Friday, 27 June 2025
Hard News Team

'สพฐ.ตร.' เตือน ซื้อทองราคาถูกเกินจริง ระวังของปลอม พบมีการส่งตรวจพิสูจน์โลหะทองคำต่อเนื่อง

'ทองคำ' เป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูง หลายคนเก็บออมเงินด้วยการซื้อทองคำแท่ง หวังเก็บไว้ให้ลูกหลาน ลงทุนเพื่อเก็งกำไรในอนาคต หรือซื้อเป็นทองรูปพรรณไว้สวมใส่ ปัจจุบันราคาทองคำซื้อขายบาทละกว่า 30,000 บาท ทำให้พบการฉ้อโกงในลักษณะ 'ทองคำยัดไส้' หรือ 'ทองคำปลอม' โดยมิจฉาชีพจะใช้วิธีการ "นำทองคำมาสอดไส้โลหะชนิดอื่นๆ เช่น ทองแดง หรือตะกั่ว แล้วหลอกขายในราคาถูก" มีคนตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจในแต่ละพื้นที่ทั่วประเทศ

เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2565 ที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร โฆษกสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ เปิดเผยว่า พล.ต.ท.วีระ จิรวีระ ผบช.สพฐ.ตร.มีความห่วงใยประชาชน หลังพบคดีที่เกี่ยวกับการฉ้อโกงเพิ่มมากขึ้น สวนทางกับภาวะเศรษฐกิจที่แย่ลง โดยเฉพาะร้านค้าออนไลน์ ที่มักโฆษณาชวนเชื่อว่าเป็นทองคำแท้ แต่ราคาถูกกว่าท้องตลาดนับพันบาท เป็นสิ่งล่อตาล่อใจให้คนหลงเชื่อ ยอมจ่ายเงินไปหวังจะได้ของแท้ราคาถูก แต่สิ่งที่ได้มากลับเป็นทองคำปลอมที่ไม่สามารถดูออกด้วยตาเปล่า

พล.ต.ต.วาทีฯ ย้ำว่า การเลือกซื้อทองคำแท่งหรือทองรูปพรรณ ควรซื้อกับร้านขายทอง ที่น่าเชื่อถือ ระมัดระวังการซื้อขายผ่านช่องทางออนไลน์ เพราะง่ายต่อการถูกหลอกลวง และไม่ควรใส่ทองคำมูลค่าสูงแล้วเดินในสถานที่เปลี่ยว เพราะเป็นสิ่งล่อตาล่อใจให้มิจฉาชีพก่อเหตุ ได้ง่าย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.มีความห่วงใยมายังพี่น้องประชาชน ขอให้ร่วมกันป้องกันเหตุร้าย เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของทุกคน
  
ด้าน พ.ต.อ.หญิง วิภาวดี  เกษมวรภูมิ นวท. (สบ 4) กคม.พฐก.กล่าวว่า ที่ผ่านมา มีการร้องขอจากพนักงานสอบสวนให้ตรวจพิสูจน์โลหะทองคำของกลาง ที่ร้านค้านำมาแจ้งความดำเนินคดี โดยกลุ่มงานตรวจทางเคมี ฟิสิกส์ กองพิสูจน์หลักฐานกลาง จะนำมาตรวจสอบอย่างละเอียด เพราะการกระทำความผิดเกี่ยวกับทองคำ ส่วนใหญ่ที่พบบ่อยจะมีลักษณะเป็น ทองหุ้ม ทองผสม ทองชุบ พ่นสีทอง และแบบผสมผสาน 

ซึ่งมาตรฐานทองคำเมืองไทยจะอยู่ที่ 96.5% หมายความว่า มีทองคำบริสุทธิ์อยู่จริงๆ 96.5% ส่วนที่เหลืออีก 3.5% คือ ส่วนประกอบอื่นๆ เช่น แร่เงินกับแร่ทองแดงหรือโลหะต่าง ๆ ทั้งนี้ การการตรวจพิสูจน์โลหะทองคำ จะมี 4 วิธีคือ 

1) วิธีทางกายภาพ 
2) วิธีทางเคมี 
3) วิธีการเผา 
และ 4) วิเคราะห์โดยใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์

กรณีที่วัตถุพยานเป็นโลหะทองคำ เมื่อนำไปวิเคราะห์ด้วยวิธีทางกายภาพ โดยการเปิดพื้นผิวด้วยกระดาษทราย เนื้อโลหะชั้นในจะมองเห็นเป็นเนื้อเดียวกัน เมื่อนำไปทดสอบทางเคมีด้วยกรด เช่น กรดไนตริก รวมถึงการทำปฏิกิริยาทางเคมี เพื่อให้ทราบเป็นโลหะชนิดใด                   

