Sunday, 28 April 2024
จันทบุรี

จันทุบรี จัดกิจกรรม วัน อปพร.ประจำปี 2564 ยกย่องเชิดชูคุณงามความดีของผู้เสียสละช่วยเหลือสังคม พร้อมสาธิตการช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณะภัย และอุบัติเหตุรถแก๊สไฟไหม้

บ่ายวันนี้ ( 22 มี.ค.64 ) ที่ลานองค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี ศูนย์ ปภ.เขต 17  จันทบุรี และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดจันทบุรีเป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรม วัน อปพร.ประจำปี 2564 พร้อมทั้งสาธิต ฝึกซ้อมการใช้อุปกรณ์และเครื่องจักรกลสาธารณภัย ในที่สูงด้วยรถดับเพลิงหอน้ำ สาธิตการใช้รถดับไฟป่า และการจำลองเหตุการณ์อุบัติเหตุเพลิงไหม้รถยนต์ที่ใช้แก๊สเป็นเชื้อเพลิง ให้ความรู้ ความเข้าใจแก่ อปพร.ในการขอรับการสนับสนุนอุปกรณ์ช่วยชีวิตผู้ประสบภัย โทรสายด่วน 199 และ สายด่วน 1669 การดับเพลิงเบื้องต้น การกันประชาชนออกจากจุดเกิดเหตุป้องกันภัยลุกลาม

โดยนายอลงกรณ์ แอคะรัจน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี นำหัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนองค์กรภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องร่วมชมการสาธิต และเป็นกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ หลังจากนั้น รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีเป็นประธานในพิธีปฏิญาณตนเนื่องในวัน อปพร.และอ่านสารจากนายกรัฐมนตรี ซึ่งทุกวันที่ 22 มีนาคม ของปีถือเป็นวันสำคัญของอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน โดยศูนย์ อปพร. กลาง กำหนดให้เป็น “วันอปพร.” เพื่อยกย่องเชิดชูคุณงามความดีของ อปพร. ที่ได้เสียสละอุทิศ กำลังกาย กำลังใจและความรู้ ความสามารถที่มี เข้ามาช่วยเหลือสังคมภายใต้อุดมการณ์ “เมตตา กล้าหาญ” โดยมิได้หวังผลประโยชน์หรือสิ่งตอบแทนใดๆ จนเป็นที่ประจักษ์แก่สังคม

 

ปัจจุบัน อปพร.ถือเป็นพลังภาคประชาชนที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการสนับสนุน ผลักดันนโยบายของรัฐบาล ไปสู่การปฏิบัติในระดับพื้นที่ด้วยความมุ่งมั่น อดทนและเสียละเพื่อช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ให้กับประชาชนในด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย การสร้างความปลอดภัยให้สังคม โดยการจัดกิจกรรมวันนี้ มีผู้บริหารศูนย์ อปพร. / เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ / ผู้นำ อปพร.และสมาชิก จากจังหวัด ชลบุรี,ระยอง,จันทบุรี และ จังหวัดตราด ร่วมกิจกรรมรวม 270 คน


ภาพ/ข่าว : จรัล บรรยงคเสนา (ผู้สื่อข่าว จ.จันทบุรี) / นายพรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

จันทบุรี แถลงผลการจับกุมผู้กระทำผิดจำหน่ายทุเรียนด้อยคุณภาพ และ ผู้ต้องหาลักทรัพย์ขโมยทุเรียนชาวสวนผลไม้ หลอกขายทุเรียนอ่อน สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจ

วันนี้ (31 มี.ค.2564) นายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี พร้อมด้วย พล.ต.ต.จรัล จิตเจือจุน รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี นำส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมกันแถลงข่าวการดำเนินคดีเกี่ยวกับทุเรียนอ่อนในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี ตามที่ชุดเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาทุเรียนด้อยคุณภาพออกสู่ตลาด จ.จันทบุรีบูรณาการความร่วมมือออกสุ่มตรวจจับกุมผู้กระทำผิด รวมพื้นที่ 4 อำเภอ  ประกอบด้วย  1.พื้นที่ สภ.ท่าใหม่ วันที่ 17 มี.ค.64 นายมนตรี ล้วนปิยะกุล ได้ซื้อทุเรียนพันธุ์กระดุมจากล้งซูเหมย หรือแผงชูเหมย ตลาดรับซื้อผลไม้เนินสูง ต.เขาวัว อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี กับนายซูน เจงเจีย (Sun Gengjia) น้ำหนักทั้งหมด 181 กิโลกรัม ราคากิโลกรัมละ 185 บาท รวมเป็นเงิน 33,485 บาท ซึ่งทุเรียนดังกล่าวเป็นทุเรียนอ่อน  มีค่ามาตรฐานต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดเพียง 24 เปอร์เซ็นต์

