Friday, 9 May 2025
Hard News Team

เลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ 2557 ทางสองแพร่งแห่งการเมืองไทย

จนปัจจุบันนี้ยังมีคนก่นด่าว่าการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 คือการถอยหลังเข้าคลองทางการเมืองไทย โดยเฉพาะบรรดาคนเสื้อแดงและเสื้อส้มทั้งหลาย จากวันนั้นถึงวันนี้เป็นเวลา 8 ปีแล้ว มาย้อนรอยประวัติศาสตร์การเมืองไทยอีกครั้งว่าเกิดอะไรขึ้น และเป็นการถอยหลังเข้าคลองอย่างที่หลายคนกล่าวหาหรือไม่

ก่อนจะมาถึงวันเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ 2557 มีสาเหตุที่นำไปสู่ความขัดแย้งครั้งใหญ่ทางการเมือง นั่นคือการนิรโทษกรรมสุดซอยและลักหลับ เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน 2556 อันมีจุดใหญ่ใจความคือต้องการล้างผิดให้อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ที่หนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ การต่อต้านพ.ร.บ.นิรโทษกรรมนำไปสู่การต่อต้านรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพราะเธอคือหุ่นเชิดของพี่ชายเท่านั้น ความไม่พอใจนำไปสู่การชุมนุมของกปปส.เริ่มต้นเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2556 โดยมีสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นแกนนำ ได้รับการสนับสนุนจากผู้คนทำให้มีการมาชุมนุมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงหลักล้านคน

วันที่ 1 ธันวาคม ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยุบสภาฯ ตามข้อเรียกร้อง เพื่อลดแรงกดดัน เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งใหม่วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 สิ่งที่กลุ่มกปปส.ต้องการคือการ 'ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง' กลุ่ม '40 ส.ว.' เสนอให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลาออก อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคในเวลานั้นประกาศไม่ส่งผู้สมัคร ส.ส. ทุกเขต เพื่อคว่ำบาตรการเลือกตั้ง

กลุ่มกปปส. มีความคิดว่าถ้ามีการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 โดยยึดตามตัวบทกฎหมาย และการตีความเข้าข้างตัวเองแบบที่รัฐบาลรักษาการแถลงการณ์เหมือนแผ่นเสียงตกร่อง จะเกิดความวุ่นวายทางการเมืองแน่นอน อีกทั้งยังสูญเสียงบประมาณ ในการจัดการเลือกตั้งอันไร้ประโยชน์ครั้งนี้ วันเลือกตั้งมีการปะทะกันระหว่างกลุ่มไม่ต้องการให้มีการเลือกตั้งกับกลุ่มผู้ต้องการใช้สิทธิ์หลายพื้นที่

หลังวันเลือกตั้ง วันที่ 21 มีนาคม 2557 ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 6 ต่อ 3 ให้การเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์เป็นโมฆะ ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 108 วรรค 2 เนื่องด้วยไม่สามารถกระทำการเลือกตั้งในวันเดียวกันได้ทั้งราชอาณาจักร มี 28 เขตเลือกตั้งไม่มีการจัดและเปิดรับสมัครเลือกตั้งมาก่อนเลย ทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นธรรม และ กกต. ดำเนินการนับคะแนนเสียงเลือกตั้งขัดต่อหลักการลงคะแนนลับ หากมีการจัดการเลือกตั้งหลัง

‘ชลน่าน’ ไม่เห็นด้วยปมควบรวม ‘ทรู-ดีแทค’ จ่อตั้งกระทู้ถามสด - เสนอญัตติด่วนหลังสภาเปิด

เมื่อวันที่ 28 ต.ค. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ตามที่มีการควบรวมกิจการระหว่างทรูและดีแทคนั้น ตนกังวลและไม่เห็นด้วยกับการควบรวมกิจการที่อาจนำไปสู่การผูกขาดในธุรกิจใดๆ โดยมีความเห็นดังนี้ 

