Saturday, 10 May 2025
Hard News Team

'ไตรรงค์' ประกาศลาออกจากสมาชิกปชป. ทิ้ง 38 ปีไว้เบื้องหลัง ขอมีลมหายใจเป็นของตัวเอง

(27 ต.ค. 65) ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตรองนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า #ผมขอมีลมหายใจเป็นของตนเอง #ใส่เสื้อฟ้าเป็นครั้งสุดท้าย #38ปีกับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อ 15:00 น. ของวันนี้ (27  ตุลาคม 2565) ผมได้ให้เลขาส่วนตัวไปยื่นใบลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์และทุกตำแหน่งในพรรคประชาธิปัตย์แล้วครับ

ผมลาออก #ทั้งๆที่ยังรักพรรคประชาธิปัตย์อยู่ แต่ผมไม่ได้รักที่ตัวตึก หรือตัวบุคคล ผมไม่เคยยึดมั่นในสิ่งลวงตาเหล่านั้นที่ผมรักก็คือ “อุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์” ที่ได้ประกาศไว้ในวันก่อตั้งพรรคเมื่อปี พ.ศ.2489 จึงได้เข้าเป็นสมาชิกมาตลอดเวลา 38ปี

อย่างไรก็ดี ผมก็ยังเชื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงสอนว่า ทุกสิ่งทุกอย่างทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรมจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุและปัจจัย อุดมการณ์ ปี 2489 ทั้ง 10 ข้อ จึงต้องมีการปรับปรุงให้เข้ากับยุคให้เข้ากับบริบทใหม่ๆของประเทศและของโลก ที่สำคัญที่สุดก็คือเพื่อล้อมกรอบมิให้ผู้บริหารหรือสมาชิกแสดงท่าทีที่ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดในอุดมการณ์ เช่นต้องไม่มีใครมีท่าทีทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าพรรคฯตั้งตัวเป็นศัตรูกับทหารของชาติเพราะทหารในปัจจุบันแตกต่างไม่เหมือนกับทหารสมัยก่อนแล้ว ส่วนศัตรูของอุดมการณ์ต้องเขียนใหม่ให้ชัดว่าไม่ใช่เฉพาะเผด็จการทหารแต่หมายรวมถึงเผด็จการรัฐสภาด้วย และในนโยบายต่างประเทศต้องเขียนใหม่ให้ชัดว่าเราจะเป็นมิตรกับทุกประเทศแม้ว่าระบอบการเมืองการปกครองจะแตกต่างจากของของเราที่กำลังใช้อยู่ เป็นต้น แต่ต้องทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้อธิปไตยของชาติต้องถูกครอบงำโดยประเทศอื่นอย่างเด็ดขาด ซึ่งทั้งหมดนี้ผมได้พูดให้สมาชิกและผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ฟังโดยละเอียดแล้วเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2565 ที่โรงแรม Kantary Hill จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งก็ดูเหมือนว่าพรรคฯ ก็ได้พยายามปรับปรุงจุดยืนและท่าทีคล้ายๆอย่างที่ผมเคยแนะนำไว้อยู่บ้างคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับพรรคประชาธิปัตย์

แต่ก็ยังมีพรรคการเมืองอื่น ๆ อีกหลายพรรคที่มีจุดยืนด้านอุดมการณ์ที่ตรงกับใจของผม ที่ผมอยากสนับสนุนโดยเฉพาะมีอยู่หลายพรรค ที่เกิดใหม่จากคนที่ต้องออกจากพรรคประชาธิปัตย์ด้วยเหตุผลที่ไม่สามารถจะบอกใครได้ (เพราะเกรงใจกัน) แต่เมื่อไปตั้งพรรคใหม่ขึ้นมาก็ได้มีการประกาศจุดยืนแห่งอุดมการณ์พร้อมมีนโยบายปฏิรูปหลายประการเหล่านี้ทำให้ผมเห็นด้วยและอยากสนับสนุน

ผมจึง #อยากขอโอกาสมีลมหายใจเป็นของตนเองสักครั้งหนึ่งในบั้นปลายชีวิตทางการเมืองของผม เพื่อจะได้สนับสนุนพรรคการเมืองใหม่ ๆ (ที่ใหม่กว่าพรรคประชาธิปัตย์) การแสดงออกจะได้สามารถทำได้อย่างเปิดเผย จะได้ไม่รู้สึกว่าผมแอบเป็นกบฏลับ ๆ ต่อพรรคประชาธิปัตย์เพราะผมยังรักและสนับสนุนอุดมการณ์ประชาธิปัตย์แต่ก็จะสนับสนุนพรรคการเมืองอื่น ๆ ทุกพรรคที่ผมเห็นด้วยกับอุดมการณ์และนโยบาย จะยินดีให้ความช่วยเหลือตามที่ถูกร้องขอโดยไม่หวังผลอะไรเป็นการตอบแทนใดๆทั้งสิ้นเพราะว่าแก่แล้ว

