Friday, 19 April 2024
พรรคสร้างอนาคตไทย

‘อุตตม’ จี้ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยทั้งระบบ ให้ทันความเปลี่ยนแปลงโลก - ปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน

นายอุตตม สาวนายน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ก่อตั้งพรรคสร้างอนาคตไทยเปิดเผยว่า สวัสดีครับ เมื่อเร็วๆ นี้ ผมได้ให้สัมภาษณ์กับทางสถานีโทรทัศน์ TNN เรื่องทิศทางของโครงการเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี (Eastern Economic Corridor) ต่อจากนั้นก็มีโอกาสบรรยายและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น กับผู้อบรมหลักสูตรผู้นำการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลด้านธุรกิจท่องเที่ยว ที่จัดโดยสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต

ประเด็นหนึ่งที่ผมได้แชร์ความเห็นในทั้งสองกิจกรรมนั้น ก็คือทั้งอีอีซี และภาคการท่องเที่ยว จะมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต

ซึ่งโจทย์สำคัญที่เรากำลังเผชิญในปัจจุบัน คือ โครงสร้างเศรษฐกิจที่มีอยู่นั้น นับวันจะอ่อนพลังลง จนไม่สามารถที่จะช่วยแก้ไขปัญหาสั่งสมของประเทศ เช่น ความเหลื่อมล้ำ ความยากจน รวมทั้งไม่มีพลังในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

ทั้งนี้หากเราเดินต่อด้วยโครงสร้างเศรษฐกิจแบบเดิมๆ โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง เราจะเผชิญกับการที่อนาคตของประเทศจะเต็มไปด้วยความเสี่ยงและความไม่แน่นอน ตลอดจนไม่สามารถก้าวทันโลก และไม่สร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับประชาชน

ผมขอสรุปประเด็นหลักๆ เกี่ยวกับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน ซึ่งไม่เอื้อต่อการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน ดังนี้

1.) เศรษฐกิจฐานรากของประเทศยังไม่เข้มแข็ง ประชากรส่วนใหญ่ที่อยู่ในระดับฐานราก ยังต้องเผชิญปัญหาความยากจน เข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุน ขาดโอกาสในการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้เพียงพอกับการดำรงชีพ 

2.) เครื่องยนต์หลักในโครงสร้างเศรษฐกิจของไทย ได้แก่ ภาคการส่งออก ซึ่งมีสัญญาณว่าจะเริ่มอ่อนกำลังลง เพราะความได้เปรียบของสินค้าเราในตลาดโลกลดลง เริ่มก้าวไม่ทันคู่แข่ง ความได้เปรียบเดิมๆ เช่น เรื่องค่าแรง ข้อเท็จจริงคือ ค่าแรงในประเทศนับวันสูงขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันหลายประเทศในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ก็กำลังเร่งขึ้นมาเป็นคู่แข่งหรือแซงหน้าสินค้าส่งออกที่สำคัญของเราไปแล้ว

3.) นอกจากการส่งออกแล้ว การท่องเที่ยวถือเป็นเครื่องยนต์หลักทางเศรษฐกิจ ที่สร้างรายได้เข้าประเทศมาโดยตลอด กล่าวได้ว่าการท่องเที่ยวไทยมีศักยภาพสูงมาก ไม่แพ้ประเทศอื่น อย่างไรก็ดี ในโลกที่พฤติกรรมผู้บริโภคและเทคโนโลยีกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว การท่องเที่ยวต้องไม่พึ่งพาเพียงการโปรโมชั่น เพื่อหวังผลในเชิงปริมาณเป็นหลักเท่านั้น

4.) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ มีความก้าวหน้าในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ดี มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเร่งพัฒนา ไม่เพียงโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพ เช่น ถนน ระบบราง การขนส่งทางน้ำ และอากาศ แต่เราต้องเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ที่จะเป็นพลังในโลกยุคใหม่ด้วย

5.) ทั้งนี้ในระบบเศรษฐกิจใดๆ ก็ตาม คน คือหัวใจสำคัญ ประเทศไทยจำเป็นต้องเร่งพัฒนาคน ให้สามารถตอบโจทย์การปรับโครงสร้างและขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจในโลกใหม่ ให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันสถานการณ์

ประเทศไทยมีจุดแข็งในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทรัพยากรธรรมชาติ ความหลากหลายทางชีวภาพ กำลังคน ซึ่งโครงสร้างเศรษฐกิจที่จะสามารถใช้ประโยชน์จากศักยภาพของจุดแข็งที่เรามีได้อย่างเต็มที่นั้น จำเป็นต้องอาศัยเครื่องยนต์เศรษฐกิจหลัก และโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับการพัฒนาด้วยเป้าหมายยุทธศาสตร์ ที่สอดคล้องเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน

ด้านการผลิตสินค้าเพื่อส่งออก มีความจำเป็นที่ประเทศไทยจะต้องมีความสามารถพัฒนาการผลิตสินค้ามูลค่าสูงขึ้นกว่าเดิม ตลอดห่วงโซ่การผลิต นั้นคือ เป็นสินค้าที่มีเทคโนโลยี และนวัตกรรม ทั้งเป็นสินค้าและกระบวนการผลิตที่จะช่วยสร้างความเข้มแข็งในระดับเศรษฐกิจฐานรากไปพร้อมกัน ทำให้เกิดการจ้างงาน การสร้างอาชีพ และการพัฒนาชุมชน โดยเฉพาะชุมชนในภูมิภาคต่างๆ ของประเทศอย่างครอบคลุม

ขอยกตัวอย่างอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ที่ผ่านมาถือว่าอยู่ในระดับต้นๆ ของโลก แต่ขณะนี้ทั่วโลกกำลังมีความเปลี่ยนแปลงอย่างมาก โดยเฉพาะการใช้พลังงานสะอาด หรือพลังงานสีเขียว พลังงานไฟฟ้า ฯลฯ เราจึงสมควรเร่งกำหนดทิศทางการปรับเปลี่ยน ยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศ เพื่อให้ยังคงบทบาทที่เข้มแข็งในเวทีโลกต่อไปได้ในอนาคต

โดยให้มีความชัดเจน ว่าการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์และที่เกี่ยวเนื่อง จะมีเป้าหมายอย่างไร และเกิดขึ้นในรูปแบบใด เพื่อให้ไทยจะยังเป็นที่น่าสนใจของลูกค้า นักลงทุน พันธมิตร ผู้ประกอบการ แต่หากไม่มีการปรับหรือยกระดับที่เหมาะสม การย้ายฐานการผลิตจากประเทศไทยอย่างมีนัยสำคัญก็อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อขีดความสามารถของเศรษฐกิจประเทศ รวมถึงอนาคตของบุคลากรจำนวนมากที่อยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์และที่เกี่ยวเนื่อง

ในทำนองเดียวกัน อุตสาหกรรมอื่นๆของประเทศ จำเป็นต้องได้รับการทบทวนยกระดับ ควบคู่ไปกับการสร้างอุตสาหกรรมเป้าหมาย ที่จะเป็นเครื่องยนต์ใหม่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เช่น อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ โลจิสติกส์ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ การแพทย์ครบวงจร การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ สินค้าจากเทคโนโลยีชีวภาพ เป็นต้น

สำหรับการท่องเที่ยวนั้น ในการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจ เราควรมุ่งเน้นพัฒนาการท่องเที่ยวที่จะมีบทบาทสูง ต่อการช่วยยกระดับความเข้มแข็งของชุมชนฐานราก โดยเราสามารถวางยุทธศาสตร์การพัฒนาชุมชน ให้เกิดการท่องเที่ยวภาคชนบทอย่างกว้างขวาง และมีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับภาคเกษตร และการผลิตสินค้าชุมชน เพื่อให้โอกาสชุมชนนำศักยภาพทั้ง 3 ด้านที่มีอยู่ มาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ 

‘สนธิรัตน์’ ประกาศสานต่อนโยบายพลังงาน “Energy For all” หนุนเศรษฐกิจฐานราก ลั่น พร้อมผลักดันแก้ กม.ให้ประชาชนผลิตไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ใช้เอง-ขายคืน รบ.ทั่วประเทศ

ที่ศูนย์เรียนรู้พลังงานทดแทน โรงเรียนเชตวันวิทยา ตําบลหัวทุ่ง อําเภอลอง จังหวัดแพร่ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) พร้อมด้วยนายวิเชียร ชวลิต รองหัวหน้าพรรคฯ นายวัชระ กรรณิการ์ รองเลขาธิการพรรคฯ และนายบุญส่ง ชเลธร สมาชิกพรรคฯ พบปะผู้นำชุมชน เครือข่ายองค์กรชุมชน ปราชญ์ชุมชน กว่า 200 คน จาก 9 จังหวัดภาคเหนือได้แก่ จังหวัดแพร่, เชียงใหม่, ลำพูน, ลำปาง, เชียงราย, น่าน, สุโขทัย, อุตรดิตถ์ และเพชรบูรณ์ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก โดยมีพระครูโสภณปัญญาธร ให้การต้อนรับและร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) กล่าวว่า สถานการณ์โลกทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วท่ามกลางความไม่แน่นอนและผลกระทบจากปัจจัยที่เหนือการควบคุมอย่างเช่น โรคระบาดโควิด-19 สงครามรัสเซีย-ยูเครน ปัญหาโลกร้อน รวมถึงการดิสรัปชั่นของเทคโนโลยีต่างๆ ที่นำมาสู่การสร้างเงื่อนไขใหม่ๆ ในสังคมโลก ซึ่งประเทศไทยจำเป็นต้องมีความเข้มแข็งจากภายในประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมเพื่อรับมือต่อสถานการณ์การดังกล่าว และหัวใจสำคัญที่จะนำไปสู่ปัจจัยดังกล่าวก็คือการสร้างเศรษฐกิจฐานให้แข็งแรงซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบาย 5 สร้างของพรรคสร้างอนาคตไทย

