เปิด 10 ทิศทางของ ‘สาธารณรัฐประชาชนจีน’ ภายใต้ผู้นำที่ชื่อ ‘สี จิ้นผิง’ ตลอดทศวรรษ

การประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 20 ปิดม่านไปเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยสี จิ้นผิง ครองอำนาจสูงสุดของพรรคเป็นสมัยที่ 3 พร้อมกับคัดเลือกทีมผู้นำระดับสูงสุดในคณะกรรมการประจำของกรมการเมืองมาร่วมปกครองประเทศ โดยทั้งหมดล้วนเป็นผู้ใกล้ชิดจงรักภักดีต่อสีจิ้นผิง ดังนั้น อำนาจใหญ่ของผู้นำสีในสมัยที่ 3 จึงทรงพลังที่สุดนับจากท่านประธานเหมาเจ๋อตง ผู้ประกาศสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน

ระหว่างช่วง 10 ปีที่สีครองอำนาจสูงสุดในพรรคนับจากสมัยแรกของการนำเมื่อปี 2012 จีนได้สร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างลึกล้ำทั้งภายในประเทศและกระจายไปทั่วโลก

สำนักข่าวรอยเตอร์ ได้นำเสนอ 10 เรื่อง หรือ 10 ทิศทางที่เปลี่ยนแปลงไปของจีนภายใต้การนำของสี ดังต่อไปนี้

1.) โลกตะวันตกและเหล่าพันธมิตรของสหรัฐอเมริกา มีความเข้าใจจีนในทางที่แย่ลง

ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ เสื่อมถอยลงอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีมานี้ โดยรัฐบาลพญาเหยี่ยวของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เร่งสปีดความเสื่อมถอยดังกล่าว ความเข้าใจของโลกตะวันตกยิ่งแย่ลง ๆ จากความขัดแย้งในประเด็นสิทธิมนุษยชน และการที่จีนทวีความแข็งกร้าวต่อไต้หวัน

2.) แคมเปญปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันของสี จิ้นผิง

หลังจากที่สีได้นั่งบัลลังก์อำนาจสูงสุดของพรรค ก็บุกตะลุยกวาดล้างการทุจริตคอร์รัปชันภายในพรรค ซึ่งเรียกคะแนนนิยมจากสาธารณชนได้เป็นกอบเป็นกำ แต่นักวิเคราะห์บางคนมองว่า แคมเปญปราบคอร์รัปชันของสี ยังเป็นเครื่องมือขจัดปฏิปักษ์การเมืองไปด้วย

3.) สร้างระเบียบความสงบเรียบร้อยตามชายแดนที่เคยเป็นเขตมีปัญหาวุ่นวาย

ภูมิภาคทิเบต ซินเจียง ฮ่องกง ซึ่งเป็นเขตปกครองตัวเองและเขตบริหารพิเศษภายใต้อธิปไตยจีน เคยสร้างความปวดเศียรหนักให้พรรคคอมมิวนิสต์จีน

สี ได้จัดปฏิบัติการปราบปรามที่เด็ดขาดอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน กวาดล้างเสี้ยนหนามที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของแผ่นดิน และคุมภูมิภาคชายแดนได้อยู่หมัด

ในซินเจียง ชาติส่วนน้อยมุสลิมอุยกูร์ราวหนึ่งล้าน เข้ามาฝึกฝนอาชีพในค่ายอาชีวศึกษา

ในฮ่องกง ทางการจีนได้จัดกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติมาปราบกลุ่มที่ออกมาประท้วงต่อต้านรัฐบาลในปี 2019 จนดินแดนเข้าสู่ภาวะสงบเรียบร้อยโรงเรียนจีน

4.) อุณหภูมิขัดแย้งไต้หวันสูงขึ้น

กลุ่มผู้นำสูงสุดของจีนทุกคนจากยุคเหมาเจ๋อตง ล้วนย้ำนักย้ำหนาถึงความสำคัญของการ “รวมชาติจีน” กับเกาะที่จัดตั้งรัฐบาลปกครองตัวเองแห่งไต้หวัน

ความตึงเครียดในช่องแคบไต้หวันร้อนกระฉูดภายใต้การนำของสี กองทัพปลอดแอกประชาชนจีนเพิ่มกิจกรรมเคลื่อนไหวรอบ ๆ เกาะในไม่กี่ปีมานี้ ทั้งหมั่นซ้อมรบ ไปยันรุกล้ำเข้าไปท้าทายในเขตป้องกันภัยทางอากาศ

ในเดือนสิงหาคม ประธานสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐฯ นางแนนซี โพโลซี ยังมาเยือนไทเป กระตุ้นหนวดพญามังกรอย่างย่ามใจยิ่ง และจีนก็ตอบสนองโดยจัดการซ้อมรบครั้งใหญ่ปิดล้อมเกาะไต้หวัน 3 วัน อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเช่นกัน