#หมายเหตุ จนถึงปัจจุบันนี้ได้มีพรรคการเมืองใหม่ๆมาขอคำปรึกษาไปแล้วถึง 5 พรรคครับ

ส่วนการสนับสนุนช่วยเหลือหลายๆพรรคควรจะทำอย่างไรนั้น มันเป็นศิลปะที่ผมเรียนรู้มาและจะลองนำมาปฏิบัติดูในรูปแบบที่ว่า #ต้องรวมมิตรและแยกศัตรูในเชิงอุดมการณ์ให้ชัดเจน ถ้าได้ผลก็ดีถ้าไม่ได้ผลก็ไม่เป็นไรเพราะผมยึดถือคำว่า #สันโดษ ตามภาษาพระที่สันโดษแปลว่าได้ก็ดีไม่ได้ก็ได้ (ไม่ใช่ตามภาษาคนที่หมายถึงการอยู่คนเดียว) และผมเป็นเพียงคนตัวเล็กๆคนหนึ่งจึงไม่คิดว่าทำให้พรรคประชาธิปัตย์ต้องเสียหายเพราะพรรคฯเขามีบุคลากรมากอยู่แล้วส่วนมากก็มีความสามารถตามความเห็นของผู้บริหาร และผมก็ไม่เคยจะทำร้ายพรรคฯ หรือพูดจาใดๆ ให้พรรคฯต้องเสียหายและเสียน้ำใจกัน

อย่างไรก็ดีผมก็ยังคงต่อต้านและปฏิเสธทั้งพรรคการเมืองและนักการเมืองที่ใช้โวหารแบบปลิ้นปล้อน โกหกตอแหล ใส่ความ หลอกลวง หน้าอย่างหลังอย่างเป็นพวกเล่นการเมืองเพื่อหวังผลทางการเมืองมากกว่าผลประโยชน์ของชาติที่ควรจะเป็นผลประโยชน์สูงสุด เพราะผมเห็นว่า คนเช่นนี้ลงมาเล่นการเมืองเพื่อประโยชน์ของตนเองและพรรคพวก โดยการอ้างชาติและประชาธิปไตยเพื่อเป็นการบังหน้าและให้ประชาชนหลงผิดในสาระสำคัญเท่านั้น

โดยเนื้อแท้แล้วคนเช่นนี้เป็นพวกที่พร้อมจะขายชาติเพื่อแลกเงินพร้อมจะทำลายและบิดเบือนคำสอนอันเป็นหัวใจของศาสนาต่างๆเพียงเพื่อให้ได้คะแนนเสียงจากคนที่โง่ๆ ตลอดจนเป็นพวกที่พร้อมจะทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ (ทั้งในที่ลับและที่แจ้ง) เพื่อเปลี่ยนระบบการเมืองการปกครองของประเทศให้เป็นระบอบสาธารณรัฐที่มีประธานาธิบดีเป็นประมุขซึ่งเป็นระบบที่แสนจะไม่เหมาะกับบริบทและประวัติศาสตร์ของชาติไทยหากแต่จะนำมาซึ่งความแตกแยกที่รุนแรง  ศีลธรรมจะตกต่ำการไร้ยางอายในการทำชั่วจะมีมากขึ้นเหมือนอย่างหลายประเทศทั้งในเอเชียและในละตินอเมริกา

เพราะผมเห็นว่า #อธิปไตยและเอกราชของชาติอาจจะเกิดความเสียหายได้ ถ้าประเทศต้องตกอยู่ภายใต้การปกครองของนักการเมืองที่มีคุณสมบัติเลวๆดังกล่าวข้างต้นก็โดยที่นักการเมืองอย่างนั้นจะเป็นคนที่เห็นแก่ลาภ (เงิน) ยศ และสรรเสริญของตนเองและพรรคพวกมากกว่าเกียรติยศและศักดิ์ศรีของประเทศชาติ ที่พูดเช่นนี้ก็เพราะได้เห็นตัวอย่างมาแล้วว่าครั้งหนึ่งพวกเขาได้เคยแอบทำการตกลงลับๆที่จะอนุญาตให้มหาอำนาจบางประเทศ มาตั้งฐานทัพในประเทศเพื่อจะได้สะสมอาวุธไว้ข่มขู่บางประเทศที่พวกเขาแย่งชิงความยิ่งใหญ่ในการเป็นเจ้าโลกกันอยู่ในปัจจุบันนี้

อลเวง!! กฎหมายต่างชาติซื้อที่ดินยุค 'ประยุทธ์' ความรู้ตีบตันจากสายมั่นที่เมาท์ว่าเป็น 'การขายชาติ'

