Thursday, 15 May 2025
Hard News Team

ผบ.ตร. สั่งตรวจสอบ 'ช่างแอร์ในตำนาน' โชว์คลังแสงปืนลงโซเชียล

วันนี้ (13 ต.ค.65) ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้เปิดเผยกรณี ช่างซ่อมแอร์เจ้าของสนามบีบีกันโพสภาพอาวุธปืนลงในโลกออนไลน์หวั่นสร้างความหวาดกลัวต่อประชาชน

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากโลกออนไลน์ได้ปรากฎภาพของ "ช่างเปิ้ล" หรือ นายอภิสิทธิ์ มั่งมี อายุ 42 ปี อดีตเคยเปิดสนามยิงปืนบีบีกัน ชื่อว่า “สนามบีบีกัน ช่างแอร์ในตำนาน” ปัจจุบันมีพฤติกรรมโพสภาพอาวุธปืนสงครามในโลกออกไลน์ หวั่นสร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชน ตนจึงได้สั่งการให้ พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8 พร้อมด้วย พล.ต.ต.วสันต์​ เตชะอัครเกษม ​รอง ผบช.ภ.8 , พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หน.ชป.5 ศปอส.ตร. (PCT5) , พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผบก.สส.ภ.8 , พล.ต.ต.ศรัญญู ชำนาญราช ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.8 , PCT ชุดที่ 5  เข้าค้นสถานที่ต้องสงสัย 3 แห่ง ดังนี้

1. บ้านเลขที่ 196/18 ม.5 ถ.อำเภอ ต.มะขามเตี้ย อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ตามหมายค้นศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ ค.249/2565 ลงวันที่ 12 ต.ค. 65

2. “สนามบีบีกัน ช่างแอร์ในตำนาน” เลขที่ 174/7 ม.5 ถ.โรงเรียนสุราษฎร์ธานี ต.มะขามเตี้ย อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ตามหมายค้นศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ ค.251/2565 ลงวันที่ 12 ต.ค. 65

​3. บ้านเลขที่ 122/25 ซ.โฉลกรัฐ 26 ม.1 ต.บางกุ้ง อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ตามหมายค้นศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ ค.250/2565 ลงวันที่ 12 ต.ค. 65

ผลการตรวจค้นพบ

​1.บีบีกัน จำนวน 46 กระบอก 
​2.อาวุธปืนยาวขนาด .22 จำนวน 2 กระบอก (ไม่มีทะเบียน 1 กระบอก)
​3.เครื่องกระสุนขนาด .22 จำนวน 30 นัด

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า “มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต" จากนั้น พฐ. ได้เดินทางมาทำการตรวจพิสูจน์ปืนบีบีกันทั้งหมด โดยมี นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เข้าร่วมการตรวจสอบด้วย โดยหลังเสร็จสิ้นการตรวจสอบจะนำตัวพร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

งานวิจัยเมืองผู้ดีแนะคุมบุหรี่ไฟฟ้าสกัดนักสูบเยาวชน

เดอะ การ์เดี้ยน สื่อใหญ่ของอังกฤษรายงานข่าวผลการศึกษาซึ่งทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยคิงส์ คอลเลจ ลอนดอน (King’s College London) ได้ทบทวนงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้ากว่า 400 ฉบับที่เคยได้รับการตีพิมพ์ ระบุว่าผู้สูบบุหรี่ที่เปลี่ยนไปใช้บุหรี่ไฟฟ้าแทนจะลดการได้รับสารพิษก่อมะเร็ง โรคปอด และโรคหลอดเลือดหัวใจลดลงอย่างมาก แต่ยังคงระบุว่า บุหรี่ไฟฟ้ามีความเสี่ยงเสี้ยวเดียวเมื่อเทียบกับการสูบบุหรี่ จึงไม่แนะนำให้ผู้ที่ไม่เคยไม่สูบบุหรี่เริ่มใช้ทั้งบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมเน้นให้สร้างสมดุลระหว่างการสกัดนักสูบเยาวชนกับการให้ทางเลือกผู้สูบบุหรี่

