Saturday, 17 May 2025
Hard News Team

‘ญี่ปุ่น’ มีความเสี่ยง!! เกิดแผ่นดินไหวมหึมา ‘เมกะเควก’ เพิ่มมากถึง 82% ในอีก 30 ปีข้างหน้า

(18 ม.ค. 68) คณะกรรมธิการวิจัยแผ่นดินไหวของญี่ปุ่นเพิ่มระดับความเป็นไปได้ที่จะเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่มากเป็นร้อยละ 75-82 จากเดิมอยู่ที่ระหว่างร้อยละ 74-81 และประเมินว่าความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นจากเมกะเควกขนาด 8-9 แม็กนิจูดจะทำให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิคร่าชีวิตผู้คนหลายแสนรายและสร้างความเสียหายหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

แผ่นดินไหวระดับมหาวิปโยคที่อาจเกิดขึ้นเป็นผลจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกใน ‘ร่องลึกนันไก’ ซึ่งมีความยาวประมาณ 800 เมตร ทอดตัวขนานไปกับชายฝั่งแปซิฟิกของญี่ปุ่น

ร่องน้ำลึกก้นสมุทรนันไกอยู่บนแผ่นเปลือกโลกฟิลิปปินส์และกำลังมุดตัวหรือค่อยๆ เคลื่อนตัวอยู่ใต้แผ่นเปลือกโลกที่ญี่ปุ่นตั้งอยู่ หลังจากแผ่นเปลือกโลกเคลื่อนตัวแล้วจะหยุดชะงัก กักเก็บพลังงานมหาศาล ก่อนปล่อยออกมาและเป็นสาเหตุให้เกิดแผ่นดินไหวขนาดมหึมา

สำนักงานส่งเสริมการวิจัยแผ่นดินไหวของรัฐบาลระบุว่าในช่วง 1,400 ปีที่ผ่านมา เกิดแผ่นดินไหวในร่องลึกนันไกทุกๆ 100-200 ปี โดยแผ่นดินไหวรุนแรงครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อปี 2489 หรือ 79 ปีก่อนและความเสี่ยงที่อาจจะเกิดแผ่นดินไหวจะเพิ่มขึ้นทุกปีในอัตราร้อยละ 1

รัฐบาลญี่ปุ่นคาดการณ์ไว้เมื่อปี 2555 ว่าหากเกิดแผ่นดินไหวเมกะเควกขึ้นมาจะทำให้เกาะเล็กๆ นอกชายฝั่งของเกาะหลักอาจทำให้เกิดสึนามิสูงกว่า 30 เมตร พื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่นบนเกาะหลัก ทั้งเกาะฮอนชูและชิโกกุจะถูกคลื่นยักษ์ถล่มภายในไม่กี่นาที

เมื่อเดือนส.ค.2567 กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นออกประกาศเตือนภัยแผ่นดินไหวขนาดมหึมาเป็นครั้งแรกตามกฎระเบียบที่ร่างไว้ หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวและสึนามิที่ภูมิภาคโทโฮคุเมื่อปี 2554 และมีความเป็นไปได้มากขึ้นที่อาจเกิดแผ่นดินไหวใหญ่แถบร่องลึกนันไก หลังเกิดแผ่นดินไหวที่ความรุนแรงขนาด 7.1 แม็กนิจูด ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ 15 คน

แม้ประกาศยกเลิกคำเตือนหลังผ่านพ้นเหตุการณ์ระทึกขวัญไปได้ 1 สัปดาห์แล้ว แต่ทำให้ประชาชนตื่นตระหนกและพากันกักตุนข้าวสารและสิ่งของจำเป็นอื่นๆ

ทั้งนี้ เมื่อปี 2250 หรือเมื่อ 318 ปีก่อน ทุกส่วนของร่องลึกนันไกเคยแตกออกมาพร้อมกันทำให้เกิดแผ่นดินไหวครั้งยิ่งใหญ่และยังเป็นแผ่นดินไหวที่ทรงพลังเป็นอันดับ 2 ของประเทศจนถึงทุกวันนี้

