Sunday, 19 May 2024
Hard News Team

“แรมโบ้” ยืนยัน “บิ๊กตู่”รับฟังความเห็นทุกฝ่ายหากมีความจริงใจ ไม่ใช่ผู้หลบหนีคดีไปต่างประเทศ เตือน “อนุสรณ์” ปกป้องนายใหญ่ออกนอกหน้าจะพาเพื่อไทยเดือดร้อน

เมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ.2564 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ตอบโต้ตนเองที่พูดถึงนายทักษิณ ชินวัตร หรือ  อดีตนายกรัฐมนตรี ที่พูดผ่านคลับเฮาส์ ขอย้ำว่า การออกมาพูดของนายทักษิณ เป็นการพูดเอาแต่ดีใส่ตัวโยนชั่วให้คนอื่น เพราะในสถานการณ์ที่ประเทศกำลังเกิดวิกฤตโควิด-19  ซึ่งนายกฯ และรัฐบาล ทำงานอย่างหนัก แต่นายทักษิณกลับอาศัยจังหวะนี้ออกมาพูดแบบนี้ ที่ผ่านมานายทักษิณ พรรคเพื่อไทย ก็ออกมาพูดแต่ตำหนิ กล่าวโจมตีนายกฯไม่หยุด ออกมาพูดเพื่อเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น หรือหวังผลทางการเมือง

“ ที่ผ่านมานายทักษิณ พรรคเพื่อไทย หรือแม้แต่นายอนุสรณ์เองก็ออกมาพูดกล่าวโจมตีนายกฯไม่หยุด ไม่เคยเลยที่จะช่วย หรือพูดดี ให้กำลังใจรัฐบาล แบบนี้จะให้คิดได้อย่างไรว่านายทักษิณแสดงความจริงใจกับนายกฯ อย่างแท้จริง” นายเสกสกลกล่าว

นายเสกสกลกล่าวว่า ยืนยันว่านายกฯพร้อมรับฟังข้อเสนอจากทุกฝ่าย หากบุคคลเหล่านั้นมีความจริงใจที่แท้จริงตั้งแต่ต้น ไม่เป็นบุคคลที่หลบหนีคดีไปต่างประเทศ ทั้งนี้นายกฯก็บอกแล้วว่าอย่ามาถามถึงคนที่ไม่ได้อยู่ในประเทศไทย ไม่รู้เรื่องของนายทักษิณ ดังนั้นก็ขอให้นายอนุสรณ์เข้าใจด้วย และอย่าออกมาปกป้องนายใหญ่ จนออกนอกหน้า เกินความพอดี เพราะเป็นถึงรองหัวหน้าพรรค หากมีพฤติกรรมเช่นนี้ก็ขอให้ระวังว่าคนจะเข้าใจผิดได้ว่านายทักษิณ เป็นหัวหน้าพรรคตัวจริงของพรรคเพื่อไทย ซึ่งอาจทำให้พรรคเพื่อไทยลำบากได้เพราะมีรองหัวหน้าพรรคเช่นนายอนุสรณ์ 

"นายอนุสรณ์คงหวังว่านายใหญ่อาจจะให้รางวัลตอบแทนหรือเปล่า เพราะเห็นใครแตะต้องนายทักษิณหรือนางสาวยิ่กษณ์สองคนนี้เมื่อไร นายอนุสรณ์คนเดียวที่รีบกระโดดงับ ออกมาปกป้องทันที ก็ขอแสดงความยินดีล่วงหน้ากับรางวัลโบนัสที่นายใหญ่ทั้งสองอาจจะมอบให้กับนายอนุสรณ์"นายเสกสกลกล่าว

ประกันสังคม เตือนนายจ้างแจ้งเข้า-ออกลูกจ้างให้ตรงตามกำหนด

สำนักงานประกันสังคม เตือนนายจ้างแจ้งขึ้นทะเบียนลูกจ้างทุกครั้ง ที่ลูกจ้างมีการแจ้งเข้าทำงาน ภายใน 30 วัน และแจ้งออกจากงาน ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดจากที่มีการเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริง โดยส่งข้อมูลผ่าน www.sso.go.th เพื่อความสะดวก รวดเร็วแก่นายจ้าง

นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน กล่าวถึง การติดตามนายจ้างให้แจ้งขึ้นทะเบียนและแจ้งการสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตนให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 ว่า สำนักงานประกันสังคมได้ดำเนินการกับนายจ้างที่ไม่ได้แจ้งขึ้นทะเบียนและแจ้งสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตนภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดอย่างเคร่งครัด โดยกฎหมายได้กำหนดให้นายจ้าง ซึ่งมีลูกจ้างทำงานในสถานประกอบการตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป ต้องแจ้งขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน (สปส.1-03) โดยนายจ้างที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ให้ยื่นแบบได้ที่ สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ 

