Thursday, 15 May 2025
Hard News Team

ปรัชญาที่คนไทยควรรู้

จากผู้ใช้เฟซบุ๊ก Apisit Busayarasamee โดย พลตรี อภิสิทธิ์ บุศยารัศมี ได้โพสต์เรื่องราวที่เคยเขียนไว้เมื่อ 6 ปีก่อนเกี่ยวกับความทรงจำต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 ความว่า...

เรื่องราวเมื่อ 6 ปีก่อน ที่ผมเขียนไว้

เมื่อ 2 ปีก่อน วันที่ 5 ธันวาคม 2557

ลูกสาวผมถามว่า “พ่อเคยเห็นในหลวงไหม?”

“เคย” ผมตอบลูกสาว

“เป็นโชคดีของพ่อ พ่อเคยเห็นในหลวงจริงๆ 4 ครั้ง ครั้งแรก ตอนพ่อเป็นนักเรียนนายร้อยปี 1 ปีนั้นเป็นปีครบรอบ 101 ปีโรงเรียนนายร้อย จปร. นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเพราะ ในปีที่โรงเรียนนายร้อย จปร.ครบ 100 ปีพระองค์ก็เสด็จมาแล้ว”

“ครั้งที่สองตอนสวนสนามราชวัลลภ ที่พ่อเป็นนักเรียนนายร้อยปี 2 ที่ลานพระรูปทรงม้า”

“ครั้งที่สามนี่เป็นครั้งสำคัญในชีวิตพ่อ คือพ่อได้รับพระราชทานกระบี่และปริญญาบัตรจากพระองค์ เมื่อปี2536 ครั้งนั้นคุณย่าก็ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าด้วย”

“ทำไมพ่อต้องรับกระบี่ด้วย” ลูกสาวผมถาม “แล้วกระบี่นี่แทงคนได้ไหม?”

“กระบี่เป็นเครื่องประกอบเครื่องแต่งกายของนายทหารสัญญาบัตร ไม่ใช่เอาไว้ต่อสู้จริง” ผมเล่าต่อ “การรับพระราชทานกระบี่หมายถึงการที่พระเจ้าแผ่นดินมอบความไว้วางพระราชหฤทัยให้ถืออาวุธเพื่อปกป้องบ้านเมือง”

“ครั้งที่ 4 ก็เมื่อปี 2545 ตอนนั้นหนูยังอยู่ในท้องแม่เลย พระองค์เสด็จมาพระราชทานเข็มเครื่องหมายเสนาธิปัตย์ ที่เป็นเครื่องหมายสำคัญของนายทหาร ว่าจะรับใช้ราชวงศ์ด้วยความซื่อสัตย์จงรักภักดี”

ผมเล่าจบก็นึกถึงเรื่องของทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง

ผมได้ฟังอาจารย์ท่านหนึ่งเล่าว่า “เศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้หมายถึงการเกษตร ปลูกข้าว เลี้ยงไก่ เลี้ยงหมู หรือมีชีวิตอยู่แบบยากจน แบบที่พวกเราเห็นกัน”

“แต่เศรษฐกิจพอเพียง นำไปใช้ได้ในทุกวงการ ในปี 2540 ที่พระองค์พระราชทานแนวพระราชดำรินั้นเป็นปีที่ประเทศประสบปัญหาวิกฤติ”

“แนวนั้นคือการไม่ทำตามกระแสทุนนิยมหลัก คือเงินซื้อได้ทุกสิ่ง

แต่เป็นการพอประมาณ คือไม่มากไม่น้อยไป เช่น การแต่งตัวของเราให้เหมาะกับกาลเทศะ สมฐานะ ไม่ใช่ตระหนี่

ให้มีเหตุผล มีความเป็นวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่เห็นกล้วยออกเครือยาวๆ ก็ไปผูกผ้าสามสี และกราบไหว้ ขอหวย

และมีภูมิคุ้มกันคือไม่ประมาท เผื่ออนาคต เช่นการมีเพื่อน มีหัวหน้า เป็นต้น

ทุกอย่างอยู่ภายใต้การมีความรู้ ความรู้คือการเรียนแล้วนำไปประยุกต์ใช้ ไม่ใช่ปริญญาที่บ่งบอกการมีความรู้

และมีคุณธรรมคือเชื่อว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว”

ทั้งหมดนี้คือปรัชญาที่คนไทยทุกคนควรรู้และนำไปใช้....นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่มีต่อพสกนิกร....