1.) ตนไม่เห็นด้วยกับการควบรวมที่เป็นการผูกขาดการประกอบธุรกิจ ซึ่งจะกระทบการแข่งขันของผู้ประกอบการ สภาวะการทำธุรกิจและระบบเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม และจะกระทบผู้บริโภคในท้ายที่สุด 

2.) ตนเห็นว่าการควบรวมกิจการระหว่างทรูและดีแทค น่าจะมิชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากเป็นกิจการประเภทเดียวกัน และมีส่วนแบ่งการตลาดสูงมาก 

3.) มีหลายฝ่ายตั้งคำถามว่ามติ กสทช.ในการรับทราบการควบรวมนั้น ชอบด้วยกฏหมายหรือไม่ และ กสทช.ได้ปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ซึ่งตนเห็นว่า กสทช.ต้องตอบคำถามนี้ 

4.) ตนกังวลและเห็นว่าการผูกขาดการประกอบธุรกิจ จะมีผลกระทบต่อสิทธิ์และประโยชน์ของผู้บริโภคอย่างแน่นอน ซึ่งภาครัฐมีหน้าที่ต้องดูแลและปกป้องคุ้มครองอย่างมากที่สุด

5.) พรรคเพื่อไทยยึดมั่นในหลักนิติธรรมและระบบกฎหมาย และคัดค้านการผูกขาดไม่ว่าในธุรกิจใด 

“ดังนั้นพรรคเพื่อไทยเห็นด้วยกับการที่ผู้มีส่วนได้เสีย ที่จะดำเนินการตามกฏหมาย และยื่นเรื่องต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมายของการควบรวมกิจการดังกล่าว ในเบื้องต้นพรรคเพื่อไทยจะนำเรื่องนี้เข้าสู่การตรวจสอบในสภาฯ โดยการตั้งกระทู้ถามสดในสัปดาห์แรกของการประชุมสภาฯ และเสนอพิจารณาญัตติด่วนเพื่อให้สภามีมติในเรื่องนี้ต่อไป” นพ.ชลน่าน กล่าว

'บิ๊กตู่' จูงมือ 'นายกฯ ลาว' เปิดสะพานมิตรภาพแห่งที่ 5 ตอกย้ำความสัมพันธ์​สองประเทศที่ไม่มีวันตัดขาด

ไทย-ลาวชื่นมื่น นายกรัฐมนตรีไทย​ - สปป.ลาว​ เดินจูงมือกระหนุงกระหนิง​​วาง ศิลาฤกษ์​ เปิดสะพานมิตรภาพไทย​- ลาวแห่งที่ 5 ด้าน ‘นายพันคำ​‘ ย้ำ ความสัมพันธ์​สองประเทศตัดไม่ขาด​ ‘กินข้าวร่วมนา กินปลาร่วมน้ำ’

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ (28 ต.ค. 65) ที่บริเวณพื้นที่โครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย - ลาว แห่งที่ 5 แขวงบอลิคำไซ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป. ลาว) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมนายพันคำ วิพาวัน นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์ การก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย​ - ลาว​ แห่งที่ 5 บึงกาฬ​ - ​บอลิคำไซ

โดยนายพันคำ​ กล่าวว่า​ ตนมีความยินดี ที่ได้รับเกียรติ เป็นประธานร่วมกับนายกรัฐมนตรีของไทย ซึ่งมีคณะรัฐมนตรีเข้าร่วมในพิธีวางศิลาฤกษ์โครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย ​- ลาว เพื่อความเป็นสิริมงคล ซึ่งการวางศิลาฤกษ์​ล่าช้า เนื่องจากมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ในส่วนของการก่อสร้างได้มีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นไปตามแผนและเป้าหมายที่วางไว้ และเป็นที่น่าพึงพอใจ ซึ่งเกินความคาดหมาย 