การศึกษาฉบับนี้ เป็นงานวิจัยอิสระที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักพัฒนาสุขภาพและความเหลื่อมล้ำแห่งกรมอนามัยและสังคมสงเคราะห์ นับเป็นการทบทวนความเสี่ยงด้านสุขภาพจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้าที่ครอบคลุมที่สุดในปัจจุบัน ผู้วิจัยอ้างอิงถึงผลการศึกษาที่ได้รับการตีพิมพ์กว่า 400 ฉบับจากทั่วโลก ซึ่งศึกษาเกี่ยวกับสัญญาณอันตรายหรือระดับสารพิษในร่างกายภายหลังการสูบการบุหรี่และใช้บุหรี่ไฟฟ้าในระยะสั้นหรือระยะกลางของการสูบบุหรี่หรือการใช้บุหรี่ไฟฟ้า เช่น การเพิ่มขึ้นของระดับนิโคติน สารจำเพาะที่บ่งชี้การเกิดมะเร็ง รายงานพบว่าระดับสารพิษ เช่น ไนโตรซามีน (Nitrosamines) คาร์บอนมอนอกไซด์ (Carbon Monoxide) และสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่ายอื่นๆ ในร่างกายของผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้านั้นใกล้เคียงหรือต่ำกว่าผู้สูบบุหรี่ ในขณะที่ในร่างกายของผู้ที่ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์นิโคตินใดๆ มีระดับของสารเหล่านี้ต่ำที่สุด

ทีมวิจัยเห็นว่าจำเป็นต้องทำการศึกษาต่อถึงผลกระทบด้านสุขภาพในระยะยาวหลังการใช้ผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องไปอีกหลายปี

ปัจจุบัน ผู้สูบบุหรี่ในอังกฤษมีจำนวนที่ลดลงในขณะที่จำนวนผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้านั้นเพิ่มขึ้น แต่แนวโน้มในกลุ่มเยาวชนนั้นไม่ได้เป็นแบบนั้น จากผลรายงาน การสูบบุหรี่ในกลุ่มคนอายุ 11-18 ปีอยู่ที่ 6.3% ในปี 2019 และ 6% ในปี 2022 ขณะที่การใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจาก 4.8% เป็น 8.6% ในปีก่อน อัตราการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในกลุ่มคนอายุ 16-18 ปี แต่การใช้บุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้ง (Disposable Vapes) นั้นเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ 7.8%

ทีมนักวิจัยจึงได้เรียกร้องให้มีกฎหมายควบคุมที่ดีขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้พนักงานขายจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าให้แก่เด็ก และให้มีระเบียบข้อบังคับที่เข้มงวดยิ่งขึ้นเพื่อจัดการการใช้บุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้งที่เพิ่มขึ้นสูงในเยาวชน โดยกล่าวว่า “การโฆษณา บรรจุภัณฑ์ และการทำการตลาดผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้งกับกลุ่มเยาวชน ควรถูกสอบสวน และต้องมีมาตรการที่เหมาะสมกว่านี้เพื่อลดการดึงดูดเยาวชน

“เราควรทำให้มั่นใจว่าผู้สูบบุหรี่ที่เป็นผู้ใหญ่จะได้รับการสนับสนุนที่เหมาะสม ซึ่งรวมไปถึงการให้ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับการลดความเสี่ยงของบุหรี่ไฟฟ้าและวิธีที่จะใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพื่อเลิกบุหรี่ และขณะเดียวกันก็ควรให้ความรู้แก่เยาวชนที่จะไม่สูบบุหรี่และป้องกันไม่ให้พวกเขาเริ่มสูบบุหรี่ และยังต้องบังคับใช้กฎควบคุมอายุในการซื้อขายรวมถึงการโฆษณาอีกด้วย” เขากล่าว “หากเราสามารถหาความสมดุลในเรื่องนี้ได้ บุหรี่ไฟฟ้าจะเป็นกลไกสำคัญในการเปลี่ยนประวัติศาสตร์การสูบบุหรี่ของประเทศอังกฤษเลยทีเดียว”

ชายคนนั้นคือใคร ?? เด็กช่วยเข็นรถยนต์พระที่นั่ง ที่ติดหล่ม…

เมื่อ พ.ศ. 2501 ขณะที่เด็กชายคนหนึ่งกำลังวิ่งเล่นอย่างสนุกสนานกลางทุ่งนากับเพื่อนอีก 2 คน ซึ่งไม่ห่างจากถนนชนบททุรกันดารมากนัก จู่ ๆ ก็มีรถยนต์คันหนึ่งวิ่งมาติดหล่มเลน อยู่ไม่ไกลจากพวกเขา และติดอยู่อย่างนั้น