ทั้งนี้ การลงมาจังหวัดแพร่ครั้งนี้ ตั้งใจมาเยี่ยมชมศูนย์การเรียนรู้พลังงานทดแทนโรงเรียนเชตวัน และพบปะรับฟังข้อเสนอเชิงนโยบายจากผู้นำชุมชน เครือข่ายองค์กรชุมชน ปราชญ์ชุมชน และชาวบ้านในพื้นที่ 9 จังหวัดในภาคเหนือ โดยศูนย์การเรียนรู้พลังงานทดแทนโรงเรียนเชตวัน ที่ขับเคลื่อนโดยพระครูโสภณปัญญาธร ถือเป็นหนึ่งในต้นแบบของระบบเศรษฐกิจฐานรากที่ครบวงจรทั้งด้านพลังงาน สิ่งแวดล้อม และการสร้างอาชีพชุมชน ที่พัฒนาคู่ขนานนวัตกรรมต่างๆ เช่น การประยุกต์ใช้ถ่านเป็นพลังงานทดแทนแก๊สแอลพีจี ในครัวเรือน และน้ำมันเบนซินที่ใช้ในรถตุ๊ก ตุ๊ก

นอกจากนี้ ยังได้รับฟังการดำเนินงานโครงการฝายมีชีวิต จากเครือข่ายชุมชนจังหวัดน่าน ซึ่งเป็นแนวคิดที่น่าสนใจในด้านการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาน้ำท่วม การพังทลายของหน้าดินต่างๆ เพื่อสร้างแหล่งน้ำชุมชน ต่อยอดกลายเป็นแหล่งอาหารของชุมชนที่อุดมสมบูรณ์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นความสำคัญของแหล่งน้ำ ที่เห็นได้ชัดว่าหากมีแหล่งน้ำที่ไหน ความอุดมสมบูรณ์ก็จะตามมา

นายสนธิรัตน์ กล่าวต่อว่า สิ่งต่างๆ ที่ได้แลกเปลี่ยนในวันนี้สอดคล้องกับนโยบาย 5 สร้างของพรรคสร้างอนาคตไทย ซึ่งพรรคฯ จะนำข้อมูลทั้งหมดทั้งปวงนี้ไปบูรณาการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและกลั่นกรองเป็นนโยบายที่พรรคจะใช้ขับเคลื่อนในเชิงพื้นที่ให้ตอบโจทย์ชุมชนและประชาชนให้ได้มากที่สุด โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อแก้ปัญหาปากท้องและสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจของประเทศต่อไป

อย่างไรก็ตาม การขับเคลื่อนเรื่องเศรษฐกิจฐานรากของพรรคสร้างอนาคตไทยทั้งเรื่องพลังงาน และเรื่องการส่งเสริมสินค้าชุมชน จะไม่รอเลือกตั้ง ไม่รอการเป็นรัฐบาล แต่จะขอมาร่วมกับแกนนำที่เข้มแข็งอย่างเช่นพระครูโสภณปัญญาธรที่เริ่มต้นไว้แล้ว เพื่อขยายไปสู่จังหวัดเครือข่ายทั่วประเทศให้ได้

ผมมองว่าชุมชนรากหญ้าทั่วประเทศมีศักยภาพจากทรัพยากรในฐานะประเทศเกษตรกรรมอยู่แล้ว ซึ่งหากมีนโยบายเข้าไปพัฒนาที่ตอบโจทย์กับศักยภาพของพื้นที่ ทั้งเรื่องการแก้ปัญหาแหล่งน้ำ การเข้าถึงพลังงาน และการพัฒนาอาชีพท้องถิ่น เชื่อว่าจะนำมาซึ่งความเข้มแข็งทั้งในส่วนของชุมชนและเศรษฐกิจฐานรากของประเทศได้ โดยพรรคฯ ให้ความสำคัญทั้งเรื่องการต่อยอดสิ่งที่ชุมชนทำมาดีอยู่แล้ว ควบคู่กับการเติมในส่วนที่ขาด พร้อมทั้งส่งเสริมในด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ให้มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันผมจะมาสานต่อนโยบาย Energy For All ที่ริเริ่มไว้เมื่อครั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โดยจะประกาศนโยบายให้ประชาชนสามารถติดตั้งโซลาร์เซลล์ผลิตไฟฟ้าใช้เองทั่วประเทศ และขายคืนส่วนเกินให้กับรัฐบาล โดยจะผลักดันให้มีการแก้หลักเกณฑ์และกฎหมายให้ประชาชนเข้าถึงพลังงานและเป็นเจ้าของพลังงานเพื่อสร้างรายได้และลดค่าใช้จ่ายของประชาชนทั้งในเรื่อง Net Metering และ Smart Meter เพราะนโยบายพลังงานถือเป็นปัจจัยต้นๆ ที่จะมีส่วนช่วยสร้างให้สร้างเศรษฐกิจฐานรากทั่วประเทศให้มีความเข้มแข็ง เพื่อเป็นรากฐานผลักดันเศรษฐกิจระดับประเทศให้เติบโตในเวทีโลกได้อย่างยั่งยืน ผมและพรรคสร้างอนาคตไทยพร้อมเปิดรับข้อเสนอเชิงนโยบายจากพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ เพื่อจับมือสร้างอนาคตเศรษฐกิจฐานรากไทยไปด้วยกัน” เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย กล่าว