ซึ่งโครงการนี้เป็นหนึ่งในความพยายามในการพัฒนาของ 2 รัฐบาล ภายใต้เงื่อนไขอำนวยความสะดวกในการสัญจรไปมาของประชาชนทั้งสองฝั่ง รวมไปถึงภาคการขนส่งระหว่างประเทศ ส่งเสริมการค้าและการลงทุน การท่องเที่ยว โดยใช้ที่ตั้งยุทธศาสตร์อันสำคัญของทั้งสองประเทศ เกี่ยวกับอนุภาคพื้นลุ่มแม่น้ำโขง และภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ เป็นการอำนวยความสะดวกสนับสนุนการเชื่อมโยงการขนส่ง ทั้งฝั่งไทยลาวและอนุภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกให้เกิดผลประโยชน์สูง

นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว กล่าวว่า โครงการนี้ได้มีการวางแผนการปฏิบัติงานว่า ด้วยการเป็นผู้ร่วมยุทธศาสตร์ การเจริญเติบโตและการพัฒนา ในระยะ 5 ปี 2022-2026 ซึ่งได้มีการลงนามข้อตกลง เมื่อ เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อตอบสนองต่อเจตนารมณ์ ของประชาชนทั้งสองชาติ ในการเป็นบ้านใกล้เรือนเคียงกัน และสายผูกพันมิตรภาพการร่วมมือ ที่มีมาอย่างยาวนาน พร้อมกันนี้โครงการสะพานมิตรภาพไทย ​- ลาวแห่งที่ 5 จะเป็นการตอบสนอง ให้แก่กันปฏิบัติเป้าหมายที่ 5 ในการร่วมมือเชื่อมโยง ภายในภาคพื้นสากลให้มีความทันสมัย เข้มแข็ง ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ง ชาติตั้งแต่ปี 2021 -​ 2025 และยุทธศาสตร์ การพัฒนาเศรษฐกิจสังคมในระยะ 10 ปี 2016 -​ 2025 โดยการนำเอาสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวที่มีชายแดนติดต่อกัน เป็นการเชื่อมโยงศูนย์กลางการเชื่อมโยง

'รถไฟฟ้า' มาแน่!! หลัง รฟม.เปิดรับฟังความคิดเห็น เตรียมสร้างรถไฟฟ้านครราชสีมา สายสีเขียว

รฟม. จัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ต่อผลการศึกษาเปรียบเทียบทางเลือกระบบเทคโนโลยีรถไฟฟ้าที่เหมาะสม สำหรับโครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดนครราชสีมา สายสีเขียว (ตลาดเซฟวัน - สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพบ้านนารีสวัสดิ์)

วานนี้ (27 ตุลาคม 2565) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม.)ได้จัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ต่อผลการศึกษาเปรียบเทียบทางเลือกระบบเทคโนโลยีรถไฟฟ้าที่เหมาะสมสำหรับโครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดนครราชสีมา สายสีเขียว (ตลาดเซฟวัน - สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพบ้านนารีสวัสดิ์) โดยภายในงานมีผู้นำชุมชนและประชาชนในพื้นที่, ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ, ภาคเอกชน, องค์กรอิสระ สถาบันการศึกษา และผู้สนใจ รวมถึงสื่อมวลชนที่เข้าร่วมการประชุมกว่า 250 คน ณ ห้องสุรนารีบอลรูม โรงแรม ดิ อิมพีเรียล โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ โคราช อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา เพื่อให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้รับทราบสรุปผลการเปรียบเทียบรูปแบบที่เหมาะสมในดำเนินงานโครงการฯ พร้อมทั้งรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่าง ๆ เพื่อนำไปพิจารณาปรับปรุงผลการศึกษาให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์ในลำดับต่อไป

'บิ๊กป้อม' เข้ม!! 'ความปลอดภัย-การจราจร' ช่วงประชุมเอเปค ต้องยึดหลักสากล ทำงานร่วมกับทุกเครือข่ายภาคประชาชน

