Monday, 9 June 2025
การเมืองโลก

ส.ส.หัวเสรีนิยมจากพรรคเดโมแครตโดนถล่มเละ หลังเรียกร้องยุติสงครามยูเครนด้วยการเจรจา

รอยเตอร์ส - เมื่อ (25 ต.ค.) ที่ผ่านมากลุ่มส.ส.หัวเสรีนิยมจากพรรคเดโมแครต ตัดสินใจถอนหนังสือฉบับหนึ่งที่ส่งถึงทำเนียบขาว เรียกร้องให้หาทางคลี่คลายวิกฤตสงครามในยูเครนด้วยการเจรจา หลังจากความเคลื่อนไหวดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์จากคนในพรรคของพวกเขาเอง

พรามิลา จายาปาล ส.ส.จากพรรคเดโมเครต ประธานกลุ่ม ส.ส.หัวก้าวหน้าในสภาคองเกรสของสหรัฐฯ (Congressional Progressive Caucus) กล่าวว่า "ทางกลุ่มได้ถอนหนังสือในเรื่องเกี่ยวกับยูเครน ที่ส่งถึงทำเนียบขาวเมื่อเร็ว ๆ นี้" พร้อมระบุว่า "หนังสือฉบับนี้ร่างไว้ตั้งแต่หลายเดือนก่อน เคราะห์ร้ายที่มันถูกเผยแพร่โดยเจ้าหน้าที่โดยไม่ผ่านการตรวจสอบ"

หนังสือฉบับนี้ที่ลงนามโดยสมาชิกหัวก้าวหน้า 30 คน ถูกเผยแพร่ต่อสาธารณชนเมื่อวันจันทร์ (24 ต.ค.) และทำให้ส.ส.ของพรรคเดโมแครตคนอื่น ๆ รู้สึกเหมือนถูกเล่นงานโดยไม่ทันตั้งตัว ราว 2 สัปดาห์ ก่อนถึงศึกเลือกตั้งกลางเทอมในวันที่ 8 พฤศจิกายน ซึ่งจะเป็นตัวตัดสินว่าพรรคจะยังคงครองเสียงข้างมากในสภาคองเกสไว้ได้หรือไม่

ขณะเดียวกันหนังสือฉบับนี้ได้ถูกเผยแพร่ออกมา ในช่วงเวลาที่สมาชิกรีพับลิกันก็มีเรื่องให้กังวลเช่นกัน หลังมีข่าวว่าทางพรรคอาจปรับลดเงินช่วยเหลือทางทหารและมนุษยธรรม ที่มอบให้แก่ยูเครนนับตั้งแต่ถูกรัสเซียเปิดฉากรุกรานในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งมันก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง

หลังถูกวิจารณ์อย่างหนัก สมาชิกของกลุ่มส.ส.หัวก้าวหน้าในสภาคองเกรสหลายคน เผยแพร่ถ้อยแถลงแสดงจุดยืนสนุบสนุนยูเครน เน้นย้ำว่าที่ผ่านมา พวกเขาก็ให้ความร่วมมือกับสมาชิกเดโมแครตคนอื่นๆ ในการลงมติเห็นชอบมอบเงินช่วยเหลือหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐแก่ยูเครน

บางส่วนในนั้นอ้างว่าพวกเขาลงนามในหนังสือดังกล่าวตั้งแต่หลายเดือนก่อน และตอนนี้สิ่งต่าง ๆ ได้เปลี่ยนไปแล้ว 

"จังหวะเวลาของการเจรจาคือทุก ๆ อย่าง ฉันลงนามในหนังสือนี้เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน แต่หลายสิ่งหลายอย่างได้เปลี่ยนไปแล้วนับตั้งแต่นั้น ถ้าเป็นวันนี้ ฉันจะไม่ลงนามมัน" ส.ส.ซารา จาค็อบส เขียนบนทวิเตอร์

ส.ส.เจมี ราสคิน ซึ่งลงนามในหนังสือดังกล่าวเช่นกัน ระบุในถ้อยแถลงว่า เขารู้สึกยินดีที่ได้ทราบว่ามันถูกถอนออกมาแล้ว