ทางรอดเศรษฐกิจ!! 'อุ๊งอิ๊ง' ยก ‘1 ครอบครัว 1 Soft Power’ ทางออกศก.ไทย แต่จะทำได้ชี้ ต้องมีรัฐบาลที่แข็งแรง ทำตั้งแต่ต้นจนจบ

‘แพทองธาร’ ยัน ‘1 ครอบครัว 1 Soft Power’ หนึ่งในทางออกเศรษฐกิจไทย ชี้นโยบายจะสำเร็จได้ ต้องมีรัฐบาลที่แข็งแรง ทำตั้งแต่ต้นจนจบ

เมื่อ 12 ต.ค.65 พรรคเพื่อไทย จัดงานเสวนา ‘1 ครอบครัว 1 Soft Power ทางออกเศรษฐกิจไทยนับจากทศวรรษนี้’ ภายในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 27 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์  เพื่อแลกเปลี่ยน เสนอแนะ และบอกเล่าประสบการณ์การนำเอาความสามารถด้านต่างๆ สร้างรายได้  สร้างเศรษฐกิจให้กับประเทศ

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า นโยบาย 1 ครอบครัว 1 Soft Power ของพรรคเพื่อไทย เป็นนโยบายที่ต้องการเฟ้นหาคนที่มีศักยภาพ มีความสามารถ และพรสวรรค์ที่ซ่อนอยู่มาสร้างรายได้ให้กับครอบครัว ซึ่งที่ผ่านมาจากการลงพื้นที่พูดคุยกับพี่น้องประชาชนหลากหลายอาชีพพบว่า หลายคนมีความฝัน แต่ไม่กล้าฝัน เพราะลำพังแค่หารายได้มาจับจ่ายเลี้ยงดูคนในครอบครัวก็ยากลำบาก และต้องยอมรับว่าด้วยข้อจำกัดต่างๆ ของแต่ละครอบครัวไม่เหมือนกัน บางครอบครัวมีศักยภาพในการสนับสนุนเด็กและเยาวชนในการพัฒนาความสามารถของตัวเอง แต่หลายครอบครัวตรงกันข้าม  ซึ่งการเข้าคอร์สเรียนเพิ่มในด้านต่างๆ มีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก  

พรรคเพื่อไทย จึงต้องการเพิ่มโอกาสและเวทีให้กับทุกคนอย่างเท่าเทียมด้วยการสร้างสภาพแวดล้อมให้การเรียนรู้และดึงศักยภาพอย่างครบวงจร หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล จะจัดตั้ง The Thai Creative Content Agency : THACCA หน่วยงานจะเข้าไปดูแลพัฒนาคัดเลือก แบ่งกลุ่ม เพื่อนำไปสู่การพัฒนาศักยภาพ Solf power อย่างถูกจุด โดยรัฐจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด

“แนวคิดนี้จะสำเร็จได้ ต้องมีรัฐบาลที่แข็งแรง ที่จะต้องดำเนินการตั้งแต่เริ่มต้นจนจบกระบวนการเพื่อความต่อเนื่อง เราจะระดมบุคลากรที่มีความรู้ในด้านต่างๆ มาร่วมกันสร้างแพลตฟอร์ม ระดมคน ระดมทุน มีเครื่องมือเพื่อเป็นทุนในการหาความรู้ให้กับคนไทยทุกคน สิ่งที่เราจะทำ รัฐบาลต้องสนับสนุน ทำงานร่วมกับเอกชนด้วย” นางสาวแพทองธาร กล่าว

นายอภิสิทธิ์ ไล่ศัตรูไกล อดีตผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และประธานกรรมการบริหารสำนักงานตลาด กทม. กล่าวว่า การส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟพาวเวอร์ สิ่งที่รัฐบาลต้องทำคือ...