'วัชระ' ชี้!! 'สมคิด' เหมาะสม แคนดิเดต 'นายกฯ' ยกระดับมหาเทพศก. สร้างอนาคตใหม่ให้ประเทศไทย

"วัชระ" โพสต์เปิดใจ ตั้งแต่ชู "สมคิด" แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคสร้างอนาคตไทย ดีลอะไหล่การเมืองง่าย ชี้สเปค "สมคิด" ระดับมหาเทพศก. ฟันธง คือตัวเลือกที่ใช่ที่สุด ในหมู่ทุกพรรคการเมือง ชี้มีคอนเนคชันระดับโลก รู้ลึกรู้จริงภาคธุรกิจ และรู้ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน

นายวัชระ กรรณิการ์ รองเลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ว่าหลังจากการประชุมใหญ่ของพรรค "สร้างอนาคตไทย" เมื่อวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งมีไฮไลท์ที่สำคัญ 2 ประการ คือ 1.การเปิดตัวกรรมการบริหารชุดใหญ่และคณะกรรมการสำคัญอีกหลายชุด และ 2.การพูดถึงเป้าหมายของพรรคที่จะเชิญท่านอาจารย์ "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" มาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี อันดับ1 ของพรรคสร้างอนาคตไทย ในศึกเลือกตั้งครั้งหน้า นั้น ผลตอบรับออกมาดีมากๆ

ตนในฐานะที่เป็น "ด่านหน้า" ทำหน้าที่พบปะผู้คนทางการเมืองอยู่ตลอดเวลา ตนเห็นความเปลี่ยนแปลง และปฏิกิริยาทางการเมือง ที่พูดได้ว่าเป็นแรงกระเพื่อมทางการเมืองขนาดมหึมา (ของจริง) ได้อย่างชัดเจน ดังนี้...

1.ในส่วนของส.ส.ที่เป็นซุปเปอร์สตาร์ และดาวฤกษ์ทางการเมือง ที่เป็นน้ำดีและมีผลงานที่ประชาชนในพื้นที่ยอมรับ ก่อนหน้านี้คุยยากแถมโทรศัพท์ "สายหลุด" เป็นประจำ ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว คุยง่ายสบายใจ แถมชวนตนกินกาแฟวันหนึ่งไม่รู้กี่แก้วต่อกี่แก้ว

2.ในส่วนของผู้คนที่ไม่ใช่นักการเมือง แต่เป็นประเภทบุคคล 'ดี-เด่น-ดัง' ที่เราหวังจะดึงมาร่วมงานทางการเมือง ก็ได้รับการตอบรับที่ดีมากๆ เช่นเดียวกัน

นายวัชระ ย้ำว่า นี่คือสัญญาณเชิงบวกที่ชัดเจนมากว่า บรรดานักการเมือง และส.ส.ทั่วประเทศต่างรู้ดีว่าประชาชนคนไทย ทั้งประเทศหมดหวังและกลัวเรื่องปัญหาเศรษฐกิจ และเรื่องปากท้องของตนเองในปัจจุบัน และอนาคตมากที่สุด

"นักการเมืองเป็นพวกนกรู้ครับ ดังนั้นการที่พวกเขาจะเลือกอยู่พรรคใดนั้น? พวกเขาจะต้องเลือกพรรคที่เขามั่นใจว่าประชาชนไม่ต่อต้านและเชื่อมั่นในฝีมือมากที่สุด ซึ่งก็คือพรรค 'สร้างอนาคตไทย' ครับ" นายวัรชะกล่าว

และสิ่งนี้เป็นตัวตอกย้ำมากที่สุดว่า ท่าน "อาจารย์สมคิด" คือตัวเลือกที่ "ใช่ที่สุด" และ "โดนใจ" ประชาชนมากที่สุด ในหมู่ตัวเลือกของทุกพรรคการเมืองในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ (ฟันธง) พร้อมย้ำว่า สเปคท่าน "อาจารย์สมคิด" คือ สเปคระดับ "มหาเทพ" ทางเศรษฐกิจ

1.บุคลิกและคอนเน็คชั่นระดับโลกเพียบ...ค้าขายกับนานาชาติสบายใจหายห่วงไม่อายใคร

2.กับภาคเอกชนและภาคธุรกิจในประเทศก็ "รู้ลึกรู้จริง" ไม่ต้องไปแนะนำตัวกันใหม่ให้เสียเวลา ทำงานร่วมกันได้เลย

3.อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญและมองข้ามไม่ได้เลย ก็คือท่าน "อาจารย์สมคิด" เป็นคนที่รู้จักระบบระเบียบบริหารราชการแผ่นดินเป็นอย่างดีมาก