เปิด 10 ทิศทางของ ‘สาธารณรัฐประชาชนจีน’ ภายใต้ผู้นำที่ชื่อ ‘สี จิ้นผิง’ ตลอดทศวรรษ

การประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 20 ปิดม่านไปเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยสี จิ้นผิง ครองอำนาจสูงสุดของพรรคเป็นสมัยที่ 3 พร้อมกับคัดเลือกทีมผู้นำระดับสูงสุดในคณะกรรมการประจำของกรมการเมืองมาร่วมปกครองประเทศ โดยทั้งหมดล้วนเป็นผู้ใกล้ชิดจงรักภักดีต่อสีจิ้นผิง ดังนั้น อำนาจใหญ่ของผู้นำสีในสมัยที่ 3 จึงทรงพลังที่สุดนับจากท่านประธานเหมาเจ๋อตง ผู้ประกาศสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน

ระหว่างช่วง 10 ปีที่สีครองอำนาจสูงสุดในพรรคนับจากสมัยแรกของการนำเมื่อปี 2012 จีนได้สร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างลึกล้ำทั้งภายในประเทศและกระจายไปทั่วโลก

สำนักข่าวรอยเตอร์ ได้นำเสนอ 10 เรื่อง หรือ 10 ทิศทางที่เปลี่ยนแปลงไปของจีนภายใต้การนำของสี ดังต่อไปนี้

1.) โลกตะวันตกและเหล่าพันธมิตรของสหรัฐอเมริกา มีความเข้าใจจีนในทางที่แย่ลง

ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ เสื่อมถอยลงอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีมานี้ โดยรัฐบาลพญาเหยี่ยวของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เร่งสปีดความเสื่อมถอยดังกล่าว ความเข้าใจของโลกตะวันตกยิ่งแย่ลง ๆ จากความขัดแย้งในประเด็นสิทธิมนุษยชน และการที่จีนทวีความแข็งกร้าวต่อไต้หวัน

2.) แคมเปญปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันของสี จิ้นผิง

หลังจากที่สีได้นั่งบัลลังก์อำนาจสูงสุดของพรรค ก็บุกตะลุยกวาดล้างการทุจริตคอร์รัปชันภายในพรรค ซึ่งเรียกคะแนนนิยมจากสาธารณชนได้เป็นกอบเป็นกำ แต่นักวิเคราะห์บางคนมองว่า แคมเปญปราบคอร์รัปชันของสี ยังเป็นเครื่องมือขจัดปฏิปักษ์การเมืองไปด้วย

3.) สร้างระเบียบความสงบเรียบร้อยตามชายแดนที่เคยเป็นเขตมีปัญหาวุ่นวาย

ภูมิภาคทิเบต ซินเจียง ฮ่องกง ซึ่งเป็นเขตปกครองตัวเองและเขตบริหารพิเศษภายใต้อธิปไตยจีน เคยสร้างความปวดเศียรหนักให้พรรคคอมมิวนิสต์จีน

สี ได้จัดปฏิบัติการปราบปรามที่เด็ดขาดอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน กวาดล้างเสี้ยนหนามที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของแผ่นดิน และคุมภูมิภาคชายแดนได้อยู่หมัด

ในซินเจียง ชาติส่วนน้อยมุสลิมอุยกูร์ราวหนึ่งล้าน เข้ามาฝึกฝนอาชีพในค่ายอาชีวศึกษา

ในฮ่องกง ทางการจีนได้จัดกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติมาปราบกลุ่มที่ออกมาประท้วงต่อต้านรัฐบาลในปี 2019 จนดินแดนเข้าสู่ภาวะสงบเรียบร้อยโรงเรียนจีน

4.) อุณหภูมิขัดแย้งไต้หวันสูงขึ้น

กลุ่มผู้นำสูงสุดของจีนทุกคนจากยุคเหมาเจ๋อตง ล้วนย้ำนักย้ำหนาถึงความสำคัญของการ “รวมชาติจีน” กับเกาะที่จัดตั้งรัฐบาลปกครองตัวเองแห่งไต้หวัน