สำหรับนายจ้างที่มีสำนักงานใหญ่ในส่วนภูมิภาค ให้ยื่นแบบขึ้นทะเบียนได้ที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัด/สาขา ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ นายจ้างมีหน้าที่ขึ้นทะเบียนลูกจ้างภายใน 30 วัน นับจากวันที่รับลูกจ้างเข้าทำงาน กรณีที่มีลูกจ้างลาออกจากงาน ให้นายจ้างยื่นแบบแจ้งการสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตน (สปส.6-09) พร้อมระบุสาเหตุการออกจากงาน หรือกรณีที่ผู้ประกันตนเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริง ให้นายจ้างยื่นแบบแจ้งการเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงผู้ประกันตน (สปส.6-10) ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดจาก ที่มีการเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริง ทั้งนี้ นายจ้างสามารถทำธุรกรรมงานทะเบียนผู้ประกันตนผ่านระบบ e-service ได้ที่ www.sso.go.th

เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวในตอนท้ายว่า สำนักงานประกันสังคม ได้มีมาตรการ ดำเนินการกับนายจ้างที่ไม่ได้แจ้งการแจ้งขึ้นทะเบียนและแจ้งสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตนไม่ตรงตามกฎหมายกำหนด โดยออกหนังสือเชิญพบ หากพบนายจ้างมีเจตนายังหลีกเลี่ยง จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จึงขอความร่วมมือให้นายจ้างปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ผู้ประกันตนได้รับประโยชน์สูงสุ

เว็บไซต์ CNN Travel ได้เปิดการจัดอันดับเมนูอาหารที่รสชาติยอดเยี่ยมจากทั่วโลก 50 เมนู และผลสำรวจ ยกให้อาหารที่รสชาติดีที่สุดคือ ‘แกงมัสมั่น’ จากประเทศไทย

เว็บไซต์ CNN Travel ได้เปิดการจัดอันดับเมนูอาหารที่รสชาติยอดเยี่ยมจากทั่วโลก 50 เมนู และผลสำรวจ ยกให้อาหารที่รสชาติดีที่สุดคือ ‘แกงมัสมั่น’ จากประเทศไทย ขณะเดียวกัน ยังพบว่า ‘ต้มยำกุ้ง’ หนึ่งในเมนูดังของไทย ยังติดอันดับที่ 8 ด้วย

 

สำหรับ 10 อันดับ อาหารจานเด็ดจากทั่วโลก ได้แก่

1.) แกงมัสมั่น จากประเทศไทย

2.) Neapolitan pizza จากอิตาลี

3.) ช็อกโกแลต จากเม็กซิโก

4.) ซูชิ จากญี่ปุ่น

5.) เป็ดปักกิ่ง จากจีน

6.) แฮมเบอร์เกอร์ จากเยอรมนี

7.) Penang assam laksa จากมาเลเซีย

8.) ต้มยำกุ้ง จากประเทศไทย

9.) Ice cream, global

10.) ไก่มูอัมบา จากกาบอง

นอกจากนี้ อาหารที่คนไทยคุ้นเคย อย่าง ‘ส้มตำ’ ยังติดอันดับที่ 46 โดย และ CNN Travel ยังยกให้ประเทศไทย เป็นดินแดนที่มีการขายอาหารที่อร่อยที่สุดในโลกเกือบทุกมุมถนนอีกด้วย

ที่มา : https://edition.cnn.com/travel/article/world-best-food-dishes/index.html


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

ททท.พร้อม “เราเที่ยวด้วยกัน - ทัวร์เที่ยวไทย” เปิด พ.ค.นี้

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ยังคงเป้าหมายการเปิดให้ประชาชนเริ่มจองสิทธิโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ระยะที่ 3 และทัวร์เที่ยวไทย ในช่วงกลางเดือน พ.ค.64 ต่อไป แต่ก็ต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ควบคู่ไปด้วย เพราะแม้จะเปิดจองได้ตามกำหนด 

แต่ในระยะสั้นนักท่องเที่ยวไทยก็ยังไม่สามารถออกเดินทางได้เต็มที่ เนื่องจากคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อในหลาย ๆ จังหวัดมีมาตรการควบคุมการเดินทาง เช่น ถ้าเดินทางมาจากพื้นที่สีแดง 18 จังหวัด จะต้องกักตัว 14 วัน จึงอาจทำให้หลายคนยังไม่เดินทาง 

อย่างไรก็ตาม ททท. หวังว่าทุกอย่างน่าจะเรียบร้อยภายในเดือน เม.ย.นี้ และเกิดการเดินทางได้ในเดือน พ.ค.นี้ เพื่อเปิดให้ประชาชนจองสิทธิทั้ง 2 โครงการได้ในช่วงกลางเดือน พ.ค.นี้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมระบบร่วมกับธนาคารกรุงไทย เพื่อเริ่มเปิดจองสิทธิทั้ง 2 โครงการเพื่อให้เกิดการเดินทางจริง 

