Tuesday, 24 June 2025
Hard News Team

‘อ.ทวีสุข’ ชี้ อเมริกา-ชาติตะวันตก จงใจลากยาวสงคราม คาดภายใน 3-5 ปีเกิดวิกฤตเศรษฐกิจขนาดใหญ่

‘อ.ทวีสุข’ ชี้อเมริกา-พันธมิตรตะวันตก จงใจลากยาวสงคราม หลังคุมเงินเฟ้อไม่อยู่ หวังเซ็ตระเบียบโลกใหม่ คาดภายใน 3-5 ปีเกิดวิกฤตเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ประเทศต่าง ๆ ทยอยล้มละลาย

วันที่ 30 พ.ค. อ.ทวีสุข ธรรมศักดิ์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ ร่วมสนทนาในรายการ ‘คนเคาะข่าว’ ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ช่อง ‘นิวส์วัน’ ในหัวข้อ ‘มหาวิกฤตซ้ำลากยาว หรือโลกต้องพัง! เพื่อระเบียบโลกใหม่?’

โดย อ.ทวีสุข กล่าวในช่วงหนึ่งว่า ในเมื่อสงครามทำให้ทางฝั่งพันธมิตรตะวันตกเดือดร้อน ทำไมถึงยังไม่หยุด แต่ยังคงเร่งเกมต่อไป เพราะมันหยุดไม่ได้ ทางด้านอเมริกาเห็นอยู่แล้วว่าจะเกิดเงินเฟ้อตั้งแต่ก่อนเกิดโควิด ตอนเกิดโรคระบาดมันทำให้เขาสามารถพิมพ์เงินก้อนใหญ่ขึ้นมาเพื่อรักษาระบบ ถึงขั้นที่ว่าเอาแจกเงินให้กับประชาชนอเมริกา ก็เลยทำให้เศรษฐกิจมันหมุนขึ้นมาระดับหนึ่งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แต่วันนี้มันพิมพ์ต่อไม่ได้ นอกจากพิมพ์ต่อไม่ได้อาการหนักที่สุดคือทั่วโลกไม่ได้ซื้อเงินอเมริกา

ความต้องการเงินดอลลาร์ลดลง คือสิ่งที่ทั้งจีนและรัสเซียเตรียมตัวตั้งแต่ก่อนปี 2017 เป็นต้นมา ถ่ายเงินสำรองที่เป็นดอลลาร์ออกหมด เอาไว้ทำธุรกรรมเท่านั้นเอง รัสเซียสามารถผลิตทองคำเป็นพันตัน ตอนนี้ทองคำตรงนี้มันก็กลายมาเป็นทุนสำรอง นี่คือสิ่งที่ทำให้รัสเซียแข็งแกร่ง

อ.ทวีสุข กล่าวอีกว่า สถานการณ์ในสมรภูมิ เราก็ไม่ได้ข่าวที่แท้จริงจากทางตะวันตก ทางด้านฝ่ายการเงินกระทรวงการคลังเองก็พูดแล้วก็ทำตรงกันข้ามกับสิ่งที่ทำ จะเห็นว่าแม้กระทั่งเจเน็ต เยลเลน (รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐอเมริกา) ต้องลดภาษีที่ค้ำตั้งกำแพงไว้ เพราะยุทธศาสตร์ในการลดมันวางไทม์ไลน์ไปจนถึงปลายปีนี้ แสดงว่าเขารู้อยู่แล้วว่าว่าเขาคุมเงินเฟ้อไม่อยู่ เอาเฉพาะเงินเฟ้อจากการที่อเมริกาต้องพิมพ์เงินมันมากพออยู่แล้ว แต่ทีนี้มันเจอตัวเร่งจากตัว commodity ต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้นอีก คนก็เลยเดือดร้อน อันนี้มันเป็นการสร้างเพื่อให้คนเกลียดชังกัน เพราะว่าสุดท้ายอเมริกากับชาติตะวันตกบางชาติจะหลุดจากสถานการณ์ที่ตัวเองควบคุมระบบการเงิน ระบบเศรษฐกิจเมื่อควบคุมไม่ได้แล้วมันต้องไปจบที่เป็นผู้ชนะในสมรภูมิใหญ่ ก็คือสงคราม

