Monday, 12 May 2025
Hard News Team

‘สเปซเอ็กซ์’ ส่งดาวเทียมสู่อวกาศพร้อม ‘เทมโป’ ตัวตรวจมลภาวะ เพื่อตรวจวัดคุณภาพอากาศ - มลพิษทั่วทั้งทวีปอเมริกาเหนือ

(8 เม.ย. 66) เว็บไซต์ ยูพีไอ รายงานว่า ‘สเปซเอ็กซ์’ บริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่ ที่ทำธุรกิจทางด้านธุรกิจการขนส่งทางอวกาศ ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ทำการส่งดาวเทียมตรวจวัดคุณภาพอากาศขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (นาซา) ขึ้นสู่อวกาศได้สำเร็จเมื่อวันที่ 7 เม.ย.

โดยระบุว่า ‘จรวดฟอลคอน 9’ ของบริษัทสเปซเอ็กซ์ ถูกปล่อยขึ้นสู่อวกาศจากฐานยิงจรวดสเปซ ลอนช์ คอมเพล็กซ์ รัฐฟลอริดาของสหรัฐ เมื่อเวลา 12.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น

เพื่อนำดาวเทียมอินเทลแซท 40 อี (Intelsat 40e) ดาวเทียมโคจรพ้องคาบโลกขั้นสูง ซึ่งมีเครื่องมือ ‘เทมโป’ (TEMPO-Tropospheric Emissions: Monitoring of Pollution) ตัวตรวจวัดมลภาวะในชั้นบรรยากาศของนาซา ขึ้นสู่วงโคจรในอวกาศเหนือเส้นศูนย์สูตรเพื่อตรวจสอบมลพิษในอากาศทั่วทวีปอเมริกาเหนือ

ย้อนมอง ‘หาเสียง-สื่อประชาสัมพันธ์’ สมัยแรกของสยาม ท่ามกลางกุศโลบายสร้างสรรค์ ไม่ฟาดฟันกันด้วยอวิชชา

ในตอนที่ผมกำลังพิมพ์เรื่องราวนี้อยู่นั้น การรับสมัครผู้ที่ต้องการเป็นสมาชิกผู้แทนราษฎรทั้งแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อนั้นก็คงได้ดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทุกพรรคคงเดินหน้าในการหาเสียงกันเต็มรูปแบบ ผมก็เลยอยากมาเท้าความถึงเรื่องราวการหาเสียงเลือกตั้งในอดีตให้ทุกท่านได้นึกจินตนาการสักหน่อย 

ผมจะเล่าถึงการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสยามเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2480 ในวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2480 เพื่อเลือกตั้ง ส.ส. จำนวน 91 ที่นั่ง จาก 182 ส่วนอีกครึ่งนั้นมาจากการแต่งตั้งโดยคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในพระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ซึ่งเป็นการเลือกตั้งแบบทางตรง คือผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกบุคคลหรือพรรคการเมืองได้โดยตรง 

แต่เวลานั้นยังไม่มีพรรคการเมืองครับ ผู้สมัครที่ลงรับเลือกตั้งจึงเป็นผู้สมัครอิสระ สำหรับ ส.ส. ก่อนหน้าการเลือกตั้งในปี พ.ศ. 2480 นั้น มาจากการเลือกตั้งทางอ้อม ซึ่งผู้มีสิทธิลงคะแนนจะเลือกผู้แทนตำบลเพื่อให้ไปเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอีกต่อหนึ่ง เพราะประชาชนยังอ่านออกเขียนได้มีจำนวนไม่มากนัก และ ส.ส. ชุดเลือกทางอ้อมนั้นได้พ้นตำแหน่งไปแล้ว แต่สุดท้ายพวกเขาก็กลับมาเป็นผู้แทนประเภทที่ 2 ด้วยการแต่งตั้ง เอาน่ะ ยุคนั้นราษฎรยังไม่เยอะ พวกผู้แทนที่กลับมาเป็นอีกมีความจำเป็น (หลัก ๆ ก็ก๊วนคณะราษฎรนั่นแหละ) 