หากนำไปทดสอบด้วยการเผาไฟทองคำแท้ จะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะแตกต่างจากโลหะผสม ที่เมื่อนำไปเผาไฟจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทันที หากนำวัตถุพยานมาวิเคราะห์หาชนิดของธาตุโดยใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์ เช่น เครื่อง x-ray fluorescence spectrometer (XRF) หลังจากนำวัตถุพยานเข้าเครื่อง XRF เพื่อวิเคราะห์หาชนิดของธาตุ พบว่าโลหะทองคำแท้เปอร์เซ็นต์ทองของทั้งบริเวณก่อนและหลังเปิดพื้นผิวจะต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ นำทีม ภ.๙ จับกุมคนร้ายคดีฆ่าโหดทุบหัวฝังดิน

จากกรณีเมื่อวันที่ ๑ มิ.ย.๖๕ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทุ่งลุง ภ.จว.สงขลา รับแจ้งเหตุพบศพนายหมัดดล บินสัน อายุ ๔๐ ปี ถูกฆ่าฝังดินอยู่ที่บริเวณป่าด้านหลังสนามกอล์ฟ หมู่ ๑๑ บ้านคลองปอม ต.บ้านพรุ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา สภาพศพถูกมัดมือไพล่หลัง มัดเท้าด้วยเถาวัลย์ มัดปิดปากด้วยผ้าสีแดง รัดคอด้วยกระเป๋าสะพาย และศีรษะถูกทุบด้วยของแข็ง รวมทั้งพบรถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิตจมอยู่ในสระน้ำบริเวณใกล้เคียงตามที่ทราบแล้ว นั้น

กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ให้ควบคุมการสืบสวนสอบสวนให้รัดกุม และเร่งรัดการติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุอุกฉกรรจ์ดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร่งด่วน ซึ่งจากการสืบสวนเบื้องต้นคาดว่า ผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นบุคคลต่างด้าวซึ่งถูกผู้ตายพบระหว่างการหลบหนีเข้าเมือง จึงได้ฆ่าผู้ตายและนำศพฝังดินเพื่ออำพรางคดีดังกล่าว

ความคืบหน้าล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.๙ และ สภ.ทุ่งลุง ภ.จว.สงขลา ได้รวบรวมพยานหลักฐานและติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุในคดีดังกล่าว โดยเริ่มจากเมื่อวันที่ ๒ มิ.ย.๖๕ ที่ผ่านมา สามารถจับกุมกลุ่มบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมาซึ่งหลบหนีเข้าเมืองได้จำนวน ๑๐๙ คน ก่อนจะดำเนินการสอบปากคำทั้งหมดเพื่อรวบรวมข้อมูลที่อาจเกี่ยวข้องจนสืบทราบว่า คนร้ายที่เป็นผู้ก่อเหตุฆาตกรรมชายดังกล่าว และนำศพไปฝังเพื่ออำพรางคดีมีจำนวนทั้งสิ้น ๘ ราย ซึ่งขณะนี้มีพยานหลักฐานจนสามารถขออนุมัติศาลจังหวัดสงขลาขอหมายจับผู้ต้องหาจำนวน ๕ ราย และสามารถติดตามจับกุมได้แล้ว ๓ ราย ประกอบด้วย

๑. นายเมียน วิน (Myint Win) อายุ ๓๒ ปี สัญชาติเมียนมาร์ ข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่น , ร่วมกันลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการเกิดตาย หรือเหตุแห่งการตาย” (หลบหนี)
๒. นายโก มอง (Ko Maung) อายุ ๒๕ ปี สัญชาติเมียนมาร์ ข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่น , ร่วมกันลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการเกิดตาย หรือเหตุแห่งการตาย” (หลบหนี)
๓. นายซาน เอ (San Aye) อายุ ๓๒ ปี สัญชาติเมียนมาร์ ข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่น , ร่วมกันลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการเกิดตาย หรือเหตุแห่งการตาย” (จับกุม)
๔. นายเอา กู วิน อายุ ๒๗ ปี สัญชาติเมียนมาร์ ข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่น , ร่วมกันลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการเกิดตาย หรือเหตุแห่งการตาย” (จับกุม)
๕. นายชิด โก โก้ (Chit Ko Ko) อายุ ๓๔ ปี สัญชาติเมียนมาร์ ข้อหา “ร่วมกันซ่อน ช่วยเหลือด้วยประการใดๆ แก่บุคคลต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย” (จับกุม)

ส่วนผู้ต้องหาอีก ๓ ราย อยู่ในระหว่างการสืบสวนติดตามจับกุมและพิสูจน์ทราบตัวบุคคล เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีต่อไป