ดังนั้นบริบทตอนนี้ มันเร่งให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ แล้วรอบนี้มันคือการเกิดวิกฤตเศรษฐกิจที่ทำให้คนยากจน ด้วยการที่ทุกอย่างแพงขึ้น ลองดูภาพให้ชัดเลยถ้าอเมริกาเดือดร้อน ทำไมเขาไม่ลดการแซงก์ชั่น แล้วเจรจากับรัสเซีย แต่นี่ยิ่งเกิดสถานการณ์ยิ่งเพิ่มดีกรี เพิ่มอาวุธ เพิ่มทุกอย่างเข้าไป คือแบบขั้นที่ว่าเมื่อไหร่ปูติน หรือลูกพี่คิม จะยิงขีปนาวุธมาใส่ประเทศเขาแล้วขยายสงครามออกไป

จะเห็นว่าเขายิ่งเร่งให้มันเกิดสถานการณ์ที่เลวร้ายขึ้นอีกเพื่อจะไปสู่ยุทธศาสตร์ที่ 7 ก็คือก่อให้เกิดสงคราม และเขาจะต้องชนะในสงครามนี้ เพื่อที่จะเซ็ตระบบขึ้นมาใหม่จากสภาวะสงครามใหญ่

เรื่องเล่าจากกรุงลอนดอน ณ วัดพุทธปทีป (2527) ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของ 'เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์'

"ผมพร้อมที่จะตายแล้วครับ" ใจความที่ถูกเอื้อนเอ่ยออกมาจาก 'เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์' ในวันที่ได้ลุล่วงภารกิจงานวาดรูปที่วัดพุทธปทีป ณ กรุงลอนดอน

สมเกียรติ โอสถสภา อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ โพสต์แรงบันดาลใจดีๆ ในการใช้ชีวิตผ่านเรื่องราวของ 'อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์' ซึ่งปรากฏอยู่ในบทความจากหนังสือ : 'ผมวาดชีวิตผม เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์' ผ่านเฟซบุ๊ก ในหัวข้อ เรื่องเล่าจากกรุงลอนดอน ณ วัดพุทธปทีป (พ.ศ.2527) ว่า...

"บางช่วงท้อแท้ที่สุด รู้สึกว่า กูไม่เอาแล้ว จะเอาสีไปราดรูปแล้วก็เลิกไปเลย แต่ปัญญาและสุวรรณมันมาห้ามเอาไว้ 2 ครั้ง แต่เชื่อมั้ยตอนหลังพี่ก็พลัดไปห้ามปัญญาบ้าง คิดดูขนาดคนอย่างปัญญายังจะเอาเลย มันแย่ถึงขนาดนั้น"

แต่ความที่เป็นคนยอมแพ้ไม่ได้ ดูจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่รั้งเขาอยู่ วันที่ความรู้สึกตกต่ำที่สุด เฉลิมชัยนั่งอยู่หน้าโบสถ์เขาจ้องหน้าหลวงพ่อดำในจิต กล่าวอธิษฐานในใจว่า...

"หลวงพ่อครับ ปัญหามันเยอะเหลือเกิน ผมเหนื่อยเหลือเกินแล้ว ผมขอให้หลวงพ่อช่วยให้เขียนรูปเสร็จเสียที แล้วหลวงพ่อก็มาเอาชีวิตผมไปเลย..ผมยอมตาย"

นั้นคือการเดิมพันชีวิต ด้วยชีวิตของคนที่รักที่จะใช้ชีวิตอย่างที่สุด!!

เขาเล่าว่าราวกับปาฏิหาริย์เกิด เพราะหลังจากนั้นก็มีข่าวว่าพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นจะเดินทางมาพบกับคนไทยในกรุงลอนดอน เฉลิมชัยไม่รอช้า เขาเห็นโอกาสที่จะได้รับความช่วยเหลือจากท่านนายกฯ เพื่อทำงานชิ้นนี้ให้เสร็จ

ในวันที่มีงานเลี้ยงในสถานทูตไทย เฉลิมชัยซึ่งแต่งตัวง่ายๆ มาตลอด ก็ทำเอาพวกตาค้าง เพราะชุดแปลกออกทาง เวอร์สุดติสท์ของเขาเล่นเอาคนในงานมองด้วยความงุงงงว่ามันเป็นใครกัน แถมยังไปยืนอยู่ในแถวเดียวกับบรรดาเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ที่ยืนรอรับป๋าเปรม...ในสายตาของทุกคนจึงมองไอ้หนุ่มคนนี้ว่าเป็นบุคคลที่ไร้กาละเทศะอย่างที่สุด
 