แผ่นดินไหวครั้งนั้นส่งผลให้ภูเขาไฟฟูจิปะทุเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากนั้นเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงในร่องลึกนันไก 2 ครั้งในปี 2397 และอีก 2 ครั้ง ในปี 2487 และ 2489

‘ทักษิณ’ ลุยหาเสียง!! นครพนม ห่มพระธาตุ!! เอาฤกษ์เอาชัย

(18 ม.ค. 68) เมื่อเวลา 08.10 น. ที่สนามบินสกลนคร จ.สกลนคร นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาว เดินทางมาถึงก่อนเดินทางต่อมายังจ.นครพนม เพื่อช่วยนายอนุชิต หงษาดี ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครพนม พรรคเพื่อไทย (พท.) หาเสียง โดยมีนายภูมิพัฒน์ พชรทรัพย์ สส.นครพนม พรรค พท. นายพัฒนา สัพโส สส.สกลนคร พรรคพท. และน.ส.จิรัชยา สัพโส สส.สกลนคร มารอให้การต้อนรับ

โดยเป็นที่น่าสังเกตว่า นาฬิกาที่นายทักษิณใส่วันนี้ ได้ใช้สายซิลิโคนสีส้ม ซึ่งเป็นสีสัญลักษณ์ของพรรคประชาชน (ปชน.) หลังจากนายทักษิณได้ไปพบนาย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ที่งานฉลองมงคลสมรสของสส.พรรค พท. กับพรรค ปชน.

จากนั้นเวลา 09.15 น. นายทักษิณเดินทางมายังวัดพระธาตุพนม เพื่อสักการะองค์พระธาตุพนม เอาฤกษ์เอาชัยก่อนเดินสายปราศรัยช่วยนายอนุชิต หาเสียง โดยมีนางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และประชาชนชาวนครพนม รอให้การต้อนรับอย่างเนืองแน่น ทันทีที่มาถึงประชาชนที่มารอให้การต้อนรับ ได้คาดผ้าขาวม้าที่เอว รวมถึงคล้องพวงมาลัยดอกดาวเรืองให้การต้อนรับนายทักษิณ และนายทักษิณได้เขียนชื่อทักษิณ ชินวัตร ลงบนผ้าห่มพระธาตุ ก่อนที่จะเข้าไปเดินแห่ผ้าห่มพระธาตุพนม 1 รอบ และห่มผ้าพระธาตุพนม ทั้งนี้ มีนางรำชุดพื้นเมืองจากอ.ก้านเหลือง มารำโชว์ โดยใช้ชุดการรำที่เป็นชุดประจำจ.นครพนม จากนั้นนายทักษิณได้เดินทางไปขึ้นเวทีปราศรัยที่โดมวิทยาลัยธาตุพนม

‘เทพไท’ เผยจุดยืน!! ‘อภิสิทธิ์’ หลังกินข้าว สวัสดีปีใหม่ ค้าน!! ‘กาสิโน’ เสียดาย ไร้พรรคหลัก สู้กับระบอบทักษิณ

(18 ม.ค. 68) นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตสส.นครศรีธรรมราช หลายสมัย ได้โพสต์เฟซบุ๊กเผยจุดยืนทางการเมืองของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี โดยมีเนื้อหาดังนี้  

ได้มีโอกาสนัดเพื่อนๆ รับประทานอาหารเที่ยงกับคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในโอกาสช่วงปีใหม่และเทศกาลตรุษจีน ที่โรงแรมแกรนด์ไฮแอทเอราวัณ สี่แยกราชประสงค์ ได้นำกาแฟเทพไท ไปมอบให้ท่านเป็นของขวัญปีใหม่ด้วย