แต่วัฒนธรรมหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นในยุคแรกเริ่มเลือกตั้งแห่งสยามนี้คือการหาเสียงแบบ ‘เคาะประตูบ้าน’ ซึ่งเอาเข้าจริง ๆ ผมว่าเป็นการหาเสียงสุดคลาสสิกที่สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน เพราะการเลือกตั้งในยุคนั้นต้องอาศัยการรู้จักหน้าตาของผู้สมัคร ยิ่งถ้าผู้สมัครรู้จักเข้าหาผู้นำหรือผู้ที่ได้รับความนับถือในสังคม ที่ปัจจุบันก็คือ ‘หัวคะแนน’ (มีมาตั้งแต่สมัยนั้น) อาทิ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ครูจากเมืองหลวง ตลอดจนพระสงฆ์ ก็ย่อมมีสิทธิ์ได้รับเลือก อันนี้คือการหาเสียงทางตรงซึ่งมักถูกนักเลือกตั้งรุ่นใหม่ดูถูกเหยียดหยาม ว่าช่างโบราณได้รับเลือกมาก็เป็นแค่ ‘ผู้แทนตลาดล่าง’ แต่ผมว่าเอาเข้าจริงการหาเสียงในรูปแบบนี้ยังใช้ได้ทุกยุค ทุกสมัย ขนาดที่พรรคการเมืองที่ว่ารุ่นใหม่บางพรรคยังต้องยอมศิโรราบ ‘การเคาะประตูและการใช้หัวคะแนน’ กลืนน้ำลายตัวเองตั้งแต่ยังไม่ได้รับเลือกตั้ง อันนี้ก็งง งงดี 

ส่วนอีกเรื่องที่น่าสนใจในยุคการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2480 ก็คือการใช้สื่อสิ่งพิมพ์ที่เรียกว่า ‘โปสเตอร์’ ผมว่าอันนี้น่าสนใจเพราะเขาใช้สื่อชนิดนี้ด้วยความสร้างสรรค์ สร้างคอนเทนต์กันสุดฤทธิ์ โดยเน้นการโฆษณาว่าตนเป็นใคร เก่งแบบไหน ใส่นโยบายกันสุดลิ่มทิ่มประตู ยกตัวอย่างให้อ่านดังนี้...

เลือกให้ นายชอ้อน อำพล เป็นผู้แทนดีกว่า นายชอ้อน อำพล บรรณาธิการ ‘สยามรีวิว’ เมื่อได้เป็นผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรปราการแล้ว จะฟันฝ่าชาวสมุทรปราการเป็นลูกเมียหลวงให้ได้ จะไม่ต้องได้รับความลำบากอย่างที่ท่านเห็นอยู่เดี๋ยวนี้ ถ้าเขาได้เป็นผู้แทนมาแต่แรกแล้ว สมุทรปราการและพระประแดงจะไม่เป็นเช่นนี้เลย....ปิดท้ายด้วย....ท่านจะเห็นว่า นายชอ้อน อำพล ช่วยท่านจริงก็ต่อเมื่อท่านได้ ให้เขาเป็นผู้แทนในวันเลือก...

...เอากับเขาสิ อยากใช้ผมก็เลือกผม อะไรประมาณนั้น

หรืออย่างเช่น...ทองหล่อ บุณยนิตย์ เนติบัณฑิต ทนายความ พูดจริง ทำจริง มนตรีนครธนบุรี...ศรีกรุง ฉบับวันที่ 1 เมษายน พุทธศักราช 2480 ว่า นายทองหล่อ บุณยนิตย์ เนติบัณฑิตอัยการผู้นี้นับว่าเป็นผู้มีความรู้ในทางกฎหมายและการเมืองทั้งเป็นผู้ที่มีใจเป็นกุศล.... 

หรือจะเป็นอย่าง...โปสเตอร์ของขุนพิเคราะห์คดี....รักชาติ, ถิ่น, ฐาน, รักบ้าน, รักเรือน ก็อย่าให้ได้ชื่อว่าขายชาติ อย่าเชื่อคำยุยงส่งเสริมฯ ของเขาเราจะเสียแนวไก่ต่อ (ไก่ต่อไปซะอย่างนั้น)...