จากการสอบปากคำผู้ต้องหาผู้ก่อเหตุให้การว่า เมื่อวันที่ ๓๑ พ.ค.๖๕ กลุ่มผู้ก่อเหตุพร้อมบุคคลต่างด้าวรวม ๑๐๙ คน ได้หลบหนีเข้าเมืองมา ก่อนที่จะมาพักที่บริเวณป่าละเมาะที่เกิดเหตุดังกล่าว ต่อมาช่วงบ่ายของวันเดียวกัน ผู้ตายได้มาที่บริเวณที่บุคคลต่างด้าวอยู่ พร้อมกับได้นำอาวุธปืนและอาวุธมีด มาข่มขู่กลุ่มบุคคลต่างด้าวดังกล่าวเพื่อเรียกเอาเงิน กลุ่มดังกล่าวก็ได้รวบรวมเงินจำนวนหนึ่งมอบให้กับผู้ตาย แต่เมื่อได้เงินแล้ว ผู้ตายกลับพยายามนำตัวหญิงต่างด้าวคนหนึ่งไปด้วย กลุ่มผู้ก่อเหตุจึงพยายามไปช่วย และเข้าไปจับผู้ตายไว้ พร้อมกับได้รุมทำร้ายด้วยการใช้ไม้ทุบตีผู้ตายและมัดด้วยเถาวัลย์ พร้อมกับได้นำเอาโทรศัพท์ของผู้ตายไปโทรหานายหน้าของพวกตน ซึ่งต่อมานายจ้างได้จัดรถยนต์กระบะ ซึ่งขับโดยนายชิด โก โก้ เพื่อนำพาเอาบุคคลต่างด้าวทั้งหมดไปหลบซ่อนยังบ้านเช่าอีกที่หนึ่ง (ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมเมื่อวันที่ ๒ มิ.ย.๖๕) ต่อมาเวลาประมาณ ๒๒.๐๐ น. ของวันดังกล่าว กลุ่มผู้ก่อเหตุได้กลับไปยังบริเวณที่เกิดเหตุ เพื่อไปขุดหลุมและนำศพของผู้ตายไปฝังเพื่ออำพรางคดี รวมทั้งนำเอารถจักรยานยนต์ของผู้ตายเข็นไปทิ้งที่สระน้ำ จากนั้นจึงกลับไปยังบ้านเช่าดังกล่าว

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า เนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นคดีอุกฉกรรจ์ เป็นที่สนใจของสื่อมวลชนและประชาชน จึงได้มีการเร่งรัดการสืบสวนติดตามจับกุมคดีดังกล่าวโดยเร่งด่วน ขณะนี้ได้มีการจับกุมผู้ต้องหาได้บางส่วนแล้ว ในส่วนที่ยังหลบหนีอยู่จะมีการเร่งรัดการออกหมายจับและติดตามจับกุมเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย นอกจากนี้ในส่วนของขบวนการลักลอบนำพาบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองนั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการกวดขับจับกุมขบวนการดังกล่าวได้อย่างต่อเนื่องจะมีการขยายผลไปสู่การจับกุมขบวนการรวมทั้งเจ้าหน้าที่รัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการดังกล่าวเพื่อนำมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาใบเหลืองนายก อบจ.กาฬสินธุ์ ใบเหลือง 'ชานุวัฒน์ วรามิตร' ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาให้มีการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์ใหม่ หลังถูกร้องทีมบริหารและผู้ช่วยหาเสียงโพสต์เฟชบุ๊กประกาศเชิญชวนมาเอาป้ายหาเสียงก่อนวันเลือกตั้ง

เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 4 อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ ลต อบจ 1/2565 และคดีเหมายเลขแดงที่ 1528/2565 ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้ร้อง ขอให้ศาลสั่งให้มีการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์ใหม่ หลังจากนายชุมพล หลักคำ ผู้สมัครรับการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์ อำเภอยางตลาด เขตเลือกตั้งที่ 4 นายสุมินทร์ ภูดวงดอก ผู้สมัครรับการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์ อำเภอยางตลาดเขตเลือกตั้งที่ 3 และนางเฉลิมขวัญ หล่อตระกูล ผู้สมัครรับการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์ ยื่นคำร้องคัดค้านผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2563 ที่นายชานุวัฒน์ วรามิตร ได้รับคะแนนสูงสุดเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์ ว่า การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์ มิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม 

กรณีเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2563 นายชานุวัฒน์ ซึ่งเป็นผู้คัดค้าน ก่อ สนับสนุนหรือรู้เห็นเป็นใจให้ นายอนุชา สิงหะดี ซึ่งเป็นทีมงานบริหารและเป็นผู้ช่วยหาเสียงโพสต์ข้อความในบัญชีผู้ใช้เฟชบุ๊ก ชื่อ “อนุชา สิงหะดี Anucha singhadee” ด้วยข้อความว่า “ประกาศ พี่น้องในทุกพื้นที่ท่านใดอยากได้ป้ายผู้สมัครนายก อบจ.#เบอร์ 1 ชานุวัฒน์ วรามิตร ที่ติดตั้งอยู่ตามพื้นที่ต่างๆทั่วทั้งจังหวัดกาฬสินธุ์ ท่านสามารถรื้อนำเอาไปใช้ประโยชน์ได้ครับ หากท่านมีความประสงค์ เนื่องจากวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งทีมงานผู้สมัครทุกเบอร์ ก็กำลังดำเนินการเก็บป้ายครับ ซึ่งผู้ใช้เฟชบุ๊กอื่นๆตอบรับด้วยการโพสต์ข้อความแสดงความประสงค์ของแผ่นป้ายหาเสียงดังกล่าว

