Wednesday, 2 July 2025
Hard News Team

'ผกก.หนุ่ย พรรคกล้า' แนะรัฐบังคับใช้ กม. เข้มงวด หลังเกิดเหตุสะเทือนขวัญสถานบันเทิง 2 ครั้งติด

พ.ต.อ.ทศพล โชติคุตร์ ผู้เสนอตัวสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. พรรคกล้า ในฐานะอดีตผู้กำกับการฝ่ายอำนวยการ กองบังคับการตำรวจนครบาล 7 กล่าวถึงเหตุโศกนาฏกรรมเกี่ยวกับสถานบันเทิง ทั้งเหตุยิงกันในลานจอดรถสถานบันเทิง กลางเมืองอุบลราชธานี และเหตุไฟไหม้สถานบันเทิง Mountain B อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ว่า ทั้ง 2 เหตุการณ์เกิดขึ้นภายในสัปดาห์เดียว สะท้อนชัดว่ามีการหละหลวมในการบังคับใช้กฎหมาย จนความเสียหายเกิดขึ้น และมีผู้เสียชีวิต เรามีบทเรียนราคาแพงตอนซานติก้าผับ เมื่อปี 2552 ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ฉะนั้นเจ้าหน้าที่รัฐควรจริงจังในการบังคับใช้กฎหมายเสียที ไม่ใช่วัวหายแล้วล้อมคอก

“ถ้าสถานบันเทิงแห่งใดยังมาตรฐานยังไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่รัฐก็ควรเข้าไปช่วยแนะนำขั้นตอน รวมถึงการตรวจความปลอดภัยสถานบันเทิงให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ ถ้ากรณีใดจงใจลักลอบ ก็ดำเนินคดี ดำเนินการตามกฎหมาย ปัจจุบันมีสถานบันเทิงที่เปิดไม่ถูกต้องตามกฎหมายอยู่หลายแห่งมาก ซึ่งเกิดจากการหละหลวมของการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ฉะนั้นถึงเวลาที่เจ้าหน้าที่ต้องจริงจังและตรงไปตรงมาในการใช้กฎหมาย ไม่เช่นนั้นจะเกิดความเสียหายอีกไม่รู้จบ” พ.ต.อ.ทศพล กล่าว

'วิเชียร' ซัด โศกนาฎกรรมสถานบันเทิง บทเรียนซ้ำซาก เรียกร้อง 3 ข้อแก้ไข อย่างจริงจัง

นายวิเชียร ชวลิต รองหัวหน้าพรรคและผู้อำนวยการพรรคสร้างอนาคตไทย กล่าวถึงกรณีเกิดเหตุไฟใหม้สถานบันเทิงที่สัตหีบ จังหวัดชลบุรี ว่า เหตุการณ์ไฟใหม้สถานบันเทิง เป็นโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นซ้ำซาก ถือเป็นบทเรียนราคาแพงทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินครั้งแล้วครั้งเล่า แต่กลับไม่มีมาตรการ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ต้องออกมารับผิดชอบเพื่อการป้องกันหรือแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ทั้งที่มีโซนนิ่งชัดเจน ทราบว่าเคยมีผู้ร้องเรียนสถานบันเทิงแห่งนี้แล้วว่าเสียงดัง แสดงว่าหน่วยงานต้องรู้แล้วว่ามีผับเกิดขึ้นแต่ก็ไม่ระงับเหตุ กฎหมายระบุชัดว่าเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปีห้ามเข้า ผู้ประกอบการ เจ้าพนักงานก็เฉยเมย     