'รองฯ รอย' เป็นประธานเปิด การแข่งขัน SWAT Challenge 2022 ทีมหนุมานชัย STAGE 1

(30 พ.ค.65) ที่ลานรวมพล กก.1 บก.สอ.บช.ตชด.ค่ายนเรศวร อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จัด การแข่งขันหน่วยปฏิบัติการพิเศษระดับ บช. (SWAT Challenge 2022) ในวันที่ 29 พ.ค. - 4 มิ.ย.65  โดยจัดการแข่งขัน ขึ้นเพื่อต้องการพัฒนาและดำรงขีดความสามารถของหน่วยปฏิบัติการพิเศษในการคลี่คลายสถานการณ อาชญากรรมที่มีความรุนแรง โดยมีหน่วยเข้าร่วมแข่งขัน จำนวน 12 หน่วย ประกอบด้วย  ภ.1-9, บช.ก., บช.ส. และ บช.ปส. บช.น.

สำหรับ การแข่งขันจะแบ่งออกเป็น 5 Stage ซึ่งอ้างอิงจากขั้นตอนในการปฏิบัติทางยุทธวิธี เริ่มจาก

(1.)การเคลื่อนที่ 
(2.)การปฏิบัติของส่วนโจมตี 
(3.)การปฏิบัติของส่วนซุ่มยิง 
(4.)การปฏิบัติร่วมส่วนโจมตีและส่วนซุ่มยิง
(5.)การเคลื่อนที่ผ่านสนามเครื่องกีดขวาง 

ซึ่งปีนี้ได้นำแนวทางการแข่งขัน SWAT Challenge ที่ประเทศดูไบมาปรับใช้ กรรมการประกอบด้วย 3 ส่วน1. ตัวแทน ตร. ที่ไปแข่งที่ดูไบ, 2. อรินทราช 26 ,3. นเรศวร 261 

โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.มอบหมายให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. (ปป.) เดินทางไปเป็นประธานพิธีเปิด การแข่งขัน โดยมี พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลัก บุญ รอง จตช. (ช่วยเหลือ ผช.ผบ.ตร.งาน ปป.), พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ส. พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.3, พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5, พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7, พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ วุฒิจรัสธำรงค์ พล.ต.ต.วันชนะ ธรรมเสมา ผบก.สอ.บช.ตชด. และตัวแทนจาก บช.ต่างๆ พร้อมด้วยเจ้าที่ ที่เกี่ยวข้อง เข้าเยี่ยมชมการแข่งขันในครั้งนี้ 

พล.ต.อ.รอย กล่าวว่า การแข่งขันหน่วยปฏิบัติการพิเศษระดับ บช. (SWAT Challenge 2022)รวมถึงโครงการฝึกอบรมเตรียมความพร้อมหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ระดับกองบัญชาการ ของสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ประจําปีงบประมาณ 2565 ตนได้รับมอบหมายให้มาเป็นประธานเปิดโครงการฝึกอบรมเตรียมความพร้อม,หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ระดับกองบัญชาการ ของสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ในวันนี้ การปฏิบัติการพิเศษในสังกัดสํานักงานตํารวจ แห่งชาติได้ในทุกมิติ เข้าใจในบทบาทหน้าที่การปฏิบัติร่วมกันอย่างมืออาชีพเพื่อสร้างความเชื่อมั่นศรัทธาให้กับประชาชน

"ดังนั้นขอให้ผู้เข้ารับการฝึก มีความมุ่งมั่นตั้งใจหาความรู้ ฝึกทักษะการ ปฏิบัติ เพื่อให้เกิดความชํานาญรวมถึงแลกเปลี่ยนประสบการณ์ การทํางานใสร้างสัมพันธภาพระหว่างกันใเพื่อประสานการปฏิบัติในโอกาสต่อไป

ขอขอบคุณ คณะทํางานใผู้รับผิดชอบโครงการ ครูฝึก, เจ้าหน้าที่ที่ทุ่มเท เตรียมการฝึกในครั้งนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการฝึกอบรมในครั้งนี้จะสําเร็จลุล่วงปลอดภัยและบรรลุวัตถุประสงค์ของทางราชการทุกประการ"

รอง ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า โครงการฝึกอบรมนี้ เพื่อเตรียมความพร้อม ให้กับหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ระดับกองบัญชาการ ของสํานักงาน ตํารวจแห่งชาติ  การฝึกอบรมนี้ ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติมีเจตนารมณ์ที่ต้องการพัฒนา เพิ่มขีดความสามารถของหน่วยปฏิบัติการพิเศษในการปฏิบัติภารกิจและแก้ไข สถานการณได้อย่างเป็นมาตรฐานสากล ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ทั้งต้องสามารถบูรณาการระหว่างหน่วย

