Saturday, 28 June 2025
Hard News Team

อนุสรณ์ ชี้ ให้ประชาชนลงไปช่วยเข็นรถ แต่ตัวเองขอนั่งขับต่อทั้งที่สร้างปัญหามาก ตรรกะมีปัญหา

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ชักชวนคนไทยลงไปช่วยกันเข็นรถ แต่ตัวเองขอนั่งขับรถต่อสบายใจทั้งที่สร้างปัญหามาก ว่า สะท้อนทัศนคติ ตรรกะวิธีคิดของพล.อ.ประยุทธ์ ที่เมื่อมีปัญหามักจะปัดความรับผิดชอบ หรือโยนความผิดให้กับบุคคลอื่นไว้ก่อนหรือไม่ ความจริงถ้าพล.อ.ประยุทธ์ รู้ตัวว่าขับรถไม่เป็นหรือไม่ชำนาญก็ไม่ควรไปแย่งชิงการขับรถมาจากคนขับรถคนก่อน ซึ่งขับได้ดีและตั้งใจขับรถมาโดยตลอด  ผลงานการขับรถของพล.อ.ประยุทธ์ ยากที่ใครจะทำได้เหมือน ทั้งขับผิดทิศ ผิดทาง ขับเข้ารกเข้าพง ไม่รู้ว่าหันหัวรถไปทางไหน รถกำลังจะดิ่งลงเหวยังไม่รู้ตัว ทุกตัวชี้วัดสะท้อนว่า พล.อ.ประยุทธ์ ล้มเหลว หนี้สาธารณะพุ่งเกิน 60% ของจีดีพี ทะลุ 10 ล้านล้านบาท จนต้องขยายเพดานหนี้เป็น 70% ของจีดีพี หนี้ครัวเรือนทะลุเกิน 90% ของจีดีพี เกือบทะลุ 15 ล้านล้านบาท นำพาประเทศชาติและประชาชนไปอยู่ในสภาพ ประเทศหนี้ล้น ประชาชนหนี้ท่วม ปัญหาความเหลื่อมล้ำที่ประเทศไทยเหลื่อมล้ำสูงที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของโลก รวยกระจุก จนกระจาย ดัชนีคอร์รัปชันไทยตกต่ำคอร์รัปชันรุนแรงต่อเนื่อง 8 ปี ผลสัมฤทธิ์การศึกษาไทยตกต่ำลง ขณะที่ความเหลื่อมล้ำสูงขึ้นเรื่อย ๆ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องตั้งสติ สำรวจตัวเองว่า ไม่มีความสามารถแก้ปัญหา หรือท่านเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาเสียเอง ตำแหน่งใหญ่กว่าความสามารถท่านหรือไม่ ไม่ว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะประเมินตัวเองอย่างไร แต่ประชาชนได้สะท้อนผ่านโพลว่าความเชื่อมั่นของพล.อ.ประยุทธ์ ตกต่ำมากที่สุดตั้งแต่ยึดอำนาจมา 8 ปี 

'อลงกรณ์' หารือญี่ปุ่นขยายความร่วมมือการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเกษตรสู่เกษตรมูลค่าสูง

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายณฐกร สุวรรณธาดา คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสมศักดิ์ วิวิธเกยูรวงศ์ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายเกษตร) ประจำกรุงโตเกียว และคณะเดินทางถึงเมืองอิบารากิวันนี้ (1มิถุนายน)เพื่อหารือความร่วมมือกับองค์กรวิจัยด้านการเกษตรและอาหารแห่งประเทศญี่ปุ่น (National Agricultural and Food Research Organization: NARO) ณ จังหวัดอิบารากิ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยด้านพืชและปศุสัตว์ของกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงญี่ปุ่น (MAFF) โดยมี ดร.มาซูมิ คัตสุตะ (Dr.Masumi  Katsuta)รองประธาน NARO และทีมงานให้การต้อนรับ พร้อมบรรยายสรุปเกี่ยวกับงานวิจัยด้านการเกษตร ปศุสัตว์ เทคโนโลยีการปรับปรุงพันธุ์พืชและสัตว์ การพัฒนาเครื่องจักรกลทางการเกษตร ฯลฯ 

