Saturday, 17 May 2025
Hard News Team

‘ติ๊ก ชิโร่’ บินจากใต้มางาน ศพ ‘น้องจูเนียร์’ เสียชีวิตรายที่ 2 หลังนอนโคม่า 3 เดือน พ่อจี้เจรจาเยียวยา

(20 ม.ค. 68) ‘ติ๊ก ชิโร่’ บินจากใต้มางาน ศพ “น้องจูเนียร์” เหยื่อเมาขับ หลังตายตามพี่สาวเป็นศพที่ 2 ระบุมาไม่ทันรดน้ำศพเพราะเครื่อง ดีเลย์ ชี้ยอดเยียวยาจาก 9 ล้านบาท เป็น 24 ล้านบาท มากเกินไป ยันหากเจรจาในราคาที่พอใจทั้ง 2 ฝ่ายจะขายบ้านบางหลังรถบางคันเยียวยาแน่นอน ขณะที่ พ่อ 2 ศพพี่น้องกังวลโร่พบเพจดังเป็นสื่อกลางช่วย ทั้งกรณีเยียวยาไม่เป็นธรรมรวมถึงพฤติกรรมย้อนแย้ง ขณะที่ตำรวจจ่อเรียกตัวนักร้องดังแจ้งข้อหาเพิ่ม

เมื่อวันที่ 19 ม.ค.68 กรณี นายศิริศักดิ์ หรือมนัสนันท์ นันทเสน หรือ ติ๊ก ชิโร่ ศิลปินนักร้องชื่อดังขับรถตู้ชนรถ จยย. 3 พี่น้อง โดย น.ส.เทียนพร หรือเมจิ ศิวพรพิทักษ์ อายุ 28 ปี เสียชีวิตคาที่ นายจักรภัคร หรือจูเนียร์ ศิวพรพิทักษ์ อายุ 21 ปี นักศึกษาชั้นปี 2 มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งร่างกระเด็นตกสะพาน อาการสาหัส ส่วนอีกคนที่นั่งไปด้วยปลอดภัย เหตุเกิดถนนสุขาภิบาล 5 ช่วงสะพานข้ามถนนเทพรักษ์ แขวงออเงิน เขตสายไหม กรุงเทพฯ เมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 10 ต.ค.67 ขณะที่ตำรวจดำเนินคดีเมาแล้วขับหลังผลเลือดพบปริมาณแอลกอฮอล์เกินกำหนด ขณะที่ศิลปินดังขอเยียวยาชดใช้ความสูญเสียที่เกิดขึ้นตามที่เสนอข่าวไปนั้น

ล่าสุด นศ.ปี 2 เหยื่อเมาขับ “ติ๊ก ชิโร่” ดับอีกศพ โดยเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 19 ม.ค. ที่ทำการเพจสายไหมต้องรอด ซอยสายไหม 38 นายจีรวัฒน์ ศิวพรพิทักษ์ อายุ 56 ปี พ่อผู้เสียชีวิต เข้าพบนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ระบุว่า ไม่ได้รับการเยียวยาใดๆจากนายศิริศักดิ์ หรือมนัสนันท์ นันทเสน หรือติ๊ก ชิโร่ คู่กรณี หลังขับรถชนลูกสาวและลูกชายเสียชีวิต

นายจีรวัฒน์ ศิวพรพิทักษ์ อายุ 56 ปี กล่าวว่า ที่ผ่านมาอยู่ระหว่างเจรจาพูดคุยกับติ๊ก ชิโร่ มา แต่ไม่ได้ข้อสรุปและอยากเห็นความจริงใจจากติ๊ก ชิโร่ มากกว่านี้ เห็นว่าที่ผ่านมาส่งแต่ตัวแทนมาพูดคุยและยืนกรานจะต่อสู้คดีชั้นศาล แม้จะรับสารภาพชั้นพนักงานสอบสวนก็ตาม วันนี้สูญเสียลูกไป 2 คน กังวลจะไม่ได้รับความเป็นธรรมเรื่องเงินเยียวยานอกจากค่างานศพแล้วไม่ได้แม้แต่บาทเดียว มีเพียงแต่ออกค่าใช้จ่ายตอนดูแลน้องจูเนียร์ที่ศูนย์ฟื้นฟูขณะที่ยังมีชีวิตประมาณ 82,000 บาท เป็นค่าใช้จ่ายตามจริง หลังออกจากโรงพยาบาลอยู่ศูนย์ฟื้นฟู น้องจูเนียร์มีอาการดีขึ้น แต่เมื่อวานนี้น้องปวดท้องรุนแรงนำตัวส่งโรงพยาบาลภูมิพล และเสียชีวิตช่วง 14.00 น. ก่อนนี้ติ๊ก ชิโร่ ได้ส่งตัวแทนเจรจาเสนอว่า มีที่ดินอยู่ที่ จ.นครราชสีมา ถ้าขายได้จะได้เงิน 4-5 ล้านบาท แล้วจะนำเงินมาให้ สอบถามไปที่น้องสาวติ๊ก ชิโร่ เพื่อจะขอดูที่ดินดังกล่าว แต่ไม่ได้รับการตอบกลับ

ด้านนายเอกภพกล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่คุณพ่อเป็นกังวลเรื่องการเสนอชดใช้ด้วยที่ดินนั้น คุณพ่อไม่ทราบว่าที่ดินมีจริงหรือไม่จะขายได้เท่าใดมีรายละเอียดอย่างไร เรื่องนี้อยากให้พี่ติ๊ก ชิโร่ออกมาพูดคุยด้วยตนเอง ไม่ใช่ส่งตัวแทนมาพูดคุย อย่างน้อยที่สุดการเยียวยาจะเป็นเหตุบรรเทาโทษได้และการพูดคุยซึ่งหน้าจะตกลงได้รู้เรื่องกว่า

พ.ต.อ.นเรนทร์ เครื่องสนุก ผกก.สน.คันนายาว เปิดเผยว่า ขณะนี้มอบหมายพนักงานสอบสวนขอผลการชันสูตรพลิกศพจากนิติเวชแล้ว จะพูดคุยกับครอบครัวน้องจูเนียร์ว่าประสงค์จะเรียกค่าเสียหายเพิ่มหรือไม่ เพื่อที่จะเรียกทั้งสองฝ่ายมาเจรจากันใหม่ หากเจรจากันไม่ได้จะส่งฟ้องทันที รวมทั้งเตรียมที่จะเพิ่มข้อกล่าวหาประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายกับติ๊ก ชิโร่ เพื่อส่งฟ้องต่อพนักงานอัยการต่อไป

ต่อมาเวลา 16.00 น. ที่ศาลา 8 วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน ที่ตั้งศพนายจักรภัทร ศิวพรพิทักษ์ หรือน้องจูเนียร์ อายุ 21 ปี มีญาติพี่น้องและเพื่อนน้องผู้ตายทยอยมาร่วมพิธีรดน้ำศพท่ามกลางความโศกเศร้า มีสื่อมวลชนจำนวนมากปักหลักหน้าศาลา 8 เพื่อเฝ้าดูว่า ติ๊ก ชิโร่ จะมาร่วมงานศพน้องจูเนียร์หรือไม่

นายจีรวัฒน์ ศิวพรพิทักษ์ อายุ 56 ปี พ่อผู้เสียชีวิตกล่าวว่า ช่วงเวลา 11.00 น. วันนี้ส่งไลน์แจ้งไปยังติ๊ก ชิโร่ ให้ทราบว่า น้องจูเนียร์เสียชีวิตแล้ว ติ๊กชิโร่ส่งไลน์กลับมาแสดงความเสียใจกับครอบครัวและแจ้งว่าขณะนี้อยู่ที่ จ.สุราษฎร์ธานี เตรียมบินกลับมาร่วมงานรดน้ำศพและสวดศพช่วงเย็นวันนี้ ครอบครัวตนไม่ได้คาดหวังว่าจะมาหรือไม่ ถ้าจะมาร่วมงานศพครอบครัวก็ยินดี แต่ถ้าไม่มาก็ไม่เป็นไร ทั้งนี้ เข้าใจได้ว่าอาจจะเดินทางมาไม่ทันก็เป็นได้

พ่อ 2 พี่น้องที่สังเวยชีวิตจากการเมาแล้วขับกล่าวต่อว่า การเจรจาครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นนั้นเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา เป็นการเจรจาขณะที่น้องจูเนียร์ยังมีชีวิต ถ้าหากติ๊กยังมีเจตนาที่จะพูดคุยเรื่องการเยียวยาในตอนนี้ที่น้องเสียชีวิตไปแล้ว ครอบครัวยินดี ส่วนเรื่องความจริงใจของติ๊กที่จะช่วยเหลือครอบครัวหรือไม่ เรื่องนี้ตอบแทนติ๊กไม่ได้ สำหรับเรื่องคดีไม่ทราบว่ารายละเอียดสำนวนคดีจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ รวมทั้งจะดำเนินคดีถึงที่สุดหรือไม่ ขอให้ปล่อยไปตามกระบวนการทางกฎหมาย เนื่องจากหลังจากนี้สำนวนคดีจะเข้าสู่ชั้นอัยการตามขั้นตอน

สำหรับงานสวดพระอภิธรรมศพน้องจูเนียร์ 3 คืน ตั้งแต่วันที่ 19-21 ม.ค.68 เวลา 18.00 น. และฌาปนกิจวันที่ 22 ม.ค. เวลา 14.00 น.