ส่วนจะเป็นวันที่เท่าไรนั้น ยังต้องรอดูอีกที เพราะมีประเด็นเรื่องการเชื่อมต่อข้อมูลระบบสแกนใบหน้ากับทางกระทรวงมหาดไทยตามมติของ ครม. ที่ต้องเชื่อมต่อให้แล้วเสร็จก่อน ถึงจะเคาะวันเปิดจองสิทธิอย่างเป็นทางการได้ ด้านการเปิดให้ผู้ประกอบการบริษัทนำเที่ยวลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการทัวร์เที่ยวไทย น่าจะเริ่มลงทะเบียนได้ภายในสิ้นเดือน เม.ย.นี้

กิ๊ฟมีสปอร์ต (givemesport) เว็บไซต์ข่าวสารวงการกีฬา ยกย่องให้ ตระกูลศรีวัฒนประภา เจ้าของทีม เลสเตอร์ เป็นเจ้าของทีมที่ดีที่สุดใน พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้

กิ๊ฟมีสปอร์ต (givemesport) เว็บไซต์ข่าวสารวงการกีฬา ยกย่องให้ ตระกูลศรีวัฒนประภา เจ้าของทีม เลสเตอร์ เป็นเจ้าของทีมที่ดีที่สุดใน พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ เพราะทั้งให้ความสำคัญกับแฟนบอลและบริหารทีมได้ดีจนทำให้มีผลงานที่โดดเด่น

กิ๊ฟมีสปอร์ต (givemesport) เว็บไซต์ข่าวสารวงการกีฬารายหนึ่ง ยกย่องให้ตระกูลศรีวัฒนประภา เจ้าของทีม เลสเตอร์ ซิตี้ เป็นเจ้าของทีมที่ดีที่สุดของศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำฤดูกาล 2020-21

ประเด็นเรื่องเจ้าของทีมในวงการฟุตบอลเมืองผู้ดีถูกหยิบขี้นมาพูดถึงอย่างมากในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หลังจากที่ผู้บริหารของ 6 ทีมดังจาก พรีเมียร์ลีก อันประกอบไปด้วย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, อาร์เซน่อล, เชลซี และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เคยคิดที่จะให้ทีมของพวกเขาไปร่วมจัดรายการ ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีก มาชนกับฟุตบอลถ้วยในช่วงกลางสัปดาห์ของสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) ซึ่งมันก็ทำให้ผู้บริหารของทีมเหล่านั้นโดนตำหนิอย่างหนักจนต้องถอนตัวจากโปรเจ็กต์ในเวลาต่อมา

กิ๊ฟมีสปอร์ต บอกว่าสาเหตุที่พวกเขาให้ตระกูลศรีวัฒนประภาเป็นอันดับ 1 ในชาร์ตนี้นั้น ก็เพราะพวกเขาให้ความสำคัญกับแฟนบอลอย่างแท้จริง, ลงทุนกับสโมสรอย่างเต็มที่ และทำการเสริมทัพได้ยอดเยี่ยม แถมยังตาถึงจากการเอา เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เข้ามาคุมทีมด้วย จนทำให้ตอนนี้ทีมกำลังมีลุ้นได้โควตาเล่นศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลหน้า

สำหรับอันดับ 2 ในชาร์ตดังกล่าวคือ เกา กวนฉาง มหาเศรษฐีชาวจีนที่เป็นเจ้าของ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ตามด้วย นาสเซฟ ซาวิรี่ กับ เวส เอเดนส์ เจ้าของทีม แอสตัน วิลล่า

ทั้งนี้ มีเจ้าของทีมจากทีมใหญ่ติด 10 อันดับแรกเพียงคนเดียว นั่นคือ ชีคห์ มันซูร์ บิน ซาเย็ด อัล นาห์ยาน เจ้าของทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่อยู่ในอันดับ 7 โดย โรมัน อับราโมวิช บิ๊กบอส เชลซี อยู่ที่ 11, แดเนี่ยล เลวี่ ของ สเปอร์ส อยู่ในอันดับ 15, สแตน โครเอ็นเก้ ของ อาร์เซน่อล อยู่ที่ 18, จอห์น ดับเบิ้ลยู เฮนรี่ บิ๊กบอส ลิเวอร์พูล อยู่อันดับ 19 ขณะที่ตระกูลเกลเซอร์ เจ้าของทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่ในอันดับ 20 หรืออันดับสุดท้าย

 

อันดับเจ้าของทีม พรีเมียร์ลีก ที่ดีที่สุดประจำฤดูกาล 2020-21 ตามการจัดของ กิ๊ฟมีสปอร์ต