ดังนั้น ตนจึงขอเสนอข้อเรียกร้อง 3 ข้อให้มีการแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง ได้แก่  
1.) การบังคับใช้กฎหมาย ตรงนี้ต้องมีคนดูแล เจ้าพนักงานใครมีหน้าที่ชัดเจนอยู่แล้วก็ต้องเข้มงวด ไม่ใช่บ่ายเบี่ยง รัฐบาลต้องกำกับเข้มเพราะเป็นความปลอดภัยสาธารณะ 
2.) ฝ่ายอนุญาตสร้างอาคารต้องมีการควบคุมเข้มงวด จะอ้างว่าไม่ขออนุญาต แล้วปล่อยให้ทำไปได้อย่างไร
และ 3.) วิศวกรรมสถานควรกำหนดแบบและมาตรฐานแห่งความปลอดภัยเฉพาะ และมีการสอนให้กับสถาปนิกและวิศวกรในสถาบันการศึกษา 

ราชภัฏเชียงใหม่เจ๋ง!! ร่วม ‘ฮิโนต้า’ วิจัยพัฒนาการผลิตอินทรีย์ นำผลลัพธ์ขับเคลื่อนสู่เชิงพาณิชย์

ไม่นานมานี้ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการ การวิจัยและพัฒนาปัจจัยการผลิตอินทรีย์ กับ บริษัท ฮิโนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อนำผลงานวิจัยขับเคลื่อนสู่เชิงพาณิชย์

โดยรองศาสตราจารย์ ดร.ชาตรี มณีโกศล ตำแหน่ง รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ได้เป็นประธานในพิธีพร้อมลงนามบันทึกข้อตกลง ว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการ การวิจัยและพัฒนาปัจจัยการผลิตอินทรีย์ กับ นายโอฬาร ระสถิตย์ชัย ที่ปรึกษาอาวุโสกรรมการผู้จัดการบริษัท ฮิโนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ณ ห้องประชุมสะลวง ชั้น 2 อาคารอำนวยการและบริหารกลาง มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ศูนย์แม่ริม ซึ่งเป็นการร่วมกันวิจัยและพัฒนาปัจจัยการผลิตอินทรีย์ ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในประเทศไทย

ตำรวจ PCT เปิดปฏิบัติการ ปราบบัญชีม้าทั่วประเทศ ตัดตอนเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์

(5 ส.ค.65) เวลา 13.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) หรือ PCT เปิดเผยผลการระดมจับกุม "ผู้ที่ยินยอมให้คนร้ายใช้บัญชีธนาคารตน เป็นเครื่องมือในการหลอกลวงประชาชน หรือ บัญชีม้า" ที่ถูกออกหมายจับไว้แล้วพร้อมกันทั่วประเทศ กว่า 453 หมายจับ สามารถจับกุมได้ทั้งสิ้น 193 ราย 

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. สั่งการให้เร่งระดมจับกุมบัญชีม้า เนื่องจากเป็นส่วนประกอบหนึ่ง ที่มิจฉาชีพนำไปใช้ในการหลอกลวง และไม่ว่าจะเป็นการหลอกลวงประเภทใด ล้วนแล้วแต่อาศัยบัญชีม้าในการโอนเงินทั้งสิ้น

ปฏิบัติการครั้งนี้ สั่งการให้ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.ภ.8 หัวหน้าชุดปฏิบัติการ PCT ชุดที่ 1 พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุรศักดิ์  สุรินทร์แก้ว ผกก.3 บก.สส.สตม. ,พ.ต.อ.ชินวุฒิ ตั้งวงศ์เลิศ ผกก.สภ.ฉิมพลี, พ.ต.ท.รัชพล รุ่งกิตติวรกุล รอง ผกก.คธม.บช.ทท. จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการร่วมกับ บช.น.,ภ.1-9 ติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับบัญชีม้า จำนวน 453 ราย ครั้งที่ 1 ช่วงวันที่ 27-30 มิ.ย.65  จับกุมได้ 75 ราย ครั้งที่ 2  25 – 27 ก.ค.2565 จับกุมได้เพิ่มอีก 118 ราย   รวมทั้งสิ้น 193 ราย  ซึ่งรวมถึงผู้ต้องหาบัญชีม้า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่หลอก พิธีกรสาว “ต้นอ้อ ภัทธีมา” สูญเงินกว่า 1 ล้านบาทด้วย 

ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้นั้น เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ขบวนการหลอกลวงทางออนไลน์รูปแบบต่างๆ ยังคงใช้เป็นเครื่องมือหลอกลวงประชาชนให้สูญเสียทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก โดยต่อจากนี้จะมีการเร่งรัดติดตามจับกุมกลุ่มบัญชีม้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่สังคม พร้อมทั้งได้ประสานความร่วมมือไปยังธนาคารพานิชย์  ให้มีการประกาศเตือน บทลงโทษตามกฎหมาย ให้ลูกค้าทราบว่าหากยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีธนาคารตนเองไปกระทำความผิด ก่อนทำการเปิดบัญชีกับทางธนาคารทุกครั้ง

รอง ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยเกรงประชาชนจะตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมทางออนไลน์ กำชับให้ ตร. เร่งปราบปรามและหาแนวทางประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ จึงขอเตือนว่า การเปิดบัญชีธนาคารควรเปิดเท่าที่จำเป็นและ ไม่ยินยอมให้ผู้อื่นนำไปใช้ไม่ว่าในกรณีใดๆ โดยหวังแก่ประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ หรือการให้ผู้อื่นใช้บัญชีตนเพราะความเชื่อใจไว้ใจก็ตาม ท่านไม่สามาถปฏิเสธความรับผิด อาจตกเป็นผู้ต้องหาในคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชน มีอัตราโทษจำคุกสูงถึง 5 ปี หากสงสัยจะตกเป็นเหยื่อสามารถโทรปรึกษาได้ที่ สายด่วน บช.สอท.1441 หรือ ศูนย์ PCT 081-866-3000 และผู้เสียหายสามารถแจ้งความออนไลน์ได้ที่ thaipoliceonline.com 

‘อรวรรณ ฉิมแป้น’ ฝืนเจ็บกัดฟันเข้าเส้นชัย คว้าเหรียญทองที่ 3 จากกีฬาคนพิการฝากชาวไทย

อำพล ทองเมืองหลวง ช่างภาพกีฬาชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ถึงเรื่องราวสุดประทับใจ ในการแข่งขัน อาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 11 เมืองโซโล อินโดนีเซีย โดยระบุว่า ...

เป็นภาพชุดนึงที่ชอบของวันนี้... 

ภาพที่บอกอะไรหลาย ๆ อย่าง ให้ความหมายอะไรหลาย ๆ อย่าง 

อรวรรณ ฉิมแป้น นักวิ่งผู้พิการทางสมอง วันนี้เธอวิ่งคว้าเหรียญทอง 400 เมตรหญิงคลาส T37 ด้วยเวลา 1.18.30 นาที และนี่เป็นเหรียญทองที่สามของเธอ หลังจากเมื่อวาน ได้เหรียญทองทั้ง 100 เมตร กับ 200 เมตร

ถึงเส้นชัยเธอลงไปนอนกองกับพื้น แล้วร้องด้วยความเจ็บปวด ถ่ายรูปไป ผมก็สงสัยเธอเป็นอะไร...

"ลุกไหวมั๊ย ลุกไหวค่อย ๆ ลุกเดินออกมานะ"

เสียงโค้ชตะโกนสวนผ่านหูใกล้ ๆ ก่อนน้องจะโบกมือไม่ไหว แล้วลงไปนอน ก่อนจะมีเปลมาหามออกไปด้านหลัง แล้วน้องก็ร้องห่ม ร้องไห้ใหญ่ ด้วยความเจ็บปวด

ทุกคนช่วยปลอบ รวมถึงความน่ารักของนักกีฬาข้าง ๆ ที่นอนบนเปลข้าง ๆ หันมายกนิ้วยินดีให้กับชัยชนะของเธอ

สักพักเธอยิ้มได้ แล้วทีมงานบอกยกนิ้วให้กล้องหน่อยดั่งภาพที่เห็น

หลังจากนั้นผมเดินไปถามโค้ชว่าน้องเขาเป็นอะไรหรอครับ ร้องไห้ทำไม?