ต่อมาเวลา 18.23 น. หลังพระสวดอภิธรรมเสร็จสิ้น ติ๊ก ชิโร่ พร้อมเพื่อนอีก 2 คน เดินทางมาที่งานศพพร้อมกล่าวแสดงความเสียใจกับพ่อน้องจูเนียร์พร้อมบอกว่ามาช้าเพราะเครื่องดีเลย์ จากนั้นได้เข้าไปกราบศพและกลับมานั่งพูดคุยกับครอบครัวผู้สูญเสีย โดยกล่าวกับสื่อมวลชนว่า ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดเรื่องการเยียวยาผู้เสียชีวิต เนื่องจากวันนี้ไม่อยากทำให้บรรยากาศครอบครัวน้องจูเนียร์รู้สึกว่าตนเดินทางมาทำอะไรไม่ดีให้กับครอบครัว ส่วนรายละเอียดทั้งหมดที่สื่อมวลชนอยากรู้จะนัดแถลงข่าวในครั้งต่อไป

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้าจะเดินทางมาที่วัด ติ๊ก ชิโร่ เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า หลังเกิดเหตุช่วยค่าทำศพไปประมาณ 1 แสนบาท กลุ่มเพื่อนๆร่วมใส่ซองอีกกว่า 7 หมื่นบาท ส่วนค่ารักษาน้องจูเนียร์ ได้ออกค่าใช้จ่ายให้ตามจริงและโอนไปอีก 1 แสนบาท หลังจากน้องจูเนียร์ออกจากโรงพยาบาลไปอยู่ที่ศูนย์พักฟื้น ตนดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด และยังตกลงกับพ่อน้องจูเนียร์ว่า จะจ่ายให้เดือนละ 5 หมื่นบาททุกเดือน หากเดือนไหนค่าใช้จ่ายแค่ 3 หมื่น ก็เหลืออีก 2 หมื่น เดือนหน้าก็เติมไปอีกแค่ 3 หมื่น หากเดือนไหนเกิน 5 หมื่นจะเพิ่มตามจริง หลังเกิดเหตุยังพาพ่อแม่น้องจูเนียร์ไปที่บ้านตนเพื่อให้สบายใจว่าไม่หนีไปไหน ส่วนที่ตนไม่ได้ไปพบตอนตำรวจเรียกเพราะติดงานร้องเพลงต่างจังหวัด

ล่าสุดเมื่อวานนี้ (18 ม.ค.) ยังเอากระเช้าไปให้พี่ชายพ่อน้องจูเนียร์ และพูดคุยกันดีๆอยู่ก่อนที่น้องจูเนียร์จะเสีย ลุงน้องจูเนียร์ยังบอกว่าน้องอาการดีขึ้น สุดท้ายมีการเรียกค่าเยียวยาครั้งแรก 9 ล้านบาท แล้วมาเพิ่มเป็น 24 ล้าน นั่นหมายถึงช่วงที่น้องจูเนียร์ยังไม่เสีย มองว่ามากเกินไป หากตกลงได้ที่ 1-2 ล้าน ยังพอหาเงินได้ ตนบอกกับพ่อน้องว่าจะขายที่ดินต่างจังหวัดได้เงินมา 4-5 ล้านบาทจะให้ไปก่อน อีกอย่างช่วงนี้ยังไม่ได้เงินจากการลงทุนร้านอาหารอีก 2 ล้านบาท ถ้าได้เงินก้อนนี้มาจะเยียวยาไปก่อนเช่นกัน หากเจรจากันในราคาที่พอใจด้วยกันทั้ง 2 ฝ่ายได้ จะขายบ้านบางหลังและรถบางคันนำเงินมาเยียวยาผู้เสียหายอย่างแน่นอน

แพทองธาร ส่งคำอวยพรตรุษจีน ย้ำสายใยวัฒนธรรมไทย-จีน นำสู่ความสัมพันธ์แน่นแฟ้น

(20 ม.ค. 68) แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย ส่งคำอวยพรเนื่องในโอกาสใกล้ถึงเทศกาลตรุษจีน โดยกล่าวย้ำถึงสายใยเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมระหว่างไทยและจีนซึ่งเธอเชื่อว่าจะนำสู่ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นระหว่างสองประเทศ

แพทองธารกล่าวในข้อความวิดีโอภาษาอังกฤษที่ส่งให้กับสำนักข่าวซินหัวของจีน ระบุว่าเทศกาลตรุษจีนเป็นช่วงเวลาพิเศษที่สมาชิกครอบครัวมารวมตัวเพื่อเฉลิมฉลองและแบ่งปันความทรงจำที่ดีของปีที่ผ่านมา พร้อมอวยพรให้ปีข้างหน้าเป็นอีกปีที่ดีและเจริญรุ่งเรือง

เทศกาลตรุษจีนจะมีการเฉลิมฉลองทั่วจีน รวมถึงในกลุ่มชาวไทยเชื้อสายจีนที่มีสัดส่วนจำนวนมากในกลุ่มประชากรไทย ซึ่งแพทองธารระบุว่าช่วงเวลานี้คือเทศกาลที่สะท้อนถึงสายใยเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมที่มีมาเนิ่นนานระหว่างคนไทยและคนจีน

แพทองธารแสดงความเชื่อมั่นว่าสายสัมพันธ์นี้จะแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง นำสู่ความสัมพันธ์ฉันท์มิตรและความร่วมมือที่เพิ่มพูนระหว่างไทยและจีนเพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งสองฝ่าย และขอใช้โอกาสนี้อวยพรให้ทุกคนมีสุขภาพแข็งแรง มีความสุข และความเจริญรุ่งเรืองในเทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะมาถึง

ทูตเยอรมนีปูดแผนทรัมป์สมัยสอง สั่นคลอนประชาธิปไตย-ยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีร่วมกุมอำนาจ

(20 ม.ค. 68) แอนเดรียส มิคาเอลิส เอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำสหรัฐฯ  ออกคำเตือนว่า รัฐบาลใหม่ของโดนัลด์ ทรัมป์ อาจส่งผลกระทบต่อความเป็นอิสระของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและสื่อมวลชนในสหรัฐฯ โดยมีแนวโน้มที่จะให้อำนาจกับบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ร่วมกำหนดทิศทางการปกครองประเทศ รายละเอียดดังกล่าวถูกเปิดเผยในเอกสารลับที่สำนักข่าวรอยเตอร์ได้รับการตรวจสอบ

เอกสารลับฉบับนี้ลงวันที่ 14 มกราคม พร้อมลายมือชื่อของแอนเดรียส โดยเนื้อหาในเอกสารระบุว่า วาระซ่อนเร้นของทรัมป์ในสมัยที่สองจะสร้าง "การสั่นคลอนระบบครั้งใหญ่" และนำไปสู่ "การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างรัฐธรรมนูญ" ซึ่งจะรวบอำนาจไว้ที่ตำแหน่งประธานาธิบดี ขณะเดียวกันลดบทบาทของรัฐสภาและรัฐบาลมลรัฐ

