Saturday, 10 May 2025
Hard News Team

'บิ๊กป้อม' เข้ม!! 'ความปลอดภัย-การจราจร' ช่วงประชุมเอเปค ต้องยึดหลักสากล ทำงานร่วมกับทุกเครือข่ายภาคประชาชน

(28 ต.ค. 65) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เรียกประชุม คณะอนุกรรมการด้านการรักษาความปลอดภัยและการจราจร เพื่อเตรียมความพร้อมจัดประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคและการประชุมที่เกี่ยวข้อง ในช่วงที่ไทยดำรงตำแหน่งประธาน ปี 65 ผ่านสื่ออิเล็คทรอนิกส์ ณ มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อฯ

โดยที่ประชุม ได้รับทราบสถานการณ์ด้านการข่าวที่เกี่ยวข้อง และร่วมพิจารณาให้ความเห็นชอบ  แผนการดำเนินงานด้านการรักษาความปลอดภัยในการจราจร การส่งกลับสายแพทย์และการปฏิบัติด้านสาธารณสุข แผนเผชิญเหตุต่อต้านการก่อการร้าย การกำหนดแนวทางป้องกันภัยคุกคามและการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ รวมทั้งแนวทางการปิดพื้นที่และเส้นทางการจราจร การขนส่งในพื้นที่ระหว่างจัดการประชุม

พล.อ.ประวิตร กำชับ ขอให้จัดตั้ง 'ศูนย์อำนวยการร่วมรักษาความปลอดภัยและการจราจร' ประสานการทำงานร่วมกับทุกหน่วยงานอย่างใกล้ชิด โดยย้ำเฝ้าระวังไม่ประมาท และการปฏิบัติการทุกขั้นตอน ขอให้เป็นไปตามหลักสากล ตั้งแต่เตรียมการต่อเนื่องไปจนจบการประชุมและเดินทางกลับ และให้ความสำคัญกับการปฏิบัติงานด้านการข่าว และการมีส่วนร่วมกับภาคประชาชนให้มากขึ้น

'บิ๊กตู่' สัญญาต่อยอดระบบขนส่งมลชนทางรางไทยเทียบเท่าโตเกียวและลอนดอน

“ระบบขนส่งมวลชนทางรางในเมือง เคยใช้เวลาสร้างถึง 20 ปี แต่วันนี้ใช้เวลาเพียง 5 ปีทำได้มากกว่า และเรากำลังสร้างเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว จะเปิดให้บริการในอีก 3 ปีข้างหน้า
..... ผมจะทำให้ระบบรางในเมือง อยู่ระดับเดียวกับโตเกียวและใกล้เคียงกับลอนดอนในเรื่องระยะทางและจำนวนสถานี”

พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา 
นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม
กล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน 
Accelerating Thailand (พลิกโฉมประเทศไทย)
27 ตุลาคม 65

‘อีลอน มัสก์’ นั่งแท่นเจ้าของใหม่ ‘ทวิตเตอร์’ พร้อมเซ็นไล่ออก 4 ผู้บริหาร ข้อหาหลอกลวง

รอยเตอร์สรายงานความเคลื่อนไหวของ อีลอน มัสก์ ซีอีโอเทสล่า มอเตอร์ ได้กลายเป็นเจ้าของใหม่ของทวิตเตอร์ โซเชียลแพลตฟอร์มชื่อดัง หลังปิดดีลมูลค่า 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์ที่ดำเนินการเจรจาซื้อกิจการมาตั้งแต่เมษายน โดยมัสก์ ประเดิมงานแรกในฐานะเจ้าของใหม่ ด้วยการเซ็นไล่ออก 4 ผู้บริหารชุดเดิมรวมถึง ปารัค อกราวัล (Parag Agrawal) CEO และเน็ต ซีกัล (Ned Segal) CFO และวิชญา กัทเด (Vijaya Gadde) หัวหน้าฝ่ายนโยบายและกฎหมาย

อีลอน กล่าวว่า เขาต้องการ “เอาชนะ” บอทสแปมบนทวิตเตอร์ สร้างอัลกอริธึมที่กำหนดวิธีการนำเสนอเนื้อหาต่อสาธารณะแก่ผู้ใช้ และป้องกันไม่ให้แพลตฟอร์มกลายเป็นห้องสะท้อนความเกลียดชังและการแบ่งแยก แม้ว่าเขาจะจำกัดการเซ็นเซอร์ก็ตาม