ศิลปินออสซี่เอา ‘แตงกวา’ แปะติดเพดาน ตั้งราคาขาย 2 แสนบาท

แตงกวา 1 ชิ้นที่ใส่มาในเบอร์เกอร์และถูกเอาไปแปะติดบนเพดาน กลายเป็นผลงานศิลปะที่ถูกตั้งราคาขายสูงถึง 10,000 ดอลลาร์นิวซีแลนด์ หรือประมาณ 2.2 แสนบาท ท่ามกลางความงุนงงของชาวเน็ตแดนกีวี

งานศิลปะที่ชื่อว่า ‘Pickle’ นี้เป็นผลงานของ แมทธิว กริฟฟิน ศิลปินชาวออสเตรเลีย และถูกนำไปจัดแสดงที่หอศิลป์ Michael Lett Gallery ในนครออกแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ 

มันไม่มีอะไรซับซ้อน มีเพียงแตงกวาเปื้อนซอสมะเขือเทศ 1 ชิ้นที่ถูกดึงมาจากชีสเบอร์เกอร์ของแมคโดนัลด์ และถูกแปะเอาไว้บนเพดานของหอศิลป์เท่านั้น

หอศิลป์แห่งนี้อธิบายว่า นี่คืองานศิลปะที่มีเจตนา 'ปลุกเร้า' คนดูให้ฉุกคิดว่าอะไรคือสิ่งที่มีคุณค่า ขณะที่ ไรอัน มัวร์ ผู้อำนวยการหอศิลป์ Fine Arts Sydney ซึ่งเป็นตัวแทนของ กริฟฟิน ระบุว่า การที่สิ่งๆ หนึ่งจะมีคุณค่าและความหมายคู่ควรกับคำว่าศิลปะหรือไม่นั้น อยู่ที่คนจะมอง

'แบงก์ชาติ' ร่วม 3 เอกชนเตรียมทดสอบสกุลเงินดิจิทัล คัดประชาชนร่วมเทสต์ 10,000 ราย ช่วงปลายปีนี้

ธนาคารแห่งประเทศไทยเตรียมจับมือกับเอกชน 3 ราย เตรียมทดสอบสกุลเงินดิจิทัลช่วงปลายปี 2565 ถึงกลางปี 2566 ขณะเดียวกันก็เตรียมทดสอบในด้านนวัตกรรมเพื่อที่ธนาคารแห่งประเทศไทยนำมาปรับปรุงการออกแบบสกุลเงินดิจิทัลที่เหมาะสมกับบริบทของไทยในอนาคต

วชิรา อารมย์ดี รองผู้ว่าการ ด้านบริหาร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลางเพื่อให้ประชาชนใช้งาน (Retail Central Bank Digital Currency: Retail หรือ CBDC สกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลางของแต่ละประเทศ) เป็นเรื่องที่ธนาคารกลางทั่วโลกให้ความสนใจ และอยู่ระหว่างศึกษาและพัฒนา เนื่องจากมีศักยภาพที่จะช่วยพัฒนาระบบการเงินในอนาคต

โดย ธปท. เตรียมจะขยายขอบเขตการศึกษาและพัฒนา Retail CBDC ไปสู่การใช้งานจริงในวงจำกัดร่วมกับภาคเอกชน โดยแบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก คือ...