‘หม่อมปลื้ม’ ปลื้ม!! เดินหน้าโครงการเหมืองโปแตซ ยก ‘สุริยะ’ ตัวจริงพาฉลุย!! แนะอย่าแคร์เอ็นจีโอแขวะ

ถือเป็นความเคลื่อนไหวจากภาครัฐ โดยเฉพาะผลงานที่ถูกขับเคลื่อนโดยกระทรวงอุตสาหกรรม จนทำให้พิธีกรฝีปากกล้าอย่าง ‘หม่อมปลื้ม’ หม่อมหลวงณัฏฐกรณ์ เทวกุล ผู้ดำเนินรายการ ‘The Daily Dose’ ที่ออกมาเชียร์ให้รัฐบาลเดินหน้าสุดซอยกับโครงการเหมืองโปแตซ โดยหม่อมปลื้มได้ลงรายละเอียด ระบุว่า...

ข่าวดี!! ครม.อนุมัติ ‘เอเชีย แปซิฟิค’ บริษัทในเครืออิตาเลียนไทย เดินหน้าเหมืองโปแตซ อุดรฯ ลงทุน 3.6 หมื่นล้านบาท เตรียมให้ประทานบัตร กำลังการผลิตปีละ 2 ล้านตัน เพื่อลดการพึ่งพาปุ๋ยต่างประเทศเสียที

ทุกวันนี้ประเทศไทยนำเข้าปุ๋ยปีละ 4 ล้านตัน มูลค่า 60,000 ล้านบาท เป็นปุ๋ยโปแทชเซียมประมาณ700,000 ตัน คิดเป็น 9,000 ล้านบาทต่อปี ทั้ง ๆ ที่ประเทศไทยมีศักยภาพในการผลิตโปแตซเซียมสูงมาก ซึ่งคาดว่าไทยมีสำรองแร่โปแตชสูงสุดเป็นอันดับ 4 ของโลกอยู่ที่ 400,000 ล้านตัน รองจากแคนาดา, เบลารุส และเยอรมนี

สำหรับพื้นที่พบแร่โปแตชขนาดใหญ่ในไทยมี 2 แหล่ง คือ ‘แอ่งสกลนคร’ ประกอบด้วย จังหวัดสกลนคร, หนองคาย, อุดรธานี และ นครพนม

และ ‘แอ่งโคราช ประกอบด้วย จังหวัดขอนแก่น, กาฬสินธุ์, มหาสารคาม, ร้อยเอ็ด, ยโสธร, อุบลราชธานี, ศรีสะเกษ, นครราชสีมา และ ชัยภูมิ

แน่นอนว่าตอนนี้ ‘กระทรวงอุตสาหกรรม’ ได้อนุมัติประทานบัตรให้กับเอกชน 2 ราย คือ บริษัท ไทยคาลิจำกัด จ.นครราชสีมา และ บริษัท อาเซียนโปแตชชัยภูมิ จำกัด (มหาชน) จ.ชัยภูมิ เพื่อเข้ามาดำเนินโครงการเหมืองโปแตซ ที่จะนำไปสู่การผลิตปุ๋ยใช้เองในประเทศได้แล้ว

โดยล่าสุดกระทรวงอุตสาหกรรมเสนอโครงการเหมืองแร่โปแตช จ.อุดรธานี ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเมื่อวันที่ (28 มิ.ย.) ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นโครงการของบริษัท เอเซีย แปซิฟิค โปแตชคอร์ปอเรชั่น จำกัด (เอพีพีซี) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์จำกัด (มหาชน) หรือ ไอทีดี ซึ่งเข้าไปซื้อกิจการบริษัทเอเซีย แปซิฟิค โปแตช คอร์ปอเรชั่นจำกัด เมื่อปี 2549