2.พื้นที่ สภ.เมืองจันทบุรี วันที่ 20 มี.ค.64 นายนิพนธ์ วิสุทธาภรณ์ ตำแหน่ง ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดจันทบุรี ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์จากนางสาวเชาวนี วิเสโส ตำแหน่ง นักวิชาการเกษตร สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 จันทบุรี ว่าได้เข้าตรวจสอบโรงคัดบรรจุทุเรียน แผงน้องเอ ต.ท่าช้าง อ.เมืองจันทบุรี จ.จันทบุรี พบทุเรียนพันธุ์กระดุมทองในโรงคัดบรรจุ จำนวน 3 ตัวอย่าง ตัวอย่างที่1 น้ำหนักเนื้อแห้ง 28 (ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน) ตัวอย่างที่ 2 น้ำหนักเนื้อแห้ง 19 % ตัวอย่างที่ 3 น้ำหนักเนื้อแห้ง 18% (ไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน) ซึ่งคุณภาพผลผลิตแยกตามสายพันธุ์นั้น ทุเรียนพันธุ์กระดุมทอง น้ำหนักเนื้อแห้งขั้นต่ำต้องได้ 27% ซึ่งทุเรียนพันธุ์กระดุมทองไม่ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด / ต่อมาเวลาประมาณ 17.30 น. ของวันเดียวกัน นายนิพนธ์ วิสุทธาภรณ์ กับพวก ได้เข้าไปในโรงคัดบรรจุทุเรียน แผงน้องเอ จากนั้นได้ตรวจยึดทุเรียนพันธุ์กระดุมทอง จำนวน 40 ลูก จาก น.ส.เนตรนภา แปงพัว  ผู้แสดงตนเป็นผู้ครอบครอง ขณะบรรจุในกล่องกระดาษเพื่อเตรียมส่งออกไปขายประเทศจีน และได้นำทุเรียนดังกล่าวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองจันทบุรี ร้องทุกข์กล่าวโทษ พนักงานสอบสวนได้รับไว้เป็นคดีอาญาที่ 660/2564 พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหา ให้มาพบในวันที่ 31 มี.ค.64 เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป หากผิดจริง จะถูกดำเนินคดีจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำและปรับ

3.พื้นที่ สภ.นายายอามเมื่อวันที่ 28 มี.ค.64  มีเจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง โดยนายนิพนธ์ วิสุทราภรณ์ ร่วมกับ เจ้าพนักงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยนายธัญสิทธิ์ ชาติวิริยะพงษ์กับพวกรวม 3 คน และ พ.ต.ต.ชนินท์วิชญ์ แสงสุวรรณ สวป.สภ.นายายอาม ได้ร่วมกันตรวจสอบโรงงานคัดแยกสินค้าเกษตร (ล้งมาโนช (ระยอง)) ต.วังโตนด อ.นายายอาม จ.จันทบุรี ผลการตรวจสอบพบทุเรียนพันธุ์ชะนีด้อยคุณภาพ จำนวน 192 ลูก ซึ่งมีเปอร์เซ็นต์น้ำหนักแห้งต่ำกว่ามาตรฐานที่กำหนด คือ 20,28 เปอร์เซ็นต์ (มาตรฐานที่กำหนด 30 เปอร์เซ็นต์) พบนายสืบพงศ์ สำเร็จ ผู้จัดการล้งมาโนช (ระยอง) แสดงตัวเป็นผู้ครอบครองล้งมาโนช (ระยอง) และยินยอมให้ตรวจยึดอยู่ที่ล้งดังกล่าวต่อมาเมื่อวันที่ 30 มี.ค.64 นายสืบพงษ์ สำเร็จ ได้เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนและรับทราบข้อกล่าวหา “พยายามขายของโดยหลอกลวงด้วยประการใด ๆ ให้ผู้ซื้อหลงเชื่อในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพหรือปริมาณแห่งของนั้น อันเป็นเท็จ” นายสืบพงษ์ฯ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ขณะนี้อยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานและสรุปสำนวนการสอบสวนตามลำดับต่อไป

4.พื้นที่ สภ.มะขามเมื่อวันที่ 29 มี.ค.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สืบสวน 2 บก.สส.ภ.2 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มะขาม ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหา จำนวน 3 คน ดังนี้ 1.นายธวัชชัยร หรือแจ็ค เปรมปรีชา อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 224/3 หมู่ 1 ต.มะขาม อ.มะขามจ.จันทบุรี 2.นายนนทวัฒน์หรือวัต รุประมาณ อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 36/19 หมู่ 5 ต.ปัถวี อ.มะขาม จ.จันทบุรี3.นายชยางกูรหรือแฟ้ม เปรมปรีชา อายุ 15 ปี อยู่บ้านเลขที่ 224/3 หมู่ 1 ต.มะขาม อ.มะขาม จ.จันทบุรี โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะหรือรับของโจร และเสพยาเสพติดโทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย”พร้อมตรวจยึดของกลาง ประกอบด้วย

1.ทุเรียนพันธุ์หมอนทอง จำนวน 45 ลูก

2.ทุเรียนพันธุ์นวลทองจันทร์ จำนวน 10 ลูก

3.รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า สีน้ำตาล เลขทะเบียน ขจพ 531 จันทบุรี จำนวน 1 คัน

4.รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ยี่ห้ออีซูซุ สีน้ำเงิน ทะเบียน บม 5280 จันทบุรี จำนวน 1 คัน

5.มีดตัดทุเรียน จำนวน 1 เล่ม

ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาพฤติการณ์แห่งคดี ก่อนเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากนายไชยา ศรีบุษญ์ เจ้าของสวนทุเรียนว่ามีคนร้ายลักลอบตัดทุเรียนในสวนเป็นประจำในช่วงเวลากลางคืน ต่อมาตามวันเวลาที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ไปตรวจสอบบริเวณเพิงพักไม่มีเลขที่ หมู่ 10 ต.ปัถวี อ.มะขาม จ.จันทบุรี พบผู้ต้องหาอยู่ในที่เกิดเหตุและมีลักษณะมั่วสุม จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่และขอทำการตรวจปัสสาวะ เบื้องต้นผลเป็นบวก และสอบถามเรื่องการลักลอบตัดทุเรียน ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนให้การรับสารภาพว่าได้แอบลักลอบตัดทุเรียนจากสวนของนายไชยาฯจริงและรับว่าได้ทำการลักทรัพย์ทุเรียน มาจำนวน 5 ครั้งแล้ว และพาเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจยึดทุเรียนของกลางที่ตัดแล้วไปซุกซ่อนบริเวณใกล้เคียง จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมด้วยของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินตามกฎหมายต่อไป