(28 ต.ค. 65) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เรียกประชุม คณะอนุกรรมการด้านการรักษาความปลอดภัยและการจราจร เพื่อเตรียมความพร้อมจัดประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคและการประชุมที่เกี่ยวข้อง ในช่วงที่ไทยดำรงตำแหน่งประธาน ปี 65 ผ่านสื่ออิเล็คทรอนิกส์ ณ มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อฯ

โดยที่ประชุม ได้รับทราบสถานการณ์ด้านการข่าวที่เกี่ยวข้อง และร่วมพิจารณาให้ความเห็นชอบ  แผนการดำเนินงานด้านการรักษาความปลอดภัยในการจราจร การส่งกลับสายแพทย์และการปฏิบัติด้านสาธารณสุข แผนเผชิญเหตุต่อต้านการก่อการร้าย การกำหนดแนวทางป้องกันภัยคุกคามและการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ รวมทั้งแนวทางการปิดพื้นที่และเส้นทางการจราจร การขนส่งในพื้นที่ระหว่างจัดการประชุม

พล.อ.ประวิตร กำชับ ขอให้จัดตั้ง 'ศูนย์อำนวยการร่วมรักษาความปลอดภัยและการจราจร' ประสานการทำงานร่วมกับทุกหน่วยงานอย่างใกล้ชิด โดยย้ำเฝ้าระวังไม่ประมาท และการปฏิบัติการทุกขั้นตอน ขอให้เป็นไปตามหลักสากล ตั้งแต่เตรียมการต่อเนื่องไปจนจบการประชุมและเดินทางกลับ และให้ความสำคัญกับการปฏิบัติงานด้านการข่าว และการมีส่วนร่วมกับภาคประชาชนให้มากขึ้น

'บิ๊กตู่' สัญญาต่อยอดระบบขนส่งมลชนทางรางไทยเทียบเท่าโตเกียวและลอนดอน

“ระบบขนส่งมวลชนทางรางในเมือง เคยใช้เวลาสร้างถึง 20 ปี แต่วันนี้ใช้เวลาเพียง 5 ปีทำได้มากกว่า และเรากำลังสร้างเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว จะเปิดให้บริการในอีก 3 ปีข้างหน้า
..... ผมจะทำให้ระบบรางในเมือง อยู่ระดับเดียวกับโตเกียวและใกล้เคียงกับลอนดอนในเรื่องระยะทางและจำนวนสถานี”

พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา 
นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม
กล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน 
Accelerating Thailand (พลิกโฉมประเทศไทย)
27 ตุลาคม 65

‘อีลอน มัสก์’ นั่งแท่นเจ้าของใหม่ ‘ทวิตเตอร์’ พร้อมเซ็นไล่ออก 4 ผู้บริหาร ข้อหาหลอกลวง

รอยเตอร์สรายงานความเคลื่อนไหวของ อีลอน มัสก์ ซีอีโอเทสล่า มอเตอร์ ได้กลายเป็นเจ้าของใหม่ของทวิตเตอร์ โซเชียลแพลตฟอร์มชื่อดัง หลังปิดดีลมูลค่า 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์ที่ดำเนินการเจรจาซื้อกิจการมาตั้งแต่เมษายน โดยมัสก์ ประเดิมงานแรกในฐานะเจ้าของใหม่ ด้วยการเซ็นไล่ออก 4 ผู้บริหารชุดเดิมรวมถึง ปารัค อกราวัล (Parag Agrawal) CEO และเน็ต ซีกัล (Ned Segal) CFO และวิชญา กัทเด (Vijaya Gadde) หัวหน้าฝ่ายนโยบายและกฎหมาย

อีลอน กล่าวว่า เขาต้องการ “เอาชนะ” บอทสแปมบนทวิตเตอร์ สร้างอัลกอริธึมที่กำหนดวิธีการนำเสนอเนื้อหาต่อสาธารณะแก่ผู้ใช้ และป้องกันไม่ให้แพลตฟอร์มกลายเป็นห้องสะท้อนความเกลียดชังและการแบ่งแยก แม้ว่าเขาจะจำกัดการเซ็นเซอร์ก็ตาม

