Friday, 4 July 2025
Hard News Team

มาแล้ว เนติบริกร ‘วิษณุ’ ยันคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ "ธรรมนัส" ไม่พ้นตำแหน่งไม่ขัดความเห็นกฤษฎีกา ชี้พ้นโทษมาแล้วเกิน 5 ปี ระบุ กระแสวิจารณ์เรื่องจริยธรรมไม่เกี่ยวข้อกฎหมาย

เมื่อวันที่ 6 พ.ค. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ให้ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.กระทรวงการเกษและสหกรณ์ ไม่พ้นจากตำแหน่ง ส.ส.และรัฐมนตรี เนื่องจากไม่ขาดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามการเป็น ส.ส.และ รัฐมนตรี กรณีเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลแขวงรัฐนิวเซาท์เวลส์ เครือออสเตรเลีย ความผิดคดียาเสพติด เมื่อปี 2536 ว่า เคยมีความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกามีคำสั่ง ว่าหากถูกพิพากษาจำคุกในหรือต่างประเทศ ตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป โดยพ้นโทษมาแล้วไม่ถึง 5 ปี ถือว่าเป็นบุคคลต้องห้าม ขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส. แต่กรณี ร.อ.ธรรมนัสถูกตัดสินลงโทษจำคุกคดียาเสพติด ตั้งแต่ ปี 2536 และพ้นโทษ เมื่อปี 2540 ถือว่าพ่นโทษมาแล้วเกิน 5 ปี จึงถือว่าไม่ขาดคุณสมบัติตามกฎหมาย

นายวิษณุ กล่าวถึงการวิพากษ์วิจารณ์ ความเหมาะสม จริยธรรม ว่า ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แล้วแต่จะวิจารณ์กัน ส่วนจะยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช. วินิจฉัยในเรื่องคุณธรรม จริยธรรมหรือไม่นั้นตนไม่ทราบ แต่ในข้อกฎหมาย ถือว่าสิ้นสุดตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

เมื่อถามว่า จากที่เป็นประเด็นถกเถียงข้อกฎหมาย ศาลรัฐธรรมนูญควรจะทำคำชี้แจงกับสังคมหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญไม่จำเป็นต้องชี้แจงหรือพูดอะไรเพิ่มเติม เพราะได้วินิจฉัยจบแล้ว ส่วนผลทางวิชาการ ทางการเมือง แล้วแต่จะวิจารณ์กันไป ขณะเดียวกันคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกรณีนี้ ถือเป็นบรรทัดฐานที่ใช้ได้กับทุกคน เพราะไม่เคยมีคำวินิจฉัยมาก่อน และใช้ได้กับความผิดทุกกรณี ไม่เฉพาะแต่ความผิดคดียาเสพติดอย่างเดียว แต่ไม่ใช่การล้างมลทิน เพราะเป็นเรื่องคำวินิจฉัยเกี่ยวกับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม ซึ่งอาจจะมีมลทินก็ได้

‘สัณหพจน์’ จี้ ‘พาณิชย์’ เร่งรับซื้อ ‘พริกเขียว’ เท่าเทียม หลังพบไปซื้อแต่ที่ ‘สงขลา’ แต่ไม่แวะมา ‘นครศรีฯ’

ส.ส.พปชร. นครศรีฯ ติงกระทรวงพาณิชย์โดยกรมการค้าภายใน วางกรอบการรับซื้อ ‘พริกเขียว’ อย่างเป็นรูปธรรม มีมาตรการที่ชัดเจน เป็นมาตรฐานเดียวกัน หลังเกษตรกรพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง ยังคงเดือดร้อนหนัก ขายพริกราคาขาดทุน แนะหน่วยงานรัฐเกษตรฯ-พาณิชย์ บูรณาการทำงานร่วมกัน

นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.เขต2 จ.นครศรีธรรมราช และรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่ กระทรวงพาณิชย์โดย กรมการค้าภายใน ออกมาตรการสนับสนุนงบประมาณช่วยเหลือรับซื้อพริกขี้หนูดวงมณี หรือ พริกเขียวหัวไทร ราคากก.ละ 5 บาท จำนวนเป้าหมาย 3,000 ตัน ว่า วานนี้ (5 พ.ค.64) ตนได้ทราบข้อมูลจาก ร.ต.อ.อรุณ สวัสดี ส.ส.เขต 4 จ.สงขลา พรรคพลังประชารัฐ ถึงกระบวนการรับซื้อพริกเขียวในพื้นที่จ.สงขลา

ทั้งนี้พบว่า กรมการค้าภายใน โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสงขลา ได้ประสานให้ผู้รับซื้อพริกเขียว จากเกษตรกรในพื้นที่ในพื้นที่ อ.ระโนด และอ.สทิงพระ จ.สงขลา ในราคา กก.ละ 10 บาท แล้ว พร้อมทั้งบันทึกหลักฐานการรับซื้อจากเกษตรกรแต่ละราย เพื่อจะได้สนับสนุนงบช่วยเหลือ 5 บาท/กก.ให้กับเกษตรกร โดยมีจำนวนการรับซื้อที่ 1,000 ตัน