จันทบุรี - พบเด็กป่วย ‘โรคเบอรี่ซินโดม’ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ มูลนิธิพระพุทธบาทพลวงและคณะสงฆ์จังหวัดจันทบุรี เข้าช่วยเหลือเบื้องต้น

ที่บ้านพักของครอบครัวผู้ยากไร้ ที่อาศัยสวนผลไม้ของญาติในบ้านที่ไม่มั่นคง อาชีพรับจ้างทำสานผลไม้ และ รับจ้างทั่วไป ของครอบครัว ศรีบุรุษ ในหมู่บ้านพังตะแคง หมู่ที่ 7 ต.พลวง อ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี พระครูประดิษฐ์ ศาสนการ เจ้าอาวาสวัดทุ่งตาอินท์ ประธานที่ปรึกษามูลนิธิพระพุทธบาทพลวง / พระครูพุทธบท บริบาล ประธานมูลนิธิพระพุทธบาทพลวง / พระครูปลัดน้ำ มันตะชาโต เลขามูลนิธิพระพุทธบาทพลวง พร้อมด้วย คณะกรรมการฯ ได้เดินทางเข้าเยี่ยมครอบครัว ของ นายสถาพร  ศรีบุรุษ ( น้องอ๋อ ) ที่ป่วยเป็นโรคเบอรี่ซินโดรม ซึ่งเป็นโรคที่รักษาหายยาก เคยเข้ารักษาแล้วแต่ไม่มียารักษาให้หายขาด ต้องใช้เวลา สภาพแวดล้อม และการเอาใจใส่ของคนในครอบครัว

ซึ่งโอกาสเกิดโรคนี้ในประเทศไทย น้อยมากถือว่าเป็น 1 ในล้าน สถิติที่ผ่านมาส่วนใหญ่ที่พบเจอ จะเป็นโรค ดาวน์ซินโดม แต่ผู้ป่วย โรคเบอรี่ซินโดม จะมีอาการหนักกว่า สาเหตุอาจเป็นไปได้หลายทาง ทั้ง พันธุ์กรรมที่มีโครโมโซนเกินจากเด็กปกติทั่วไป หรือ ช่วงตั้งครรภ์ได้รับผลกระทบ ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีพัฒนาการล่าช้า มีใบหน้าเป็นลักษณะเฉพาะที่เห็นชัดถึงความแตกต่างจากเด็กปกติทั่วไป  อาการ จะลักษณะคล้ายเด็กที่ป่วยเป็นดาวซินโดม แต่ จะหนักกว่าตรงที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย และ จะนิ่งเฉย ขณะเดียวกัน บิดา – มารดา เป็นครอบครัวที่ยากไร้ อาศัยญาติ พี่ น้อง ปลูกสร้างบ้านที่ไม่มั่นคง ต้องรับจ้างทั่วไปรายวันเพื่อเลี้ยงครอบครัว ที่มีน้องชายอีก 1 คน เวลาออกไปทำงาน พ่อ แม่ ต้องนำน้องอ๋อ นั่งรถซาเล้งออกไปดูแลอยู่ใกล้ ๆ เพราะหากปล่อยทิ้งไว้ก็อาจเกิดอันตรายเพราะเด็กไม่รู้สึกตัวเองเลย และช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เหมือนเด็กที่ป่วยเป็นดาวน์ซินโดม

ซึ่งหากปล่อยให้เด็กเสียชีวิตไปโดยไม่เหลียวแลก็ดูเหมือนจะผิดนิสัยมนุษย์เมื่อลูกเกิดมาแล้ว สภาพร่างกายแบบไหน พ่อ แม่ ก็ต้องพร้อมเลี้ยงดูจนถึงที่สุด ถึงแม้ชีวิตจะยากลำบาก ยากจนข้นแค้นอยู่แล้ว แต่ก็ต้องทนรับสภาพ ในการที่ มูลนิธิพระพุทธบาทพลวงและคณะสงฆ์จังหวัดจันทบุรีเข้ามาช่วยเหลือเบื้องต้น ทั้งการต่อเติมที่อยู่อาศัยให้มั่นคง หลบแดด ลม ฝนได้ และ อาหารเครื่องอุปโภคบริโภคที่นำมาให้สามารถแบ่งเบาภาระได้ระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม หากผู้มีจิตศรัทธาประสงค์จะทำบุญช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่ยากไร้ ลำบาก สามารถร่วมบริจาคสมทบได้ที่มูลนิธิพระพุทธบาทพลวง หรือที่วัดพลวง และ วัดทุ่งอินท์ อ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี

ภาพ/ข่าว จรัล บรรยงคเสนา  (ผู้สื่อข่าว จ.จันทบุรี)

นายพรเทพ เขม้นเขตวิทย์ (รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก)

จันทบุรี - ผู้บัญชาการทหารเรือตรวจเยี่ยมการฝึกการสนธิกำลังดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริงในการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2564 ที่สนามบ้านจันทเขลม อ.เขาคิชฌกูฏ