ในระหว่างรับประทานอาหาร ได้มีโอกาสพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นถึงสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน ซึ่งพอจะสรุปจุดยืนของท่านอภิสิทธิ์ได้ดังนี้

1.ไม่สนับสนุนนโยบายสร้างสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment complex)ของรัฐบาล

2.ไม่มีแนวความคิดจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ และไม่เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด แม้ว่ามีเสียงสนับสนุน และเรียกร้องให้จัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ขึ้นมาต่อสู้ทางการเมืองจำนวนมาก

3.ไม่ขอให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในลักษณะการแถลงข่าว หรือยืนให้สัมภาษณ์ในทุกกรณี

4.ยังรับเชิญเป็นวิทยากรให้กับรายการต่างๆ เพื่อแสดงความเห็นทางการเมือง เพื่อประโยชน์ของบ้านเมือง

5.ยังรับเชิญเป็นผู้บรรยายพิเศษ ให้กับ สถาบันการศึกษา หน่วยงาน องค์กร และโครงการหลักสูตรพิเศษ ฯลฯ

6.ยังรับเชิญเป็นองค์ปาฐกถา วิทยากร ในการสัมมนา เสวนาทางวิชาการ เพื่อประโยชน์ทางการศึกษา

7.เสียดายโอกาสของฝ่ายต่อต้านระบอบทักษิณ ที่ยังไม่มีพรรคการเมืองหลัก ในการต่อสู้ทางการเมืองอย่างเข้มแข็ง และเป็นรูปธรรม

8.ยังให้ความสนใจ และติดตามสถานการณ์ทางการเมืองอย่างใกล้ชิด

จึงขออนุญาตนำมาเล่าให้กับแฟนคลับของคุณอภิสิทธิ์ และคอการเมืองได้รับทราบถึงความเคลื่อนไหวของคุณอภิสิทธิ์บ้างไม่มากก็น้อย

‘ทรัมป์ – สีจิ้นผิง’ ต่อสายพูดคุย!! เดินหน้าความสัมพันธ์ เพื่อ 'จีน – สหรัฐฯ – โลก’ บนเส้นทาง การพัฒนาการค้า

(18 ม.ค. 68) ‘สำนักข่าวซินหัว’ รายงานว่า ‘สีจิ้นผิง’ ประธานาธิบดีจีน ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ ตามคำเชิญของทรัมป์ โดยสีจิ้นผิงเริ่มต้นบทสนทนาด้วยการแสดงความยินดีกับทรัมป์ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกครั้ง

สีจิ้นผิงชี้ว่าทั้งเขาและทรัมป์ต่างให้ความสำคัญกับการรักษาปฏิสัมพันธ์กับอีกฝ่ายอย่างยิ่ง หวังว่าสายสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ จะมีจุดเริ่มต้นที่ดีในวาระการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ และพร้อมผลักดันความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นจากจุดเริ่มต้นใหม่

สีจิ้นผิงเน้นย้ำว่าทั้งจีนและสหรัฐฯ กำลังไล่ตามความฝันของตัวเองและมุ่งมั่นทำให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ดียิ่งขึ้น โดยจีนและสหรัฐฯ มีผลประโยชน์ร่วมกันมากมายและพื้นที่กว้างขวางสำหรับความร่วมมือ ทั้งสองประเทศสามารถเป็นหุ้นส่วนและมิตรสหาย มีส่วนส่งเสริมความสำเร็จของอีกฝ่าย และประสบความเจริญรุ่งเรืองอันจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศและโลกทั้งใบ

สีจิ้นผิงกล่าวว่าสิ่งที่มิอาจหลีกเลี่ยงคือจีนและสหรัฐฯ ซึ่งเป็นสองประเทศใหญ่ที่มีสภาพการณ์แตกต่างกัน ย่อมต้องมีข้อแตกต่างไม่ตรงกันบางประการ ทว่ากุญแจสำคัญคือการเคารพผลประโยชน์หลักและข้อวิตกกังวลของอีกฝ่าย และแสวงหาหนทางอันเหมาะสมต่อการแก้ไขประเด็นปัญหาต่างๆ