สำหรับโครงการฝึกอบรมเตรียมความพร้อมหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ระดับกองบัญชาการ ตามที่ ตร. มอบหมายให้ กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ได้จัดการฝึกอบรม โครงการฝึกอบรมเตรียมความพร้อมหน่วยปฏิบัติการพิเศษระดับกองบัญชาการ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเตรียมความพร้อม และพัฒนาศักยภาพเชิงทักษะของบุคลากร ในหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพ ทบทวนบทบาท หน้าที่ และแนวทางในการปฏิบัติภารกิจร่วมกัน ของหน่วยปฏิบัติการพิเศษ  รอง ผบ.ตร.กล่าว

สำหรับ กำลังพลผู้เข้ารับการฝึกอบรมตามโครงการ จำนวน 144 นาย ประกอบด้วยหน่วยละ 12 นาย (1.)หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธร ภาค 1 (2.)หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธร ภาค 2 (3.) หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธร ภาค 3 (4.)หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธร ภาค 4(5.)หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธร ภาค 5 (6.) หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธร ภาค 6 (7.)หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธร ภาค 7 (8.)หน่วยปฏิบัติการพิเศษ  ตำรวจภูธร ภาค 8 (9) หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธร ภาค 9 (10.)หน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (11.)หน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(12.)หน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจสันติบาล 

การประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ ๔ ประจําปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๕

วันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๕ เวลา ๑๐.๐๐ นาฬิกา กองบัญชาการกองทัพไทย จัดการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ ๔ ประจําปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๕ ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด ๑๙ (ศบค.) โดยมี พลเอก เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธาน พร้อมด้วย ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ และเสนาธิการทหารอากาศ เข้าร่วมประชุม ณ กองบัญชาการกองทัพไทย ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ

การประชุมฯ ในครั้งนี้ที่ประชุมได้รับทราบข้อมูลที่สําคัญของกองบัญชาการกองทัพไทย เหล่าทัพ และสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ดังนี้...

กองบัญชาการกองทัพไทย ได้นําเสนอการจัดการฝึกร่วมกองทัพไทย ๒๕๖๕ ซึ่งเป็นการฝึกร่วม ตามแผนป้องกันประเทศ โดยบูรณาการการอํานวยการยุทธร่วม ด้วยการใช้กําลังทหารขนาดใหญ่ของกองทัพไทย รวมถึงบูรณาการการปฏิบัติการร่วมระหว่างเหล่าทัพและพลเรือน อันเป็นการเสริมสร้างขีดความสามารถ ในการปฏิบัติการร่วมของกองทัพไทยให้มีความพร้อมในการปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติ รวมถึง รักษาความมั่นคงของรัฐ เพื่อเป็นหลักประกันด้านความมั่นคงให้กับประเทศชาติและความสงบสุขของประชาชน

กองทัพบก ได้รายงานผลการปฏิบัติงานที่สําคัญให้ที่ประชุมได้รับทราบ จํานวน ๒ เรื่อง ได้แก่ เรื่องที่ ๑ การจัดการฝึกทหารใหม่ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ตั้งแต่ กรรมวิธีการรับทหารใหม่ การเคลื่อนย้ายจนถึงหน่วยฝึกทหารใหม่ การกักตัวครูฝึก ผู้ช่วยครูฝึก และทหารใหม่ ภายใต้มาตรการ Bubble & Sealed และ เรื่องที่ ๒ การปฏิบัติภารกิจของอากาศยานเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป แบบ ๑๔๕ (ฮ.ท.๑๔๕) ในการลําเลียงผู้ป่วยฉุกเฉินร่วมกับทีมแพทย์ของโรงพยาบาลในสังกัดกองทัพบกในพื้นที่ และทีมแพทย์สกายดอกเตอร์ของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ซึ่งสามารถให้การช่วยเหลือผู้ป่วยอาการ วิกฤตให้รอดชีวิต ได้รับการตอบรับจากประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างดียิ่ง