วันนี้ ( 9 เม.ย.64 ) สนามฝึกกองทัพเรือ หมายเลข 16 บ้านจันทเขลม อำเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี พลเรือเอก ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ พร้อมคณะนายทหารระดับสูงของกองทัพเรือ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมการฝึกการสนธิกำลังดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง ในการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2564 โดยมี พลเรือเอก สิทธิพร มาศเกษม รองผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะ ผู้อำนวยการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2564 พลเรือโท รณรงค์ สิทธินันท์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ตลอดจนข้าราชการระดับสูงในพื้นที่ ให้การต้อนรับ ซึ่งการตรวจเยี่ยมการฝึกของผู้บัญชาการทหารเรือ และคณะในวันนี้ นอกจากจะทำให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพเรือ ได้รับทราบรายละเอียดการปฏิบัติในการฝึก และทราบถึงขีดความสามารถ ตลอดจนความพร้อมในการปฏิบัติการของหน่วยต่าง ๆ ที่เข้ารับการฝึกแล้ว ยังเป็นแนวทางที่เปิดโอกาสให้ผู้ใต้บังคับบัญชาได้ใกล้ชิดผู้บังคับบัญชาชั้นสูง อันจะเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับกำลังพลที่เข้ารับการฝึกกองทัพเรือ ได้ตระหนักในหน้าที่หลัก ด้านการเตรียมความพร้อมของกำลังรบทางเรือเพื่อการป้องกันประเทศ

โดยการพัฒนากำลังพลและระบบยุทโธปกรณ์ให้มีความพร้อมในการปฏิบัติการทางทหาร ในฐานะหน่วยงานหลักด้านความมั่นคงทางทะเลของประเทศไทย ในการเตรียมกำลังให้เกิดความพร้อม เพื่อปฏิบัติตามแผนป้องกันประเทศผ่านการฝึก ทั้งนี้ กองทัพเรือได้กำหนดให้หน่วยกำลังรบในทุกระดับ ดำเนินการเตรียมความพร้อมในระดับหน่วยตามความเชี่ยวชาญเฉพาะของกิจที่ได้รับ จนถึงการบูรณาการกำลังขนาดใหญ่เข้าด้วยกัน เพื่อฝึกการปฏิบัติการภายใต้สถานการณ์การฝึกตามแผนป้องกันประเทศในแต่ละด้าน โดยกำหนดแนวคิดหลักอ้างอิงจากสถานการณ์ที่มีโอกาสเกิดขึ้นมากที่สุดไว้ในการฝึกกองทัพเรือประจำปี ซึ่งนอกจากจะเป็นการเตรียมความพร้อมของกำลังรบในการปฏิบัติการแล้ว การฝึกกองทัพเรือยังเป็นการทดสอบแผนการปฏิบัติระบบการควบคุมการบังคับบัญชา ระบบการสื่อสารและระบบการส่งกำลังบำรุงในภาพรวม ตลอดจนเป็นการทดสอบการปฏิบัติการร่วมระหว่างเหล่าทัพอีกด้วยในส่วนของการฝึกภาคสนามและภาคทะเลของการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2564 กำหนดจัดให้มีขึ้น ระหว่างวันที่ 19 มีนาคม ถึง 9 เมษายน 2564 ในพื้นที่ทะเลอันดามัน และอ่าวไทย

ซึ่งกองทัพเรือ กำหนดให้มีรายการฝึกที่สำคัญคือ การฝึกยิงอาวุธปล่อยนำวิถี พื้น - สู่ - พื้น Harpoon Block 1C การฝึกปฏิบัติการยุทธ์สะเทินน้ำสะเทินบก การฝึกยิงตอร์ปิโดจากเฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำ รวมถึงการฝึกสนธิกำลังดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง ในการฝึกเป็นหน่วยกรมผสมของกองพลนาวิกโยธิน บริเวณสนามฝึกกองทัพเรือ หมายเลข 16 บ้านจันทเขลม อำเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี การฝึกเป็นหน่วยกรมผสมของกองพลนาวิกโยธิน มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาความรู้ ความสามารถของกำลังพลส่วนต่าง ๆ ทางยุทธวิธีในสงครามตามแบบ และเพื่อเป็นการทดสอบความพร้อมรบของหน่วยระดับกรม กองพัน หน่วยขึ้นตรง กองพลนาวิกโยธิน ให้เกิดความคุ้นเคย รวมทั้งเพิ่มประสบการณ์ในเรื่องการจัดทำแผนการฝึกปัญหาที่บังคับการ การดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง และการควบคุมบังคับบัญชา การประสานการยิงสนับสนุนอากาศ - พื้นดิน การติดต่อสื่อสาร การต่อต้านข่าวกรองของข้าศึก และการประสานการปฏิบัติร่วมกันให้มีความเข้าใจในหน้าที่ของกันและกัน โดยมีหัวข้อการฝึกที่สำคัญ คือ การฝึกแลกเปลี่ยน/ปรับมาตรฐาน (ปืนใหญ่) การฝึกแลกเปลี่ยน/ปรับมาตรฐาน (ทหารราบ) การฝึกยิงจรวดนำวิถี TOW การสนับสนุนทางอากาศ การส่งกลับสายแพทย์ และการฝึกดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง ซึ่งกำลังที่เข้าร่วมฝึกจัดจาก กองพันทหารราบที่ 1 กองพันทหารราบที่ 6 กองพันรถถัง กองพันรถสะเทินน้ำสะเทินบก และกองพันลาดตระเวน ในสังกัดกองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ประกอบด้วย กำลังทหารนาวิกโยธิน พร้อมยุทโธปกรณ์ อาทิ ปืนใหญ่ ขนาด 155 มม. ปืนใหญ่ขนาด 105 มม. ปืนต่อสู้อากาศยาน ขนาด 40/60 มม. ยานเกราะล้อยาง แบบ BRT รถสะเทินน้ำสะเทินบก (AAV) และรถฮัมวี่ติดจรวดนำวิถี TOW กำลังจากกองพันรักษาฝั่งที่ 12กรมรักษาฝั่งที่ 1 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง พร้อมยุทโธปกรณ์ คือ ปืนใหญ่รักษาฝั่ง ขนาด 155 มม. รวมถึงกำลังและยุทโธปกรณ์จากกองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ และกรมแพทย์ทหารเรือ