อย่างไรก็ตาม มัสก์ยังไม่ได้ให้รายละเอียดว่าเขาจะบรรลุเป้าหมายทั้งหมดนี้ได้อย่างไร และใครจะเป็นคนบริหารบริษัท เขาได้กล่าวว่าเขาวางแผนที่จะเลิกจ้างงาน ทำให้พนักงานของ Twitter ประมาณ 7,500 คนกังวลเกี่ยวกับอนาคตของพวกเขา นอกจากนี้ เขายังกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า เขาไม่ได้ซื้อ Twitter เพื่อสร้างรายได้ แต่ “เพื่อพยายามช่วยเหลือมนุษยชาติที่ผมรัก”

'ทิพานัน' มั่น 'บิ๊กตู่' พาไทยฮับผลิตอีวีแห่งอาเซียนได้แน่ หลังผู้ผลิตสนร่วมมาตรการส่งเสริมลงทุนเพียบ

'ทิพานัน' โชว์ยอดใช้รถอีวีเติบโต 7 เดือนแรก ปี 65 กว่า 2 หมื่นคัน ชี้ 'พล.อ.ประยุทธ์' นำไทยเป็นฐานการผลิตรถอีวีใหญ่ในภูมิภาคได้แน่นอน หลังผู้ผลิตรถอีวีสนใจเข้าร่วมมาตรการส่งเสริมลงทุนเพียบ เกิดการจ้างงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจครั้งใหญ่

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากแผนพลังงานแห่งชาติที่กำหนดกรอบให้ไทยมียานยนต์ไฟฟ้า หรือรถอีวี ที่ใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด โดยตั้งเป้าให้ ปี 2030 ต้องมีการใช้รถอีวีเพิ่มมากกว่า 50% เพื่อให้ปี 2040 สามารถทดแทนยานยนต์ที่ใช้น้ำมันได้ 100% ในกลุ่มรถใหม่ ซึ่งจะช่วยให้ไทยสามารถลดการใช้พลังงานน้ำมัน และส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยลดการเกิดฝุ่น pm 2.5 ด้วย โดยรัฐบาลได้ออกมาตรการสนับสนุนอุตสาหกรรมรถอีวีอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นเงินอุดหนุนรถยนต์ และรถกระบะคันละ 70,000-150,000 บาทต่อคัน และรถจักรยานยนต์ 18,000 บาทต่อคัน ลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์จาก 8% เป็น 2% และรถกระบะเป็น 0% ลดอากรขาเข้ารถยนต์ที่ผลิตต่างประเทศ และนำเข้าทั้งคัน (CBU) สูงสุด 40% สำหรับรถยนต์ ถึงปี 2566 และยกเว้นอากรขาเข้าส่วนประกอบรถยนต์อีวี จำนวน 9 รายการ เพื่อนำมาผลิตหรือประกอบอีวีในประเทศ (CKD) จำนวน 9 รายการ ส่งผลให้แนวโน้มการใช้รถอีวีของไทยเพิ่มสูงขึ้น

ผบ.ตร.มอบ รองฯต่อศักดิ์ ลุยจัดระเบียบสังคม ยาแรงฝ่าฝืนเสนอสั่งปิดทันที 5 ปี หากทำผิดซ้ำจำคุก 1 ปี เตือน ตร.ท้องที่ห้ามปล่อยปละละเลย

เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2565 เวลา 09.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ที่ดูแลงานป้องกันปราบปราม เปิดเผยว่า “พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ได้เรียกประชุมผู้บริหารระดับสูงงานป้องกันปราบปราม ที่ สง.ผบ.ตร. พร้อมมอบหมายให้ดูแลจัดระเบียบสถานบริการทั่วประเทศ โดยให้ดำเนินการตามคำสั่ง หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 22/2558 และแก้ไขเพิ่มเติมที่ 46/2559 โดยทุกสถานบริการ หรือสถานประกอบการที่เปิดบริการคล้ายสถานบริการ จะต้องไม่ยินยอม ปล่อยปละละเลยให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าไปใช้บริการไม่เปิดเกินเวลา ไม่ปล่อยให้มีการพกพาอาวุธ วัตถุระเบิด ยาเสพติดเข้าไปในสถานบริการ รวมถึงต้องไม่มีการค้ามนุษย์ในสถานบริการ หรือปล่อยให้มีการเล่นการพนันในสถานบริการ” 