เพราะฉะนั้นจะสามารถผสมผสานการทำงาน ระหว่างภาคเอกชนและรัฐได้เป็นอย่างดี เรื่องแบบนี้สำคัญมาก เพราะถ้าเอาคนที่ไม่รู้เรื่องไม่รู้เรื่องรู้ราวในระบบราชการมาบริหารก็ติดขัดไปหมด ไอ้ครั้นจะรอให้แก้กฎหมายต่างๆอย่างที่หลายคนพูด ก็หมดเวลาแก้ไม่ทันการแล้วครับ

'สนธิรัตน์' เตือน!! รัฐต้องเข้มบริหารนำเข้า LNG ก่อนค่าไฟพุ่ง และมาขอ ปชช.ให้ช่วยประหยัด

"สนธิรัตน์" หวั่น ไม่ใช่แค่ข้าวของแพง แต่ค่าไฟ ก็จะแพงขึ้นด้วย พร้อมเปิดข้อมูลกำลังผลิต ชี้ก๊าซธรรมชาติที่ใช้ผลิตไฟฟ้าของไทยหายไปเฉลี่ย 300-400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เตือนรัฐ!! ต้องบริหารการนำเข้า LNG ไม่ใช่แค่ บอกปชช. ให้ช่วยกันประหยัดไฟ 

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า...

ไม่ใช่แค่ข้าวของราคาแพงอย่างเดียว ค่าไฟก็อาจจะแพงขึ้นด้วย!!

วันนี้ใครเดินซื้อของที่ตลาด คงพูดมาคล้ายๆ กันว่า ของแพงขึ้น เกือบทุกอย่างปรับราคาขึ้น ทั้งผักสด ของสด ของแห้ง ไม่รวมอาหารทั้งแกงถุงทำสำเร็จ ร้านตามสั่ง หรือ ร้านอาหารต่างๆ ก็ปรับขึ้นทั้งนั้น

แต่อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องบอกคือ ค่าไฟก็อาจจะแพงขึ้น เพราะต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่จะเพิ่มขึ้น ผลคือ ประชาชนอย่างเราต้องจ่ายค่าไฟที่มากขึ้นกว่าเดิม ที่ค่าไฟจะแพงขึ้น ส่วนหนึ่งก็เพราะต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น มีข้อมูลว่าปัจจุบันการผลิตไฟฟ้าในบ้านเราใช้ก๊าซธรรมชาติมาผลิตไฟฟ้าประมาณ 60% ซึ่งก็มีมาจากแหล่งในประเทศ, การนำเข้า และ LNG 

แต่ตอนนี้การผลิตก๊าซของไทยเราอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่านผู้ผลิต ทำให้ปริมาณที่ผลิตได้เองในวันนี้ลดลงไปจากเดิม ทำให้การผลิตไฟฟ้าที่ปัจจุบันพึ่งพา LNG เป็นหลัก ต้องเพิ่มในสัดส่วนที่สูงขึ้น อีกทั้ง LNG ส่วนใหญ่ต้องนำเข้า มีความเสี่ยงหลายด้านที่ต้องบริหาร โดยเฉพาะเรื่องของราคาที่ต้องซื้อเข้ามา

สังคมเสรี!! เมื่อเด็กเรียนดี ไร้โอกาส ผูกคอตาย อาจไม่น่าดูดายเท่าเด็กถูกลิดรอนสิทธิทรงผม

‘ครูเป็ด’ มนต์ชีพ ศิวะสินางกูร ศิลปินผู้คร่ำหวอดในวงการดนตรี อดีตผู้ร่วมก่อตั้งพรรคกล้า ปัจจุบันเป็นสมาชิกพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า…

หลาน ๆ เอ๊ย การศึกษาเรามันห่วยจริง...เห็นด้วย

แต่อย่ามัวไปเล่นเรื่องเล็ก ทรงผม ชุดนักเรียนอยู่เลย...มาเล่นเรื่องใหญ่ดีกว่า

...เรียนฟรี คุณภาพดี มีจริงหรือไม่...

เพื่อนรุ่นหลานคนหนึ่งทางใต้ต้องฆ่าตัวตาย สาเหตุหนึ่งเพราะเธอไม่มีเงินเลยเรียนต่อไม่ได้

'เรียนฟรีคุณภาพดี' ต้องมีอยู่จริงใช่ไหม เพราะมันเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ

มาเล่นเรื่องนี้กันดีกว่า รับรองคนเอาด้วยทั้งประเทศ...

‘สุรนันทน์’ กร้าว!! ปท.ต้องการชุดความคิดใหม่ ๆ ยก ‘สมคิด’ นั่งนายกฯ เหมาะสมสุดในตอนนี้

นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ กรรมการบริหารพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า... 