ภายในรถมีชายสวมหมวกแบบธรรมดาคนหนึ่ง ขับมาคนเดียวและพยายามจะขับรถขึ้นจากหล่มอยู่นาน แต่ก็ไม่สามารถขึ้นได้ เขาและเพื่อนจึงวิ่งเข้าไปช่วยเข็น ท่ามกลางแดดร้อนเปรี้ยง ใช้ความพยายามอยู่นานมาก ราวร่วมชั่วโมง แถมยิ่งออกแรงเร่งเครื่องมากเท่าไหร่ ล้อรถก็ยิ่งจมเลนลึกลงไปทุกที

จนชายสวมหมวก ลงจากรถมาช่วยเข็นด้วย เข็นอยู่นาน และในที่สุด ทุกคนก็หมดแรง ต่างหยุดพักกันครู่ใหญ่ อยู่ตรงนั้น

“หนูเคยเห็นคนนี้ไหม”

เสียงของชายเจ้าของรถเอ่ยถาม ขณะนั่งพัก พร้อมทั้งยื่นธนบัตรใบละหนึ่งบาท (สมัยนั้น) ให้พวกเด็ก ๆ ดู เด็ก ๆ ต่างตอบกลับชายคนนั้นไปว่า...

“เคยเห็นแต่รูปที่เงินแบงก์ แต่ไม่เคยเห็นตัวจริง”

ชายคนนั้นถอดหมวกที่สวมอยู่ออก แล้วถามกลับมาอีกว่า...

“เหมือนเราไหม”

ในวินาทีนั้น เด็กชายทั้ง 3 คนตกตะลึงอยู่สักครู่ พอตั้งสติได้จึงรู้ว่า ผู้ชายที่เห็นแต่งกายธรรมดา ผู้ที่พวกเขากำลังสนทนาอยู่ตรงหน้านั้นเป็นใคร ต่างก็นิ่งอึ้ง และเข่าอ่อน ทรุดนั่งลงกลางเลน กราบลงแทบพระบาท พระองค์...

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในหลวงรัชกาลที่ 9 ตรัสอย่างช้า ๆ ว่า...

"ลุกขึ้น ลุกขึ้น ลุกเถอะ อย่านั่งเลย มันเลอะ เห็นไหม"

หลังจากนั้น พระองค์ท่านก็ทรงมีพระอักษรใส่เศษกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ให้เด็กชาย ทรงแจ้งให้ช่วยนำไปส่งให้ครูที่โรงเรียนเทศบาลเขาเต่า

ผบ.ตร.สั่งหน่วยเตรียมรับมือ ออกช่วยเหลือประชาชน ช่วงฝนตกหนัก 14-15 ต.ค.หวั่นซ้ำเติมประชาชนที่เดือดร้อนน้ำท่วม

ตามประกาศ กรมอุตุนิยมวิทยาได้มีประกาศฉบับที่ 1 (279/2565) ลงวันที่ 12 ตุลาคม 2565 แจ้งว่า หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ทวีกำลังแรงขึ้นและเคลื่อนเข้าใกล้ชายฝั่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามตอนกลางช่วงวันที่ 13 - 14 ตุลาคม 2565 ส่งผลทำให้ในช่วงวันที่ 14 - 15 ตุลาคม 2565 บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จะมีฝนตกหนักบางพื้นที่ โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ให้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และน้ำท่วมขัง  

ประกอบกับกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติได้ติดตามการคาดหมายลักษณะอากาศร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยาพบว่าช่วงครึ่งหลังของเดือนตุลาคม 2565 ร่องความกดอากาศต่ำที่พาดผ่านบริเวณภาคใต้และอ่าวไทย ทำให้บริเวณภาคใต้มีฝนตกชุกหนาแน่นและอาจมีส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ใน 14 จังหวัดภาคใต้