ด่ากันเสียงขรม โดยที่ไม่ตรวจสอบกันเลยว่าความจริงคืออะไร ทันทีที่ครม. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ให้สิทธิถือครองที่ดินแก่ชาวต่างชาติ 4 กลุ่ม ทั้งที่เป็นการอนุมัติหลักการตามที่ได้เห็นชอบไปแล้วนั่นเอง เท่านั้นแหละบรรดาพวกที่เกลียดชังความเป็นไทยก็ดิ้นเร่าเกิดอาการรักชาติแบบฉับพลัน ด่าทอต่าง ๆ นานาจนน่าปวดหัว

กฎหมายที่ดินที่ให้สิทธิคนต่างชาติซื้อที่ดินเพื่ออยู่อาศัยได้ไม่เกิน 1 ไร่นั้น มีอยู่ในประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 96 ทวิ มาตั้งแต่ พ.ศ. 2545 โน่นแล้ว และไม่ใช่ฝรั่งต่างชาติคนไหนจะมาซื้อได้ ต้องผ่านกฎเกณฑ์ ข้อบังกับ เช่น กลุ่มที่มีสิทธิ์คือให้สิทธิการถือครองที่ดินคือกลุ่มที่รวย, กลุ่มเกษียณอายุ, กลุ่มที่ต้องการทำงานในไทย และกลุ่มมีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ แถมจะต้องนำเงินมาลงทุนในประเทศไม่น้อยกว่า 40 ล้านบาท โดยลงทุนดำเนินกิจการมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ถึงจะมีสิทธิซื้อที่ดินเพื่ออยู่อาศัยได้ไม่เกิน 1 ไร่ ต้องเป็นที่ดินในเขตที่อยู่อาศัยตามกฎหมายผังเมือง จะไปซื้อที่ดินแบบอื่นไม่ได้

ถ้านำที่ดินไปใช้ผิดเงื่อนไข เช่น เอาไปทำธุรกิจ, การค้า, เก็งกำไร อาจจะถูกบังคับขายคืน ให้ซื้อเป็นที่อยู่อาศัยอย่างเดียว ห้ามขาย หากขายหรือแบ่งขาย จะถูกระงับสิทธิทันที ตามที่ระบุในสัญญาซื้อขาย ที่ดินสามารถโอนให้ลูกหลานได้ แต่ลูกหลานห้ามขายต่อเช่นกัน

จะชักดิ้นชักงอไปทำไมนักหนา รัฐบาลที่ผ่าน ๆ มาเปิดทางให้ชาวต่างชาติ สามารถซื้อคอนโด และซื้อที่ดินในประเทศไทยได้นานแล้ว เช่น กฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไข การได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าว พ.ศ. 2545 คำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่ 153/2546 ลงวันที่ 21 เมษายน 2546 มาตรา 96 ทวิและมาตรา 96 ตรี แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ระเบียบกรมที่ดินว่าด้วยการได้มาซึ่งที่ดิน เพื่อใช้เป็นที่อยูอาศัยของคนต่างด้าว พ.ศ. 2545 และกฎกระทรวงฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2497 ออกตามความใน พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดินพ.ศ. 2497

ประเทศอื่นก็ทำแบบนี้ทั้งนั้น หันไปดูเพื่อนบ้านอย่างอินโดนีเซียสิ เพิ่งประกาศหมาด ๆ เลยว่า จะออกวีซ่า 'บ้านที่สอง' สำหรับชาวต่างชาติซึ่งประสงค์พักอาศัยระยะยาวบนเกาะบาหลี เป็นเวลานานระหว่าง 5-10 ปี

โดยมีเงื่อนไขว่า ต้องมีเงินฝากในบัญชีธนาคารอย่างน้อย 2,000 ล้านรูเปียห์ ( ราว 4.84 ล้านบาท ) และหนังสือเดินทางซึ่งมีอายุการใช้งานคงเหลือไม่น้อยกว่า 36 เดือน

สหภาพยุโรป (EU) มีการออกสถานะผู้อยู่อาศัยพิเศยที่เรียกว่า 'วีซ่าทองคำ' ให้แก่พลเมืองต่างชาติกว่าแสนคน และมอบสัญชาติกิตติมศักดิ์ ให้แก่ชาวต่างชาติที่มีฐานะร่ำรวย ที่เรียกว่า 'หนังสือเดินทางทองคำ' แก่พลเมืองมากกว่า 6 พันคนที่เข้ามาลงทุน โดยสร้างรายได้มากกว่า 2.5 หมื่นล้านยูโร (2.8 หมื่นล้านเหรียญ)

'อุ๊งอิ๊ง' ถูกต้้งคำถาม 'พรรคเพื่อไทย' มีจุดยืนที่ชัดเจนอย่างไรต่อ 'ม.112'