ขณะที่ จ.นครศรีธรรมราช ปัจจุบัน เกษตรกรผู้ปลูกพริกในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง จำนวน 1,072 ราย พื้นที่ปลูกกว่า 2,000 ไร่ ใน 6 อำเภอคือ อ.เชียรใหญ่ อ.ชะอวด อ.หัวไทร อ.ปากพนัง อ.เฉลิมพระเกียรติ และอ.เมือง ผลผลิตรวมประมาณ 10,117 ตัน/ฤดูกาล ยังคงประสบปัญหาดังกล่าวอยู่ เนื่องจากผู้รับซื้อได้รับซื้อผลผลิตในราคา กก.ละ 7-8 บาท จากที่ก่อนหน้านี้ 2-3 วันที่ผ่านมา ราคาพริกเขียวตกต่ำจนถึง กก.ละ 6 บาท โดยผู้รับซื้อแจ้งว่ายังไม่ได้รับการประสานงานจากหน่วยงานราชการใด ๆ

“จากปัญหาความเดือดร้อนดังกล่าวของพี่น้องเกษตรกร ทำให้เกษตรกรส่วนใหญ่ยังไม่เก็บผลผลิต เนื่องจากกำลังรอการอนุมัติงบช่วยเหลือจากกรมการค้าภายในก่อน ซึ่งในช่วงนี้มีฝนตกหนักในพื้นที่ ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคกุ้งแห้ง ซึ่งจะทำให้พริกยืนต้นตาย ยิ่งจะทำให้เกษตรกรขาดทุนมากยิ่งขึ้น

เบื้องต้นทราบแต่เพียงการกำหนดจำนวนรับซื้อที่ 1,000 ตันนั้น ซึ่งเท่ากันทั้ง 2 จังหวัดคือ จ.สงขลา และจ.นครศรีฯ หากเปรียบเทียบจำนวนผลผลิตแล้ว จ.สงขลาผลิตได้วันละ 20 ตัน ขณะที่จ.นครศรีฯ มีผลผลิตพริกออกสู่ตลาดมากถึงวันละ 80-100 ตัน ผลผลิตรวมต่อฤดูกาลถึง 10,117 ตัน/ฤดูกาล ซึ่งตนมองว่า มีสัดส่วนที่ไม่เหมาะสม” นายสัณหพจน์ กล่าว

ดังนั้นตนจึงอยากให้ กรมการค้าภายในได้กำหนดกรอบการรับซื้อพริกเขียวจากเกษตรกรอย่างเป็นรูปธรรม ชัดเจน และเป็นมาตรฐานเดียวกัน ที่สำคัญต้องดำเนินการโดยเร่งด่วน ทั้งนี้เนื่องจากผลผลิตพริกของเกษตรกรมีการเก็บเกี่ยวและออกสู่ตลาดทุกวัน หากปล่อยไว้นาน จะทำให้เกษตรกรเดือดร้อน ประสบกับปัญหาขาดทุนอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตามการแก้ไขปัญหาดังกล่าว จำเป็นจะต้องบูรณาการการทำงานร่วมกันในพื้นที่ ทั้งหน่วยงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ ขณะที่ภาคประชาชนสังคม และ ส.ส.หรือผู้แทนพี่น้องประชาชนในพื้นที่ พร้อมที่จะสนับสนุนอย่างเต็มที่ วันนี้จำเป็นที่จะต้องทำงานแข่งกับเวลา เพราะพี่น้องประชาชนกำลังเดือดร้อน

ไทย-สหราชอาณาจักร พร้อมร่วมมือด้านวัคซีนควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 เดินหน้าการลงทุนทั้งทวิภาคิและพหุภาคี

วันที่ 6 พฤษภาคม 2564 ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต้อนรับ นายไบรอัน จอห์น เดวิดสัน (H.E. Mr. Brian John Davidson) เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย ที่เข้าเยี่ยมคารวะเพื่ออำลาในโอกาสพ้นจากหน้าที่

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในนามรัฐบาลและประชาชนชาวไทย ขอแสดงความเสียใจต่อการสิ้นพระชนม์ของดุ๊กแห่งเอดินบะระ เชื่อว่าพระกรณียกิจที่พระองค์ทรงทุ่มเทเพื่อสาธารณประโยชน์จะอยู่ในความทรงจำของทั่วโลกตลอดไป ขอบคุณเอกอัครราชทูตที่ทำหน้าที่อย่างแข็งขัน เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนความร่วมมือที่ดีตลอดช่วงเวลาการดำรงตำแหน่งในไทย