เอกสารยังชี้ให้เห็นว่า หลักการประชาธิปไตยและกลไกการตรวจสอบถ่วงดุลจะถูกลดทอนจนแทบไม่มีความหมาย หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย สื่อมวลชน และฝ่ายนิติบัญญัติจะถูกควบคุมให้กลายเป็นเครื่องมือทางการเมือง ขณะที่บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่จะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบายของประเทศ

เมื่อวันที่ 19 มกราคม อันนาเลนา แบร์บ็อค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนี ยืนยันว่า เยอรมนีจะยังคงรักษาความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสหรัฐฯ แต่จะยืนหยัดปกป้องผลประโยชน์ของตนเองเช่นกัน เมื่อถูกถามถึงจุดยืนของเอกอัครราชทูตมิคาเอลิสต่อทรัมป์ แบร์บ็อคกล่าวว่า ท่านทูตเพียงปฏิบัติหน้าที่ตามความรับผิดชอบ
บทบาทสำคัญของฝ่ายตุลาการ

เอกสารลับยังระบุว่า ฝ่ายตุลาการ โดยเฉพาะศาลฎีกา จะมีบทบาทสำคัญต่อความพยายามของทรัมป์ในการผลักดันวาระต่าง ๆ แม้ว่าศาลฎีกาจะมีแนวโน้มสนับสนุนการขยายอำนาจของประธานาธิบดี แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายยังเชื่อว่า ศาลจะสามารถยับยั้งสถานการณ์เลวร้ายที่สุดได้

เอกสารยังกล่าวถึงความพยายามของทรัมป์ที่จะควบคุมกระทรวงยุติธรรมและ FBI เพื่อบรรลุเป้าหมายทางการเมือง เช่น การกวาดล้างผู้อพยพ การล้างแค้นศัตรูทางการเมือง และการสร้างความคุ้มกันทางกฎหมายให้ตนเอง

แอนเดรียส มิคาเอลิส คาดการณ์ว่า ทรัมป์และอีลอน มัสก์ เจ้าของแพลตฟอร์ม X (ทวิตเตอร์เดิม) อาจมีบทบาทในการปราบปรามผู้วิพากษ์วิจารณ์ โดยใช้วิธีข่มขู่และบิดเบือนอัลกอริทึมบนแพลตฟอร์มออนไลน์

การสนับสนุนพรรคฝ่ายขวาจัดในเยอรมนีของมัสก์ก่อนการเลือกตั้งระดับชาติเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ทำให้เกิดความไม่พอใจในรัฐบาลเยอรมนี แม้ว่าจะยังไม่มีการถอนตัวจากแพลตฟอร์มดังกล่าว

ในช่วงที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก ความสัมพันธ์ระหว่างเยอรมนีและสหรัฐฯ เต็มไปด้วยความตึงเครียดจากนโยบายการค้าของทรัมป์ รวมถึงการวิพากษ์วิจารณ์เยอรมนีที่ไม่สามารถจัดสรรงบประมาณด้านการทหารให้เป็นไปตามเป้าหมายของนาโต

แม้การเปลี่ยนแปลงรัฐบาลในสหรัฐฯ อาจไม่ส่งผลให้เอกอัครราชทูตต้องพ้นตำแหน่งโดยอัตโนมัติ เอกสารลับฉบับนี้สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองที่ชัดเจนจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเยอรมนีต่อความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นในสหรัฐฯ

‘อ.ยิ่งศักดิ์’ ยุติหน้าที่พิธีกร “คนดังนั่งเคลียร์” ด้วยเหตุผลส่วนตัว มีปัญหาด้านสุขภาพ

(20 ม.ค. 68) เรียกได้ว่าเป็นตำนานมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าทีมงานจะเปลี่ยนไปกี่ชุด หรือจะย้ายช่องไปกี่รอบ แต่พิธีกรรายการ “คนดังนั่งเคลียร์” ก็ยังเป็น “อาจารย์ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์” เพราะด้วยคาแรกเตอร์ที่ถามตรงใจคนดูแบบเป็นกันเอง ทำให้เจ้าตัวยืนหนึ่งมาตลอด 12 ปี ล่าสุดทางช่อง 8 ซึ่งเป็นต้นสังกัดของรายการนี้ ได้ออกแถลงการณ์ว่าพิธีกรชื่อดังได้ยุติบทบาท วางมือจากรายการนี้แล้ว เรียกได้ว่าปิดตำนานได้อย่างน่าใจหาย

“รายการ คนดังนั่งเคลียร์ ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ในเครือ อาร์เอส กรุ๊ป ขอเรียนแจ้งให้ทราบว่า อาจารย์ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์ จะยุติบทบาท การทำหน้าที่เป็นพิธีกรดำเนินรายการ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ด้วยเหตุผลส่วนตัว มีปัญหาด้านสุขภาพ จึงไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่พิธีกรประจำรายการ ซึ่งออกอากาศสด ทุกวันจันทร์-ศุกร์ ต่อไปได้

ขอขอบคุณ อาจารย์ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์ พิธีกรผู้เป็นตำนานฝีปากกล้า ตลอด 12 ปีที่ผ่านมา เราขอส่งกำลังใจให้กับอาจารย์ทุกเส้นทางต่อจากนี้ และเชื่อมั่นว่าความทรงจำดีๆ ที่อาจารย์ได้มอบให้รายการและผู้ชมจะยังคงอยู่ตลอดไป

สำหรับการดำเนินรายการ คนดังนั่งเคลียร์ หลังจากนี้ คุณเมย์ ชนิตร์นันทน์ ปุณณะนิธิผู้ประกาศข่าวมากประสบการณ์กว่า 24 ปี จะเข้ามารับหน้าที่ในบทบาทพิธีกรประจำรายการอย่างเต็มตัว การันตีด้วยความเชี่ยวชาญในฐานะคนข่าวตัวจริง เป็นตัวแทนท่านผู้ชม ถามเจาะลึก ตรง ทุกประเด็น ซอกแซกแบบตรงจุด และส่งคำถามแทนใจจากผู้ชมทางบ้าน ภายใต้คอนเซปต์ของรายการ 'เคลียร์เร็ว เคลียร์แรง' สด 5 วันรวด ฟาดทุกกระแส ถามแทนใจคนดู ถูกจริตคนไทยแฟนๆสามารถติดตามรายการ คนดังนั่งเคลียร์ ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 14.05 น. ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 กดเลข 27 และทางออนไลน์ที่เฟซบุ๊ก ช่อง 8 / ยูทิวบ์ Thaich8”

‘กำนันศักดิ์-เจ้โส’ จะประมาท ‘หมอมุดสัง’ ไม่ได้ ศึกเลือกตั้งนายกฯ อบจ. สมรภูมิเมืองหอยใหญ่

(20 ม.ค. 68) ‘กำนันศักดิ์’ พงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว นายก อบจ.สุราษฎร์ธานี หลังจากทิ้งรวมไทยสร้างชาติก็พาลูกสาว ‘แจง’ อนงค์นาถ จ่าแก้ว อดีตผู้สมัคร สส. สุราษฎร์ธานี มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคกล้าธรรม ที่มี ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นหัวหน้าพรรค มี รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า กำกับบทอยู่

กล่าวถึงกำนันศักดิ์ ชาวสุราษฎร์รู้จักกันดี เป็นคนใจถึงพึ่งพาได้ พูดได้ว่าเป็นคนกว้างขวางของจังหวัด มีธุรกิจหลายตัว เช่น ธุรกิจเลี้ยงหอยแครง เขาเติบโตมาจากสายงานท้องที แล้วผันตัวเองมาสู่ท้องถิ่น จนได้เป็นนายกฯ อบจ.สุราษฎร์ และพยายามผลักดันลูกสาวเข้าสู่การเมืองระดับชาติ แต่ยังไม่สำเร็จ

สาเหตุที่กำนันศักดิ์ ตัดสินใจซบพรรคกล้าธรรม เพราะได้รู้จักสนิทสนมกันดีกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา มาตั้งแต่สมัยเป็น รมช.เกษตรฯ ในยุครัฐบาลประยุทธ์