(28 ต.ค. 65) ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ 'ดร.นิว' นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึง น.ส. แพทองธาร ชินวัตร เป็นประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย ด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ว่า

ในฐานะของประชาชน ขออนุญาตสอบถามไปยังหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยอย่างคุณอุ๊งอิ๊งหน่อยครับ พรรคเพื่อไทยมีจุดยืนที่ชัดเจนอย่างไรต่อ ม.112 ครับ ขอบคุณครับ Ing Shinawatra


ที่มา : https://www.thaipost.net/x-cite-news/251220/

กรมการปกครองพัฒนาแอป D.DOPA ใช้งานง่าย ไม่พกบัตรประชาชน ก็สามารถติดต่อราชการได้

ทุกวันนี้การทำธุรกรรมต่าง ๆ สามารถทำได้ง่ายเปิดบัญชีธนาคารก็สามารถทำได้เองในออนไลน์ แต่ทำไมการที่จะไปทำเอกสารราชการ มันต้องยุ่งยากเหลือเกิน ต้องใช้บัตรประชาชน เอกสารสำเนาต่าง ๆ ยิ่งถ้าเอกสารสำคัญหายบอกเลยว่าเศร้า 

แต่ชีวิตของเราจะง่ายขึ้น เมื่อกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ได้พัฒนาแอปพลิเคชัน D.DOPA หรือ DOPA Digital ID ขึ้น หากมีแอปนี้แล้วไม่จำเป็นต้องพกบัตรประชาชนและเอกสารสำเนาเวลาติดต่อราชการอีกต่อไป 

วันนี้ทีมข่าว THE STATES TIMES จะพามาทำความรู้จักกับแอปฯ D.DOPA หลังได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ประจำปีงบประมาณ 2565 จำนวนเงิน 325,120,120 บาท

อ่านมาถึงตรงนี้คงสงสัยว่าแอปนี้จะใช้งานง่ายจริงหรือไม่? อยากให้ติดตามอ่านไปพร้อมกัน

แอปฯ D.DOPA หรือ DOPA Digital ID ถูกพัฒนาขึ้นโดยกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย มีนายสัญชัย เตชนิมิตวัช ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและระบบข้อมูล กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เป็นหัวหน้าโครงการ 

ซึ่งพัฒนาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานของประชาชนในยุคดิจิทัล โดยฟีเจอร์หลักเป็นการยืนยันตัวตน ซึ่งการยืนยันนี้ทำให้ผู้ใช้งานเหมือนมีบัตรประชาชนออนไลน์ สามารถนำไปใช้โดยไม่ต้องมีบัตรประชาชนตัวจริง และเอกสารสำเนาในการติดต่อราชการ

แอปฯ D.DOPA ใช้งานได้ทั้ง Android และ iOS ซึ่งระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล แบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่ การลงทะเบียนและพิสูจน์ตัวตน (enrolment and identity proofing) และการยืนยันตัวตน (authentication)

>> มีความน่าเชื่อถือขนาดไหน?
ในส่วนของการลงทะเบียนและพิสูจน์ตัวตน มีระดับความน่าเชื่อถือ (Identity Assurance Level : IAL) เท่ากับ IAL 2 และการยืนยันตัวตนในการทำธุรกรรม มีระดับความน่าเชื่อถือ (Authenticator Assurance Level : AAL) เท่ากับ AAL2 ตามมาตรฐานของสถาบันมาตรฐานเทคโนโลยีแห่งชาติอเมริกา (National Institute of Standards and Technology : NIST) เปิดนำร่องให้ลงทะเบียนใช้งานตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 63 เป็นต้นมา ดังนั้นใครคนไหนที่ไม่สบายใจเรื่องความปลอดภัย ขอให้สบายใจได้เพราะแอปฯมีความน่าเชื่อถือตามมาตราฐานระดับสากล

>> มีหน่วยงานไหนที่ใช้ไปบ้างแล้ว?
ปัจจุบันมีผู้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน D.DOPA จำนวน 179,338 ครั้ง และมีผู้ลงทะเบียนแอปพลิเคชัน D.DOPA จำนวน 23,033 คน (ณ วันที่ 14 ตุลาคม 2565) มีหน่วยงานภายนอกนำระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนผ่านแอปฯ D.DOPA ไปใช้ประโยชน์ในการให้บริการประชาชนแล้ว 11 หน่วยงาน เช่น...

สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ใช้ในระบบการเข้าชื่อเสนอกฎหมายทางอิเล็กทรอนิกส์, กรมทรัพย์สินทางปัญญา ใช้ในระบบการยื่นคำขอจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาอิเล็กทรอนิกส์ (e-Filing),กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ใช้ในระบบสารสนเทศในการให้บริการประชาชน อาทิ การยื่นแบบเพื่อชำระค่าธรรมเนียมบำรุงองค์การบริหารส่วนจังหวัดจากผู้พักในโรงแรม, จากผู้ค้าน้ำมัน เป็นต้น

'สธ.' ยก 'อสม.' อาวุธลับไทย สู้ทุกภัยด้านสาธารณสุข ต่างชาติให้ความสนใจ ยกไทยประเทศเดียวที่ทำได้

เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2565 นายวัชรพงศ์ คูวิจิตรสุวรรณ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวภายหลังจากที่การประชุม World Bio Hub  ที่กรุงโซล ประเทศ เกาหลีใต้ เสร็จสิ้น โดยในงานนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวง ได้เข้าร่วมประชุมด้วย

นายวัชรพงศ์ ระบุว่า การประชุมในครั้งนี้ เราได้ประโยชน์ในเรื่องหลัก ๆ คือ การบรรลุสัญญาร่วมเป็นภาคีกับสถาบันวัคซีนนานาชาติ ซึ่งจะทำให้ไทยได้แลกเปลี่ยนข้อมูล และผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีน กับนานาชาติ ไปจนถึงการบรรลุข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุขไทย กับกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการของประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งจะเป็นการพัฒนาองค์ความรู้ของประเทศไทย โดยเฉพาะ ด้านเทคโนโลยีการสื่อสารสุขภาพ ซึ่งทางเกาหลีมีความโดดเด่นในเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างมาก 

นอกจากนั้น การร่วมประชุมในระดับโลกยังเป็นการสะท้อนความยอดเยี่ยมของระบบสาธารณสุขไทย ที่นานาชาติยอมรับ และหวังจะได้รับการถ่ายทอดประสบการณ์จากไทยโดยเฉพาะในการประเด็นของประสิทธิภาพระหว่างจัดการวิกฤติโรคระบาด 

“เวทีนี้ ให้ความสำคัญกับเรื่องของการพัฒนาและกระจายวัคซีนสำหรับประเทศไทย นอกจากจะสามารถพัฒนาวัคซีนโควิด19 ได้ในประเทศ ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขยังได้ยกย่องชื่นชม อสม. อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านที่ทำหน้าที่กระจายข้อมูลข่าวสารในการให้บริการวัคซีนของภาครัฐให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบ ทั้งยังเป็นผู้ที่ทำงานหนัก อำนวยความสะดวกให้ประชาชนไปถึงจุดบริการด้วย แม้ประเทศไทยจะนำวัคซีนเข้ามาในระบบบริการเป็นจำนวนมาก แต่หากประชาชนไม่ร่วมมือความสำเร็จก็เกิดขึ้นยาก”

หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ศูนย์สภากาชาดไทยเวชพาหน์เฉลิมพระเกียรติ ปรับแนวคิดเปลี่ยนการให้บริการประชาชนถึงบ้านด้วยเรือท้องแบนสภากาชาดไทย

หน่วยแพทย์เคลื่อนที่สำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย มีการให้บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป ฝังเข็มประยุกต์ บริการทางทันตกรรม และแพทย์ทางเลือกให้บริการด้านกายภาพบำบัด เป็นประจำทุกสัปดาห์ที่ ๓ ของเดือน ณ ศูนย์สภากาชาดไทยเวชพาหน์เฉลิมพระเกียรติ ตำบลบางจัก อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง ซึ่งมีประชาชนในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียงมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก โดยที่ผ่านมาในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙ จึงทำให้ไม่สามารถดำเนินการได้ แต่ในขณะนี้สถานการณ์มีแนวโน้มดีขึ้น จึงได้กำหนดปฏิบัติงานดังเดิม ประกอบกับสถานการณ์อุทกภัย สำนักงานบรรเทาทุกข์ ฯ เกรงว่าประชาชนจะไม่สะดวกในการเดินทางมารับบริการ จึงปรับเปลี่ยนวิธีการให้บริการประชาชน จากเดิมให้ประชาชนมารับบริการด้วยตนเอง เป็นการออกให้บริการประชาชนที่บ้านด้วยเรือท้องแบนสภากาชาดไทยแทน โดยตรวจรักษาโรคทั่วไป รวมทั้งติดตามอาการของโรคเรื้อรังที่เป็นอยู่เดิมด้วย ทั้งนี้ จะให้บริการในวันที่ ๒๗ และ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๕ ในพื้นที่ตำบลบางจัก อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง

โดยหลังจากนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙ ไม่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น หน่วยแพทย์เคลื่อนที่สำนักงานบรรเทาทุกข์ ฯ จากที่ไม่สามารถดำเนินการได้นั้น ก็จะเริ่มออกให้บริการประชาชน ณ ศูนย์สภากาชาดไทยเวชพาหน์เฉลิมพระเกียรติเป็นประจำ เดือนเว้นเดือน โดยให้บริการฝังเข็มประยุกต์ แพทย์ทางเลือกให้บริการด้านกายภาพ บริการทางทันตกรรม และการตรวจรักษาโรคทั่วไป

​สำหรับศูนย์สภากาชาดไทยเวชพาหน์เฉลิมพระเกียรติ ตำบลบางจัก อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง นั้น สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิด เมื่อวันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๔๒ เพื่อปฏิบัติภารกิจในการดูแลสุขภาพอนามัยของประชาชนในบริเวณพื้นที่โดยรอบ โดยหน่วยแพทย์สำนักงานบรรเทาทุกข์ ฯ ออกให้บริการเป็นครั้งคราวตามความเหมาะสม รวมทั้งหน่วยแพทย์เฉพาะโรค และหน่วยทันตกรรม ตามความต้องการของประชาชน ตลอดจนงานโครงการต่าง ๆ และสำรองเครื่องอุปโภค บริโภค ไว้ยามฉุกเฉิน นอกจากนี้ยังใช้เป็นที่เก็บเรือท้องแบนของสภากาชาดไทย เพื่อนำออกไปใช้ในเหตุการณ์จำเป็น

อัปเดตราคา ‘หมู-เนื้อ-ไก่

อัปเดตราคาอาหารสดวันนี้ มาดูกันว่าตามท้องตลาด ราคาอาหารสด ประจำวันที่ 28 ตุลาคม 2565 จะเพิ่มขึ้นหรือลดลงแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็น ราคาหมู ราคาไก่ ราคาไข่ไก่ รวมไปถึงราคาผักสด เช็กกันเลย..

หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ เสด็จเป็นองค์ประธานพิธีสมโภชน์ ศาลปู่ตาอุปฮาดราชวงศ์ อ.เมือง จ.มุกดาหาร

(27/10/65) หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ เสด็จเป็นองค์ประธานพิธีสมโภชน์ ศาลปู่ตาอุปฮาดราชวงศ์ อ.เมือง จ.มุกดาหาร

เมื่อเวลา 14.00 น. หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ ประทับรถยนต์ที่นั่ง จัดถวายโดยบริษัทกิตติพงษ์รถเช่า เสด็จบำเพ็ญกุศลพิธีสมโภชน์เสาหลักบ้าน ศาลเจ้าปู่ตาอุปฮาดราชวงศ์ บ้านบางทรายใหญ่ ต.บางทรายใหญ่ อ.เมือง จ.มุกดาหาร โดยมี พระเจ้าคณะจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานสงฆ์ ในการนี้มีนายวลัยพรรณ น้อยสันเทียะรองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ปฏิบัติหน้าที่แทนผู้ว่าราชการจังหวัด พร้อมด้วยหัวหน้าหน่วยราชการ ตำรวจ ทหาร นายกเทศบาล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พ่อค้า ประชาชน เฝ้ารับเสด็จ

'บิ๊กป๋อ' นำทีมชุดปฎิบัติการ ศอ.ปส.ตร. บุกรวบสองหนุ่มชาวสิงคโปร์ ลักลอบ บรรจุ ขนส่ง และจำหน่ายยาเสพติดส่งเอเยนต์ กลุ่มผู้ค้าในพื้นที่กรุงเทพ ซ่อนตัวในไทยกว่า 20 ปี

ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำชับ สั่งการ และมอบโยบายสำคัญเร่งด่วนให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เร่งระดมกวาดล้าง ปราบปราม ขุดรากถอนโคน ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพ แบบครบวงจร ทั้งขบวนการ อย่างเด็ดขาดและต่อเนื่อง ซึ่งปรากฎตามสื่อที่ผ่านมาหลายครั้งที่ผู้ก่อเหตุมีอาการคลุ้มคลั่งจากการเสพยาเสพติด สร้างความสูญเสียแก่ชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชนเป็นอย่างยิ่ง เพื่อเป็นการป้องปรามมิให้มีการกระทำความผิดกฎหมายและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน

เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2565 เวลาประมาณ 16.30 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. จึงสั่งการให้ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร. , พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. , พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น , พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส. , พล.ต.ต.พรพิทักษ์ รู้ยืนยง รอง ผบช.ปส. , พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์  บุญยืนอนนต์ ผบก.ปส.1 , พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น , พ.ต.อ.วิชัย  สนสกุล  ผกก.1 บก.ปส.1 บช.ปส. พร้อม เจ้าหน้าที่ตำรวจ ศอ.ปส.ตร. และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปส.1 บช.ปส. ร่วมกันสืบสวนจับกุม