ด้านเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย ขอบคุณนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลไทยสำหรับความร่วมมือที่ดีตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระดับทวิภาคี และพหุภาคีระหว่างกันเป็นไปด้วยดี เชื่อมั่นว่าไทยและอาเซียนยังมีศักยภาพในการเติบโตอีกมาก พร้อมที่จะสนับสนุนนักลงทุนจากสหราชอาณาจักรให้เข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น ในสาขาที่มีศักยภาพร่วมกัน อาทิ ด้านพลังงาน ยานยนต์ไฟฟ้า และอื่นๆ ทั้งนี้ ขอบคุณที่ไทยตอบรับข้อเสนอเพื่อยกระดับประเทศไทยสู่ 10 อันดับประเทศที่ประกอบธุรกิจง่ายที่สุด (Ten for Ten) เชื่อมั่นไทยจะได้รับความสนใจด้านการลงทุนมากขึ้น อีกทั้ง ชื่นชมแนวทางการทำงานของไทย แนวคิดการจัดการวัคซีนของไทยที่ต้องการให้เป็นยาพื้นฐานที่ทุกคนเข้าถึงได้ ซึ่งวัคซีนแอสตร้าซีเนก้าเป็นวัคซีนที่รัฐบาลสหราชอาณาจักรเชื่อมั่นและไทยโดยบริษัทสยาม ไบโอไซเอนซ์เป็นประเทศแรกและประเทศเดียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยี ได้รับเลือกเป็นศูนย์กลางการผลิตเเละกระจายวัคซีนโควิดของแอสตร้าซีเนก้า 

จากนั้น นายกรัฐมนตรีและเอกอัครราชทูตฯได้แลกเปลี่ยนแนวทางที่จะเป็นประโยชน์ในการเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจระหว่างกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจภายหลังสถานการณ์โควิด-19 “Build back better” ไทยหวังว่าจากบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมด้านเศรษฐกิจและการค้า และกลไกสนับสนุนอื่น ๆ ที่ได้ลงนามไป จะนำไปสู่การจัดทำข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างกันโดยเร็ว โดยเชื่อมั่นว่าจากความร่วมมือกับไทยจะส่งผลให้สหราชอาณาจักรสามารถเพิ่มบทบาทในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกมากขึ้น ซึ่งเอกอัครราชทูตเชื่อมั่นในศักยภาพของไทยที่จะสามารถเป็นสะพานเชื่อมสหราชอาณาจักรกับอาเซียน อนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง และอินโดแปซิฟิก 

จากนั้น ทั้งสองฝ่ายยังได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นสำคัญอื่นๆ อาทิ เรื่องสิ่งแวดล้อม ไทยพร้อมสนับสนุนสหราชอาณาจักรในการเป็นประธานการประชุม COP26 และหวังว่าผลลัพธ์ของการประชุมส่งผลสำคัญต่อการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ประเด็นสถานการณ์ในเมียนมา สหราชอาณาจักรชื่นชมและเข้าใจในแนวทางปฏิบัติของไทย ที่ได้แสดงออกถึงความห่วงใยต่อประเทศเพื่อนบ้าน การช่วยเหลือประชาชนผู้หนีภัยตามหลักมนุษยธรรม และการสนับสนุนฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียน

ถูกใจมั้ย!!! ครม. เทกระจาด เคาะรัว ๆ มาตรการเยียวยาโควิดระลอกใหม่ แจกแหลก ทั้ง ‘คนละครึ่ง-เราชนะ-ม.33เรารักกัน’ เพิ่มให้คนละ 2,000 บาท คนละครึ่งเฟส 3 อีกคนละ 3,000 บาท บัตรคนจน-กลุ่มเปราะบาง ได้ด้วย

จากการประชุม คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา ครม.มีมติเห็นชอบในหลักการ มาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่

เริ่มจาก มาตรการคนละครึ่ง เฟส 3 คนละ 3,000 บาท จำนวน 31 ล้านคน คิดเป็นวงเงินงบประมาณ 93,000 ล้านบาท ระยะเวลาเดือนก.ค.-ธ.ค.64

ต่อด้วย โครงการเราชนะ จำนวนกลุ่มเป้าหมายประมาณ 32.9 ล้านคน เพิ่มอีกสัปดาห์ละ 1,000 บาท เป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ กรอบวงเงิน 6.7 หมื่นล้านบาท โดยให้ใช้จ่ายสิ้นสุดในวันที่ 30 มิ.ย.64

ขณะที่โครงการ ม.33 เรารักกัน กลุ่มเป้าหมาย 9.27 ล้านคน ได้เพิ่มวงเงินช่วยเหลือ อีกสัปดาห์ละ 1,000 บาท เป็นเวลา 2 สัปดาห์ วงเงินรวม 18,500 ล้านบาท โดยให้ใช้จ่ายสิ้นสุดในวันที่ 30 มิ.ย.64

นอกจากนี้ ยังอนุมัติขยายวงเงินให้กับโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้กับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 3 ประชาชน 13.65 ล้านคน ให้เงินค่าครองชีพแก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มเติมเดือนละ 200 บาท ระยะเวลา 6 เดือน (กรกฎาคม-ธันวาคม) และเพิ่มกำลังซื้อให้กับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นกรณีพิเศษจำนวนเป้าหมาย 2.5 ล้านคน เพิ่มเติมเดือนละ 200 บาท เป็นระยะเวลา 6 เดือน (ก.ค.-ธ.ค.)

พร้อมอนุมัติมาตรการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน โดยให้ความช่วยเหลือลดค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาตามมาตรการเดิมที่ได้ดำเนินการในช่วงเดือนก.พ.-มี.ค.64 ต่อเนื่องถึงเดือนเม.ย.-พ.ค.

โดยให้สิทธิค่าไฟฟ้าสำหรับบ้านอยู่อาศัยและกิจการขนาดเล็ก (ไม่รวมส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ) สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 150 หน่วยต่อเดือน ให้สิทธิใช้ไฟฟ้าฟรี 90 หน่วยแรก

ส่วนผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าเกิน 150 หน่วยต่อเดือน ให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าดังนี้

กรณีหน่วยการใช้ไฟฟ้าน้อยกว่าหรือเท่ากับใบแจ้งค่าไฟฟ้าเดือนเม.ย.2564 ให้คิดค่าไฟฟ้าตามหน่วยการใช้ไฟฟ้าจริง

กรณีหน่วยการใช้ไฟฟ้ามากกว่าใบแจ้งค่าไฟฟ้าเดือนเม.ย.2564 ให้คิดค่าไฟฟ้าตามหน่วยการใช้ ดังนี้

1.) สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 500 หน่วยต่อเดือน คิดค่าไฟฟ้าเท่ากับหน่วยการใช้ไฟฟ้าของใบแจ้งค่าไฟฟ้าเดือนเม.ย.64

2.) สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้ามากกว่า 500 หน่วยต่อเดือน แต่ไม่เกิน 1,000 หน่วยต่อเดือน ให้คิดค่าไฟฟ้าเท่ากับหน่วยการใช้ไฟฟ้าของใบแจ้งค่าไฟฟ้าเดือนเม.ย.64 บวกด้วยหน่วยการใช้ไฟฟ้าที่มากกว่าหน่วยการใช้ไฟฟ้าใบแจ้งค่าไฟฟ้าเดือนเม.ย.64 ในอัตราร้อยละ 50

3.) สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้ามากกว่า 1,000 หน่วย ให้คิดค่าไฟฟ้าเท่ากับหน่วยการใช้ไฟฟ้าของใบแจ้งค่าไฟฟ้าเดือนเม.ย.64 บวกด้วยหน่วยการใช้ไฟฟ้าที่มากกว่าหน่วยการใช้ไฟฟ้าขอใบแจ้งค่าไฟฟ้าเดือนเม.ย.64 ในอัตราร้อยละ 70 โดยให้เป็นส่วนลดค่าไฟฟ้าก่อนการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม

มาตรการสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทกิจการขนาดเล็ก (ไม่รวมส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ) ให้สิทธิใช้ไฟฟ้าฟรี 50 หน่วยแรก โดยมาตรการลดค่าใช้จ่ายด้านค่าไฟฟ้าสำหรับบ้านอยู่อาศัยและกิจการขนาดเล็ก กำหนดให้ดำเนินการเป็นระยะเวลา 2 เดือน สำหรับใบแจ้งหนี้ค่าไฟฟ้าประจำเดือนพ.ค.ถึงมิ.ย.64

ส่วน มาตรการลดค่าน้ำประปา ให้ลดค่าน้ำประปาลงร้อยละ 10 เฉพาะบ้านที่อยู่อาศัย และกิจการขนาดเล็ก (ไม่รวมส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ) เป็นระยะเวลา 2 เดือน สำหรับใบแจ้งหนี้ค่าน้ำประปาประจำเดือนพ.ค.-มิ.ย.64

สุดท้าย ครม.ยังมีมติเห็นชอบในหลักการกระตุ้นกำลังซื้อของประชาชนในกลุ่มที่มีรายได้ปานกลางและรายได้สูง ผ่านโครงการ ‘ยิ่งใช้ยิ่งได้’ โดยรัฐสนับสนุน e-Voucher ให้กับประชาชน ที่ใช้จ่ายซื้อสินค้า อาหารและเครื่องดื่มและค่าบริการกับผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ไม่เกิน 5,000 บาทต่อวัน สูงสุดไม่เกิน 7,000 บาทต่อคนอีกด้วย

ศปฉ.ปชป. รายงานความคืบหน้าสถานการณ์ความช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19 ไม่มีเตียง 25 เม.ย - 6 พ.ค 64 ช่วยได้เกินร้อย เริ่มมีกลับบ้านได้

เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2564 พรรคประชาธิปัตย์ นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะหัวหน้าทีมผู้รับผิดชอบประสานข้อมูลผู้ติดเชื้อเพื่อการส่งต่อศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉิน โควิด-19 พรรคประชาธิปัตย์ (ศปฉ.ปชป) รายงานความคืบหน้าการช่วยเหลือผู้ป่วยติดเชื้อ COVID-19 เข้ารับการรักษาในสถานพยาบาล ระหว่างวันที่ 25 เมษายน - 6 พฤษภาคม 2564 ดังนี้

รับเรื่องไป 150 ราย

ช่วยเหลือไป  144 ราย 

โรงพยาบาล 81 ราย (กลับบ้านได้แล้ว 1 ราย /เสียชีวิต 1 ราย)

โรงพยาบาลสนาม 19 ราย

Hospitel  44 ราย

โดยเคสอื่น ๆ ที่เหลือขณะนี้พรรคได้รับข้อมูล ประสานงานกลับไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วทุกราย และส่งต่อข้อมูลไปยังกระทรวงสาธารณสุขเพื่อจัดสรรตามมาตรการต่อไป

ทั้งนี้ สัญญาณในการช่วยเหลือผู้ป่วยติดค้าง ไม่มีเตียง เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากภาครัฐได้มีการปรับรูปแบบกระบวนการทำงาน ทำให้ทีมประสานงานผู้ป่วยติดเชื้อโควิด ศปฉ.ปชป.สามารถทำงานได้คล่องตัวขึ้น ส่งตัวผู้ป่วยได้เร็วขึ้น ไม่ค้างในระบบยกเว้นกลุ่มผู้ป่วยหนัก ICU ที่ยังต้องรอเตียงอยู่บางส่วน และมีสัญญาณที่ดีจากผู้ป่วยบางกลุ่มที่เริ่มกลับบ้านได้จากการที่เข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลได้อย่างรวดเร็วจึงทำให้ได้รับการรักษาแบบทันท่วงที

“เป็นที่น่าเสียใจว่าวันนี้มีผู้ป่วยสูงอายุที่เราประสานงานและพักรักษาตัวในโรงพยาบาล เสียชีวิต 1 ราย จึงขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวด้วยเป็นอย่างยิ่ง ในขณะเดียวกันก็เริ่มมีผู้ป่วยบางรายที่แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้ ซึ่งถือเป็นข่าวดีในทุกครั้งที่ได้ยินว่าผู้ป่วยรอดและปลอดภัย” นางดรุณวรรณ กล่าว

หากต้องการความช่วยเหลือสามารถแจ้งผ่านมาที่ผู้ประสาน ศปฉ.ปชป ได้ที่กล่องข้อความในเฟซบุ๊ก facebook.com/DemocratPartyTH ทวิตเตอร์ twitter.com/democratTH หรือ BLUE HOUSE ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ และช่วยเหลือประชาชนพรรคประชาธิปัตย์ 02-828-1010

ออมสินเปิดให้เริ่มพักหนี้ได้ทุกประเภทรับโควิด

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารฯ เตรียมเปิดให้ลูกหนี้สินเชื่อทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อรายย่อย ที่อยู่อาศัย สินเชื่อบุคคล และสินเชื่อธุรกิจ ที่มีอยู่ประมาณ 1 ล้านราย เข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้แบบสมัครใจ ด้วยการพักชำระเงินต้นและจ่ายเฉพาะดอกเบี้ยไปถึง 31 ธ.ค. 64 ตามมติของครม. ที่ได้เห็นชอบไปในครั้งล่าสุด

ทั้งนี้หากลูกหนี้รายใดมีความจำเป็นต้องรับความช่วยเหลือเพิ่มเติม ธนาคารพร้อมพิจารณาให้ความช่วยเหลือเป็นรายกรณี  โดยสามารถแจ้งความประสงค์ขอเข้ามาตรการพักชำระเงินต้น และเลือกแผนการชำระหนี้ด้วยตนเองผ่านแอปพลิเคชัน MyMo  ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค.- 30 มิ.ย. 64 ส่วนลูกหนี้สินเชื่อธุรกิจที่มีวงเงินกู้เกิน 10 ล้านบาท สามารถติดต่อดำเนินการที่สาขาของธนาคาร   

นายวิทัย กล่าวว่า ในช่วงกลางเดือนพ.ค.นี้ ธนาคารจะเปิดให้ลูกค้าของออมสินที่มีแอปพลิเคชั่น MyMo และมีความต้องการสินเชื่อขอยื่นสินเชื่อสู้ภัยโควิด-19 ได้ ซึ่งวงเงินรวม 1 หมื่นล้านบาท โดยกู้ได้สูงสุด 1 หมื่นบาท อัตราดอกเบี้ย 0.35% เป็นระยะเวลา 3 ปี ปลอดการชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยนาน 6 เดือน