ความตึงเครียดในช่องแคบไต้หวันร้อนกระฉูดภายใต้การนำของสี กองทัพปลอดแอกประชาชนจีนเพิ่มกิจกรรมเคลื่อนไหวรอบ ๆ เกาะในไม่กี่ปีมานี้ ทั้งหมั่นซ้อมรบ ไปยันรุกล้ำเข้าไปท้าทายในเขตป้องกันภัยทางอากาศ

ในเดือนสิงหาคม ประธานสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐฯ นางแนนซี โพโลซี ยังมาเยือนไทเป กระตุ้นหนวดพญามังกรอย่างย่ามใจยิ่ง และจีนก็ตอบสนองโดยจัดการซ้อมรบครั้งใหญ่ปิดล้อมเกาะไต้หวัน 3 วัน อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเช่นกัน

‘ดร.สุวินัย’ ชี้!! ‘ชนชั้นปกครอง’ เดินเกม ‘พาไทยให้รอดจากศึกช้างชนกัน’ มองการเมืองโลกในความเป็นจริง ละทิ้ง ‘ความรัก-ความชัง’ มุ่งพาชาติพ้นภัย

(20 ส.ค. 67) รศ.ดร.สุวินัย ภรณวลัย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ การจับมือกันเพื่อดำเนินยุทธศาสตร์ ‘เอาไทยให้รอดจากช้างชนกัน’ ระบุว่า…

ถ้ามองหมากทั้งกระดานจากสายตาของ ผู้คุมเกม ไม่มีเรื่องราวใดสำคัญไปกว่าความอยู่รอดของบ้านเมือง ท่ามกลางบริบทของสงครามใหญ่ (ช้างชนกัน) หรือ ‘สงครามโลกครั้งที่ 3’ ที่เริ่มต้นแล้วในทางพฤตินัย จากสงครามยูเครน (NATO) กับรัสเซีย และสงครามในตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอลและฝ่ายต่อต้านที่มีอิหร่านเป็นแกนนำ

ตอนนี้ดูเหมือนว่าในระดับชนชั้นปกครอง ได้มีการ ‘แบ่งงาน’ และ ‘แบ่งอำนาจ’ กันระหว่างทหารกับทักษิณและอนุทิน อย่างค่อนข้างชัดเจนและลงตัวแล้ว

'ทหาร' สร้างสัมพันธ์อันดีกับทางจีน รัสเซีย ซาอุดีอาระเบีย

'ทักษิณ' สร้างสัมพันธ์อันดีแบบแน่นปึ้กกับทางตะวันตก โดยเฉพาะอเมริกา

'อนุทิน' รับงานทำหน้าที่ปรับสมดุลแห่งสมการทางอำนาจ ปิดทางทักษิณจับมือกับธนาธร

นี่คือความเป็นจริงของ Real Politics ที่นักยุทธศาสตร์และนักกลยุทธ์ทั้งหลายไม่ว่าสังกัดค่ายพรรคใด จะต้องก้าวข้ามอคติความเกลียดชังส่วนบุคคลที่มีต่อทหาร หรือต่อทักษิณให้จงได้

เพราะเกมยุทธศาสตร์เพื่อความอยู่รอดของบ้านเมืองท่ามกลางสถานการณ์โลกที่ช้างกำลังชนกัน ... เกมมันต้องเดินทรงนี้ทรงเดียวเท่านั้น เพื่อความอยู่รอดปลอดภัยของคนไทยทั้งประเทศ

การที่ทักษิณหวนกลับมาสู่สมการอำนาจไทยอย่างเท่ ๆ ได้อีกครั้ง มันย่อมมีราคาที่ทักษิณต้องจ่ายหรือต้องเสี่ยงเช่นกัน

สั้น ๆ 'ทักษิณ' ยังเป็นหมากที่มีคุณค่าสำหรับชนชั้นปกครองไทย ในยุทธศาสตร์ ‘เอาไทยให้รอดจากช้างชนกัน’

ทั้งทหาร ทักษิณ และอนุทินต้องอยู่ด้วยกัน เพื่อสร้างยุทธศาสตร์เอาตัวรอดจากช้างชนกัน