สีจิ้นผิงเสริมว่าปัญหาไต้หวันเกี่ยวข้องกับอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของจีน ซึ่งจีนหวังว่าฝ่ายสหรัฐฯ จะดำเนินการด้วยความระมัดระวัง 

สีจิ้นผิงกล่าวว่าความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าจีน-สหรัฐฯ มีลักษณะของการได้ประโยชน์ซึ่งกันและกัน ดังนั้นการปะทะคะคานและความขัดแย้งมิควรเป็นตัวเลือกของสองประเทศ

สีจิ้นผิงเรียกร้องทั้งสองฝ่ายยกระดับความร่วมมือ รวมถึงทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เป็นรูปธรรม และดีงามยิ่งขึ้น ซึ่งเกื้อหนุนสองประเทศและโลกบนหลักการเคารพซึ่งกันและกัน การดำรงอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และความร่วมมือที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ เพื่อรักษาทิศทางของเรือลำยักษ์ทั้งสองอย่างจีนและสหรัฐฯ แล่นไปข้างหน้าบนเส้นทางการพัฒนาที่มีเสถียรภาพอันดีและยั่งยืน

ด้านทรัมป์ขอบคุณสีจิ้นผิงสำหรับการแสดงความยินดี กล่าวว่าเขาเชิดชูความสัมพันธ์อันดีของเขากับสีจิ้นผิง คาดหวังว่าจะเดินหน้าการพูดคุยสื่อสารต่อไป และรอคอยจะได้พบสีจิ้นผิงโดยเร็ววัน พร้อมเสริมว่าสหรัฐฯ และจีนเป็นกลุ่มประเทศสำคัญที่สุดในโลกวันนี้ ซึ่งควรรักษามิตรภาพอันยืนยาวและทำงานร่วมกันเพื่อคุ้มครองสันติภาพของโลก

ทั้งนี้ สีจิ้นผิงและทรัมป์ได้แลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับประเด็นสำคัญอันเป็นที่วิตกกังวลร่วมกันในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ เช่น วิกฤตยูเครน และความขัดแย้งอิสราเอล-ปาเลสไตน์ รวมถึงเห็นพ้องจะจัดตั้งช่องทางการสื่อสารเชิงยุทธศาสตร์และพูดคุยสื่อสารประเด็นสำคัญอันเป็นที่วิตกกังวลร่วมกันเป็นประจำ

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ตอกย้ำปณิธาน “ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”  ชาวจังหวัดเลยอย่างยั่งยืน..มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพผู้ยากไร้ พร้อมมอบจักรยานให้แก่โรงเรียนในพื้นที่ชนบท และนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่บริการประชาชนฟรี

เมื่อวานนี้ (17 ม.ค.68) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ และนางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน  นำทีมลงพื้นที่จังหวัดเลย (จังหวัดที่ 17 ของทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) จัดพิธีมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพแก่ครัวเรือนยากจน จำนวน 28 ครัวเรือน เพื่อให้สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว และมอบจักรยาน จำนวน 20 คัน ให้แก่โรงเรียนชนบทที่ขาดแคลน จำนวน 2 โรงเรียน เพื่อให้นักเรียนที่ประสบปัญหาในการเดินทางได้ยืมเรียน 