นอกจากนั้นยังมีกำลังของกองทัพบกเข้ารวมทำการฝึกในครั้งนี้ ซึ่งจัดจากกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ประกอบด้วยรถถังและยานเกราะล้อยาง อีกจำนวนหนึ่ง การฝึกภาคสนาม/ภาคทะเล ในการฝึกกองทัพเรือ ได้มีการเชิญกองทัพบกและกองทัพอากาศจัดกำลังเข้าร่วมการฝึกตามรายการต่าง ๆ ซึ่งกองทัพเรือได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องและได้รับการตอบรับที่ดีจากทุกเหล่าทัพในทุกครั้ง ซึ่งจะทำให้ทราบถึงคุณลักษณะและขีดความสามารถของกำลังรบจากเหล่าทัพต่าง ๆ อันจะนำไปสู่การวางแผนการใช้กำลังทางทหารและการปฏิบัติการรบร่วมที่มีประสิทธิภาพเกิดประสิทธิผลในการป้องกันประเทศในอนาคต ตามวิสัยทัศน์กองทัพไทยที่ “เป็นกองทัพชั้นนำในภูมิภาคมีนวัตกรรมทันสมัย ปฏิบัติการร่วมอย่างมีประสิทธิภาพทุกมิติ” และสร้างความสมัครสมานสามัคคี อันจะนำไปสู่ความเข้มแข็งของกองทัพไทยในภาพรวม ตามคำขวัญของกองทัพเรือที่ว่า “พลังสามัคคี พลังราชนาวี”


ภาพ/ข่าว จรัล บรรยงคเสนา  ผู้สื่อข่าว จ.จันทบุรี

นายพรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

จันทบุรี - ชุดเฉพาะกิจป้องกัน และแก้ไขปัญหาทุเรียนด้อยคุณภาพออกสู่ตลาด หลังมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความขายทุเรียนด้อยคุณภาพ

นายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีได้สั่งการให้ชุดเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาทุเรียนด้อยคุณภาพออกสู่ตลาดจังหวัดจันทบุรีนำโดยนายบัญชา จันทร์ณรงค์ ป้องกันจังหวัดจันทบุรี บูรณาการทหาร ตำรวจ เกษตร ฝ่ายปกครองอำเภอท่าใหม่ เจ้าหน้าที่สวพ.6 อส.จังหวัดจันทบุรี เข้าตรวจสอบแผงทุเรียนริมทางข้างถนนสุขุมวิท เลยตลาดเนินสูงก่อนถึงโค้งท่าจุ้ย หลังมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจภูธรท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี ว่าแผงดังกล่าวขายทุเรียนอ่อนด้อยคุณภาพ จากการตรวจสอบพบว่าที่แผงมีทุเรียนกองอยู่เป็นจำนวนมาก

จากการสอบถาม นางสาวสุวรรณา แจ่งแสงทอง อายุ 65 ปี รับเป็นเจ้าของแผง จากการสอบถามทางเจ้าของแผงได้รับสารภาพว่าตนเองซื้อทุเรียนอ่อนที่ถูกลมพายุพัดร่วงหล่นมาเพื่อกวนและนำไปแปรรูป แต่ถ้ามีลูกค้ามาขอซื้อจะติดป้ายราคากิโลละ 80 บาทจริง และถ้ามีลูกค้ามาจอดซื้อก็จะขายให้โดยอ้างว่าได้แจ้งลูกค้าแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ฯ จึงได้มีการทำหนังสือบันทึกข้อตกลงว่าจะไม่นำทุเรียนที่เตรียมแปรรูปกว่า 3 ตันออกมาขายหลอกลวงผู้บริโภคอีก พร้อมทั้งนำสแลมปิดร้านงดจำหน่ายสินค้า ส่วนคดีผู้บริโภคเข้าแจ้งความไว้ทางพนักงานสอบสวนจะออกหมายเรียก และจะเรียกไปรับทราบข้อกล่าวหาอีกครั้งลงโทษตามกฎหมายต่อไป

ด้านนายชลธี นุ่มหนู ผอ.สวพ.6  จันทบุรีที่ได้ลงพื้นที่ตรวจทุเรียนอ่อนด้วยตนเองกล่าวว่า หลังเจ้าหน้าที่รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าใหม่ ว่ามีผู้บริโภคมาแจ้งความถูกหลอกขายทุเรียนอ่อนจึงได้จัดเจ้าหน้าที่ฯพร้อมอุปกรณ์การตรวจหาเปอร์เซนต์แป้งมาตรวจสอบ โดยสุ่มนำทุเรียนจำนวน 2 ลูกมาทดสอบด้วยเครื่องมือหาเปอร์เซนต์แป้งน้ำตาล พบว่าทุเรียนมีเปอร์เซนต์แป้งเพียง 13% โดยมาตรฐานจะต้องมีเปอร์เซนต์แป้งไม่น้อยกว่า 32% หลังจากนี่ได้แนะนำผู้ซื้อให้แจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของแผงเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของทุเรียนจันทบุรี ฝากถึงประชาชนที่มาซื้อทุเรียนไปรับประทานหรือซื้อฝากญาติให้เลือกทุเรียนที่แก่จัดถึงจะรับประทานอร่อย  ข้อสังเกต ง่าย ง่าย ที่ผิวเปลือกของทุเรียนจะต้องแห้ง ร่องหนามเป็นสีน้ำตาล ปลายหนามแห้ง และสังเกตขั้วของทุเรียนจะต้องเปล่ง อวบ และแข็ง หากเป็นไปได้ ลองนำมีดเฉือนที่ปลายขั้วทุเรียนบาง ๆ และ ชิมรสชาดจะมีความหวานที่ปลายขั้วทุเรียน