อย่างไรก็ตาม มัสก์ยังไม่ได้ให้รายละเอียดว่าเขาจะบรรลุเป้าหมายทั้งหมดนี้ได้อย่างไร และใครจะเป็นคนบริหารบริษัท เขาได้กล่าวว่าเขาวางแผนที่จะเลิกจ้างงาน ทำให้พนักงานของ Twitter ประมาณ 7,500 คนกังวลเกี่ยวกับอนาคตของพวกเขา นอกจากนี้ เขายังกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า เขาไม่ได้ซื้อ Twitter เพื่อสร้างรายได้ แต่ “เพื่อพยายามช่วยเหลือมนุษยชาติที่ผมรัก”

'ทิพานัน' มั่น 'บิ๊กตู่' พาไทยฮับผลิตอีวีแห่งอาเซียนได้แน่ หลังผู้ผลิตสนร่วมมาตรการส่งเสริมลงทุนเพียบ

'ทิพานัน' โชว์ยอดใช้รถอีวีเติบโต 7 เดือนแรก ปี 65 กว่า 2 หมื่นคัน ชี้ 'พล.อ.ประยุทธ์' นำไทยเป็นฐานการผลิตรถอีวีใหญ่ในภูมิภาคได้แน่นอน หลังผู้ผลิตรถอีวีสนใจเข้าร่วมมาตรการส่งเสริมลงทุนเพียบ เกิดการจ้างงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจครั้งใหญ่

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากแผนพลังงานแห่งชาติที่กำหนดกรอบให้ไทยมียานยนต์ไฟฟ้า หรือรถอีวี ที่ใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด โดยตั้งเป้าให้ ปี 2030 ต้องมีการใช้รถอีวีเพิ่มมากกว่า 50% เพื่อให้ปี 2040 สามารถทดแทนยานยนต์ที่ใช้น้ำมันได้ 100% ในกลุ่มรถใหม่ ซึ่งจะช่วยให้ไทยสามารถลดการใช้พลังงานน้ำมัน และส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยลดการเกิดฝุ่น pm 2.5 ด้วย โดยรัฐบาลได้ออกมาตรการสนับสนุนอุตสาหกรรมรถอีวีอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นเงินอุดหนุนรถยนต์ และรถกระบะคันละ 70,000-150,000 บาทต่อคัน และรถจักรยานยนต์ 18,000 บาทต่อคัน ลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์จาก 8% เป็น 2% และรถกระบะเป็น 0% ลดอากรขาเข้ารถยนต์ที่ผลิตต่างประเทศ และนำเข้าทั้งคัน (CBU) สูงสุด 40% สำหรับรถยนต์ ถึงปี 2566 และยกเว้นอากรขาเข้าส่วนประกอบรถยนต์อีวี จำนวน 9 รายการ เพื่อนำมาผลิตหรือประกอบอีวีในประเทศ (CKD) จำนวน 9 รายการ ส่งผลให้แนวโน้มการใช้รถอีวีของไทยเพิ่มสูงขึ้น

ผบ.ตร.มอบ รองฯต่อศักดิ์ ลุยจัดระเบียบสังคม ยาแรงฝ่าฝืนเสนอสั่งปิดทันที 5 ปี หากทำผิดซ้ำจำคุก 1 ปี เตือน ตร.ท้องที่ห้ามปล่อยปละละเลย

เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2565 เวลา 09.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ที่ดูแลงานป้องกันปราบปราม เปิดเผยว่า “พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ได้เรียกประชุมผู้บริหารระดับสูงงานป้องกันปราบปราม ที่ สง.ผบ.ตร. พร้อมมอบหมายให้ดูแลจัดระเบียบสถานบริการทั่วประเทศ โดยให้ดำเนินการตามคำสั่ง หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 22/2558 และแก้ไขเพิ่มเติมที่ 46/2559 โดยทุกสถานบริการ หรือสถานประกอบการที่เปิดบริการคล้ายสถานบริการ จะต้องไม่ยินยอม ปล่อยปละละเลยให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าไปใช้บริการไม่เปิดเกินเวลา ไม่ปล่อยให้มีการพกพาอาวุธ วัตถุระเบิด ยาเสพติดเข้าไปในสถานบริการ รวมถึงต้องไม่มีการค้ามนุษย์ในสถานบริการ หรือปล่อยให้มีการเล่นการพนันในสถานบริการ” 

'กรณ์' ไม่ขัด!! ปลดล็อกต่างชาติซื้อที่ดิน-ที่อยู่อาศัย เชื่อ!! ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ชี้!! ทดลอง 5 ปี ไม่ดีเลิก