การทดสอบระดับพื้นฐาน เพื่อประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัยของระบบ รวมถึงรูปแบบของการนำเทคโนโลยีมาใช้งานจริงกับประชาชนรายย่อย โดยจะทดสอบการนำมาใช้ชำระค่าสินค้าบริการในพื้นที่เฉพาะ และในกลุ่มผู้ใช้งานประมาณ 10,000 ราย ที่กำหนดโดย ธปท. และภาคเอกชนที่ร่วมทดสอบ 3 ราย ได้แก่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, ธนาคารไทยพาณิชย์ และบริษัท ทูซีทูพี (ประเทศไทย) จำกัด โดยจะเริ่มตั้งแต่ช่วงปลายปี 2565 ไปจนถึงกลางปี 2566

ฝีดาษลิงรายที่ 4 พบผู้ป่วยฝีดาษวานรรายที่ 4 ในไทย เป็นผู้หญิงใกล้ชิดต่างชาติเที่ยวกทม.

กรมควบคุมโรค รายงานพบผู้ป่วยยืนยันโรคฝีดาษวานร รายที่ 4 ของประเทศไทย เป็นหญิงไทย มีประวัติเสี่ยงใกล้ชิดกับชายชาวต่างชาติ ที่สถานบันเทิง เบื้องต้นคาดว่าติดเชื้อจากการที่มีสัมผัสใกล้ชิด กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องค้นหาติดตามกลุ่มเสี่ยงต่อไป

(5 ส.ค. 65) นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรมควบคุมโรคได้รับรายงานพบผู้ป่วยยืนยันโรคฝีดาษวานร รายที่ 4 ของประเทศไทย เป็นหญิงไทย อายุ 22 ปี มีประวัติเสี่ยงไปเที่ยวสถานบันเทิง ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ย่านที่ชาวต่างชาตินิยมมาเที่ยว เป็นประจำประมาณสัปดาห์ละครั้ง และมีการสัมผัสใกล้ชิดกับชายชาวต่างชาติ โดยผู้ป่วยเริ่มมีไข้ตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคม 2565 แต่ยังไปเที่ยวสถานบันเทิงพร้อมเพื่อนชาวไทย และชาวต่างชาติ วันที่ 30 กรกฎาคม 2565 เริ่มมีตุ่มขึ้นที่แขนขา แล้วลามไปทั่วร่างกาย ร่วมถึงอวัยะเพศ วันที่ 3 สิงหาคม 2565 จึงเดินทางเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการ และผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการยืนยันจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข และห้องปฏิบัติการที่ศูนย์โรคอุบัติใหม่ด้านคลินิก TRC-EIDCC โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ยืนยันพบเชื้อฝีดาษวานร (Monkeypox virus) วันที่ 4 สิงหาคม 2565 ก่อนส่งตัวผู้ป่วยมารับการดูแลรักษาต่อที่สถาบันบำราศนราดูร กรมควบคุมโรค นับเป็นผู้ติดเชื้อโรคฝีดาษวานรเป็นรายที่ 4 และเป็นเพศหญิงรายแรกในประเทศ โดยผู้ติดเชื้อรายแรกเป็นชายชาวไนจีเรียที่ภูเก็ต รายที่ 2 ชายชาวไทย ในกรุงเทพมหานคร และรายที่ 3 ชายชาวเยอรมันที่ภูเก็ต

นายแพทย์โอภาส กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ได้กำชับให้สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 จังหวัดชลบุรี ประสานสำนักงานป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง และสำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร เร่งติดตาม ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่เป็นเพื่อนร่วมห้องของผู้ป่วยทั้ง 2 ราย ผู้สัมผัสคนอื่น ๆ และเร่งติดตามตัวชายชาวต่างชาติแล้ว และเน้นย้ำว่า โรคฝีดาษวานรไม่ได้ติดต่อกันได้ง่าย ๆ ซึ่งจะติดต่อได้จากการสัมผัสใกล้ชิดมาก ๆ จึงขอให้กลุ่มเสี่ยงเพิ่มความระมัดระวังและงดการสัมผัสใกล้ชิดกับคนแปลกหน้าเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อฝีดาษวานร