ช่วงปีใหม่ 2567 กำนันศักดิ์ได้เข้าอวยพรปีใหม่ ร.อ.ธรรมนัส ที่กระทรวงเกษตรฯ และอีก 3 เดือนถัดมา กำนันศักดิ์ได้ลาออกจากสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ หลังจากโสภา กาญจนะ อดีต สส.สุราษฎร์ธานี เปิดตัวลงชิงนายกฯอบจ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเจ้โส ก็คือภรรยาของชุมพล กาญจนะ ที่ยึดหัวหาดพรรครวมไทยสร้างชาติไว้แล้ว กำนันศักดิ์จึงต้องถอยออกไปร่วมงานกับ ร.อ.ธรรมนัส

ที่น่าสนใจ เมื่อวันที่ 29 ต.ค.2567 ที่ประชุม ครม. ได้แต่งตั้งให้ อนงค์นาถ จ่าแก้ว เป็นเลขานุการ รมว.เกษตรและสหกรณ์ (นฤมล ภิญโญสินวัฒน์)

ในการเลือกตั้ง สส.ปี 2566 กำนันศักดิ์กับชุมพล อยู่พรรคเดียวกัน นำทัพสู้ศึกเลือกตั้ง คว่ำ สส.ประชาธิปัตย์ไปหลายคน แต่เมื่อถึงเวลาเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ เมื่อการเจรจาไม่เป็นผลก็เดินหันหลังให้กัน

‘ลูกหมี’ ชุมพล จุลใส อดีต สส. ชุมพร เป็นคนชักชวนกำนันศักดิ์มาร่วมทีมรวมไทยสร้างชาติ แต่ปัจจุบัน ลูกหมี และพรรค รทสช. ประกาศสนับสนุน โสภา กาญจนะ ผู้สมัครนายก อบจ.สุราษฎร์ธานี

สมรภูมินายก อบจ.เมืองหอยใหญ่ ไม่ใช่แค่เจ้โสกับกำนันศักดิ์เท่านั้น ให้จับตา หมอมุดสัง นายแพทย์จิรชาติ เรืองวัชรินทร์ อดีตนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ที่ลาออกจากราชการมาสมัคร นายกฯอบจ.จากพรรคประชาชน ซึ่งหมอมุดสังเป็นที่รู้จักกันในสังคมคนสุราษฎร์ เมื่อเปิดตัวลงชิงนายกฯอบจ.ก็มีกระแสตอบรับที่ดี กับภาวะที่คนเบื่อการเมืองบ้านใหญ่ การเมืองอะไรก็เกิดขึ้นได้ คนสุราษฎร์เคย “เปลี่ยน” ด้วยการเลือก ”มนตรี เพ็ชรขุ้ม“ จากนายกฯอบต.มาเป็นนายกฯอบจ.มาแล้ว หลังมนตรีได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ในนามของขาวท้องถิ่น ชื่อเสียงเริ่มปรากฎ ได้แรงบวกจาก วรพจน์ เพ็ชรขุ้ม นักกีฬามวยสากลสมัครเล่นชาวไทย เจ้าของเหรียญเงินในกีฬาโอลิมปิก 2004 ที่ประเทศกรีซ ทำให้มนตรีได้กระแสบวกไปด้วย

1 หรือ 2 วัน ก็ทำให้การเมืองเปลี่ยนได้ ยิ่งมีกระแสต้านการซื้อสิทธิขายเสียงแรง กระแสเต็มรังเพลิง แต่ยิงไม่ออก มันก็ยุ่งอยู่เหมือนกันนะ

ผมต่อต้านการแบน TikTok มานานแล้ว เพราะขัดกับเสรีภาพในการพูด แต่การที่ TikTok ให้บริการในสหรัฐฯ ได้ แต่ X (Twitter) ให้บริการในจีนไม่ได้ นั้นมันไม่ยุติธรรม

(20 ม.ค. 68) อีลอน มักส์ มหาเศรษฐีเจ้าของเทสลา และสเปซเอ็กซ์ ทวีตข้อความถึงกรณีที่แพลตฟอร์ม TikTok ไม่สามารถใช้งานในสหรัฐได้เนื่องจากคำสั่งแบนของศาลสูงสหรัฐ โดยนายมักส์ ทวีตข้อความระบุว่า "ผมต่อต้านการแบน TikTok มานานแล้ว เพราะขัดกับเสรีภาพในการพูด
แต่การที่ TikTok ให้บริการในสหรัฐฯ ได้ แต่ X (Twitter) ให้บริการในจีนไม่ได้ นั้นมันไม่ยุติธรรม บางอย่างควรต้องมีการเปลี่ยนแปลง"

มัสก์ กล่าวถึงกรณีที่ TikTok มีโอกาสกลับมาให้บริการในสหรัฐได้อีกครั้งภายหลังที่ประธานาธิบดีทรัมป์เตรียมอนุญาตให้ TikTok กลับมาให้บริการในสหรัฐได้อีกครั้ง แต่ต้องเป็นไปภายใต้เงื่อนไขที่มีบริษัทสัญชาติอเมริกันถือหุ้นร่วมด้วย 50% แต่ในขณะที่แพลตฟอร์ม  X (Twitter) ไม่แม้แต่จะสามารถให้บริการในจีนได้

'แสตมป์' รับเคยนอกใจภรรยา มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคู่กรณี พร้อมยืนยันโดนข่มขู่ด้วย ม.112 จริง แถมคู่กรณียอมจ่าย 1 ล้านเพื่อจบเรื่อง

(20 ม.ค. 68) จากกรณีนักร้องหนุ่ม แสตมป์-อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข ออกมาฟ้องสังคมว่า ตนและภรรยาถูกคุกคามโดยกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งและมีการโดนข่มขู่ใช้อิทธิพล กระทั่งทำให้ศิลปินหลายท่านถูกดึงเข้าไปในดราม่าของเรื่องนี้ ล่าสุดเจ้าตัวโพสต์ขอโทษที่ไม่ได้พูดความจริงทั้งหมดที่เป็นต้นตอของปัญหาที่เกิดขึ้น ยอมรับว่าเคยนอกใจภรรยาไปมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคู่กรณี และภรรยาได้ฟ้องร้องในหลายคดี โดยระบุข้อความว่า

ผมขอโทษทุกคนด้วยความเสียใจอย่างที่สุด ที่ผมพูดบนเวทีในวันที่ 15 มกราคม ไม่ครบทุกประเด็น ทำให้เกิดความเสียหายออกไปในวงกว้าง ทั้งกับตัวบุคคลและวงดนตรีต่างๆ มากมาย 

เป็นความผิดพลาดที่สุดของผม ที่ผมเลือกเว้นประเด็นที่เป็นสาเหตุตั้งต้นที่แท้จริงของปัญหาทั้งหมดที่หลายคนกำลังเดือดร้อนอยู่นี้ นั่นคือ การนอกใจภรรยาของผมเอง 

ผมมีเจตนาที่จะใช้เวทีนั้นเป็นสื่อกลางส่งสารไปยังคนจำนวนหนึ่ง เพื่อแจ้งให้เขาทราบว่า ภรรยาของผมเดือดร้อนและมีความกังวลจากเรื่องอะไรบ้าง และแจ้งให้คนจำนวนนึงทราบเกี่ยวกับผลของศาลที่แท้จริงที่เราเข้าใจว่าถูกบิดเบือนในสังคมอยู่ในขณะนั้น จึงใช้วิธีการเล่าแบบไม่ได้ระบุชื่อตัวบุคคล หลีกเลี่ยงประเด็นที่เป็นสาเหตุแท้จริง แต่สิ่งที่ผมคิดน้อยมากเกินไปและผิดพลาดที่สุดก็คือ ผมไม่ได้คิดไปถึงเลยว่าจะมีคนขุดคุ้ยมาเปิดเผยในที่สาธารณะ ว่าตัวละครที่ผมเล่าไปจะเป็นใครบ้างในชีวิตจริง จนมีคนเดือดร้อนกันเป็นวงกว้างได้ขนาดที่เป็นอยู่นี้