'อดีตรมว.คลัง' เห็นด้วย ปลดล็อกต่างชาติซื้อที่ดินและที่อยู่อาศัยได้ ชี้!! กระตุ้นเศรษฐกิจ ทดลอง 5 ปี ไม่ดีเลิก แต่ต้องออกมาตรการภาษีอย่างรัดกุม ชี้แจงประชาชนให้คลายความกังวล  

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณี ครม.อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงมหาดไทย ปลดล็อกต่างชาติ ให้สามารถซื้อบ้าน-ถือครองที่ดินไม่เกิน 1 ไร่ แลกการลงทุนในไทยขั้นต่ำ 40 ล้านบาท ว่า โดยรวมมองว่าเป็นนโยบายที่น่าสนใจ เพราะจะเป็นจุดดึงดูดทุนจากต่างประเทศเข้าในประเทศไทย และตัวคนต่างชาติเองก็จะจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ดังนั้นมุมทางเศรษฐกิจ ในระยะสั้นก็จะมีเงินเข้ามาจากการซื้อที่ดิน ที่อยู่อาศัย และในระยะยาวกว่านั้นก็มาจากการจับจ่ายใช้สอย รวมทั้งการใช้ทักษะ ความรู้ความสามารถของเขา มาสร้างงาน สร้างโอกาสในบ้านเราด้วย 

อย่างไรก็ตาม นายกรณ์ ระบุว่า เป็นธรรมดาที่หลายคนอาจจะกังวล ในแง่ของผลข้างเคียง ว่าต่างชาติจะมาแย่งซื้อที่ซื้อบ้านจากคนไทยหรือไม่ ซึ่งก็เป็นสาเหตุที่ ครม.ได้วางกรอบกติกา เพื่อที่จะจำกัดผลค้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เช่น การที่ระบุว่า ต่างชาติที่สนใจจะเข้ามาซื้อที่ดิน หรือที่อยู่อาศัย ต้องมีเงินลงทุนผูกพัน ในประเทศไทย อย่างน้อย 3 ปี เป็นวงเงิน 40 ล้าน ซึ่งก็สะท้อนให้เห็นว่า ตัวมูลค่าสินค้า บ้านและที่ดิน ในราคาค่อนข้างสูง จะเป็นคนละตลาดกับการซื้อขายบ้านทั่วไป 

นอกจากนี้ กฎหมายยังจำกัดพื้นที่ในการซื้อที่ดิน ที่อยู่อาศัยเฉพาะในเขตเทศบาลเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้แย่งซื้อกับชาวบ้าน เกษตรกร ที่อยู่นอกเขตเทศบาล และการที่รัฐบาลจำกัดเวลาการทบทวนใน 5 ปี ก็ชี้ให้เห็นหลักคิดในเชิงแซนด์บ๊อกซ์ คือ ทำทดลองดู เรื่องนี้พูดกันมานานมาก ถกเถียงกันมาไม่มีข้อสรุป รัฐบาลเลยให้ลองดู 5 ปี มีข้อเสียมากกว่าข้อดี ก็สามารถยกเลิกกฎหมายได้ตามความเหมาะสม ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่า เป็นแนวทางที่ดี แต่ก็ต้องคอยดู จะเป็นอย่างไร 

เปิด 10 ทิศทางของ ‘สาธารณรัฐประชาชนจีน’ ภายใต้ผู้นำที่ชื่อ ‘สี จิ้นผิง’ ตลอดทศวรรษ

การประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 20 ปิดม่านไปเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยสี จิ้นผิง ครองอำนาจสูงสุดของพรรคเป็นสมัยที่ 3 พร้อมกับคัดเลือกทีมผู้นำระดับสูงสุดในคณะกรรมการประจำของกรมการเมืองมาร่วมปกครองประเทศ โดยทั้งหมดล้วนเป็นผู้ใกล้ชิดจงรักภักดีต่อสีจิ้นผิง ดังนั้น อำนาจใหญ่ของผู้นำสีในสมัยที่ 3 จึงทรงพลังที่สุดนับจากท่านประธานเหมาเจ๋อตง ผู้ประกาศสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน

ระหว่างช่วง 10 ปีที่สีครองอำนาจสูงสุดในพรรคนับจากสมัยแรกของการนำเมื่อปี 2012 จีนได้สร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างลึกล้ำทั้งภายในประเทศและกระจายไปทั่วโลก