ฝ่ายหนึ่งกุมจุดอ่อนของอีกฝ่ายหนึ่งเอาไว้เพื่อต่อรองและป้องกันการหักหลัง แล้วจึงปล่อยให้เจ้าตัวสนุกกับการเล่นเกมบนเวทีอำนาจอีกครั้งในช่วงบั้นปลายชีวิต ขณะที่อีกฝ่ายซุ่มซ่อนตัวอยู่หลังฉากในฐานะที่เป็นรัฐพันลึก (deep state)

ขณะนี้ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า ปี ค.ศ. 2030 หรืออีกหกปีข้างหน้า โลกจะดำดิ่งเข้าสู่สภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (The Great Depression) และสงครามใหญ่ที่เป็นสงครามโลกครั้งที่สาม

อนาคตอันรุ่งโรจน์ของไทยย่อมขึ้นอยู่กับความสามารถของชนชั้นปกครองไทยในการนำพาบ้านเมืองให้อยู่รอดปลอดภัยด้วยยุทธศาสตร์ ‘เอาไทยให้รอดจากช้างชนกัน’ ที่กำลังดำเนินอยู่ผ่านหมากทหาร หมากทักษิณ และหมากอนุทิน

ตราบใดที่มวลชนไม่ว่าสังกัดค่ายพรรคสีใด ยังมอง ‘การเมืองในโลกแห่งความเป็นจริง’ ด้วยสายตารักหรือชังอยู่ ตราบนั้นพวกเขาก็คงไม่สามารถมองเกมแห่งอำนาจให้ทะลุอย่างมองเห็นหมากทั้งกระดานได้

หากยังทำใจให้มองความเป็นจริงอย่างเยือกเย็นและไร้อารมณ์ไม่ได้ ก็จงเตรียมตัวให้พร้อมด้วยความไม่ประมาท เพื่อเอาตัวรอดให้ได้จากผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจตกต่ำยืดเยื้อและสงครามใหญ่ต่อจากนี้เถิด

...เพราะมันมาแน่และเกิดขึ้นแน่

ด้วยความปรารถนาดี

~ สุวินัย ภรณวลัย

ถอดรหัส 'การส่งออกก๊าซระหว่างรัสเซียและอิหร่าน' การสร้างพันธมิตรทางพลังงานและผลกระทบต่อภูมิรัฐศาสตร์

ในระยะหลังความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและอิหร่านในด้านพลังงานมีการพัฒนาและขยายตัวอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในแง่ของการค้าพลังงาน ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อภูมิรัฐศาสตร์โลก การตกลงของรัสเซียที่จะเริ่มการส่งก๊าซไปยังอิหร่านในปีนี้ถือเป็นการเปิดโอกาสใหม่ในความร่วมมือทางพลังงานระหว่างสองประเทศนี้ ข้อตกลงดังกล่าวไม่เพียงแต่จะเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างรัสเซียและอิหร่าน แต่ยังส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อทิศทางการเมืองและภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาคตะวันออกกลางและมีศักยภาพที่จะเปลี่ยนแปลงสมดุลอำนาจในระดับโลกได้

อิหร่านเป็นหนึ่งในประเทศที่มีทรัพยากรพลังงานสำคัญ โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติในขณะที่รัสเซียก็เป็นผู้ผลิตพลังงานรายใหญ่ของโลก การที่ทั้งสองประเทศสามารถทำข้อตกลงในเรื่องการส่งก๊าซจะทำให้ทั้งสองฝ่ายมีอำนาจในการควบคุมตลาดพลังงานในภูมิภาคและสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับทั้งสองประเทศ ขณะเดียวกันการร่วมมือด้านพลังงานนี้ยังช่วยเสริมสร้างบทบาทของทั้งสองประเทศในฐานะ "ผู้เล่นสำคัญ" ในการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะในภูมิภาคตะวันออกกลางที่มีความขัดแย้งและการแทรกแซงจากประเทศภายนอกรวมถึงสหรัฐอเมริกาและพันธมิตรตะวันตก

