Wednesday, 5 June 2024
พญามังกร

ส.ส.สหรัฐฯ อีกคณะยกพวกเยือนไต้หวัน ไม่สนปฏิกิริยาโกรธเกรี้ยวของ ‘พญามังกร’

ส.ส.สหรัฐฯคณะหนึ่ง เดินทางถึงไต้หวันในวันพุธ (7 ก.ย.) โดยไม่ได้แจ้งโปรแกรมล่วงหน้า นับเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอเมริกากลุ่มล่าสุดที่เยือนเกาะแห่งนี้ นับเป็นการท้าทายรัฐบาล ที่แสดงปฏิกิริยาโกรธเกรี้ยวต่อการเดินทางเยือนเหล่านั้น

สถานทูตโดยพฤตินัยของสหรัฐฯในไต้หวัน เผยว่าส.ส.8 คน ซึ่งนำโดย สเตฟานี เมอร์ฟีย์ สมาชิกพรรคเดโมแครตจากฟลอริดา ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมาธิการด้านอาวุธของสภาผู้แทนราษฎร จะอยู่ในไต้หวันจนถึงวันศุกร์ (9 ก.ย.) ส่วนหนึ่งในโปรแกรมเยือนภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก

"คณะผู้แทนจะพบปะกับบรรดาผู้นำระดับสูงของไต้หวัน เพื่อหารือเกี่ยวกับความสัมพันธ์สหรัฐฯ-ไต้หวัน ความมั่นคงในภูมิภาค การค้าและการลงทุน ห่วงโซ่อุปทานโลก และประเด็นสำคัญ ๆ อื่น ๆ แห่งผลประโยชน์ร่วม" ถ้อยแถลงระบุ

ทำเนียบประธานาธิบดีไต้หวันเปิดเผยว่าคณะผู้แทนจากสหรัฐฯจะพบปะกับประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ในตอนเช้าวันพฤหัสบดี (8 ก.ย.)

ถ้อยแถลงระบุว่า "นี่เป็นการเดินทางเยือนของคณะผู้แทนสหรัฐฯคณะที่ 6 หลังจากจีนซ้อมรบทางทหารในช่วงต้นเดือนสิงหาคม มันเป็นการพิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งถึงการให้ความสำคัญระดับสูงและแรงสนับสนุนที่สหรัฐฯผูกมัดกับไต้หวัน ไล่ตั้งแต่ในระดับรัฐบาลท้องถิ่นจนถึงรัฐบาลกลาง จากคณะผู้บริหารไปจนถึงคณะสมาชิกสภาคองเกรส"

จีนมองไต้หวัน ซึ่งปกครองด้วยระบบประชาธิปไตย เป็นส่วนหนึ่งของดินแดน ปฏิเสธเสียงคัดค้านอย่างแข็งกร้าวของรัฐบาลในกรุงไทเป

เปิด 10 ทิศทางของ ‘สาธารณรัฐประชาชนจีน’ ภายใต้ผู้นำที่ชื่อ ‘สี จิ้นผิง’ ตลอดทศวรรษ

การประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 20 ปิดม่านไปเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยสี จิ้นผิง ครองอำนาจสูงสุดของพรรคเป็นสมัยที่ 3 พร้อมกับคัดเลือกทีมผู้นำระดับสูงสุดในคณะกรรมการประจำของกรมการเมืองมาร่วมปกครองประเทศ โดยทั้งหมดล้วนเป็นผู้ใกล้ชิดจงรักภักดีต่อสีจิ้นผิง ดังนั้น อำนาจใหญ่ของผู้นำสีในสมัยที่ 3 จึงทรงพลังที่สุดนับจากท่านประธานเหมาเจ๋อตง ผู้ประกาศสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน

ระหว่างช่วง 10 ปีที่สีครองอำนาจสูงสุดในพรรคนับจากสมัยแรกของการนำเมื่อปี 2012 จีนได้สร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างลึกล้ำทั้งภายในประเทศและกระจายไปทั่วโลก

สำนักข่าวรอยเตอร์ ได้นำเสนอ 10 เรื่อง หรือ 10 ทิศทางที่เปลี่ยนแปลงไปของจีนภายใต้การนำของสี ดังต่อไปนี้

1.) โลกตะวันตกและเหล่าพันธมิตรของสหรัฐอเมริกา มีความเข้าใจจีนในทางที่แย่ลง

ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ เสื่อมถอยลงอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีมานี้ โดยรัฐบาลพญาเหยี่ยวของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เร่งสปีดความเสื่อมถอยดังกล่าว ความเข้าใจของโลกตะวันตกยิ่งแย่ลง ๆ จากความขัดแย้งในประเด็นสิทธิมนุษยชน และการที่จีนทวีความแข็งกร้าวต่อไต้หวัน

2.) แคมเปญปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันของสี จิ้นผิง

หลังจากที่สีได้นั่งบัลลังก์อำนาจสูงสุดของพรรค ก็บุกตะลุยกวาดล้างการทุจริตคอร์รัปชันภายในพรรค ซึ่งเรียกคะแนนนิยมจากสาธารณชนได้เป็นกอบเป็นกำ แต่นักวิเคราะห์บางคนมองว่า แคมเปญปราบคอร์รัปชันของสี ยังเป็นเครื่องมือขจัดปฏิปักษ์การเมืองไปด้วย

3.) สร้างระเบียบความสงบเรียบร้อยตามชายแดนที่เคยเป็นเขตมีปัญหาวุ่นวาย

ภูมิภาคทิเบต ซินเจียง ฮ่องกง ซึ่งเป็นเขตปกครองตัวเองและเขตบริหารพิเศษภายใต้อธิปไตยจีน เคยสร้างความปวดเศียรหนักให้พรรคคอมมิวนิสต์จีน

สี ได้จัดปฏิบัติการปราบปรามที่เด็ดขาดอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน กวาดล้างเสี้ยนหนามที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของแผ่นดิน และคุมภูมิภาคชายแดนได้อยู่หมัด

ในซินเจียง ชาติส่วนน้อยมุสลิมอุยกูร์ราวหนึ่งล้าน เข้ามาฝึกฝนอาชีพในค่ายอาชีวศึกษา

ในฮ่องกง ทางการจีนได้จัดกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติมาปราบกลุ่มที่ออกมาประท้วงต่อต้านรัฐบาลในปี 2019 จนดินแดนเข้าสู่ภาวะสงบเรียบร้อยโรงเรียนจีน

4.) อุณหภูมิขัดแย้งไต้หวันสูงขึ้น

กลุ่มผู้นำสูงสุดของจีนทุกคนจากยุคเหมาเจ๋อตง ล้วนย้ำนักย้ำหนาถึงความสำคัญของการ “รวมชาติจีน” กับเกาะที่จัดตั้งรัฐบาลปกครองตัวเองแห่งไต้หวัน

ความตึงเครียดในช่องแคบไต้หวันร้อนกระฉูดภายใต้การนำของสี กองทัพปลอดแอกประชาชนจีนเพิ่มกิจกรรมเคลื่อนไหวรอบ ๆ เกาะในไม่กี่ปีมานี้ ทั้งหมั่นซ้อมรบ ไปยันรุกล้ำเข้าไปท้าทายในเขตป้องกันภัยทางอากาศ

ในเดือนสิงหาคม ประธานสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐฯ นางแนนซี โพโลซี ยังมาเยือนไทเป กระตุ้นหนวดพญามังกรอย่างย่ามใจยิ่ง และจีนก็ตอบสนองโดยจัดการซ้อมรบครั้งใหญ่ปิดล้อมเกาะไต้หวัน 3 วัน อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเช่นกัน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top