สำหรับเรื่องของการเคาะโครงการเหมืองโปแตช ‘อุดร’ นั้น นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ครม.เห็นชอบโครงการเหมืองแร่โปแตช จ.อุดรธานี ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ โดยขั้นตอนจากนี้กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ จะไปเร่งออกประทานบัตร เพื่อเป็นประโยชน์ในการแก้ปัญหาการขาดแคลนปุ๋ยช่วยเหลือเกษตรกรต่อไป

ถึงตรงนี้ ผมขอปรบมือให้ครับ!! โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับรัฐมนตรีอย่างคุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และ คุณสมศักดิ์ เทพสุทิน

เขา 2 คนเป็นคนที่อยู่เงียบๆ แต่ทำงานจริง เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการอนุมัติโครงการสำคัญต่อประเทศ อย่างโครงการเหมืองโปแตซนี้ ที่ได้รับการอนุมัติจากคุณสุริยะ มันสำคัญมากๆ

(กลับมาที่เนื้อหาต่อ) ทั้งนี้ในส่วนของโครงการเหมืองแร่โปแตช จังหวัดอุดรธานี ถือเป็นเหมืองแร่ขนาดใหญ่โดยเหมืองดังกล่าว มีแผนการผลิต 2 ล้านตันต่อปี โดยประเมินว่า จะมีปริมาณการผลิตตลอดอายุโครงการ 25 ปี อยู่ที่ 33.67 ล้านตัน เบื้องต้นมีมูลค่าการลงทุนของโครงการประมาณ 36,000 ล้านบาท โดยที่ผ่านมา บริษัท เอเซีย แปซิฟิค โปแตช คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้ยื่นขอประทานบัตรไปแล้ว

ที่ผ่านมากระทรวงอุตสาหกรรมได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน และส่วนราชการตามกฎหมายถึงโครงการดังกล่าวแล้ว รวมทั้งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยังได้พิจารณารายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมแล้วด้วย ซึ่งก็พบว่าเป็นไปตามข้อกำหนด ดังนั้นจึงได้เสนอเข้ามาใน ครม. เพื่อพิจารณาเห็นชอบ

หลังจากโครงการเหมืองแร่โปแตช จังหวัดอุดรธานี ได้ผ่านการเห็นชอบจาก ครม.แล้ว ขั้นตอนต่อไปจะไปเร่งออกประทานบัตร ซึ่งภาคเอกชนก็อยากทำไห้เร็ว คาดว่า อย่างเร็วที่สุดภายใน 6 เดือน หรือ 1 ปีก็คงเริ่มต้นดำเนินการได้ โดยจะค่อยๆ เริ่มทำไป ซึ่งเหมืองแร่แห่งนี้มีปริมาณการผลิตอยู่ที่ 2 ล้านตันต่อปี

ส่วนอีก 2 บริษัทที่ได้รับประทานบัตรทำเหมืองแล้ว คือ บริษัท เหมืองแร่โปแตชอาเซียน จำกัด (มหาชน) จังหวัดชัยภูมิ อยู่ระหว่างให้กระทรวงการคลังดำเนินการเริ่มการเพิ่มทุน ขณะที่บริษัท ไทยคาลิ จำกัด จังหวัดนครราชสีมา อยู่ระหว่างการขุดอุโมงค์เพื่อเริ่มทำเหมืองตามขั้นตอน แต่ยังไม่ได้เปิดการทำเหมืองได้ โดยในส่วนของกำลังการผลิตเหมืองโพแทชในประเทศไทยทั้งหมด หากสามารถเปิดเหมืองทั้ง 3 แห่งได้นั้น จะอยู่ที่ 3.2 ล้านตันต่อปีเลยทีเดียว