1.นโยบายรัฐบาลต้องชัดเจน มีความสม่ำเสมอของนโยบาย มีองค์กรที่ส่งเสริมงานด้านนี้โดยตรง แต่ปัจจุบันสถานะขององค์กรแต่ละแห่งทำงานแตกต่างกันมาก หากดูตัวอย่างในเกาหลีใต้ มีหน่วยงานส่งเสริมงานด้านซอฟพาวเวอร์ ซึ่งมีคณะกรรมการบริหารดำเนินการโดยตรง อินโดนีเซียมีหน่วยงานส่งเสริมสตาร์ทอัพ สถานะเทียบเท่าระดับกระทรวง มีความชัดเจนในการสั่งการ จนทำให้มีสตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์นสองราย

2.รัฐบาลต้องส่งเสริมงบประมาณให้กับหน่วยงานที่มีหน้าที่โดยตรงกับการส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟพาวเวอร์ โดยในอดีตสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เคยได้รับงบประมาณต่อปี 300 ล้านบาท ในขณะที่เกาหลีใต้จัดสรรงบประมาณปี 2565 ที่  62,400 ล้านบาท ให้กับหน่วยงานด้านซอฟต์พาวเวอร์ สร้างผลตอบแทนทางธุรกิจหลายสิบเท่า คิดเป็นเงิน 2.5 แสนล้านล้านบาท ทั้งยังได้ภาษีกลับคืนมามากกว่างบประมาณที่ลงทุน ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนอีก

3 แบ่งภารกิจงานให้ชัดเจน รัฐบาลต้องรู้ว่าสิ่งใดที่ประเทศไทยมีความเชี่ยวชาญหรือเก่ง และต่างประเทศเข้าใจว่าประเทศไทยเก่งในด้านนั้น และส่งเสริมด้านนั้น

4 ควรมีกองทุนและแพลตฟอร์มรองรับการเริ่มต้นการเริ่มลงทุนใหม่ เช่น สิงคโปร์ หากประชาชนในประเทศและนักลงทุนต่างประเทศต้องการเริ่มต้นทำธุรกิจ รัฐบาลจะสนับสนุนเงินทุนตั้งต้นให้ 75% เมื่อทำเงินได้ รัฐบาลจะถอนเงินออก

ดร.ณหทัย ทิวไผ่งาม กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ประธานคณะทำงานด้านการส่งเสริมศักยภาพการแข่งขันของประเทศและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ความฝันและพรสวรรค์  ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้ง่ายๆ เพราะต้องจับมือร่วมกันระหว่างพ่อแม่และครู ต้องปลูกฝังบ่มเพาะตั้งแต่ระดับประถมศึกษา หากเด็กและเยาวชนมีพรสวรรค์และถนัดในเรื่องใด ต้องเก็บบันทึก เพื่อให้รู้ว่าสิ่งที่ค้นพบและพรสวรรค์นั้น อาจจะกลายเป็นสิ่งที่ประเทศไทยกำลังค้นหา จึงเป็นที่มาของนโยบายด้านการศึกษาของพรรคเพื่อไทย ‘มีรายได้ เรียนรู้ได้ ตลอดชีวิต (Lifelong Learning, Lifelong Earning)’ เป็นการสร้างแพลตฟอร์มจับคู่สมรรถนะของคนเข้ากับงานที่ใช่ เพื่อช่วยให้มีงานทำเร็วที่สุด ตรงกับสมรรถนะของตนเองมากที่สุด เพื่อให้รู้ว่าคนๆ นั้นอยู่ตรงไหน อยู่จังหวัดใด นำมาเชื่อมกับความต้องการของประเทศ นำพาประเทศไปสู่เป้าหมายพัฒนาต่อไป ซึ่งสอดรับกับแนวคิด “ธนาคารหน่วยกิตเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต” (Academic Credit Bank : ACB)  ธนาคารเพื่อฝากความรู้ของคนไทยด้วยระบบคราวด์ (Cloud) เก็บเนื้อหาการเรียนและความรู้ในด้านต่างๆ เรียนรู้ได้ตลอดเวลา  นอกจากนี้ ควรมีการเปลี่ยนโรงเรียนขนาดเล็กให้เป็นศูนย์บ่มเพาะขั้นพื้นฐาน  ซึ่งมีอยู่ 1,500-2,000 โรงเรียนให้เป็นศูนย์บ่มเพาะอาชีพ เป็น co-working space ของผู้ใหญ่และเด็กในการบ่มเพาะความรู้ร่วมกัน 

ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยจะฟื้นโครงการ ‘คนพันธุ์อา (ชีวะ) คืนค่านิยมใหม่ว่าผู้ที่เรียนอาชีวะคือผู้ที่สร้างรายได้จริง พรรคเพื่อไทยจะเปลี่ยนแปลงศูนย์บ่มเพาะ มาเป็น ‘ศูนย์บ่มเพาะผู้ประกอบการ’ โดยจะมีการสอนการเขียนแผนธุรกิจ สร้างธุรกิจ สร้างรายได้ใหม่ๆ ทั้งนี้ ปัจจุบันมีสถาบันอาชีวะทั่วประเทศ  800 แห่ง แต่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณเพียง 420 แห่ง ส่วนของเอกชน 400 แห่ง จะมีการเข้าไปดูแลให้มีศูนย์บ่มเพาะผู้ประกอบการเช่นกัน

9 เหตุผลที่ประเทศไทยขึ้นชื่อว่า เป็นประเทศที่โชคดีที่สุดในโลก!!