เมื่อวานผมเกือบลาออกจากพรรคสร้างอนาคตไทย 

เรื่องที่ทำให้ผมต้องคิดตัดสินใจเช่นนั้น เป็นผลพวงจากการประชุมคณะกรรมการบริหารที่มีการถกเถียงในจุดยืนเกี่ยวกับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา 

ผมให้ความเห็นว่า หากพรรคได้รับคะแนนเสียงเพียงพอ ได้จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 25 ที่นั่งตามกำหนดที่สามารถเสนอชื่อ ผู้ที่จะเป็นแคนดิเดตนายกฯ ได้ ก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่เสนอชื่อ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ตามที่พรรคเสนอต่อประชาชนในการเลือกตั้งทั่วไปที่จะเกิดขึ้น ถึงแม้ว่าเราอาจจะไม่ใช่พรรคขนาดใหญ่ที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และขอคำยืนยันว่าจะไม่ยกมือให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าในกรณีใด

มีการเสนอความเห็นพอสมควร แต่มีกรรมการท่านหนึ่ง ขออนุญาตไม่เอ่ยนาม บอกข้อเสนอของผมเป็น “ปาหี่” ซึ่งผมรับไม่ได้ สำหรับถ้าอะไรจะเป็นปาหี่ ก็คือการหักหลังประชาชนที่ลงคะแนนให้พรรคเพื่อให้ ดร.สมคิด เป็นนายกรัฐมนตรี ดังนั้นอย่างน้อยในรอบแรกของการซาวเสียงในสภาฯ พรรคควรแสดงจุดยืนที่มุ่งมั่นตามที่ประชาชนที่เลือกพรรคต้องการ

'ธันวา' ปลื้ม!! 'ชัชชาติ' ปัดตบมุกเสี้ยมจากนักข่าว ย้ำชัด!! ขอเป็นผู้ว่าฯ ของคนกรุงเทพฯ ทุกคน

นายธันวา ไกรฤกษ์ ทีมโฆษกพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กถึงท่าทีของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ หลังถูกนักข่าวถามเสี้ยม ระบุว่า...

...ได้ฟังคุณชัชชาติให้สัมภาษณ์ที่สวนลุมเมื่อเช้า มีนักข่าวสำนักนึง พยายามถามเสี้ยมประมาณว่า...

"ผลคะแนนที่ออกมาถือเป็นการสั่งสอนให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาและรัฐบาลรู้ตัวว่าประชาชนไม่ศรัทธาต่อไปแล้ว ควรคืนอำนาจได้แล้วใช่หรือไม่ รวมถึงผลคะแนนเลือกตั้ง ส.ก. ที่ฝ่ายประชาธิปไตยได้เก้าอี้เป็นจำนวนมากนั้น ก็เป็นการตอกย้ำข้อเท็จจริงดังกล่าวใช่หรือไม่"

คุณชัชชาติ ตอบอย่างชัดเจนว่า "อย่าไปพูดอะไรแบบนั้นเลยครับ อย่าแบ่งคนออกเป็นฝ่ายๆ และอย่าถือว่าใครเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ผมพยายามเป็นผู้ว่าของคนกรุงเทพทุกคน เพื่อให้เดินหน้าไปด้วยกัน"

'สร้างอนาคตไทย' มั่นใจชู 'สมคิด' เป็นนายกฯ แก้ปัญหาเศรษฐกิจฯ ดัน 'สว่างแดนดิน' ขึ้นเป็นจังหวัด

พรรคสร้างอนาคตไทย เดินสายอีสาน ชู 'ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์' แคนดิเดตนายกฯ แก้ปัญหาเศรษฐกิจ  มั่นใจเสียงตอบรับดี เชื่อได้เก้าอี้ ส.ส.เป็นกอบเป็นกำ พร้อมผลักดัน สว่างแดนดินเป็นจังหวัด 

(26 พ.ค.65) ทีมผู้บริหารพรรคสร้างอนาคตไทย ลงพื้นที่ อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร นำโดยนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค นายสุพล ฟองงาม ประธานภาคอีสาน นายวิเชียร ชวลิต รองหัวหน้าพรรค นายนริศ เชยกลิ่น โฆษกพรรคฯ นายวัชระ กรรณิการ์ รองเลขาธิการพรรคฯ และผู้แสดงเจตจำนงเป็นผู้สมัคร ส.ส. ภาคอีสานกว่า 20 คน เปิดตัวผู้แสดงเจตจำนงเป็นผู้สมัคร ส.ส.ในนามพรรค เขต 4  คือนายชัยมงคล ไชยรบ โดยมีประชาชนและผู้นำชุมชนในพื้นที่ร่วมกิจกรรมเกือบพันคน

นายอุตตม กล่าวว่า การลงพื้นที่ อ.สว่างแดนดิน ครั้งนี้ เพื่อแสดงความตั้งใจของพรรคฯ ที่อาสาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องและหนี้สินของประชาชน  โดยพรรคมีความพร้อมด้านบุคลากรที่มีประสบการณ์ทางเศรษฐกิจมากที่สุดเมื่อเทียบกับทุกพรรคการเมือง จึงมั่นใจว่าสามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจประเทศได้อย่างแน่นอน

“วันนี้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง เป็นเรื่องสำคัญที่สุด หากปากท้องไม่อิ่ม การขับเคลื่อนประเทศในเรื่องอื่นก็ไม่สามารถทำได้ดี  พรรคฯ จึงมุ่งมั่นทำเรื่องนี้อย่างเต็มที่”