สำนักข่าวรอยเตอร์ ได้นำเสนอ 10 เรื่อง หรือ 10 ทิศทางที่เปลี่ยนแปลงไปของจีนภายใต้การนำของสี ดังต่อไปนี้

1.) โลกตะวันตกและเหล่าพันธมิตรของสหรัฐอเมริกา มีความเข้าใจจีนในทางที่แย่ลง

ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ เสื่อมถอยลงอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีมานี้ โดยรัฐบาลพญาเหยี่ยวของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เร่งสปีดความเสื่อมถอยดังกล่าว ความเข้าใจของโลกตะวันตกยิ่งแย่ลง ๆ จากความขัดแย้งในประเด็นสิทธิมนุษยชน และการที่จีนทวีความแข็งกร้าวต่อไต้หวัน

2.) แคมเปญปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันของสี จิ้นผิง

หลังจากที่สีได้นั่งบัลลังก์อำนาจสูงสุดของพรรค ก็บุกตะลุยกวาดล้างการทุจริตคอร์รัปชันภายในพรรค ซึ่งเรียกคะแนนนิยมจากสาธารณชนได้เป็นกอบเป็นกำ แต่นักวิเคราะห์บางคนมองว่า แคมเปญปราบคอร์รัปชันของสี ยังเป็นเครื่องมือขจัดปฏิปักษ์การเมืองไปด้วย

3.) สร้างระเบียบความสงบเรียบร้อยตามชายแดนที่เคยเป็นเขตมีปัญหาวุ่นวาย

ภูมิภาคทิเบต ซินเจียง ฮ่องกง ซึ่งเป็นเขตปกครองตัวเองและเขตบริหารพิเศษภายใต้อธิปไตยจีน เคยสร้างความปวดเศียรหนักให้พรรคคอมมิวนิสต์จีน

สี ได้จัดปฏิบัติการปราบปรามที่เด็ดขาดอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน กวาดล้างเสี้ยนหนามที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของแผ่นดิน และคุมภูมิภาคชายแดนได้อยู่หมัด

ในซินเจียง ชาติส่วนน้อยมุสลิมอุยกูร์ราวหนึ่งล้าน เข้ามาฝึกฝนอาชีพในค่ายอาชีวศึกษา

ในฮ่องกง ทางการจีนได้จัดกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติมาปราบกลุ่มที่ออกมาประท้วงต่อต้านรัฐบาลในปี 2019 จนดินแดนเข้าสู่ภาวะสงบเรียบร้อยโรงเรียนจีน

4.) อุณหภูมิขัดแย้งไต้หวันสูงขึ้น

กลุ่มผู้นำสูงสุดของจีนทุกคนจากยุคเหมาเจ๋อตง ล้วนย้ำนักย้ำหนาถึงความสำคัญของการ “รวมชาติจีน” กับเกาะที่จัดตั้งรัฐบาลปกครองตัวเองแห่งไต้หวัน

ความตึงเครียดในช่องแคบไต้หวันร้อนกระฉูดภายใต้การนำของสี กองทัพปลอดแอกประชาชนจีนเพิ่มกิจกรรมเคลื่อนไหวรอบ ๆ เกาะในไม่กี่ปีมานี้ ทั้งหมั่นซ้อมรบ ไปยันรุกล้ำเข้าไปท้าทายในเขตป้องกันภัยทางอากาศ

ในเดือนสิงหาคม ประธานสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐฯ นางแนนซี โพโลซี ยังมาเยือนไทเป กระตุ้นหนวดพญามังกรอย่างย่ามใจยิ่ง และจีนก็ตอบสนองโดยจัดการซ้อมรบครั้งใหญ่ปิดล้อมเกาะไต้หวัน 3 วัน อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเช่นกัน

มทบ. 18 จัดพิธีอำลาผู้บังคับบัญชาและมอบประกาศเกียรติคุณให้ทหารกองประจำการที่ครบกำหนดปลดประจำการรุ่นปี 2563 ผลัดที่ 2

เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2565 ณ หน้ากองบัญชาการมณฑลทหารบกที่ 18 พลตรี อภิชัยวิไลเนตร ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 18 เป็นประธานพิธีอำลาผู้บังคับบัญชาพร้อมมอบประกาศเกียรติคุณให้ทหารกองประจำการ รุ่นปี 2563 ผลัดที่ 2 ซึ่งทหารกองประจำการที่ครบกำหนดปลดประจำการ ในวันที่ 1 กันยายน 2565 ของหน่วยทหารปลดทั้งหมด จำนวน150 นาย และรับใบประกาศทหารดีเด่น 48 นาย ณ หน้ากองบัญชาการมณฑลทหารบกที่ 18 ด้วยทหารกองประจำการ รุ่นปี2563 ผลัดที่ 2 ซึ่งได้เข้ารับราชการทหาร ตามพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พุทธศักราช 2497ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2563 ซึ่งจะครบกำหนดปลดเป็นทหารกองหนุน ในวันที่ 1กันยายน 2565