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ทุกหน่วยพร้อมช่วยเหลือประชาชนจากเหตุอุทุกภัย ฝนตกหนักในพื้นที่  ที่จะกลายเป็นความเดือดร้อนซ้ำเติมประชาชนที่ถูกน้ำท่วมมาต่อเนื่องหลายวัน โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางบางส่วน กำชับผู้บังบัญชานำกำลังพล ยุทโธปกรณ์ ยานพาหนะ (รถยนต์/เรือ) อุปกรณ์อื่นๆ ออกช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยในพื้นที่ และให้ ดูแลเอาใจใส่บำรุงขวัญ และช่วยเหลือผู้ใต้บังคับบัญชาที่ได้รับผลกระทบ

ทั้งเพิ่มความเข้มงวดในการปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย อำนวยความสะดวกด้านการจราจร เพิ่มกำลังสายตรวจทั้งทางบกและทางน้ำ วางมาตรการในการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เพื่อป้องกันมิให้ถูกคนร้ายฉวยโอกาสช้ำเติมผู้ประสบภัย

พระราชอารมณ์ขัน

เรื่องเล่า ‘พระราชอารมณ์ขัน’ ของในหลวงรัชกาลที่ 9 แล้วคุณจะรักในหลวงมากขึ้น

>> เรื่องที่ หนึ่ง 
เรื่องการใช้ราชาศัพท์กับในหลวงดูจะเป็นเรื่องใหญ่ที่ใครต่อใครเกร็งกันทั้งแผ่นดิน และไม่เว้นแม้กระทั่งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายรายงาน

ครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อนมีข้าราชการระดับสูงผู้หนึ่งกราบบังคมทูลรายงานว่า "ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้าพลตรีภูมิพลอดุลยเดชขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตกราบบังคมทูลรายงาน ฯลฯ"

เมื่อสิ้นคำกราบบังคมทูลชื่อ ในหลวงทรงแย้มพระสรวล อย่างมีพระอารมณ์ดีและไม่ถือสาว่า

"เออ ดี เราชื่อเดียวกัน..."

ข่าวว่าวันนั้นผู้เข้าเฝ้าต้องซ่อนหัวเราะขำขันกันทั้งศาลาดุสิดาลัย เพราะผู้รายงานตื่นเต้นจนจำชื่อตนเองไม่ได้

>> เรื่องที่ สอง 
มีอยู่ครั้งหนึ่ง ทรงเสด็จไปพระราชทานปริญญาบัตรให้กับนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ในระหว่างที่ทรงเปลี่ยนครุย ทรงโปรดสูบมวนพระโอสถแต่ว่าทรงหาที่จุดไม่ได้ ทางอธิการบดีซึ่งเฝ้าอยู่ก็จุดไฟให้พร้อมทูลว่า

"ถวายพระเพลิงพระเจ้าข้า"

ในหลวงทรงชะงัก ก่อนจะแย้มสรวลน้อย ๆ กับอธิการบดีว่า

"เรายังไม่ตายถวายพระเพลิงไม่ได้หรอก"

>> เรื่องที่ สาม 
อีกครั้งหนึ่งที่ภาคอีสานเมื่อเสด็จขึ้นไปทรงเยี่ยมบนบ้านของราษฎรผู้หนึ่ง ที่คณะผู้ตามเสด็จทั้งหลายออกแปลกใจในการกราบบังคมทูลที่คล่องแคล่วและใช้ราชาศัพท์ได้อย่างน่าฉงน

เมื่อในหลวงมีพระราชปฏิสันถารถึงการใช้ราชาศัพท์ได้ดีนี้ จึงมีคำกราบทูลว่า

"ข้าพระพุทธเจ้าเป็นโต้โผลิเกเก่า บัดนี้มีอายุมากจึงเลิกรามาทำนาทำสวนพระพุทธเจ้าข้า.."

มาถึงตอนสำคัญที่ทรงพบนกในกรงที่เลี้ยงไว้ที่ชานเรือน ก็ทรงตรัสถามว่า เป็นนกอะไรและมีกี่ตัว
พ่อลิเกเก่ากราบบังคมทูลว่า 

"มีทั้งหมดสามตัว พระมเหสีมันบินหนีไปทิ้งพระโอรสไว้สองตัว ตัวหนึ่งที่ยังเล็ก ตรัสอ้อแอ้อยู่เลยและทิ้งให้พระบิดาเลี้ยงดูแต่ผู้เดียว"