1.) ตระกูลศรีวัฒนประภา (เลสเตอร์)

2.) เกา กวนฉาง (วูล์ฟส์)

3.) นาสเซฟ ซาวิรี่ และ เวส เอเด็นส์ (แอสตัน วิลล่า

4.) โทนี่ บลูม (ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน)

5.) ฟาร์ฮัด โมชิรี่ (เอฟเวอร์ตัน)

6.) อันเดรีย ราดริซซานี่ (ลีดส์)

7.) ชีคห์ มันซูร์ บิน ซาเย็ด อัล นาห์ยาน (แมนฯ ซิตี้)

8.) เกา จีเฉิง (เซาธ์แฮมป์ตัน)

9.) ไล่ กั๋วฉวน (เวสต์บรอมฯ)

10.) ชาฮิด ข่าน (ฟูแล่ม)

11.) โรมัน อบราโมวิช (เชลซี)

12.) สตีฟ แพริช, จอช แฮร์ริส และ เดวิด บลิตเซอร์ (คริสตัล พาเลซ)

13.) อับดุลลาห์ บิน มูซัด บิน อับดูลาซิว อัล ซาอุด (เชฟฯ ยูไนเต็ด)

14.) อลัน เพซ (เบิร์นลี่ย์)

15.) แดเนี่ยล เลวี่ (สเปอร์ส)

16.) เดวิด โกลด์ และ เดวิด ซัลลิแวน (เวสต์แฮม)

17.) ไมค์ แอชลี่ย์ (นิวคาสเซิ่ล)

18.) สแตน โครเอ็นเก้ (อาร์เซน่อล)

19.) จอห์น ดับเบิ้ลยู เฮนรี่ (ลิเวอร์พูล)

20.) ตระกูลเกลเซอร์ (แมนฯ ยูไนเต็ด)

 

ที่มา : https://www.siamsport.co.th/football/kingpower/view/234191

https://www.givemesport.com/1679399-premier-league-club-owners-ranked-from-worst-to-best-after-super-league-mess


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

"รองโฆษก ปชป." ประนามผู้ไม่หวังดี หยุดปั้นเฟคนิวส์ สร้างความหวาดกลัวตระหนกตกใจในสถานการณ์โควิด-19

นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่าจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ที่ยังมีจำนวนผู้ติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง ที่ทำให้ประเทศอยู่ในวิกฤตสาธารณสุขและหลายครอบครัวต้องเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจไปอย่างควบคู่กัน เป็นที่น่าเสียใจว่าในขณะที่ทุกฝ่ายกำลังช่วยกันเร่งแก้ปัญหา กับมีบุคคลบางกลุ่มไม่หวังดี ซ้ำเติมประเทศชาติในรูปแบบของ Fake News ที่ล้วนแต่สร้างความเสียหายและทำให้สังคมสับสน และนำไปสู่การสร้างความตื่นตระหนกและทำให้สถานการณ์บางอย่างเลวร้ายไปกว่าเดิม ซ้ำเติมปัญหาให้มากขึ้นไปอีก 

โดยนางดรุณวรรณ ได้กล่าวต่อว่าแม้การระบาดได้เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมาต่อเนื่องมาถึงปัจจุบันและรุนแรงขึ้นกว่าเดิม กลุ่มคนที่ไม่หวังดีก็ยังมีพฤติกรรมในการสร้าง Fake News คือข้อมูล ข้อความ หรือข่าวอันเป็นเท็จหลอกลวงหรือบิดเบือนจากข้อเท็จจริงมาโดยตลอดตัวอย่างล่าสุดเช่นเรื่องการปล่อยข่าวลวงเรื่อง ศบค. ประกาศเคอร์ฟิว เวลา 23.00 – 04.00 น. ในพื้นที่สีแดง 18 จังหวัด หรือการแพร่ระบาดบริเวณร้านอาหารย่านเยาวราช มีผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในพื้นที่เป็นจำนวนมากทำให้มีผู้ที่หลงเชื่อแชร์ข่าวต่อกันไปอีกเป็นจำนวนมาก สร้างความเสียหายให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ยังมีเฟคนิวส์รูปแบบต่าง ๆ เช่นการพาดหัวข่าวทำให้เกิดความเข้าใจผิด การเขียนข่าวหรือทำคอนเทนต์โดยจงใจให้เกิดความเข้าใจผิด การมโนที่มา อ้างอิงไปยังบุคคลหรือแหล่งข่าวด้วย ทั้ง ๆ ที่เขียนโดยคิดหรือมโนขึ้นมาเอง หรืออ้างว่าเป็นข่าวลือในองค์กรที่น่าเชื่อถือ  แต่สิ่งที่น่ากังวลคือการปลอม หรือตัดต่อ หากไม่สังเกตให้ดีจะดูไม่ออก เพราะการตัดต่อรวมถึงการตัดต่อภาพ เสียง วิดีโอ หรือแม้กระทั่งการเอาโลโก้ของสำนักข่าวที่น่าเชื่อถือมาใส่ แต่ขั้นที่รุนแรงที่สุดของ Fake News คือการมโนทุกอย่าง ปลอมข่าวขึ้นมา เช่น ปลอมเป็นเว็บสำนักข่าวดัง ถือว่าร้ายแรงมาก เนื่องจากทำให้คนเข้าใจผิดว่าเป็นสำนักข่าวนั้น ๆ 