'EA x NEX' โชว์เหนือด้วยนวัตกรรมสุดล้ำในงาน FTI Expo 2022 ณ จ.เชียงใหม่

'EA x NEX' โชว์เหนือด้วยนวัตกรรมสุดล้ำในงาน FTI  Expo 2022 ณ จ.เชียงใหม่

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและคณะ เยี่ยมชมบูธ 'EA x NEX' โดยมีคุณสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทพลังงานบริสุทธิ์ หรือ EA ให้การต้อนรับเข้าชมบูธ ภายในงานมหกรรมแสดงสินค้าและนวัตกรรมอุตสาหกรรมไทย - FTI Expo 2022 โดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติ จ.เชียงใหม่ 

'ไทยสร้างไทย' วอนรัฐเห็นใจผู้ค้าหวย ‘รายย่อย-เปราะบาง’ ถูกตัดสิทธิไม่เป็นธรรม

กลุ่มผู้ค้าสลากรายย่อย ร้อง ‘ไทยสร้างไทย’ โวยรัฐจ้องจัดการแต่ผู้ค้ารายย่อย ปัดต้นเหตุทำหวยแพง รองโฆษกย้ำไม่คัดค้านสลากดิจิทัล อ้อนขอความเห็นใจกลุ่มเปราะบางด้วย

(1 ก.ค.65) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย น.ส.เกณิกา ตาปสนันท์ รองโฆษกพรรคไทยสร้างไทย รับหนังสือร้องเรียนจากกลุ่มผู้ค้าสลากเสรีรากหญ้าทั่วประเทศ นำโดยนายสำอาง ซ่อนกลิ่น นายสุมิตร เลอเกียรติวรกุล ซึ่งนำตัวแทนยื่นหนังสือถึงปัญหาความเดือดร้อนจากการเปลี่ยนนโยบายขายสลากกินแบ่งรัฐบาล

ตัวแทนผู้ค้าสลาก เปิดเผยถึงปัญหาในการค้าสลาก ซึ่งคนตัวเล็กถูกรังแกจากมาตรการต่าง ๆ ของทางสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยอ้างว่าผู้ค้าสลากขายเกินราคาไม่ทำตามกฎระเบียบ แม้ผู้ค้าจะพยายามดำเนินการตามมาตรการต่าง ๆ แต่คนตัวเล็กก็ยังถูกตัดสิทธิ์ ทั้งจากสถานการณ์โควิด และระเบียบต่าง ๆ อยากถามไปยังกองสลากว่า เหตุใดจึงต้องตั้งธงในการมาตัดสิทธิ์ผู้ค้ารายย่อยที่มีสลากไปอยู่ในแพลตฟอร์มต่าง ๆ โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตมีสาเหตุมากมายทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ รวมถึงกลุ่มเปราะบางผู้สูงอายุผู้พิการทั้งหลายที่ถูกตัดสิทธิ์โดยไม่สนใจความเดือดร้อน

สิ่งที่กองสลากเคยรับปากโร้ดแมปดังกล่าวไว้กลับไม่ดำเนินการ ทำให้ผู้ค้าสลากรายย่อยถูกตัดสิทธิ์ประมาณ 5หมื่นราย หรือถ้าในครัวเรือนก็เกือบ 2 แสนคน จึงมาร้องเรียนกับพรรคไทยสร้างไทยให้ช่วยประสานงาน ดูแลกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ได้มีเจตนาในการกระทำความผิด ไม่มีการไต่สวนข้อเท็จจริง ขอให้ผู้มีอำนาจช่วยให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายด้วย สลากแพงเกินราคาไม่ได้มาจากผู้ค้ารายย่อย ซึ่งมีกำไรเพียงเดือนละ 4,000-5,000 บาท ที่จะมาเป็นผู้กำหนดราคา ซึ่งรัฐบาลก็ทราบถึงปัญหาและต้นตอที่จำเป็นต้องไปจัดการ แต่ที่ผ่านมากลับไม่เป็นเช่นนั้น ผู้มีอำนาจมาไล่กดดันกับผู้ค้าคนตัวเล็ก ซึ่งถือว่าไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง

‘ครูเป็ด’ ให้ข้อคิด ‘ฟืนเปียก’ จุดไม่ติดก็ต้องทิ้ง แล้วเก็บไม้ขีดจุดฟืนที่พร้อมลุกโชนเป็นไฟดีกว่า

กลายเป็นอีกกระแสบนโลกโซเชียล หลังจากคุณครูท่านหนึ่งได้ออกมาตัดพ้อถึงความเป็นครูที่นักเรียนไม่แม้แต่เคารพ พร้อมเผยภาพให้เห็นข้อความหยาบคายจากเด็กนักเรียนที่ไม่พอใจ เดินตรงไปเขียนกระดานดำว่า ‘ควาย’ หลังถูกครูผู้สอนยึดโทรศัพท์มือถือกลางห้องขณะเรียน พร้อมเนื้อหาระบุว่า…

เมื่อเข้าห้องสอน บอกให้เก็บโทรศัพท์ เริ่มเข้าเนื้อหา ก็บอกให้เก็บโทรศัพท์ ทบทวนเนื้อหา ก็บอกให้เก็บโทรศัพท์ รอบที่ 3 ฉันเดินเข้าไปยึดโทรศัพท์ และบอกให้มาสอบเพื่อแลกเอาโทรศัพท์คืน (คะแนนไม่มีสักช่อง) นักเรียนลุกขึ้นยืนและเดินผ่านหน้าดิฉัน เดินผ่านดิฉันขณะสอนอยู่ เพื่อนนั่งฟังอยู่ และเดินไปทางกระดานดำ หยิบชอล์กขึ้นมาเขียน แล้วเดินกลับไป

ตอนส่งงานเอางานที่จดไม่ครบ ไม่เสร็จมาส่ง ดิฉันบอกว่า งานไม่ครบนะ อุตส่าห์เอาสมุดเพื่อนที่ครบมาเปิดให้ดู แต่นักเรียนไม่ดู เอื้อมมือมาหยิบโทรศัพท์และเดินสะพายกระเป๋าออกไป ม.1 ขนาดนี้ ต่อไปขนาดไหน #ครูไม่มีสิทธิดุเด็ก #ครูไม่มีสิทธิตีเด็ก #ครูไม่มีสิทธิแสดงกริยาท่าทางไม่เหมาะสมหรือรุนแรงกับเด็ก #ครูต้องเป็นผู้มีสติละวางอารมณ์ให้ได้ #ครูต้องไม่พูดจารุนแรงกับเด็ก #ครูต้องมีจรรยาบรรณ #ใช่ค่ะครูต้องเป็นผู้รู้ผู้เบิกบาน #แต่ฉันก็เป็นคนผู้หนึ่งที่มีความโลภโกรธหลงมีจิตใจเช่นกัน” 

นับตั้งแต่เรื่องราวดังกล่าวถูกแชร์ก็มีคนแห่เข้ามาให้กำลังใจคุณครูกันอย่างล้นหลาม หนึ่งในนั้น คือ นายมนต์ชีพ ศิวะสินางกูร หรือ ‘ครูเป็ด’ สมาชิกพรรคสร้างอนาคตไทย ที่ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในฐานะที่เป็นครูเหมือนกัน โดยระบุว่า... 

‘พิธา’ ฝาก!! เป็นนายกฯ วันแรกจะเซ็นเลิกขาว 3 ด้าน หลัง 'ก้าวไกล' พ่ายโหวต 'ทวงคืนทรงผมตำรวจ'

(1 ก.ค. 65) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้า การประชุมร่วมกันของรัฐสภา ได้พิจารณาร่างพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. ... ซึ่งเป็นการพิจารณาครั้งที่ 6 โดยเริ่มจากมาตรา 120 ซึ่งภาพรวมการพิจารณาเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จนกระทั่งเวลา 10.35 น. มาตรา 143 ระบุว่า ให้อำนาจฝ่ายบริหารออกกฎกระทรวง กำหนดลักษณะ ชนิด และประเภทของเครื่องแบบตำรวจ โดยพ.ต.ต.ชวลิต เลาหอุดมพันธ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) เสียงข้างน้อย ได้สงวนความเห็นเพิ่มวรรคสอง ระบุว่า... 