ผมขอโทษน้องๆวง Tilly birds เติร์ด บิลลี่ ไมโล และทีมงาน ที่ทำให้พวกเขาเดือดร้อนมาอย่างยาวนาน จากปัญหาที่ผมสร้างขึ้นมาเองในครอบครัว และทำให้พวกเขาถูกเข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวงผมขอโทษน้องๆจริงๆครับ สิ่งที่เราสู้รบกันจะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าผมซื่อสัตย์ต่อภรรยาผมตั้งแต่ต้น ผมขอโทษ คุณโอม Cocktail ที่มีการพาดพิงถึงในเรื่องเล่าของผม จนพลาดวันสำคัญในชีวิตไป ผมขอโทษนักร้องนักดนตรีทุกคน หรือใครก็ตาม ทีมงาน โบกี้ไลอ้อน วิว โทนี่ วง moving and cut วงมีน พี่จี๊บ LOVEiS คุณ จ๋าย ไททศสมิธ และทุกๆคนที่ติดร่างแหไปจากการเล่าเรื่องของผม

ผมขอโทษคู่กรณีของผมและภรรยา และครอบครัวของพวกเขา ผมยอมรับว่าเคยมีความสัมพันธ์กับแจมในอดีตจริง และได้จบไปแล้ว และได้ละเว้นประเด็นนี้ไว้ในเรื่องเล่า จนคนเข้าใจผิด เอาใจช่วยผมไปในเรื่องที่ผมบิดเบือนว่าแจมเป็นเพียงแฟนคลับที่มาติดตาม 

เรื่องของการคุกคามและข่มขู่ด้วยคดีทางการเมือง ผมยังยืนยันว่าเคยเกิดขึ้นจริง หากแต่ปัจจุบันได้หยุดลงไปแล้ว และผมได้เล่าเรื่องเหล่านี้เพื่อให้หน่วยงานต่างๆมาคุ้มครองดูแล

เรื่องของคดีความ ผมฟ้องแกปกับแจมในคดีร่วมกันหมิ่นประมาท แยกเป็นแพ่งและอาญา รวม 3 คดี
ผมถอนฟ้องให้ทั้งหมดเนื่องจากถูกข่มขู่ด้วย ม.112 ซึ่งมีพยานวัตถุเป็นแชท ส่วนภรรยาผมฟ้องคดีมือที่สาม และจบลงด้วยการได้รับค่าชดใช้หนึ่งล้านบาทจากแจม

ผมขอโทษแฟนเพลงและทุกคนในสังคม ที่ผมได้มีการทำตัวในสิ่งที่ไม่เหมาะสมลงไป ผมขอสัญญาว่าต่อจากนี้จะใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาทและครองสติอย่างดีที่สุด ที่สำคัญที่สุด ผมขอโทษนิว ภรรยาของผมและครอบครัว และขอบคุณที่ยังให้โอกาสผมในการเริ่มต้นใหม่ 

ผมขอโทษทุกคนจริงๆครับ ผมขอน้อมรับทุกความผิดที่เกิดขึ้นครับ ขอโทษที่ทำให้ทุกคนเดือดร้อนครับ

ขอเรียนเชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคเงินสมทบทุนจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ โรงพยาบาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร

 

(20 ม.ค. 68) เมื่อเร็วๆ นี้ พระพรหมวชิรเวที (อมร ญาโณทโย) เจ้าอาวาสวัดปทุมวนารามราชวรวิหาร และนายแพทย์พันธวี คำสาว ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ได้จัดงานแถลงข่าวการเปิดรับบริจาคสมทบทุนซื้อเครื่องมือแพทย์ที่จำเป็น เพื่อให้โรงพยาบาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต สามารถเปิดดำเนินการได้ภายในปี 2569 พร้อมนำคณะมวลชวนร่วมงานพิธีเททองหล่อพระพุทธรูป ณ. บริเวณอุโบสถ วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร จำนวน 3 องค์ ได้แก่ 'พระสายน์' (จำลองจากพระประธานในพระอุโบสถ วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร) และอีก 2 องค์ ประกอบด้วยพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต และหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เพื่อนำไปประดิษฐาน ที่หอธรรมจินดาสุข โรงพยาบาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร พร้อมเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์หลวงปู่มั่น (โดยปรับปรุงจากกุฏิที่ท่านเคยมาพำนักจำพรรษา เมื่อครั้งจาริกมาศึกษาธรรมที่กรุงเทพมหานคร ให้เป็นพิพิธภัณฑ์เชิงนิทรรศการถาวร เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้หลักธรรมทางพุทธศาสนา ผ่านเรื่องราววิถีชีวิตหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พระอาจารย์ใหญ่สายพระป่ากัมมัฏฐานของไทย)

โดยพระพรหมวชิรเวที (อมร ญาโณทโย) เจ้าอาวาสวัดปทุมวนารามราชวรวิหาร กล่าวว่า "หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ได้เคยจำพรรษาที่วัดปทุมวนาราม 1 พรรษา เมื่อครั้งจาริกมาศึกษาธรรมที่กรุงเทพมหานคร และเป็นจุดแวะพักตั้งต้น ก่อนจาริกธุดงค์ไปภาคเหนือและตะวันตก และในขณะจำพรรษานั้นท่านได้มอบมรดกธรรมชิ้นสำคัญไว้ คือ ขันธะวิมุติสะมังคีธรรมะ ซึ่งเป็นธรรมบรรยายลายมือของหลวงปู่มั่น ซึ่งเป็นหลักฐานลายมือเพียงชิ้นเดียวที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน และกุฏิที่ท่านเคยมาพำนักจำพรรษานั้น ปัจจุบันได้ปรับปรุงให้เป็นพิพิธภัณฑ์พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พิพิธภัณฑ์เชิงนิทรรศการถาวร จัดแสดงธุดงควัตร เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้หลักธรรมทางพุทธศาสนา ผ่านเรื่องราววิถีชีวิตหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พระอาจารย์ใหญ่สายพระป่ากัมมัฏฐานขอองไทย และ UNESCO ประกาศยกย่องให้ท่านเป็นบุคคลสำคัญของโลกสาขาสันติภาพ โดยพิพิธภัณฑ์เปิดให้ทุกท่านได้เข้าเยี่ยมชมในวันพุธ-วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 8:00 – 17:00 น. หยุดวันจันทร์และวันอังคาร โดยมีผู้นำชมและให้ข้อมูลอย่างครบถ้วน"

ด้าน พระธรรมวัชรญาณวิศิษฏ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปทุมวนารามราชวรวิหาร ซึ่งเป็นประธานโครงการก่อสร้างโรงพยาบาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต นั้นได้กล่าวถึงที่มาของการสร้างโรงพยาบาลหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ว่า "จังหวัดสกลนครมีความผูกพันกับหลวงปู่มั่น ภูริทัตโตมาก ท่านมาจำพรรษาอยู่ในวัดป่าที่สกลนครหลายวัด และละสังขารก็ที่วัดป่าสุทธาวาส สกลนครนี่เอง ส่วนพระบรมสารีริกธาตุ อัฐิธาตุหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ก็อยู่ที่ 'วัดภูริทัตตถิราวาส' หรือ 'วัดป่าบ้านหนองผือ' ที่สกลนครด้วย...

"ทีนี้ตอนครบรอบ 150 ปี ชาตกาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต และพอดีกับที่ท่านได้รับการยกย่องเป็นบุคคลสำคัญของโลกสาขาสันติภาพของยูเนสโก วัดปทุมวนารามราชวรวิหารจึงริเริ่มแนวคิดที่จะก่อสร้างโรงพยาบาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ขึ้น โดยตั้งขึ้น ที่บ้านลึมบอง หมู่ 3 ตำบลบ่อแก้ว อำเภอบ้านม่วง จังหวัดสกลนคร เป็นโรงพยาบาลสาขาของโรงพยาบาลบ้านม่วง ซึ่งได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็น“โรงพยาบาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต” โดยอาตมาได้ให้โรงพยาบาลแห่งใหม่ที่จะสร้างนี้ใช้ชื่อว่า “โรงพยาบาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ศูนย์พระธรรมวัชรญาณวิศิษฏ์ (บ้านลึมบอง)...

"ที่โรงพยาบาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ศูนย์พระธรรมวัชรญาณวิศิษฏ์ (บ้านลึมบอง) แห่งนี้ มีการสร้างหอธรรมจินดาสุข เป็นอาคารลักษณะคล้ายศาลาการเปรียญ จึงมีการหล่อพระประธานคือพระสายน์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปในวัดปทุมวนาราม ขนาดหน้าตัก 40 นิ้ว และรูปเหมือนหลวงปู่มั่น กับหลวงตามหาบัว ขนาด 30 นิ้ว เพื่อนำไปประดิษฐานในหอธรรมแห่งนี้...