1.นายออง เชา เซียง (Ong Shao Xiong)  อายุ 34 ปี ชาวสิงคโปร์  ทำหน้าที่ส่งยาเสพติด

2. นายโล จิน อัง (LOW GIN ANG) หรือ นายเส้ง อายุ 53 ปี ชาวสิงคโปร์  ทำหน้าที่เป็นลักษณะนักเคมี

พร้อมด้วยของกลาง
     1. เครื่องแพ็กซองยาเสพติด (Vacuum sealer) จำนวน 1 เครื่อง
     2. ซองยาเสพติด ลักษณะคล้ายคลึงกับแบบที่เจ้าหน้าที่ตรวจค้นพบ ณร้านจินหลิง และร้าน Leela จำนวน กว่า 100,000 ซอง 
     3. ลำโพงขนาดใหญ่ จำนวน 3 ตัว เพื่อใช้ในการซุกซ่อนยาเสพติดขณะสั่งซื้อ/ขนส่ง
    4.ไอซ์ ประมาณ 2 กรัม และไฟว์ไฟว์ จำนวน 20 เม็ด (ตรวจค้นได้จาก นายออง เชา เซียง( Ong Shao Xiong) 
    5. ยาไอซ์ 482.5 กรัม 
    6.ไฟว์ไฟว์ 380 เม็ด 
    7. ยาอี 151 ซอง 
    8.ยาบ้า ประมาณ 2,050 เม็ด 
    9.คีตามีน 10 กรัม 
    10.โคเคน จำนวน 1 กรัม 
    11. ยาเสพติด ชนิด แฮปปี้วอเตอร์ (Happy Water) จำนวน 8 ซอง 
    12. อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ จำนวน 1 กระบอก และ กระสุนขนาด 9 มม. และ .22 รวม 84 นัด 
และของกลางอื่นๆ อีกหลายรายการที่ใช้ในการผสม และแพ็กเกจ

สืบเนื่องจากกรณีตรวจค้นและจับกุมเครือข่ายยาเสะติดและกลุ่มนักเสพ นักท่องเที่ยวชาวจีน ณ สถานบริการภายใน ร้านจินหลิง และร้าน Leela ภายในท้องที่ สน.ยานนาวา เมื่อวันที่ 26 ต.ค.65 ที่ผ่านมานั้น 

ต่อมา พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผู้อำนวยการ ศอ.ปส.ตร. ได้ทำการเกาะติดผู้มีพฤติการต้องสงสัย มีส่วนเกี่ยวข้อง รู้เห็น เร่งรัด ติดตาม สืบสวน ขยายผลเพิ่มเติ่ม

พบว่า มีชาวต่างชาติชื่อว่า “นายเส้ง” สัญชาติสิงคโปร์  มีพฤติกรรมลักลอบจำหน่ายยาเสพติดให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน ตามสถานบันเทิงต่างๆในพื้นที่  จึงได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการของ ศอ.ปส.ตร. ร่วมบูรณาการปฎิบัติการกับ กก.1 บก.ปส.1 และสืบสวนนครบาลทำการสืบสวนขยายผลจนทราบแหล่งซุกซ่อนยาเสพติดที่ลำเลียงมาจากประเทศเพื่อนบ้าน

จับกุมผู้ต้องหาที่ 1 ได้บริเวณ หน้าห้างบิ๊กซี ลาดพร้าวซอย 9 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ในข้อหา “ครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) โดยไม่ได้รับอนุญาต และครอบครองวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (ไฟว์ไฟว์) โดยไม่ได้รับอนุญาต” 

และจับกุม ตัวนาย โล จิน อัง (Low Gin Ang) ชาวสิงคโปร์ อายุ 63 ปี ในข้อหา “จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์,ยาบ้า,ยาอี) และจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ประเภท 2 (ไฟว์ไฟว์,คีตามีน)  โดยการขายอันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและแพร่กระจายในชุมชน , มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และเป็นบุคคลต่างด้าวและเดินทางเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” ได้บริเวณ หน้าโรงแรมย่านถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ 

ในชั้นจับกุม นายออง เชา เซียง (Ong Shao Xiong) ให้การ รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา  ส่วน นายโล จิน อัง (LOW GIN ANG) หรือ นายเส้ง ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และให้การว่า วิธีของผู้ต้องหาสั่งยามาจากประเทศลาว โดยซุกซ่อนมากับตู้ลำโพง มากับบริษัทขนส่งเอกชนแห่งหนึ่ง โดยผู้ต้องหาจะเดินทางไปรับแถวย่านหัวลำโพง และจะเช่าห้องพักเพื่อเก็บรักษายาเสพติด ซึ่งผู้ต้องหาทั้งสองเข้าพักในช่วงระยะเวลาสั้นๆ แล้วจะเปลี่ยนที่พัก และเก็บรักษายาเสพติด โดยจะทำการย้ายที่พักและเคลื่อนย้ายสถานที่ยาเสพติดไปเรื่อยๆ