บ้างก็วางนโนบายเป็นข้อ ๆ แบบของ นายพันตรีหลวงขจรกลางสนาม ที่ระบุนโยบายเป็นคำคล้องกันดังนี้...ข่าวสาส์นการเดิน...เหินห่างโจรภัย...ไม่เสียเวลาไปศาล...สมานสามัคคี...มีที่พึ่ง...ปิดท้ายอีก 3 เรื่องจากหลวงขจรฯ คือ... พ้นความยากจน...มีคนรักษา...วิชาความรู้....หลัก ๆ พออ่านจบผมก็อดอมยิ้มไม่ได้ เพราะมันช่างสนุกสนานจริง ๆ ‘โปสเตอร์’ หาเสียงยุค พ.ศ. 2480

แต่ถึงกระนั้นแผ่นปิดเหล่านี้ก็ไม่ได้โจมตีใครอย่างเอิกเกริก และไม่มีการกลั่นแกล้งกันอย่างจริงจัง เป็นสีสันแห่งการเลือกตั้งอย่างแท้จริง ผิดกับยุคนี้ที่การทำสื่อเลือกตั้ง เน้นให้มีจำนวนมาก เน้นให้ได้เปรียบคนอื่น เน้นบังป้ายคนอื่นจนกระทั่งไม่สนใจว่าจะบดบังทัศนวิสัยหรือไม่ รวมไปถึงบางป้ายที่ไม่เกี่ยวกับการเลือกตั้งก็ออกมาตั้งกันอย่างน่าประหลาด อย่างป้ายสีแดงของโครงการหมู่บ้านแคนดิเดตผู้นำก็ตั้งบังชาวบ้าน เยอะยิ่งกว่าป้ายหาเสียงเสียอีก อันนี้หยอกนะครับ เพราะน่าจะไปแก้ไขกันแล้ว มั้งนะ !!! 

เชิญชม คอนเสิร์ตลูกทุ่งการกุศล 'ยุพราชมหาชน ยกก๊วน ม่วนสงกรานต์'

โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย เชียงใหม่ จัดคอนเสิร์ตลูกทุ่งการกุศล 'ยุพราชมหาชน ยกก๊วนม่วนสงกรานต์' โดย YRC band & YRC combo อำนวยการสร้าง นายพูลศักดิ์ จิตสว่าง ผู้อำนวยการโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย  ผู้สนับสนุน สมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย  มูลนิธิพระราชชายาเจ้าดารารัศมี รายได้สนับสนุนเป็นทุนการศึกษาให้กับนักเรียนที่เป็นนักแสดง และพัฒนาวงดนตรีลูกทุ่ง และวงโยธวาทิตด้วย วันที่ 12 เมษายน 2566 เวลา 19:30 น. เป็นต้นไป ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

นายพูลศักดิ์ จิตสว่าง ผู้อำนวยการโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย กล่าวว่า  โรงเรียนยุพราชวิทยาลัยได้ส่งเสริมความสามารถพิเศษเด็กนักเรียนในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นวิชาการ ศิลปะ ดนตรี กีฬา ประกอบกับปีนี้โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย ได้ส่งการแข่งขันชิงช้าสวรรค์ ซึ่งเป็นที่มาของวง YRC. COMBO ของโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย ไปได้รับรางวัลรองชนะเลิศและเป็นขวัญใจมหาชนทั่วประเทศ ทำให้เป็นแรงบันดาลใจว่า อยากจะให้ลูกๆหลังจากที่ผ่านการแสดงเวทีชิงช้าสวรรค์ ได้มีโอกาสได้แสดงออก จากการที่ได้ไปแสดงให้ชุมชนต่างๆก็อยากจะจัดเพื่อให้กลุ่มที่เป็น FC และนักเรียนได้ร่วมกันในการที่จะจัดคอนเสิร์ต สำหรับให้นักเรียนได้แสดงออกได้อย่างเต็มที่ซึ่งในการจัดครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ครั้งนี้เราถือว่าเป็นการจัดให้ FC โดยตรง 

จะมีกลุ่มที่เป็นศิลปินที่เป็นศิษย์เก่า เท่ อุเทน พรหมมินทร์ เป็นผู้ที่จะเล่นคอนเสิร์ตตรงนี้ด้วย และมีศิลปินที่เป็นเจ้าของเพลงที่เราจะใช้เล่นในครั้งนี้ประมาณ 30 กว่าเพลง FC และพี่น้องประชาชนคงพึงพอใจ เนื่องจากว่าเราซ้อมกันมาเป็นเดือนๆ ช่วงนี้เด็กนักเรียนปิดภาคเรียนด้วย และยังมีโรงเรียนอื่นๆมาร่วมกับเราด้วย เช่น รร.โยธินบูรณะ กรุงเทพฯ รร.ผดุงปัญญา จังหวัดตาก ก็มาร่วมซ้อมกับพวกเรา และยังมีดนตรีของโรงเรียนสันกำแพง และมีนักร้องจาก รร.เชียงกลมวิทยา ที่เคยไปแข่งชิงช้าสวรรค์ มาเล่นด้วยกัน ซึ่งวันนั้นก็คิดว่าเป็นวันหนึ่งที่จะสร้างความสำเร็จให้โรงเรียนยุพราชวิทยาลัยอีกครั้งหนึ่ง 