ทั้งนี้ศาลไต่สวนได้ความว่า นายอนุชาเป็นผู้ช่วยหาเสียงของผู้คัดค้าน โดยผู้คัดค้านได้มอบหมายให้นายอนุชา ทําหน้าที่ติดตามผู้คัดค้านไปพบปะประชาชนในพื้นที่ และเป็นพิธีกรในเวทีปราศรัยหาเสียงโฆษณา และให้นายอนุชาหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ อีกช่องทางหนึ่งด้วย บัญชีเฟซบุ๊กที่นายอนุชาโพสต์ข้อความดังกล่าวก็มีการตั้งค่าเป็นสาธารณะ ในการโฆษณาทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อหาคะแนนเสียงให้แก่ผู้คัดค้าน ด้วยข้อเท็จจริงดังกล่าว ข้างต้นย่อมฟังได้ว่า การกระทําของนายอนุชาที่โพสต์ข้อความตามคําร้องในบัญชีเฟซบุ๊กของตน มีความคาดหวังและหวังผลต่อจิตใจผู้ที่เข้ามาใช้ ได้เห็นหรือติดตามข้อมูลจากบัญชีเฟซบุ๊ก ของตนที่เป็นบุคคลในจังหวัดกาฬสินธุ์ ทั้งยังเป็นผู้ที่มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์ให้ลงคะแนนให้แก่ผู้คัดค้าน ที่เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์แล้ว

ส่วนที่นายอนุชาอ้างว่า ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา เมื่อเสร็จการเลือกตั้ง ผู้สมัครรับเลือกตั้งจะทิ้งป้ายหาเสียงทําให้เป็นภาระต่อหน่วยงานที่ต้องรับผิดชอบจึงโพสต์ข้อความดังกล่าว แต่ในการไต่สวนพยานผู้คัดค้านก็ปรากฏว่านายอนุชาทราบดีอยู่แล้วว่าผู้รับจ้างของผู้คัดค้านกําลังดําเนินการเก็บป้ายหาเสียง ของผู้คัดค้านอยู่แล้ว จึงไม่มีเหตุผลที่นายอนุชาต้องโพสต์ข้อความดังกล่าวเพื่อลดภาระของหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องการเก็บป้ายหาเสียงเลือกตั้ง และหากนายอนุซาต้องการให้บุคคล ที่ต้องการแผ่นป้ายหาเสียงไปใช้ประโยชน์ นายอนุชาก็สามารถรอให้ผู้รับจ้างเก็บป้ายหาเสียง เสร็จสิ้นก่อน และเมื่อการลงคะแนนเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์ และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์ผ่านพ้นไปแล้วก็ค่อยเสนอให้ป้ายหาเสียงเลือกตั้ง ของผู้คัดค้านแก่บุคคลทั่วไปมารับไปใช้ประโยชน์ก็ย่อมทําได้ ข้ออ้างของนายอนุชาจึงไม่มี / น้ำหนักรับฟัง พยานหลักฐานที่ได้ความจากการไต่สวน 

จึงมีหลักฐานอันสมควรเชื่อว่าการกระทํา ของนายอนุชาที่โพสต์ข้อความตามคําร้องในบัญชีเฟซบุ๊กของตนเป็นการแสดงเจตนาให้ แผ่นป้ายหาเสียงเลือกตั้งของผู้คัดค้านแก่ผู้ใช้เฟซบุ๊กซึ่งพบเห็นข้อความดังกล่าว อันเข้าลักษณะ เป็นการจัดทํา ให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์ อื่นใดอันอาจคํานวนเป็นเงินได้ให้แก่ผู้ใด เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ผู้คัดค้านอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 มาตรา 65 (2) 

โดยผู้คัดค้านได้รับประโยชน์ในการเลือกตั้งจากการกระทําของนายอนุชาอันเป็นเหตุให้การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ ผู้คัดค้านเกิดจากการเลือกตั้งที่มิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ตามพระราชบัญญัติ การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 มาตรา 108 วรรคสอง กรณีมีเหตุที่จะให้มีการเลือกตั้งใหม่ตามคําร้องของผู้ร้อง จึงพิพากษาให้มีการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์ใหม่ ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 มาตรา 108 วรรคสอง

รองฯ รอย ดอดเงียบทดสอบระบบ ศูนย์ป้องกันเหตุ ศปป.ตร.ใช้เทคโนโลยี 5G - เชื่อมโยงข้อมูล Real Time - บริหารเหตุวิกฤต

เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2565 (เวลา 11.30 น.) ที่อาคาร 1 ชั้น 7 ศูนย์บริหารงานป้องกันปราบปราม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ศปป.ตร.) พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.(ปป.),ผอ.ศปป.ตร.,พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผบช.รร.นรต.,ผู้ช่วย ผอ.ศปป.ตร.,พ.ต.อ ผดุงศักดิ์ รักษาสุข รอง ผบก.ภ.จว.จันทบุรี เป็นผู้ควบคุม ศปป.ตร. ได้ร่วมประชุมติดตามการทดลองการใช้ระบบต่างๆของ ศูนย์ฯ