โดยผู้ต้องหาทั้งสองจะร่วมนำยาเสพติดชนิดต่างๆ มาผสมและลำเลียง จำหน่ายให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ  ตามสถานบันเทิงต่างๆ ในพื้นที่ โดยผู้ต้องหาทั้งสองนั้นรับว่าได้หลบหนีเข้าเมืองมาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมายเป็นเวลานานกว่า 20 ปี

หลังการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจะได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน พร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายและจะทำการสืบสวน ขยายผล ผู้ร่วมขบวนการและเครือข่ายยาเสพติดรายอื่นๆ 

ตร.โชว์ผลระดมตามนโยบายรัฐบาล เกือบ 10 วัน ยึดยาบ้ากว่า 18 ล้านเม็ด กวาดล้างหมายจับค้างเก่า 3,884 ราย ยาเสพติด 15,710 คดี และอาวุธปืน 3,984 คดี

(27 ต.ค.65) เวลา 18.30 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เปิดเผยผลการระดมฯ ในห้วงแรก (10–19 ต.ค.65) ภาพรวมการปฏิบัติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และมีผลการดำเนินการ ดังนี้...

1) บุคคลตามหมายจับคดีอาญาได้ 3,884 หมายจับ 
2) ผู้ต้องหาคดียาเสพติด 15,710 คดี (ผู้ต้องหา 15,866 คน) ของกลางยาบ้า 18,314,853 เม็ด ยาไอซ์ 297,690 กรัม เฮโรอีน 30,735 กรัม ยาอี 6,550 กรัม
3) ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน วัตถุระเบิด และเครื่องกระสุน  ทั้งสิ้น 3,984 คดี ของกลางอาวุธปืนสงคราม 27 กระบอก ปืนไม่มีทะเบียน 2,438 กระบอก มีทะเบียน 452 กระบอก วัตถุระเบิด 600 รายการ และเครื่องกระสุน 16,168 นัด

แบ่งเป็นจับกุมความผิดเกี่ยวกับการจำหน่ายอาวุธปืนฯ โดยผิดกฎหมาย ทั้งโดยทางตรงและทางออนไลน์ จำนวน 97 คดี  ผู้ต้องหา 63 คน) ของกลางอาวุธปืนไม่มีทะเบียน  46 กระบอก มีทะเบียน 12 กระบอก วัตถุระเบิด 156 รายการ เครื่องกระสุน 1,296 นัด และความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนฯ อื่นๆ จำนวน 3,887 คดี (จับกุมผู้ต้องหา 3,864 คน) ของกลาง อาวุธปืนสงคราม 27 กระบอก อาวุธปืน (ไม่มีทะเบียน) 2,392 กระบอก มีทะเบียน 440 กระบอก วัตถุระเบิด 444 รายการ เครื่องกระสุน 14,872 นัด

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ได้มีมาตรการสำคัญในการแก้ไขปัญหาอาวุธปืนและยาเสพติดที่เป็นรูปธรรม อย่างจริงจัง เน้นย้ำ ให้ทุกบูรณาการร่วมกันแก้ปัญหา นำหน่วยงานในท้องถิ่นและประชาชนในพื้นที่เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และแสวงหาความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหา อย่างต่อเนื่อง เข้มข้น เพื่อให้การปฏิบัติเป็นรูปธรรมชัดเจน ได้กำหนดให้มีการระดมกวาดล้างในห้วงวันที่ 10 ต.ค. – 8 พ.ย.65 โดยผลระดมกวาดล้างในห้วง 10 วันแรก (10 ต.ค.-19 ต.ค.) ทุกหน่วยมีผลการปฏิบัติเป็นที่น่าพอใจ สามารถจับกุมผู้ต้องหาคดีหมายจับค้างเก่า  3,884 หมายจับ จับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติด 15,710 คดี และจับกุมความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน  3,984 คดี 

โดยในห้วงการระดมที่เหลือได้กำชับหน่วย เพิ่มความเข้มในการดำเนินการ และเพิ่มมาตรการป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดออนไลน์ การสกัดกั้นยาเสพติดจากแนวชายแดน การตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ตรวจค้นบุคคลยานพาหนะให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ทุกเส้นทาง การสืบสวนขยายผลไปยังเครือข่ายหรือขบวนการที่กระทำความผิด และดำเนินการกับเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ยุ่งเกี่ยว พัวพันกับการกระทำความผิดกฎหมาย หรือประพฤติไม่เหมาะสม ไม่ชอบด้วยกฎหมาย อย่างเด็ดขาด ทั้งทางอาญา ทางวินัย และทางปกครองโดยทันที


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top