เรื่องนี้ ดร.สุเมธ เล่าว่าเป็นที่ต้องสะกดกลั้นหัวเราะกันทั้งคณะไม่ยกเว้นแม้ในหลวง

>> เรื่องที่ สี่ 
เคยมีเรื่องเล่าให้ฟังว่า ในหลวงเสด็จไปในถิ่นทุรกันดารเพื่อเยี่ยมเยียนราษฎร มีอยู่ครั้งหนึ่งพระองค์ท่านทรงแจกพระเครื่องให้กับราษฎรจนหมดแล้ว แต่ราษฎรผู้หนึ่งกราบบังคมทูลขอรับพระราชทานพระเครื่องว่า

"ขอเดชะ ขอพระหนึ่งองค์"

ในหลวงทรงตรัสว่า "ขอเดชะ พระหมดแล้ว" 

>> เรื่องที่ ห้า 
วันหนึ่งพระองค์ท่านเสด็จเยี่ยมเยียนพสกนิกรของท่านตามปกติที่ต่างจังหวัด ก็มีชาวบ้านมาต้อนรับในหลวงมากมาย พระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินมาตามลาดพระบาท ที่แถวหน้าก็มีหญิงชราแก่คนหนึ่งได้ก้มลงกราบแทบพระบาท

แล้วก็เอามือของแกมาจับ พระหัตถ์ของในหลวง
แล้วก็พูดว่ายายดีใจเหลือเกินที่ได้เจอในหลวง
แล้วก็พูดว่ายายอย่างโน้น ยายอย่างนี้อีกตั้งมากมาย แต่ในหลวงก็ทรงเฉย ๆ มิได้ตรัสรับสั่งตอบว่ากระไร

แต่พวกข้าราชบริพารก็มองหน้ากันใหญ่ กลัวว่าพระองค์จะทรงพอพระราชหฤทัย หรือไม่ 

แต่พอพวกเราได้ยินพระองค์รับสั่งตอบว่ากับหญิงชราคนนั้น ทำให้เราถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหวเพราะพระองค์ทรงตรัสว่า

"เรียกว่ายายได้อย่างไร อายุอ่อนกว่าแม่ฉันตั้งเยอะต้องเรียกน้าซิถึงจะถูก"

หน้าที่ของนักดนตรี

“การดนตรีเป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่สามารถก่อให้เกิดความปิติ ความสุข ความยินดี ความพอใจได้มาก หน้าที่ของนักดนตรีนั้นคือ ทำให้ผู้ฟังเกิดความพอใจ ความสุข ความครึกครื้น ความอดทน ความขยัน มีความเข้มแข็ง และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน คือนอกจากจะสร้างความบันเทิงแล้ว ควรแสดงในสิ่งที่จะเป็นทางสร้างสรรค์ เช่น ชักนำให้คนเป็นคนดีด้วย”

#พระบรมราโชวาท
#พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ทรงพระราชทานแก่คณะกรรมการสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน

สถิตในดวงใจตราบนิจนิรันดร์ น้อมศิระกรานต์ กราบแทบพระยุคลบาท ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้


ที่มา : ประวัติศาสตร์ของกษัตริย์

เติมสัมพันธ์ 2 ชาติ 'กรณ์' หารือรัฐมนตรีการค้าคนใหม่อังกฤษ ถกยุทธศาสตร์อุตฯ อาหาร-มอบเสื้อเหลืองตราสัญลักษณ์

เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2565 นายกรณ์ จาติกวณิช กรรมการบริหารพรรคชาติพัฒนากล้า ระบุว่า ได้รับเชิญรับประทานอาหารเช้ากับ นายมาร์คัส ฟิช (Marcus Fysh MP) รัฐมนตรีการค้าของอังกฤษ ซึ่งเป็นรัฐมนตรีป้ายแดงในรัฐบาลใหม่ของนายกรัฐมนตรีนางลิซ ทรัสส์  (Liz Truss)  

นายกรณ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องน่ายินดีที่รัฐมนตรีการค้าอังกฤษ เลือกเดินทางมาไทยเป็นประเทศแรก โดยทางอังกฤษหาช่องทางการค้าขายเพิ่มเติมตามยุทธศาสตร์การลดการพึ่งพาสหภาพยุโรป เราได้คุยกันถึงโอกาสด้านการลงทุนในไทยโดยอุตสาหกรรมอาหารของอังกฤษเพื่อแปรรูปสินค้าเกษตรของไทย และการขยายความสัมพันธ์เพิ่มเติมระหว่างสองราชอาณาจักร