ภาพ/ข่าว จรัล บรรยงคเสนา  ผู้สื่อข่าว จ.จันทบุรี

นาย  พรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

จันทบุรี - “ตม.จันทบุรี จับกุมแก๊งเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว (กัมพูชา)”

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ ผบก.ตม.๓, พ.ต.อ.ทรงโปรด สิริสุขะ รอง ผบก.ตม.๓, พ.ต.อ.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ รอง ผบก.ตม.๓, พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตี้ยสุด รอง ผบก.ตม.๓, พ.ต.อ.หฤษฎ์ เอกอุรุ รอง ผบก.ตม.๓ และ ว่าที่ พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย ผกก.สส.บก.ตม.๓ พร้อมชุดสืบสวนฯ ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคนร้าย ดังนี้ 

 1. ตม.จันทบุรี จับกุมแก๊งเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว (กัมพูชา)

 ด้วย ตม.จันทบุรี ได้สืบทราบว่ามีการลักลอบขนคน และเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว โดยทราบว่าคนร้ายใช้รถยนต์กระบะโตโยต้าสีเทา ในการกระทำความผิดและมีเส้นทางผ่านพื้นที่ อ.เมืองจันทบุรี จึงได้ทำการสืบสวนจนกระทั่งทราบว่าจะมีการลักลอบขนคนเข้ามา

ในพื้นที่ จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและได้ออกตรวจพื้นที่ ต่อมาได้พบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า สีเทา มีลักษณะตำหนิรูปพรรณตรงตามข้อมูลข่าวสาร จึงได้ทำการขับรถติดตาม ปรากฏว่ารถคันดังกล่าวใช้ความเร็ว จึงได้ติดตามสกัดและเรียกตรวจสอบ ผลปรากฏว่าพบนายโสภณ อายุ ๓๒ ปี สัญชาติไทย เป็นผู้ขับขี่ และมีคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาอยู่ในรถคันดังกล่าวอีกจำนวน ๕ คน ตรวจสอบพบว่ามีหนังสือเดินทางถูกต้อง จากการสอบถามรับสารภาพว่า คนต่างด้าวทั้งหมดมาจากท่าเรือ ต.บางพระ อ.เมือง จว.ตราด โดยประสงค์จะเดินทางไปที่ ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จว.จันทบุรี เพื่อหางานทำงาน ชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหา นายโสภณ ว่ากระทำความผิดฐาน “เคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว (กัมพูชา) เข้ามาในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีโดยผิดกฎหมาย และไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ที่สั่งห้ามผู้ใดกระทำการหรือไม่ดำเนินการใด ๆ ซึ่งอาจก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะเป็นเหตุให้โรคติดต่อแพร่ระบาดออกไป” พร้อมยึดรถยนต์ ไว้เป็นของกลางในคดี นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.มะขาม เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย โดยในการนี้จะได้ขยายผลว่ากลุ่มดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการลักลอบขนคนงานหรือไม่เพื่อขยายผลดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องต่อไป

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณอย่างยิ่ง

จันทบุรี – เดินหน้าฉีดวัคซีน ‘ซิโนแวค’ บุคลากรทางการแพทย์ไปแล้วกว่า 6,000 ราย มีอาการข้างเคียงแค่ 4 – 5 คน ส่วนโรงพยาบาลรองรับผู้ป่วยได้ 333 เตียง เปิดโรงพยาบาลสนามรักษาผู้ป่วยแล้วที่บ้านจันทเขลม

แพทย์หญิงกนกพร สวัสดิชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสนาม จังหวัดจันทบุรี เปิดเผยว่า ตามที่จังหวัดจันทบุรีได้รับจัดสรรวัคซีนป้องกันโควิด -19 ซิโนแวครวม 2 รอบจำนวน 12,840 โดส และได้ฉีดให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ ผู้เกี่ยวข้อง ด่านหน้าไปแล้วจำนวน 6,420 ราย ซึ่งส่วนใหญ่มีอาการปกติ มีเพียงประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ที่ได้รับผลข้างเคียง ปวดกล้ามเนื้อ เมื่อยเนื้อ เมื่อยตัว แต่อาการแพ้น้อยกว่าการรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ และมีอาการชา แต่ไม่อ่อนแรงประมาณ 4 – 5 คน แต่ก็หายเป็นปกติแล้ว สำหรับอาการป่วยของผู้ติดเชื้อในรอบนี้พบว่าน่าเป็นห่วงเนื่องจากไม่มีอาการ และพบผู้ป่วยในกลุ่มคนอายุน้อย ผู้ป่วย 1 ใน 4 มีอาการรุนแรงปอดบวมต้องให้ยาต้านไวรัสฟาวิพิราเวียร์ แต่ทางโรงพยาบาลก็ยังมียาต้านไวรัสเพียงพอต่อการรักษา