สำหรับรายได้จากการจัดคอนเสิร์ตการกุศลครั้งนี้ ส่วนแรกสนับสนุนเป็นทุนการศึกษาให้กับนักเรียนที่เป็นนักแสดง ซึ่งมีประมาณเกือบ 60 ชีวิต ซึ่งตรงนี้ จะเป็นต้นทุนการศึกษา โดยเฉพาะนักเรียนที่จะจบ ชั้น ม.6 นักเรียนบางคนมีฐานะยากจน เพราะฉะนั้นจะเป็นทุนการศึกษาให้ส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งจะใช้ในการพัฒนาวงดนตรีลูกทุ่ง และวงโยธวาทิตด้วย ซึ่งในอนาคตคงมีการส่งเสริมอย่างต่อเนื่องเพื่อให้รุ่นน้องๆสานต่อจากรุ่นพี่ ได้แสดงออกได้มากขึ้นต่อไปในอนาคต

ผู้อำนวยการโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย เชิญชวนหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน พี่น้องประชาชน รวมทั้งกลุ่ม FC ทั้งในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียงและทั่วประเทศได้ช่วยกันและเชิญชวนให้ทุกท่านได้ร่วมชมคอนเสิร์ต สามารถชมได้ทั้งในหอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่มีจำนวนจำกัด และผ่านระบบ Live Streaming สามารถนั่งดูที่บ้านได้ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับลูกหลานของโรงเรียนยุพราชวิทยาลัยในการจัดคอนเสิร์ตครั้งนี้

คุณครูรมย์ลักษณ์ เนียมเครือ หรือ “ครูโบว์” ครูพิเศษเฉพาะทางโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย/ผู้กำกับการแสดง กล่าวว่า ได้รับบทมาเป็นผู้สอนผู้ควบคุมการแสดงและกำกับการแสดงในคอนเสิร์ตยุพราชมหาชน ยกก๊วน ม่วนสงกรานต์ ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 12 เมษายนนี้ ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รูปแบบในคอนเสิร์ตในครั้งนี้ มีครบรสอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นทั้งความสุข ความเศร้า ความตื่นเต้น ความสนุก ทุกอย่างจะมารวมในคอนเสิร์ตนี้ 

โรงเรียนยุพราชวิทยาลัยมีวงดนตรีลูกทุ่ง อย่างที่ทุกคนได้รู้กัน เมื่อแข่งในรายการชิงช้าสวรรค์ 2022 จบลง สิ่งที่จะบอกคือโรงเรียนยุพราชวิทยาลัยได้รับรางวัลเป็น ”ขวัญใจมหาชน” คือเป็นการตอบรับไม่ว่าจะเป็นเรื่องร้อง ดนตรี และเรื่องโชว์ เป็นที่ประทับใจของคนรุ่นใหม่ในยุค 2022  แต่วันนี้คาบเกี่ยวมาสู่ 2023 ท่านผู้อำนวยการโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย นำโดย นายพูลศักดิ์ จิตสว่าง มีแนวคิดและจุดประกายที่จะจัดคอนเสิร์ตให้กับเด็กๆรุ่นนี้ เพื่อประกาศความสามารถต่างๆ ความยิ่งใหญ่จะเกิดขึ้นไม่ได้ 

'ชัยวุฒิ' ชู 'พล.อ.ประวิตร' ทำหน้าที่ผู้นำประเทศ ดูแล ปชช. วอนคนไทยมั่นใจ หลัง 4 ปีมานี้ เพื่อนบ้านยกไทย 'พี่ใหญ่อาเซียน'

(7 เม.ย.66) ที่อุทยานเบญจศิริ เขตคลองเตย พรรคพลังประชารัฐ จัดเวทีปราศรัยย่อยโซนกรุงเทพฯ ใต้ "พลังใหม่ พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ" นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค กล่าวบนเวทีปราศรัยว่า พปชร.พร้อมที่เข้าไปดูแลประชาชนในทุกกลุ่ม ภายใต้การนำของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค ถือเป็นเสาหลัก ในการจัดตั้งรัฐบาล ที่ทำงานหนักมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความกินดีอยู่ดี ให้กับประชาชน พร้อมประสานทุกหน่วยทั้ง 10 ทิศ แก้ปัญหาให้กับทุกคน ประสานงานกับทุกคน ทำให้วันนี้รัฐบาลอยู่ครบ 4 ปี แล้วเราจะทำต่อไป เด็กเยาวชนทุกวันนี้สามารถจับเงิน 1,000,000 ได้ ก็เกิดขึ้นในรัฐบาลนี้ที่ส่งเสริมให้เกิดการขายของออนไลน์ในระบบดิจิทัล