“ขอประนามผู้ที่กระทำไม่ว่าจะทำขึ้นมาด้วยวัตถุประสงค์ใดก็ตาม ถือเป็นผู้ที่ผู้ไม่หวังดีกับประเทศชาติ และสมควรได้รับการลงโทษตามกฎหมาย โดยเฉพาะการปล่อย Fake News ในพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ฉุกเฉิน และขอให้กระทรวงดิจิทัลฯ ช่วยติดตามสอดส่องอย่างเข้มข้น และที่สำคัญที่อยากฝากไว้สำหรับทุกคนคือ #ไม่แชร์ถ้าไม่ชัวร์ คือไม่ควรแชร์หรือส่งต่อข้อมูลที่ไม่ชัวร์ ที่ตัวเองไม่มั่นใจ โดยเฉพาะข้อมูลที่ไม่มีแหล่งข่าวอ้างอิงปรากฎชัดเจน ที่สำคัญคือหากรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลเท็จ แต่ยังส่งต่อข้อความนั้น กฎหมายก็กำหนดให้ “ผู้ส่งต่อ” มีความผิดและได้รับโทษเช่นเดียวกันกับผู้นำเสนอข่าวเท็จดังกล่าวด้วย” นางดรุณวรรณ กล่าว

นางดรุณวรรณ ยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า ในส่วนของประชาชนก็ควรมีส่วนในการตรวจสอบข่าวปลอมร่วมกันกับภาครัฐด้วย ข้อมูลใดที่ไม่แน่ใจสามารถตรวจสอบได้ผ่านแหล่งข้อมูลของภาครัฐ หรือศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมของประเทศไทย สำหรับข่าวที่มีผลกระทบต่อสังคมในวงกว้าง ควรเสพสื่อหรือฟังข่าวจากหน่วยงานที่เป็นผู้ให้ข่าวอย่างเป็นทางการ ซึ่งภาครัฐเองในปัจุบันโดย ศบค. ก็ได้มีความพยายามในการสื่อสารข่าวด้วยความรวดเร็ว ชัดเจนมากขึ้นแล้ว ในขณะเดียวกันหากประชาชนได้รับข้อมูลที่รวดเร็ว แม่นยำ ก็จะช่วยลดความตระหนกตกใจ ไม่กังวล จนทำให้ต้องไปแสวงหาข้อมูลด้วยตนเองด้วยเช่นกัน

หน.ศปม. ส่งรถทหาร 10 คัน ช่วยภารกิจลำเลียงผู้ป่วยประเภทสีเขียว ไปส่งรพ.สนาม สั่งแสตนบายอีก 20 คัน

เมื่อวันที่ 22 เม.ย. พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (หน.ศปม.) กล่าวถึงกรณีที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้นำรถทหาร เข้ามาช่วยในการลำเลียงผู้ป่วยโควิด-19 ว่า จะเข้ามาสนับสนุนในส่วนผู้ป่วยประเภทสีเขียว คือที่แพทย์ได้วินิจฉัยแล้วว่ามีผลเป็นบวก แต่อาการไม่มาก โดยจะเคลื่อนย้ายจากโรงพยาบาล ที่ผู้ป่วยได้เข้ารับการตรวจ และเอ็กซเรย์ปอดวินิจฉัยแล้วเข้าข่ายผู้ป่วยประเภทสีเขียว ไปส่งยังโรงพยาบาลสนาม

เบื้องต้นจนถึงขณะนี้ กองทัพได้สนับสนุนรถทหาร ในภารกิจแล้ว 10 คัน ตามแผนจะใช้ประมาณ 30 คัน โดยจะเป็นรถพยาบาล ของกองพันเสนารักษ์รวมถึงรถสองตอน ที่ต้องแยกระหว่างคนขับกับผู้ป่วยออกจากกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะดำการในกรุงเทพมหานครเป็นหลัก