ข้าราชการตำรวจทุกเพศ มีสิทธิ เสรีภาพ ในการไว้ผมสั้นหรือยาวก็ได้โดยสุภาพเรียบร้อย การออกกฎระเบียบ คำสั่ง ให้จำกัดสิทธิเสรีภาพได้เท่าที่จำเป็น เพื่อความสุภาพเรียบร้อยเท่านั้น จะเห็นว่าไม่ได้เป็นการให้สิทธิเสรีภาพทรงผม แต่ยังคงให้อำนาจฝ่ายบริหารจำกัดสิทธิเสรีภาพตำรวจในการไว้ทรงผมได้เท่าที่จำเป็น เพราะทรงผมสุภาพเรียบร้อยมีหลายทรงไม่ใช่แค่ทรงขาวสามด้าน การที่ตนเสนอวรรคนี้เพื่อให้ระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยการปฏิบัติตนของข้าราชการตำรวจ เมื่อแต่งกายชุดข้าราชการตำรวจ พ.ศ.2561 ข้อที่ให้ข้าราชการตำรวจชายต้องตัดผมสั้นด้านข้างขาวทั้ง 3 ด้าน ด้านบนยาวได้ไม่เกิน 3 ซม. ที่ออกโดยพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. ให้มีผลถูกยกเลิกไปโดยปริยาย เป็นการทวงคืนทรงผมให้ตำรวจ 

ส่วนเหตุผลที่ต้องเสนอเพิ่มในร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ เนื่องจากประเด็นนี้สำคัญเกี่ยวกับการปฏิรูปตำรวจ เพื่อปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีขึ้นครอบคลุมทุกมิติ เป็นการเปลี่ยนแปลงให้สิทธิความเป็นธรรมแก่คนหน้างาน การทวงคืนทรงผมถือเป็นการปฏิรูป เดิมผู้บังคับบัญชาใช้อำนาจสั่งการจำกัดสิทธิผู้ใต้บังคับบัญชาเกินความจำเป็น ทำให้อึดอัดทำลายคุณค่า ทำลายความมั่นใจ ซึ่งเป็นปัญหา จึงต้องปรับปรุงให้เกิดสิ่งที่ดีขึ้น

“ผมเคยอยู่ทันคำสั่งทรงผมบ้าบอ ๆ ของผบ.ตร.เป็นปี ๆ ก่อนจะลาออกมา ผมเห็นปัญหาต่าง ๆ ขององค์กรตำรวจมาตลอด ข้องใจมาตลอดว่าระบบราชการทำไมห่วยขนาดนี้ โดยเฉพาะตำรวจแย่กว่าองค์กรอื่น ๆ ยิ่งมีรัฐประหาร ยิ่งทำให้องค์กรตำรวจย่ำแย่หนัก คำสั่งทรงผมขาว 3 ด้าน ช่วงแรกที่สั่งมาตำรวจไม่ทำตามยื้อมาได้ครึ่งปี ผบ.ตร.ที่บ้าอำนาจไม่สามารถบังคับได้ สุดท้ายใช้วิธีเชือดไก่ให้ลิงดู เอาตำรวจกลุ่มหนึ่งไปธำรงวินัย แล้วทำไอโอส่งไปตามกลุ่มไลน์ตำรวจให้เกิดความกลัว เป็นบรรยากาศของการถูกบังคับสิทธิในเนื้อตัวร่างกาย ความคิดสร้างสรรค์ในองค์กรหดหาย ซึ่งตำรวจไม่ใช่ต้องทำตามคำสั่งจากความหวาดกลัวของคนหัวโบราณ” พ.ต.ต.ชวลิต กล่าว