แม้จะเป็นบทความที่มีการแชร์มานานนับ 10 ปี แต่ประเทศไทย ในบริบทของความเป็นประเทศที่โชคดีที่สุดในโลกนั้น ก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง

9 เหตุผลที่ประเทศไทยขึ้นชื่อว่า เป็นประเทศที่โชคดีที่สุดในโลก!!

1.) ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางครัวโลกไม่ต้องกลัวอดตาย มีอาหารกินตลอดเวลา และส่งออกไปทั่วโลก 
2.) ประเทศไทยมีทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์มาก มีป่าไม้ ภูเขา ทะเล ทองคำ จนได้ชื่อว่า ‘ดินแดนสุวรรณภูมิ’
3.) ประเทศไทยไม่ได้อยู่ในเขตแผ่นดินไหวโดยตรง แนวแผ่นดินไหวอ้อมประเทศไทยทั้งประเทศ ในขณะที่เกือบทั้งโลกอยู่ในเขตแผ่นดินไหวรุนแรง
4.) ประเทศไทยไม่ได้อยู่ในเขตพายุรุนแรง นานๆ จะเจอสักครั้ง เพราะพายุไต้ฝุ่นส่วนใหญ่ เกิดในทะเลจีนใต้ บริเวณประเทศฟิลิปปินส์ มาถล่มหนักเวียดนาม ลาว กัมพูชา และอ่อนตัวลง กลายเป็นพายุธรรมดาเมื่อเข้าประเทศไทย

อัปเดตราคา 'หมู-เนื้อ-ไก่'

อัปเดตราคาอาหารสดวันนี้ มาดูกันว่าตามท้องตลาด ราคาอาหารสด ประจำวันที่ 13 ตุลาคม 2565 จะเพิ่มขึ้นหรือลดลงแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็น ราคาหมู ราคาไก่ ราคาไข่ไก่ รวมไปถึงราคาผักสด เช็กกันเลย..

‘อนุทิน’ เบรกอย่าโยงกัญชากับยาเสพติด ขออย่าไปผูกกัน เป็นคนละเรื่องกัน

'อนุทิน' บอกคนละเรื่อง ขออย่าผูกโยงการแก้ปัญหายาเสพติดกับกฎหมายกัญชา ยัน สธ.มีความพร้อมเรื่องบำบัดผู้ติดยาทั้งร่างกายและจิตใจ

(12 ต.ค. 65) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงข้อเสนอการแก้ไขปัญหายาเสพติด ก่อนเข้าร่วมประชุมเพื่อกำหนดมาตรการเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและอาวุธปืนที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ว่า นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวง สธ.จะนำเสนอเรื่องการคัดกรองผู้ป่วย ส่วนรองอธิบดีกรมสุขภาพจิตจะรายงานเรื่องการเยียวยารักษาด้านสุขภาพจิต 

ส่วนที่จะนำผู้ติดยาเข้าบำบัดนั้น สธ.เป็นฝ่ายสนับสนุนโดยกรมการแพทย์ ก็มีสถาบันธัญญารักษ์ เป็นแม่ข่ายในการบำบัดและรักษาผู้ป่วยยาเสพติด รวมถึงโรงพยาบาลในทุกจังหวัด ก็พร้อมให้การรักษาหากเจ้าหน้าที่บ้านเมืองส่งตัวผู้ป่วยมา ทั้งนี้หากผู้ติดยาเสพติดมีอาการมากก็จะมีการส่งไปตามสถานพยาบาลที่ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการบำบัด

เมื่อถามว่าการรับมือผู้บำบัดจากนี้จะให้ผู้นำชุมชนเข้าไปค้นหาอย่างไร รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า อาการผู้ติดยาหากเบาก็จะใช้การบำบัดรักษาและใช้วิธีการทำความเข้าใจให้ความรู้ แต่ถ้าอาการหนักก็จะให้การรักษาทางการแพทย์ตามขั้นตอน

'คปภ. ปลุกพลังนักบิด' จัดโครงการเชิงรุก!! นำร่องส่งเสริมการทำประกันภัย พรบ.