พล.ต.อ.รอย กล่าวว่า“ศูนย์บริหารงานป้องกันปราบปราม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปป.ตร.)” จัดตั้งขึ้นตามนโยบาย ของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เพื่อให้เป็นศูนย์ "ควบคุมและบริหารงาน" ป้องกันปราบปรามของสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ "ทันกับสถานการณ์" มีการจัดเก็บรวบรวมข้อมูล สถิติ เพื่อนำไปวิเคราะห์และพัฒนางานป้องกันปราบปราม 

ตลอดจนเป็นศูนย์กลางในการ "เฝ้าติดตาม" การปฏิบัติหน้าที่ด้านการป้องกันปราบปราม สามารถ "เชื่อมต่อสัญญาณภาพสด" ในขณะปฏิบัติหน้าที่ จาก "กล้องประจำตัวเจ้าหน้าที่สายตรวจ" ,"กล้องติดรถยนต์สายตรวจ" จากเจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศ รวมถึง "กล้อง CCTV" ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ติดตั้งไว้ใน "หัวเมืองสำคัญ" พื้นที่แหล่งท่องเที่ยว รวมถึงจุดล่อแหลมต่าง ๆ ทั่วประเทศ มายัง ศปป.ตร. สามารถเฝ้าระวังเหตุ และ "บริหาร จุดตรวจ จุดสกัด ไม่ให้ซ้ำซ้อน" และปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และหากเกิด "เหตุวิกฤต" ด้านอาชญากรรม ศปป.ตร. สามารถ "ยกระดับ" การปฏิบัติเพื่อเป็นเครื่องมือในการบริหารสถานการณ์ให้กับผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติสามารถ "บริหารจัดการแก้ไขเหตุวิกฤต" นั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้มาสังเกตการณ์ พร้อมให้คำแนะนำเพิ่มเติมเรื่องการปฏิบัติและ "นำเทคโนโลยีส่วนขยาย" มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานและยังได้รับชมการสาธิตการปฏิบัติระหว่าง ศปป.ตร. กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ปฏิบัติการจริง โดยใช้ยุทธวิธีตำรวจสายป้องกันปราบปรามที่ได้รับการฝึกมาแล้ว

ด้าน พล.ต.ท.ธัชชัยในฐานะ ผู้ช่วย ผอ.ศปป.ตร. กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สนับสนุนกล้อวงจรปิดไปติดด่านทุกที่ทั่วประเทศนำร่องในเมืองใหญ่เพื่อสร้างโปร่งใสและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของตำรวจ และเชื่อมกล้องวงจรปิดมาที่ศูนย์ ศปป.ตร.โดยวันนี้ พล.ต.อ.รอย อิงคโพโรจน์ รองผบ.ตร.ได้มาตรวจความพร้อมและทดสอบท้องที่ สน.สำราญราษฎร์กับ สน.บางรัก เพื่อให้ทราบว่าผลการปฎิบัติจริงๆเป็นอย่างไร โดยใช้กล้องในการผสมผสานกัน ซึ่งแต่ละด่านจะมีกล้อง 4 ตัว เพราะแบ่งพื้นที่ 5 ส่วน ส่วนที่เพิ่มเข้ามาคือ วิทยุดิจิตอล ใช้ติดหน้าอกสายตรวจ เพื่อถ่ายทอดเข้ามาที่ ศปป.ตร.ทำให้เห็นเวลาที่สายตรวจเคลื่อนไปที่ต่างๆเพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการทำงาน และตำรวจสามารถนำข้อมูลมาบริหการจัดการได้ ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในการปฎิบัติ และเวลาประชาชนเข้ามาที่ด่านก็จะเกิดความอุ่นใจ ว่ามีการตรวจสอบติดตามตลอดเวลา และเป็นการเซฟเจ้าหน้าที่ปฎิบัติด้วย เวลามีเหตุอะไรสามารถประเมินสถานการณ์ได้ส่งกำลังเข้าไปช่วยได้ 

วิสุทธิ์ ลั่น นายก-รัฐมนตรีพาณิชย์ อย่าเป็นทองไม่รู้ร้อน เฉยเมยความทุกข์ยากประชาชน ข้าวถุงแพง ข้าวเปลือกถูก ประชาชนเจ็บปวด เดือนร้อนทั้งแผ่นดิน

นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยา และประธานคณะทำงานด้านการเกษตรพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีข้าวถุงประกาศปรับขึ้นราคาในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ ว่าการพาเรดขึ้นราคาสิ้นค้าหลายรายการจนนับไม่ถ้วนคือความไร้ประสิทธิภาพด้านการบริหารจัดการของรัฐบาล และกรณีการปรับขึ้นราคาข้าวถุงคือตัวอย่างที่ชัดเจนของความล้มเหลวนี้ เพราะ ‘ข้าว’ คือสินค้าที่รัฐบาลดูแลควบคุมราคาไว้ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำเบ็ดเสร็จด้วยตัวเอง แต่กลับปล่อยให้เกิดปัญหาซ้ำซากทุกข้อต่อของห่วงโซ่การผลิต ทำประชาชนทั้งแผ่นดินเดือดร้อน