ดีอีเอส เผยปชช.แจ้งความคดีออนไลน์แตะ 6 หมื่นเรื่อง พบคดีหลอกลวงด้านการเงินมาเป็นอันดับ 1

ดีอีเอส เปิดตัวเลขเหยื่อไซเบอร์ ใช้บริการแจ้งความคดีออนไลน์ 59,846 เรื่อง ในระยะเวลา 4 เดือนหลังเปิดตัวเว็บไซต์ www.thaipoliceonline.com อายัดเงินไปแล้วกว่า 121 ล้านบาท พบคดีหลอกลวงด้านการเงินมาเป็นอันดับ 1

นางสาวนพวรรณ หัวใจมั่น โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฝ่ายการเมือง (ดีอีเอส)  กล่าวว่าจากแนวโน้มปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้นผ่านโทรศัพท์มือถือและการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของคนในยุคดิจิทัล ดังนั้นกระทรวงดีอีเอส และหน่วยงานต่าง ๆ ตลอดจนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) จึงได้เร่งยกระดับบูรณาการความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา เพิ่มช่องทางอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน เพื่อเข้าถึงการช่วยเหลือ และติดตามผู้กระทำผิดกฎหมายมาดำเนินคดีได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

โดยจากข้อมูลของศูนย์บริหารการรับแจ้งความออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์ www.thaipoliceonline.com สรุปสถิติการใช้บริการของประชาชนในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา(ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. - 31 ก.ค.2565 พบว่า มีผู้เสียหายแจ้งความคดีออนไลน์ 59,846 เรื่อง โดยสามารถดำเนินการอายัดบัญชีได้แล้วกว่า 121 ล้านบาท 

ในส่วนของคดีออนไลน์ พบมากที่สุดคือ คดีหลอกลวงด้านการเงิน 31,047 เรื่อง โดย 3 อันดับแรก ได้แก่ หลอกให้ทำงานออนไลน์ หลอกให้กู้เงินแต่ไม่ได้เงิน และหลอกให้ลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ ขณะที่ จำนวนคดีลำดับรอง ๆ ลงมา ได้แก่ หลอกลวงจำหน่ายสินค้า 24,643 เรื่อง การพนันออนไลน์ 462 เรื่อง ข่าวปลอม 239 เรื่อง และล่วงละเมิดทางเพศ 136 เรื่อง

ระบบรับแจ้งความออนไลน์ เป็นช่องทางที่ช่วยให้ประชาชนสามารถแจ้งความได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น โดยสามารถแจ้งความทางเว็บไซต์ www.thaipoliceonline.com โดยลงทะเบียนเพื่อยืนยันตัวตน กรอกข้อมูลทางคดี ตามขั้นตอนจนเสร็จ ผู้แจ้งจะได้รับ “เลขรับแจ้งความออนไลน์ หรือ Case ID” จากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่การรับแจ้ง (Admin) ติดต่อกลับโดยจากสถิติปัจจุบันสามารถโทรหาผู้แจ้งได้ทั้งหมดภายใน 3 ชั่วโมง

‘อรุณี’ อัด ‘ประยุทธ์’ แก้ยาเสพติดล้มเหลว เหตุแก้เศรษฐกิจพลาด - ช่องโหว่กฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ ทำสังคมเสื่อม ไม่จบสิ้น

