นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เปิดเผยวันนี้ภายหลังเป็นประธานการประชุมการพัฒนาโคขุน โคนม โคพื้นเมือง และวัวลานกีฬาประเพณีวิถีไทยครั้งที่ 1/2565 ว่าการจัดระดมพลคนปศุสัตว์กลุ่มโคโดยผนึกความร่วมมือทุกภาคส่วนมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาการปศุสัตว์อย่างเป็นระบบครบวงจรและยกระดับรายได้ของเกษตรกรให้สูงขึ้นอย่างยั่งยืนเป็นการพัฒนาอาชีพปศุสัตว์สู่เกษตรมูลค่าสูงตามหมุดหมายใหม่ของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 ภายใต้ 5 ยุทธศาสตร์ของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และแนวทาง ‘เพชรบุรีโมเดล’

นับเป็นก้าวใหม่ที่จะสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องตลอดห่วงโซ่อุปสงค์และอุปทาน หากมีการยกระดับการพัฒนาจะเพิ่มศักยภาพเพิ่มโอกาสให้เกษตรกรมากขึ้นและเพิ่มช่องทางใหม่ ๆ ให้กับเพชรบุรี ซึ่งเลี้ยงและจำหน่ายโคกว่า140,000 - 150,000 ตัวต่อปี โดยจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการจากทุกภาคส่วนเป็นกลไกการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเป็นระบบต่อไป

ทั้งนี้ จังหวัดเพชรบุรีเป็นจังหวัดที่มีการเลี้ยงโคขุน โคนม และโคพื้นเมืองมากที่สุดจังหวัดหนึ่งของประเทศ รวมทั้งวัวลานกีฬาประเพณีวิถีไทยถือเป็นฐานอาชีพสร้างรายได้สำคัญของเกษตรกร จึงมีความพร้อมที่จะเดินหน้าต่อยอดยกระดับการพัฒนาแบบครบวงจร ตั้งแต่ พันธ์ุโค อาหารสัตว์ มาตรฐานฟาร์มการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) มาตรฐานฟาร์มที่มีระบบการป้องกันโรคและการเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสม (GFM) มาตรฐานฟาร์มปลอดโรคปากและเท้าเปื่อย (FMD) คอกกักมาตรฐานเอกชนสำหรับการนำเข้า การส่งออก และปลอดโรค FMD การแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่ม การสร้างแบรนด์ การตลาดแบบออฟไลน์และออนไลน์ และการเจรจาการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ เช่น กรณีของวิสาหกิจชุมชนเกษตรกรผู้เลี้ยงโคและพรีเมี่ยมบี๊ฟ (Premium Beef) สามารถแปรรูปผลิตภัณฑ์จำหน่ายได้มากกว่า 30 ผลิตภัณฑ์ เช่น สันนอก สเต็กแช่แข็ง ลิ้นแองกัสสไลด์แช่แข็ง เนื้อหมักกระเทียมพริกไทยเสียบไม้ เนื้อแดดเดียวท่าแร้ง เนื้อตุ๋นสมุนไพร ลูกชิ้นเนื้อ เป็นต้น ตลอดจนการส่งออกโคไปต่างประเทศสู่ตลาดมาเลเซีย เวียดนาม และจีนซึ่งจะได้เจรจากับประเทศลูกค้ารวมทั้งการส่งเสริมการค้าการลงทุนกับซาอุดีอาระเบียและดูไบในโครงการเพชรบุรีฟู้ดวัลเลย์ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมการความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยที่มีมติเห็นชอบสนับสนุนเมื่อเร็วๆนี้

สำหรับแนวทางการส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อ โคขุน มุ่งการพัฒนาระบบมาตรฐานฟาร์ม โดยพัฒนากลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชนผู้เลี้ยงโคเนื้อโคขุน เข้าสู่ระบบมาตรฐานฟาร์ม (GAP) ฟาร์มที่มีระบบป้องกันโรค (GFM) และเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ เป็นฟาร์มตัวอย่างให้เกษตรกรและประชาชนที่สนใจ ส่งเสริมรูปแบบการเลี้ยงที่ทันสมัย ประหยัด ลดต้นทุนการผลิต และการขยายตลาด สนับสนุนและยกระดับฟาร์มให้มีรูปแบบการผลิตเนื้อโคขุนที่มีคุณภาพ เพื่อส่งตลาดทั่วไปและตลาดพรีเมี่ยม เป็นการเพิ่มมูลค่าสินค้า ส่งเสริมให้มีตลาดกลางปศุสัตว์โค เพื่อเพิ่มช่องทางการซื้อขายให้เกษตรกร ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ ส่งเสริมการแปรรูปเนื้อโค สร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์เนื้อของเพชรบุรี รวมทั้งสนับสนุนให้มีการเลี้ยงโคไทยวากิวโดยมีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ศูนย์ AIC จังหวัดนครราชสีมาสนับสนุน ทั้งนี้สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดเพชรบุรีรายงานว่า ปัจจุบันมีจำนวนเกษตรกร 5,571 ราย โค 80,717 ตัว

ส่วนแนวทางการส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม มีการพัฒนาระบบมาตรฐานฟาร์ม พัฒนากลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม เข้าสู่ระบบมาตรฐานฟาร์ม GAP ฟาร์มปลอดโรค ส่งเสริมเกษตรกรโคนมรุ่นใหม่ เพื่อปรับปรุงรูปแบบ เทคนิคการเลี้ยงที่ทันสมัย เช่น การปรับปรุงพันธุ์ การขุนโคนมเพศผู้ ในด้านการส่งเสริมการตลาด มีการส่งเสริมการแปรรูป เพิ่มชนิดผลิตภัณฑ์เช่น เนย โยเกิร์ต ชีสและการจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมของเกษตรกรและผลักดันเป็นแหล่งท่องเที่ยว เชิงเกษตร ส่งเสริมให้มีการเพิ่มแนวทางการเลี้ยงโคนมนอกจากผลิตน้ำนมโคแล้วจะมีการผลิตโคขุนจากโคนมด้วย ทั้งนี้จะให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยศูนย์ความเป็นเลิศโคนมและเป็นศูนย์ AIC จังหวัดสระบุรีมาสนับสนุนด้วย ปัจจุบันมีจำนวนเกษตรกร 370 ราย โค 13,840 ตัว