นายวิสุทธิ์ กล่าวอีกว่า ข้าวเปลือกจากมือเกษตรกรต้นน้ำ ปรากฎราคาตกต่ำทีสุดในรอบ 10 ปี ขายได้ราคาเพียง 1 ใน 3 เมื่อเปรียบเทียบกับยุครัฐบาลไทยรักไทย รัฐบาลพลังประชาชน และรัฐบาลเพื่อไทยทำไว้ ในขณะที่องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ระบุราคาอาหารต้นน้ำทั่วโลก โดยเฉพาะข้าวสาลีมีราคาเพิ่มขึ้นเกือบ 40% แต่ชาวนาไทยปัจจุบัน ขายข้าวเปลือก 1 กิโลกกรัม ยังไม่พอซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 1 ห่อเท่านั้น มาจนถึงปลายน้ำ คือการควบคุมราคาขายข้าวสารในตลาด รัฐบาลก็ยังไม่สามารถทำให้ราคาลดลงหรืออย่างน้อยที่สุดอยู่ในระดับเดิม 

'พิธา' เคือง 'บิ๊กตู่’ หนีตอบปัญหาปากท้อง ชี้!! คนเดินดินกินข้าวแกงรอฟังอยู่

'พิธา' ตั้งกระทู้ถามสดปัญหาเศรษฐกิจฟุบเฟ้อ ชี้!! ‘ของแพง-ค่าแรงถูก’ เป็นเรื่องใหญ่และด่วน จี้!! นายกต้องตอบคำถามที่เกี่ยวข้องกับพี่น้องประชาชนด้วยตัวเอง ด้าน 'รองประธานสุชาติ' เห็นด้วย ฟาดแรง อย่าสั่งเหมือนทหาร สั่งแล้วไม่มีคนมาตอบสภาถือว่าไม่มีความรับผิดชอบ

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ถามสดกรณีปัญหาเศรษฐกิจฟุบเฟ้อต่อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า เป็นเรื่องใหญ่และกระทบกับพี่น้องประชาชนแต่ตัวนายกรัฐมนตรี กลับไม่ยอมมาตอบคำถาม เมื่อมอบหมายให้ สันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังมาตอบแทน แต่ก็มีการทำหนังสือขอเลื่อนตอบคำถามจากรัฐมนตรีช่วยอีก ทั้งที่ข้อบังคับสภาที่ 151 ระบุว่านายกรัฐมนตรีต้องเข้าร่วมประชุมสภา เพื่อตอบกระทู้ด้วยตนเอง เว้นมีเหตุจำเป็นนั้นให้แจ้งต่อประธาน และต้องกำหนดว่าจะมาตอบได้เมื่อใด และข้อกำหนดว่า 156 การตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจามีเงื่อนไขว่าต้องเป็นเรื่องสำคัญ เป็นเรื่องที่เร่งด่วน และเป็นเรื่องที่มีผลกระทบเป็นวงกว้าง ซึ่งเรื่องค่าครองชีพผันผวน รายได้ประชาชนหดหายเป็นเรื่องที่เข้ากับเงื่อนไขที่นายกต้องมาตอบ

“พี่น้องเกษตรกรลำบาก เติมน้ำมันดีเซลสองพันไม่กี่วันก็หมดถัง รถพุ่มพวงก็ได้รับผลกระทบโดยตรง นี่จึงเป็นเรื่องที่คนเดินดินกินข้าวแกงกำลังรออยู่ เรื่องของแพงค่าแรงถูก เป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรี จำเป็นที่จะต้องมาตอบคำถามทุกครั้ง”

จากนั้น สุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภา ซึ่งทำหน้าที่ประธานสภาในขณะนั้น กล่าวว่า เห็นด้วยกับข้อหารือของ พิธา และมองว่ามีเหตุผล เพราะตนเองก็เคยท้วงติงเรื่องนี้ไปยังนายกฯ และคณะรัฐมนตรีมาแล้วว่า การมอบหมายให้ใครมาตอบคำถามแทนต้องตรวจสอบว่ารัฐมนตรีมีความพร้อมหรือไม่

รัฐเล็งตั้ง ‘กระทรวงน้ำ’ ยกระดับบริหารจัดการ ‘วิกฤต-ความมั่นคงน้ำ’ แบบก้าวกระโดด

รัฐเล็งตั้ง ‘กระทรวงน้ำ’ เร่งยกระดับการบริหารจัดการน้ำภาพรวมแบบก้าวกระโดด มุ่งตอบความต้องการประชาชน รับการเผชิญวิกฤตและความมั่นคงน้ำที่ยั่งยืน 