"วัตถุประสงค์การก่อสร้าง เพื่อเป็นศูนย์รวมใจของประชาชน ผู้ป่วยและญาติ รวมถึงบุคลากร  ใช้เป็นสถานที่ในการทำกิจกรรมได้หลากหลาย ทั้งการบำบัดรักษาผู้ป่วยด้วยธรรมะ และเป็นสถานที่ในการประกอบพิธีทางศาสนา และเป็นสถานที่ดำเนินกิจกรรมอื่นๆ ที่เป็นสาธารณประโยชน์ แก่ผู้ป่วย และชุมชนใกล้เคียง"

ทางด้าน นายแพทย์พันธวี คำสาว ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลพระอาจารย์มั่น ภุริทัตโต กล่าวถึงประโยชน์ของการมีโรงพยาบาลแห่งที่ 2 ของ อ.บ้านม่วง ว่า "เนื่องจากอำเภอบ้านม่วงเป็นอำเภอที่มีขนาดใหญ่ พื้นที่ 850 ตร.กม. มีประชากรในพื้นที่ 7หมื่นคน ห่างไกลจากตัวจังหวัด ระยะทาง 130 กม. ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 2 ชม. มีความลำบากในการเดินทางเข้าโรงพยาบาลจังหวัด ซึ่งอำเภอบ้านม่วงมีโรงพยาบาลหลัก 1 แห่ง คือโรงพยาบาลบ้านม่วง ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นโรงพยาบาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เป็นโรงพยาบาลขนาด 82 เตียง ดูแลคนไข้ทั้งในอำเภอบ้านม่วงและใกล้เคียง มีความแออัด และประชาชนบางพื้นที่ยังมีความห่างไกลจากโรงพยาบาล เดินทางลำบาก...

"และในการสร้างโรงพยาบาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต แห่งที่ 2 (ศูนย์พระธรรมวัชรญาณวิศิษฏ์เวชชานุกูล บ้านลึมบอง) นี้ จะทำให้ลดความแออัดของโรงพยาบาลและประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงสามารถเข้าถึงการดูแลรักษาได้สะดวกมากยิ่งขึ้น และโรงพยาบาลสามารถเพิ่มศักยภาพการให้บริการให้ครอบคลุมมากขึ้นตามสภาพปัญหาทางสุขภาพในปัจจุบัน"

ในส่วนการดำเนินการก่อสร้างนั้น เมิ่อวันที่ 20 กันยายน 2565 กรมป่าไม้ ได้อนุญาตให้กระทรวงสาธารณสุข ใช้ประโยชน์ในพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติ เนื้อที่ 40 ไร่ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงอีบ่าง-ป่าดงคำกั้ง-ป่าดงคำพลู ที่บ้านลึมบอง หมู่ 3 ตำบลบ่อแก้ว อำเภอบ้านม่วง จังหวัดสกลนคร ให้ดำเนินการก่อสร้างโรงพยาบาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต  การก่อสร้างได้เริ่มดำเนินการในปี 2566 ปัจจุบัน ได้รับทุนเบื้องต้นในการก่อสร้าง 78.5 ล้านบาท จากผู้มีจิตศรัทธา กำลังดำเนินการก่อสร้างอาคาร ผู้ป่วยนอก อาคารผู้ป่วยในขนาด 30 เตียง ซึ่งดำเนินการไปแล้วประมาณ 60% และศาลาธรรม ที่มองว่าจะเป็นศูนย์รวมใจของประชาชน และผู้ป่วยในการบำบัดรักษาอาการเจ็บป่วยทั้งทางกายและใจ ส่วนนี้ดำเนินการใกล้เสร็จเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ ทางโรงพยาบาลได้ดำเนินการของบประมาณสิ่งก่อสร้างเพิ่มเติมจากกระทรวงสาธารณสุข จำนวน 37 ล้านบาท ประกอบด้วย ระบบสาธารณูปโภค อาคารที่พักอาศัยของบุคลากร ระบบไฟฟ้าฉุกเฉิน และถนน ภายในโครงการ เพื่อให้องค์ประกอบด้านสถาปัตยกรรม ของโรงพยาบาลมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

สำหรับโรงพยาบาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต แห่งที่ 2 มีแผนเปิดให้บริการในปี 2569 โดยคาดหวังว่าจะมีอาคารสถานที่ และอุปกรณ์ที่จำเป็น เพียงพอที่จะให้บริการได้  ในช่วงแรกอาจจะยังไม่ครบสมบูรณ์ 100% แต่ขอให้เพียงพอสำหรับการเริ่มให้บริการ ส่วนสิ่งอื่นๆ ที่ยังขาด สามารถเพิ่มเติมในภายหลังได้ครับ"

ส่วนเป้าหมายในการให้บริการดูแลผู้ป่วยนั้น นายแพทย์พันธวี คำสาว กล่าวต่อว่า "ทางโรงพยาบาลฯได้มีการประชุมวางแผนร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสกลนคร เกี่ยวกับแผนการดำเนินงานของโรงพยาบาลพระอาจารย์มั่นฯ แห่งที่ 2 โดยพิจารณาจากสภาพปัญหาทางด้านสุขภาพในพื้นที่ พบว่าแนวโน้มทางด้านประชากรเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Aged Society) เนื่องจากมีอัตราเด็กเกิดใหม่ ลดลงอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่คนอายุยืนมากขึ้น แต่เป็นการอายุยืนพร้อมกับการเจ็บป่วยเรื้อรังและความทุพลภาพ คาดว่า ในอีก 5-10 ปี ข้างหน้า สัดส่วนประชากรวัยทำงานจะลดลง และผู้สูงอายุจะมากขึ้น และอีกปัญหาทางสังคมคือปัญหายาเสพติด ดังนั้นทางโรงพยาบาลจึงได้กำหนดทิศทางการให้บริการของโรงพยาบาลไปที่การดูแลผู้ป่วย 3 กลุ่มหลักคือ ผู้ป่วยระยะประคับประคองหรือระยะสุดท้าย (Palliative care) ผู้ป่วยที่ต้องได้รับการฟื้นฟูระยะกลาง (Intermediate care) และบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด ซึ่งจะเป็นจุดเด่นของโรงพยาบาลแห่งนี้ สามารถดูแลผู้ป่วยได้ทั้งภายในอำเภอ และภูมิภาคได้เป็นอย่างดี และตอบสนองต่อสภาพปัญหาด้านสุขภาพอย่างแท้จริง"

ด้านการบริหารจัดการอัตรากำลังบุคลากร จะเป็นการบริหารอัตรากำลังร่วมกับโรงพยาบาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต (แห่งที่ 1) ซึ่งเป็นโรงพยาบาลหลักของโรงพยาบาล ปัจจุบัน มีบุคลากรอยู่ทั้งสิ้น 320 คน แพทย์ 10 คน พยาบาล 72 คน และสหวิชาชีพอื่นๆ เมื่อเปิดโรงพยาบาลอีกแห่ง ประมาณการไว้ว่าจำเป็นจะต้องมีบุคลากรเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 100 คน ประกอบด้วย แพทย์ 4 คน และพยาบาล 30 คน และสหวิชาชีพอื่นๆ เพื่อให้เพียงพอต่อการให้บริการตามเป้าหมาย ในระหว่างการก่อสร้างโรงพยาบาลนี้ ได้มีการเตรียมความพร้อมบุคลากรที่มีอยู่ ทั้ง แพทย์ พยาบาล เภสัชกร นักกายภาพ บำบัดและอื่นๆ โดยการส่งฝึกอบรมความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ในสาขาที่จะเปิดให้บริการ ได้แก่ เวชศาสตร์ยาเสพติด การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย การฟื้นฟูผู้ป่วยระยะกลาง ซึ่งเมื่อเปิดให้บริการโรงพยาบาลแห่งที่ 2 ศักยภาพด้านบุคลากร จะเพียงพอและสอดคล้องกับรูบแบบการให้บริการของโรงพยาบาล