ระยะแรกจะเปิดให้ลูกค้าของออมสินที่มีแอปฯ MyMo จำนวน 9.2 ล้านคน เข้ามาขอสินเชื่อได้ก่อน จากนั้นจะให้ประชาชนอยู่ในพื้นที่จังหวัดสีแดงเข้ม และค่อยขยายเปิดให้ประชาชนทั่วประเทศที่ไม่มีแอพ MyMo เข้ามาลงทะเบียนได้เป็นกลุ่มสุดท้าย โดยคาดว่าจะช่วยเหลือประชาชนได้ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน  

จุรินทร์ ฟันธง! รัฐบาลมุ่งแก้โควิด ส่วนการเมืองยังไม่วิกฤต ย้ำรัฐบาลต้องตระหนักไม่สร้างเงื่อนไขเพื่อปัญหาทางการเมืองผ่อนเบาลง

วันที่ 6 พฤษภาคม 2564 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ที่พรรคประชาธิปัตย์ เกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองบ้านเมืองปัจจุบัน

นายจุรินทร์ กล่าวว่าตนมองว่าเป็นเรื่องที่เป็นปกติที่การเมืองจะนิ่ง 100% ในทุกสถานการณ์เป็นไปไม่ได้ในระบอบประชาธิปไตย ความเห็นที่ไม่สอดคล้องกัน ขัดแย้งกันเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ถ้ามองในภาพรวมประเทศของเราเผชิญกับ 3 ปัญหา (1.) โควิด (2.) เศรษฐกิจ (3.) การเมือง ทั้ง 3 ปัญหานี้สัมพันธ์กันและเป็นเรื่องปกติ หลายประเทศในโลกก็เจอทั้ง 3 ปัญหานี้อยู่ที่ว่าเราจะคลี่คลายสภาพปัญหาในรูปแบบไหน

ที่ผ่านมาเรื่องโควิดรัฐบาลพยายามที่จะแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่ มีความคืบหน้าในเรื่องของวัคซีนที่ประชาชนอยากเห็นว่ารัฐบาลจะตัดสินใจทางไหน ขณะนี้สัญญาณชัดอย่างหนึ่งที่สอดคล้องกับความต้องการของคนจำนวนมาก คือ เปิดโอกาสให้เอกชนทำได้สามารถนำเข้าวัคซีนได้ด้วยเพื่อผ่อนแรงของภาครัฐ คิดว่าหลายฝ่ายก็เห็นสอดคล้องกัน

"ในเรื่องของเศรษฐกิจรัฐบาลก็พยายามที่จะเข้าไปแก้ปัญหา เมื่อวานที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมาตรการเยียวยาให้ความช่วยเหลือกับทุกภาคส่วนที่เป็นรูปธรรมชัดเจนในส่วนที่ผมรับผิดชอบการส่งออกตัวเลขดีขึ้นเป็นลำดับ เดือนมกราคมเป็นบวก เดือนมีนาคมบวก 8.47% และเชื่อว่าเดือนเมษายนก็ยังเป็นบวกอยู่ ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีในทางเศรษฐกิจที่เห็นภาพชัดเจน ส่วนปัญหาทางการเมืองเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องแก้ไปเพราะมีความเห็นที่หลากหลายไม่ตรงกันอยู่ ไม่คิดเป็นวิกฤติ แต่สิ่งหนึ่งที่ตนพูดอยู่เสมอ รัฐบาลต้องตระหนักอะไรที่เป็นเงื่อนไขก็อย่าไปสร้างเงื่อนไขหรือไปทำให้เป็นเงื่อนไข รวมถึงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย ซึ่งถ้ารัฐบาลสามารถปลดเงื่อนไขให้หมดไปทีละข้อสองข้อปัญหาทางการเมืองก็จะผ่อนเบาลง แต่ถ้าจะหมดคงไม่หมด" นายจุรินทร์ กล่าว 

ผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องคำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญ (วานนี้) นายจุรินทร์ กล่าวว่าศาลรัฐธรรมนูญว่าอย่างไรก็เป็นไปตามนั้นไม่สามารถที่จะทำเป็นอย่างอื่นได้ เป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเพราะอันนั้นเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และตนไม่อยู่ในฐานะที่ให้ความเห็นในเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ต้องไปถามพรรคพลังประชารัฐเพราะเป็นส่วนที่อยู่ในขอบเขตความรับผิดชอบของพรรคพลังประชารัฐ

ความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่ำที่สุดรอบ 22 ปี

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคประจำเดือนเม.ย. 2564 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวลดลงทุกรายการ โดยอยู่ที่ 46.0 ลดลงจากเดือนมี.ค.64 ถือว่าต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 22 ปี 7 เดือน นับตั้งแต่ทำการสำรวจในเดือนต.ค.2541 เนื่องจากผู้บริโภคกังวลสถานการณ์แพร่ระบาดของไทยระลอกใหม่ ประกอบกับความกังวลในสถานการณ์ทางการเมืองที่มีเสถียรภาพน้อยลง และการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนล่าช้า 