5.) มีบทบาทใหญ่ในด้านเศรษฐกิจมากขึ้น

สี ได้เข้ามาควบคุมฝ่ายรัฐและชี้นำทิศทางเศรษฐกิจ รวมทั้งลุยกวาดล้างภาคที่มีอิสระเสรีมากที่สุดในภาคเอกชน โดยเฉพาะเหล่าแพลตฟอร์มออนไลน์ และสถาบันการศึกษาที่แสวงหากำไร

การกวาดล้างภาคธุรกิจเหล่านี้ อีกทั้งผลกระทบจากมาตรการควบคุมโควิด-19 ดันอัตราว่างงานในเมืองสูงขึ้น พร้อม ๆ กับความมั่นใจผู้บริโภคหล่นกระจาย

6.) อัตราเติบโตเศรษฐกิจชะลอตัว รายได้สูงขึ้น

ยุคของการเติบโตด้วยตัวเลข 2 หลักต่อปีได้สิ้นสุดลงก่อนที่สี จะขึ้นนั่งเก้าอี้นายใหญ่พรรคสมัยแรก จากนั้นเส้นกราฟอัตราเติบโตก็ทิ่มหัวลง ๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ขณะที่ขนาดเศรษฐกิจขยายใหญ่ รายได้ประชาชนสูงขึ้นอย่างมั่นคงภายในการนำของสี

กลุ่มนักวิเคราะห์จำนวนมากได้ออกมาเตือนว่ารูปแบบการลงทุนที่เน้นภาคโครงสร้างพื้นฐานที่มีการทุ่มทุนมหาศาล ยิ่งจะสร้างการเจริญเติบโตที่ไม่ยั่งยืน ขณะที่การชะลอตัวดำเนินต่อไป

7.) การปราบพวกที่มีความเห็นไม่ลงรอยกับรัฐ และขยายการเซ็นเซอร์

สีปราบปรามกลุ่มประท้วงและกลุ่มวิพาษ์วิจารณ์ในประเทศเฮี้ยน ปิดเวทีพื้นที่สำหรับพวกที่มีความเห็นแตกแยก การเซ็นเซอร์ภายใน ‘กำแพงไฟมหึมา’ (Great Firewall) เป็นไปอย่างเข้มข้น

8.) กองทัพใหญ่สุดของโลกขยายใหญ่ ทันสมัย

กองทัพปลดแอกประชาชนจีน ที่มีสีเป็นผู้นำนั้น ได้ถมช่องว่าง (การพัฒนา) ระหว่างสหรัฐฯ รวมทั้งในเขตทะเลลึก ซึ่งเกี่ยวพันกับความตึงเครียดรอบ ๆ เกาะไต้หวัน ขณะที่ขีดความสามารถในการยึดเกาะของจีนกล้าแข็งขึ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่บางคนในสหรัฐฯ ออกมาเตือนว่าได้ร่นกำหนดเวลาเร็วขึ้นในการรวมชาติไต้หวัน

9.) จีนนำลิ่วในด้านเทคโนโลยีสีเขียว และในด้านขจัดมลพิษ

จีนสู้ยิบตาที่จะลดการพึ่งพิงถ่านหิน จนผงาดขึ้นมาเป็นผู้นำโลกในภาคการผลิตรถยนต์พลังงานใหม่ และยังเรียกกระแสแซ่ซ้องสรรเสริญในการให้คำมั่นสัญญาว่าจะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (carbon neutrality) ในปี 2060 (คือการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์) ที่เห็นได้ชัดที่สุดคือคุณภาพอากาศในจีนดีขึ้นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

10.) ขจัดความยากจนขั้นรุนแรง แต่ความเหลื่อมล้ำยังคงอยู่

สี ได้ประกาศภารกิจการขจัดความยากจนขั้นรุนแรง เป็นผลงานชิ้นโบแดงของพรรคคอมมิวนิสต์ใน 10 ปีที่ผ่านมา

ในด้านความเสมอภาค อย่างไรก็ตาม ยังเป็นความท้าทายใหญ่ โดยเฉพาะช่องว่างรายได้ระหว่างคนเมืองและคนชนบท สีพยายามแก้ไขปัญหาโดยชูนโยบาย ‘ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน’

ตัวเลขของดัชนีจีนี (Gini coefficient) ที่ชี้วัดความเหลื่อมล้ำการกระจายรายได้ของจีน แม้ว่าได้ลดลงในไม่กี่ปีมานี้ แต่จีนก็ยังเป็นหนึ่งในกลุ่มเขตเศรษฐกิจใหญ่ที่มีความเหลื่อมล้ำทางรายได้สูงที่สุด เช่นเดียวกับสหรัฐฯ


ที่มา : https://mgronline.com/china/detail/9650000102809