ทั้งนี้ จังหวัดจันทบุรีได้มีแผนรองรับการรักษาผู้ป่วยไว้อย่างพอเพียงมีเตียงรวม 333 เตียง แยกเป็นที่โรงพยาบาลพระปกเกล้า 92 / โรงพยาบาลสองพี่น้อง 31 เตียง และ โรงพยาบาลสนาม บ้านจันทเขลม  210 เตียง อย่างไรก็ตามในขณะนี้ทางโรงพยาบาลได้มีการกักตัวแพทย์ และ บุคลากรทางการแพทย์ไปบางตึกเนื่องจากมีผู้ป่วยเข้ามารักษาและปกปิดข้อมูลส่งผลให้แพทย์ พยาบาล และ บุคลากรทางการแพทย์ต้องกักตัวเองดังนั้นหากผู้ป่วยที่รู้ตัวว่าเสี่ยงเมื่อเข้ามารักษาที่โรงพยาบาลขอให้เปิดเผยข้อมูลความเป็นจริงเพื่อป้องการแพร่ระบาดของโรค รวมทั้งการระบาดรอบนี้น่ากลัวกว่ารอบที่ผ่านมา จึงขอให้ชาวจันทบุรีทุกคนต้องป้องกันตัวเองเป็นอย่างดี ตั้งการ์ดสูง ใส่หน้ากากอนามัย ขยันล้างมือ เว้นระยะห่าง อย่างจริงจัง และเวลาถอดหน้ากากอนามัยที่ถูกต้องต้องจับที่บริเวณสายของหน้ากาก อย่าไปสัมผัสบริเวณด้านหน้าเนื่องจากมืออาจมีเชื้อโรคและทำให้ติดโรคได้     


ภาพ/ข่าว จรัล บรรยงคเสนา  ผู้สื่อข่าว จ.จันทบุรี

นายพรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

จันทบุรี - ตรวจคัดกรองเข้มกลุ่มเสี่ยงสัมผัสผู้ป่วย คลัสเตอร์งานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่ คลองนารายณ์ หลังพบผู้ติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อน ขณะที่สถิติพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีก 7 คน

 

วันนี้ ( 23 เม.ย.64 ) ที่เทศบาลตำบลพลับพลานารายณ์ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข แพทย์ พยาบาล ฝ่ายปกครอง กำนัน – ผู้ใหญ่บ้านได้นำลูกบ้านในพื้นที่ตำบลคลองนารายณ์ที่ไปร่วมงานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่ในพื้นที่ตำบลคลองนารายณ์แล้วพบการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนรวม 16 คน จึงประชาสัมพันธ์เชิญชวนกลุ่มผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยมาคัดกรองเพื่อป้องกัน ยับยั้งการแพร่ระบาดในพื้นที่ และได้รับความร่วมมืออย่างดีจากชาวบ้านในพื้นที่มาขอตรวจคัดกรองจนเกินจำนวนเป้าหมาย และต้องนัดหมายอีกรอบในวันจันทร์ที่ 26 เมษายน ขณะที่การคัดกรองเชิงรุกพื้นที่เสี่ยงการแพร่ระบาดจะมีการตรวจคัดกรองอย่างต่อเนื่องทั้งในโรงพยาบาลพระปกเกล้าทุกวัน หรือ ที่เทศบาลเมืองท่าช้างทุกวันอังคาร

ขณะที่ข้อมูลสถิติ วันนี้พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 7 ราย รวมสะสมจากคลัสเตอร์ใหม่ 103 ราย กำลังรักษา 93 ราย และ รักษาหายกลับบ้านแล้ว 10 ราย แยกเป็นอำเภอในคลัสเตอร์ใหม่พบผู้ติดเชื้อรวม 8 อำเภอ ยกเว้น อำเภอนายายอาม และ อำเภอแก่งหางแมว ที่ยังไม่มีผู้ติดเชื้อตัวเลขเป็น 0 อย่างไรก็ตามจังหวัดจันทบุรีได้เน้นย้ำประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของสาธารณะสุขอย่างเข้มข้น ใส่หน้ากาก 100 เปอร์เซ็นต์ ตั้งการ์ดป้องกันสูงสุด หากกังวลใจมีข้อสงสัยสามารถโทรสอบถามได้ที่สายด่วน Hotline กรมควบคุมโรค 1422 หรือ ที่สาธารณสุขจังหวัดจันทบุรี 039 328337 และ 082 – 2323850      


ภาพ/ข่าว จรัล บรรยงคเสนา  ผู้สื่อข่าว จ.จันทบุรี

นาย  พรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

จันทบุรี - ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ประชุมหารือฝ่ายความมั่นคง หาทางแก้ปัญหาผลกระทบกรณีการสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง ฝั่งจังหวัดไพลิน กัมพูชา ที่กระทบต่อกระแสน้ำและเขตแดน

วันนี้ ( 23 เม.ย.64 ) ที่ห้องประชุม ชุดควบคุมทหารพรานนาวิกโยธินที่ 4 อำเภอโป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี นายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ได้ประชุมหารือแนวทางแก้ปัญหา ผลกระทบกรณีการสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง ฝั่งจังหวัดไพลิน กัมพูชา โดยมี พลเรือตรีปริญญาธรรม พูลพิทักษ์ธรรม รองผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด  นาวาเอกสมเกียรติ ม่วงมี ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ซึ่งนาวาเอก ศราวุธ บุตรเสรีชัย หัวหน้าชุดควบคุมทหารพรานนาวิกโยธินที่ 3 ให้การต้อนรับและบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่