รวมถึงเป็นการแบ่งเบาภาระค่าพาหนะแก่ผู้ปกครองได้อีกทางหนึ่ง อีกทั้งยังเสริมสร้างให้นักเรียนได้ออกกำลังกาย เรียนรู้กฎจราจร เรียนรู้การแบ่งปัน และดูแลรักษาสาธารณสมบัติร่วมกัน รวมมอบในจังหวัดเลย คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น จำนวน 713,430 บาท (เจ็ดแสนหนึ่งหมื่นสามพันสี่ร้อยสามสิบบาทถ้วน) นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ยังได้จัดหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมแพทย์อาสาฯ เจ้าหน้าที่หน่วยแพทย์ ทีมบรรเทาสาธารณภัย (กู้ชีพ) และอาสาสมัครลงพื้นที่ให้บริการประชาชนฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ทันตกรรม คัดกรองเบาหวาน กิจกรรมนันทนาการ ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น บริการตัดผม ฯลฯ ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ โดยมี นายประยูร อรัญรุท รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย เป็นประธานในพิธี 

พร้อมด้วย นายสุรพล แก้วอินธิ ผู้ตรวจราชการกรมการพัฒนาชุมชนเป็นประธานร่วมในพิธี และคณะมูลนิธิสว่างคีรีธรรม จังหวัดเลย เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี รวมทั้ง ประชาชน เยาวชน และผู้แทนจากสถาบันการศึกษา เป็นผู้รับมอบ และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง อาทิ นายวสวิศว์ ศตพิพัฒน์ (ต้น-วสวิศว์) และ นายธวัชชัย คชาอนันต์ (แฮ็ค ชวนชื่น) ร่วมมอบและสร้างสีสันภายในงาน  ณ บริเวณมูลนิธิสว่างคีรีธรรม จังหวัดเลย

โครงการแก้ไขปัญหาความยากจนเชิงบูรณาการ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้สนับสนุนอุปกรณ์ประกอบอาชีพ ช่วยเหลือครัวเรือนยากจน ตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือแก้ไขปัญหาความยากจน ระหว่างกรมการพัฒนาชุมชนและมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  ซึ่งมูลนิธิฯ ได้จัดงบประมาณดำเนินการเพื่อจัดหาวัสดุอุปกรณ์การประกอบอาชีพมอบให้แก่ครัวเรือนยากจน ให้สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว โดยในกลุ่มเป้าหมายแรกดำเนินการในพื้นที่ภาคกลาง 17 จังหวัด รวม 98 ครัวเรือน ต่อมา ได้ดำเนินการในพื้นที่จังหวัดทางภาคเหนือ 17 จังหวัด รวม 230 ครัวเรือน ซึ่งได้ดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และในขณะได้พิจารณาพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม 20 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ นครราชสีมา อุดรธานี มุกดาหาร หนองบัวลำภู บึงกาฬ ยโสธร ศรีสะเกษ มหาสารคาม ขอนแก่น อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด อำนาจเจริญ สกลนคร เลย หนองคาย และ นครพนม

ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา  เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาการดำเนินงานอีกในหลาย ๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ต่อไป ติดต่อสอบถาม ตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง ร่วมกับคณะกรรมาธิการการทหาร และความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา เดินทางไปหารือข้อราชการกับ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และคณะผู้บริหารกองทัพอากาศ

เมื่อวันที่ (16 ม.ค.68) พลเอก เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง ร่วมกับคณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา 

นำโดย พลเอก สวัสดิ์ ทัศนา ประธานคณะกรรมาธิการ ได้เดินทางไปหารือข้อราชการกับพลอากาศเอก พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ และคณะผู้บริหารกองทัพอากาศ ณ กองบัญชาการกองทัพอากาศ ดอนเมือง กรุงเทพฯ ในประเด็นสำคัญเกี่ยวกับบทบาทและภารกิจที่สำคัญ ของกองทัพอากาศในการปกป้อง อธิปไตย และการรักษาผลประโยชน์ของชาติ ความพร้อมกิจการด้านอวกาศ รวมถึงแนวคิดการวิจัย พัฒนา และจัดหายุทโธปกรณ์ของกองทัพอากาศ 

โดยคณะกรรมาธิการจะนำข้อมูลที่ได้รับไปประกอบการพิจารณา ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจต่อไป