'กรณ์' ไม่ขัด!! ปลดล็อกต่างชาติซื้อที่ดิน-ที่อยู่อาศัย เชื่อ!! ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ชี้!! ทดลอง 5 ปี ไม่ดีเลิก

'อดีตรมว.คลัง' เห็นด้วย ปลดล็อกต่างชาติซื้อที่ดินและที่อยู่อาศัยได้ ชี้!! กระตุ้นเศรษฐกิจ ทดลอง 5 ปี ไม่ดีเลิก แต่ต้องออกมาตรการภาษีอย่างรัดกุม ชี้แจงประชาชนให้คลายความกังวล  

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณี ครม.อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงมหาดไทย ปลดล็อกต่างชาติ ให้สามารถซื้อบ้าน-ถือครองที่ดินไม่เกิน 1 ไร่ แลกการลงทุนในไทยขั้นต่ำ 40 ล้านบาท ว่า โดยรวมมองว่าเป็นนโยบายที่น่าสนใจ เพราะจะเป็นจุดดึงดูดทุนจากต่างประเทศเข้าในประเทศไทย และตัวคนต่างชาติเองก็จะจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ดังนั้นมุมทางเศรษฐกิจ ในระยะสั้นก็จะมีเงินเข้ามาจากการซื้อที่ดิน ที่อยู่อาศัย และในระยะยาวกว่านั้นก็มาจากการจับจ่ายใช้สอย รวมทั้งการใช้ทักษะ ความรู้ความสามารถของเขา มาสร้างงาน สร้างโอกาสในบ้านเราด้วย 

อย่างไรก็ตาม นายกรณ์ ระบุว่า เป็นธรรมดาที่หลายคนอาจจะกังวล ในแง่ของผลข้างเคียง ว่าต่างชาติจะมาแย่งซื้อที่ซื้อบ้านจากคนไทยหรือไม่ ซึ่งก็เป็นสาเหตุที่ ครม.ได้วางกรอบกติกา เพื่อที่จะจำกัดผลค้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เช่น การที่ระบุว่า ต่างชาติที่สนใจจะเข้ามาซื้อที่ดิน หรือที่อยู่อาศัย ต้องมีเงินลงทุนผูกพัน ในประเทศไทย อย่างน้อย 3 ปี เป็นวงเงิน 40 ล้าน ซึ่งก็สะท้อนให้เห็นว่า ตัวมูลค่าสินค้า บ้านและที่ดิน ในราคาค่อนข้างสูง จะเป็นคนละตลาดกับการซื้อขายบ้านทั่วไป 

นอกจากนี้ กฎหมายยังจำกัดพื้นที่ในการซื้อที่ดิน ที่อยู่อาศัยเฉพาะในเขตเทศบาลเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้แย่งซื้อกับชาวบ้าน เกษตรกร ที่อยู่นอกเขตเทศบาล และการที่รัฐบาลจำกัดเวลาการทบทวนใน 5 ปี ก็ชี้ให้เห็นหลักคิดในเชิงแซนด์บ๊อกซ์ คือ ทำทดลองดู เรื่องนี้พูดกันมานานมาก ถกเถียงกันมาไม่มีข้อสรุป รัฐบาลเลยให้ลองดู 5 ปี มีข้อเสียมากกว่าข้อดี ก็สามารถยกเลิกกฎหมายได้ตามความเหมาะสม ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่า เป็นแนวทางที่ดี แต่ก็ต้องคอยดู จะเป็นอย่างไร 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top