กองทัพเรือ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ได้เตรียมความพร้อมในการรองรับสงครามอาวุธที่มีอานุภาพ ทําลายล้างสูง ได้แก่ อาวุธเคมี ชีวะ รังสี และนิวเคลียร์ (คชรน.) ในด้านต่างๆ ได้แก่ ด้านองค์บุคคล ระดับ นานาชาติ ด้านองค์วัตถุ ด้านองค์ยุทธวิธี โดยผลงานสําคัญที่ผ่านมา ได้แก่ การสนับสนุนความปลอดภัยของนักดําน้ํา โดยการตรวจสอบปริมาณก๊าซพิษและก๊าชออกซิเจนในภารกิจค้นหาและกู้ภัยถ้ำหลวงเพื่อช่วยเหลือทีมฟุตบอลหมูป่า การนําขีดความสามารถด้านการป้องกันอาวุธชีวภาพมาใช้ในการควบคุมการแพร่กระจายของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ณ อาคารรับรองสัตหีบ ซึ่งเป็นสถานที่กักตัวของรัฐ และการนําเครื่องตรวจวิเคราะห์สารพิษ เทคโนโลยีสูงมาตรวจการปนเปื้อนของสารพิษในสิ่งแวดล้อม และสามารถรายงานผลได้อย่างแม่นยํา รวดเร็ว แบบ Real Time

กองทัพอากาศ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงการพัฒนาขีดความสามารถด้านการข่าวกรองการเฝ้าตรวจ และการลาดตระเวน (ISR) โดยการพัฒนาระบบงานและคุณภาพบุคลากร การพัฒนาด้านยุทโธปกรณ์ การจัดหา อากาศยานไร้คนขับ (Dominator) การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ ระบบ GEOINT PORTAL เพื่อพัฒนาศักยภาพ และขีดความสามารถด้านการข่าวกรองการเฝ้าตรวจและการลาดตระเวนสู่การมีข้อมูลและการข่าวที่มีคุณภาพ (Superior ISR)

สํานักงานตํารวจแห่งชาติ ได้นําเสนอระบบ Biometrics ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสําหรับการเก็บข้อมูล คัดกรอง และสืบค้นอัตลักษณ์บุคคลในการเข้า-ออกประเทศทั้ง ด่านตรวจทางน้ํา ด่านตรวจทางบก และด่านตรวจ ทางอากาศ ซึ่งมีจํานวน ๑,๘๔๓ จุด ทั่วประเทศ โดยเป็นการใช้ข้อมูลจากลายพิมพ์นิ้วมือและภาพถ่ายใบหน้าในการ ยืนยันตัวตนที่มีความแม่นยํา มีประสิทธิภาพสูง มีการเชื่อมโยงและบูรณาการข้อมูลต่าง ๆ ทําให้กระบวนการสืบค้น ข้อมูลเพื่อนําไปสู่การจับกุมเป็นไปอย่างรวดเร็ว และแม่นยํามากขึ้น

นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 5/2565 ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล

พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า วันจันทร์ ที่ 30 ต.ค.65 เวลา 15.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 5/2565 ณ ตึกภักดีบดินทร์  ทำเนียบรัฐบาล โดยมีรายละเอียดเบื้องต้นในการประชุม เพื่อรับฟังรายงานผลการดำเนินการของคณะอนุกรรมการข้าราชการตำรวจด้านต่างๆ 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนภัยการซื้อสินค้าผ่านสื่อสังคมออนไลน์

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนภัยการซื้อสินค้าผ่านสื่อสังคมออนไลน์โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรือเสริมสมรรถภาพทางเพศ ที่กล่าวอ้างสรรพคุณเกินจริง ไม่ได้มาตรฐานหรือผ่านการตรวจสอบและรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาจเกิดความเสียหายหรืออันตรายถึงแก่ชีวิตได้

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอฝากเตือนภัยการเลือกซื้อสินค้าผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรือเสริมสมรรถภาพทางเพศ  ที่ไม่ได้มาตรฐานหรือผ่านการตรวจสอบและรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาจเกิดความเสียหายหรือเกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

ในห้วงที่ผ่านในภาพรวมพบว่ามีการกระทำความผิดและการหลอกลวงของมิจฉาชีพที่เกี่ยวกับขายสินค้าผ่านสื่อสังคมออนไลน์โดยฉพาะอย่างยิ่ง สินค้าที่ไม่ได้มาตฐาน โฆษณาเกินจริง ไม่มีการรับรองผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับอาหารเสริมหรือเสริมสมรรถภาพทางเพศ เป็นจำนวนมาก