จากมุมมองของรัสเซียการส่งก๊าซไปยังอิหร่านไม่เพียงแต่เป็นการเสริมสร้างพันธมิตรทางพลังงานที่สามารถช่วยให้รัสเซียมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระยะยาวแต่ยังเป็นการแสดงออกถึงอิทธิพลของรัสเซียในภูมิภาคตะวันออกกลางที่ซึ่งการมีอำนาจในตลาดพลังงานเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางภูมิรัฐศาสตร์ ขณะเดียวกันอิหร่านก็จะได้รับประโยชน์จากการเพิ่มการจัดหาก๊าซในตลาดภายในประเทศและเพิ่มความสัมพันธ์ทางการค้ากับหนึ่งในประเทศที่มีอิทธิพลที่สุดในโลก อย่างไรก็ตามข้อตกลงนี้ไม่เพียงแต่จะกระทบต่อเศรษฐกิจและการเมืองภายในสองประเทศเท่านั้นแต่ยังสะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงในระบบภูมิรัฐศาสตร์โลกโดยเฉพาะในแง่ของการยกระดับความตึงเครียดกับชาติตะวันตกและการสร้างแนวทางใหม่ในการคัดค้านการแทรกแซงจากมหาอำนาจต่างๆ การขยายตัวของความสัมพันธ์พลังงานระหว่างรัสเซียและอิหร่านจึงถือเป็นเรื่องที่สำคัญไม่เพียงแต่ในแง่ของผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจแต่ยังมีผลต่อการปรับเปลี่ยนทิศทาง ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

ในด้านเศรษฐกิจรัสเซียได้เผชิญกับผลกระทบจากการคว่ำบาตรที่เข้มข้นจากสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป โดยเฉพาะในด้านการส่งออกพลังงาน ทำให้ต้องหาตลาดใหม่เพื่อทดแทนการสูญเสียตลาดยุโรปที่มีมูลค่าสูง ขณะเดียวกันการขยายตลาดไปยังเอเชียกลางและตะวันออกกลางช่วยให้รัสเซียสามารถรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดพลังงานโลก อิหร่านเองก็มีสถานการณ์คล้ายกัน เนื่องจากการคว่ำบาตรจากสหรัฐอเมริกาและพันธมิตรทำให้การส่งออกก๊าซและน้ำมันของประเทศถูกจำกัด การมีพันธมิตรในรัสเซียจึงเป็นโอกาสที่อิหร่านสามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบจากการคว่ำบาตรและเพิ่มการเข้าถึงตลาดพลังงานใหม่ๆ ทั้งในแง่ของการส่งออกและการบริโภคในประเทศ การตกลงเพื่อส่งก๊าซระหว่างทั้งสองประเทศจึงมีความสำคัญในฐานะการเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานและเศรษฐกิจของทั้งรัสเซียและอิหร่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่การกดดันทางเศรษฐกิจจากประเทศตะวันตกยังคงมีอยู่

ผลประโยชน์ที่ทั้งสองชาติจะได้รับจากการส่งออกก๊าซ
รัสเซีย: การส่งก๊าซไปยังอิหร่านถือเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจที่สำคัญในการขยายตลาดไปยังภูมิภาคที่มีความต้องการพลังงานสูงในช่วงนี้ การมีตลาดพลังงานใหม่ในอิหร่านและพื้นที่ตะวันออกกลางจะทำให้รัสเซียสามารถกระจายการพึ่งพาตลาดยุโรปได้มากขึ้น นอกจากนี้การเป็นผู้ส่งออกก๊าซหลักไปยังอิหร่านจะช่วยเพิ่มบทบาทของรัสเซียในฐานะผู้นำทางพลังงานของโลกในระดับภูมิภาคและทั่วโลก