 

ประเทศไทยเป็นเมืองที่มีความสุขอันดับ 6 ของโลก มีแต่ชาวต่างชาติชื่นชมในการมาอยู่เมืองไทย แต่มีพรรคการเมืองไปสร้างเรื่องว่า ประเทศไทยมีปัญหา อยากไปอยู่เมืองนอก ประเทศในแถบยุโรป วันนี้ฝรั่งเศสประท้วงกันเป็นแสนเป็นล้านคน ประเทศเยอรมันที่เจริญที่สุดในยุโรปตอนนี้ก็ประท้วงกัน การขนส่งมวลชนหยุดหมด เดือดร้อนกันทั้งประเทศ ประเทศไทยเราสงบสุขดีที่สุดแล้ว เพียงแค่อย่าทะเลาะ อยากให้ทุกคน มาช่วยกันดูแลประเทศไทยให้สงบสุข

กกต.ปิดรับสมัครเลือกตั้ง ยอดสมัคร ส.ส.แบ่งเขต 4,781 คน จาก 70 พรรค ส่วนปาร์ตี้ลิสต์ 1,899 คน ชงแคนดิเดตนายกฯ 63 คน เผยตรวจสอบคุณสมบัติ 7 วัน ประกาศชื่อผู้สมัคร 14 เม.ย.

(7 เม.ย.66) ที่อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2 ดินแดง นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) แถลงภาพรวมการเปิดรับสมัคร ส.ส. แบ่งเขตเลือกตั้ง ตั้งแต่วันที่ 3-7 เม.ย. และการเปิดรับสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และแจ้งรายชื่อบุคคลที่พรรคการเมืองมีมติจะเสนอสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 4-7 เม.ย. นั้นว่า การรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง มีพรรคการเมืองส่งผู้สมัคร 70 พรรค จำนวน 4,781 คน โดย กทม.เป็นจังหวัดที่มีผู้สมัครมากที่สุด 498 คน ส่วนการรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ มี 67 พรรคการเมืองส่งผู้สมัคร รวมจำนวน 1,899 คน นอกจากนั้นมีการเสนอรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จาก 43 พรรค จำนวน 63 คน

นายแสวง กล่าวอีกว่า ทั้งนี้จากนี้ไปจะเป็นการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัคร โดยผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อ จะตรวจสอบโดย กกต. ส่วนแบบแบ่งเขตจะตรวจสอบโดยผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำเขต ซึ่งจะสามารถประกาศรายชื่อได้ในวันที่ 14 เม.ย.ทั้งนี้ผู้ที่ กกต.ไม่ประกาศรายชื่อให้เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง สามารถร้องต่อศาลฎีกาได้ภายใน 7 วัน และศาลฎีกาต้องพิจารณาให้เสร็จก่อนวันเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 3 วัน ส่วนกรณีมีชื่อประกาศเป็นผู้สมัคร แล้วผู้มีสิทธิเลือกตั้ง หรือผู้สมัคร หรือผู้ใด ร้องว่าผู้สมัครขาดคุณสมบัติ สามารถยื่นคำร้องต่อ กกต. กลาง กรณีผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อ และยื่นต่อ กกต.จังหวัดกรณีผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขต ภายใน 7 วันนับแต่วันประกาศรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง หรือภายในวันที่ 21 เม.ย. โดย กกต.ต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จก่อนวันเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 10 วัน

‘ธนาธร-ณัฐชา’ ยิ้มแห้ง!! ก่อนโดนพี่วินฯ ตั้งคำถาม “ประชาชนจะได้อะไรจากการแก้ไข ม.112”

เมื่อมานานมานี้ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล เขตบางขุนเทียน ได้ออกเดินทางหาเสียงพร้อมกับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล โดยในระหว่างการเดินหาเสียงนั้น มีพี่วินมอเตอร์ไซค์ท่านหนึ่งได้เข้ามทตั้งคำถามกับทั้งสอง โดยถามว่า “ม.112 แก้แล้ว ตัวเขาเองที่ประกอบอาชีพขับรถวินมอเตอร์ไซค์นั้นจะได้อะไร”