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

ผลกระทบข้างเคียงฉีดวัคซีนโควิด ล่าสุดพบสาวมะกัน วัย 18 ปี อาการโคม่า! หลีงฉีดวัคซีนโควิดฯ ‘จอห์นสันฯ’ แพทย์ผ่าสมอง 3 รอบยื้อชีวิต พบสาเหตุลิ่มเลือดอุดตัน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ผลกระทบข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ขนานต่าง ๆ ยังคงถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ล่าสุด ผู้ใช้วัคซีนขนานของบริษัท “จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน” ในสหรัฐฯ ทราบชื่อภายหลังว่า น.ส.เอ็มมา เบอร์คีย์ อายุ 18 ปี พำนักอาศัยอยู่ในย่านคลาร์กเคาน์ตี นครลาสเวกัส รัฐเนวาดา ประเทศสหรัฐฯ เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน ในเส้นเลือดดำบริเวณสมอง หรือซีวีเอสที ภายหลังจากเข้ารับการฉีดวัคซีนขนานนี้ เมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา

รายงานข่าวแจ้งว่า เอ็มมา ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล และมีอาการโคม่า จนทางคณะแพทย์ต้องผ่าตัดเพื่อรักษาอาการเส้นเลือดดำอุดตันบริเวณสมอง โดยมีรายงานว่า คณะแพทย์ต้องดำเนินการผ่าตัดถึง 3 ครั้ง ซึ่งในเวลานี้ น.ส.เบอร์คีย์ สามารถออกจากห้องไอซียู และถอดเครื่องช่วยหายใจได้แล้ว หลังจากอาการดีขึ้นอย่างช้า ๆ อย่างไรก็ตาม คนไข้รายนี้ยังคงต้องใส่ท่อหลอดลมที่คอ

รายงานระบุว่า เอ็มมาฉีดวัคซีนของจอห์นสันโดสแรกเมื่อวันที่ 1 เม.ย. และผ่านไปราว 1 สัปดาห์จึงมีอาการ ส่งผลให้ครอบครัวต้องเร่งพาไปโรงพยาบาลเซนต์โรส โดมินิกัน ในเมืองเฮนเดอร์สัน แต่เพราะอาการวิกฤตจึงต้องนำตัวขึ้นหน่วยบินแพทย์ฉุกเฉินเพื่อส่งไปโรงพยาบาลโลมา ลินดา ในนครลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย

เอ็มมา เบอร์คีย์ ถือเป็น 1 ใน 6 ราย ที่เข้ารับการฉีดวัคซีนขนานของบริษัท “จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน” แล้วเกิดผลกระทบข้างเคียงด้วยภาวะลิ่มเลือดอุดตัน


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

.

กลุ่มอุตสาหกรรมเหล็กชี้ความต้องการเหล็กโลกสูงขึ้นสวน “โควิด-19” เหตุจีนฟื้นตัว ทำให้ปริมาณผลิตตามไม่ทัน ส่งผลราคาเหล็กทั่วโลกพุ่ง เชียร์รัฐหนุนใช้สินค้าเหล็ก “Made in Thailand” ช่วยฟื้นเศรษฐกิจ

นายนาวา จันทนสุรคน ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ ไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ในช่วงต้นปี 2564 นี้ อุตสาหกรรมเหล็กโลกในภาพรวมมีการปรับตัวในทิศทางบวก โดยทั้งโลกมีผลิตเหล็กปริมาณเฉลี่ยกว่า 150 ล้านตันต่อเดือน เพิ่มขึ้น 6.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 โดยทวีปเอเชียมีการผลิตเหล็กเพิ่มขึ้น 10.1% แต่ทวีปอเมริกาเหนือ สหภาพยุโรป มีการผลิตเหล็กถดถอย -7.1% และ -3.7% ตามลำดับ

แม้การผลิตเหล็กของโลกมีปริมาณมากขึ้น แต่ก็ไม่เพียงต่อความต้องการใช้เหล็กที่ปรับตัวขึ้นมากกว่า โดยคาดว่าทั้งปี 2564 ความต้องการใช้เหล็กของโลกจะเพิ่มเป็น 1,874 ล้านตัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศจีนซึ่งผลิตและใช้เหล็กมากที่สุดราว 55% ของโลก ในปี 2563 จีนต้องนำเข้าสินค้าเหล็กจากประเทศต่าง ๆ มากถึง 18.3 ล้านตัน เพิ่มเป็น 6 เท่าจากปี 2562 โดยสินค้าเหล็กที่จีนนำเข้าสูงสุด 3 ลำดับแรก คือ เหล็กแผ่นรีดร้อน 9.9 ล้านตัน เหล็กแผ่นรีดเย็น 3.8 ล้านตัน เหล็กแผ่นเคลือบ 2.4 ล้านตัน ส่งผลให้สินค้าเหล็กดังกล่าวที่จีนแย่งซื้อในตลาดโลกขาดแคลนและราคาสูงขึ้นมาตลอด โดยในปีนี้จีนยังมีความต้องการใช้เหล็กเพิ่มต่อเนื่อง อย่างไตรมาสแรก เพิ่มขึ้น 52% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และคาดว่าทั้งปี 2564 จะมีความต้องการใช้เหล็กราว 1,025 ล้านตัน

