มายืนอยู่จุดนี้หรอกครับ แต่ส่วนนึงผมก็เข้าใจแหละคนที่เสียผลประโยชน์เค้าก็ย่อมไม่ชอบเราเป็นธรรมดา แต่เห็นขู่ผ่านสื่อเราคงนิ่งไม่ได้ ต้องดำเนินคดีเพราะเดี๋ยวประชาชนทั่วไปโดยเฉพาะเด็กๆ มาเห็นจะเอาเป็นแบบอย่างคิดว่าการข่มขู่กันผ่านสื่อสามารถทำได้ไม่มีกฎหมายเอาผิด”


ที่มา: https://www.naewna.com/politic/656902
https://www.naewna.com/likesara/656905


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top