นายณัฐชา ตอบกลับว่า “การแก้ ม.112 นั้นเป็นการแก้ไขเพื่อการหยุดกลั่นแกล้งทางการเมือง” ซึ่งพี่วินคนดังกล่าวก็ได้ตั้งคำถามกลับว่า “พวกเขาเหล่านั้นลบหลู่สถาบัน ก็ต้องมีการแจ้งความ เพราะมันแจ้งความไม่ได้ถ้าหากไม่มีการด่าทอสถาบันก่อน”

พี่วินยังเสริมอีกว่า “ผมเกิดมา 47 ปี ผมยังไม่เคยโดนข้อหา ม.112 เลยอยากถามว่าแก้ ม.112 ไปแล้วพวกผมได้อะไร เพราะจากที่ดูในสภาไม่เห็นพรรคก้าวไกลนั้นพูดถึงการแก้ปัญหาอื่นๆ ให้ประชาชนเลย พูดแต่เรื่องแก้ ม.112 แถมยังสนับสนุนม็อบ และม็อบเหล่านั้นเวลาถูกจับ ก็ไม่ได้โดนจับจากเรื่องม.112 แต่ถูกจับเพราะเรื่องพ่นสี ไปด่าคนอื่น ” 

พี่วินยังตั้งคำถามอีกว่า “ถ้าหากตนด่าถึงพ่อ ถึงแม่ จะโกรธไหม ถ้าโกรธก็ต้องแจ้งความจับตน ก็เหมือนกันการที่คนชอบหมิ่นสถาบันที่เป็นประมุข”

นิพนธ์ ยัน คุณสมบัติครบถ้วน พร้อมแจง กกต.เรียบร้อย เตือน เรืองไกร เป็นผู้สมัคร ส.ส.พลังประชารัฐ ส่อเจตนาใส่ร้ายป้ายสี ผิดกฎหมายเลือกตั้ง

 วันที่ 7 เมษายน 2566 นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ผู้สมัครบัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ ได้มีการร้องให้กกต.ตรวจสอบเรื่องการขาดคุณสมบัติของตนว่า เรื่องดังกล่าวนั้น ตนได้มีการชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคุณสมบัติไปยังประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งและกรรมการอีก 5 ท่านแล้วเมื่อที่ 4 เม.ย.66 ที่ผ่านมา โดยได้ชี้แจงกกต.


  1. กระทรวงมหาดไทย มีคำสั่งที่ 1524/ 2564 ลงวันที่ 25 มิถุนายน 2564 
นายนิพนธ์ บุญญามณี พ้นจากตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ในวาระการดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ ๔ สิงหาคม 2556 ถึงวันที่ 27 มิถุนายน 2562 


 2. เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2564 ข้าพเจ้าได้ยื่นฟ้องคณะกรรมการ ป.ป.ช. ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ) ต่อศาลปกครองกลาง เพื่อเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวเป็นคดีหมายเลขดำที่ 1314/2565 โดยมีคำร้องขอทุเลาการบังคับคำสั่งกระทรวงมหาดไทย ซึ่งข้าพเจ้าได้ระบุในคำขอทุเลาไว้อย่างชัดเจนว่า ถ้าให้คำสั่งของกระทรวงมหาดไทยในข้อ 1 มีผลบังคับใช้ต่อไปจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้ฟ้องคดี เนื่องจากแม้ปัจจุบันผู้ฟ้องคดีได้ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยแล้ว 