อิหร่าน: สำหรับอิหร่านการรับก๊าซจากรัสเซียจะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงในด้านพลังงานภายในประเทศ ในขณะที่ประเทศกำลังเผชิญกับปัญหาการผลิตพลังงานภายในที่ลดลงจากการคว่ำบาตรต่างๆ การมีรัสเซียเป็นพันธมิตรทางพลังงานจะช่วยให้การจัดหาก๊าซธรรมชาติที่มีราคาถูกและสะดวกสบายยิ่งขึ้นซึ่งจะมีผลดีต่ออุตสาหกรรมต่างๆ ของประเทศ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มศักยภาพในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานพลังงานภายในประเทศและยกระดับการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ในทางภูมิรัฐศาสตร์ความร่วมมือทางพลังงานนี้ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างรัสเซียและอิหร่าน โดยทำให้ทั้งสองประเทศสามารถรับมือกับการแทรกแซงจากต่างชาติได้ดีขึ้นทั้งในระดับเศรษฐกิจและการเมือง ส่งผลให้พวกเขามีอิทธิพลมากขึ้นในเวทีระหว่างประเทศ

การตอบสนองของโลกตะวันตกต่อการขยายอิทธิพลของรัสเซียในภูมิภาค
ข้อตกลงระหว่างรัสเซียและอิหร่านในเรื่องการส่งออกก๊าซธรรมชาติได้สร้างความวิตกกังวลในหมู่ประเทศตะวันตกที่อาจมองว่าการร่วมมือทางพลังงานระหว่างสองประเทศนี้อาจเสริมสร้างอิทธิพลของรัสเซียในภูมิภาคมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในบริบทที่รัสเซียและอิหร่านมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดในหลาย ๆ ด้าน เช่น ความมั่นคงทางทหารและภูมิรัฐศาสตร์ ทั้งสองประเทศต่างมีความมุ่งมั่นที่จะท้าทายอิทธิพลของสหรัฐฯ และพันธมิตรตะวันตกในตะวันออกกลางและพื้นที่อื่น ๆ การที่รัสเซียสามารถส่งออกก๊าซให้กับอิหร่านได้มากขึ้น น่าจะเป็นการเสริมสร้างความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างกัน ซึ่งสามารถมีผลต่ออำนาจการต่อรองในหลาย ๆ สนาม

การขยายความสัมพันธ์ทางพลังงานระหว่างรัสเซียและอิหร่านคงจะไม่ได้ผ่านไปอย่างราบรื่น เนื่องจากโลกตะวันตกโดยเฉพาะสหรัฐฯ และประเทศในยุโรปมีท่าทีต่อต้านการพัฒนาเศรษฐกิจและความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการส่งออกพลังงานในปริมาณมาก สิ่งนี้สามารถเสริมสร้างสถานะของอิหร่านในฐานะผู้ผลิตพลังงานสำคัญในภูมิภาคและลดผลกระทบของการคว่ำบาตรที่สหรัฐฯ และ EU ได้ใช้กับอิหร่านมาก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ และประเทศพันธมิตรในยุโรปอาจตอบสนองด้วยการใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจที่เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น เช่น การจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีพลังงาน หรือการห้ามการลงทุนในโครงสร้างพลังงานของอิหร่าน นอกจากนี้อาจมีการใช้มาตรการทางการทูตเพื่อกดดันรัสเซียและอิหร่านให้ลดความร่วมมือในภาคพลังงานรวมถึงการขยายการคว่ำบาตรจากองค์กรระหว่างประเทศ เช่น สหประชาชาติหรือ G7 เพื่อลดความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างทั้งสองประเทศ

การร่วมมือระหว่างรัสเซียและอิหร่านในด้านพลังงานสร้างความท้าทายทางการทูตที่ซับซ้อนสำหรับโลกตะวันตก โดยเฉพาะในกรณีที่สหรัฐฯ และพันธมิตรไม่สามารถหาทางออกที่สามารถหยุดยั้งการเติบโตของความสัมพันธ์นี้ได้ ความพยายามที่จะจำกัดการเข้าถึงทรัพยากรพลังงานและการส่งออกของอิหร่านอาจทำให้เกิดปัญหาทางการทูตในด้านต่าง ๆ อาทิเช่น การขยายบทบาทของรัสเซียในพื้นที่ที่มีความขัดแย้ง เช่น ในซีเรีย หรือลงลึกไปในการช่วยเหลือด้านพลังงานที่อาจสนับสนุนโครงการทางทหารของอิหร่านที่มีความเสี่ยงสูง

ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างสองขั้วอำนาจนี้ สหรัฐฯ และพันธมิตรอาจมีการปรับกลยุทธ์ทางการทูตเพื่อเผชิญหน้ากับการพัฒนาความสัมพันธ์ทางพลังงานของรัสเซียและอิหร่าน โดยการเจรจากับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเพื่อเพิ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจ หรือการสนับสนุนการดำเนินการทางการทูตที่มีลักษณะเชิงรุกมากขึ้น การขยายมาตรการคว่ำบาตรและเพิ่มแรงกดดันต่อทั้งรัสเซียและอิหร่านอาจกลายเป็นเครื่องมือหลักในการปกป้องผลประโยชน์ของโลกตะวันตกและสกัดกั้นการเติบโตของอิทธิพลรัสเซียในตะวันออกกลางและภูมิภาคอื่น ๆ การพัฒนาความสัมพันธ์ทางพลังงานนี้ยังอาจเป็นการทดสอบการจัดการความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและประเทศในภูมิภาคอื่น ๆ รวมถึงประเทศในเอเชียกลางที่มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างสมดุลทางภูมิรัฐศาสตร์ในบริเวณนี้ ท่ามกลางความกังวลที่มีต่อการขยายอิทธิพลของรัสเซียและอิหร่านในเชิงพลังงานและการเมือง

ผลกระทบต่อภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาคตะวันออกกลาง
การตกลงระหว่างรัสเซียและอิหร่านในการส่งออกก๊าซธรรมชาติอาจเสริมสร้างอำนาจของรัสเซียในภูมิภาคตะวันออกกลางอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงที่ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับประเทศในภูมิภาคมีความเข้มแข็งขึ้น รัสเซียได้เข้ามามีบทบาทในหลายพื้นที่สำคัญของตะวันออกกลาง อาทิเช่น ซีเรีย โดยที่การสนับสนุนของรัสเซียต่อรัฐบาลของบาชาร์ อัล-อัสซาดยังคงมีบทบาทสำคัญในการคงอำนาจของรัฐบาลในดามัสกัสและการป้องกันไม่ให้กลุ่มอำนาจตะวันตกขยายอิทธิพลในภูมิภาคนี้ นอกจากนี้การที่รัสเซียสามารถส่งออกก๊าซไปยังอิหร่านได้มากขึ้นยิ่งทำให้รัสเซียกลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นหลักทางเศรษฐกิจในภูมิภาคซึ่งสามารถขยายอิทธิพลในระดับภูมิรัฐศาสตร์โดยการใช้พลังงานเป็นเครื่องมือในการต่อรองและการสร้างพันธมิตรกับประเทศต่าง ๆ ในตะวันออกกลาง การมีส่วนร่วมของรัสเซียในการดำเนินการทางพลังงานของอิหร่านและการส่งออกก๊าซยังช่วยเสริมความสามารถของรัสเซียในการเข้าถึงตลาดพลังงานที่สำคัญของโลกซึ่งจะทำให้รัสเซียสามารถใช้พลังงานเป็นเครื่องมือในการปรับกลยุทธ์ทางการทูตและภูมิรัฐศาสตร์อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ในขณะที่การขยายความร่วมมือทางพลังงานกับรัสเซียจะมีผลกระทบสำคัญต่อทิศทางการดำเนินนโยบายพลังงานของอิหร่านโดยเฉพาะในด้านการส่งออกก๊าซและน้ำมันที่สำคัญ อิหร่านที่เคยต้องพึ่งพาความสัมพันธ์กับประเทศในภูมิภาคและตะวันตกในการค้าขายพลังงานอาจเห็นการเปลี่ยนแปลงไปสู่การพึ่งพารัสเซียมากขึ้นในการพัฒนาและส่งออกก๊าซธรรมชาติ การร่วมมือในโครงการพลังงานกับรัสเซียจะช่วยให้การส่งออกพลังงานของอิหร่านเติบโตขึ้นขณะเดียวกันก็ช่วยลดผลกระทบจากการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจที่โลกตะวันตกได้ใช้กับอิหร่านก่อนหน้านี้ นอกจากนี้อิหร่านยังสามารถใช้ความสัมพันธ์ทางพลังงานกับรัสเซียเป็นเครื่องมือในการเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจในประเทศซึ่งจะช่วยสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงาน เช่น การขุดเจาะและขนส่งก๊าซรวมถึงการสร้างงานในภาคพลังงานภายในประเทศโดยเฉพาะในช่วงที่อิหร่านมีความพยายามในการหลีกเลี่ยงการพึ่งพิงจากประเทศตะวันตก

การขยายความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและอิหร่านในด้านพลังงานไม่เพียงแต่จะมีผลกระทบต่อรัสเซียและอิหร่านเท่านั้นแต่ยังส่งผลกระทบต่อลักษณะของความสัมพันธ์ในภูมิภาคตะวันออกกลางในหลาย ๆ ด้าน ประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสหรัฐฯ หรือชาติในยุโรปอาจรู้สึกกังวลเกี่ยวกับการขยายอำนาจของรัสเซียและอิหร่าน การเพิ่มขึ้นของอิทธิพลรัสเซียในภูมิภาคอาจทำให้ประเทศเหล่านี้มองว่าการร่วมมือระหว่างรัสเซียและอิหร่านเป็นการท้าทายอำนาจของตะวันตกในตะวันออกกลาง สำหรับประเทศที่เคยพึ่งพาพลังงานจากอิหร่านหรือรัสเซีย เช่น ประเทศในแถบอ่าวเปอร์เซีย ประเทศเหล่านี้อาจต้องปรับตัวในด้านการพัฒนาพลังงานและการตลาดใหม่เพื่อหลีกเลี่ยงการขยายตัวของความสัมพันธ์ทางพลังงานระหว่างรัสเซียและอิหร่านที่อาจทำให้การแข่งขันในตลาดพลังงานเพิ่มสูงขึ้น การเพิ่มความร่วมมือในด้านพลังงานระหว่างสองประเทศนี้ยังอาจทำให้ความตึงเครียดในภูมิภาคที่มีอยู่แล้วระหว่างประเทศต่าง ๆ เช่น ซาอุดีอาระเบียและอิหร่าน ทวีความรุนแรงขึ้นและอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทิศทางการลงทุนในโครงสร้างพลังงานของประเทศต่าง ๆ ทั่วทั้งภูมิภาคตะวันออกกลาง

บทสรุป ข้อตกลงการส่งก๊าซระหว่างรัสเซียและอิหร่านในปีนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่มีผลกระทบทั้งทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์โดยเฉพาะในด้านพลังงานและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การร่วมมือในครั้งนี้ไม่เพียงแค่เสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศแต่ยังเพิ่มความแข็งแกร่งในการเจรจาทางการทูตของทั้งรัสเซียและอิหร่านในเวทีโลก นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างอำนาจของรัสเซียในภูมิภาคตะวันออกกลางและสามารถปรับสมดุลพลังงานในตลาดโลกได้ การส่งออกก๊าซไปยังอิหร่านไม่เพียงแค่ช่วยเสริมความมั่นคงทางพลังงานของทั้งสองประเทศ แต่ยังเสริมสร้างอำนาจและอิทธิพลของรัสเซียในภูมิภาคตะวันออกกลางที่มีการแข่งขันสูง ข้อตกลงนี้ยังสามารถเป็นเครื่องมือในการลดผลกระทบจากการคว่ำบาตรของตะวันตกและช่วยให้รัสเซียและอิหร่านมีความสามารถในการต่อรองทางเศรษฐกิจและการทูต ในอนาคต ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและอิหร่านคาดว่าจะยังคงแข็งแกร่งขึ้นโดยเฉพาะในด้านพลังงานและความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การส่งออกก๊าซจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการเสริมสร้างอิทธิพลของทั้งสองประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง ขณะเดียวกันก็จะส่งผลให้เกิดการปรับตัวของประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเพื่อรักษาความสมดุลและผลประโยชน์ทางพลังงานของตนเอง ความร่วมมือนี้อาจมีผลต่อทิศทางภูมิรัฐศาสตร์ของภูมิภาคในระยะยาวและกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดอนาคตของการเมืองโลก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top