‘จิราพร’ ชี้ ‘บิ๊กตู่’ ติดกับดักกม. สมัยรัฐประหาร แถมไร้ฝีมือบริหาร ทำกองทุนน้ำมันขาดเสถียรภาพ

‘จิราพร’ ชี้ ‘ประยุทธ์’ ติดกับดักกฎหมายสมัยรัฐประหาร ทำกองทุนน้ำมันขาดเสถียรภาพ คนไทยต้องใช้น้ำมันแพงเดือดร้อนถ้วนหน้า

นางสาวจิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 กล่าวถึง การพิจารณางบประมาณฯ เมื่อวันที่ (29 มิ.ย. 65) ว่าภายหลังการชี้แจงของกระทรวงพลังงาน  พบว่า ในสมัยรัฐบาล คสช. ซึ่งมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติที่มาจากการแต่งตั้ง ได้ออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2562 ซึ่ง มาตรา 26 ของ พ.ร.บ.ฉบับนี้ กำหนดให้กองทุนต้องมีเงินเพื่อใช้ในการบริหารจัดการอยู่ไม่เกิน 40,000 ล้านบาท ส่วนที่เก็บได้เกินจากจำนวนที่กำหนดต้องนำส่งเข้าคลัง ซึ่งการจำกัดเพดานวงเงินกองทุนน้ำมันเช่นนี้กลายเป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้สถานะกองทุนไม่แข็งแรงพอ เกิดปัญหาในการบริหารจัดการ เมื่อเกิดวิกฤตราคาน้ำมัน จึงส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของคนไทยทุกคน

‘ก้าวไกล’ กังขา รบ.ปล่อยบินรบรุกล้ำน่านฟ้าไทย จี้ ตอบให้ชัด เกี้ยเซี้ยะ ‘มิน อ่อง หล่าย’ หรือไม่

‘ก้าวไกล’ กังขา รัฐบาลไทยปล่อย มิก-29 บินล่วงล้ำน่านฟ้าไทย หลังแม่ทัพภาค 3 ประชุมร่วม มิน อ่อง หล่าย จี้ตอบให้ชัด กองทัพอากาศไทยและรัฐบาลปล่อยให้ลุกล้ำอธิปไตยไทยได้อย่างไร

มานพ คีรีภูวดล ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ สัดส่วนชาติพันธุ์ พรรคก้าวไกล พร้อมด้วย คำพอง เทพาคำ ,องค์การ ชัยบุตร และ ประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ออกแถลงการณ์เรียกร้องรัฐบาลรับผิดชอบและชี้แจงเหตุการณ์เครื่องบินรบมิก-29 รุกล้ำน่านฟ้าของไทย บริเวณบ้านวาเล่ย์ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก เป็นระยะเวลากว่า 20 นาที เมื่อวันที่ (30 มิ.ย. 65) ผ่านมา  