  3.เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2566 ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งกระทรวงมหาดไทย ที่ 1528/2564 ลงวันที่ 25 มิถุนายน 2564 เรื่อง ให้นายนิพนธ์ บุญญามณี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา พ้นจากตำแหน่งในวาระการดำรงตำแหน่ง ตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม 2556 ถึงวันที่ 27 มิถุนายน 2562 ไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น อันมีผลเป็นการชะลอหรือระงับการบังคับตามผลของคำสั่งทางปกครองไว้เป็นการชั่วคราวตามข้อ 72 วรรคสาม และข้อ 69 วรรคสอง ระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2543 ทั้งนี้ ศาลได้วินิจฉัยถึงเงื่อนไขในการที่ศาลปกครองจะมีอำนาจออกคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครอง ตามคำขอของข้าพเจ้า (ผู้ฟ้องคดี)สรุปความได้ว่า เงื่อนไขประการที่หนึ่ง คำสั่งกระทรวงมหาดไทยดังกล่าวน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย และในเงื่อนไขประการที่สองว่า คำสั่งกระทรวงมหาดไทยดังกล่าว มีผลกระทบต่อคุณสมบัติของผู้ฟ้องคดีในการสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร การที่ผู้ฟ้องคดีขาดคุณสมบัติสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้น เป็นกรณีที่จะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้ฟ้องคดีจนยากแก่การเยียวยาแก้ไขในภายหลังได้ ดังนั้น การให้คำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่ 1528/2564ลงวันที่ 25 มิถุนายน 2564 ที่สั่งให้ผู้ฟ้องคดีพ้นจากตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลามีผลใช้บังคับต่อไป จะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้ฟ้องคดีจนยากแก่การเยียวยาแก้ไขในภายหลัง


   4.การที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งกระทรวงมหาดไทย ที่ 1528/2564 ลงวันที่ 25 มิถุนายน 2564 ทำให้คำสั่งกระทรวงมหาดไทยดังกล่าวสิ้นผลลงโดยเหตุอื่น ตามมาตรา 42 วรรคสอง พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 และมีผลทำให้ข้าพเจ้ามิใช่บุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย อีกต่อไป


  5.เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 กระทรวงมหาดไทย(ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2) ได้ทำคำชี้แจงกรณีที่ข้าพเจ้าได้ยื่นคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครอง (ครั้งที่ สาม ต่อศาลปกครองกลางในคดีหมายเลขดำที่ 1314/2564 รายละเอียดสรุปความได้ว่าการออกคำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่ 1528/2564 ลงวันที่ 25 มิถุนายน 2564 ที่ให้นายนิพนธ์ บุญญามณี พ้นจากตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาฯ น่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมายตามแนวคำวินิจฉัยคำสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ 581/2565 จึงยอมรับและไม่คัดค้านคำขอทุเลาตามคำสั่งทางปกครองของข้าพเจ้า

‘ชูวิทย์’ เฮ!! หลังศาลเเพ่งยกเลิกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของ ‘ภท.’ ปมห้ามพูดถึงกัญชา ชี้!! เป็นการแสดงประโยชน์-โทษ ให้ปชช. ทราบ

‘ชูวิทย์’ เฮลั่น!!! ได้เมาท์กัญชาเสรีต่อ หลังศาลเเพ่งยกเลิกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของพรรคภูมิใจไทย ห้ามพูดเรื่องกัญชา ชี้เป็นการแสดงความคิดเห็นประโยชน์และโทษ ปชช.ได้ทราบประโยชน์แก่สุขภาพ

(7 เม.ย.66) ที่ศาลเเพ่ง ถนนรัชดาภิเษก ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีสืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 4 เม.ย. 2566 พรรคภูมิใจไทยเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ จำเลย เรื่องละเมิด เรียกค่าเสียหาย ในคดีหมายเลขดำที่ พ. 1650/2566 และ โจทก์ได้ยื่นคำร้องให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวในระหว่างพิจารณาเป็นกรณีฉุกเฉิน ห้ามมิให้จำเลยกล่าว หรือไขข่าวเกี่ยวกับกัญชาในทำนองหรือในลักษณะที่ว่ากล่าวให้ร้าย อันก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ 

‘เทียนจิน’ เปิดเส้นทางขนส่ง ‘ตู้คอนเทนเนอร์’ สายใหม่ เชื่อมท่าเรือสำคัญในยุโรป เพิ่มประสิทธิภาพการส่งออก

เมื่อวันที่ 6 เม.ย. 66 สำนักข่าวซินหัว, เทียนจิน รายงานว่า ‘เอชเอ็มเอ็ม’ (HMM) บริษัทขนส่งชั้นนำในเกาหลีใต้ เปิดบริการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ เส้นทางตรง เชื่อมระหว่างเทศบาลนครเทียนจินทางตอนเหนือของจีนกับท่าเรือสำคัญหลายแห่งของยุโรป โดยจะใช้เรือขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่พิเศษ 24,000 ทีอียู (TEU : หน่วยนับตู้คอนเทนเนอร์ยาว 20 ฟุต) จำนวน 12 ลำ ออกปฏิบัติงานทุกสัปดาห์