วันที่ 12 ตุลาคม 2565 เวลา 10.00 น. ที่บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาขน) นิคมอุตสาหกรรมบางปู โรงงาน 5 ต.แพกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ โดย คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) จับมือ คนสมุทรปราการ เพื่อรณรงค์ปลุกพลังนักบิดเพื่อทำประกันภัย พ.ร.บ. โดย ตั้งเป้านำร่องให้นิคมอุตสาหกรรมบางปู และ นักบิดในจังหวัดสมุทรปราการ เข้าสู่การทำประกันภัย พ.ร.บ. 100% 

โดยมี นายชัยยุทธ มังศรี รองเลขาธิการด้านกฎหมาย คดี และคุ้มครองสิทธิประโยชน์ สำนักงาน คปภ. ได้รับมอบหมายจาก ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เป็นประธานในพิธี พร้อมทั้งกล่าวเปิดงานในครั้งนี้  มีนายภูธนะ ชมภูมิ่ง หัวหน้าสำนักงานจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวถึงนโยบายในการดำเนินงานเพื่อสอดรับการดำเนินงานโครงการ และมี นางสาวสิริพักตร์ สุวรรณทัต ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายสำนักนายทะเบียนคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ กล่าวรายงาน และวัตถุประสงค์ของการจัดงาน 

โดยมี นายวิชัย ศักดิ์สุริยา รองประธานฝ่ายบริหาร บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาขน) กล่าวให้การต้อนรับ พร้อมด้วย นายสัญญา จันทร์โท ผู้ช่วยผู้อำนวยการ นิคมอุตสาหกรรมบางปู นายพชร ศศิชาชยามร หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสมุทรปราการ พ.ต.ท. เกียรติวิรุฬห์ จันทร์ดี รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.บางปู นายเกษม สังข์ภิรมย์ ผู้อำนวยการฝ่ายรับประกันภัยและการตลาด บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด นายเกียรติศักดิ์ สุวรรณพิมล ผู้จัดการภาคกลาง (พระนครศรีอยุธยา) บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถจำกัด ตลอดจนแขกผู้มีเกียรติ ตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาสาสมัครประกันภัย และพนักงาน บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาขน) เข้าร่วมในโครงการครั้งนี้

เนื่องด้วย ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลและส่งเสริมธุรกิจประกันภัย รวมถึงคุ้มครองและส่งเสริมให้ประชาชนได้รับสิทธิประโยชน์ครบถ้วนจากการประกันภัย โดยฝ่ายสำนักนายทะเบียนคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งของสำนักงาน คปภ. มีหน้าที่ในการขับเคลื่อนประกันภัย พ.ร.บ. ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งเป็นประกันภัยรถภาคบังคับที่จะช่วยเหลือให้ประชาชนทุกคนได้รับความคุ้มครองความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัย อันเนื่องมากจากเหตุประสบภัยจากรถ และที่ให้ความคุ้มครองประชาชนที่ประสบอุบัติเหตุจากรถให้ได้รับการชดเชยค่าเสียหายในเบื้องต้นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและลดภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดจากเหตุประสบภัยจากรถ โดยกฎหมายได้กำหนดให้รถทุกคันต้องทำประกันภัยรถภาคบังคับ (ประกันภัย พ.ร.บ.) กับบริษัทประกันภัยเพื่อว่าเมื่อเกิดอุบัติเหตุจากรถ ผู้ประสบภัยจากรถทุกคนจะได้รับความคุ้มครองจากบริษัทประกันภัยอย่างทันท่วงที 

‘ชัชชาติ’ ชมนิทรรศการ ‘ฝัน ปัง ดัง รวย : 1 ครอบครัว 1 Soft Power’พรรคเพื่อไทย ‘แพทองธาร’ พาชมบูธ อธิบายแนวคิด ทางออกเศรษฐกิจไทย เปลี่ยนชีวิตคนไทยครั้งใหญ่ สร้างรายได้อย่างก้าวกระโดด 