“ท่านรัฐมนตรีมีความรู้เกี่ยวกับประเทศเราดีมาก ท่านเคยทำงานสายการลงทุนในภูมิภาคนี้ในตำแหน่งงานเดียวกันกับผมที่ SG Warburg (ท่านเข้ามาในแผนกที่ผมได้ร่วมก่อตั้งไว้ก่อนที่ผมจะกลับมาไทยเพื่อเปิดบริษัทหลักทรัพย์ของตัวเองเมื่อ 30 ปีที่แล้ว) แถมท่านยังเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนมัธยมเดียวกับผมที่อังกฤษ และเรียนต่อมหาวิทยาลัยเดียวกันด้วย เราเลยมีเรื่องคุยกันเยอะจนเจ้าหน้าที่สถานทูตต้องมายุติการสนทนาเพื่อไม่ให้ท่านพลาดนัดหมายต่อไป” นายกรณ์ กล่าว 

ไทยต้องปลูกข้าว

“ข้าวต้องปลูก เพราะอีก ๒๐ ปีประชากรอาจจะ ๘๐ ล้านคน ข้าวจะไม่พอ ถ้าลดการปลูกข้าวไปเรื่อยๆ ข้าวจะไม่พอ เราจะต้องซื้อข้าวจากต่างประเทศ เรื่องอะไร ประชาชนคนไทยไม่ยอม คนไทยนี้ต้องมีข้าว แม้ข้าวที่ปลูกในเมืองไทยจะสู้ข้าวที่ปลูกในต่างประเทศไม่ได้ เราก็ต้องปลูก”

ความบางตอนของพระบรมราโชวาท
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรโครงการพระราชดำริ
ที่บ้านโคกกูแว จ.นราธิวาส วันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๓๖


ที่มา : เฟซบุ๊กเพจ ภาพพ่อ

'ผู้พันเบิร์ด' เผยที่มาก่อนการปรับปรุงสนามม้านางเลิ้ง สู่ 'อุทยานเฉลิมพระเกียรติ ร.9' จากแนวพระราชดำริในหลวง

เผยพระราชดำริ 'ในหลวง' ก่อนปรับปรุงสนามม้านางเลิ้งเป็นสวนสาธารณะ-หวังลดปัญหาจากการพนันม้า 'ผู้พันเบิร์ด' มองผู้ใช้เดิมไม่ต่อสัญญา สุ่มเสี่ยงถูกฮุบพื้นที่ ชี้ที่ดินทรัพย์สินฯ อดีต-ปัจจุบัน นำไปเช่าช่วงต่อทำกำไรพร้อม ระบุภายภาคหน้าจะยังได้เห็นหลายสิ่งที่พัฒนาสถาพรต่อไป

(13 ต.ค.65) พันเอกวันชนะ สวัสดี หรือ ผู้พันเบิร์ด จิตอาสา 904 เปิดเผยถึงความเป็นมาในการใช้ที่ดินสนามม้านางเลิ้ง และแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการปรับปรุงพื้นที่เป็นอุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ สวนสาธารณะขนาดใหญ่ ปอดแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ และเป็นพื้นที่จอดรถของโรงพยาบาลรามาธิบดี

โดยระบุว่า สนามม้านางเลิ้งถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัย ร.6 ตอนนั้นบริบทสังคมกับการแข่งม้าถือเป็นเรื่องใหม่ มีพันธุ์ม้าต่างประเทศเข้ามามาก ร.6 สร้างสนามม้านี้เพื่อเป็นการพัฒนาพันธุ์ม้าในประเทศไทยในภาพรวม อันหมายถึง การแข่งขันที่เป็นกีฬา การค้าขายอาหารเพื่อส่งเสริมธุรกิจชุมชน การพักผ่อน และธุรกิจกีฬา เมื่อวันเวลาผ่านไป บริบทสังคมเปลี่ยนวัตถุประสงค์เหล่านี้ก็เปลี่ยนและลดลง มีการพนันเข้ามาเกี่ยวข้อง มีผู้มีอิทธิพลในการแข่งขัน สามารถกำหนดผลแพ้ชนะได้