‘น้าหงา’ ลุยต้าน!! คัดค้าน ‘กาสิโน’ ชี้!! ตอนหาเสียง ไม่มีนโยบายนี้

(18 ม.ค. 68) สุรชัย จันทิมาธร หรือ ‘หงา คาราวาน’ ศิลปินแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊กว่า …

มีสิ่งที่ต้องทำเยอะแยะไปหมด ยังไม่คิดจะทำ

ประเทศชาติบ้านเมืองไม่ได้เรียกร้องให้เปิดบ่อนสักกะหน่อย

ตอนหาเสียงก็ไม่เคยมีนโยบายนี้นะ เห็นแต่ว่ามีเกลียดมีกลิ่นมีสักมีสีมีกะเทียม

ก่อนหน้านี้ ‘สุรชัย จันทิมาธร’ ออกมาคัดค้านการเปิดกาสิโน ตามนโยบาย รัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ที่ต้องการออกกฎหมายให้มี 'เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์' หรือสถานบันเทิงครบวงจรถูกกฎหมาย

โดย สุรชัย จันทิมาธร ระบุในเฟซบุ๊กว่า …

กาสิโน คือบ่อนการพนัน รัฐบาลเปิดบ่อนกาสิโน ก็เท่ากับว่า รัฐบาลเป็นนักเลงคุมบ่อน

10 บริษัทยักษ์ใหญ่ที่กำไรสูงสุดของปี 2024

​ปี 2024 ที่ผ่านมานับเป็นปีที่ธุรกิจทั่วโลกต้องฟาดฟันเพื่อความอยู่รอด ท่ามกลางความท้าทายของเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี แต่ก็ยังมี 10 บริษัทที่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นดาวเด่นของโลกด้วยกำไรสุดมหาศาลได้ ซึ่งแต่ละบริษัทมีสูตรความสำเร็จของตัวเองที่น่าสนใจและน่าศึกษา โดยทั้ง 10 บริษัทระดับโลกประกอบไปด้วยบริษัทอะไรบ้าง และพวกเขาทำธุรกิจอะไรถึงได้เงินขนาดนี้

​ซึ่งในประเทศไทยในปี 2024 ที่ผ่านมาบริษัทที่ทำกำไรได้สูงสุดได้แก่ บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) บริษัทพลังงานชั้นนำที่มีธุรกิจที่หลากหลายและครอบคลุมห่วงโซ่พลังงานตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ โดย ปตท.ทำรายได้ไปได้สูงถึง 78,383 ล้านบาทค่ะ

'สว.ไชยยงค์' ผู้แทนคณะกรรมการประชาสัมพันธ์ วุฒิสภา เดินสายเยี่ยมเยียนสวัสดีปีใหม่สื่อใหญ่ 5 แห่ง เดลินิวส์ ข่าวสด แนวหน้า ไทยพีบีเอส บ้านเมือง 

เมื่อวันที่ 14 มกราคม ที่ผ่านมา นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิกวุฒิสภา เป็นผู้แทนคณะกรรมการประชาสัมพันธ์ วุฒิสภา พบปะเยี่ยมเยียนพร้อมมอบกระเช้าผลไม้แสดงความปรารถนาดี ในโอกาสเทศกาลขึ้นปีใหม่ 2568 แก่สื่อมวลชนที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่บนถนนวิภาวดีรังสิต โดยเริ่มจากสำนักงาน บริษัทข่าวสด จำกัด (หนังสือพิมพ์ข่าวสด) เขตจตุจักร กรุงเทพฯ โดยมี นายวุฒิเทพ เดชะภัทร บรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์ข่าวสดและคณะ ร่วมรับมอบ

จากนั้นคณะกรรมการประชาสัมพันธ์ วุฒิสภา เดินทางสวัสดีปีใหม่ บริษัท หนังสือพิมพ์แนวหน้า จำกัด เขตหลักสี่ (นสพ.แนวหน้า)โดยมี นายอดิศร วงศ์ศรศักดิ์ หัวหน้าข่าว เป็นผู้รับมอบ