ดังเช่นกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์ได้นำเสนอข่าวเมื่อวันที่ 29 พ.ค.65 ได้กล่าวถึงกรณีสำนักงานวิทยาศาสตร์สุขภาพสิงคโปร์ (HSA) เตือนประชาชนไม่ให้บริโภคผลิตภัณฑ์กาแฟยี่ห้อหนึ่งชนิด 3in1 ที่ตรวจพบยาทาดาลาฟิล รักษาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศสูงเกินขนาดปกติ มากกว่า 10 เท่า ซึ่งพบว่าสารที่ออกฤทธิ์มีผลกระทบต่อการขยายหลอดเลือดและมีผลต่อผู้ป่วยโรคตับ ไต หัวใจ หลอดเลือดสมอง กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เจ็บหน้าอก ความดันเลือดต่ำหรือสูง เป็นต้น  

เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงได้กำชับและสั่งการไปยังหน่วยงานในสังกัดที่เกี่ยวข้องทุกหน่วย ในการป้องกันภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ให้เร่งสร้างการรับรู้ให้กับพี่น้องประชาชน ทราบถึงพิษภัยและรูปแบบการกระทำความผิดต่างๆ พร้อมเร่งทำการสืบสวนปราบปรามจับกุม ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ผิดกฎหมายมาดำเนินคดี เพื่อเป็นการจำกัดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นและตัดโอกาสในการกระทำความผิดอย่างจริงจังต่อเนื่องโดยให้มีผลการปฏิบัติเป็นรูปธรรม

ทั้งนี้หากมีการลักลอบนำมาจำหน่ายผ่านสื่อสังคมออนไลน์ หรือ การโฆษณาสรรคุณสินค้าที่เกินจริง  ซึ่งที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ก็จะมีคำสั่งให้ระงับจำหน่ายและโฆษณาทันทีโดยถือเป็นอาหารที่ไม่ปลอดภัย ผู้กระทำการฝ่าฝืน ผลิต นำเข้า หรือจำหน่ายมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

รวมถึงหากมีการนำไปอวดอ้างสรรพคุณที่เกินจริง บิดเบือนหรือผลิตข่าวปลอมที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรือเสริมสมรรถภาพทางเพศผ่านสื่อสังคมออนไลน์  ก็จะเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง 

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีดังกล่าวนั้นซึ่งเป็นความผิดต่อส่วนตัวหากมีประชาชนที่ได้รับความเสียหายสามารถรวบรวมข้อมูลและพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องมาแจ้งความร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป         

พร้อมขอฝากเตือนประชาชนใช้วิจารณญาณในการเลือกบริโภคสินค้าต่างๆให้พิจาณาให้ดี อย่าเชื่อแค่คำโฆษณาหรือการ บอกเล่าปากเปล่า และขอประชาสัมพันธ์แนวทางป้องกัน ดังนี้...

1.อย่าหลงเชื่อผลิตภัณฑ์ที่แสดงสรรพคุณเกินจริง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีการระบุสรรพคุณในการรักษาหรือมีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงหรือส่งผลต่อร่างกายของเราโดยเด็ดขาด 

2.ควรตรวจสอบข้อมูลผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่ามีสรรพคุณอย่างที่กล่าวอ้างจริงหรือไม่ 

3.การโฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร จะต้องได้รับการอนุญาตจากทางสำนักคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งสังเกตจากเลขทะเบียน (ที่ไม่ใช่เลข อย.) ซึ่งขึ้นด้วยอักษร "ฆอ. …" เป็นต้น

4.สามารถตรวจสอบการอนุญาตที่เกี่ยวข้องได้ที่เว็ปไชต์ https://porta.fda.moph.go.th ของ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) กระทรวงสาธารณสุข

'กระทรวงเกษตรฯ' สร้างโอกาสประเทศไทยในยุคโลกขาดแคลนอาหาร เร่งเครื่องอัพเกรดบริการภาครัฐ (e-Service) 22 หน่วยงาน 176 ระบบเพิ่มศักยภาพภาคเกษตรไทยภายใต้ '5 ยุทธศาสตร์เฉลิมชัย'

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายเทคโนโลยีเกษตร 4.0 เปิดเผยวันนี้ (30 พ.ค.65) ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำลังเร่งเครื่องอัพเกรดบริการภาครัฐ (e-Service) สู่กระทรวงเกษตร 4.0 เพื่อยกระดับศักยภาพและประสิทธิภาพภาคเกษตรภายใต้ 5 ยุทธศาสตร์และนโยบายเทคโนโลยีเกษตร 4.0 ของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสไทยในฐานะครัวโลกในยุคที่โลกกำลังเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนอาหารจากผลกระทบของโควิด19 และสงครามรัสเซีย-ยูเครน