มานพ กล่าวว่า กรณีนี้มีประเด็นสำคัญ 3 ข้อ ที่รัฐบาลและกองทัพไทยต้องให้ความสำคัญและตอบคำถามต่อประชาชน ประการแรก ในระยะเวลา 3 รอบ ที่มีการบินเข้ามารุกล้ำอธิปไตยและน่านฟ้าไทย ใช้เวลารวมกันนานถึง 20 นาที ต่างจากที่กองทัพอากาศชี้แจงว่าส่งเครื่องบินไปลาดตระเวนตอบโต้อย่างรวดเร็ว ทั้งที่กองทัพมักประกาศตนเสมอว่า มีแสนยานุภาพและมีศักยภาพในการป้องกันความมั่นคงของประเทศเพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน แต่กลับปล่อยให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างไร เหตุการณ์นี้ทำให้ต้องมีการอพยพนักเรียนและประชาชนในพื้นที่เข้าสู่หลุมหลบภัย หมายความว่า กองทัพได้ปล่อยให้พวกเขาอยู่ในความเสี่ยง โดยต่อมา มีการชี้แจงจากกองทัพไทยว่า การรุกล้ำน่านฟ้าของกองทัพเมียนมาร์ มีเหตุผลมาจากเขาไม่สามารถบินในพื้นที่เมียนมาร์ได้ เนื่องจากติดภูเขาและสภาพภูมิศาสตร์ จึงจะต้องบินอ้อมผ่านเข้ามาในประเทศไทย คำถามสำคัญที่มีต่อเหตุการณ์นี้คือ กองทัพไทยเปิดโอกาสให้กองทัพเมียนมาร์มีการบินเข้ามาเพื่อโจมตีกลุ่มผู้ต่อต้านโดยรุกล้ำน่านฟ้าไทยได้ถึง 3 ครั้งได้อย่างไร 

ประการที่ 2 มีข้อสังเกตว่า ก่อนมีการโจมตีดังกล่าว 1 วัน มีภาพของแม่ทัพภาคที่ 3 ประชุมพูดคุยกับผู้นำรัฐบาลเมียนมาร์ ที่ กรุงเนปิดอว์ จึงชวนให้สงสัยว่า มีการรู้เห็นเป็นใจปล่อยให้เครื่องบินรบของเพื่อนบ้านรุกล้ำอำนาจอธิปไตยไทยหรือไม่ ทั้งที่กองทัพมีหน้าที่ปกป้องอธิปไตยเป็นสิ่งสำคัญที่สุด แต่กลับไม่มีการตอบโต้อย่างทันท่วงที ปล่อยให้รุกล้ำถึง 3 ครั้ง ใช้น่านฟ้าไทยปฏิบัติการทางทหารจนเสร็จสิ้นภารกิจ เวลาพูดถึงภัยความมั่นคง รัฐบาลและกองทัพไทยมักนำไปอ้างเพื่อจับกุมนักศึกษาและประชาชนและที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลและจัดการอย่างรวดเร็ว แต่พอเวลาที่มีเหตุการณ์ซึ่งเป็นภัยความมั่นคงจริงๆ กลับล่าช้าและไม่มีท่าทีที่เหมาะสม นอกจากนี้ ยังน่าสงสัยว่าจะใช้เหตุนี้เป็นเหตุผลเพื่อซื้อเครื่องบินรบใหม่หรือไม่

เฉลย!! หนูน้อยคนเก่ง สอน Coding ให้นายกฯ จบดราม่าชาวเน็ตแซะนายกฯ ใช้คอมไม่เป็น

จากกรณีโซเชียลมีการแชร์ล้อเลียนนายกฯ ใช้คอมไม่เป็น หลังมีภาพหนูน้อยนักเรียนคนหนึ่งกำลังจับมือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระหว่างใช้คอมพิวเตอร์ จนทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ โจมตีนายกรัฐมนตรีว่า เป็นเพราะนายกรัฐมนตรีใช้คอมพิวเตอร์ไม่เป็นหรือไม่นั้น

ล่าสุด เพจเฟซบุ๊ก ‘โรงเรียนวัดเวฬุวัน (สารภีชนานุกูล)’ ได้โพสต์คลิปหนูน้อยคนดังกล่าวแล้ว ที่ชื่อ ‘เด็กหญิงพัทรศญา หน่ออินทร์ชัย’ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยเด็กหญิงพัทรศญา กล่าวว่า...

“ดีใจมากที่ได้มาสอนเรื่อง Coding ให้กับลุงตู่ ลุงตู่ไม่เคยเรียน Coding แต่หนูได้เรียน หนูก็เลยตื่นเต้นมากที่ได้มาสอนท่าน เพราะท่านเป็นถึงนายกรัฐมนตรี หนูตื่นเต้นและดีใจมากเลย”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top