บรรยากาศบนเวทีเป็นไปอย่างคึกคัก เมื่อผู้บริหารพรรคฯ ได้ประกาศชู ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นบุคคลที่เหมาะสมที่สุดที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป อีกทั้งยังได้รับปากว่าจะผลักดันให้ สว่างแดนดิน ขึ้นเป็นจังหวัด หลังจากที่ชาวสว่างแดนดิน รอคอยมากว่า 30 ปี

‘สร้างอนาคตไทย’ ลุย มุกดาหาร ชวนพี่น้องอีสาน 'เปลี่ยน' เพื่ออนาคต

(27 พ.ค.) พรรคสร้างอนาคตไทย นำโดย นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค นายสุพล ฟองงาม ประธานภาคอีสาน นายวิเชียร ชวลิต รองหัวหน้าพรรค นายนริศ เชยกลิ่น โฆษกพรรค นายวัชระ กรรณิการ์ รองเลขาธิการพรรค และผู้แสดงเจตจำนงเป็นผู้สมัคร ส.ส. ภาคอีสานกว่า 20 คน ลงพื้นที่อ.เมือง จ.มุกดาหาร พบปะประชาชนและเปิดตัวผู้แสดงเจตจำนงเป็นผู้สมัครเขต 1 นายวิริยะ ทองผา และ เขต 2 นายทวีศักดิ์ ประทุมลี โดยมีผู้นำชุมชนและประชาชนกว่า 700 คน ให้การต้อนรับด้วยบรรยากาศชื่นมื่น

นายอุตตม กล่าวบนเวทีว่า น่าเสียดายอย่างมากที่ภาคอีสานสูญเสียโอกาสตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ทั้งๆ ที่ภาคอีสานตั้งอยู่ในทำเลที่มีความพร้อมที่จะเป็นศูนย์กลางการค้าในอินโดจีน แต่กลับไม่ได้การพัฒนาที่ต่อเนื่อง ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านกลับมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว วันนี้รถไฟเชื่อมจีน-ลาวเปิดแล้ว แต่รถไฟของประเทศไทยเพิ่งสร้างได้แค่ 3-4 กม. ซึ่งประเทศไทยคิดทำเรื่องนี้มาตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว

พรรคสร้างอนาคตไทยมีความตั้งใจว่า หากได้เข้าบริหารประเทศ จะเร่งสร้างรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพ-หนองคาย เชื่อมเส้นทางลาว-จีน เพื่อไม่ให้ประเทศเสียโอกาสไปมากกว่านี้ พร้อมกับยกระดับเส้นทางคมนาคมทั้งทางถนนและระบบรางสายรองในภาคอีสาน ให้เชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟดังกล่าวด้วย เพราะการพัฒนาระบบการคมนาคมจะนำมาซึ่งการค้าและการท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้กับภาคอีสานและประเทศไทย

นายอุตตม กล่าวอีกว่า สำหรับมุกดาหาร ซึ่งเป็นประตูการค้าเชื่อมโยงเส้นทางการค้าระหว่างฝั่งเมียนมา ผ่านไทย-ลาว-เวียดนาม ที่เรียกว่า เส้นทางอีสต์-เวสต์ คอริดอร์ แต่วันนี้กำลังสูญเสียความสามารถทางการแข่งขัน เพราะการขนส่งหันไปใช้เส้นทางรถไฟลาว-จีน ดังนั้นจะต้องสร้างโครงข่ายระบบรางจากมุกดาหารขี้นไปเชื่อมที่หนองคายด้วย และเพื่อให้การพัฒนาคมนาคมเป็นประโยชน์กับพื้นที่สูงสุด จะต้องสร้างและพัฒนาภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่อีสานด้วย โดยเฉพาะสินค้าจากฐานการเกษตร และต้องพัฒนาฐานรากด้วยแนวทางการเกษตรผสมผสานเพื่อความยั่งยืน ให้มีกินมีใช้ มีรายได้ตลอดปี

“หลายปีมาแล้วที่อีสานเสียโอกาส ไม่มีใครดูแล วันนี้คนอีสานต้องเปลี่ยน ให้คนที่มีความรู้ความสามาถและตั้งใจจริงเข้ามาบริหารประเทศ ซึ่งพรรคสร้างอนาคตไทยมีความพร้อมที่จะทำเพื่อพี่น้องชาวอีสาน”

ด้านนายสนธิรัตน์ กล่าวว่า มุกดาหารมีความพร้อมในการเป็นประตูการค้าเชื่อมลาวไปเวียดนามส่งต่อไปจีน สมัยที่เป็นรัฐมนตรีพาณิชย์ ได้จัดกิจกรรมส่งออกทุเรียนไปจีน ราคาทุเรียนจากวันนั้นถึงวันนี้ ยังดีมาตลอด

อย่างไรก็ตาม วันนี้นอกจากการพัฒนาระบบขนส่งในพื้นที่อีสานแล้ว จะต่องส่งเสริมให้มีการผลิตสินค้าที่ดี มีระบบชลประทานที่ดี รวมไปถึงมีเทคโนโลยีพลังงานพื่อลดต้นทุนการผลิต ซึ่งพรรคสร้างอนาคตไทยกำลังศึกษานโยบายการพัฒนาแหล่งน้ำพร้อมระบบโซลาร์เซลล์ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้มีน้ำใช้ในต้นทุนที่ต่ำ