ตั้งแต่เริ่มดำเนินการมา ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเป็นอย่างดี โดยเฉพาะประชาชน ชาวบ้านลึมบอง ประชาชนตำบลบ่อแก้ว ประชาชนอำเภอบ้านม่วง และจังหวัดสกลนคร รวมถึงส่วนราชการต่างๆ เมื่อมีกิจกรรมต่างๆ เกี่ยวกับการก่อสร้างโรงพยาบาลพระอาจารย์มั่นฯ ทุกภาคส่วนจะให้ความช่วยเหลือและร่วมมือเป็นอย่างดี แสดงให้เห็นถึงความศรัทธาในองค์หลวงปู่มั่น และความสามัคคีของคนในชุมชน

สำหรับอุปกรณ์จำเป็นที่ต้องการรับบริจาค เพื่อให้เปิดดำเนินการได้นั้น การเปิดบริการของโรงพยาบาลพระอาจารย์มั่นฯ แห่งที่ 2 มีความจำเป็นที่จะต้องจัดหา งบประมาณเพื่อจัดซื้อ รถพยาบาล ยานพาหนะ เครื่องมือแพทย์ อุปกรณ์ช่วยชีวิตฉุกเฉิน ระบบออกซิเจนเหลว และอุปกรณ์อื่นๆที่จำเป็น มูลค่าโดยประมาณ 47.9 ล้านบาท ซึ่งรายการเบื้องต้นประกอบด้วย...

- รถพยาบาลพร้อมอุปกรณ์ฉุกเฉิน จำนวน 3 คัน คันละ 2,500,000 บาท
- เครื่อง x-ray ทั่วไป ขนาด 500 MA จำนวน 1 เครื่อง 1,700,000 บาท
- เครื่องช่วยนวดหัวใจและฟั้นคืนชีพอัตโนมัติ จำนวน 1 เครื่อง 1,000,000 บาท
- เครื่องอัลตราซาวน์ 1 เครื่อง 930,000 บาท
- เครื่องฝึกการทรงตัว พร้อมอุปกรณ์ยกผู้ป่วย สำหรับฟื้นฟูผู้ป่วยระยะกลาง 2 เครื่อง เครื่องละ 810,000 บาท
- เครื่องกระตุ้นระบบประสาทด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า 1 เครื่อง 900,000 บาท

รวมทั้งยานพาหนะและอุปกรณ์อื่นๆ จำนวน 147 รายการ มูลค่าทั้งสิ้น 47,944,960 บาท

และในวันที่ 20 มกราคมนี้ เป็นวันครบรอบ 155 ปี ชาตกาลหลวงปู่มั่นฯ เพื่อเป็นมหาเถรบูชาต่อพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต จึงขอเชิญชวน พุทธศาสนิกชน และผู้มีจิตศรัทธา ร่วมบริจาคเพื่อจัดหาเครื่องมือแพทย์สำหรับโรงพยาบาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ผ่านระบบ e-donation ซึ่งสามารถนำไปลดหย่อนภาษี ได้ 2 เท่า โดยสามารถบริจาค ได้ที่ บัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ชื่อบัญชี 'กองทุนเครื่องมือแพทย์ รพ.พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต' เลขที่บัญชี 020229922839 หรือบริจาค ด้วย mobile application ของธนาคาร โดยสแกน QR code บริจาคผ่านระบบ e-donation โดยตรง สามารถติดต่อสอบถามได้ที่เบอร์โทร 0986950325 หรือ line official account @pmhdonation โดยสามารถบริจาคได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

ด้าน คุณพิพัตร ราชปึ ตัวแทนประชาชนในพื้นที่ กล่าวถึงความรู้สึกของประชาชนในพื้นที่ ในการก่อสร้างโรงพยาบาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ว่า "ในนามของตัวแทนชาวบ้านลึมบอง หลังจากทราบว่าจะมีการสร้างโรงพยาบาลในหมู่บ้านลึมบอง ผมและชาวบ้านมีความรู้สึกตื่นเต้นและยินดีเป็นอย่างยิ่ง นับว่าเป็นบุญของชาวบ้านโดยแท้จริง ที่จะมีโรงพยาบาลอยู่ใกล้และเดินทางสะดวกมากยิ่งขึ้น ชาวลึมบองและชาวอำเภอบ้านม่วงมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มีส่วนร่วมในการดำเนินการของโรงพยาบาล ตั้งแต่เริ่มกระบวนการดำเนินงานผมและชาวบ้านได้ร่วมแรงร่วมใจกับทุกภาคส่วน ดำเนินการในกิจกรรมต่างๆ เกี่ยวกับโรงพยาบาลพระอาจารย์มั่นฯ และผมมั่นใจว่าโรงพยาบาลแห่งนี้จะเปิดให้บริการได้ตามกำหนดเพื่อดูแลผู้ป่วยในพื้นที่ใกล้เคียงได้เป็นอย่างดี"

และในโอกาสครบรอบ 155 ปี ชาตกาลหลวงปู่มั่นฯ ในปีนี้ คุณพสุ ตีรวัชร ผู้บริหารเพจ 'พุทธสายฤทธิ์' ได้ผลิตสารคดีหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ชุด 'ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว' เผยว่า มีแรงบันดาลใจจาก สังคมไทยปัจจุบันเผชิญกับปัญหาความเสื่อมทรามทางศีลธรรม อาชญากรรม และความวุ่นวายต่างๆ การแก้ปัญหาเหล่านี้ไม่ใช่ง่าย เพราะผู้คนในปัจจุบันไม่ชอบการสอนแบบตรงไปตรงมา และต้องเชื่อหรือมีศรัทธาก่อนจึงจะยอมรับฟัง เพื่อเป็นการยกระดับสังคม ผ่านการเรียนรู้แบบไม่ยัดเยียด ทีมงานจึงมีแนวคิดที่จะสร้างสรรค์สารคดีคุณภาพเพื่อเผยแพร่เรื่องราวของพระอริยะและพระธรรมคำสอนของหลวงปู่มั่น สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนหันมาสนใจปฏิบัติธรรม และแก้ไขปัญหาสังคม

โดยในสารคดีชุด 'ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว' จะนำเสนอเรื่องราวชีวิตตั้งแต่วันที่ท่านถือกำเนิดจนวันละสังขาร และคำสอนต่างๆ ของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้มีบทบาทสำคัญของพุทธศาสนาทั้งในประเทศไทยและระดับโลก ยืนยันได้โดยการยกย่องจากองค์กร UNESCO ตลอดจนลูกศิษย์คนสำคัญของท่านที่มีบทบาทสำคัญในการเผยแผ่พุทธศาสนาต่อมา

"จุดเด่นของสารคดีชุดนี้ เรามุ่งหวังที่จะนำเสนอเรื่องราวชีวิตของท่านในมุมมองที่แปลกใหม่และน่าสนใจ ผ่านสารคดีชุดประกอบเสียงบรรยาย ที่สร้างภาพกึ่งเสมือนจริงจากเทคโนโลยี AI Generated แล้วทำให้วัตถุในภาพสามารถเคลื่อนไหวผ่านเทคโนโลยีล่าสุด จนเกิด Visual ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนเพื่อดึงดูดความสนใจ เร้าอารมณ์ สร้างความรู้สึกร่วม พร้อมดนตรีประกอบที่พิถีพิถันเพื่อให้ช่วยยกระดับประสบการณ์การรับชม เพื่อให้ผู้ชมทุกเพศทุกวัยสามารถเข้าใจและซาบซึ้งในพระธรรมคำสอนของท่านได้" คุณพสุ ตีรวัชร กล่าวในท้ายสุด

รายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อฝ่ายประชาสัมพันธ์โครงการ : คุณจิรายุศ สิทธิพฤกษ์ (แตน) MB. 091-737-2345 / Email : [email protected]

 

TikTok กลับมาแล้ว ขอบคุณทรัมป์ พร้อมตั้งบริษัทร่วมทุนถือหุ้น 50%

(20 ม.ค. 68) TikTok ออกแถลงการณ์ว่า กำลังอยู่ในกระบวนการฟื้นฟูการให้บริการในสหรัฐอเมริกา ตามข้อตกลงกับผู้ให้บริการ หลังจากถูกคำสั่งแบนมีผลบังคับใช้ราว 12 ชั่วโมง พร้อมแสดงความขอบคุณต่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มอบความชัดเจนและการรับรองที่จำเป็น เพื่อช่วยให้ TikTok สามารถให้บริการแก่ชาวอเมริกันกว่า 170 ล้านคนได้โดยไม่มีอุปสรรค รวมถึงสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจขนาดเล็กกว่า 7 ล้านแห่งในประเทศ  