ดร.อรุณี กาสยานนท์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การระบาดของยาเสพติดขณะนี้กำลังแพร่หลาย ปัญหายาเสพติดได้ลุกลามกัดกินประเทศไปทั่วทุกพื้นที่ จากปัญหาสังคมกลายเป็นปัญหาครอบครัวขั้นรุนแรง มีเหตุพ่อฆ่าลูก ลูกฆ่าพ่อ พ่อ-แม่หนีตายเพราะลูกติดยาจะทำร้ายร่างกาย เพราะการเข้าถึงยาเสพติดทำได้ง่าย ผู้เสพเพิ่มจำนวนมากขึ้นพร้อมกับจำนวนผู้เสพที่กลายเป็นผู้ขายได้ง่ายมากขึ้นตามไปด้วย ยืนยันได้จากตัวเลขชี้วัดที่สะท้อนได้จากจำนวนผู้ถูกจับกุมในคดีที่เกี่ยวกับยาเสพติด ในปี 2564 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึงเท่าตัว อยู่ที่เกือบ 400,000 ราย ซึ่งการแพร่ระบาดของยาเสพติด อาจมาจากสาเหตุสำคัญ 2 ประการ

1. การบริหารราชการแผ่นดินที่ผิดพลาดมาโดยตลอดนับตั้งแต่เข้ามาบริหารประเทศของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อต้องมาเจอกับสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ที่ไม่มีความสามารถอยู่แล้วยิ่งล้มเหลว ทำให้เศรษฐกิจอยู่ภาวะชะงักงัน ปัญหาปากท้องส่งผลกระทบกับพี่น้องประชาชนอย่างรุนแรง หนี้ครัวเรือนพุ่งสูง ประชาชนตกงานกลายสภาพเป็นคนจนโดยเฉียบพลัน บางส่วนจึงหันมาพึ่งพายาเสพติด หลายคนกลายเป็นผู้ขายเพื่อหารายได้ หลายคนเป็นกลายผู้เสพเพื่อคลายทุกข์ รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ปล่อยปละละเลยปัญหายาเสพติด จนมีวาทะ ‘กี่ร้อยนายกฯก็แก้ปัญหายาเสพติดไม่ได้’ ที่เกิดขึ้นมาก่อนการระบาดของโควิด-19 และล่วงเลยมาจนถึงปัจจุบันก็ยังคงพูดในวาทกรรมเดิม แสดงถึงความไม่จริงจังในการแก้ไขปัญหา  

2. พ.ร.บ.ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 และ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด (ฉบับที่2) พ.ศ.2564 ที่มีการปรับโทษให้ผู้ต้องหายาเสพติดที่เป็น ‘ผู้ค้าตัวจริง’ ได้รับโทษเบาลง จากเดิมตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522  หากผู้ใดครอบครองยาเกินปริมาณที่กำหนดให้สันนิษฐานว่า ‘ครอบครองเพื่อจำหน่าย’ และจะได้รับโทษรุนแรง แต่ปัจจุบันได้มีการปรับการชี้วัดผู้ค้าออกจากผู้เสพด้วยปริมาณการครอบครองยาเสพติด เปลี่ยนมาเป็นการพิจารณาจากพฤติการณ์การครอบครองยาแทน กลายเป็นช่องโหว่ทำให้  ‘ผู้ค้ารายย่อยกลายเป็นคนเสพ’ ได้ง่าย เพราะได้รับโทษเบาลง ผู้ขายยอมทำผิดซ้ำแล้วซ้ำอีก คนขายตัวจริงยอมถูกจับติดคุกหรือเข้าศูนย์บำบัด เกิด ‘วงจรอุบาทว์’  ในการแก้ปัญหายาเสพติด ที่ทำให้การแยก ‘ผู้ค้าตัวจริง’ ออกจาก ‘ผู้เสพ’ ทำได้ยากมากขึ้น จึงไม่แปลกหากการจับกุมยาบ้าจะทยอยลดลงเรื่อย ๆ ในภาพรวม จากที่จับกุมได้ 543 ล้านเม็ดในปี 2561 ลดลงเหลือ 334 ล้านเม็ดในปี 2564   สวนทางกับความเป็นจริงที่ยาบ้าได้ระบาดไปทั่วทุกระแหงและราคาถูกลงเหลือเพียงเม็ดละ 10-20 บาท เพราะมีตัวแทนขายตรงในทุกชุมชน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top