โดยเบื้องต้นการหารือครั้งนี้เป็นการตรวจสอบและศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการที่ บริษัท โก ออฟ วิวล์ ฝั่งกัมพูชาได้มาสร้างสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ติดแนวชายแดนและจากการประเมินตามผังการก่อสร้างนั้น ทางฝั่งกัมพูชาจะต้องสร้างผนังกั้นกันน้ำเซาะตลิ่งเพื่อความมั่นคงของโครงสร้าง ซึ่งจากประเมินหากมีการสร้างจริง พื้นที่ริมคลองฝั่งประเทศไทยจะได้รับผลกระทบอาจถูกกระแสน้ำกัดเซาะ ส่งผลกระทบต่อแนวเขตชายแดน การก่อสร้างโรงแรม โก ออฟ วิวล์ ฝั่งกัมพูชาเริ่มมีการก่อสร้างเมื่อปี 2561 ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ทหาร ได้มีการเฝ้าติดตามอย่างต่อเนื่อง เพราะการสร้างสิ่งปลูกสร้างคิดแนวชายแดนนั้นยังมีบางจุดที่ผิดเงื่อนไข ซึ่งจากการที่คณะลงพื้นที่ตรวจสอบได้มีการหารือกับหัวหน้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสรุปข้อมูลทำรายงานส่งคณะกรรมาธิการต่อไป


ภาพ/ข่าว จรัล บรรยงคเสนา  ผู้สื่อข่าว จ.จันทบุรี

นาย พรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

จันทบุรี – สถานการณ์โควิดจังหวัดจันทบุรี ระลอกใหม่ยังพบตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น อาการส่วนใหญ่ไม่หนัก และยังไม่พบผู้เสียชีวิต ส่วนเตียงว่างยังพร้อมรับผู้ป่วยกว่า 200 เตียง

นายแพทย์ อภิรักษ์ พิศุทธ์อาภรณ์ เปิดเผยข้อมูลจากศูนย์ควบคุมโรคติดต่อจังหวัดจันทบุรีว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของผู้ติดเชื้อโควิด -19 ในจังหวัดจันทบุรียังพบตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ทุกวันจากการลงพื้นที่ตรวจเชิงรุกเพื่อค้นหาผู้ติดเชื้อนำมารักษาหยุดยั้งการแพร่ระบาด ส่วนผู้ป่วยที่พบการติดเชื้อส่วนใหญ่ไม่มีอาการ เมื่อนำตัวมาพักรอดูอาการ รักษาในโรงพยาบาลส่วนใหญ่ก็ไม่พบอาการรุนแรง และในรอบนี้ยังไม่มีผู้เสียชีวิต

ทั้งนี้ ระดับเกณฑ์ความรุนแรงของผู้ติดเชื้อโควิด จะแบ่งออกเป็น 4 สี ได้แก่ สีเขียว สีเหลือง สีแดงและสีดำ ซึ่งสีดำก็คือผู้เสียชีวิตซึ่งยังไม่มีในรอบนี้  สีแดงคือผู้ที่อาการหนักที่จะต้องให้ออกซิเจนขนาดสูงหรือต้องจำเป็นต้องใส่ท่อช่วยหายใจ เครื่องช่วยหายใจ รองลงมาก็จะเป็นสีเหลือง จะเป็นอาการไข้สูงและส่วนใหญ่ก็จะมีอาการปอดอักเสบเล็กน้อย ส่วนสีเขียวจะมีอาการน้อยมากหรือไม่มีอาการเลย ในหลักการ ถ้าผู้ป่วยที่มีอาการหนักเป็นสีแดงจะรักษาที่โรงพยาบาลพระปกเกล้า เนื่องจากศักยภาพของแพทย์และเครื่องมือทางการแพทย์มีความพร้อม ส่วนสีเหลืองที่มีอาการปอดอักเสบเล็กน้อยก็จะสามารถให้ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลสองพี่น้องได้และสีเขียวที่มีอาการน้อยมากอย่างเช่น ไอ มีน้ำมูกเล็กน้อยหรือไม่มีอาการเลยจะให้ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลสนามจันท์ประชาร่วมใจ บ้านจันทเขลม จะดูอาการเป็นระยะ ๆ ขณะที่ผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษามีทั้งสิ้น 175  ราย กำลังรักษา 137 ราย รักษาหายกลับบ้านแล้ว 38 ราย 

ขณะที่ข้อมูลสถิติสถานการณ์เตียงที่รองรับผู้ป่วยในจังหวัดจันทบุรีเมื่อวันที่ 27 เมษายน พบว่ายังมีเตียงว่างรองรับผู้ป่วยเพียงพอทั้งโรงพยาบาลรัฐและ โรงพยาบาลเอกชน และโรงพยาบาลสนามที่มีเตียงรองรับผู้ป่วยรวมทั้งสิ้น 333  เตียง โรงพยาบาลรัฐมีเตียงรองรับผู้ป่วยทั้งหมด119 เตียงมีผู้ป่วย 95 เตียง เตียงว่าง 24 เตียง /โรงพยาบาลสนามบ้านจันทเขลมเตียงทั้งหมด 210 เตียง มีผู้ป่วย 16 เตียงคงเหลือเตียงว่าง 194 เตียง ส่วนโรงพยาบาลเอกชนมี 4 เตียง มีผู้ป่วยครองเตียงแล้วทั้ง 4 เตียง


ภาพ/ข่าว จรัล บรรยงคเสนา ผู้สื่อข่าวจ.จันทบุรี

นายพรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top