 

จีนฟื้นหนุนตลาดเหล็กคึกคัก

เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน ซึ่งรัฐบาลจีนตั้งเป้าผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (จีดีพี) ปี 2564 เติบโต 6.0% แต่เชื่อว่าเศรษฐกิจของจีนสามารถเติบโตได้ถึง 8.2% - 9.5% เพราะจากข้อมูลดัชนีทางเศรษฐกิจ การลงทุนของจีนช่วงต้นปี 2564 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เติบโตขึ้นอย่างมหาศาล เช่น การลงทุนในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเขตเมืองเติบโต 38.3% การลงทุนในอุตสาหกรรมต่อเนื่องเติบโต 34.1% การผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้น 89.9% เป็นเฉลี่ยเดือนละ 1.93 ล้านคัน การลงทุนในระบบรางเพิ่มขึ้น 52.9% การลงทุนในระบบถนนเพิ่มขึ้น 30.7% การลงทุนในด้านการบินพลเรือน เพิ่มขึ้น 84.5% เป็นต้น ส่งผลให้จีนผลิตเหล็กไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้

แม้จีนได้เร่งเพิ่มการผลิตเหล็กในช่วงต้นปีนี้ แต่โรงงานเหล็กในจีนจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในนครถังซาน ซึ่งถือเป็นเมืองแห่งอุตสาหกรรมเหล็กที่มีกำลังการผลิตเหล็กดิบมากกว่า 144 ล้านตัน จำเป็นต้องลดการผลิตลงราว 50% ระหว่างช่วงฉุกเฉิน มี.ค.-มิ.ย. และบางโรงงานต้องลดการผลิตไปจนถึงสิ้นปี 2564 ตามมาตรการของรัฐบาลจีนในการควบคุมและลดมลภาวะทางอากาศ ซึ่งจะทำให้ภาวะปริมาณเหล็กไม่พอเพียงต่อความต้องการของจีนทวีความรุนแรง มีแนวโน้มยืดเยื้อไปถึงสิ้นไตรมาสที่ 3 ทำให้ราคาสินค้าเหล็กในทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ เช่น ประเทศจีน ราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนเมื่อกลางปี 2563 ต่ำสุดอยู่ที่ตันละ 420 ดอลลาร์ แต่ขณะนี้ราคาเสนอขายสูงขึ้นเป็น 2.2 เท่า ระหว่าง 910-925 ดอลลาร์ต่อตัน หรือในสหรัฐอเมริกา ราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนขึ้นสูงสุดในโลกถึงกว่า 1,400 ดอลลาร์ต่อตัน เป็นต้น

นายนาวา กล่าวว่า อุตสาหกรรมเหล็กของประเทศไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดในปี 2563 ซึ่งการบริโภคสินค้าลดเหลือ 16.5 ล้านตัน โดยมีอัตราการบริโภคเหล็กของคนไทย 248 กก.ต่อคนต่อปี ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลกที่ 229 กก.ต่อคนต่อปี แต่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของเอเชียที่ 299 กก.ต่อคนต่อปี โดยรัฐบาลไทยสามารถดูแลปัญหาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ต่ออุตสาหกรรมก่อสร้างได้ดี ประกอบกับอุตสาหกรรมยานยนต์ และอื่น ๆ เริ่มฟื้นตัว

ดังนั้น ปี 2564 ตลาดเหล็กของไทยจึงฟื้นและปรับตัวตามตลาดโลกด้วย คาดว่าปริมาณความต้องการใช้เหล็กของไทยจะเพิ่มขึ้น 5-7% เป็น 17.3-17.7 ล้านตัน ทั้งนี้ การใช้เหล็กภายในประเทศไทยจะเป็นภาคการก่อสร้างมากสุด 57% ตามด้วยอุตสาหกรรมยานยนต์ 22% อุตสาหกรรมเครื่องจักรกล 9% อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า 8% และอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์โลหะ 5%

 

ผู้ผลิตเหล็กไทยชี้รัฐมาถูกทาง

นายนาวา กล่าวว่า กลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก ส.อ.ท. มั่นใจว่านโยบายที่รัฐบาลได้ขับเคลื่อนมาแล้ว หากสามารถผลักดันให้หน่วยราชการปฏิบัติได้ผลจริงจะส่งผลบวกอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย ได้แก่

1.) การส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์เหล็กที่ผลิตในประเทศที่ได้ขึ้นทะเบียน “Made in Thailand” กับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ตามมติคณะรัฐมนตรี 1 ก.ย.2563 และกฎกระทรวงการคลัง ณ วันที่ 22 ธ.ค.2563 เรื่องกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน พ.ศ.2563 ให้สามารถดำเนินการได้อย่างจริงจัง จากงบประมาณรายจ่ายปีละกว่า 3.3 ล้านล้านบาท สามารถจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่ผลิตในประเทศได้หลายแสนล้านบาท