ทั้งนี้ด้วยเหตุผลดังกล่าว ส่งผลให้ผู้บริโภครู้สึกว่า เศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัวขึ้นมากนัก และขาดแรงกระตุ้นในการฟื้นตัว แม้ที่ผ่านมารัฐบาลพยายามออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะโครงการเราชนะ และโครงการต่างๆ จะมีส่วนช่วยกระตุ้นกำลังซื้อให้ปรับตัวดีขึ้นทั่วประเทศในระดับหนึ่งแล้วก็ตาม และต่อไปนี้คงต้องดูต่อว่า จะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย รวมทั้งทำให้ผู้บริโภคจะระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอยในช่วงนี้ รวมถึงปัญหาการจ้างงานในอนาคตด้วย

นอกจากนี้ยังได้สำรวจดัชนีความสุขในการดำรงชีวิตในช่วงเดือนเม.ย. พบว่า ค่าดัชนีอยู่ที่ 30.6 ต่ำสุดในประวัติการณ์ในรอบ 16 ปี ตั้งแต่เริ่มสำรวจเดือนพ.ค.49 มาเช่นกัน เนื่องจากรู้สึกไม่ปลอดภัยจากผลกระทบโควิด-19 ขณะที่ความคาดหวังความสุขในอีก 3 เดือนข้างหน้า พบว่า ดัชนีอยู่ที่ 37.3 ห่างไกลจากค่าดัชนีมาตรฐานระดับ 100 อย่างมาก และเป็นค่าที่ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน 

ก.แรงงาน รับมอบผลิตภัณฑ์ในเครือบริษัท ไบ่ ลี่ ฯ นำไปส่งมอบให้เจ้าหน้าที่สู้โควิด-19

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นางธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน รับมอบขนมจำนวน 4,000 ลัง จากบริษัท ไบ่ ลี่ เอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด ให้กระทรวงแรงงานนำไปส่งมอบแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานและบุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติหน้าที่ผู้ดูแลผู้ประกันตน แรงงานนอกระบบ และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19  

เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2564 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นางธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน รับมอบผลิตภัณฑ์ของบริษัท ไบ่ ลี่ เอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด ซึ่งเป็นข้าวผัดอบกรอบผสมผักและผลไม้อบแห้ง ตรา ว่าง ว่าง รวมจำนวนทั้งสิ้น 4,000 ลัง คิดเป็นมูลค่า 2,826,200 บาท จาก นางสราญจิตร หวัง กรรมการผู้จัดการบริษัท เป็นผู้ส่งมอบ โดยมี นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย ณ บริเวณชั้นล่างอาคารกระทรวงแรงงาน เพื่อให้กระทรวงแรงงานนำไปส่งมอบแก่เจ้าหน้าที่บุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลต่างๆ ที่เสียสละ ต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในครั้งนี้ต่อไป 

โดยนางธิวัลรัตน์ กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และกระทรวงแรงงาน ภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ห่วงใยผู้ประกันตนและแรงงานนอกระบบ ผู้ประกอบอาชีพอิสระและประชาชนทั่วไปถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เนื่องจากสภาพปัญหาในปัจจุบันได้เกิดการแพร่ระบาดในวงกว้าง และมีอัตราการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท่านสุชาติ ชมกลิ่น กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคม บูรณาการความร่วมกับกระทรวงมหาดไทย โดยกรุงเทพมหานคร ผู้ว่าราชการจังหวัด และกระทรวงสาธารณสุข โดย สปสช. ดำเนินการตรวจโควิด+19 เชิงรุก เพื่อผู้ประกันตนและแรงงานนอกระบบ ตามโครงการแรงงาน…เราสู้ด้วยกัน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร และที่อาคารโดมอเนกประสงค์ วิทยาลัยอาชีวศึกษาปทุมธานี ได้เปิดตรวจโควิด-19 เชิงรุก อีกครั้ง ระหว่างวันที่ 5-11 พ.ค.นี้ 

นางธิวัลรัตน์ กล่าวต่อว่า ในวันนี้ ดิฉันได้รับมอบหมายจากท่านสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ให้มารับมอบผลิตภัณฑ์ของบริษัท ไบ่ ลี่ เอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด เพื่อให้กระทรวงแรงงานนำไปส่งมอบแก่เจ้าหน้าที่บุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลต่างๆ ที่เสียสละ ต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในครั้งนี้ต่อไป

“ครูกัลยา” เตรียมเปิดหลักสูตร “ชลกร” รุ่น 1 มอบทุนเรียน-อยู่ฟรี นำร่อง ปวส. 5 วษท. มั่นใจหลักสูตรทันสมัยใช้ได้จริง หลังได้ผู้เชี่ยวชาญน้ำระดับสากลร่วมพัฒนาหลักสูตร 

เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2564 ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เตรียมเปิดหลักสูตร “ชลกร” รุ่น 1 นำร่องปวส. 5 วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี (วษท.) พร้อมมอบทุนเรียนฟรี-อยู่ฟรี เดินหน้าพลิกโฉมอาชีวะเกษตร หลังนักศึกษาอาชีวะสมัครเรียนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง มั่นใจหลักสูตร “ชลกร” ทันสมัยใช้ได้จริง หลังได้ผู้เชี่ยวชาญน้ำระดับสากลทั้งในประเทศและต่างประเทศร่วมพัฒนาหลักสูตร เรียนจบสามารถต่อปริญญาตรีและเข้าทำงานในหน่วยงานภาครัฐและเอกชน 

นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์และโฆษกรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณ พนิช) เปิดเผยว่าวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี (วษท.) เตรียมจะเปิดรับนักศึกษา ระดับ ปวส. ภายใต้โครงการบริหารจัดการน้ำโดยชุมชน ตามแนวพระราชดำริ สาขาวิชา ช่างกลเกษตร สาขางาน การบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตร (ชลกร) ประจำปีการศึกษา 2564 ถือเป็นหลักสูตร “ชลกร” รุ่นที่ 1 ซึ่งจะเปิดสอนในเดือนมิถุนายนนี้เป็นปีการศึกษาแรก โดยจะเริ่มสอนพร้อมกันใน 5 วิทยาลัยนำร่อง ประกอบไปด้วย

1.) วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีมหาสารคาม

2.) วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีอุบลราชธานี

3.) วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยียโสธร

4.) วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีศรีสะเกษ และ

5.) วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีร้อยเอ็ด และจะขยายไปทุกวิทยาลัยที่มีความพร้อมในปีการศึกษาต่อไป 

สำหรับหลักสูตร “ชลกร” นี้ได้รับความร่วมมือจากผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารจัดการน้ำในระดับสากลทั้งในประเทศและต่างประเทศมาร่วมช่วยกันพัฒนาหลักสูตรจนสำเร็จ โดยในรุ่นที่ 1 นี้ นอกจากนักศึกษาจะได้เรียนฟรี งดเว้นค่าหน่วยกิตตลอดหลักสูตร (2 ปี) แล้ว ยังมีที่พัก (หอพักในวิทยาลัย) ให้นักศึกษาทุกคนอยู่ฟรี (ขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละวิทยาลัย) ขอเพียงมีความมุ่งมั่น ขยัน อาชีวะเกษตรและเทคโนโลยีพร้อมเปิดโอกาสให้กับทุกคน เรียกว่า เรียนฟรี อยู่ฟรี จนจบการศึกษา

“คุณหญิงกัลยา ย้ำเสมอว่าการเกษตรเป็นหัวใจของแผ่นดิน และ “น้ำ” นับเป็นต้นทางแห่งการเกษตรและชีวิตของคนไทย ไม่ว่าบ้านเมืองเราจะเผชิญอยู่ในวิกฤตและอยู่ในยามปกติสุขก็ตาม อีกทั้ง “น้ำ” ยังเป็นสายธารแห่งความยั่งยืนของชีวิต เราจึงต้องสร้าง “ยุวชลกร” ที่มีองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการน้ำ เมื่อชลกรเกิดเต็มพื้นที่ทั่วประเทศ ประเทศชาติก็จะเข้มแข็งและเติบโตยั่งยืน” นางดรุณวรรณ กล่าว

โดยหลักสูตร “ชลกร” รุ่นที่ 1 จะเปิดรับสมัครนักศึกษา ระดับ ปวส. สาขาวิชาช่างกลเกษตร สาขางานบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตร (ชลกร) ภายใต้โครงการบริหารจัดการน้ำโดยชุมชน ตามแนวพระราชดำริ ประจำปีการศึกษา 2564 โดยผู้สมัครจะได้รับการสนับสนุนดังนี้ 1.ได้รับการสนับสนุนค่าเล่าเรียน โดยได้รับการงดเว้นค่าหน่วยกิตตลอดหลักสูตร 2 ปี” จากดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช 2.ได้รับสวัสดิการหอพักฟรี ภายในวิทยาลัย โดยจะเปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 1 มิถุนายน 2564

ทั้งนี้เมื่อนักศึกษาเรียนจบหลักสูตรชลกร แล้วสามารถศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี ในสาขาการจัดการสิ่งแวดล้อมและทรัพยากร, สาขาวิศวกรรมเครื่องจักรกลการเกษตร, สาขาเทคโนโลยีเครื่องจักรกลการเกษตรอัตโนมัติ และสามารถสมัครเข้าทำงานในหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนได้ ถือเป็นการพลิกโฉมการศึกษาอาชีวะเกษตร ซึ่งตลอดระยะเวลาที่คุณหญิงกัลยา ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการซึ่งกำกับดูแลอาชีวะเกษตรและเทคโนโลยี มีการผลักดันนโยบายส่งเสริมอย่างต่อเนื่อง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top