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ ครั้งที่ 2 / 65 โดยที่ประชุมได้ร่วมพิจารณาให้ความเห็นและข้อเสนอแนะ ต่อผลการศึกษาโครงการวิจัยการศึกษานวัตกรรมเชิงระบบ โครงสร้างและกลไกการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ จาก สอวช.ที่ร่วมจัดทำกับ TDRI โดยสรุปภาพรวม แนวโน้มบริบทของน้ำในอนาคต มีความต้องการน้ำสูง ปริมาณมีความแปรปรวนสูงจากปัญหาสภาพอากาศ การใช้น้ำมีผลิตภาพต่ำ ใช้น้ำสิ้นเปลืองและน้ำต้นทุนไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำ ปัญหาการบริหารจัดการน้ำ ยังขาดเอกภาพและการบูรณาการที่เชื่อมโยงอย่างเป็นระบบ ทั้งอำนาจหน้าที่ แผนงาน โครงการและงบประมาณ มีหน่วยงานรับผิดชอบด้านน้ำมากเกินไป 

 



ทั้งนี้ หน่วยงานรัฐ ยังเน้นแก้ปัญหาด้วยการลงทุนก่อสร้าง และไม่ให้ความสำคัญกับการจัดการด้านความต้องการ พร้อมเสนอ การออกแบบ Roadmap การพัฒนานวัตกรรมเชิงระบบ เพื่อการบริหารจัดการน้ำ ที่ประชุมจึงเห็นชอบหลักการ ในการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับ สทนช. (สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ) ให้สามารถขับเคลื่อนภารกิจ เพื่อนำไปสู่การพัฒนา เป็นการจัดตั้ง ‘กระทรวง’ ในอนาคตต่อไป โดยขยายบทบาทให้ครอบคลุมทั้งมิติอุปสงค์และอุปทาน

รมว.สุชาติ ส่ง ผู้ช่วยรัฐมนตรี เปิดติวเข้มทีมสหวิชาชีพ มุ่งขจัดค้ามนุษย์ด้านแรงงานให้หมดสิ้นทุกมิติ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมาย ผู้ช่วยรัฐมนตรี 'สุรชัย' เปิดอบรมเจ้าหน้าที่รัฐผู้บังคับใช้กฎหมาย มุ่งยกระดับการทำงานร่วมกันเป็นทีมสหวิชาชีพ เพิ่มศักยภาพบังคับใช้กฎหมาย คุ้มครองสิทธิลูกจ้าง มุ่งขจัดปัญหาการบังคับใช้แรงงานและการค้ามนุษย์ด้านแรงงานทุกรูปแบบ 

วันที่ 23 มิถุนายน 2565 เวลา 09.30 น. นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาการบังคับใช้แรงงานและการค้ามนุษย์ด้านแรงงานแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ รุ่นที่ 2 ภาคบนบก โดยมีนายสุทธิ สุโกศล ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยนายวรรณรัตน์ ศรีสุขใส รองปลัดกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย  ณ โรงแรมดิเอมเมอรัลด์ ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพมหานคร 

นายสุรชัย กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน และนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้ให้ความสำคัญและมีความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาและขจัดการค้ามนุษย์ด้านแรงงานและการบังคับใช้แรงงานให้หมดสิ้นไปจากประเทศไทย เนื่องจากเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ซึ่งนับวันจะทวีความรุนแรงและมีความสลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้น 

นายสุรชัย กล่าวต่อว่า รัฐบาลได้ประกาศให้การป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์เป็นวาระแห่งชาติและกำหนดเป้าหมายหลักให้ประเทศไทยสามารถป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ได้อย่างยั่งยืน โดยได้จัดสรรงบประมาณตั้งแต่ปี 2560 - 2564 ยอดรวมทั้งสิ้นกว่า 4 พันล้านบาท เพื่อให้ผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ แรงงานเด็ก แรงงานบังคับ และกลุ่มเสี่ยงให้ได้รับการคุ้มครองช่วยเหลืออย่างเป็นระบบ การปรับปรุงและพัฒนากฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องและเพิ่มขีดความสามารถการบังคับใช้กฎหมายอย่างบูรณาการ ซึ่งถือเป็นกลไกหนึ่งที่จะผลักดันให้นโยบายดังกล่าวบรรลุผลสัมฤทธิ์ โดยการพัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งเป็นผู้บังคับใช้กฎหมายให้มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองแรงงานและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนการยกระดับการบูรณาการการทำงานร่วมกันในรูปแบบทีมสหวิชาชีพ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน เพื่อขจัดปัญหาการค้ามนุษย์ให้หมดสิ้นไปจากประเทศไทยในทุกมิติ 

‘โฆษกปชป.’ ป้อง ‘จุรินทร์’ ซัด ‘กรณ์’ อย่าโบ้ยทุกเรื่องให้ ‘ก.พาณิชย์’

‘โฆษกปชป.’ ป้อง ‘จุรินทร์’ ซัด ‘กรณ์’ เคยเป็น รมต.มาก่อนต้องรู้ดี หากใช้อำนาจตามอำเภอใจไม่รอดสักราย อย่าพูดเพื่อหวังผลทางการเมือง ทำให้ประชาธิปัตย์เสียหาย

(23 มิ.ย.65) นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า ระบุถึงของแพง โดยพุ่งเป้ามาที่กระทรวงพาณิชย์ ว่า... 

ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างช่วยกันทำงานอย่างเต็มที่ ทุกคนทำงานโดยยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง ถ้าถามกันแบบตรงไปตรงมาไม่มีนัยยะทางการเมือง เชื่อว่าประชาชนรู้ว่าในหลายเรื่องไม่ได้เป็นอำนาจเต็มของกระทรวงพาณิชย์ เช่นเรื่องราคาน้ำมัน ทุกคนที่เกี่ยวข้องก็หาทางช่วย หากมองกันด้วยความอคติต่อกระทรวงพาณิชย์ก็จะพยายามโยนมาที่กระทรวงพาณิชย์ 

ทั้งนี้ต้องย้ำว่าไม่ใช่จะปัดความรับผิดชอบหรือโยนกันไปมา แต่เรื่องราคาน้ำมันมีทั้งกฎหมายเฉพาะและคำสั่งเฉพาะของนายกรัฐมนตรีกำหนดไว้ให้เป็นหน้าที่ของกระทรวงพลังงาน 

และ ตาม พ.ร.บ.คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง รวมถึงคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ระบุอำนาจเฉพาะไว้ชัด ในเรื่องการคำนวณราคาและกำหนดราคา ณ หน้าโรงกลั่น ราคาส่ง-ปลีก ในเรื่องราคาคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ต้องเป็นผู้ที่กำหนด เพราะมีหลายเรื่องที่ต้องพิจารณา ไม่ใช่อยู่ ๆ กระทรวงพาณิชย์จะไปกำหนดควบคุมราคาเสียเอง และ กบง.รมว.พลังงานเป็นประธานจะทำอย่างไร จะมีไว้ทำไม กระทรวงพาณิชย์จะทำตามอำเภอใจไม่ได้ แต่มีสิ่งใดที่อยู่ในกรอบอำนาจหน้าที่พร้อมทำอย่างเต็มที่อยู่แล้ว

‘วัดกลางคลองฯ’ สร้างโบสถ์ 10 ปี ยังไม่เสร็จ เจ้าอาวาส บอกวัดเล็ก ๆ ไร้เกจิ คนไม่สนใจ

เจ้าอาวาสวัดกลางคลองวัฒนาราม สร้างโบสถ์ด้วยตนเองกว่า 10 ปี ยังสร้างไม่เสร็จ เผย เป็นวัดเล็ก ๆ ไร้พระเกจิ คนจึงไม่รู้จัก

วันที่ (22 มิ.ย.) สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านพบเห็นพระสงฆ์ วัดกลางคลองวัฒนาราม ต.เจ้าเจ็ด อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา มุมานะสร้างโบสถ์ด้วยตนเอง น่าชื่นชมเป็นอย่างมาก จึงเดินทางไปตรวจสอบ

พบว่าภายในวัดกลางคลองวัฒนาราม กำลังมีการก่อสร้างโบสถ์ ขณะเดียวกันยังได้พบ พระใบฎีกาเอกลักษณ์ อาภสฺสโร เจ้าอาวาสวัด กำลังตกแต่ง พ่นสีผนัง ภายในโบสถ์ ขนย้ายอุปกรณ์ตั้งนั่งร้าน ซึ่งเป็นกิจวัตรประจำวันที่ทำทุกวัน

พระใบฎีกาเอกลักษณ์ อาภสฺสโร อายุ 39 ปี เจ้าอาวาสวัด กล่าวว่า โบสถ์ของวัดถูกน้ำท่วมชำรุดเสียหาย ตนเองมารับตำแหน่งเจ้าอาวาสตั้งแต่ พ.ศ. 2555 จึงริเริ่มที่คิดจะสร้างโบสถ์ให้ยกพื้นสูง เพราะที่วัดเป็นที่ราบลุ่มถูกน้ำท่วมทุกปี วัดนี้เป็นวัดเล็ก ๆ ไม่มีเกจิอาจารย์ ไม่ค่อยมีใครรู้จัก เริ่มต้นด้วยการทอดผ้าป่า ทอดกฐิน รวบรวมเงินมา รื้อโบสถ์ ตอกเสาเข็ม ทำฐานรากให้แข็งแรง โดยใช้เวลาประมาณ 5 ปี ในการทำโครงสร้าง ทำบ้างหยุดบ้างเพราะไม่มีทุนทรัพย์ พอทอดกฐิน ทอดผ้าป่า ญาติโยมถวายเงินมาพอรวบรวมเป็นก้อนได้ ก็ค่อย ๆ ทำมาเรื่อย ๆ ลงมือทำเอง จ้างชาวบ้าน จ้างช่างรายวันมาทำ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top