ทั้งหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทั้ง 22 หน่วยงานกําหนดเป้าหมายแรกให้บริการแก่ประชาชน ในรูปแบบบริการอีเล็คทรอนิกส์ (e-Service) รวม 176 ระบบ โดยได้ดําเนินการแล้วเสร็จและให้บริการเรียบร้อยแล้วจํานวน 167 ระบบ และอยู่ระหว่างการพัฒนา 9 ระบบ ซึ่งคาดว่าจะดําเนินการพัฒนาให้แล้วเสร็จภายในปี 2565 

สําหรับระบบริการ จะมุ่งเน้นให้บริการครอบคลุมตลอดวัฏจักรการทําการเกษตร ตั้งแต่การวางแผนการผลิต จนถึงการตลาด อาทิ ระบบ ตรวจสอบดิน (กรมพัฒนาที่ดิน) ระบบโปรแกรมประยุกต์การคํานวณการให้อาหารกุ้งทะเล (Feed App) (กรมประมง) ระบบ การขอใบอนุญาตนําหรือเคลื่อนย้ายสัตว์หรือซากสัตว์ภายในราชอาณาจักร (ร.3 /ร.4 /ร.5) (กรมปศุสัตว์) ระบบงานยื่น คําขอและออกใบสําคัญขึ้นทะเบียน/ใบรับรอง/ใบอนุญาตนําเข้าปุ๋ย (กรมวิชาการเกษตร) รวมทั้งยังมีระบบที่เช่ือมโยง ข้อมูลกับระบบ National Single Window (NSW) ของกรมศุลกากร เพื่อการออกใบอนุญาตที่สําคัญต่างๆ ใบสําคัญใน การนําเข้า-ส่งออก หรือการรับรองผลการตรวจสุขอนามัยพืชและสัตว์ (จํานวน 55 ระบบ)

อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการอํานวยความสะดวกต่อผู้ใช้งานทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชนทั่วไปให้สืบค้นข้อมูลได้ อย่างรวดเร็วและเข้าถึงการบริการ e-Service ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ง่ายยิ่งขึ้น สํานักงานเศรษฐกิจ การเกษตร (สศก.) ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะอนุกรรมการขับเคลื่อน Big Data และ Gov Tech ภายใต้คณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายเทคโนโลยีเกษตร 4.0 ของกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ ได้จัดทํา Web Application “ระบบบริการภาครัฐ: http://mis.oae.go.th/rservice” เพื่อเป็น ช่องทางกลางในการเข้าถึงบริการ e-Service ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย “ระบบบริการภาครัฐ” มีเมนู จําแนกตามกิจกรรมบริการที่สอดคล้องกับวัฏจักรการทําการเกษตรทั้ง 6 ด้าน ประกอบด้วย 1) การวางแผนการผลิต 2) การหาปัจจัยการผลิต 3) การเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ ดูแลรักษา 4) การเก็บเกี่ยว 5) การแปรรูป การเพิ่มมูลค่าและ 6) การตลาด การจําหน่าย นอกจากนี้ ยังมีเมนูพิเศษ อื่น ๆ เพื่อการสืบค้นและสามารถเข้าถึงงานวิจัย ตลอดจน รายชื่อองค์ความรู้เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรมของศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (ศูนย์ AIC 77จังหวัด) โดยผู้ใช้งานสามารถค้นหาระบบ e-Service ที่ต้องการได้ทันที และระบบจะเชื่อมโยงไปถึงระบบ e-Service ของหน่วยงานต้นทางที่พร้อมให้บริการได้อย่างสะดวก รวดเร็วและง่าย ต่อการใช้งาน

ราคาน้ำมันไทย ถูกหรือแพงในอาเซียน!!