นพ. ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย ให้การต้อนรับ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เยี่ยมชมบูธนิทรรศการ ‘ฝัน ปัง ดัง รวย : 1 ครอบครัว 1 Soft Power’ ซึ่งพรรคเพื่อไทยจัดเต็มพื้นที่ 3 บูธเพื่อสื่อสารนโยบาย 1 ครอบครัว 1 Soft Power ชูหลักคิดทางออกเศรษฐกิจไทยที่จะเปลี่ยนชีวิตประชาชนครั้งใหญ่อย่างก้าวกระโดด ในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ Book Expo Thailand 2022 ที่บูธ I40 Exhibition Hall 6 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์   

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้เชิญนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เยี่ยมชมห้องนิทรรศการทั้ง 3 บูธ พร้อมอธิบายหลักคิดของนโยบาย 1 ครอบครัว 1 Soft Power ว่าในชีวิตทุกคนล้วนมีความฝัน มีจินตนาการเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของมนุษย์ โดยเริ่มตั้งแต่วัยเด็ก ห้องน้ำจึงเป็นพื้นที่ที่ทุกคนเคยใช้ฟุ้งฝัน แต่ก็เป็นที่ที่เราทิ้งความฝันนี้ลงไปเพราะมันแทบเป็นไปไม่ได้ในโลกความจริง แต่พรรคเพื่อไทยมองเห็นว่า ความคิด ความฝัน ถ้าได้รับความเข้าใจและสนับสนุนอย่างถูกต้องให้มั่นใจในคุณค่าแล้ว จะเกิดเป็นความกล้าในการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ทำฝันนั้นให้เป็นจริงได้ แต่ในทางปฏิบัติ จะทำอย่างไรให้ฝันของลูกหลานหรือของประชาชนเป็นจริงได้ เพราะทุกความฝันล้วนมีต้นทุน ซึ่งไม่ใช่ทุกคนที่จะมีโอกาสเข้าถึงความฝันที่มีค่าใช้จ่ายสูงลิ่ว 

แพทองธาร กล่าวต่อว่า นโยบาย 1 ครอบครัว 1 Soft Power เห็นความสำคัญที่ไม่ต้องการให้ฝันของใครต้องตกหล่น เราจึงออกแบบให้มีการตั้งศูนย์เรียนรู้ บ่มเพาะ ศูนย์เทรนนิ่ง ให้ประชาชนที่สนใจเข้าต่อยอดความรู้ ประสบการณ์อย่างเป็นขั้นบันได เพื่อให้คนเข้าถึงตั้งแต่ระดับ ตำบล อำเภอ ระดับประเทศจนถึงต่างประเทศ โดยจะประสานความร่วมมือกับโรงเรียน มหาวิทยาลัย จัดจ้างบุคลากร จัดฝึกอบรมเพิ่มพูนทักษะ และถ้าใครมีทักษะศักยภาพที่ดีอยู่ก็จะสนับสนุนให้ไปหาประสบการณ์ต่อในต่างประเทศ ดังนั้น  นโยบาย1ครอบครัว 1 Soft Power  จึงเป็นนโยบายที่จะเพิ่มโอกาสและขยายศักยภาพสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับประชาชน

แห่บุญกฐิน!! พุทธศาสนิกชนจำนวนมาก ร่วมทอดกฐินสามัคคี ถวายวัดบางพลีใหญ่กลาง 

ที่ศาลาการเปรียญ วัดบางพลีใหญ่กลาง ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ วัดบางพลีใหญ่กลาง ร่วมกับ ครอบครัวฟักศิริ ครอบครัวคล้ายนิยมและพุทธศาสนิกชน ร่วมจัดพิธีทอดผ้ากฐินสามัคคีประจำปี 2565 โดย ได้รับความเมตตาจากท่าน พระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ 

โดยมี คุณพ่อสมาน คุณแม่นิล ฟักศิริ เป็นประธานฝ่ายอุปถัมภ์ พร้อมด้วย นายสมศักดิ์ แก้วเสนา นายอำเภอบางพลี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ตลอดจนครอบครัวคล้ายนิยม คหบดี ผู้ใจบุญตัวแทนสถานประกอบการ บริษัท ห้างร้าน คณะกรรมการ ไวยาวัจกรวัดบางพลีใหญ่กลาง หน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอำเภอบางพลี คณะครู นักเรียนโรงเรียนวัดบางพลีใหญ่กลาง คณะศิษยานุศิษย์ และพุทธศาสนิกชนจำนวนมาก รวมทั้ง พี่น้องประชาชนชาวอำเภอบางพลี ร่วมกันถวายผ้ากฐิน ประจำปี 2565