โดยทหารกองประจำการเหล่านี้ ที่รับราชการอยู่ เป็นผู้ที่มีระเบียบวินัย มีความประพฤติดีเรียบร้อย มีความเสียสละ  ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ด้วยความวิริยะอุตสาหะ ไม่เคยนำความเสื่อมเสียมาสู่หน่วย และปฏิบัติหน้าที่ จิตอาสาฯ ด้วยความดีดังกล่าวข้างต้นนี้ จึงได้จัดให้มีพิธีอำลาผู้บังคับบัญชา และประกาศเกียรติคุณ ในวันนี้ขึ้นมาเพื่อตอบแทนคุณงามความดี ที่ได้กระทำมาเพื่อเป็นเกียรติยศแก่วงศ์ตระกูลของกำลังพลดังกล่าว 

เปิดม่าน 15 ปี สุขภาพแห่งชาติ 'พลังภาคีสร้างสังคมสุขภาวะ' สช. และภาคี! ชูผลงานประจักษ์ รวมพลังผลักดันนโยบายสุขภาพเพื่อคนไทย

สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) รวมพลังภาคีเครือข่าย รวบรวมผลงานตลอดระยะเวลา 15 ปี ของการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพแบบมีส่วนร่วม พร้อมถอดบทเรียนความก้าวหน้าที่เป็นรูปธรรม นำเสนอประสบการณ์ และร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างภาคส่วนต่างๆ ในประเด็นสําคัญของประเทศ ในงาน 15 ปี สุขภาพแห่งชาติ “พลังภาคีสร้างสังคมสุขภาวะ” เพื่อนำไปสู่การสร้างความเป็นธรรมในระบบสุขภาพ โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และขับเคลื่อนแนวคิด “ทุกนโยบายห่วงใยสุขภาพ” ให้เป็นรูปธรรม

นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ กล่าวในการจัดงาน 15 ปีสุขภาพแห่งชาติ “พลังภาคีสร้างสังคมสุขภาวะ” ว่า นับตั้งแต่ที่สังคมไทยมีพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2550 จวบจนปัจจุบันนับเป็นเวลา 15 ปีแล้ว ซึ่งกฎหมายดังกล่าวได้ก่อให้เกิดกลไกและกระบวนการขับเคลื่อนนโยบายแบบมีส่วนร่วม โดยการขับเคลื่อนวิธีคิด สร้างจิตสำนึกสุขภาพใหม่ ซึ่งจะนำไปสู่สังคมสุขภาวะ มีการขยายมิติสุขภาพที่กว้างขึ้นครอบคลุม 4 มิติ ได้แก่ กาย ใจ สังคม และปัญญา โดยมีภาคีเครือข่ายต่างๆ ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้และทำงานร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาสุขภาพ ทั้งในระดับพื้นที่และระดับชาติ

โดยปีนี้ สช. ได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายด้านสุขภาพกว่า 40 องค์กร นำผลงานจากการขับเคลื่อนการพัฒนานโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพแบบมีส่วนร่วมตลอดระยะเวลา 15 ปี มานำเสนอและแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันในงาน โดยมีการนําผลงานที่เป็นประสบการณ์และบทเรียน หรือความก้าวหน้าเชิงรูปธรรมที่เกิดขึ้นจากการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพ อาทิ ธรรมนูญสุขภาพพื้นที่และธรรมนูญสุขภาพแห่งชาติ  การพัฒนาสิทธิหน้าที่ด้านสุขภาพของประชาชน การพัฒนากระบวนการสมัชชาสุขภาพทั้งเฉพาะพื้นที่/ประเด็นและ ระดับชาติ  การมีส่วนร่วมในการประเมินผลกระทบด้านสุขภาพ จากนโยบายยุทธศาสตร์แผนงานและโครงการ ตลอดจนกิจกรรมการพัฒนาที่มีต่อสุขภาพ ตามเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 เสนอสู่สาธารณชน  เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ ในประเด็นด้านสุขภาพที่สำคัญของประเทศ ซึ่งจะนําไปสู่การกำหนดทิศทางการพัฒนานโยบายสาธารณะแบบมีส่วนร่วมในอนาคตร่วมกัน โดยงานนี้ยังถือเป็นการสร้างพลังภาคีเครือข่าย สู่การสร้างความเป็นธรรมในระบบสุขภาพ โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และขับเคลื่อนแนวคิด“ทุกนโยบายห่วงใยสุขภาพ” ให้เป็นรูปธรรมด้วย