ต่อมาคณะกรรมการประชาสัมพันธ์ วุฒิสภา สวัสดีปีใหม่ องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (Thai PBS) เขตหลักสี่ โดยมีนายก่อเขต จันทเลิศลักษณ์ ผู้อำนวยการสำนักข่าวและคณะ ร่วมรับมอบ

ต่อมาคณะกรรมการประชาสัมพันธ์ วุฒิสภา เดินทางไปสวัสดีปีใหม่ ที่สำนักงานใหญ่ นสพ.เดลินิวส์ เขตจตุจักร กรุงเทพฯ โดยมี นายอภิชัย รุ่งเรืองกุล บรรณาธิการผู้พิมพ์และโฆษณา และคณะ ร่วมรับมอบ

ก่อนจะปิดท้ายของวัน เดินทางไปที่บริษัท นวกิจบ้านเมือง จำกัด ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ 

สวัสดีปีใหม่เวบไซต์บ้านเมือง

โดยมี นายชิงชัย รุ่งละโภ บรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์บ้านเมือง เป็นผู้รับมอบ

คณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา เข้าพบหารือข้อราชการกับพลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด

เมื่อวานนี้ (17 ม.ค.68) เวลา 08.30 – 12.00 นาฬิกา พลเอก สวัสดิ์ ทัศนา ประธานคณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา พร้อมด้วยกรรมาธิการ อนุกรรมาธิการ ที่ปรึกษาฯ เดินทางไปหารือข้อราชการกับพลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี  ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เกี่ยวกับนโยบายด้านกิจการทหารและความมั่นคงของกองบัญชาการกองทัพไทยที่มีความเด่นชัดมากขึ้นทั้งเรื่องบทบาทต่าง ๆ ของหน่วย การบรรเทาสาธารณภัย ปฏิบัติการไซเบอร์ และปฏิบัติการร่วมอื่น ๆ รวมทั้งการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาสำคัญ ๆ ของประเทศ

ในการนี้ พลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บริหารระดับสูงของกองบัญชาการกองทัพไทย ได้ให้การต้อนรับและหารือในประเด็น ดังนี้
1. การขับเคลื่อนภารกิจ การจัด และบทบาท บก.ทท.
2. การบรรเทาสาธารณภัยของกองทัพไทยในภาพรวม และการพัฒนาขีดความสามารถในการบรรเทาสาธารณภัยและช่วยเหลือประชาชนของกองทัพไทย (รวมทั้งการสาธิตการจัดชุดปฏิบัติการบรรเทาสาธารณภัยผ่านระบบ VTC)
3. การพัฒนาการดำเนินงานด้านไซเบอร์ของกองบัญชาการกองทัพไทย
4. เรื่องอื่น ๆ /ประเด็นสำคัญที่ต้องการให้กรรมาธิการในฐานะสมาชิกวุฒิสภาผลักดันให้ประสบผลสำเร็จ 

โดยที่ประชุมหารือได้มีการพูดคุยและข้อเสนอแนะที่สำคัญทั้งเรื่องการพิทักษ์รักษาและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ กองทัพกับการพัฒนาประเทศเพื่อความมั่นคง รวมทั้งการช่วยเหลือประชาชน และการแก้ไขปัญหาที่สำคัญของชาติที่ต้องร่วมคิดร่วมขับเคลื่อนให้เกิดผลสัมฤทธิ์เป็นรูปธรรมเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและประเทศชาติอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนสืบไป

ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการจะได้นำข้อมูลและข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะที่ได้หารือร่วมกับพลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บริหารระดับสูงของกองบัญชาการกองทัพไทยไปพิจารณาศึกษาและดำเนินการตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายให้เป็นรูปธรรมต่อไป 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top