TikTok ระบุเพิ่มเติมว่านี่เป็นการปกป้องสิทธิตามบทบัญญัติการแก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 1 (First Amendment) และเป็นการยืนหยัดต่อต้านการเซนเซอร์ที่ไม่เป็นธรรม พร้อมทั้งย้ำถึงความมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับประธานาธิบดีทรัมป์ในการหาทางออกระยะยาว เพื่อให้ TikTok สามารถดำเนินธุรกิจในสหรัฐอเมริกาได้อย่างยั่งยืน  

หนึ่งในแนวทางที่ถูกเสนอเพื่อรักษาการดำเนินงานของ TikTok ในสหรัฐฯ คือการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนใหม่ ซึ่งจะมีบริษัทสัญชาติอเมริกันถือหุ้นไม่น้อยกว่า 50% โดยขณะนี้มีรายงานว่า ผู้ที่แสดงความสนใจถือหุ้นใน TikTok อาจรวมถึงบุคคลและองค์กรชื่อดัง เช่น อีลอน มัสก์ และบริษัท Amazon  

ทั้งนี้ TikTok ยังคงเดินหน้าหารือและแสวงหาทางเลือกที่จะช่วยรักษาการให้บริการแก่ผู้ใช้งานในสหรัฐฯ และสนับสนุนการเติบโตของชุมชนธุรกิจต่อไป

ผบ.ตร.ประชุมร่วมทุกหน่วยขันน๊อตแก้ปัญหาจริงจัง เน้นปัญหาคนต่างชาติถูกหลอกลวงใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน กำชับตำรวจพื้นที่ชายแดนแม่สอด จ.ตาก มีมาตรการแก้ปัญหาให้เห็นผลชัดเจนภายใน 7 วัน 

พร้อมคาดโทษตำรวจทุกหน่วยที่ปล่อยปะละเลย หรือเข้าไปยุ่งเกี่ยว ต้องถูกดำเนินการอย่างเด็ดขาด

(20 ม.ค. 68) เวลา 14.00 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุมแก้ปัญหาคนต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และคนต่างด้าวตั้งกลุ่มแก๊งกระทำความผิดหรือประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย และอาชญากรรมข้ามชาติ โดยมี พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. , พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. , ผู้ช่วย ผบ.ตร. และผู้แทนหน่วยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ณ ห้องศรียานนท์ อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผ่านการประชุมระบบทางไกลผ่านจอภาพ

ตามนโยบายรัฐบายที่จะเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรม อาชญากรรมออนไลน์ และอาชญากรรมข้ามชาติ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน สำนักงานตำรวจแห่งชาติโดย ผบ.ตร.ขานรับนโยบายนำมาสู่การปฏิบัติ ซึ่งได้กำหนดนโยบายการปฏิบัติงานในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมที่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน และเป็นภัยคุกคามต่อความสงบเรียบร้อยของประเทศ และป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และกลุ่มชาวชาวต่างชาติที่ประกอบธุรกิจโดยใช้นอมินี แรงงานต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองหรือทำงานโดยผิดกฎหมาย

ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากกรณีดังกล่าว ก่อให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนและส่งผลต่อภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยว และการรักษาความปลอดภัยของประเทศไทย ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับกรณีดังกล่าว จึงขอให้ทุกหน่วยเร่งรัดดำเนินการให้เกิดผลโดยเร็ว มอบหมายหน้าที่แก่ผู้ปฏิบัติแต่ละนายให้ชัดเจน ตรวจสอบได้ และประสานการปฏิบัติกับทุกหน่วย 

ทั้งนี้ ผบ.ตร. มีข้อสั่งการ ดังนี้
1. กำชับห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปยุ่งเกี่ยว พัวพัน เรียก รับ หรือยอมรับทรัพย์สินหรือผลประโยชน์ใดโดยทุจริตหรือประพฤติมิชอบ ไม่เหมาะสม โดยผู้บังคับบัญชาจะต้องตรวจสอบการปฏิบัติงานและความประพฤติเจ้าหน้าที่อย่างใกล้ชิด เกิดผลการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม หากเพิกเฉย ละเลย จะถือว่าไม่เอาใจใส่ในการทำหน้าที่ เมื่อพบข้อบกพร่อง/ร้องเรียน จะพิจารณาทางปกครอง วินัย และอาญา โดยเด็ดขาดในทุกระดับชั้น

2. ให้กองบังคับการตำรวจนครบาล และตำรวจภูธรจังหวัด เป็นหน่วยหลักในการจัดทำแผนระดับพื้นที่ และจัดทำข้อมูลท้องถิ่นร่วมกับกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว กองบัญชาการตำรวจสันติบาล กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และกองการต่างประเทศ เพื่อกำหนดการปฏิบัติร่วมกัน เช่น การตรวจที่พักคนต่างด้าว การตั้งจุดตรวจ/จุดสกัด (แบบใยแมงมุม) การสืบสวนปราบปราม ตลอดจนประสานหน่วยอื่น ๆ เช่น กกล.ทหาร (ชายแดน) กอ.รมน. หน่วยข่าวด้านความมั่นคงและภาคส่วนในพื้นที่ โดยผู้บังคับการตำรวจนครบาล และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด จะต้องติดตามสถานการณ์ ประสานงานหน่วยในพื้นที่ และจัดทำแผนการปฏิบัติร่วมกัน ส่วนหน่วยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง จะต้องมีการส่งต่อและเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยให้เป็นปัจจุบัน โดยเฉพาะการแจ้งที่พักอาศัย สถานะของคนต่างด้าว บูรณาการข้อมูลทุกด้าน โดยให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเป็นหน่วยหลัก

ผบ.ตร. กล่าวว่า วันนี้ได้รับฟังข้อมูลจากหน่วยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนภารกิจ หน้าที่ตามกรอบของกฎหมายแต่ละฉบับ การประสานงานประเทศต้นทาง ในการควบคุม กำกับดูแลการประกอบธุรกิจต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับคนต่างด้าว เช่น ที่พักอาศัย รถเช่าต่าง ๆ ไกด์หรือมัคคุเทศก์ในประเทศไทย การเดินทางตามเส้นทางต่าง ๆ ในประเทศไปจนกระทั่งพื้นที่ชายแดน และการออกจากประเทศไทย พร้อมเน้นย้ำให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และแผนประทุษกรรมด้านการหลอกลวง การช่วยเหลือสืบสวนขยายผลติดตามคนต่างด้าว และกลไกการส่งต่อระดับชาติตามแผนป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์และแผนอาชญากรรมข้ามชาติ โดยให้ตำรวจพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนระดับพื้นที่ให้รัดกุม ชัดเจน และตั้งผู้ประสานงานระหว่างประเทศรับข้อมูลฝ่ายต่าง ๆ มาขับเคลื่อนโดยทันที

นอกจากนี้ ผบ.ตร. กล่าวว่า ในการประชุมวันนี้ มุ่งเน้นการยกระดับแก้ไขปัญหาสำคัญ โดยเฉพาะปัญหาคนต่างชาติถูกหลอกลวงโดยใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านในพื้นที่ชายแดนต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชายแดนด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก ที่เกิดปัญหาอย่างมากในขณะนี้ สั่งการให้ตำรวจในพื้นที่ อ.แม่สอด ต้องมีมาตรการดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ให้เห็นผลชัดเจนภายใน 7 วัน

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ป้องกันปราบปราบ สืบสวนขยายผลไปยังตัวการ ผู้ร่วมกระทำความผิด ผู้ช่วยเหลือที่กระทำความผิดตามกฎหมายทุกราย บริหารจัดการทุกภาคส่วนตั้งแต่ท่าอากาศยาน รถให้เช่า เส้นทาง ที่พักคอยต่าง ๆ ขอความร่วมมือคนไทยช่วยกันประชาสัมพันธ์และเป็นเจ้าบ้านที่ดี ต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างอบอุ่น ช่วยเหลือดูแล เพื่อสร้างภาพลักษณ์การท่องเที่ยวและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top