สำนักงานนโยบายและพลังงาน กระทรวงพลังงานเปิดเผยบทวิเคราะห์ราคาน้ำมันต่างประเทศ โดยนำเสนอราคาน้ำมัน 2 ประเภท คือ 1. เบนซิน และ 2. ดีเซล เปรียบเทียบกับหมู่ประเทศที่เป็นสมาชิก ‘อาเซียน’

ทั้งนี้ แต่ละประเทศสมาชิกมีมาตรการภาษี และระบบการเก็บเงินเข้ากองทุนหรืออุดหนุนราคาพลังงานที่แตกต่างกัน และหลายประเทศยังมีการอุดหนุนราคาอยู่

ขณะที่ ไทยสนับสนุนการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ ให้การอุดหนุนราคาโดยกองทุนน้ำมันฯ จึงทำให้ราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ถูกกว่าเบนซิน

หมายเหตุ : ราคา ณ วันที่ 30 พฤษภาคม 2565 อัตราแลกเปลี่ยน (อัตรากลาง) ณ วันที่ 27 พฤษภาคม 2565 
* ประเทศไทย เป็นราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95E10 ซึ่งมีสัดส่วนการใช้มากที่สุด

สำหรับ ภาพรวมพลังงานของไทย ระหว่างเดือน ม.ค. - มี.ค. 2565 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว การผลิตพลังงานขั้นต้น ลดลงเกือบทุกประเภท โดยลดลง 19.7% ยกเว้นไฟฟ้าพลังน้ำที่มีการผลิตเพิ่มขึ้น 35.1% ส่วนการนำเข้าพลังงาน (สุทธิ) เพิ่มขึ้นเกือบทุกประเภท โดยเพิ่มขึ้น 1.1% ยกเว้นถ่านหิน โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของการนำเข้าน้ำมันดิบ การนำเข้าไฟฟ้า และการนำเข้าก๊าซธรรมชาติ ขณะที่ความต้องการใช้พลังงานลดลง 0.8%

ด้านการใช้พลังงานขั้นสุดท้ายเพิ่มขึ้นทุกประเภท เพิ่มขึ้น 11.3% โดยน้ำมันสำเร็จรูปมีสัดส่วนการใช้สูงสุด 53% รองลงมาคือการใช้ไฟฟ้า 21%


ที่มา : สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน
https://www.facebook.com/AECconnect/photos/a.124639997878862/1729949350681244

‘มาคาเลียส’ จัดโปรฟ้าฝ่า ลดราคาท้าฝน ขนที่พักริมทะเลใกล้กรุง ลดสูงสุด 80%

‘มาคาเลียส' (Makalius) แหล่งรวมอี-วอเชอร์ที่พัก ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว อันดับ 1 ของประเทศไทย นำที่พักริมทะเลใกล้กรุง จัดโปรโมชั่น ‘มาคาเลียส โปรฟ้าฝ่าลดราคาท้าฝน’ ลดสูงสุด 80% อาทิ AT T Boutique Hotel, Rodina Beach Hotel, Golden Tulip Pattaya Beach Resort, Sonia Residence Pattaya, Garden Cliffe Resort & Spa, T Pattaya Hotel และอีกมากมาย พร้อมมอบสิทธิพิเศษให้เฉพาะลูกค้ามาคาเลียส ไม่ว่าจะเป็น Soft  Drink, Afternoon Tea, Seafood Dinner เป็นต้น   เปิดจองวอเชอร์แล้วตั้งแต่วันนี้ เป็นต้นไป 

คลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติม ที่ www.makalius.co.th สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 02 821 5215 หรือ Line Official @makalius

คนไทยเตรียมตัว!! จ่ายตังค์เพิ่ม กกพ.จ่อขึ้นค่าไฟปลาย ก.ค.นี้

นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2565 ที่ประชุม กกพ. มีแนวโน้มที่จะเห็นชอบให้ขึ้นค่าไฟฟ้ารอบใหม่ จากเดิมอยู่ที่หน่วยละ 4 บาท เนื่องจากวิกฤตพลังงานโลกที่เพิ่มสูงขึ้น จากความยึดเยื้อของสงครามรัสเซีย-ยูเครน ประกอบกับกำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติจากแหล่งเอราวัณในอ่าวไทย ที่ลดเหลือเพียง 1 ใน 3 ของกำลังการผลิตเดิม จากปัญหาช่วงรอยต่อผู้รับสัมปทานใหม่ ทั้งหมดส่งผลให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าสูงขึ้น จึงจำเป็นต้องขึ้นค่าไฟฟ้า

อย่างไรก็ตาม ฝากถึงบ้านที่มีผู้ป่วยติดเตียง หรือไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ หากมีความจำเป็นต้องใช้ไฟฟ้า ให้มาลงทะเบียนกับการไฟฟ้าใกล้บ้าน แล้วจะได้รับการดูแล ไม่ถูกตัดไฟ 


ที่มา: https://mgronline.com/uptodate/detail/9650000051278


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top