ผบ.ตร. แถลง จับยาบ้ากว่า 12 ล้านเม็ด คีตามีน 50 กก. ยึดทรัพย์ตัดรากถอนโคนขบวนการค้ายาเสพติด 

วันนี้ (12 ต.ค.65) เวลา 14.00 น. ที่ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด(บช.ปส.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส. พล.ต.ต.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผบก.สกส. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สกส. ร่วมแถลงข่าวการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่ 2 คดี พร้อมยาเสพติดของกลางยาบ้า 11,684,000 เม็ด คีตามีน 50 กิโลกรัม, ไอซ์ 2 กิโลกรัม และตรวจยึดทรัพย์สิน มูลค่าประมาณ 1.5 ล้านบาท

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ฯ เปิดเผยว่า คดีแรก จับกุมนายตนุภัทร อนันต์สิริพิทักษ์ กับ นายสืบศักดิ์ แซ่กือ กลุ่มชาติพันธุ์ม้ง ได้บริเวณริมถนนสาย สิงห์บุรี-ลพบุรี (ทล.311) ขณะกำลังขับรถพยายามหลบหนีด่านตรวจ เพื่อลำเลียงยาเสพติดไปส่งให้กับลูกค้าในจังหวัดสระบุรี ตรวจสอบภายในรถพบ กระสอบจำนวน 33 ใบ ด้านในบรรจุยาบ้า จำนวน 6,500,000 เม็ด ห่อหุ้มด้วยกระดาษสาสีขาว จำนวน 3,250 มัด, กระเป๋า 2 ใบ ด้านในบรรจุเคตามีน น้ำหนัก 50 กก. บรรจุอยู่ในห่อขาสีเขียว จำนวน 50 ห่อ 

นอกจากนี้ยังยึดโทรศัพท์มือถือได้ 3 เครื่อง, เงินสด 51,000 บาท พร้อมรถของกลางที่ร่วมขบวนการ รวม 3 คัน ส่วนผู้ขับขี่รถอีก 2 คันหลบหนีอยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินคดี

สอบถาม 2 ผู้ต้องหา รับว่าตนมีอาชีพ “วิ่งผัก” แต่ได้มาร่วมกับ นายเกียรติพันธ์ แซ่ซ้ง ผู้ต้องหาที่หลบหนี รับจ้างลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคเหนือตอนบน เพื่อส่งมอบให้กับลูกค้าในพื้นที่พระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี ได้ค่าจ้าง 2 แสนบาท 

เบื้องต้นแจ้ง 2 ข้อหา “ร่วมกันกับพวกที่หลบหนี จำหน่ายโดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ฯ และร่วมกันกับพวกที่หลบหนี จำหน่ายโดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ประเภท ๒ (คีตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต”

ทั้งนี้ นายเกียรติพันธ์ ฯ ยังพบว่ามีหมายจับของศาลจังหวัดแม่สอด หมายจับที่ 21/2557 ลง 21 ส.ค.57 ในข้อหา “ฆ่าบุพการี” ด้วย 

อีกคดี ตำรวจ ปส. นำกำลังเข้าจับกุมนายเล่ง แซ่ม้า ได้ที่บริเวณป่าละเมาะ ริมถนน ทล.12 (ตาก-สุโขทัย) ต.ริมน้ำ อ.เมือง จ.ตาก หลังขับรถบรรทุกฝ่าการเรียกตรวจค้นของตำรวจ ปส. เพื่อลำเลียงยาเสพติด จากพื้นที่ อ.เทิง จ.เชียงราย นำไปส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่ภาคกลาง ตรวจสอบภายในรถพบ ยาบ้า จำนวน 5,184,000 เม็ด ห่อหุ้มด้วยกระดาษสาสีขาว (ประดับตรา 999) จำนวน 2,592 มัด, ยาไอซ์ 2 กก. บรรจุอยู่ในห่อชาสีเขียวจำนวน 2 ห่อ พร้อมยึดรถบรรทุกที่ร่วมขบวนการ จำนวน 2 คัน โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง เงินสดอีก 8,000 บาท แจ้งข้อหา “ร่วมกันกับพวกที่หลบหนี จำหน่ายโดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top