นายสนธิรัตน์ ยังกล่าวอีกว่าการพัฒนาจะต้องเกิดขึ้นในพื้นที่อีสาน และคนอีสานต้องเปลี่ยน เพื่อสิ่งที่ดีกว่าในอนาคตอย่างแน่นอน

'สร้างอนาคตไทย' ประกาศต่อหน้าคนอีสาน 'ดร.สมคิด' เท่านั้น เป็นนายกฯ

'สร้างอนาคตไทย' ทัวร์อีสาน ประกาศชัด ไม่เป็นนั่งร้านของใครเด็ดขาด ชาวบ้านเรียกร้อง 'สมคิด จาตุศรีพิทักษ์' นั่งนายกฯ แก้ปัญหาเศรษฐกิจประเทศ 'สนธิรัตน์-อุตตม' ประสานเสียงลั่นเมืองอุบล ประกาศเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล กลางเวทีเปิดตัวผู้แสดงเจตจำนงเป็นผู้สมัครภาคอีสาน เผยเหตุที่เดินออกจากรัฐบาล เพราะไม่ได้ทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง 

วันที่ 26-27 พ.ค.2565 พรรคสร้างอนาคตไทยลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี นำโดยนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค และนายสุพล ฟองงาม ประธานภาคอีสาน พบปะประชาชนในพื้นที่ อ.ม่วงสามสิบ และ อ.เดชอุดม พร้อมทั้งเปิดตัวผู้แสดงเจตจำนงเป็นผู้สมัครของพรรค ที่ อ.ม่วงสามสิบ คือ นายจำลอง พรหมสวัสดิ์ และที่อ.เดชอุดม คือ น.ส.ตวงทิพย์ จินตะเวช ซึ่งมีประชาชนให้การต้อนรับและเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 1,000 คน

นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย กล่าวว่า นโยบายหลักของพรรคฯ คือการมุ่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของพี่น้องคนไทย ซึ่งถือเป็นวิกฤตของคนทั้งประเทศ ทั้งด้านค่าใช้จ่าย รายได้และหนี้สิน โดยเฉพาะคนในภาคเกษตรซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ที่ไม่สามารถหลุดออกจากวงจรความยากจน และยังถูกซ้ำเติมหนักยิ่งขึ้น จากสถานการณ์โควิดและราคาพลังงานในปัจจุบัน 

นอกจากนี้พรรคฯ ได้ให้คำมั่นกับคนอีสานว่า จะสนับสนุนนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี อันดับ 1 เพราะมีความสามารถทางเศรษฐกิจที่ทุกคนยอมรับว่าเหมาะที่จะเป็นผู้นำประเทศมากที่สุดในสถานการณ์ปัจจุบัน พรรคพร้อมที่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ขอประชาชนเลือก ส.ส. ของพรรค เพื่อให้โอกาสพรรคเข้าไปแก้ปัญหาประเทศ

“พวกเราเดินออกมาจากรัฐบาลชุดนี้เมื่อ 3 ปีก่อน หลังร่วมงานด้วยได้ไม่นาน เพราะพบว่าพวกเขาไม่ได้ทำงานเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง วันนี้เราเห็นแล้วประเทศเดินไม่ได้ จึงตั้งพรรคขึ้นมาเอง และจะไม่หันหลังกลับไปอีก  ผมขอยืนยันกับพี่น้องว่า พรรคเราไม่ได้เป็นนอมินีใคร ไม่ได้เป็นนั่งร้านให้ใคร ถ้าจะเป็นก็เป็นให้กับพี่น้องประชาชนเท่านั้น” นายอุตตม กล่าวบนเวที

ด้านนายสนธิรัตน์ กล่าวว่า หลายปีมาแล้วที่ประเทศไทยไม่มีความสุข เหตุจากการเมืองที่แบ่งขั้วแบ่งฝักฝ่าย ต่างฝ่ายต่างยึดประโยชน์พวกพัองตัวเอง ไม่ได้ทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง คนอีสานเสียโอกาสการพัฒนา และไม่มีใครดูแลความเดือดร้อน มองไม่เห็นอนาคต

พรรคสร้างอนาคตไทยพร้อมที่จะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะมองแล้วสถานการณ์ของแต่ละขั้วการเมืองวันนี้ โอกาสที่พวกเขาจะทำงานเพื่อแก้ปัญหากับพี่น้องประชาชนจริงๆ แทบไม่มี 

“สร้างอนาคตไทย มุ่งทำเพื่อประชาชนเท่านั้น เราต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศให้เศรษฐกิจดีขึ้น มีความสุขขึ้น เช่นเดียวกับคนอีสานและคนไทยทั้งประเทศที่ต้องร่วมกันเปลี่ยนสิ่งเดิมๆ การเมืองเดิมๆ เพื่ออนาคตของลูกหลานเรา” นายสนธิรัตน์ กล่าว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top