ที่สำคัญในการปรับปรุงครั้งนี้คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯเห็นว่า การพนันมีผลเสียเกิดขึ้นมากในวงกว้าง และตามมาซึ่งปัญหาอาชญากรรม ยาเสพติด สุดท้ายก็กระทบกับครอบครัว ครอบครัวแตกแยก จึงเป็นที่มาและเหตุผลที่ปรับปรุงครั้งนี้

“ผมมาคิดต่อว่า การขอที่ดินคืนครั้งนี้ก็ขอคืนในขณะที่หมดสัญญาเช่าไปก่อนหน้านี้นานแล้ว ค่าเช่าก็ไม่แพง เพียงเดือนละ 10,000 บาท แต่กลับเอาไปหากินกับการพนันมีเงินหมุนเวียนสัปดาห์ละหลายร้อยล้านบาท ขอสังเกตคือ การที่สัญญาหมดไปนานแล้ว แต่ไม่มีการต่อสัญญา แสดงให้เห็นถึงความไม่ชัดเจนของสิทธิครอบครองที่ดิน ก็มีความเป็นไปได้ในเรื่องการฮุบเอาที่ดินทรัพย์สินไปเป็นของกลุ่มคนได้ในอนาคต เรื่องนี้เคยเกิดมาแล้วในช่วง 2475 และปัจจุบัน ก็ยังมีอีกหลายพื้นที่ ที่ไม่ชัดเจน มีกลุ่มคนเข้าใช้ประโยชน์ที่ดินทรัพย์สินหาประโยชน์เข้าตัวเองอยู่ แค่ปล่อยเช่าช่วงต่อก็ได้กำไรหลายแล้ว ส่วนการทำความชัดเจนนี้ก็เพื่อให้มีเจ้าของที่ดินถูกต้องและเสียภาษีถูกต้องไม่คลุมเครือ”

และแน่นอนว่า เมื่อพระองค์ปรับปรุงสนามม้าครั้งนี้ ก็จะมีข่าวบิดเบือนออกมาทันทีว่า พระองค์จะเอาไปสร้างวัง จนมาถึงวันนี้ความจริงปรากฏแล้วว่าไม่จริงพวกที่บิดเบือนก็ไม่ได้ออกมายอมรับ ที่สำคัญคือ บิดเบือนปล่อยข่าวปลอมเป็นประจำจากคนเดิมๆ แต่ก็ยังมีคนเชื่อ และมีคนเอาไปขยายผลต่อ สร้างความเข้าใจที่ผิดต่อสถาบัน แต่ก็ยังมีคนเชื่อและเชียร์อยู่ คนบิดเบือนเหล่านี้หวังผลทางการเมืองและอำนาจเงินทองเข้ามาสู่ตนเองทั้งนั้น

‘ท่าน’ คือ ซูเปอร์ฮีโร่ของผม

“ผมมีความภาคภูมิใจนะที่เวลาไปต่างประเทศ ผมได้ ยกมือไหว้ แล้วพูดว่า สวัสดีครับ ผมมาจากประเทศไทย พูดภาษาไทย กินอาหารไทย ไปตามร้านอาหารเจอคนไทยเขาทัก จาพนม เขารู้จักเราคือมันไม่ได้ไกลจากเรานะ แต่เราไปอยู่ ณ จุดนั้นเราโชคดี ต้องขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่าง ขอบคุณแผ่นดินเกิดที่ทำให้เราได้เกิดมาและได้มีความฝัน ขอบคุณโลกของหนังที่เราชอบ โลกมาร์เชียลอาร์ต (ศิลปะการต่อสู้) ที่เป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลาย ๆ คน 

“ขอบคุณพระเจ้าอยู่หัว คิงภูมิพล...ท่านคือซูเปอร์ฮีโร่ของผมที่ทำให้ผมภูมิใจและทำให้ผมไม่ย่อท้อ สู้จนมีทุกวันนี้” 

ถ้อยคำจาก ‘จาพนม ยีรัมย์’ หรือ ‘โทนี่จา’ นักแสดงนำฮอลลีวู้ดจากเรื่อง ‘มอนสเตอร์ฮันเตอร์’ เจ้าของวลีเด็ด “ช้างกูอยู่ไหน”


 ที่มา : https://mgronline.com/entertainment/detail/9630000130079


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top