ทั้งนี้ ผลการศึกษาวิจัยโดยมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุว่า อุตสาหกรรมเหล็กมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของไทย ทั้งในส่วนของการผลิต มูลค่าจีดีพี มูลค่าและจำนวนการจ้างงาน โดยสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจอื่น ๆ ในห่วงโซ่อุปทาน หากส่งเสริมการใช้สินค้าเหล็กที่ผลิตในประเทศไทยมากขึ้นจะช่วยสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนทำให้จีดีพีของประเทศเพิ่มขึ้นได้อีก 0.66% ถึง 0.75% จากการเติบโตปกติ

2.) การออกมาตรการทางกฎหมายการตอบโต้การหลบเลี่ยงมาตรการทางการค้า ซึ่ง พ.ร.บ.การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ ฉบับที่ 2 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ พ.ย. 2562 และใช้เวลาอีกปีกว่าจึงเพิ่งมีประกาศกระทรวงพาณิชย์ และประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว เมื่อ มี.ค. 2564 โดยหวังให้กระทรวงพาณิชย์จะสามารถบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว และนำไปปฏิบัติได้ผลอย่างจริงจังและทันต่อเหตุการณ์

และ 3.) ขอให้รัฐบาลพิจารณาขยายผลให้โครงการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน (Public Private Partnership : PPP) ต่าง ๆ เช่น โครงการรถไฟฟ้า โครงการทางด่วน โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง เป็นต้น ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนรวมกันอีกนับล้านล้านบาท ส่งเสริมการใช้เหล็กที่ผลิตในประเทศไทยด้วยเช่นกัน เพื่อก่อให้เกิดการจ้างงานและการหมุนเวียนเศรษฐกิจภายในประเทศไทย


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

“จุรินทร์” ไม่วิเคราะห์นายกฯ ออกคำสั่งส่ง “ธรรมนัส” คุมปักษ์ใต้ ชี้ทุกคนอ่านออก แต่ “วิษณุ” แจ้งที่ประชุม ครม.แล้วว่าจะแก้ไขให้ใหม่จึงต้องรอดู

วันที่ 22 เมษายน พ.ศ.2564 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่การประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อ 20 เมษายนที่ผ่านมา ที่ที่ประชุมรับทราบคำสั่งนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้รัฐมนตรี รับผิดชอบงาน ภายใต้แนวคิดการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับพื้นที่จังหวัด เพื่อให้การพัฒนา และแก้ไขปัญหาระดับจังหวัดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีการมอบหมายให้ร้อยเอกธรรมนัส พรมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไปดูแลจังหวัดใหญ่ ๆ ในภาคใต้ ทั้งสงขลา ,นครศรีธรรมราช และภูเก็ต 

ทั้งที่ก่อนหน้านี้ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้ดูแล ว่าตนไม่ขอตอบตรงนี้ และไม่ขอไปวิเคราะห์ เพราะคิดว่าทุกคนก็สามารถเข้าใจได้ไม่ต่างกัน  เพียงแต่ว่านายวิษณุ  เครืองาม  รองนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีแล้วว่าจะมีการแก้ไขปรับเปลี่ยนให้มีความเหมาะสม เพราะฉะนั้นก็ต้องรอตรงนั้นก่อน ซึ่งความจริงรัฐมนตรีหลายท่านก็เหมือนที่ปรากฏเป็นข่าว คือจะมีส่วนในการรับผิดชอบพื้นที่ที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอยู่

แต่ในส่วนของประชาธิปัตย์รัฐมนตรีหลายท่านก็ไม่ได้เข้าไปดูแลในพื้นที่ตรงนั้น ตัวอย่างเช่นกรณีของนายนิพนธ์ ที่เป็นอดีต ส.ส.สงขลา ดูแลพื้นที่จังหวัดสงขลา และนครศรีธรรมราช แต่ก็มีการปรับเปลี่ยนให้ไปดูแลจังหวัดตรัง ละสตูล หรือแม้แต่นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์คนใหม่ และส.ส.สุราษฎร์ธานี ก็ไม่ได้ดูแลพื้นที่ตนเอง แต่ได้ดูแลพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด และหนองบัวลำภู หรือแม้แต่นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่เป็นอดีต ส.ส.พิษณุโลก ก็ไม่ได้ดูแลจังหวัดพิษณุโลก และไปดูแลจังหวัดอำนาจเจริญ ยโสธร และพัทลุงแทน

“แต่ทั้งหมดนี้เมื่อนายวิษณุ เครืองามรองนายกรัฐมนตรีในที่ประชุมชี้แจงว่าจะมีการปรับเปลี่ยนให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้นต่อไปก็ต้องรอว่าจะเป็นอย่างไร” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top