“การจัดงานในปีนี้จะเป็นรูปแบบลูกผสม หรือ Hybrid meeting โดยมีการถ่ายทอดสดการจัดงานผ่านสื่อออนไลน์ มีเนื้อหาหรือกิจกรรมสำคัญภายในงาน ประกอบด้วย นิทรรศการนำเสนอผลงานของภาคีเครือข่าย เวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้และนำเสนอภาพรวมการขับเคลื่อนงานที่ผ่านมา ความสำเร็จที่เป็นรูปธรรม กระบวนการนโยบายสาธารณะในอนาคต  ทิศทางและโอกาสการทำงานในอนาคต และท่านชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาให้เกียรติกล่าวปาฐกถาเปิดงานในหัวข้อ “การเมืองภาคพลเมือง กับการพัฒนาประเทศ” รวมทั้ง ศ.นพ.ประเวศ วะสี ปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “15 ปี พลังภาคีสร้างสังคมสุขภาวะ” ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้ นอกจากภาคีเครือข่ายต่างๆ จะได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ หรือนำองค์ความรู้ไปใช้ประโยชน์และพัฒนาปฏิรูประบบสุขภาพไทยในอนาคตแล้ว ยังทำให้เกิดความเข้าใจในทิศทาง และกระบวนการพัฒนานโยบายสาธารณะแบบมีส่วนร่วม และร่วมกันขับเคลื่อนการดำเนินงานตาม พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 ในอนาคตอีกด้วย” นพ.ประทีป กล่าว

'อบจ.ปทุมธานี' ยอมรับศักยภาพ อบจ.สมุทรปราการ จับมือ 'นายก.นันทิดา' ศึกษาขั้นตอนโครงการรถไฟฟ้า Monorail

ที่ภายในห้องประชุม ชั้น 3 อุทยานการเรียนรู้และหอชมเมือง จ.สมุทรปราการ นางสาวนันทิดา แก้วบัวสาย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วย นางสาวชนม์ทิดา อัศวเหม เลขานุการนายก อบจ.สมุทรปราการ นำคณะผู้บริหาร และสมาชิกสภา ร่วมให้การต้อนรับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ที่เดินทางมาเข้าร่วมรับฟังการบรรยายและศึกษาขั้นตอนกระบวนการดำเนินงานโครงการพัฒนาระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยว (Monorail) ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ 

โดยมี นายสิระพงษ์ สิริโพธินันท์ รองนายก อบจ.ปทุมธานี พลอากาศเอก สักก์สกล แสงสุกรัตน์วดี นายณเรศ คุชิตา นายธนศักดิ์ แป้นมุข ที่ปรึกษานายก อบจ.ปทุมธานี หัวหน้าส่วนราชการ และวิศวกรโยธา จำนวน 42 คน เพื่อรับฟังการบรรยายการศึกษาขั้นตอนและกระบวนการดำเนินงานโครงการพัฒนาระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยว (Monorail) ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งถือได้ว่าจังหวัดสมุทรปราการเป็นจังหวัดแรกที่นำร่องโครงการดังกล่าวนี้

โดยภายในที่ประชุม นางสาวนันทิดา แก้วบัวสาย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ให้เกียรติกล่าวให้การต้อนรับ คณะผู้บริหารองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี โดยมี นางสาวชนม์ทิดา อัศวเหม เลขานุการนายก อบจ.สมุทรปราการ ดร.รัชชานนท์ ทองอร่าม นายสมลักษณ์ ควรสงวน รองนายก อบจ.สมุทรปราการ นายมนัส บุญอารย์ นายสมหวัง เกษมโกสินทร์ นายวสุพล จันทร์พวง เลขานุการนายก อบจ.สมุทรปราการ นายนิคม บุญมาก ที่ปรึกษานายก อบจ.สมุทรปราการ ดร.พิริยะ โตสกุลวงศ์ รองประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ และในฐานะผู้แทนนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ นายวิมล มงคลเจริญ ปลัด อบจ.สมุทรปราการ ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการ ร่วมให้การต้อนรับ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top