เส้นทางการขนส่งดังกล่าวจะเชื่อมต่อเทียนจินกับหลายท่าเรือสำคัญ ได้แก่ ท่าเรืออัลเจซิราสในสเปน ท่าเรือรอตเทอร์ดามในเนเธอร์แลนด์ ท่าเรือฮัมบวร์กในเยอรมนี และท่าเรือแอนต์เวิร์ปในเบลเยียม โดยมุ่งอำนวยความสะดวกและบริการการขนส่งที่มีประสิทธิภาพสำหรับการส่งออกอุปกรณ์เครื่องกลและไฟฟ้า และสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวันที่ผลิตในจีน

ลีจูมยอง ประธานเอชเอ็มเอ็ม (ไชน่า) จำกัด (HMM (China) Co.) กล่าวว่าสินค้าที่ผลิตในจีน อาทิ เครื่องจักร ชิ้นส่วนรถยนต์ และเฟอร์นิเจอร์ สามารถจัดส่งถึงยุโรปรวดเร็วขึ้นผ่านเส้นทางดังกล่าว โดยลดระยะเวลาการขนส่งเกือบร้อยละ 15 จึงประหยัดต้นทุนด้านโลจิสติกส์สำหรับลูกค้า

อนึ่ง ท่าเรือเทียนจินเป็นท่าเรือสำคัญในภูมิภาคตอนเหนือของจีน โดยมีปริมาณการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์มากกว่า 21 ล้านทีอียูเมื่อปีที่แล้ว ครองอันดับที่ 8 ของโลก


ที่มา : https://www.xinhuathai.com/china/350018_20230407

อดีตพนักงาน แฉ!! ข้อมูลส่วนตัวจากกล้องในรถ ‘เทสลา’ ถูกแชร์ให้ว่อน!! ผ่านระบบส่งข้อความภายในองค์กร

สื่อดังต่างประเทศ เผย อดีตพนักงานเทสลาสามารถดูภาพและคลิปจากกล้องในรถลูกค้าได้ และนำมาแชร์ดูกันภายในด้านเทสลายันความเป็นส่วนตัวของลูกค้าสำคัญยิ่ง


(7 เม.ย.66) รอยเตอร์ รายงานการสัมภาษณ์อดีตพนักงานเทสลา 9 คนว่า ในระหว่างปี 2562-2565 เผยว่า กลุ่มพนักงานได้นำภาพและคลิปที่บันทึกโดยกล้องติดรถยนต์ของลูกค้าไว้มาแชร์ผ่านระบบส่งข้อความภายในองค์กร ซึ่งคลิปบางส่วนมีความเป็นส่วนตัวหรืออ่อนไหวสูง โดยอดีตพนักงานกล่าวถึงคลิปลูกค้าชายคนหนึ่งเดินมาที่รถของตัวเองในสภาพเปลือยกายล่อนจ้อน

ขณะที่อดีตพนักงานอีกราย เล่าอีกว่า ภายในยังมีการแชร์คลิปเจ้าของรถขับขี่ด้วยความเร็วสูงในย่านที่พักอาศัยแล้วชนเด็กกำลังขี่จักรยาน จนเด็กลอยกระเด็นไปไกล วิดีโอดังกล่าวแพร่กระจายอย่างรวดเร็วไปทั่วสำนักงานของเทสลาใน รัฐแคลิฟอร์เนีย ผ่านการแชทส่วนตัวแบบตัวต่อตัว

นอกจากนี้ ยังมีการแชร์ภาพอื่น ๆ อย่าง ภาพสุนัขและป้ายถนนตลก ๆ ที่พนักงานสร้างเป็นมีมด้วยการเขียนคำบรรยายตลก ก่อนจะโพสต์ลงในแชทกลุ่มส่วนตัว แม้ว่าบางโพสต์จะถูกแชร์ระหว่างพนักงานสองคนเท่านั้น แต่โพสต์อื่น ๆ ก็มีพนักงานหลายคนที่ได้รับชม

ด้านเทสลาระบุใน ประกาศความเป็นส่วนตัวของลูกค้า ทางออนไลน์ว่า ภาพและคลิปที่บันทึกจากกล้องติดรถจะไม่มีการเปิดเผยตัวตน แต่อดีตพนักงาน 7 คนระบุว่า โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่พวกเขาใช้ในการทำงานสามารถแสดงตำแหน่งของภาพและคลิป ซึ่งอาจทำให้ทราบตำแหน่งที่อยู่ของเจ้าของรถได้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top